Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอนงานธุรกิจ ม.6 ชุดที่ 2 (ฉบับนร.)

เอกสารประกอบการสอนงานธุรกิจ ม.6 ชุดที่ 2 (ฉบับนร.)

Published by thitinan1311, 2022-03-04 06:36:50

Description: เอกสารประกอบการสอนงานธุรกิจ ม.6 ชุดที่ 2 (ฉบับนร.)

Search

Read the Text Version

0

1 คำนำ เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานธุรกิจ) รหัสวิชา ง 33101 เรื่อง ธุรกิจน่ารู้ สาหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพูน เล่มน้ีจดั ทาข้ึนตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงาน อาชีพและเทคโนโลยี เพ่ือใช้เป็ นแบบฝึ กของผูเ้ รียน โดยให้ผูเ้ รียนศึกษาเน้ือหาสาระและฝึ กปฏิบัติตาม ข้นั ตอนที่กาหนดไวใ้ นเอกสารประกอบการเรียน โดยมีจุดมุ่งหมายใหผ้ ูเ้ รียนบรรลุจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ของหลกั สูตร เอกสารประกอบการเรียน รายวิชาการ งานอาชีพและเทคโนโลยี (งานธุรกิจ) รหัสวิชา ง 33101 เร่ือง ธุรกิจน่ารู้ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพูน ชุดที่ 2 เรื่อง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เล่มน้ี ไดร้ ับความอนุเคราะห์ จากผูเ้ ชี่ยวชาญในการให้คาปรึกษา และเสนอแนะแนวทางในการจดั ทาจนประสบความสาเร็จ ผูจ้ ดั ทาได้ใช้เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานธุรกิจ) รหสั วิชา ง 33101 เร่ือง ธุรกิจน่ารู้ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพนู ปรากฏวา่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกั เรียนสูงข้ึนและสามารถแกป้ ัญหาการเรียนการสอน ไดเ้ ป็นอยา่ งดี อน่ึง ขอขอบคุณนักวิชาการ ผูท้ รงคุณวุฒิ เจา้ ของเอกสารต่าง ๆ ท่ีผูจ้ ดั ทาได้นามาประกอบ การศึกษาคน้ ควา้ ตลอดจนผมู้ ีส่วนช่วยเหลือใหก้ ารจดั ทาเอกสารเลม่ น้ีสาเร็จดว้ ยดี ฐิตินนั ท์ หล่อเถิน

สารบัญ 2 เร่ือง หน้า คานา 1 สารบญั 2 คาช้ีแจง 3 สาระสาคญั 4 มาตรฐานตวั ช้ีวดั 4 สาระการเรียนรู้ 4 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 5 สื่อการเรียนรู้ 5 แบบทดสอบก่อนเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 6 ใบความรู้ที่ 2.1 เร่ือง ความรู้เก่ียวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 7 ใบกิจกรรมที่ 2.1 เร่ือง ความรู้เก่ียวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 13 ใบงานที่ 2.1 เร่ือง ความรู้เก่ียวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 14 ใบความรู้ท่ี 2.2 เรื่อง รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 15 ใบกิจกรรมที่ 2.2 เร่ือง รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 21 ใบงานที่ 2.2 เร่ือง รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 22 ใบความรู้ท่ี 2.3 เรื่อง ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 23 ใบกิจกรรมท่ี 2.3 เร่ือง ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 28 ใบความรู้ท่ี 2.4 เร่ือง การตลาดสาหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 29 ใบกิจกรรมท่ี 2.4 เรื่อง การตลาดสาหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 34 แบบทดสอบหลงั เรียนรู้ที่ 2 เร่ือง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 35 เอกสารอา้ งอิง 36

3 คำช้แี จง 1. เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี (งานธุรกิจ) รหสั วชิ า ง 33101 เรื่อง ธุรกิจน่ารู้ สาหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพูน ประกอบดว้ ย เอกสารประกอบการเรียน 5 ชุด ดงั น้ี เอกสารประกอบการเรียนท่ี 1 ธุรกิจในชีวติ ประจาวนั เอกสารประกอบการเรียนท่ี 2 ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม เอกสารประกอบการเรียนท่ี 3 การเงินและการบญั ชี เอกสารประกอบการเรียนท่ี 4 การตลาดและพฤติกรรมผบู้ ริโภค เอกสารประกอบการเรียนท่ี 5 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร เพื่องานธุรกิจ 2. เอกสารประกอบการเรียนชุดน้ี เป็นเอกสารประกอบการเรียนท่ี 2 เร่ือง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 3. การศึกษาเอกสารประกอบการเรียนแตล่ ะชุดเอกสารประกอบการเรียน ปฏิบตั ิดงั น้ี 3.1 ทาแบบทดสอบก่อนเรียนประจาชุดเอกสารประกอบการเรียนที่ 2 3.2 อ่านและศึกษาเน้ือหาในใบความรู้ ใหเ้ ขา้ ใจ 3.3ทาใบกิจกรรม 3.4 ทาใบงานตามข้นั ตอนดว้ ยความต้งั ใจและไมด่ ูเฉลยก่อนทา หรือระหวา่ งท่ีทาอยู่ 3.5 เม่ือทาใบงานเสร็จให้ตรวจสอบความถูกตอ้ งจากเฉลย ถา้ ยงั ทาไม่ถกู ใหย้ อ้ นกลบั ไปศึกษาข้นั น้ีอีก คร้ัง 3.6 เมื่อทากิจกรรมและทาใบงานครบท้งั หมดเรียบร้อยแลว้ ใหท้ าแบบทดสอบหลงั เรียนประจาชุดการ จดั การเรียนรู้ที่ 2 3.7 ตรวจสอบความถูกตอ้ งจากเฉลย บนั ทึกคะแนนที่ไดล้ งในกระดาษคาตอบ

4 สาระสาคญั ประเทศต่าง ๆ ทวั่ โลกไดใ้ ห้ความสาคญั ต่อการดาเนินกิจการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม หรือเป็ นที่รู้จกั และเรียกกนั โดยทวั่ ไปว่า “SMEs” เป็ นอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจโดยทว่ั ไปก่อนท่ีจะ ขยายตวั เติบโตเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ไดน้ ้นั ส่วนใหญ่แลว้ พฒั นามาจากการเป็นธุรกิจขนาดเล็กมาก่อน ท้งั สิ้น และโดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเทศไทยเราน้นั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มถือไดว้ ่าเป็นกลุ่ม ธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศ ท่ีมีความสาคญั ต่อกระบวนการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมเป็นอยา่ งมาก ทาใหเ้ กิดการกระจายการพฒั นาในดา้ นต่าง ๆ มิใหก้ ารประกอบการกระจุกตวั อยูแ่ ต่ในเมืองใหญ่เพียง อยา่ งเดียว ปัจจุบนั รัฐบาลจึงไดใ้ หก้ ารสนบั สนุนการประกอบธุรกิจประเภทน้ีเป็นอยา่ งมาก มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 การดารงชีวติ และครอบครัว มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทกั ษะการ จดั การ ทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหา ทกั ษะการทางาน และทกั ษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและ ลกั ษณะนิสัยในการทางาน มีจิตสานึก ในการใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร และส่ิงแวดลอ้ มเพือ่ การดารงชีวติ และครอบครัว ตวั ช้ีวดั ท่ี 1. อธิบายวิธีการทางานเพ่อื การดารงชีวิต 2. สร้างผลงานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ และมีทกั ษะการทางานร่วมกนั 3. มีทกั ษะการจดั การในการทางาน 4. มีทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหาในการทางาน 5. มีทกั ษะในการแสวงหาความรู้เพอ่ื การดารงชีวติ 6. มีคณุ ธรรมและลกั ษณะนิสยั ในการทางาน 7. ใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร ในการทางานอยา่ งคุม้ คา่ และยง่ั ยนื เพื่อการอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม สาระการเรียนรู้ ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม - ความหมาย ความสาคญั ประโยชนข์ องธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม - รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม - ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม - การตลาดสาหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม

5 จุดประสงค์การเรียนรู้ หลงั จากเรียนเร่ืองน้ีแลว้ นกั เรียนมีความรู้ ทกั ษะกระบวนการ และคุณลกั ษณะที่พึงประสงคด์ งั น้ี ด้านความรู้ (K) 1. บอกความหมาย ความสาคญั ประโยชน์ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มได้ 2. บอกรูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มได้ 3. บอกรูปแบบของการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มได้ 4. อธิบายการตลาดสาหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มได้ 5. ทาชุดการจดั การเรียนรู้ที่ 2 ไดถ้ กู ตอ้ งอยา่ งนอ้ ย 80% ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. การวเิ คราะห์ SWOT 2. การวเิ คราะห์สภาพตลาดของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ ด้านคุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (A) 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทางาน 3. รักความเป็นไทย 4. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 5. มีจิตสาธารณะ ส่ือการเรียนรู้ เอกสารประกอบการเรียน ชุดท่ี 2 เร่ือง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ประกอบดว้ ย 1. แบบทดสอบก่อนเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 2. ใบความรู้ที่ 2.1 เร่ือง ความรู้เกี่ยวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 3. ใบกิจกรรมที่ 2.1 เร่ือง ความรู้เก่ียวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 4. ใบงานท่ี 2.1 เร่ือง ความรู้เกี่ยวกบั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 5. ใบความรู้ท่ี 2.2 เรื่อง รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 6. ใบกิจกรรมท่ี 2.2 เรื่อง รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 7. ใบงานที่ 2.2 เรื่อง รูปแบบและประเภทของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 8. ใบความรู้ที่ 2.3 เรื่อง ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 9. ใบกิจกรรมที่ 2.3 เรื่อง ผปู้ ระกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 10. ใบความรู้ท่ี 2.4 เร่ือง การตลาดสาหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 11. ใบกิจกรรมที่ 2.4 เรื่อง การตลาดสาหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม 12 แบบทดสอบหลงั เรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม

6 แบบทดสอบก่อนเรียนประจาชุดที่ 2 ‘ เร่ือง ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชี้แจง : แบบทดสอบฉบบั น้ีมีท้งั หมด 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน ใหน้ กั เรียนอา่ นทาความเขา้ ใจคาถามแต่ละขอ้ และพยายามคิดหาคาตอบที่ถูกตอ้ ง แลว้ ทาเครื่องหมายกากบาท () ทบั อกั ษร ก. ข. ค. หรือ ง. ที่เป็นคาตอบท่ีถูกที่สุดเพยี งคาตอบเดียวลงในกระดาษคา ตอบ 1. ธุรกิจประเภทใดที่เปล่ียนวตั ถุดิบใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑ์ 7. ธุรกิจประเภทใดที่เนน้ ขายสินคา้ ใหก้ บั ผบู้ ริโภค ใหม่ คนสุดทา้ ย ก. ธุรกิจการผลิต ข. ธุรกิจคา้ ส่ง ก. การบริการ ข. การคา้ ส่ง ค. ธุรกิจคา้ ปลีก ง. ธุรกิจบริการ ค. การคา้ ปลีก ง. อุตสาหกรรมการผลิต 2. จุดขายของธุรกิจขนาดยอ่ ม คอื ขอ้ ใด 8. ขอ้ ใดเป็นความสาคญั ของธุรกิจขนาดยอ่ ม ก. สินคา้ ราคาถูก ข. บริการเป็นกนั เอง ก. เป็นแหล่งผลิตสินคา้ ใหม่ ค. ความโอ่อา่ ของร้าน ง. พนกั งานไดร้ ับการอบรม ข. ช่วยใหภ้ าครัฐมีรายไดส้ ูง 3. เมื่อเปรียบเทียบกบั ร้านขนาดใหญ่ ร้านขนาดเลก็ จะ ค. ช่วยใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีของรัฐมีงานทา ง. เป็นจุดเริ่มตน้ ของการสร้างความรู้ เสียเปรียบเรื่องใดมากท่ีสุด 9. ขอ้ ใดเป็นการวิเคราะห์ SWOT Analysis ดา้ น ก. ขายของถูกกวา่ ข. คนงานมีนอ้ ยกวา่ ค. เงินทุนมีนอ้ ยกวา่ ง. บริการกนั เองมากวา่ จุดแขง็ ของผปู้ ระกอบการ 4. ธุรกิจขนาดย่อมสามารถดาเนินงานออกมาในลกั ษณะ ก. วิเคราะห์สิ่งท่ีผปู้ ระกอบการไม่ถนดั ไม่ชอบ ข. วเิ คราะห์วา่ ตนเองมีความรู้ ความสามารถดา้ น ใดไดบ้ า้ ง ใดบา้ ง ค. วิเคราะห์ส่ิงท่ีเอ้ืออานวยให้การทางานน้นั ก. กิจการคา้ ปลีก กิจการคา้ ส่ง เป็ นไปตามจุดมุ่งหมาย ข. กิจการท่ีใหบ้ ริการตา่ ง ๆ ง. วเิ คราะหส์ ่ิงท่ีส่งผลกระทบต่อเป้าหมายทาให้ ค. กิจการการผลิต ไม่สามารถบรรลุวตั ถุประสงคไ์ ด้ ง. ถูกทกุ ขอ้ 10. ขอ้ ใดกล่าวเป็นความจริง 5. ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มประเภทใดมากท่ีสุด ก. กิจการคา้ ปลีก ข. กิจการการผลิต ก. ความสาเร็จของธุรกิจเกิดจากการมีเงินทุน ค. กิจการการคา้ ส่ง ง. กิจการที่ใหบ้ ริการ มาก 6. เหตใุ ดการบริหารงานของกิจการที่เป็นนิติบุคคลจึงมี ข. ธุรกิจขนาดเลก็ ไม่มีส่วนช่วยใหเ้ งินทุน ความน่าเชื่อถือมากกวา่ บคุ คลธรรมดา หมนุ เวียน ก. มีขนาดกิจการใหญ่กวา่ ค. ธุรกิจขนาดใหญเ่ ทา่ น้นั ท่ีช่วยใหเ้ งินทนุ ข. จดทะเบียนจดั ต้งั กบั ภาครัฐ หมนุ เวยี น ค. จดั ทาบญั ชีตามมาตรฐานการบญั ชี ง. จดทะเบียนจดั ต้งั กบั ภาครัฐและจดั ทาบญั ชีตาม ง. ธุรกิจขนาดใหญท่ ่ีประสบความสาเร็จเกิด จากการสั่งสมประสบการณ์จากกิจการ มาตรฐานการบญั ชี ขนาดเลก็

7 ใบความรู้ท่ี 2.1 เรื่อง ความรู้ท่วั ไปเกยี่ วกบั ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ความหมายของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (Small and Medium Enterprises : SMEs) หมายถึง ธุรกิจท่ีเป็น อิสระมีเอกชนเป็นเจา้ ของ ดาเนินการโดยเป็นเจา้ ของเอง มีตน้ ทุนในการดาเนินงานต่า และมีพนกั งาน จานวนไม่มาก ( มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555 : 35) ความสาคญั ของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อมในระบบเศรษฐกจิ ไทย อรุณี ลิมศิริ และสุดารัตน์ อุ่นเมือง. (ม.ป.ป.). กล่าวถึง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมี ความสาคญั ในระบบเศรษฐกิจไทย ดงั น้ี 1. เป็ นธุรกิจที่สนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมี ความสาคญั ต่อธุรกิจขนาดใหญ่ท้งั ดา้ นการเป็ นผูผ้ ลิตวตั ถุดิบ ผูจ้ ดั จาหน่าย และผูบ้ ริการ โดยเฉพาะ ในลกั ษณะการรับช่วงการผลิต เช่น โรงงานขนาดใหญ่ผลิตสินคา้ อุปโภคบริโภคแลว้ ธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมประเภทจดั จาหน่าย (ท้งั การคา้ ส่งและการคา้ ปลีก) นาสินคา้ ไปจาหน่ายให้กบั ผูบ้ ริโภค หรือ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมท่ีอย่ใู นฐานะรวบรวมวตั ถุดิบเพ่ือป้อนใหก้ บั โรงงานอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ เช่น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับซ้ือออ้ ยจากเกษตรกรรายย่อยท่ีปลูกออ้ ย จาหน่าย ให้กบั โรงงานน้าตาล หรือ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผลิตชิ้นส่วนของรถยนต์แลว้ จาหน่ายให้กบั โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อนาไปประกอบเป็นรถยนต์ เมื่อประกอบเสร็จ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ประเภทจดั จาหน่ายก็จะรับไปจาหน่ายในทอ้ งที่ต่าง ๆ อีกทอดหน่ึง จึงนับไดว้ ่า ธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม เปรียบเหมือนตวั เชื่อมให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เป็นรูปร่างท่ีสมบรู ณ์ และสามารถผลิตงาน ไดค้ รบวงจรตามเป้าหมาย 2. เป็ นแหล่งสร้างงาน เนื่องจาก ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมีอยู่ทวั่ ไปเป็นจานวนมากและ หลากหลายสาขาอาชีพ สามารถรองรับแรงงานท้งั ภาคเกษตรกรรม แรงงานท่ีถกู เลิกจา้ งจากกิจการขนาด ใหญ่ แรงงานใหม่ท่ีเพิ่มจบการศึกษา รวมถึงป้องกันการอพยพของแรงงานจากชนบทสู่กรุงเทพฯ นอกจากน้ี ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยงั ช่วยกระจายการกระจุกตวั ของโรงงานจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปสู่ชนบท อยา่ งยง่ั ยืนต่อไป ดงั น้นั ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจึงนบั ว่าเป็นแหล่ง สร้างงานที่สาคญั ใหร้ ะบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

8 3. ช่วยสร้างมูลค่าเพ่ิม ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรหลากหลาย โดยเฉพาะทรัพยากร ทางการเกษตร ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่วนใหญ่จึงดาเนินกิจการเก่ียวกบั การนาผลผลิตทางการ เกษตรมาแปรรูปเพ่ือสร้างมูลค่าเพ่ิม เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋ อง ผลิตภัณฑ์จากยางพารา ซ่ึงสินคา้ เหลา่ น้ีส่วนใหญ่ส่งออกไปจาหน่ายยงั ตา่ งประเทศเพื่อนารายไดเ้ ขา้ สู่ประเทศ 4. เป็ นจุดเร่ิมต้นในการลงทุน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มเป็นธุรกิจที่ใชเ้ งินทุนในการก่อต้งั ไม่มากนกั ผูป้ ระกอบการสามารถจดั ต้งั ข้ึนโดยใชเ้ งินทุนของตนหรือสถาบนั การเงิน แลว้ ดาเนินธุรกิจ ในลกั ษณะทดลองและทดสอบแนวความคิดใหม่ ๆ หากการผลิตสินคา้ หรือการบริการตรงกับความ ตอ้ งการของตลาด ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็สามารถขยายกิจการได้ ดงั น้นั ธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดยอ่ มจึงเป็นจุดเริ่มตน้ ในการลงทุนจากกิจการขนาดกลางและขนาดยอ่ มไปสู่ธุรกิจท่ีมีขนาดใหญ่ข้ึน 5. เป็ นแหล่งพฒั นาทกั ษะฝี มือและการประดิษฐ์คิดสิ่งใหม่ ๆ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มเป็ น กิจการท่ีจัดต้ังข้ึนบนพ้ืนฐานของความเป็ นอิสระ ความถนัด และความชอบของผูป้ ระกอบการ โดยพยายามสร้างสรรค์ผลงานของตนเองดว้ ยการลองผิดลองถูก จึงทาให้เกิดการประดิษฐ์หรือคิดค้น วิทยาการเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ง่ายกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติกใน อุตสาหกรรมพลาสติกไทย ซ่ึงประสบความสาเร็จเป็นท่ียอมรับจากต่างประเทศ โดยการพฒั นาร่วมกนั ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ผูผ้ ลิตเม็ดพลาสติก ผูผ้ ลิตสินคา้ สาเร็จรูป ผอู้ อกแบบ แมพ่ ิมพ์ ผอู้ อกแบบผลิตภณั ฑแ์ ละผปู้ ระดิษฐช์ ิ้นส่วนของเครื่องจกั รกลการผลิต ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีความสาคญั ต่อการสร้างงานและสร้างรายไดใ้ นระดบั รากฐาน ของคนในประเทศและนาไปสู่รายได้ภาครัฐบาลโดยก่อให้เกิดประโยชน์ด้านต่าง ๆ คือ ทาให้เกิด นวตั กรรมการผลิตสินคา้ รูปแบบใหม่ ๆ เขา้ มาสู่ตลาด มีการจา้ งแรงงานในภาคชนบทและในทอ้ งถิ่น ชุมชนต่าง ๆ ไดด้ ี ทาใหเ้ กิดการแข่งขันการพฒั นารูปแบบการผลิตสินคา้ และบริการ ส่งผลให้ราคาลด ต่าลงได้ สร้างให้เกิดการตอบสนองความตอ้ งการใหม่ๆ ของผูค้ นในสังคมและก่อให้เกิดธุรกิจเล็ก ๆ ในการผลิตต่างๆ ออกมามากข้ึนกว่าเดิม ทาให้เกิดการกระจายรายไดอ้ ย่างทว่ั ถึง และยงั เป็ นการผลิต เพื่อขายต่อไปยงั บริษทั ขนาดใหญ่ที่มีความตอ้ งการใชป้ ัจจยั ดา้ นการผลิตต่าง ๆ (พฒั นา ศิริโชติบณั ฑิต. 2546 : 66)

9 ลกั ษณะของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม มีลกั ษณะ ( มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555 : 36) ดงั น้ี 1. โครงสร้างของธุรกิจไมส่ ลบั ซบั ซอ้ น การเขา้ สู่ธุรกิจทาไดง้ า่ ย 2. มีความคล่องตวั ในการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สภาวะแวดลอ้ มทางธุรกิจ 3. เขา้ ถึงลกู คา้ ไดด้ ีกวา่ ธุรกิจขนาดใหญ่ 4. ใชเ้ งินลงทนุ ต่าเพราะใชแ้ รงงานจานวนนอ้ ย 5. ความสาเร็จหรือความลม้ เหลวของธุรกิจข้นั อยู่กบั ความรู้ ทกั ษะ และความสามารถของ เจา้ ของกิจการเป็นสาคญั ข้อดีและข้อเสียของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม การมีธุรกิจประเภทขนาดกลางและขนาดยอ่ มจะมีท้งั ขอ้ ดีและขอ้ เสีย ในส่วนท่ีเป็นขอ้ ดีคือเป็ น การสร้างความสัมพนั ธ์ที่ดีกบั บุคคลท่ีเป็นลูกจา้ งและพนกั งาน เพราะมีความใกลช้ ิดดีกว่าธุรกิจท่ีมีขนาด ใหญ่ มีความสามารถในการปรับตวั ต่อการเปล่ียนแปลงของสภาพแวดลอ้ มทางการตลาดและธุรกิจต่าง ๆ มีการทางานและการบริหารงานท่ีง่ายและสะดวกต่อการตดั สินใจ มีความเป็นอิสระและคล่องตวั ในการ ทางานสูง สามารถรับคาสัง่ ซ้ือที่กาหนดไดด้ ว้ ยตนเองโดยไม่ตอ้ งมีผบู้ งั คบั บญั ชาสงั่ การ นอกจากน้ีกาไร ท่ีไดท้ ้งั หมดจะตกอยกู่ บั เจา้ ของกิจการซ่ึงมีผรู้ ่วมธุรกิจจานวนไมม่ ากนกั ส่วนขอ้ เสียของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คือ มีความเส่ี ยงต่อการดาเนินธุรกิจซ่ึงอาจ ลม้ เหลวไดง้ ่ายกว่าเน่ืองจากไม่มีความสามารถในการจดั การดา้ นการเงินและสภาพการแข่งขนั ในตลาด มีศกั ยภาพขอบเขตในการดาเนินธุรกิจท่ีต่ากวา่ เน่ืองจากมีเงินทุนนอ้ ย ไมส่ ามารถจดั หาทรัพยากรมาใชไ้ ด้ อย่างพอเพียงในการทางาน และยงั มีขอ้ จากดั ในการเพิ่มเงินทุนเขา้ มาในกิจการเพราะธุรกิจมีตลาด อยู่อย่างจากัด เช่น ยอดขาย ต้นทุนท่ีสูง ไม่มีกิจกรรมการตลาดท่ีใช้กลยุทธ์ได้ เป็ นต้น (พฒั นา ศิริโชติบณั ฑิต. 2546 : 66-67) ข้อดีของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ( มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555 : 37) ไดแ้ ก่ 1. ผปู้ ระกอบการไดท้ าในสิ่งที่ตนชอบ ถนดั และมีวถิ ีชีวติ ตามท่ีตอ้ งการ 2. การทาธุรกิจทาไดง้ ่าย 3. มีความเป็นอิสระ และคลอ่ งตวั ในการบริหารกิจการ 4. ถา้ การดาเนินกิจการประสบปัญหา จะฟ้ื นตวั ไดง้ า่ ย 5. การดาเนินธุรกิจมีความยดื หยนุ่ สูง สอดคลอ้ งกบั ยคุ การผลิตและตอบสนองความตอ้ งการได้ รวดเร็ว

10 ข้อเสียของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ได้แก่ 1. ผปู้ ระกอบการมกั ขาดความรู้ดา้ นการตลาด และการจดั การบริหารงานอยา่ งเป็นระบบ 2. ไม่สามารถผกู ขาดการผลิตสินคา้ เพราะใชเ้ ทคนิคการผลิตท่ีไม่ซบั ซอ้ น 3. ไมส่ ามารถรักษาแรงงานท่ีมีฝีมือและมีความชานาญงานไวไ้ ด้ 4. ขยายกิจการไม่ได้ เพราะผปู้ ระกอบการมกั ขาดแคลนเงินทุน เน่ืองจากขาดความน่าเชื่อถือ จากสถาบนั การเงิน แนวทางในการประกอบธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ผูท้ ่ีจะเริ่มตน้ ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมควรพิจารณาความพร้อมของตนเอง ในดา้ นต่างๆ (อรุณี ลิมศิริ และสุดารัตน์ อ่นุ เมือง. ม.ป.ป.: 19-20) ดงั น้ี 1. ด้านบุคลิกภาพส่วนบุคคล บุคคลที่จะประกอบธุริจขนาดกลางและขนาดย่อมไดน้ ้ัน ควร เป็นผทู้ ี่มีความพร้อมดา้ นบคุ ลิกภาพ ดงั น้ี 1) สุขภาพดีท้งั ร่างกายและจิตใจ 2) มีเป้าหมายชดั เจนในการดาเนินธุรกิจ 3) มีประสบการณ์หรือผา่ นกิจการฝึกอบรมเกี่ยวกบั การประกอบธุรกิจ 4) พร้อมท่ีจะทางานหนกั และมีความอดทน 5) มีความมนั่ ใจในตนเอง 6) สามารถตดั สินใจไดอ้ ยา่ งรวมเร็วและถกู ตอ้ ง 7) มีความคิดริเริ่มสร้างสรรคแ์ ละมีความสุขกบั การเรียนรู้ส่ิงใหม่ๆ 8) มีความกลา้ เสี่ยง 9) ไดร้ ับการสนบั สนุนจากครอบครัว 10) มีมนุษยสัมพนั ธ์ 2. ด้านการเงิน ผปู้ ระกอบการตอ้ งมีความสามารถในการตดั สินใจเก่ียวกบั ฐานะทางการเงินของ กิจการไดเ้ ป็นอย่างดี รู้ถึงความตอ้ งการเก่ียวกบั เงินทุน ค่าใชจ้ ่าย ยอดขาย รายไดห้ รือกาไรท่ีจะไดร้ ับ และรู้จกั การบริหารจดั การโดยใชง้ บประมาณและการควบคุม ซ่ึงผปู้ ระกอบการควรมีคุณสมบตั ิในการ จดั การดา้ นการเงิน ดงั น้ี

11 1) มีความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนหรือมีเงินทุนเป็นของตนเอง 2) สามารถคาดคะเนรายรับ รายจ่าย และกาไรไดถ้ ูกตอ้ ง 3) มีความสามารถในการจดั เตรียมงบประมาณและดาเนินงานตามงบประมาณ 4) สามารถเกบ็ บนั ทึกทางการเงินและรายงานผลทางการเงินได้ 3. ด้านการตลาด การตลาดเป็ นช่องทางที่ก่อให้เกิดรายไดข้ องธุรกิจ ผูป้ ระกอบการจึงตอ้ ง จดั การสินคา้ กาหนดราคา จดั จาหน่าย และส่งเสริมการขาย ซ่ึงผูป้ ระกอบการควรมีคุณสมบัติ ดา้ นการตลาด ดงั น้ี 1) มีความสามารถในการใชก้ ลยุทธ์ดา้ นสินคา้ ราคา การจดั จาหน่าย และการส่งเสริม การขาย 2) มีความสามารถในการประเมินความตอ้ งการของตลาดเป้าหมาย 3) สามารถระบจุ ุดอ่อนและจุดแขง็ ของคู่แขง่ ขนั 4) ใหบ้ ริการลูกคา้ ดว้ ยความเตม็ ใจ 5) แสวงหากลยทุ ธ์ใหม่ ๆ เพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการของลูกคา้ อยเู่ สมอ 6) มีความสามารถในการส่งเสริมการขาย 4. ด้านการบริหารงานท่ัวไป ผปู้ ระกอบการท่ีประสบความสาเร็จจะตอ้ งมีความสามารถใน การบริหารงานทวั่ ไป ไดแ้ ก่ การวางแผน การบริหารการเงิน บุคลากร และวสั ดุอุปกรณ์ เพ่ือให้การ บริหารงานบรรลเุ ป้าหมาย ซ่ึงผปู้ ระกอบการควรมีคุณสมบตั ิดา้ นการบริหารงานทว่ั ไป ดงั น้ี 1) สามารถกาหนดนโยบายของกิจการได้ 2) สามารถวางแผนการทางานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 3) มีความสามารถในการตดั สินใจ 4) มีความสามารถในการคดั เลือกบุคลากรเขา้ มาร่วมงาน 5) มีความสามารถในการจูงใจบุคลากรใหท้ างานบรรลตุ ามเป้าหมาย 6) มีความสามารถในการปกครองและมีความยตุ ิธรรม 7) มีความโปร่งใสในการบริหารจดั การ 8) มีความสามารถในการประเมินผลงาน

12 การประกอบธุรกจิ ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กระแสโลกาภิวฒั น์ไดส้ ่งผลให้ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบนั มีความซบั ซอ้ นและเปลี่ยนแปลงไป อยา่ งรวดเร็ว มีการเคล่ือนยา้ ยคนและขอ้ มูลข่าวสารอย่างเสรี การใชท้ รัพยากรธรรมชาติเกินกวา่ การสร้าง ทดแทน ซ่ึงส่งผลให้ธรรมชาติขาดสมดุล เกิดภาวะโลกร้อน เกิดการเปล่ียนแปลงจนกลายเป็ นปัญหา สิ่งแวดลอ้ ม การประกอบธุรกิจในยคุ โลกาภิวฒั น์น้นั ผปู้ ระกอบการตอ้ งรู้เท่าทนั การเปลี่ยนแปลง มีความ รอบคอบ ตดั สินใจบนพ้ืนฐานของขอ้ มูลที่ถูกตอ้ ง และรู้จกั ปรับเปล่ียนอย่างมีเหตุผล โดยนาแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจให้มีความมน่ั คง เขม้ แข็ง ยง่ั ยืน พออยู่ พอกิน มีรายได้ มีการออม และมีทุนในการขยายกิจการ (อรุณี ลิมศิริ และสุดารันต์ อนุ่ เมือง. ม.ป.ป. : 12) ประเภทของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มแบ่งออกได้ 3 ประเภท ( มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555 : 35-36) ดงั น้ี 1) ธุรกิจการผลิตหรืออุตสาหกรรม คือ ธุรกิจท่ีมีการนาวตั ถุดิบมาผลิตหรือประกอบเพื่อให้เป็ น สินคา้ เช่น การแปรรูปอาหาร โรงงานทอผา้ ร้านอาหาร โรงงานผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ซ่ึงสินคา้ อุตสาหกรรมหน่ึงอาจเป็ นวตั ถุดิบของอีกอุตสาหกรรมหน่ึงก็ได้ เพราะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จาเป็นตอ้ งใชช้ ิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบในการผลิต หากตอ้ งลงทุนผลิตเองท้งั หมดย่อยตอ้ งใชท้ ุนจานวน มาก 2) ธุรกิจการค้า คือ ธุรกิจท่ีซ้ือสินคา้ มาเพื่อนามาจาหน่ายต่อหรือท่ีเรียกว่า พ่อค้าคนกลาง โดยพ่อคา้ คนกลางอาจเป็ นผูค้ า้ ส่งหรือผูค้ ้าปลีกก็ได้ โดยธุรกิจร้านคา้ ปลีกเป็ นธุรกิจท่ีมีจานวนมากกว่า ธุรกิจประเภทอ่ืน เช่น ร้านขายของชา ร้านขายเส้ือผา้ ร้านขายผลไม้ เป็นตน้ 3) ธุรกิจการให้บริการ ธุรกิจท่ีเสนอการบริการต่าง ๆ สู่ผบู้ ริโภค ลกั ษณะสาคญั ของธุรกิจบริการ คือ ใช้เงินลงทุนน้อยและเจ้าของกิจการเป็ นผูใ้ ห้บริการหรือควบคุมแลอย่างใกล้ชิด เช่น ร้านตดั ผม ร้านซ่อมเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า เป็นตน้

13 ใบกจิ กรรมท่ี 2.1 เรื่อง ความรู้เกยี่ วกบั ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมตอ่ ไปน้ี 1. แบ่งกลุ่มนกั เรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั 2. แตล่ ะกล่มุ ส่งรายงานการศึกษา คน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 3. นกั เรียนทุกกลุ่มคดั เลือกตวั แทนนาเสนองานที่คน้ ควา้ นาเสนอโดยการเขียน แผนที่ความคิด: Mind Mapping กลุ่มละ ไม่เกิน 5 นาที 4. สาเนาผลงานที่คน้ ควา้ ใหจ้ ดั ทาเป็นรายงานเพือ่ นาเก็บรวบรวมเป็นแฟ้มสะสมงานของตนเอง 5. แต่ละกลุ่มร่วมกนั ตอบขอ้ ซกั ถามของเพ่ือนแต่ละกลุ่มและคาถามจากครูผสู้ อน

14 ใบงานที่ 2.1 เร่ือง ความรู้เกย่ี วกบั ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามที่กาหนดใหถ้ กู ตอ้ ง 1. ธุรกิจ SMEs ยอ่ มาจากคาในภาษาองั กฤษวา่ อยา่ งไร และมีความหมายคือ (2 คะแนน) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 2. จงบอกลกั ษณะของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มมาใหเ้ ขา้ ใจ (3 คะแนน) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. จงบอกขอ้ ดีและขอ้ เสียของธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ( 5 คะแนน) ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... คะแนนเต็ม 10 คะแนน ลงชื่อ................................................................ คะแนนท่ีได้ .................คะแนน วนั ที่.........เดือน......................... พ.ศ. .............

15 ใบความรู้ท่ี 2.2 เร่ือง รูปแบบและประเภทของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม การเลือกรูปแบบธุรกจิ การประกอบธุรกิจการคา้ อาจดาเนินการไดห้ ลายรูปแบบ ท้งั โดยบุคคลคนเดียวเป็ นเจา้ ของ กิจการโดยลาพงั หรืออาจดาเนินการโดยร่วมลงทุนกบั บุคคลอ่ืนเป็ นกลุ่มคณะก็ได้ การท่ีจะตดั สินใจ เลือกดาเนินธุรกิจการคา้ ในรูปแบบใดน้ัน ผูป้ ระกอบการจะตอ้ งคานึงถึงองคป์ ระกอบที่สาคญั หลาย ประการด้วยกัน เช่น ลกั ษณะของกิจการคา้ เงินทุน ความรู้ความสามารถในการดาเนินธุรกิจ เป็ นตน้ ท้งั น้ีเพื่อให้การประกอบธุรกิจน้ันประสบผลสาเร็จ นามาซ่ึงผลประโยชน์และกาไรสูงสุด (นุตประวณี ์ เลิศกาญจนวตั ิ, นาธาร นุชนุ่ม และสุริยะ เจียมประชานรากร. 2554:15-21) รูปแบบของการดาเนินธุรกิจในท่ีน้ี สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ประเภท คือ 1. กิจการเจา้ ของคนเดียว (Sole Proprietorship) 2. กิจการหา้ งหุน้ ส่วน (Partnership) 3. บริษทั จากดั (Limited Company) 4. บริษทั มหาชนจากดั (Public Limited Company) สาหรับธุรกิจที่กาลงั เริ่มเจริญเติบโต รูปแบบกิจการบริษทั จากดั จะมีขอ้ ไดเ้ ปรียบมากกวา่ รูปแบบอ่ืน ๆ จึงส่งผลใหก้ ิจการส่วนมากมกั นิยมดาเนินกิจการในรูปแบบของบริษทั จากดั กจิ การเจ้าของคนเดียว กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship) คือ กิจการที่มีบุคคลคนเดียวเป็ นเจา้ ของ หรือ ลงทุนคนเดียว ควบคุมดาเนินการเองท้ังหมด เม่ือกิจการประสบผลสาเร็จมีผลกาไรก็จะได้รับ ผลประโยชน์เพียงคนเดียว แต่หากขาดทุนก็ต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียว กิจการประเภทน้ีมีอยู่ ทัว่ ประเทศได้รับความนิยมสูงสุดและเป็ นธุรกิจท่ีเก่าแก่ การดาเนินงานไม่สลับซับซ้อน มีความ คล่องตวั สูงในการตดั สินใจดาเนินงาน กิจการมีขนาดเลก็ กวา่ ธุรกิจประเภทอ่ืน ลกั ษณะของกจิ การเจ้าของคนเดียว 1. มีเจา้ ของกิจการเพยี งคนเดียว ใชเ้ งินลงทนุ นอ้ ย 2. เจา้ ของกิจการมีความรับผิดชอบในหน้ีสินท้งั หมดไม่จากดั จานวน เจา้ หน้ีมีสิทธิเรียกร้อง เอาทรัพยสินของเจา้ ของได้ ถา้ ทรัพยส์ ินของกิจการไมเ่ พียงพอชาระหน้ี 3. เจา้ ของกิจการไดร้ ับผลตอบแทนจากการลงทุนท้งั ผลกาไรและผลขาดทุนเพยี งคนเดียว 4. การควบคุมการดาเนินงานโดยเจา้ ของกิจการคนเดียว

16 ข้อดีและข้อเสียของกจิ การเจ้าของคนเดียว ข้อดี 1. จดั ต้งั ง่ายใชเ้ งินทุนนอ้ ย 2. มีอิสระในการตดั สินใจดาเนินงานโดยเจา้ ของคนเดียว ทาใหร้ วดเร็วคล่องตวั ในการดาเนินงาน 3. ผปู้ ระกอบการไดร้ ับผลกาไรท้งั หมดเพียงคนเดียว 4. รักษาความลบั กิจการไดด้ ีเพราะผรู้ ู้มีเพยี งคนเดียว 5. มีขอ้ บงั คบั ทางกฎหมายนอ้ ย 6. การเลิกกิจการทาไดง้ ่าย ข้อเสีย 1. ขยายกิจการให้ใหญ่ข้ึนทาไดย้ ากเพราะเงินทุนมีจากดั และถา้ ตอ้ งการกูย้ มื เงินจากภายนอก จะทาไดย้ ากเพราะขาดหลกั ประกนั 2. การตดั สินใจโดยเจา้ ของกิจการเพยี งคนเดียว อาจมีขอ้ ผดิ พลาดง่าย 3. ถา้ มีผลขาดทุน ผูป้ ระกอบการรับผลขาดทุนและรับผิดชอบในหน้ีสินของกิจการไม่จากดั จานวนเพยี งคนเดียว 4. ระยะเวลาดาเนินงานมกั ไม่ยืนยาว ข้ึนอยู่กับเจา้ ของกิจการ ถา้ เจา้ ของกิจการป่ วยหรือ เสียชีวิตอาจหยดุ ชะงกั หรือเลิกกิจการ 5. ความสามารถในการคิดและบริหารงานมีจากดั เพราะเกิดจากเจา้ ของเพยี งคนเดียว ห้างหุ้นส่วน กิจการหา้ งหุ้นส่วน คือ กิจการที่มีบุคคลต้งั แต่ 2 คนข้ึนไปร่วมกนั ลงทุนและดาเนินกิจการ โดยมีวตั ถุประสงค์เพ่ือแบ่งผลกาไรท่ีไดจ้ ากการดาเนินงาน ซ่ึงธุรกิจประเภทน้ีสืบต่อมาจากธุรกิจ เจา้ ของคนเดียว เมื่อกิจการดาเนินงานกา้ วหนา้ ข้ึนตอ้ งการเงินทุนและการจดั การเพิ่มข้ึน จึงตอ้ งหา บุคคลท่ีไวว้ างใจไดเ้ ขา้ มาเป็ นหุ้นส่วนร่วมดาเนินงานทาให้กิจการมีขนาดใหญ่ข้ึนการบริหารงาน มีประสิทธิภาพสูงกวา่ เดิม ลกั ษณะของกจิ การห้างหุ้นส่วน 1. มีผรู้ ่วมเป็นหุน้ ส่วนต้งั แต่ 2 คนข้นึ ไป ตกลงทาสัญญาร่วมกนั ดาเนินงาน ซ่ึงอาจกระทา ดว้ ยวาจาหรือเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร 2. มีการร่วมกนั ลงทนุ โดยนาเงินสด ทรัพยส์ ินหรือแรงงานมาลงทุนตามขอ้ ตกลง 3. มีการกระทากิจการอยา่ งเดียวกนั ร่วมกนั 4. มีความประสงคแ์ บ่งผลกาไรกนั ตามขอ้ ตกลง

17 ประเภทของห้างหุ้นส่วน หา้ งหุน้ ส่วนแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื หา้ งหุน้ ส่วนสามญั และหา้ งหุน้ ส่วนจากดั 1. ห้างหุ้นส่วนสามญั แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีสภาพเป็นนิติบุคคลจะตอ้ งใชค้ าว่า ห้างหุ้นส่วนสามญั นิติบุคคลประกอบหนา้ ช่ือห้างเสมอ หา้ งหุน้ ส่วนประเภทน้ีจะตอ้ งระบุช่ือผเู้ ป็นหา้ งหุ้นส่วนผูจ้ ดั การไว้ ชดั เจน ซ่ึงจะมีคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ และหุ้นส่วนผูจ้ ดั การเท่าน้ันที่มีสิทธิเขา้ จดั การงานของห้าง หุน้ ส่วน และทานิติกรรมตา่ ง ๆ ในนามหา้ งหุน้ ส่วนได้ 1.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีฐานะเป็ นบุคคลธรรมดา ถา้ ผเู้ ป็นหุ้นส่วนไม่ไดต้ ก ลงกนั ไวใ้ นสัญญาของหา้ งหุ้นส่วน กฎหมายใหถ้ ือวา่ ผูเ้ ป็ นหุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิเขา้ จดั การงานของห้าง หุน้ ส่วนได้ 2. ห้างหุ้นส่วนจากดั ห้างหุ้นส่วนจากดั คอื หา้ งหุน้ ส่วนที่ตอ้ งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย หา้ งหุน้ ส่วน ประเภทน้ีตอ้ งใช้คาวา่ “หา้ งหุน้ ส่วนจากดั ” ประกอบหนา้ ช่ือของห้างหุ้นส่วนเสมอ หา้ งหุ้นส่วนจากดั ประกอบดว้ ยผเู้ ป็นหุน้ ส่วน 2 ประเภท คือ 2.1 หุ้นส่วนประเภทจากัดความรับผิดชอบ เป็นหุน้ ส่วนประเภทที่จากดั ความรับผิดชอบใน หน้ีสินของห้างหุ้นส่วนเพียงไม่เกิดจานวนเงินที่ตนรับจะลงทุนในห้างหุ้นส่วน หุ้นส่วนประเภทน้ีไม่มี สิทธิเขา้ จดั การงานของห้างหุน้ ส่วน มีสิทธิเพียงออกความเห็นรับเป็นที่ปรึกษาและทุนท่ีนามาลงทุนตอ้ ง เป็นเงินหรือทรัพยส์ ินเท่าน้นั จะเป็นแรงงานไม่ได้ 2.2 หุ้นส่วนประเภทไม่จากัดความรับผิดชอบ เป็นหุน้ ส่วนประเภทที่ตอ้ งรับผิดชอบร่วมกนั ในหน้ีสินของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จากดั จานวน กฎหมายระบุว่าตอ้ งมีหุ้นส่วนไม่จากดั ความรับผิดชอบ อย่างนอ้ ย 1 คนในห้างหุ้นส่วนจากดั หุ้นส่วนประเภทน้ีมีสิทธิเขา้ จดั การงานของห้างหุ้นส่วนและทุนท่ี นามาลงทนุ เป็นเงินทรัพยส์ ินหรือแรงงานกไ็ ด้ ข้อดแี ละข้อเสียของห้างหุ้นส่วน (มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555:31-32) ข้อดขี องห้างหุ้นส่วน 1. ก่อต้งั งา่ ยและใชเ้ งินทุนไม่มากนกั 2. ผลการดาเนินงานของหา้ งหุน้ ส่วนตามสัดส่วนของการลงหุน้ 3. เป็นที่รวมของท่ีมีความ ความรู้ ความสามารถ 4. เสียภาษีนอ้ ยกวา่ ธุรกิจแบบบริษทั จากดั

18 ข้อเสียของห้างหุ้นส่วน 1. หา้ งหุน้ ส่วนสามญั และหา้ งหุน้ ส่วนจากดั ท่ีจดทะเบียนไมจ่ ากดั ความรับผิดชอบตอ้ ง รับผดิ ชอบในหน้ีสินอยา่ งไมจ่ ากดั จานวน 2. การดาเนินธุรกิจอาจขาดความตอ่ เน่ือง ถา้ มีหา้ งหุน้ ส่วนคนใดคนหน่ึงถอนตวั ออกจาก การลงทนุ หรือเสียชีวติ 3. การตดั สินใจทาไดล้ า่ ชา้ ตอ้ งปรึกษาหุน้ ส่วนคนอื่นก่อน 4. ไม่สามารถโอนหุน้ ใหค้ นอื่นได้ 5. การถอนหุ้นส่วนน้นั ทาไดย้ าก 3. บริษทั จากดั บริษัทจากัด เป็ นรูปแบบของการประกอบธุรกิจท่ีมีความสาคญั ต่อการนามาใชใ้ นการบริหาร และการจดั การองคก์ รธุรกิจดา้ นต่างๆ บริษทั จากดั แบ่งออกเป็น 2 ประเภท (มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555:32- 33) คือ 1. บริษทั เอกชน เป็นบริษทั ที่จดั ต้งั ข้ึนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยการแบ่งทนุ ออกเป็นทนุ มีมลู ค่าของหุน้ เท่ากนั โดยผถู้ ือหุน้ ต่างก็รับผิดชอบจากดั เพยี งไม่เกินจานวนเงินที่ตนยงั ส่งใชไ้ ม่ ครบตามมลู คา่ ของหุน้ ที่ตนถือ 2. บริษทั มหาชน มีลักษณะคล้ายบริษัทเอกชนแต่ต่างกันตรงท่ีมีการจัดต้ังข้ึนด้วยความ ประสงคท์ ่ีจะเสนอขายหุน้ ต่อประชาชนโดยทว่ั ไป โดยผูถ้ ือหุน้ มีความรับผิดจากดั ไม่เกินจานวนเงินค่าหุ้นที่ ตอ้ งชาระและมีผูถ้ ือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของผูถ้ ือหุ้นภายในบริษทั ท้งั หมดท่ีมีอยู่ ซ่ึงมีผูเ้ ร่ิมก่อต้งั จานวน 15 คนข้นึ ไป ข้อดีและข้อเสียของบริษัทจากดั ข้อดีของบริษัทจากดั 1. การรับผดิ ในหน้ีสินท้งั หลายท่ีเกิดจากการดาเนินกิจการจะมีผถู้ ือหุน้ สามญั เป็นผรู้ ับผดิ ในหน้ีสินตามจานวนคา่ หุน้ ที่มีอยู่ 2. การเพม่ิ ทนุ ทาไดง้ า่ ย 3. การเปลี่ยนผถู้ ือหุน้ ทาไดง้ า่ ย 4. มีความมน่ั คงและน่าเช่ือถือมากกวา่ การดาเนินธุรกิจแบบอื่น 5. สามารถหาผบู้ ริหารงานที่มีความสามารถเขา้ มาบริหารงานไดง้ า่ ย

19 ข้อเสียของบริษทั จากดั 1. ในการก่อต้งั ตอ้ งใชค้ า่ ใชจ้ ่ายสูงและมีข้นั ตอนในการก่อต้งั มากและยงุ่ ยาก 2. การดาเนินงานต้องอยู่ภายใตก้ ฎระเบียบข้อบังคบั ทางกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของ ประเทศไทย 3. มีการเสียภาษีซ้าซ้อนท้งั การเสียภาษีในส่วนของกาไรกิจการที่ได้รับผลในแต่ละปี และ การเสียภาษใี นส่วนของเงินไดส้ ่วนบุคคลของผถู้ ือหุน้ ที่มีรายไดจ้ ากเงินปันผลบริษทั 4. ไม่สามารถเก็บความลบั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การดาเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษทั ได้ เพราะตอ้ งมีการเปิ ดเผยขอ้ มลู บริษทั ใหแ้ ก่ผถู้ ือหุน้ ตา่ ง ๆ ประเภทของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มแบ่งออกได้ 3 ประเภท ฉดงั น้ี 1) ธุรกจิ การผลิตหรืออุตสาหกรรม คือ ธุรกิจท่ีมีการนาวตั ถุดิบมาผลิตหรือประกอบเพ่ือให้ เป็นสินคา้ เช่น การแปรรูปอาหาร โรงงานทอผา้ ร้านอาหาร โรงงานผลิตชิ้นส่วนอตุ สาหกรรมขนาด เลก็ ซ่ึงสินคา้ อุตสาหกรรมหน่ึงอาจเป็นวตั ถดุ ิบของอีกอุตสาหกรรมหน่ึงกไ็ ด้ เพราะอตุ สาหกรรมขนาด ใหญ่จาเป็นตอ้ งใชช้ ิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบในการผลิต หากตอ้ งลงทุนผลิตเองท้งั หมดยอ่ ยตอ้ งใชท้ นุ จานวนมาก 2) ธุรกิจการค้า คือ ธุรกิจที่ซ้ือสินคา้ มาเพ่ือนามาจาหน่ายต่อหรือที่เรียกว่า พ่อคา้ คนกลาง โดยพ่อคา้ คนกลางอาจเป็นผคู้ า้ ส่งหรือผคู้ า้ ปลีกก็ได้ โดยธุรกิจร้านคา้ ปลีกเป็นธุรกิจที่มีจานวนมากกวา่ ธุรกิจประเภทอ่ืน เช่น ร้านขายของชา ร้านขายเส้ือผา้ ร้านขายผลไม้ เป็นตน้ รุจิพร เจริญศรี, เขตรัฐ พ่วงธรรมรงค์ และณัฐาพร จริยะปัญญา. (2559) กล่าวถึงธุรกิจการคา้ 2 ประเภท ดงั น้ี 2.1 การค้าส่ง เป็ นธุรกิจที่ซ้ือสินคา้ จากผูผ้ ลิตแลว้ นามาขายต่อให้กบั ผูค้ า้ ปลีกเพื่อขาย สินคา้ ให้กบั ผูบ้ ริโภคต่อไป ผูค้ า้ ส่งจะผลิตสินคา้ ในจานวนมาก ทาการจดั เก็บและจดั สรรให้กบั ผูค้ า้ ปลีกอีกทอดหน่ึง มีการจดั ระบบงานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้ใชแ้ รงงานนอ้ ยสามารถจัดการได้ จึงเป็นธุรกิจท่ีนิยมของผปู้ ระกอบการขยาดยอ่ ม 2.2 การค้าปลีก เป็ นการขายสินค้าให้กับผูบ้ ริโภค เป็ นธุรกิจที่นิยมกันมากเนื่องจาก สะดวกในการจดั ต้งั สามารถใชท้ รัพยกรการดาเนินงานท่ีมีอยอู่ ยา่ งจากดั ในการเขา้ ถึงผบู้ ริโภคที่ตอ้ งการ อยา่ งมีประสิทธิภาพ จดั เป็นธุรกิจท่ีมีจานวนมากกว่าธุรกิจอ่ืน จะดาเนินธุรกิจโดยซ้ือสินคา้ จากผูผ้ ลิต หรือผคู้ า้ ส่งแลว้ นามาขายตอ่ อีกทอดหน่ึง รูปแบบการคา้ ปลีก มีดงั น้ี

20 2.2.1 ร้านค้าปลีกท่ัวไป เรียกอีกชื่อหน่ึงว่า ร้านขายของชา เป็นร้านคา้ ท่ีขายเครื่อง อปุ โภคบริโภค โดยมีหลกั แหล่งท่ีแน่นอน 2.2.2 ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็ นร้านคา้ ปลีกขนาดใหญ่ท่ีมุ่งกลุ่มลูกคา้ ท่ีมีรายไดน้ อ้ ยถึง ปานกลาง 2.2.3 ห้างสรรพสินค้า เป็ นร้านคา้ ขายปลีกที่มีสินคา้ หลายหลายมกั ต้งั อยู่ใจกลาง เมือง เน้นสินคา้ กลุ่มที่มีคุณภาพดี มิท้งั สินคา้ นาเขา้ จากต่างประเทศและผลิตในประเทศ ซ่ึงมีราคา ค่อนข้างสูงกว่าร้านค้าปลีกอื่น ๆ มีการตกแต่งร้าน เน้นความสวยงาม มีพนักงานคอยบริการ ใหค้ าแนะนา 2.2.4 ร้านสรรพาหาร เป็นร้านคา้ แบบบริการตนเอง จาหน่ายสินคา้ กลมุ่ อาหารและ ของใชป้ ระจาวนั เป็นหลกั 2.2.5 ร้านสะดวกซื้อ เป็ นร้านคา้ ปลีกประเภทบุคคลทวั่ ไป มีขนาดพ้ืนที่เล็กที่สุด ประมาณ 15 ตารางเมตร จนถึงใหญ่ที่สุดไม่เกิด 500 ตารางเมตร เนน้ การจดั ร้านการบริหารจดั การที่ ทนั สมยั สินคา้ ท่ีจาหน่ายมกั จะเป็ นสินคา้ กลุ่มอาหารและของใชป้ ระจาวนั มีจานวนสินคา้ น้อยกว่า 5,000 รายการ ส่วนใหญร่ ้านสะดวกซ้ือกระจายอยตู่ ามชุมชนและหรือแหลง่ ชุมชนของคนทว่ั ไป 2.2.6 ร้านค้าปลีกในรูปการณ์ขายส่ง เป็นรูปแบบการขายปลีกแบบตอ้ งเป็นสมาชิก ในประเทศไทยมีเพยี งแห่งเดียว คอื หา้ งแมค็ โคร 2.2.7 ร้านค้าปลกี สินค้าเฉพาะอย่าวหรือสินค้าพิเศษ เป็นรูปแบบการขายที่เนน้ ขาย สินคา้ เฉพาะด้านที่มีคุณภาพ ราคาสูง บางร้านขายสินคา้ เฉพาะย่ีห้อของตนเอง มีพนักงานคอยให้ คาแนะนา 2.2.8 ร้านค้าปลีกเฉพาะที่เน้นราคาถูก ร้านคา้ ประเภทน้ีจะมีลกั ษณะคลา้ ย ๆ กบั ร้านคา้ ปลีกในรูปการณ์ขายส่งท่ีเน้นราคาถูก จะมีสินคา้ หลากหลายในประเภทของสินคา้ หมวดหมู่ เดียวกนั 3) ธุรกจิ การให้บริการ ธุรกิจท่ีเสนอการบริการต่างๆ สู่ผบู้ ริโภค ลกั ษณะสาคญั ของธุรกิจบริการ คือ ใชเ้ งินลงทุนน้อยและเจา้ ของกิจการเป็ นผูใ้ ห้บริการหรือควบคุมแลอย่างใกลช้ ิด เช่น ร้านตดั ผม ร้านซ่อมเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า เป็นตน้

21 ใบกจิ กรรมที่ 2.2 เรื่อง รูปแบบและประเภทของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมต่อไปน้ี 1. แบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กลมุ่ ละเท่า ๆ กนั 2. แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนจบั สลากเพื่อเลือกรูปแบบธุรกิจท่ีจะนาเสนอ 3. ครูกาหนดรูปแบบธุรกิจ ดงั น้ี กลุ่มท่ี 1 กิจการเจา้ ของคนเดียว กลุ่มที่ 2 กิจการหา้ งหุน้ ส่วนสามญั กลุ่มที่ 3 กิจการหา้ งหุน้ ส่วนจากดั กลุ่มที่ 4 กิจการบริษทั จากดั กลุ่มท่ี 5 กิจการบริษทั มหาชนจากดั 4. กลุม่ ที่จบั สลากไดใ้ นประเด็นใด ศึกษา คน้ ควา้ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั รูปแบบธุรกิจน้นั 5. นักเรียนทุกกลุ่มคดั เลือกตวั แทนนาเสนองานที่คน้ ควา้ นาเสนอโดยการเขียน แผนท่ีความคิด: Mind Mapping กลุม่ ละ ไม่เกิน 5 นาที 6. สานาผลงานท่ีคน้ ควา้ ให้จดั ทาเป็ นรายงานเพื่อนาเก็บรวบรวมเป็ นแฟ้มสะสม งานของตนเอง 7. แต่ละกล่มุ ร่วมกนั ตอบขอ้ ซกั ถามของเพื่อนแตล่ ะกลมุ่ และคาถามจากครูผสู้ อน

22 ใบงานท่ี 2.2 เร่ือง รูปแบบและประเภทของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คำชี้แจง ให้นกั เรยี นเขียนข้อความอธบิ ายถงึ ประเภทของธรุ กจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ประเภทของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ธุรกิจการผลติ หมายถึง ........................................................................ หน้าทีส่ ำคัญ ................................................................... ธุรกจิ การคา้ ส่ง การคา้ สง่ คือ ................................................................. ธุรกจิ ค้าปลีก ........................................................................................... ......................................................................................... .......................................................................................... รูปแบบธุรกิจการคา้ ปลีก 1.......................................................................................... 2. ....................................................................................... 3. ...................................................................................... 4.......................................................................................... 5 ....................................................................................... 6. ...................................................................................... 7. ....................................................................................... 8. ...................................................................................... ธุรกจิ บริการ หมายถึง ......................................................................... ......................................................................................... คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนทไี่ ด้ .................คะแนน ลงชื่อ.....................................................ผู้ปฏบิ ตั ิ

23 ใบความรู้ท่ี 2.3 เรื่อง ผ้ปู ระกอบการธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ผู้ประกอบการ เป็นผทู้ ี่ยอมทุ่มเทเวลา ความพยายาม และเงินทุน เพ่ือริเร่ิมและดาเนินธุรกิจ ภายใต้การนาเอกทรัพยากรด้านวตั ถุดิบ วสั ดุชิ้นส่วนประกอบ และอุปกรณ์ เช่น วตั ถุดิบ อาคาร เครื่องจกั ร เคร่ืองมือ อุปกรณ์ ท่ีนามาใชใ้ นการผลิตสินคา้ และบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ เช่น พนกั งาน ผูบ้ ริหาร และบุคลากรท่ีเก่ียวขอ้ ง ทรัพยากรทางดา้ นการเงิน เช่น เงินทุน และทรัพยากรดา้ นขอ้ มูล สารสนเทศ ซ่ึงเป็ นขอ้ มูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ช่วยอานวยความประโยชน์ในการดาเนินธุรกิจ เป็ นตน้ โดยรวมเอาทรัพยากรด้านต่าง ๆ ท่ีได้กล่าวมาและมีอยู่อย่างจากัดน้ัน มาบริหารและจัดการให้ได้ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีตอ่ องคก์ รธุรกิจ คุณลกั ษณะของผูป้ ระกอบการที่ดีในการบริหารจดั การให้ธุรกิจประสบความสาเร็จได้ โดย การจดั กิจกรรมการทางานดา้ นต่าง ๆ ให้บรรลุถึงเป้าหมายและวตั ถุประสงค์ขององค์กรธุรกิจน้ัน ๆ จึงตอ้ งอาศยั ความเป็ นผูบ้ ริหารงานที่เป็ นมืออาชีพและการเป็ นผูป้ ระกอบการท่ีดีเพ่ือเขา้ มาช่วยในการ ดาเนินงานใหม้ ีการเติบโตและสร้างความสามารถเชิงการแขง่ ขนั ที่ดีได้ ควรมีคุณลกั ษณะ ดงั ต่อไปน้ี (พฒั นา ศิริโชติบณั ฑิต. 2546:16-17) 1. มีภาวะเป็นนา (Leadership) สามารถท่ีจะนาผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาท่ีเป็นพนกั งานในระดบั ต่าง ๆ ในแผนกงานท้งั หลายให้เขา้ มาร่วมรับผิดชอบตามหนา้ ที่ของการทางาน มีการประสานงานท่ีดี ใหค้ วาม ร่วมมือและเขา้ ใจถึงปรัชญาการทางานและภารกิจต่างๆ ที่ไดม้ อบหมายให้ปฏิบตั ิดว้ ยความเต็มใจ อยาก มีส่วนร่วมในการทางาน 2. มีทักษะในการบริหารงาน (Management Skill) ผูป้ ระกอบการจะต้องมีทักษะความรู้ ความสามารถในการบริหารจดั การที่ดี สามารถกาหนดเป้าหมายในการทางานได้ มีการวางแผนงานโดย การใชก้ ลยุทธ์ในการทางาน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จกั วิเคราะห์ปัญหาและสามารถแกไ้ ขปัญหา ต่าง ๆ ทางธุรกิจไดเ้ ป็ นอย่างดี มีความรับผิดชอบต่อหนา้ ท่ีการงานท่ีทาและสามารถติดต่อสื่อสารกับ บุคคลท้งั ภายในองคก์ รและนอกองค์กรได้ สามารถควบคุมการทางาน และประเมินผลการทางานได้ อยา่ งเป็นกระบวนการ

24 3. มีมนุษยสมั พนั ธ์ (Human Relationship) โดยการติดต่อส่ือสารระดบั ต่าง ๆ ภายในองคก์ รและ ภายนอกองคก์ ร การติดต่อสื่อสารจากผบู้ งั คบั บญั ชาไปสู่ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา การติดต่อส่ือสารระหวา่ งผบู้ ริหาร กบั ผบู้ ริหารดว้ ยกนั เอง การติดตอ่ ส่ือสารระหวา่ งพนกั งานกบั พนกั งาน การติดต่อส่ือสารจากผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา ไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชา รวมถึงการติดต่อส่ือสารและการประสานงานจากบริษทั ไปสู่สงั คมภายนอกองคก์ รได้ เป็นอยา่ งดี การมีมนุษยสมั พนั ธ์ท่ีดีในการทางานทกุ ระดบั ช้นั จะช่วยใหก้ ารทางานราบรื่น มีความเขา้ ใจซ่ึง กนั และกนั เป็นอยา่ งดี 4. มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ (Creativity) ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งมีวิธีการคิด วิธีการทางานรูปแบบ ใหม่ ๆ เขา้ มาประยุกตใ์ ชก้ บั ธุรกิจ รวมถึงการใชเ้ ทคโนโลยีและเทคนิคการผลิตสินคา้ และบริการ มีการ คิดคน้ วิจยั และการพฒั นาสินคา้ และบริการชนิดใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาดอยเู่ สมอ เพ่ือสร้างให้เกิดมูลค่าเพม่ิ ใหแ้ ก่ตลาดและธุรกิจโดยรวมได้ 5. มีจริยธรรม คุณธรรม และความซ่ือสัตย์ (Honesty and Fairness) นอกจากส่ิงที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ น้ันผูป้ ระกอบการท่ีดียงั จะตอ้ งมีคุณธรรม จริยธรรม และความซ่ือสัตย์ต่อหน้าท่ีการงานและมีความ รับผิดชอบในการทางาน มีการส่งเสริมผทู้ ี่มีความรู้ความสามารถโดยการเลื่อนข้นั มีการเพ่ิมเงินเดือนและ เงินสวสั ดิการดา้ นต่าง ๆ ใหแ้ ก่พนกั งานทกุ ระดบั ช้นั ใหเ้ กิดความยตุ ิธรรมและมีความเทา่ เทียมกนั ตามผลงาน และความรู้ความสามารถจากการประเมินผลงาน ซ่ึงมีอยู่หลาย ๆ องคก์ รธุรกิจไดน้ ามาใชก้ บั การบริหาร จดั การที่เรียกว่า บริษทั ธรรมาภิบาล คือ มีการบริหารงานดว้ ยความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่มีการทุจริต คอรัปชน่ั ในหน่วยงานดา้ นต่าง ๆ ภายในองคก์ รธุรกิจ คุณลกั ษณะของผู้ประกอบการธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คุณลกั ษณะของผปู้ ระกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555:36) มีดงั น้ี 1. มีความมนั่ ใจในตนเอง และกลา้ เสี่ยงอยา่ งมีเหตผุ ล 2. มีนิสัยรักงาน อดทนต่อการทางานหนกั 3. มีความสามารถในการวางแผนการทางานเป็นข้นั ตอน 4. มีความพร้อมท้งั ดา้ นร่างกายและจิตใจที่จะยอมรับความสาเร็จและความลม้ เหลว 5. มีความคดิ สร้างสรรคใ์ นการออกแบบผลิตภณั ฑห์ รือบริการ

25 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกจิ ขนาดย่อม (SWOT Analysis) ข้ันตอนแรกของการวางแผนการตลาด คือ การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมท้งั ภายในและ ภายนอกองค์กร (Internal and External Environment) เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถที่จะกาหนด กลยทุ ธ์การตลาดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสมในทางปฏิบตั ิ องคก์ รธุรกิจควรพิจารณาเลือกกลยทุ ธ์ที่ทา ใหอ้ งคก์ รธุรกิจสามารถใชโ้ อกาสท่ีเกิดข้ึนในคลาด ลดปัจจยั ท่ีคุกคามหรือเป็นอปุ สรรค เพิ่มจุดแขง็ และ จุดอ่อนขององค์กรธุรกิจ การวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มท้ังภายในและภายนอกขององค์กรธุรกิจน้ัน สามารถกระทาโดยใช้วิธีท่ีเรียกว่า การวิเคราะห์สถานการณ์ หรือ SWOT Analysis การวิเคราะห์ สถานการณ์เป็นการประเมินถึงจุดแข็ง (Strengths) จุดอ่อน (Weaknesses) โอกาส (Opportunities) และ อุปสรรค (Threats) ขององคก์ รธุรกิจ (ภาวณิ ี กาญจนาภา. 2554:44-45) 1. จุดแข็งและจดุ อ่อน วิเคราะห์จุดแขง็ และจุดอ่อนเป็นการประเมินสภาพแวดลอ้ มภายใน องคก์ รธุรกิจ การวิเคราะห์จุดแข็ง เป็ นการประเมินถึงปัจจยั หลกั ที่ก่อให้เกิดความไดเ้ ปรียบในการ แข่งขนั ขององคก์ รธุรกิจเหนือคู่แข่งขนั ในตลาด (Core Competencies) เช่น การเป็นเจา้ ของลิขสิทธ์ิหรือ สิทธิบตั รในการผลิตสินคา้ หรือบริการ ผบู้ ริโภคมีความซ่ือสตั ยอ์ ยา่ งสูงในตรายหี่ อ้ ของสินคา้ ขององคก์ ร ธุรกิจ สามารถผลิตสินคา้ หรือบริการดว้ ยตน้ ทุนที่ต่ากว่าคู่แข่งขนั ในตลาด สามารถลดระยะเวลาการ พฒั นาผลิตภณั ฑ์ ทาใหส้ ามารถนาสินคา้ ใหมเ่ ขา้ สู่ตลาดไดเ้ ร็วกวา่ คแู่ ขง่ ขนั เป็นตน้ การวิเคราะห์จุดอ่อน เป็ นการประเมินถึงปัจจยั ท่ีทาให้กิจการอาจจะมีความเสียเปรียบ เมื่อเปรียบเทียบกบั คู่แข่งขนั เช่น การที่องคก์ รธุรกิจมีตน้ ทุนท่ีสูงกว่าคู่แข่งขนั รายอื่นในตลาด องคก์ ร ธุรกิจขาดทรัพยากรการเงินท่ีจะลงทุนในการวิจยั และพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ หรือทาการส่งเสริมการขาย สินคา้ ในตลาด ตรายหี่ อ้ ของสินคา้ ไม่เป็นที่รู้จกั ของผบู้ ริโภคในตลาด เป็นตน้ 2. โอกาสและอุปสรรค การวเิ คราะหโ์ อกาสและอุปสรรคเป็นการประเมินสภาพแวดลอ้ ม ภายนอกองคก์ รธุรกิจ เช่น คแู่ ขง่ ขนั สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และกฎหมาย เป็นตน้ การวเิ คราะห์โอกาส เป็นการวิเคราะหแ์ นวโนม้ ความเป็นไปไดใ้ นอนาคตท่ีจะเกิดปัจจยั ท่ี เอ้ืออานวยต่อการตลาด เพ่ิมรายไดห้ รือกาไรให้กบั องค์กรธุรกิจ เช่น การมีตลาดบางส่วนท่ีมีความ ตอ้ งการที่ยงั ไม่ไดร้ ับการตอบสนอง ความเป็ นไปไดท้ ี่จะเขา้ ร่วมเป็ นพนั ธมิตรในกิจการของคู่แข่งขนั เพ่อื ลดระดบั ของการแขง่ ขนั และเป็นการเสริมสร้างความแขง็ แกร่งในการดาเนินการทางการตลาด การ คน้ พบเทคโนโลยใี หมท่ ่ีช่วยใหส้ ามารถเพ่ิมคณุ คา่ ของสินคา้ และบริการท่ีขายใหก้ บั ลูกคา้ เป็นตน้

26 การวิเคราะห์อุปสรรค เป็ นการประเมินถึงปัจจัยที่คุกคามการดาเนินงาน หรือการทา การตลาดขององค์กรธุรกิจ เช่น การเปล่ียนแปลงในรสนิยมของผูบ้ ริโภคที่ขัดกับทิศทางการทา การตลาดของสินคา้ และบริการขององคก์ รธุรกิจ คูแ่ ขง่ ขนั นาสินคา้ ใหม่ออกขายในตลาด การเพิ่มข้ึน ของกฎหมายหรือระเบียบขอ้ บงั คบั ใหม่ ๆ ที่สามารถเพ่ิมตน้ ทุนในการดาเนินงาน หรือทาการตลาด ขององคก์ รธุรกิจ เป็นตน้ การวางแผนงานของธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม การวางแผนงานของธุรกิจเพื่อเป็ นการกาหนดแนวทางในการทางาน ซ่ึงมีรายละเอียดดา้ น ต่าง ๆ คือ ตอ้ งระบุสินคา้ และบริการของแผนงาน ปริ มาณการขายตามแผนงาน กลุ่มลูกคา้ ท่ีจะซ้ือ ระบบการผลิตอย่างมีข้นั ตอนและกระบวนการ ใครเป็นผบู้ ริหารธุรกิจ ใชเ้ งินลงทุนมากนอ้ ยเพียงใด และสามารถสร้างกาไรทางธุรกิจตามแผนงานเท่าไรเพ่ือทาแผนธุรกิจ ส่วนประกอบของแผนธุรกิจ (มาลี ดวงตาประเสริฐ. 2555:38) ดงั น้ี 1. บทนา กลา่ วถึงประวตั ิและความเป็นมาของธุรกิจจากอดีตถึงปัจจุบนั 2. บทสรุปผู้บริหาร เป็นการเขียนบทสรุปโดยยอ่ ของแผนงานธุรกิจท้งั หมดเพ่ือให้ผบู้ ริหาร หรือผทู้ ่ีเก่ียวขอ้ งไดอ้ ่านและเขา้ ใจแผนธุรกิจไดอ้ ย่างรวดเร็ว ซ่ึงขอ้ มูลจะสรุปเกี่ยวกบั ยอดขายประจาปี กาไรที่ไดร้ ับ คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนินกิจการตลาดปี เป้าหมายและวตั ถปุ ระสงคข์ องแผนธุรกิจสิ่งสาคญั ของแผนธุรกิจ 3. การวิเคราะห์สถานการณ์ทางการตลาด เป็ นการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านต่าง ๆ ท้ัง ผบู้ ริโภค ตวั สินคา้ คู่แขง่ ช่องทางการจดั จาหน่าย การส่งเสริมการตลาด และปัจจยั แวดลอ้ มภายนอก ดา้ นอื่นๆ 4. กาหนดรายละเอียดของธุรกิจ เป็ นขอ้ มูลรายละเอียดที่เก่ียวขอ้ งกบั ประวตั ิความเป็ นมา ของธุรกิจ ผถู้ ือหุน้ และเงินลงทนุ ขนาดของการผลิต พนกั งาน เคร่ืองจกั รและอุปกรณ์ วตั ถุดิบ 5. แผนการผลติ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกบั กระบวนการผลิตสินคา้ และบริการ ตน้ ทุนในการ ผลิตท้งั ตน้ ทนุ คงท่ีและตน้ ทนุ ผนั แปร คา่ ใชจ้ ่ายในการผลิต 6. แผนการตลาด เป็ นการวางแผนการตลาดสาหรับสินคา้ และบริการของธุรกิจ โดยมีการ พยากรณ์ยอดขายสินคา้ ต่าง ๆ โดยรวม ตน้ ทุนสินคา้ กาไรข้นั ตน้ ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงาน กาไร ลูกคา้ เป้าหมายทางการตลาด กลยทุ ธท์ างการตลาด

27 7. การจัดการองค์การ เป็ นการจดั โครงสร้างการทางานของฝ่ ายงานต่าง ๆ เพ่ือให้เหมาะสมกบั ธุรกิจ 8. แผนทางการเงนิ เป็นการสรุปรายไดท้ ่ีมาจากยอดขายและรายไดอ้ ื่น ๆ ตามแผนงาน และการใช้ เงินทุนในเครื่องจกั ร อปุ กรณ์ วตั ถุดิบ พนกั งาน งบกาไรขาดทนุ งบดุล งบกระแสเงินทุน 9. สรุปท้ายแผนงาน เป็ นการสรุปทา้ ยแผนงานท่ีเป็ นภาพรวมของแผนโดยเนน้ ความสาคญั ของ งานดา้ นต่าง ๆ ของแผนธุรกิจ นอกจากน้ีอาจมีภาคผนวกท่ีเป็ นการนาเสนอเกี่ยวกับราคาอุปกรณ์ เครื่องจกั ร รายงาน ผลการวิจยั หรือแผนการดาเนินงานในรอบหน่ึงปี ขา้ งหนา้ สรุป การเป็นผปู้ ระกอบการจะตอ้ งมีคุณลกั ษณะ คุณสมบตั ิ และทกั ษะของผปู้ ระกอบการท่ีควรมี ความรู้พ้ืนฐานอนั เก่ียวเนื่องกับธุรกิจขนาดย่อมก่อน การเร่ิมตน้ ธุรกิจ รวมถึงขอ้ มูลด้านธุรกิจที่มีผล อิทธิพลต่อการตดั สินใจดาเนินธุรกิจ นอกจากน้ียงั ตอ้ งมีความรู้เกี่ยวกบั นวตั กรรมเพื่อผปู้ ระกอบการเป็น ความรู้ท่ีผปู้ ระกอบการสามารถนามาใชใ้ นการพฒั นาศกั ยภาพ เพอื่ ใหก้ ารดาเนินธุรกิจของตนเองสามารถ ดาเนินงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลเพ่ิมข้นึ

28 ใบกจิ กรรมที่ 2.3 เรื่อง ผู้ประกอบการธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมตอ่ ไปน้ี 1. แบง่ กลุ่มออกเป็น 4-5 กล่มุ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั 2. แต่ละกลมุ่ วิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มของธุรกิจ หาจุดออ่ น จุดแขง็ โอกาศและอปุ สรรคของธุรกิจ ที่ตนเองจดั ต้งั ข้นึ 3. นกั เรียนทุกกลมุ่ คดั เลือกตวั แทนนาเสนองานท่ีคน้ ควา้ และจดั ทาเป็นรายงานเพ่อื นาเก็บรวบรวม เป็ นแฟ้มสะสมงานของตนเอง 4. แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ตอบขอ้ ซกั ถามของเพ่ือนแต่ละกลมุ่ และคาถามจากครูผสู้ อน

29 ใบความรู้ที่ 2.4 เร่ือง การตลาดสาหรับธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม การจัดการการตลาดธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม การจดั การการตลาด (Marketing Management) หมายถึง กระบวนการในการจดั กิจกรรมทางการ ตลาด (Marketing Activities) โดยการการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการตลาด เพ่ือตอบสนองความ ตอ้ งการ ความคาดหวงั ของลกู คา้ และสังคม พฒั นาแผนการตลาด ปฏิบตั ิตามแผน การดาเนินการส่ือสาร สร้างสรรค์ และเสนอการแลกเปลี่ยนที่มีมูลค่าท่ีสร้างความพึงพอใจแก่ลูกคา้ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ (รุจิ พร เจริญศรี, เขตรัฐ พว่ งธรรมรงค์ และณาพร จริยะปัญญา. 2559:95) ประโยชน์ของการจัดการตลาดธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม ประโยชน์ของการจดั การตลาด มี 3 ลกั ษณะ (รุจิพร เจริญศรี, เขตรัฐ พ่วงธรรมรงค์ และณาพร จริยะปัญญา. 2559:95) ดงั น้ี 1. ประโยชน์ในฐานะของผ้บู ริโภค มดี ังนี้ 1.1 ทาใหผ้ บู้ ริโภคมีสินคา้ และบริการไดต้ ามตอ้ งการ ไม่ว่าตอ้ งการบริโภคสินคา้ ใดก็ตามก็ สามารถหาซ้ือได้ ทาใหไ้ ดร้ ับการตอบสนองความตอ้ งการไดท้ นั เวลา 1.2 ทาใหผ้ บู้ ริโภคเป็นผคู้ รอบครองสินคา้ หรือเป็นเจา้ ของสินคา้ ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ เกิดความ ภาคภูมิใจ และสามารถใชป้ ระโยชน์จากสินคา้ และบริการน้นั ๆ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ 1.3 ทาให้ผูบ้ ริโภคมีขอ้ มูลข่าวสารเก่ียวกบั สินคา้ และบริการ จากกิจกรรมการส่ือสารทาง การตลาดที่นกั การตลาดจดั ทาข้นึ ไดแ้ ก่ การโฆษณา การประชาสมั พนั ธ์ การขายโดยบุคคล การส่งเสริม การขายและการตลาดทางตรง 1.4 ทาให้ผูบ้ ริโภคสามารถนาหลักการด้านการตลาดต่าง ๆ มาปรับใช้กับการดารงชีวิต ประจาวนั ของแตล่ ะบคุ คลได้ โดยนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพส่วนตวั เช่น การนาความรู้ดา้ น การประชาสัมพนั ธ์ไปสร้างความพึงพอใจให้กับผูร้ ่วมงาน ผูบ้ งั คับบัญชา เพ่ือนและสมาชิกภายใน ครอบครัว ใหเ้ กิดความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งตนเองกบั ผอู้ ื่นในสังคม

30 2. ประโยชนใ์ นฐานผปู้ ระกอบการนกั การตลาดหรือหน่วยงานธุรกิจ มีดงั น้ี 2.1 เป็นกิจกรรมที่สร้างกาไรและสร้างรายไดใ้ ห้กบั องค์กรทุกองคก์ ร ธุรกิจใดก็ตามท่ีผลิต สินคา้ ออกมาแลว้ ขายไม่ได้ ธุรกิจน้นั ก็จะไม่มีรายไดเ้ ขา้ สู่กิจการและก็จะดาเนินกิจการต่อไปไม่ได้ แตถ่ า้ กิจการใดมีความชานาญ มีการพฒั นากลยทุ ธ์ทางการตลาดอย่ตู ลอดเวลา ก็ทาให้ผลิตภณั ฑข์ องธุรกิจน้นั เป็นที่ตอ้ งการของผบู้ ริโภค ซ่ึงจะนามาสู่รายไดแ้ ละผลกาไรในท่ีสุด 2.2 ช่วยทาใหต้ น้ ทุนในการผลิตต่อหน่วยของธุรกิจลดลง เพราะมีการพฒั นาทางเทคโนโลยี ต่าง ๆ ทาให้เกิดการผลิตขนาดใหญ่ (Mass Production) เพื่อตอบสนองความต้องการของผูบ้ ริโภค จานวนมาก 2.3 ทาให้ผูป้ ระกอบการหรือธุรกิจมีความรู้และสามารถนาไปประยุกต์กบั งานธุรกิจของ ตวั เอง ทาใหม้ ีความรู้ความสามารถ เขา้ ใจหลกั ในการวางแผนกลยทุ ธท์ างการตลาด ทาใหล้ ดการผิดพลาด จากการตดั สินใจดาเนินการดา้ นธุรกิจ 3. ประโยชนใ์ นระบบเศรษฐกิจและสงั คม มีดงั น้ี 3.1 ช่วยยกระดบั มาตรฐานการครองชีพให้กบั สังคม ทาให้เกิดมาตรฐานการครองชีพของ ผู้บริ โภคในสังคมให้สูงข้ึน มีความอยู่ดีกินดีมากข้ึน มีสินค้าท่ีอานวยความสะดวกต่าง ๆ ใน ชีวติ ประจาวนั 3.2 ช่วยก่อให้เกิดการจ้างงานมากข้ึน มีงานเกิดข้ึนมากมายจากกิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับ การตลาด เช่น งานขาย งานซ้ือ งานโฆษณา งานประชาสัมพนั ธ์ งานประกนั ภยั งานให้คาปรึกษา ทางการตลาด ซ่ึงงานเหล่าน้ีลว้ นเป็นบุคคลที่จะตอ้ งทาหนา้ ที่เกี่ยวกบั การตลาดท้งั สิ้น 3.3 ทาใหเ้ กิดการตลาดระหวา่ งประเทศ (International Marketing) ในกรณีที่สินคา้ บางชนิด ที่ผลิตได้เกินกว่าความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคภายในประเทศ หรือประเทศไทยสามารถผลิตได้ในราคา ตน้ ทนุ ต่ากวา่ ตา่ งประเทศ ทาใหไ้ ทยสามารถส่งสินคา้ ออกไปขายในตลาดตา่ งประเทศได้ 3.4 ทาให้เกิดการหมุนเวียนของปัจจยั การผลิต ประกอบด้วย วตั ถุดิบ แรงงาน ที่ดิน และเงิน โดยการนาปัจจยั การผลิตท่ีมีอยู่มาผลิตเป็ นสินคา้ สาเร็จรูปข้ึน เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ สอดคลอ้ งกบั ภาวะเศรษฐกิจและสงั คม แนวความคดิ การจดั การการตลาด แนวความคิดการจดั การตลาด หมายถึง แนวทางปรัชญาและหลกั การท่ีองคก์ รดาเนินกิจกรรม ทางการตลาดไวใ้ ห้นกั การตลาดใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั การการตลาด ต้งั แต่ยุคเร่ิมตน้ จนถึงปัจจุบนั ได้ แบ่งออกเป็ น 5 แนวความคิด (รุจิพร เจริญศรี, เขตรัฐ พ่วงธรรมรงค์ และณาพร จริยะปัญญา. 2559:95) ดงั น้ี

31 1. แนวความคิดทางการตลาดที่เน้นการผลิต (Production Concept) เป็นแนวความคิดท่ียึดหลกั ผบู้ ริโภคมีความพึงพอใจสินคา้ ท่ีขายอยใู่ นทอ้ งตลาด จะเกิดข้ึนในกรณีความตอ้ งการมากวา่ ปริมาณสินคา้ ท่ีเสนอขาย คือ การมีลกั ษณะผูกขาดหรือมีคู่แข่งขันน้อยมาก ผูผ้ ลิตจะเน้นการผลิตที่มีตน้ ทุนต่าสุด โดยไม่คานึงถึงความตอ้ งการของลกู คา้ มากนกั เช่น การขายหมู่บา้ นจดั สรรท่ีใชแ้ บบแปลนเดียวกนั การ ผลิตเส้ือผา้ คร้ังละมากๆ ที่มีรูปแบบ รูปทรง และขนาดเดียวกนั เป็นตน้ 2. แนวความคิดทางการตลาดที่เนน้ ผลิตภณั ฑ์ (Product Concept) เป็นแนวความคดิ ทางการตลาด ท่ีเกิดข้ึนภายใตส้ ถานการณ์ ดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 ผูบ้ ริโภคจะมีความชอบและพอใจท่ีจะซ้ือสินคา้ ท่ีให้คุณค่าสูงสุด เม่ือเปรียบเทียบกบั ราคาสินคา้ ดงั น้นั ผูบ้ ริโภคจะซ้ือผลิตภณั ฑโ์ ดยเนน้ คุณภาพของผลิตภณั ฑ์ และมีการตดั สินใจซ้ือสินคา้ อยา่ งรอบคอบโดยใชแ้ รงจูงใจดว้ ยเหตุผลมากกวา่ อารมณ์ 2.2 ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งพยายามปรับปรุงคุณภาพของสินคา้ ใหม้ ากท่ีสุด และดีกว่าคู่แข่งขนั ในตลาด เพื่อสร้างความแตกตา่ งในดา้ นผลิตภณั ฑจ์ ากคู่แข่งขนั ใหม้ ากที่สุด 2.3 ธุรกิจหรือสินคา้ มีคู่แข่งขนั ในตลาดมาก ซ่ึงผูบ้ ริโภคจะมีขอ้ มูลเก่ียวกบั สินคา้ คู่แข่งขนั เป็นอยา่ งดี 3. แนวความคิดทางการตลาดที่เน้นการขาย (The Selling Concept) เป็ นแนวความคิดทาง การตลาดท่ีเสนอผลิตภณั ฑแ์ ละใชว้ ิธีการขายตา่ งๆ เพือ่ จูงใจผบู้ ริโภคใหซ้ ้ือสินคา้ มีลกั ษณะสาคญั ดงั น้ี 3.1 ผูบ้ ริโภคจะซ้ือสินคา้ เมื่อธุรกิจได้กระตุน้ ให้ผูบ้ ริโภคเกิดความสนใจในตวั สินคา้ ซ่ึง กิจกรรมกระตุน้ ที่ทาใหผ้ บู้ ริโภคเกิดความสนใจ ธุรกิจตอ้ งใชเ้ ครื่องมือขายต่าง ๆ ช่วย เช่น การส่งเสริม การขาย โดยการลดราคา แจกของแถมและคปู อง สินคา้ ตวั อยา่ ง 3.2 ธุรกิจจาเป็ นต้องอาศัยหน่วยงานขายท่ีประกอบด้วยพนักงานขายที่มีความสามารถ เพือ่ หาวิธการขายและกระตุน้ จูงใจผบู้ ริโภคใหเ้ กิดการซ้ือเพม่ิ มากข้ึน 3.3 แนวความคิดเนน้ ดา้ นการขาย ส่วนใหญ่จะใชก้ บั สินคา้ ท่ีขายยาก สินคา้ ใหมท่ ี่เพ่มิ ออกสู่ ตลาด สินคา้ ประเภทที่ผซู้ ้ือมิไดเ้ สาะแสวงหา และสินคา้ ที่มีคแู่ ขง่ ขนั มากมาย ซ่ึงสินคา้ เหลา่ น้ีจาเป็ นตอ้ ง อาศยั เทคนิคการขาย เป็นลกั ษณะของการขายและการส่งเสริมการขายเขา้ ช่วยในการเสนอขาย เพื่อทาให้ ผูบ้ ริโภคเกิดการตดั สินใจซ้ือมากข้ึน เช่น เมื่อซ้ือตูเ้ ย็นแอบจีทุกรุ่น รับฟรีชุดแกว้ พร้อมกระบอกน้า มูลค่า 250 บาท วนั น้ีถึง 15 พฤษภาคม บา้ นและวสั ดุภณั ฑส์ าขาราชบุรี ลดราคาสินคา้ ทุกชนิดในวนั ครบรอบ 10 ปี เป็นตน้

32 4. แนวความคิดทางการตลาดที่เนน้ การตลาด (Marketing Concept) เป็นแนวความคิดที่นิยม ใชก้ นั มากในปัจจุบนั เป็นแนวความคิดท่ีตอ้ งกาหนดถึงความตอ้ งการของผบู้ ริโภคแตล่ ะกล่มุ และมี การกาหนดกลุ่มตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วพยายามดาเนินกิจกรรมทางตลาดเพ่ือสนอง กลมุ่ เป้าหมายใหเ้ กิดความพึงพอใจมากท่ีสุด มีลกั ษณะสาคญั ดงั น้ี 4.1 เป็นแนวความคิดที่มุ่งเมน้ ความตอ้ งการและความพึงพอใจของลูกคา้ และคน้ หาความ ตอ้ งการและตอบสนองความตอ้ งการ 4.2 ธุรกิจจะตอ้ งเน้นความสาคญั ของการวิจยั การหาขอ้ มูล เพื่อคน้ หา กาหนดและเลือก ตลาดเป้าหมาย ตลาดจนการวางแผนกลยุทธ์การตลาดแบบประสมประสานท่ีมีประสิทธิภาพให้ แตกต่างและดีกวา่ คู่แขง่ ขนั 4.3 ธุรกิจจะตอ้ งมีการผลิตและปรับปรุงดดั แปลงผลิตภณั ฑ์เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการ ของกลุ่มผูบ้ ริโภคแต่ละกลุ่มตลาดเวลา เช่น สร้างผลิตภณั ฑ์ใหม่ การนาผลิตภณั ฑเ์ ก่ามาปรับปรุง ใหม่ เป็นตน้ 5. แนวความคิดทางการตลาดท่ีเน้นสังคม ( The Societal Marketing Concept) เป็ น แนวความคิดที่สืบเน่ืองมาจากในปัจจุบนั พฤติกรรมผบู้ ริโภคมีการเปลี่ยนแปลง มีความคิดที่คานึงถึง สุขภาพกาย สุขภาพจิต และส่ิงแวดลอ้ มที่อยรู่ อบ ๆ ตวั มากข้ึน และตดั สินใจซ้ือสินคา้ ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกายและจิตใจของตวั เอง และสินคา้ น้นั ตอ้ งไม่ทาลายสิ่งแวดลอ้ ม ดงั น้นั แนวความคิดทางการ ตลาดน้ีจึงไดร้ ับความนิยมจากธุรกิจตา่ ง ๆ มากข้นึ เป็นลาดบั มีลกั ษณะสาคญั ดงั น้ี 5.1 ธุรกิจจาเป็ นตอ้ งคานึงถึงความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค และผลประโยชน์ท่ีผูบ้ ริโภคจะ ไดร้ ับ โดยเสนอสินคา้ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของผูบ้ ริโภคมากข้ึน และตอ้ งรักษาการอยู่ดี กินดีของผบู้ ริโภคและสงั คม 5.2 ธุรกิจตอ้ งผลิตและเสนอขายสินคา้ และบริการท่ีคานึงถึงสังคมและส่ิงแวดลอ้ ม โดย สินคา้ ที่ผลิตข้ึนตอ้ งไม่ทาลายส่ิงแวดลอ้ ม หรือทาให้สังคมเกิดความเส่ือมเสียข้ึนได้ ธุรกิจตอ้ งมี ความรับผิดชอบต่อปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม กฎหมาย การเมือง สวสั ดิภาพของผูบ้ ริโภค ตลอดจน ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกนั การตลาดท่ีเนน้ สังคมอาจเรียกอีกอย่างหน่ึงวา่ การตลาดสีเขียว (Green Marketing) 5.3 เป็ นแนวคิดทางการตลาดท่ีธุรกิจมุ่งเน้นความรับผิดชอบ ท่ีนักการตลาดควรจะมีต่อ สงั คม มีศีลธรรม และจรรยาบรรณตา่ ง ๆ มากข้ึน

33 การต้ังชื่อตราสินค้า (Branding) ช่ือตรายหี่ อ้ ผลิตภณั ฑท์ ี่ดีเป็นส่วนหน่ึงที่นามาซ่ึงความสาเร็จของผลิตภณั ฑใ์ นตลาด ลกั ษณะของช่ือ ตรายหี่ อ้ ผลิตภณั ฑท์ ี่ดีควรมีลกั ษณะ (ภาวณิ ี กาญจนาภา. 2554:157) ดงั น้ี 1. มีความโดดเด่นและมีความหมายในทางบวก 2. เป็นช่ือท่ีส้นั งา่ ยตอ่ การสะกด ออกเสียง และจดจา 3. ไม่ซ้ากับผูข้ ายรายอื่นและไม่ใช่ช่ือตรายี่ห้อผลิตภัณฑ์ที่ถูกจดทะเบียนเคร่ืองหมายการค้า โดยผขู้ ายรายอ่ืน 4. เขา้ ไดก้ บั ภาพลกั ษณ์ขององคก์ รและการเพ่มิ สายผลิตภณั ฑ์ 5. มีความหมายท่ีเหมาะสมเมื่อนาผลิตภณั ฑไ์ ปผลิตและจาหน่ายในวฒั นธรรมที่แตกตา่ ง 6. บง่ บอกถึงผลิตภณั ฑ์ คุณสมบตั ิ ประโยชน์ของผลิตภณั ฑ์ กลยทุ ธ์ตรายหี่ ้อผลติ ภณั ฑ์ ในการตดั สินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ตรายี่ห้อผลิตภัณฑ์ขององค์กรธุรกิจน้ัน ข้นั แรก องค์กรธุรกิจ จาเป็นตอ้ งทาการตดั สินใจว่าจะทาการต้งั ช่ือตราย่ีห้อผลิตภณั ฑห์ รือไม่ องคก์ รธุรกิจอาจตดั สินใจไม่ต้งั ชื่อ ตรายี่ห้อผลิตภณั ฑ์ของตน เนื่องจากผลิตภณั ฑ์ท่ีจาหน่ายในตลาดไม่มีความแตกต่างจากผลิตภณั ฑข์ องคู่ แข่งขนั ผลิตภณั ฑเ์ หล่าน้ีไดแ้ ก่ ตะปู เขม็ เยบ็ ผา้ และผลิตภณั ฑป์ ระเภทวตั ถุดิบต่างๆ เช่น ฝ้าย ขา้ วสาลี หรืออาจเป็นผลิตภณั ฑผ์ กั และผลไมท้ ี่เน่าเสียหายงา่ ย ซ่ึงผลิตภณั ฑต์ ่าง ๆ ท่ีไม่มีตรายหี่ อ้ ผลิตภณั ฑเ์ หลา่ น้ีถูก เรียกวา่ ผลิตภณั ฑท์ ว่ั ไป (Generic Products) ในการใชก้ ลยทุ ธ์ผลิตภณั ฑท์ ว่ั ไป ราคาของผลิตภณั ฑท์ ี่ต่ากว่าจะเป็นปัจจยั สาคญั ในการดึงดูดใจให้ เกิดการซ้ือผลิตภัณฑ์โดยราคาผลิตภัณฑ์ทั่วไปอาจต่ากว่าราคาตรายี่ห้อผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิต 30-40 เปอร์เซ็นต์ และต่ากว่าราคายี่ห้อผลิตภณั ฑ์ของผูค้ า้ ปลีก 20-25 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดีความนิยมและการ ยอมรับในผลิตภณั ฑท์ ว่ั ไปไดล้ ดนอ้ ยลง เนื่องจากผูบ้ ริโภคเกิดความลงั เลสงสัยในคุณภาพและแหล่งกาเนิด ของผลิตภณั ฑ์ นอกจากน้ี ท้งั ผผู้ ลิตและคนกลางยงั พบว่าตนเองสามารถไดร้ ับแนวโนม้ ผลกาไรเพ่ิมข้ึนจาก การใชช้ ื่อตรายห่ี อ้ ผลิตภณั ฑข์ องตนเอง เช่น ผลิตภณั ฑผ์ ลไมส้ ด กลว้ ยหอม และสับปะรด ท่ีมีการใชช้ ่ือตรา ยหี่ อ้ ผลิตภณั ฑ์ Dole เป็นตน้ (ภาวณิ ี กาญจนาภา. 2554:157-158)

34 ใบกจิ กรรมที่ 2.4 เรื่อง การตลาดสาหรับธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมตอ่ ไปน้ี 1. จากการแบ่งกลุ่มจดั ต้งั ธุรกิจจาลอง ใหน้ กั เรียนร่วมกนั ออกแบบตราสินคา้ ของ ธุรกิจที่กลุ่มจดั ต้งั ข้นึ 2. ธุรกิจแต่ละกลุ่มให้วิเคราะห์สภาพตลาดท่ีกลุ่มของตนเองจะเจาะตลาด และ อธิบายถึงแผนการตลาดท่ีจะนาเสนอ(แนวทางการจาหน่ายแบบภาพรวม) 3. แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนนาเสนองาน และรับฟังขอ้ คิดเห็นจากเพ่ือนร่วมช้ันเพื่อ นาผลงานไปพฒั นา 4. สานาผลงานท่ีคน้ ควา้ ใหจ้ ดั ทาเป็ นรายงานเพ่ือนาเก็บรวบรวมเป็ นแฟ้มสะสม งานของตนเอง

35 แบบทดสอบหลงั เรียนประจาชุดที่ 2 เร่ือง ธุรกจิ ขนาดกลางและขนาดย่อม คาชีแ้ จง : แบบทดสอบฉบบั น้ีมีท้งั หมด 10 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน ใหน้ กั เรียนอ่านทาความเขา้ ใจคาถามแต่ละขอ้ และพยายามคิดหาคาตอบที่ถูกตอ้ ง แลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท () ทบั อกั ษร ก. ข. ค. หรือ ง. ท่ีเป็นคาตอบที่ถูกที่สุดเพยี งคาตอบเดียวลงในกระดาษคาตอบ 1. ขอ้ ใดเป็นความสาคญั ของธุรกิจขนาดยอ่ ม 5. เม่ือเปรียบเทียบกบั ร้านขนาดใหญ่ ร้านขนาดเลก็ ก. เป็นแหลง่ ผลิตสินคา้ ใหม่ จะเสียเปรียบเร่ืองใดมากที่สุด ข. ช่วยใหภ้ าครัฐมีรายไดส้ ูง ก. ขายของถูกกวา่ ข. คนงานมีนอ้ ยกวา่ ค. ช่วยใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีของรัฐมีงานทา ค. เงินทุนมีนอ้ ยกวา่ ง. บริการกนั เองมากวา่ ง. เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการสร้างความรู้ 6. จุดขายของธุรกิจขนาดยอ่ ม คอื ขอ้ ใด 2. ขอ้ ใดเป็นการวเิ คราะห์ SWOT Analysis ดา้ น ก. สินคา้ ราคาถูก ข. บริการเป็นกนั เอง จุดแขง็ ของผปู้ ระกอบการ ค. ความโอ่อ่าของร้าน ง. พนกั งานไดร้ ับการอบรม ก. วเิ คราะหส์ ่ิงท่ีผปู้ ระกอบการไมถ่ นดั ไม่ชอบ 7.ธุรกิจประเภทใดที่เปล่ียนวตั ถดุ ิบใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑ์ ข. วเิ คราะห์วา่ ตนเองมีความรู้ ความสามารถดา้ น ใหม่ ใดบา้ ง ก. ธุรกิจการผลิต ข. ธุรกิจคา้ ส่ง ค. วเิ คราะหส์ ่ิงที่เอ้ืออานวยให้การทางานน้นั ค. ธุรกิจคา้ ปลีก ง. ธุรกิจบริการ เป็นไปตามจุดมงุ่ หมาย 8. ธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มประเภทใดมากที่สุด ง. วิเคราะห์ส่ิงท่ีส่งผลกระทบต่อเป้าหมายทาให้ ก. กิจการคา้ ปลีก ข. กิจการการผลิต ไม่สามารถบรรลวุ ตั ถุประสงคไ์ ด้ ค. กิจการการคา้ ส่ง ง. กิจการท่ีใหบ้ ริการ 3. ธุรกิจประเภทใดท่ีเนน้ ขายสินคา้ ใหก้ บั ผบู้ ริโภค 9. เหตุใดการบริหารงานของกิจการที่เป็นนิติบุคคลจึง คนสุดทา้ ย มีความน่าเชื่อถือมากกวา่ บคุ คลธรรมดา ก. การบริการ ข. การคา้ ส่ง ก. มีขนาดกิจการใหญก่ วา่ ค. การคา้ ปลีก ง. อตุ สาหกรรมการผลิต ข. จดทะเบียนจดั ต้งั กบั ภาครัฐ 4. ขอ้ ใดกลา่ วเป็นความจริง ค. จดั ทาบญั ชีตามมาตรฐานการบญั ชี ก. ความสาเร็จของธุรกิจเกิดจากการมีเงินทุน ง. จดทะเบียนจดั ต้งั กบั ภาครัฐและจดั ทาบญั ชี มาก ตามมาตรฐานการบญั ชี ข. ธุรกิจขนาดเลก็ ไม่มีส่วนช่วยใหเ้ งินทนุ 10. ธุรกิจขนาดย่อมสามารถดาเนินงานออกมาใน หมุนเวียน ลกั ษณะใดไดบ้ า้ ง ค. ธุรกิจขนาดใหญเ่ ท่าน้นั ที่ช่วยใหเ้ งินทนุ หมนุ เวยี น ก. กิจการคา้ ปลีก กิจการคา้ ส่ง ข. กิจการที่ใหบ้ ริการตา่ งๆ ง. ธุรกิจขนาดใหญท่ ี่ประสบความสาเร็จเกิดจาก ค. กิจการการผลิต การสร้างสมประสบการณ์จากกิจการขนาดเลก็ ง. ถกู ทุกขอ้

36 เอกสารอ้างองิ นุตประวีณ์ เลิศกาญจนวตั ิ นาธาร นุชนุ่ม และ ดร.สุริยะ เจียมประชานรากร. หนังสือหมวดวิชา พืน้ ฐาน ธุรกจิ และการเป็ นผู้ประกอบการ. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์ ศนู ยส์ ่งเสริมวชิ าการม, 2554 พฒั นา ศิริโชติบณั ฑิต. การจัดการธุรกจิ เบื้องต้น. กรุงเทพฯ : บริษทั สานกั พิมพแ์ มค็ จากดั , 2546. ภาวิณี กาญจนาภา. หลกั การตลาด. กรุงเทพฯ : บริษทั สานกั พมิ พท์ อ้ ป จากดั , 2554. มาลี ดวงตาประเสริฐ. หนงั สือเรียน รายวชิ าเพม่ิ เติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี งานธุรกจิ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 – 6 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: บริษทั สานกั พิมพแ์ มค็ จากดั , 2555. รุจิพร เจริญศรี เขตรัฐ พ่วงธรรมวงค์ และณฐั าพร จริยะปัญญา. การบริหารธุรกจิ ขนาดย่อม. กรุงเทพฯ : บริษทั แมค็ ดูเคชนั่ จากดั , 2559. สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย, 2551. อรุณี ลิมศิริ และสุดารัตน์ อุ่นเมือง. หนงั สือเรียน รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ธุรกจิ และการเป็ นผู้ประกอบการ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 4-6. กรุงเทพฯ : บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพาณิช จากดั , ม.ป.ป.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook