Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น

Published by Vinitta Hanjai, 2023-08-03 16:15:02

Description: การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านแหล่งการเรียนรู้ในท้องถิ่น

Search

Read the Text Version

การจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ปู ระวตั ศิ าสตร์ผา่ นแหลง่ การเรียนรใู้ นท้องถ่ิน ชื่อผลงานนวัตกรรม/วิธปี ฏบิ ัตทิ เี่ ป็นเลศิ (Best Practices) เร่อื ง ข้าวเชอ่ื มใจ ช่อื ผสู้ อน นางสาววินิตตา หาญใจ โรงเรยี นบา้ นเมืองนะ โทรศัพท์ ๐๘๓-๒๐๒๒๙๙๕ E-mail [email protected] ๑.ความสำคัญของนวัตกรรม/วิธีปฏิบัตทิ เ่ี ป็นเลิศ (Best Practices) การจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์โดยใช้ชมุ ชนเปน็ ฐาน การจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์ฐานชุมชน มฐี านรากมาจากทฤษฎคี อนสตรคั ติวสิ ต์(Constructivist Theory) เปน็ กระบวนการเรียนรู้ทเ่ี นน้ การลงมอื ทำ ใชเ้ ทคนคิ พยากรณ์ และมรี ปู แบบการจัดการเรียนรู้สงั คม ศึกษาแบบบรู ณาการเนอื้ หาตามหลกั สูตรใหเ้ ชอ่ื มโยงกบั ชุมชนโดยใชก้ ารปฏบิ ตั งิ านเปน็ ฐาน ใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การ เรยี นรู้จากการลงมอื ปฏิบัตงิ านจากสถานการณจ์ รงิ ในชุมชน ภายใตก้ ารมสี ่วนรว่ มระหว่างครู ผู้เรยี น และกลุม่ คนในชุมชน ทำใหผ้ เู้ รียนได้รบั ประสบการณต์ รงจากการเรยี นในสถานที่จรงิ และไดเ้ ข้าใจถงึ รากเหงา้ ของ ตนเองและเกดิ ความภาคภูมิใจในตนเอง บริบทชุมชนบา้ นเมอื งนะ ชมุ ชนบ้านเมอื งนะถอื เป็นแหล่งทมี่ คี วามอุดมสมบรู ณ์ดา้ นทรัพยากรดนิ และทรัพยากรนำ้ จงึ ทำให้ พนื้ ท่สี ่วนใหญข่ องชมุ ชนเป็นพน้ื ท่ดี า้ นการเกษตร และมีศักยภาพในการผลิตทางการเกษตร ไดแ้ ก่ ข้าวนาปี งา ขา้ วโพด สับปะรด ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ในช่วงฤดฝู น มีการทำนาปลูกข้าวในพื้นทลี่ มุ่ ท้งั ข้าวเหนยี วและข้าวจา้ ว เพอ่ื ในบรโิ ภคในครวั เรอื นตลอดทัง้ ปี สว่ นในพืน้ ท่ีไร่ มีการทำไรง่ า ถว่ั ลิสง ส่วนพืชสวน ไดแ้ ก่ ลน้ิ จ่ี อะโวคาโด ฯลฯ สมรรถนะสงั คมพหวุ ัฒนธรรม (Multicultural society) สังคมทีป่ ระกอบด้วยกล่มุ คนที่มคี วามแตกต่างและหลากหลายทางวฒั นธรรมและสังคม ไม่ว่าจะเป็น ดา้ นเช้อื ชาติ ศาสนา ภาษา การแตง่ กายวถิ ีการดำเนินชวี ติ พ้ืนท่อี าศยั ทางภูมิศาสตร์ ชนช้ันทางสังคม และยัง หมายรวมถึงบุคคลที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย จิตใจ และกลุ่มท่ีมีความหลากหลายทางเพศ ดังนั้นจงึ อาจกล่าวได้ว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มคี วามเป็นพหุวัฒนธรรม การทำความเข้าใจในประเด็นนี้จึงเป็นสิง่ ที่มี ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจัดการเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกัน ต้องเน้นใหผ้ ู้เรยี นมีความเข้าใจวิถชี ีวติ

แนวคดิ สังคม วัฒนธรรมของกลมุ่ ต่าง ๆ ในสงั คม มีเจตคตแิ ละมีทกั ษะในการปฏิบัตติ ่อผูอ้ นื่ อยา่ งถูกต้อง ส่ิง สำคัญท่ตี อ้ งการให้เกดิ ขึ้นในสังคมพหวุ ัฒนธรรม คอื การลดอคติ ลดความกังวล ความไมเ่ ท่าเทียมและส่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี นอยู่รว่ มกันภายใตค้ วามแตกตา่ ง สภาพปัญหาท่ีผ่านมา บรบิ ทนักเรยี นของโรงเรยี นบา้ นเมอื งนะ เป็นกลุม่ ชาตพิ นั ธทุ์ ี่ประกอบดว้ ย 3 กล่มุ ใหญ่ ไดแ้ ก่ ไทใหญ่ จีน และลาหู่ ซึ่งปัญหาที่พบในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ผ่านมา พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น รวมไปถึงกลุ่มคนชาติพันธุ์อื่นที่ต่างจากตน ซึ่งหากไม่เร่ง ดำเนนิ การแกไ้ ขปญั หาน้ี อาจจะนำมาซึ่งปัญหาความแตกแยกทร่ี นุ แรงต่อไปในชมุ ชนอนาคต ด้วยเหตนุ ผ้ี ้จู ดั ทำจงึ มคี วามสนใจท่ีจะศึกษา การจดั การเรียนรปู้ ระวตั ิศาสตร์เรื่อง “ข้าวเชื่อมใจ”เพื่อ ส่งเสรมิ สมรรถนะสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ของนกั เรียนมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านเมืองนะ ๒.วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายในการดำเนินงาน ๒.๑ เพือ่ เรยี นรปู้ ระวตั ิศาสตร์ ความเป็นมาของชุมชน ผา่ นการเรยี นรเู้ รอ่ื ง ข้าว ๒.๒ เพือ่ สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดสมรรถนะสงั คมพหุวฒั นธรรม ๓.ขน้ั ตอนการดำเนนิ งาน ๓.๑ ศกึ ษาหลักสูตรรกั ษ์ถนิ่ ของโรงเรียนบ้านเมอื งนะ หลกั สตู รการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และเอกสารอนื่ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ๓.๒ ลงพนื้ ท่ีเกบ็ ข้อมลู สำรวจชุมชน สมั ภาษณป์ ราชญ์ชาวบา้ น ๓.๓ วิเคราะหเ์ นอื้ หาและตัวชว้ี ัดควบคู่กบั ข้อมูลจากการสมั ภาษณ์ปราชญช์ าวบา้ น เพื่อเขียน จุดประสงค์การเรียนรู้ ๓.๔ จดั ทำแผนการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์ฐานชุมชน เพื่อส่งเสรมิ สมรรถนะสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ๓.๕ ดำเนนิ การจดั การเรยี นรู้ประวัติศาสตรฐ์ านชุมชน เพือ่ ส่งเสรมิ สมรรถนะสังคมพหวุ ัฒนธรรม ของ นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาตอนต้น ๓.๖ ประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

๔.ผลการดำเนนิ งาน/ประโยชน์ ๔.๑ ผู้เรยี นสามารถวเิ คราะห์เรื่องราวเหตกุ ารณส์ ำคญั ทางประวัตศิ าสตรเ์ ก่ียวกบั “ขา้ วเชอื่ มใจ” ใน ชุมชนไดอ้ ย่างมีเหตผุ ลตามวิธีการทางประวตั ศิ าสตร์ ๔.๒ ผเู้ รยี นมคี วามภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถ่นิ ของตน แมว้ า่ วฒั นธรรมของตนจะ แตกต่างจากวัฒนธรรมอนื่ ๆ ๔.๓ ผู้เรียนเหน็ คณุ ค่าและความแตกตา่ งของวฒั นธรรมอยา่ งหลากหลาย โดยเฉพาะในกลุ่มต่างๆ ที่ ปรากฏทงั้ ในสถานศึกษาและสงั คมโดยรวม ๕.ปจั จยั ความสำเร็จได้รับความช่วยเหลอื และความร่วมมอื จากทกุ ภาคส่วนทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ๕.๑ สพป.ชม.เขต ๓ จัดอบรมเครือข่ายครปู ระวตั ศิ าสตร์ขน้ึ ต้งั แตช่ ่วงก่อนเปดิ ภาคเรียน เพือ่ วางแผนการจัดการ การเรยี นรสู้ าระประวัติศาสตร์และการขับเคลอื่ นส่งเสริมคุณธรรมจรยิ ธรรม และยังนดั หมายติดตามผลเป็น ระยะผา่ นชอ่ งทางออนไลน์ ทงั้ Google Meet และ Line ๕.๒ ผู้บริหาร ใหก้ ารสนับสนุนโดยการอนุญาตให้ครเู ข้ารว่ มการอบรมทเี่ กย่ี วข้องกับการจดั การเรียนรเู้ พือ่ นำมาประกอบใชใ้ นการจัดทำนวัตกรรมท่ีเป็นเลิศ ๕.๓ ชุมชน อำนวยความสะดวกในด้านการเข้าศกึ ษาแหลง่ การเรียนรู้ต่างๆในชุมชน เช่น ท่งุ นา แหล่ง โบราณสถานตา่ งๆ อกี ทงั้ ยังสนับสนนุ บุตรหลานใหเ้ ข้ามามสี ว่ นร่วมในการลงพื้นทเี่ กบ็ ข้อมลู และเรยี นรู้ ประวัติศาสตรข์ องชุมชน และยงั ใหข้ ้อมลู ความรู้ ภูมิปญั ญา โดยผา่ นการบอกเลา่ และสาธติ ๖.บทเรยี นที่ได้รับ สรปุ สงิ่ ที่เรยี นรู้และการปรบั ปรงุ ให้ดขี น้ึ ๖.๑ นกั เรียนได้แสดงความสามารถในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ สง่ เสรมิ การทำงานร่วมกับผู้อืน่ ทม่ี ี ความหลากหลายรู้จกั สรา้ งทางเลือกในการแกป้ ญั หาได้ด้วยตนเอง ใช้เหตผุ ลในการตัดสนิ ใจ ยอมรบั ฟงั ความ

คิดเห็นของผูอ้ นื่ และรจู้ กั รบั ผดิ ชอบในหนา้ ทที่ ีต่ นไดร้ บั มอบหมายซงึ่ ถอื เปน็ แนวทางในการดำเนนิ ชีวติ ประจำวันเพอ่ื การอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่นื ๖.๒ ครคู วรเนน้ การบรู ณาการในการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ทหี่ ลากหลายนอกเหนือจากการ จัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรฐ์ านชมุ ชน ทงั้ การจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์แบบร่วมมอื การจัดการเรยี นรู้ ประวตั ิศาสตร์แบบโครงงานเปน็ ฐาน การจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรฐ์ านการแกป้ ญั หา ฯลฯ เพอื่ ให้สอดคลอ้ ง กับวถิ กี ารดำเนนิ ชวี ติ ของผู้เรียนในบรบิ ททางสังคมและวฒั นธรรมเปน็ หลัก ๖.๓ ผูเ้ รยี นมสี ํานึกดา้ นถิน่ ฐาน (sense of place) หรอื การร้ถู ่ินฐาน (place literacy) และมสี ว่ นใน การรบั ผดิ ชอบและใชค้ วามรทู้ เี่ รยี นตามหลักสูตรไปจดั การประเดน็ ทเี่ ก่ียวกบั “ข้าว”ท่ีเกิดข้ึนในชมุ ชนท่ีตน อาศยั อยู่ การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์ชุมชนในลกั ษณะน้จี งึ รวมไปถึงกิจกรรมการเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ ้เู รยี นได้ลงมอื ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั การศกึ ษาภาคสนาม และการเรยี นรู้แบบโครงงาน สง่ิ สำคญั ทไี่ ดร้ บั คอื การรจู้ ักตัวตนมากข้ึน ซงึ่ นาํ ไปสกู่ ารสร้างความสํานึกตอ่ ชุมชนท้องถิน่ ๖.๔ การจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์โดยใช้ชุมชนเปน็ ฐาน เปน็ การสรา้ งทัศนคติท่ดี ขี องนกั เรียนต่อ รายวชิ าประวัตศิ าสตร์ และสามารถพฒั นาทกั ษะของนกั เรยี น การส่ือสารและปฏสิ มั พันธ์กบั ผ้อู นื่ ทักษะการ คิดสรา้ งสรรค์ ทกั ษะทางอารมณ์ และทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ๖.๕ การศึกษาสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เป็นการศึกษาระดับขนั้ พน้ื ฐานที่จะชว่ ยใหป้ ระชาชนพรอ้ มทง้ั เด็ก และเยาวชน มคี วามเปน็ ผทู้ ี่เปดิ กวา้ ง เกิดความเขา้ ใจ ไมร่ ังเกียจ และยอมรบั ซ่งึ ความแตกตา่ งในเร่อื งของ ความเป็นสงั คมกล่มุ นอ้ ยทมี่ คี วามต่าง ด้านเช้อื ชาติ ภาษา ศาสนา ลทั ธิความเชอ่ื คือ การศกึ ษาสงั คมพหุ วัฒนธรรมทเ่ี กิดในสถานศึกษาระดบั พ้ืนฐานในสงั คม เพื่อช่วยลดความร้สู กึ เหยียดหยามเรอื่ งเชอ้ื ชาติ และ ศาสนา จงึ ช่วยให้สงั คมเข้าใจซ่ึงกนั และกนั ไม่นำเรอื่ งความแตกต่างของวฒั นธรรม เชื้อชาติ ความเช่อื ไปใช้ ในทางที่ผิด ๗.ปญั หาและอุปสรรค ๗.๑ การจัดการเรียนรปู้ ระวตั ิศาสตร์แบบชมุ ชนเป็นฐานเปน็ เรือ่ งที่ท้าทายสำหรบั ผเู้ รยี นมาก พอสมควร ผเู้ รียนอาจจะไม่คนุ้ ชนิ หรอื ไมเ่ ขา้ ใจแนวทางการจัดการเรยี นร้รู ปู แบบนี้ จึงทำใหใ้ นระยะแรกจะใช้ เวลานานเพอื่ อธิบายใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจ ๗.๒ การลงพ้นื ทสี่ ำรวจชุมชนไม่สามารถจดั ทำไดใ้ นชัว่ โมงเรยี น เนอื่ งจากมีเวลาจำกดั ๗.๓ การสรา้ งนวัตกรรมในคร้งั นม้ี ีข้อจำกัดหลายอย่าง ท้งั ดา้ นรูปแบบ แนวทางและระยะเวลาที่ ชดั เจน วิธกี ารนำเสนอผลงาน รวมทัง้ อปุ กรณส์ อื่ เทคโนโลยตี า่ งๆ และงบประมาณทไี่ มเ่ พยี งพอ

๘.วิธกี ารแกไ้ ขปัญหา ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนอื่ ง ๘.๑ การจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์แบบชุมชนเป็นฐาน ควรบรู ณาการกบั วิชาอ่ืนๆ เพอื่ ให้นกั เรียนมี เวลาเพียงพอที่จะออกแบบชน้ิ งานอย่างเตม็ ที่ เปน็ การลดภาระงานของนกั เรยี น และทำให้เกิดการเชื่อมโยง องค์ความรกู้ บั วชิ าต่างๆ ก่อใหเ้ กดิ ความคดิ รวบยอดและมโนทศั น์ตอ่ เรอ่ื งทกี่ ำลังศกึ ษา ๘.๒ การลงพน้ื ทส่ี ำรวจชมุ ชน อาจจะต้องนัดหมายกันนอกเวลาเรยี น เชน่ หลงั เลกิ เรยี นหรอื วันหยดุ เน่ืองจากจะมเี วลาเพียงพอใหเ้ กบ็ ขอ้ มลู ภาคสนามไดอ้ ย่างละเอยี ด ๘.๓ การต่อยอดนวัตกรรมจำเป็นทจี่ ะต้องไดร้ บั การสนบั สนนุ ท้งั เร่อื งวธิ ีการ เทคนิคการจัดทำ นวตั กรรม พื้นทจ่ี ดั แสดงและเผยแพรผ่ ลงาน รวมไปจนถงึ สอ่ื เทคโนโลยีอปุ กรณ์ต่างๆ และงบประมาณท่ี เหมาะสม เพื่อจะขบั เคลือ่ นให้นวัตกรรมเป็นนวตั กรรมตน้ แบบตอ่ ไป ๙.การเผยแพร/่ การไดร้ ับการยอมรบั /รางวัลท่ีไดร้ บั ไดร้ ับการคัดเลอื กจากครูผสู้ อนประวัตศิ าสตร์ในโรงเรยี นและผบู้ รหิ าร ๑๐.คลปิ VDO การขบั เคล่ือนจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์