คมู่ ือการลงทุนระบบผลิตก๊าซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม (H2S Bio-Scrubber System/Biogas Dryer/Generator ขนาด 1 เมกาวัตต์) ประมาณ 20 ล้านบาท และมี ผลลัพธ์ประมาณ 1 เมกาวัตต์ ใช้งาน 4 - 6 ช่ัวโมง/วัน จานวน 300 วัน/ปี ซึ่งในกรณีศึกษาน้ีเป็นการลงทุน ของโรงงานอุตสาหกรรมสกัดน้ามันปาล์ม โดยมีรายละเอียดรายค่าระบบผลิต ก๊าซชีวภาพจะนาเสนอใน หวั ขอ้ ถัด กาหนดให้มีการช้อื หญ้าเนเปียร์จากกลุ่มเกษตรในราคาตันละ 700 บาท/วัน เป็นจานวน 35 ตัน/วัน และมีเคร่ืองกาลังไฟฟูา จานวน 2 เคร่ือง (เป็นเครื่องสารอง 1 เคร่ือง) ตัวอย่างข้อมูลตามหลักเกณฑ์การ พจิ าณาด้านการเงนิ แสดงในตารางท่ี 5-2 โดยท่ียงั ไม่รวมมลู คา่ รถขนส่งหญ้าเนเปยี ร์ ดงั น้ี ตารางท่ี 5-2 มลู คา่ ลงทุนของเทคโนโลยีการผลติ กา๊ ซชวี ภาพแบบครบวงจรในกรณีศึกษา ระบบผลติ ก๊าซชีวภาพ ราคา BOQ (บาท) (%) 1. งานโครงสรา้ งและงานโยธา 1) งานบอ่ รับน้าเสีย/นา้ ดี 250,000 0.53% 2) งานบอ่ Feed/ บอ่ พักวัตถุดิบ 1,250,000 2.65% 3) ลานตากตะกอน/ลานรบั วตั ถดุ ิบ 750,000 1.59% 4) งานรางสง่ น้าเสีย/น้าดี 250,000 0.53% 2. งานเครอื่ งกลและระบบสุขาภบิ าล 500,000 1.06% 1) งานท่อส่งน้าเสีย/ตะกอน 1,500,000 3.17% 2) งานถังระบบผสมกอ่ น 3) งานทอ่ ส่งกา๊ ซ 400,000 0.85% 4) งานระบบ (CMU-CSTR, 3,500 ลบ.ม.) 10,000,000 21.16% 3. งานไฟฟา้ และควบคุม 1) งานระบบไฟฟา้ ควบคุมระบบก๊าซชวี ภาพ 4,500,000 9.52% 2) งานระบบไฟฟา้ 500,000 1.06% 3) งานสายล่อฟ้า 150,000 0.32% 4) EPC 15% ระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพ 3,007,500 6.37% 1,692,500 3.58% 5) ภาษมี ูลคา่ เพม่ิ 7% 2,500,000 5.29% 6) คา่ ทปี่ รึกษา 12,000,000 25.40% ระบบนาก๊าซชีวภาพไปใชป้ ระโยชน์ 2,000,000 4.23% 1) เครอ่ื งยนต์กา๊ ซชีวภาพ 1 เมกาวตั ต์ 3-6 ช่วั โมง 2) งานติดต้ังเคร่อื งยนต์กา๊ ซชีวภาพ 3) งานอาคารควบคมุ 1,000,000 2.12% 4) งานระบบบาบดั กา๊ ซ (H2S, ลดความช้ืน) 2,700,000 5.71% 5) งาน VSPP 1,000,000 2.12% 6) ภาษีมูลคา่ เพิม่ 7% 1,300,000 2.75% ราคารวมท้ังโครงการ (Total Investment) 47,250,000 100.00% หนา้ 5-21
คมู่ อื การลงทนุ ระบบผลติ กา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอุตสาหกรรม 2) ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการของโครงการในกรณีศึกษา ได้แก่ การรับซื้อหญ้าเนเปียร์ วัตถุดิบ ทางเลอื ก (รวมการขนส่งและการรวบรวม) ค่าแรง ค่าซ่อมบารุง ค่าไฟฟูาและน้าประปา รวมถึง ค่าตรวจวิเคราะห์และอ่นื ๆ มดี งั แสดงในตารางท่ี 5-3 ดงั น้ี ตารางที่ 5-3 สรปุ เปรียบเทียบดา้ นคา่ ใช้จา่ ยต่อวนั โรงงานกรณีศึกษา บาท/วนั ลาดับ ชนดิ 24,500 3,200 1 มลู ค่าหญา้ เนเปียร์1 700 บาท/ตนั (35 ตัน/วัน) 2,400 2 ค่าบรหิ ารจดั การระบบ (2%2 Co-Digestion & CSTR) 400 400 3 ค่าบารงุ รักษา (1.5%2 ของการลงทนุ และพิจารณา/วัน) 4 ค่าตรวจวเิ คราะห์ (0.5%2 ของการลงทนุ และพิจารณา/วัน) 5 ค่าใชจ้ า่ ยอื่นๆ (0.52 % ของการลงทุนและพิจารณา/วัน) รวม 30,900 ประมาณ คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนนิ การระบบ/ปี (300 วนั ) = 9,270,000 บาท โดยท่ี 1 คอื มูลค่าหญ้าเนเปยี ร์/วนั 2 คือ ตัวเลขประมาณค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน/วัน สาหรับ การซ่อมบารุ่ง ค่าตรวจวิเคราะห์ และ ค่าใช้จ่ายอ่นื ๆ โดยการประมาณจากการสารวจในโครงการ 3) ผลประโยชน์ของโครงการ แบ่งเปน็ 2 ส่วน คอื ผลประโยชน์ 3.1) จากการประมาณการขายไฟฟูาประเภท ผู้ผลิตไฟฟูาเอกชนรายเล็กมาก (Very Small Power Producer, VSPP) ประมาณราคาค่าไฟฟูาท่ีขายได้จะเท่ากับ 4.5 บาท/หน่วย (http://www.pantavanij.com/xcart/forum/showthread.php?p=372) 3.2) จากการปุ๋ยในขนั้ ตอนสุดท้ายของกระบวนการ (ตันละ 100 บาท) 5.6.3 ผลการวิเคราะหค์ วามเปน็ ไปได้ทางดา้ นเศรษฐศาสตรใ์ นกรณีศกึ ษา ตัวอย่างท่ี 1 ให้บริษัทเป็นผู้ดาเนินการลงทุน 100% (37.250 ล้านบาท โดยได้รับงบประมาณ สนบั สนุนจากหนว่ ยงานราชการท่ีเกี่ยวข้อง 10 ลา้ นบาท) การวิเคราะห์ผลทางด้านเศรษฐศาสตร์โดย การวิเคราะห์การลงทุนในส่วนเพิ่ม (Incremental Investment Analysis) ซ่ึงในกรณีศึกษาน้ีเป็นการลงทุนของโรงงานอุตสาหกรรมสกัดน้ามันปาล์ม โดยให้ บรษิ ทั เป็นผ้ดู าเนนิ การลงทนุ 78% คอื 37.250 ลา้ นบาท ได้รบั งบสนับสนุนจากหน่วยงานราชการที่เก่ียวข้อง 10 ล้านบาท กาหนดอัตราผลตอบแทนการลงทุนข้ันต่า (MARR) ร้อยละ 7 ต่อปี คานวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดในส่วนเพิ่มของโครงการที่ระยะเวลาในการวิเคราะห์ 20 ปี มีค่าเท่ากับ 11.3 ล้าน บาท (ยังไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เว้นกรณีมี Plant factor > 40 % หรือ 12 ชั่วโมง/วัน) และอัตรา ผลตอบแทนภายในของโครงการ (IRR) ร้อยละ 21 ต่อปี ขณะที่มีระยะเวลาคืนทุนของโครงการ (Payback period) เท่ากับ 5.8 ปี ซ่ึงจะเป็นอีกแนวทางหน่ึงของโครงส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพ ตามแผนพัฒนา พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก 25% ใน 10 ปี โดยมีระยะเวลาผ่อนจ่ายจากกรณีกู้ยืม 100 % ประมาณ 7 ปี อายุโครงการในกรณีศึกษาประมาณ 20 ปี แสดงรายละเอียดการวิเคราะห์ ดังแสดงในตาราง 5-4 และ 5-5 ดงั นี้ หนา้ 5-22
คู่มอื การลงทุนระบบผลิตกา๊ ซชีวภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ตารงท่ี 5-4 ตารางวิเคราะหท์ างดา้ นเศรษฐศาสตร์กรณศี กึ ษา ปริมาณ หน่วย ลาดับ การประเมนิ ด้านเศรษฐศาสตร์ 37,250,000.00 บาท 1 ประมาณการเงินลงทุนรวม 1,000.00 กโิ ลวัตต์ 2 ผลติ ไฟฟูาได้ (Gross Power Output) กโิ ลวัตต-์ ชวั่ โมง/ปี 3,000,000.00 ช่วั โมง/ปี 3 ชว่ั โมงทางาน 3,000.00 Plant factor 34.00 % 720,000.00 บาท/ปี 4 คา่ ดาเนนิ งานและบารุงรกั ษา 4.50 % of Total O&M per ปี with Investment cost % 7,350,000.00 บาท/ปี 5 ต้นทุนค่าหญา้ เนเปยี ร์ รวมค่าตัดและค่าขนสง่ 0.09 ลบ.ม./กโิ ลกรมั อัตราการผลติ กา๊ ซชีวภาพ 2.44 กิโลวตั ต-์ ชั่วโมง/ลบ.ม. อัตราการผลิตไฟฟาู ตอ่ กา๊ ซเชอื้ เพลงิ กิโลแคเลอร/ี่ ลบ.ม. คา่ ความร้อนต่าของกษ๊ ซชีวภาพ 6,000.00 Gas engine-Generator Electrical Production eff. 35.00 % อตั ราการผลิตไฟฟูาตอ่ เชอ้ื เพลงิ ชวี มวลทใี่ ช้ 4.55 กิโลกรมั /กิโลวตั ตh์ หญา้ เนเปยี รทใ่ี ช้ 10,500.00 ราคาหญา้ เนเปยี ร์ (ที่ความช้ืน 20%) 700.00 ตนั /ปี 100.00 บาท/ตนั 6 ปริมาณนา้ ทใี่ ช้ (make up water) 1.00 ลบ.ม./วนั นา้ เติมทดแทนการระเหยน้าหลอ่ เยน็ และน้าท้ิง 9,450.00 ลติ ร/กโิ ลวัตต/์ ชั่วโมง ปริมาณปยุ๋ ทไ่ี ด้ 0.90 ตัน/ปี (As % weight of feedstock fed into the Reactor) 945,000.00 13,500,000.00 % 7 ราคาปรมิ าณป๋ยุ ที่ได้ (100 บาท/ตัน) 6,375,000.00 บาท/ปี 8 รายรบั คา่ ไฟฟูา (VSPP @4.5 baht/กิโลวัตต์h) 5.80 บาท/ปี 9 รายได้สุทธิหลังหักค่าใชจ้ า่ ย 21.00 บาท/ปี 10 ระยะเวลาคืนทุน 11,361,604.66 11 อัตราผลตอบแทนภายใน 20.00 ปี 1.00 % มลู ค่าปัจจุบนั (7.0 % discount rate) บาท 12 อายโุ ครงการ ปี 13 ระยะเวลากอ่ สร้าง ปี หนา้ 5-23
คมู่ อื การลงทนุ ระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอุตสาหกรรม ตารงท่ี 5-4 ตารางวิเคราะหท์ างดา้ นเศรษฐศาสตร์กรณีศกึ ษา (ตอ่ ) ค่า หนว่ ย สมมตฐิ าน 37,250,000.00 บาท มูลคา่ ลงทนุ ทัง้ โครงการ Total Project Costs (exclude Land & Development cost) 100.00 % การกู้เงนิ ของโครงการ (Debt Leverage) 7.00 % ดอกเบยี้ (Interest Rate) 7.00 ปี อายสุ ินเช่ือกู้เงนิ โครงการ Tenor of Loan (+1 ปี Grace period) 34.25 % เปอร์เซ็นตก์ ารใช้งานโครงการ (Plant Factor) 4.5000 บาท ราคาจาหน่ายหน่วยไฟฟาู (Sale Price per kWh) 1.00 ปี ระยะเวลากอ่ สร้างโครงการ (Construction period) 1,303,750.00 บาท ดอกเบย้ี ตามระยะเวลาก่อสรา้ งโครงการ (Interest During Construction) กโิ ลวตั ต-์ 3,000,000 ชว่ั โมง/ปี หนว่ ยไฟฟูารวมทง้ั ปี Annual EE (net) Production ตนั /ปี 10,500.00 บาท หญา้ เนเปยี ร์ทีใ่ ช้ตลอดโครงการในช่วง 1 ปี 700.00 ราคาหญา้ เนเปยี ร์ต่อตัน (Cost of Napier grass) หนา้ 5-24
ตารางท่ี 5-5 ตารางประเมินและวิเคราะหท์ างดา้ นเศรษฐศาสตร์ในแต่ละปีของโรงงานในกรณ โครงการ คา่ ปที ี่ 0 ปที การประมาณโครงการพรอ้ มดอกเบยี้ (Estimated Interest during 1,303,750 construction period) ค่าใชจ้ ่ายดอกเบย้ี (Interest Expenses) 2,3 เงนิ กแู้ บบแบง่ ชาระคืน (Loan Payment๗ 5,3 ค่าบรหิ ารโครงการและซอ่ มบารงุ แบบคงท่ี (Plant O&M Cost) 7 ค่าใช้จ่ายในช้อื วตั ถุดบิ (เนเปยี ร)์ (Cost of Fuel Supply (Napier)) 7,3 คา่ ใชจ้ า่ ยรวมของโครงการ (Total Expense๗ 1,303,750 15,7 รายไดข้ องโครงการ (Project Income) รายได้จากการขายไฟฟ้า (Electricity Sales Income) 13,5 รายได้รวมของโครงการ (Total Income) 13,5 กระแสเงินสด (Cash Flow) 0.00 -1,303,750 -2,2 เงินสระสม (Accumulated Cash Flow) 0.00 -1,303,750 -3,5 อตั ราผลตอบแทนภายใน (Internal rate return) 20.876% ตวั คณู สว่ นลด (Discount factor) 7.00% 0.9346 -1,9 มูลคา่ ปัจจบุ ันสทุ ธิ (ที่ตวั คณู สว่ นลด)( NPV, at DF) -1,218,458 11,361,604.6 6 ห
คมู่ ือการลงทนุ ระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพชื พลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ณีศึกษา ท่ี 1 ปีท่ี 2 ปที ่ี 3 ปีที่ 4 ปีที่ 5 ปีท่ี 6 374,688 2,002,188 1,629,688 1,257,188 884,688 512,188 321,429 5,321,429 5,321,429 5,321,429 5,321,429 5,321,429 720,000 350,000 720,000 720,000 720,000 720,000 720,000 766,116 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 15,393,616 15,021,116 14,648,616 14,276,116 13,903,616 500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 266,116 -1,893,616 -1,521,116 -1,148,616 569,866 -5,463,482 -6,984,598 -8,133,214 -776,116 -403,616 -8,909,330 -9,312,946 0.8734 0.8163 0.7629 0.7130 0.6663 0.6227 979,314 -1,545,755 -1,160,452 -818,947 -517,159 -251,352 หน้า 5-25
ตารางท่ี 5-5 ตารางประเมนิ และวเิ คราะหท์ างดา้ นเศรษฐศาสตร์ในแตล่ ะปขี องโรงงานในกรณ โครงการ คา่ ปที ี่ 7 ป การประมาณโครงการพร้อมดอกเบี้ย (Estimated Interest during construction period) ค่าใชจ้ า่ ยดอกเบย้ี (Interest Expenses) 139,688 เงนิ กู้แบบแบง่ ชาระคืน (Loan Payment๗ 5,321,429 7 720,000 8 ค่าบริหารโครงการและซอ่ มบารุงแบบคงท่ี (Plant O&M Cost) 7,350,000 ค่าใชจ้ ่ายในช้ือวตั ถดุ บิ (เนเปยี ร)์ (Cost of Fuel Supply 13,531,116 (Napier)) ค่าใช้จา่ ยรวมของโครงการ (Total Expense๗ รายไดข้ องโครงการ (Project Income) รายได้จากการขายไฟฟา้ (Electricity Sales Income) 13,500,000 13 รายได้รวมของโครงการ (Total Income) 13,500,000 13 กระแสเงินสด (Cash Flow) 0.00 -31,116 5 เงนิ สระสม (Accumulated Cash Flow) 0.00 -9,344,063 -3 อัตราผลตอบแทนภายใน (Internal rate return) 20.876% ตัวคูณสว่ นลด (Discount factor) 7.00% 0.5820 มูลคา่ ปจั จุบนั สทุ ธิ (ที่ตวั คณู สว่ นลด)( NPV, at DF) 11,361,604.66 -18,110 2 ห
คมู่ ือการลงทนุ ระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอุตสาหกรรม ณีศึกษา (ตอ่ ) ปีที่ 8 ปที ่ี 9 ปที ี่ 10 ปที ่ี 11 ปีที่ 12 ปีที่ 13 720,000 720,000 720,000 720,000 720,000 720,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 3,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 3,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 3,914,063 1,515,938 6,945,938 12,375,938 17,805,938 23,235,938 0.5439 0.5083 0.4751 0.4440 0.4150 0.3878 2,953,560 2,760,337 2,579,754 2,410,985 2,253,257 2,105,848 หน้า 5-26
ตารางที่ 5-5 ตารางประเมนิ และวเิ คราะห์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ในแตล่ ะปขี องโรงงานในกรณ โครงการ\\ปี ปที ่ี 14 ปีท่ี 15 การประมาณโครงการพร้อมดอกเบ้ยี (Estimated Interest during construction period) คา่ ใชจ้ ่ายดอกเบยี้ (Interest Expenses) เงินก้แู บบแบง่ ชาระคืน (Loan Payment๗ 720,000 720,000 7,350,000 7,350,000 คา่ บริหารโครงการและซ่อมบารุงแบบคงที่ (Plant 8,070,000 8,070,000 O&M Cost) ค่าใชจ้ า่ ยในชื้อวัตถดุ บิ (เนเปยี ร)์ (Cost of Fuel Supply (Napier)) ค่าใชจ้ า่ ยรวมของโครงการ (Total Expense๗ รายไดข้ องโครงการ (Project Income) 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 รายได้จากการขายไฟฟ้า (Electricity Sales Income) รายไดร้ วมของโครงการ (Total Income) กระแสเงนิ สด (Cash Flow) 0.00 5,430,000 5,430,000 เงินสระสม (Accumulated Cash Flow) 0.00 28,665,938 34,095,938 อตั ราผลตอบแทนภายใน (Internal rate return) 20.876% ตัวคูณส่วนลด (Discount factor) 7.00% 0.3624 0.3387 มูลคา่ ปจั จุบันสุทธิ (ท่ีตวั คูณสว่ นลด)( NPV, at DF) 11,361,604.66 1,968,082 1,839,329 หน
คู่มือการลงทุนระบบผลติ กา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ณศี ึกษา (ตอ่ ) ปีท่ี 16 ปีที่ 17 ปีที่ 18 ปที ี่ 19 ปีท่ี 20 720,000 720,000 720,000 720,000 720,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 7,350,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 8,070,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 13,500,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 5,430,000 39,525,938 44,955,938 50,385,938 55,815,938 61,245,938 0.3166 0.2959 0.2765 0.2584 0.2415 1,718,999 1,606,541 1,501,440 1,403,215 1,311,416 น้า 5-27
คมู่ อื การลงทนุ ระบบผลติ ก๊าซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม บทที่ 6 8 วิธีและแนวทางการสง่ เสริมการผลติ ก๊าซชีวภาพแบบครบวงจร กรณีศึกษา (Feasibility) โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร 6.1 ที่มาและความสาคัญของปัญหากรณีศกึ ษา เน่ืองจากวิสัยทัศน์ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) “เป็นองค์กร ฐานความรู้ (Knowledge Base) และศูนย์กลางในการผลักดันพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อย่างยั่งยืน” ดังนั้น พพ. จึงมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดหาแหล่งพลังงาน พัฒนาทางเลือกการใช้ พลังงานแบบผสมผสาน และเผยแพร่เทคโนโลยีด้านพลังงานอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง เพ่ือตอบสนองความ ต้องการของทุกภาคส่วนอย่างเพียงพอด้วยต้นทุนท่ีเอ้ือต่อการพัฒนาประเทศ และการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของ ประชาชน อีกท้ัง พพ. มีแนวทางส่งเสริมโครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจร จากพืช พลังงาน เช่น หญ้าเนเปียร์ ร่วมผสมกับวัตถุดิบทางเลือกอื่น เช่น มูลสัตว์ น้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น เพ่ือผลิตไฟฟูาและหรือความร้อนสาหรับใช้ประกอบการในกิจการท่ีใกล้เคียงกับโครงการ ผลของ แนวทางส่งเสรมิ นจี้ ะเปน็ การทดแทนการนาเข้าเชื้อเพลงิ จากตา่ งประเทศ เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสร้าง ความเข้มแขง็ ใหแ้ ก่ภาคอุตสาหกรรมและภาคชุมชนในด้านพลังงาน โดยไฟฟูาหรือความร้อนที่ผลิตได้สามารถ ขายให้แก่การไฟฟูาฝาุ ยผลิตแหง่ ประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้ระเบียบการรับซื้อไฟฟูาจากผู้ผลิตเอกชนรายเล็ก มาก (VSPP) ท่ีใช้หญ้าเนเปียร์ร่วมกับมูลสัตว์หรือน้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมเป็นวัตถุดิบหลัก พพ. จึงได้ มอบหมายให้ศูนย์บริการทางวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต ทาการศึกษาความเป็นไปได้และจัดทา คู่มือสาหรับ เป็นแนวทางการพัฒนาก่อสร้างโครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน เช่นหญ้าเนเปียร์ แบบครบวงจร และจัดทา รายละเอยี ด การรวบรวม การศึกษาแนวทางและข้ันตอนการดาเนินการลงทุนการสร้างระบบผลิต และใช้ก๊าซชีวภาพเพ่ือให้นักลงทุนใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณาความเป็นไปได้ (Feasibility) และผู้ลงทุนที่ สนใจที่จะดาเนินโครงการ กรณีศึกษาระบบผลิตก๊าซชีวภาพแบบครบวงจรในภาคอุตสาหกรรมน้ี โรงงาน อตุ สาหกรรมอาหาร เป็นผู้ดาเนินการสง่ เสรมิ โดยการเพิ่มวัตถุจากหญ้าเนเปียร์เข้าไปเป็นวัตถุหลักและใช้น้า เสยี โรงงานรว่ มผสม สาหรบั ผลิตกา๊ ซชวี ภาพทดแทนการใชค้ วามร้อนจาก LPG ของโรงงาน 6.2 การสารวจเบอื้ งตน้ ขอ้ มลู ทว่ั ไปและการใช้พลังงานของโรงงานอุตสาหกรรมในกรณีศกึ ษา 6.2.1 การสารวจเบือ้ งต้นข้อมูลท่วั ไป กระบวนการผลิตของโรงงานกรณีศึกษา เป็นโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ท่ีดาเนินธุรกิจทาอาหาร และเครื่องดื่มจากผักผลไม้บรรจุกระป๋องและผักผลไม้แช่แข็ง โรงงานมีต้นทุนการใช้พลังงานท่ีสูงมากจาก ไฟฟาู และความร้อน โดยแหล่งพลังงานความร้อนสวนใหญ่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นเชื้อเพลิงในการ ผลิตไอน้าเพ่ือส่งเข้าไปสู่กระบวนการผลิต ในการผลิตปี พ.ศ. 2556 มีสัดส่วนการใช้พลังงานความร้อน ประมาณร้อยละ 72.27 ของค่าพลังงานท้ังหมด กับกับหม้อต้มไอน้า (Steam Boiler) ขนาด 2.5 ตัน/ชั่วโมง และ 5 ตนั /ช่วั โมง โดยการสลับการกันใช้ตามปริมาณการผลิตสาหรับพลังงานไฟฟูา คิดเป็นร้อยละ 27.73 ใช้ กับเคร่ืองจักรในกระบวนการผลิต เช่น การแช่แข็ง เคร่ืองอัดอากาศ (ที่มาข้อมูล: จากการสารวจของ โครงการฯ) เมื่อพจิ ารณาด้านการปล่อยน้าเสียของโรงงานกรณีศึกษา พบว่าโรงงานมีระบบผลิตน้าประปาเอง และปริมาณการใช้น้าเป็นสัดส่วนที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตท่ีเพ่ิมข้ึนส่งผลให้ปริมาณน้าเสียที่ปล่อยออก จากกระบวนการผลิตมีความสัมพันธ์โดยตรงกับปริมาณการใช้น้าประปาในกระบวนการผลิต โดยน้าเสียท่ี ปล่อยออกจากกระบวนการผลิตมีค่าความสกปรกส่วนใหญ่จากสารอินทรีย์ ประเภท น้าตาล ในผลไม้ที่เป็น หนา้ 6-1
คู่มอื การลงทุนระบบผลิตก๊าซชวี ภาพจากพชื พลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม วตั ถดุ บิ หลกั ของโรงงาน จากการสารวจในพื้นที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นและข้อมูลเพ่ิมเติมจาก พพ. และกรมโรงงาน อตุ สาหกรรม โรงงานในกรณีศกึ ษา รูปที่ 6-1 หม้อตม้ ไอน้า (Boiler) ขนาด 2.5 และ 5 ตนั /ชั่วโมง โรงงานอุตสาหกรรมอาหารในกรณีศึกษา รูปที่ 6-2 น้าเสยี โรงงานอตุ สาหกรรมอาหารในกรณศี ึกษา รูปที่ 6-3 เทคโนโลยีผลติ ก๊าซชีวภาพเดมิ โรงงานอตุ สาหกรรมอาหารในกรณีศึกษา หนา้ 6-2
คูม่ ือการลงทุนระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม 6.2.2 การสารวจเบอื้ งต้นด้านคณุ ภาพน้าเสียและบ่อบาบัดของโรงงานในกรณศี กึ ษา จากการสารวจเบ้ืองต้น สาหรับคุณภาพและปริมาณน้าเสีย ที่ปล่อยออกจากโรงงานอุตสาหกรรม อาหารในกรณีศึกษา ประกอบดว้ ย โรงอบแห้ง โรงแปรรูปผัก/ผลไม้ โรงแปรรูปน้าผลไม้ และโรงแช่แข็ง และ อาคารสานักงาน มีการใช้น้ารวมกัน ประมาณ 100 ลบ.ม./วัน และน้าเสียคิดเป็น ร้อยละ 90 ของปริมาณ น้าประปาที่ใช้ในกระบวนการ ผลิต ระบบบาบัดน้าเสียของโรงงานกรณีศึกษาเป็นระบบบาบัดน้าเสียด้วยวิธี ทางกายภาพ (Physical Wastewater Treatment) ร่วมกับระบบบาบัดน้าเสียด้วยวิธีทางชีวภาพ (Biological Wastewater Treatment) จาการสารวจและสอบถาม มีปริมาณน้าเสียเฉล่ียมากถึง 90 ลบ.ม./ วัน มีค่า บีโอดี เฉลี่ยอยู่ที่ 700 มิลลิกรัมต่อลิตรและมีค่า ซีโอดี ประมาณสองเท่าของ บีโอดี คือ 1,400 - 4,000 มิลลิกรัม/ลิตร แสดงในตาราง 6-1 และระบบมีกาลังการบาบัดน้าเสียร่วม 200 ลบ.ม./วัน โดย ประสิทธิภาพของระบบบาบัดน้าเสียอยู่ ท่ีร้อยละ 55 และมีประสิทธิภาพการกาจัด ซีโอดี ที่ร้อยละ 80 คิด เป็นค่ากาจัด ซีโอดี เฉล่ียสาหรับการออกจากบ่อหมักแบบไร้อากาศเฉล่ียอยู่ ที่ 50 มิลลิกรัม/ลิตร ค่าใช้จ่าย ระบบบาบัดนา้ เสียเฉลีย่ ท่ี 5.0 บาท/ลบ.ม. เปน็ ค่าใช้จ่ายไฟฟูาท่ีร้อยละ 75 คือ 3.75 บาท/ลบ.ม (ท่ีมา : จาก การสารวจโรงงานกรณีศึกษา) ทั้งหมดแสดงในรูปท่ี 6-4 ถึง 6-7 ดังน้ันจากแนวโน้มค่าพลังงานที่ปรับสูงข้ึน เร่ือยๆ ปัญหาการเกิดกลิ่นไม่ พึ่งประสงค์จากบ่อหมักน้าเสียซ่ึงส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยของชุมชน ข้างเคยี งทีข่ ยายเขา้ มาใกลแ้ ละความเพียงพอของปริมาณน้าเสียที่เข้าสู่ระบบบัดน้าเสียของโรงงานสาหรับการ ผลติ ก๊าซชีวภาพเพ่อื นาไปทดแทนการใชก้ ๊าซปโิ ตรเลยี มเหลว (LPG) ในหม้อตม้ ไอน้าของโรงงานกรณีศึกษา ตารางท่ี 6-1 ข้อมลู เทคโนโลยผี ลิตกา๊ ซชีวภาพเดมิ โรงงานอุตสาหกรรมอาหารในกรณศี ึกษา ขนาดระบบ Digester อตั รารับภาระ เทคโนโลยที ี่ใช้ ปรมิ าตร ปริมาตร ปรมิ าตรกา๊ ซ ซโี อดี บรรทกุ HRT ระบบ ประสิทธผิ ล ชวี ภาพ Removal สารอนิ ทรีย์ (วัน) (ลบ.ม.) Efficiency (ลบ.ม.) (ลบ.ม./วนั ) (OLR) 24 (%) (กิโลกรัม-ซโี อ ดี/ลบ.ม.-วัน) Anaerobic 150 120 116-138 80 1.413 Baffle Reactor ระบบบัดนา้ เสียขัน้ หลงั บอ่ บาบัดนา้ เสยี แบบเติมอากาศ และบึงประดิษฐ์ 6.3 วตั ถปุ ระสงค์ของโรงงานอุตสาหกรรมในกรณีศึกษา โรงงานในกรณีศึกษา น้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือวิเคราะห์และประเมินความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิคและ เศรษฐศาสตร์ของการใช้ปรับปรุงระบบผลิตก๊าซชีวภาพเดิมและเพิ่มระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน (หญา้ เนเปยี ร์) ท่ปี ลูกในพนื้ ท่ีบริษัท เพื่อทดแทนการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในหม้อต้มไอน้าขนาด 2.5 และ 5.0 ตันไอน้า/ชั่วโมง มีปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติเฉล่ีย 5,022,000 เมกะจูล/ปี หรือ 16,740 เมกะ จูล/วัน เทยี บเทา่ ความตอ้ งการใชก้ า๊ ซชวี ภาพ ประมาณ 820 ลบ.ม./วัน (CH4 > 65%) โดยโรงงานมีการผลิต ก๊าซชีวภาพจากระบบ Anaerobic Baffle Reactor ซึ่งเป็นระบบเดิมของโรงงานแล้วประมาณ 116 - 138 ลบ.ม./วัน (CH4 < 65%) ซ่ึงยังขาดปริมาณก๊าซชีวภาพอีกประมาณ 600 ลบ.ม./วัน แต่ต้องพิจารณาการ ออกแบบให้ได้ถึง 700 ลบ.ม./วัน เพ่ือให้สอดคล้องกับการผลิตท่ีบางวันท่ีต้องใช้ความร้อนมากกว่าปกติ เช่น ในช่วงฤดหู นาว หรอื ช่วงทม่ี ผี ลผลิตทางการเกษตรสงู หน้า 6-3
คู่มอื การลงทนุ ระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพชื พลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม สาหรับ โรงงานกรณีศึกษา : โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ท้ังนี้การวิเคราะห์และประเมิน โครงการ ลงทุนจะครอบคลุมปัจจัยท่ีมีผลกระทบต่อการตัดสินใจภายใต้ ความไม่แน่นอนและความเส่ียงของการ เปล่ียนแปลงปจั จัยตา่ งๆ ที่อาจสง่ ผลต่อการตัดสนิ ใจของโครงการ โดยขอบเขตการวิเคราะห์และการประเมิน ความเป็นไปไดข้ องโครงการต้องประกอบไปด้วย ต้นทุนระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากน้าเสีย/ของเสียจากโรงงาน ต้นทุนระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน (หญ้าเนเปียร์) ต้นทุนการขนส่งและรูปแบบการขนส่งพืช พลังงาน (หญ้าเนเปียร์) จากพ้ืนที่ท่ีได้รับการส่งเสริมการปลูกบริษัทโรงงาน การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ทางด้านเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ ข้อสรุปโรงงานในกรณีศึกษา 6.4 วธิ กี ารวิเคราะหค์ วามเป็นไปไดท้ างดา้ นเทคนคิ การดาเนินโครงการใช้ก๊าซชีวภาพจากระบบผลิตก๊าซชีวภาพแบบครบวงจร (น้าเสีย/ของเสียและ หญ้าเนเปียร์) โรงงานในกรณีศึกษาเพ่ือทดแทนเชื้อเพลิงชนิดเดิมที่เป็นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) วิธีการ วเิ คราะหค์ วามเป็นไปไดท้ างด้านเทคนิคและเศรษฐศาสตร์นจ้ี าเป็นจะต้องศึกษาขอ้ มูลความเหมาะสม ดงั น้ี 1) วัตถดุ บิ ที่เป็นน้าเสีย/ของเสียต่อความสามารถในการผลิตก๊าซชีวภาพ ปริมาณหญ้าเนเปียร์ท่ีจาก พื้นท่ีท่ีได้รับการส่งเสริมการปลูก รูปแบบการขนส่งหญ้าเนเปียร์ที่เหมาะสม การปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต ก๊าซชีวภาพท่ีเหมาะสมกบั ลกั ษณะนา้ เสยี ของโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร หรือ เทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพ ในท่ีเหมาะสมกับหญ้าเนเปียร์ท่ีใช้น้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมอาหารน้ี และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของ โครงการทางด้านการบรหิ ารจดั การที่สามารถนาก๊าซชวี ภาพท่ผี ลิตไปใชท้ ดแทนกา๊ ซปโิ ตรเลี่ยมเหลว (LPG) ใน หมอ้ ตม้ ไอน้า 2) ทางด้านการเศรษฐศาสตร์จะต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ท่ีส่งผล กระทบต่อความเป็นไปได้และการ ตัดสนใจในการลงทุน ของโครงการ โดยงบประมาณการลงทุนคลอบคลุมทุกด้านในลักษณะการประมาณค่า เทา่ นัน้ 6.4.1 วธิ ีการวิเคราะหเ์ ชงิ เทคนคิ 1) เทคโนโลยีของระบบบาบัดน้าเสียและการ ผลิตก๊าซชีวภาพเดิมโรงงานใน กรณศี ึกษา 2) วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการทางด้านการบริหารจัดการท่ีสามารถนาก๊าซ ชวี ภาพทีผ่ ลิตไปใช้ทดแทนก๊าซปโิ ตรเลย่ี มเหลว (LPG) ในหมอ้ ต้มไอน้า 6.4.2 ผลการประเมินจากการวิเคราะห์ความเปน็ ไปไดท้ างดา้ นเทคนคิ โดยท่วั ไป ก๊าซชีวภาพท่ไี ด้จากการหมกั ย่อยสลายของสารอินทรีย์ในน้าเสียภายใต้สภาวะท่ีไม่ ใช้อากาศ (Anaerobic Digestion) ใหผ้ ลผลิตก๊าซชวี ภาพท่ตี ดิ ไฟไดแ้ ละไมต่ ดิ ไฟ จะประกอบไปด้วยก๊าซมีเทน (CH4) และ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) องค์ประกอบของก๊าซที่สาคัญต่อการติดไฟ คือ ก๊าซมีเทน (CH4) ต้องมีมากกว่า ร้อยละ 60 ส่วนก๊าซอื่นๆ ที่ปะปนมากับก๊าซชีวภาพจาเป็นต้องกาจัดออกเพื่อให้ก๊าซมีความ เหมาะสมกับ การนาไปใช้งานกับหัวเผาในหม้อต้มไอน้า เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซไนโตรเจน (N2) ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ซึ่งไม่ควรเกิน 3% และความชื้น เป็นต้น เทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพ โรงงานอตุ สาหกรรมอาหารในกรณศี ึกษา น้จี ะตอ้ งผลิตกา๊ ซมีเทน (CH4) ท่ีมีสัดส่วนที่สูงมากพอ เพ่ือให้รองรับ กับหม้อต้มไอน้า (Boiler) ท่ีใช้หัวเผา (Burner) จากก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ดังน้ัน ระบบบาบัดน้าเสีย และผลิตก๊าซชีวภาพเดิมของโรงงานในกรณีศึกษาและการปรับปรุงระบบเพ่ิมเติมให้เหมาะสมกับวัตถุดิบและ ใหเ้ กิดการผลติ ผลไดก้ ๊าซทมี่ ปี ระสิทธิภาพสงู สดุ แล้ว ระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพน้ี คือ Anaerobic Baffle Reactor (ABR) แต่เนือ่ งจากคณุ ภาพน้าเสียจากกกระบวนการผลิตยังไม่เหมาะสมในการผลิตก๊าซชีวภาพจากโรงงานใน หนา้ 6-4
คู่มอื การลงทนุ ระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม กรณีศึกษา จึงไม่สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ตามที่ออกแบบไว้ แต่ใช้แก้ปัญหาด้านกลิ่นในพื้นที่ชุมชนใกล้กับ โรงงาน คาอธบิ ายขอ้ มูลเทคโนโลยี ดังน้ี ระบบแผ่นก้นั แบบไม่ใช้อากาศ (Anaerobic Baffle Reactor (ABR)) ลักษณะของระบบบาบัดน้าเสียแบบแผ่นก้ันไม่ใช้อากาศ คือ มีแผ่นก้ัน (Baffle) ทาง กายภาพหรือห้อง เพ่ือเป็นการบังคับให้น้าเสียไหลขึ้น ไหลลงตามแผ่นก้ัน การออกแบบให้มีแผ่นกั้นมี วัตถุประสงค์ คือ ให้มีการกวนผสมเฉพาะในแนวตั้งฉากกับทิศทางการไหลของน้า ดังนั้นจะทาให้ส่วนห้องต้น ทางของบ่อเกิดการย่อยสลายอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังช่วยลดการหลุดออกจากระบบของจุลินทรีย์ (Wash out) ซึ่งจุลินทรีย์ในระบบน้ีมีเจริญเติบโตในลักษณะตะกอนแขวนลอย โดยตะกอนของจุลินทรีย์จะลอยข้ึน และจมตัวลง เนื่องจากลักษณะการไหลและก๊าซท่ีเกิดขึ้นในแต่ละห้อง โดยจะเคล่ือนไปตามถังปฏิกรณ์จาก ทางเข้าไปทางออกของถงั ปฏิกรณ์ด้วยอัตราต่ามากๆ จึงทาให้ถูกกักอยู่ในแต่ละห้องของถังปฏิกรณ์ได้นาน น้า เสยี ทีอ่ อกจากระบบจะมคี ณุ ภาพดี นอกจากนบี้ อ่ แบบแผ่นกั้นแบบไม่ใช้อากาศสามารถท่ีจะแยกชนิดของกลุ่มจุลินทรีย์ท่ีเกิดข้ึน แตกต่างกันไปในแต่ละห้อง เช่น ในห้องแรกๆ ของถังปฏิกรณ์ จะเป็นกลุ่มท่ีผลิตกรด ส่วนห้องท้ายๆของถัง ปฏิกรณจ์ ะเปน็ จุลนิ ทรยี ก์ ลมุ่ ทีผ่ ลติ กา๊ ซมเี ทน โดยทง้ั สองกลุ่มนี้มีสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญต่างกัน ซ่ึง ลักษณะดงั กล่าวจะมลี ักษณะคลา้ ยระบบ Multi-stage anaerobic digestion แผ่นกั้นและการวางของแผ่นในถังปฏิกรณ์มีหลายรูปแบบ ความแตกต่างของแต่ละแบบนั้น อยู่ท่ีลักษณะและตาแหน่งของถ้าเสียที่ไหลเข้าหรือออกจากระบบ ตลอดจนการรวบรวมก๊าซชีวภาพท่ีเกิดข้ึน นอกจากนี้ยังอาจจะมีการออกแบบโดยใช้การควบคุมการไหลของน้าที่ถูกวนและฉีดเข้าไปในบ่อในทิศทางที่ ตา่ งกนั เพือ่ บังคับการกวนผสมของนา้ ให้มลี ักษณะเช่นเดียวกับการมีแผ่นกั้นทางกายภาพ รายละเอียดจุดเด่น จดุ ดอ้ ย(ข้อดี/ขอ้ เสยี ) และปญั หาอุปสรรคในดา้ นการใชง้ านของถังปฏกิ รณใ์ นรูปแบบนี้ คอื จุดเดน่ ของระบบ ABR (ระบบเดิม) มดี ังนี้ ไมเ่ กิดปญั หาการหลุดออกจากระบบของจุลินทรีย์ (Wash out) แมเ้ ชื้อจลุ ินทรีย์จะ เจรญิ แบบตะกอนแขวนลอยและไมเ่ ปน็ เมด็ ตะกอน (Granule) สามารถลดระยะเวลาการกกั เก็บน้า (HRT) ไดน้ ้อยเท่าที่ต้องการ โดยทีร่ ะยะเวลา การกกั เก็บของแข็ง (SRT) ยังสงู อยู่ ไมจ่ าเปน็ ต้องมีระบบแยก Sludge และ Gas ข้อจากัดและอปุ สรรคของระบบ ABR (ระบบเดมิ ) มดี ังนี้ ไม่เหมาะกับน้าเสียที่มีความเข้มข้นและสารแขวนลอยสูง เน่ืองจากอาจจะเกิดการ สะสมของตะกอนในแต่ละห้องโดยแขวนลอยบริเวณด้านหน้าของแผ่นกั้น ทาให้กีดขวางการไหลของน้าเสีย และกา๊ ซ การมีน้าเสียที่ปูอนเข้ามีการเปลี่ยนแปลงสมบัติอย่างรวดเร็ว เช่น ซีโอดี, SS, pH หรือ สารพิษ และปริมาณน้าเสียท่ีสูงขึ้น (Volumetric shock load) อาจจะเกิดผลกระทบต่อจุลินทรีย์ใน หอ้ งแรกๆ ของบอ่ เป็นเหตุให้ระบบลม้ เหลวได้ สาหรบั ระบบที่ไม่มีการใช้แผ่นกั้นทางกายภาพแต่ใช้การควบคุมการไหลของน้าน้ัน ต้องมีการออกแบบระบบควบคุมการปูอนน้าและการจัดวางท่อน้าท่ีดี ดังนั้น จึงต้องการบุคลากรที่ออกแบบ และควบคมุ ต้องมคี วามร้ใู นระบบพอสมควร หน้า 6-5
คมู่ ือการลงทุนระบบผลิตกา๊ ซชีวภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม การตรวจสอบบารงุ รักษาระบบบ่อแบบ ABR ตรวจสอบการชารุดของแผ่นพลาสติกทป่ี ิดคลุมบ่อ รวมท้งั การร่ัวซึมของกา๊ ซจาก การยึดขอบแผน่ พลาสติก (ไม่ว่าจะเป็นแบบใชน้ า้ หรอื ใชด้ นิ ทับ) และบรเิ วณ seal ต่างๆ หมนั่ ตรวจวดั ความดนั ภายในแผ่นพลาสติกที่คลมุ บ่อไม่ให้สูงเกินความทนทานของ แผน่ พลาสตกิ เนอื่ งจากท่อก๊าซสว่ นใหญ่ออกจากถังใต้ระดับผวิ ดิน ควรหม่ันตรวจสอบการระบาย นา้ ในท่อก๊าซ เพ่อื ปูองกนั การขดั ขวางการไหลของก๊าซ ตรวจสอบการกระจายของท่อน้าเข้า ปอู งกันการอุดตัน อาจจะเกดิ การสะสมของตะกอนในแตล่ ะหอ้ งโดยแขวนลอยบรเิ วณด้านหนา้ ของ แผน่ นั้นทาให้กดี ขวางการไหลของน้าเสยี และก๊าซชวี ภาพ ดงั น้ันควรการหมั่นตรวจสอบระบบท่อดงึ ตะกอน ไมใ่ ห้มีการอุดตัน แล้วทาการการดึงตะกอนออกบ้างกจ็ ะทาให้สามารถแก้ไขปัญหาการสะสมของตะกอน ภายในบ่อได้ 6.4.3 ข้อมูลทั่วไปท่ใี ช้การประเมิน (พจิ ารณาระบบใหม่) จากการศึกษาพบวา่ ปจั จุบันโรงงานมกี าลังผลิตติดตง้ั ในส่วนของผลไมอ้ บแห้งและน้าผลไม้ประมาณ 2,500 ตัน/ปี มีวัตถดุ ิบทีส่ ามารถนาไปผลติ ก๊าซชีวภาพ ได้ด้งนี้ 1). นา้ เสีย ปรมิ าณ 27,000 ลบ.ม./ปี ท่ี ซโี อดี 1,400 mg/l ผลไมอ้ บแห้งปริมาณ 270 ตัน/ปี นา้ ผลไม้ปรมิ าณ 1,500 ลบ.ม./ปี ซึ่งสามารถนามาผลิตกา๊ ซชีวภาพไดป้ ระมาณ 36,000 ลบ.ม./ปี หรือ 120 ลบ. ม./วัน (CH4 > 55% ) 2). พนื้ ทห่ี ่างจากโรงงานในกรณศี ึกษา ประมาณ 0.5-1 กิโลเมตร สาหรับปลูกหญา้ เนเปยี รร์ วม ประมาณ 50 ไร่ สามารถปลกู ได้ 2,250 ตัน/ปี (45 ตัน/ไร)่ ซึ่งหาก นามาผลติ ก๊าซชวี ภาพรวมได้ประมาณ 675 ลบ.ม./วนั (90 ลบ.ม./ตนั ) โดย ผสมกบั น้าเสียโรงงาน 90 ลบ.ม./วนั 6.4.4 ขอ้ มูลด้านเทคนิคระบบผลติ ก๊าซชีวภาพโรงงานในกรณีศึกษา เทคโนโลยีที่ใช้ในระบบกา๊ ซชวี ภาพโรงงานกรณศี กึ ษา คอื ระบบแผ่นกั้นแบบไม่ใช้อากาศ (Anaerobic Baffle Reactor (ABR)) จานวน 1 ระบบ ระบบถังกวนสมบูรณเ์ เบบไม่ใช้อากาศ Continuous Flow Stirred-Tank Reactor (CSTR) จานวน 1 ระบบ 6.4.5 หลกั การออกแบบระบบกา๊ ซชีวภาพ การออกแบบระบบให้มีแผ่นกั้น (Baffle) และถังกวนสมบูรณ์ (CSTR) มีวัตถุประสงค์ คือ แก้ปัญหา ด้านกลิ่นจากน้าเสียโรงงานและเพ่ือความเหมาะสมของพ้ืนท่ีบริเวณระบบบาบัดน้าเสีย จึงบังคับการไหลของ น้าเสยี ให้มีการกวนผสมเฉพาะในแนวตั้งฉากกับทศิ ทางการไหลของน้าเพือ่ ให้จุลินทรีย์ในระบบนี้มีเจริญเติบโต ในลักษณะตะกอนแขวนลอย เคล่ือนไปตามถงั ปฏกิ รณ์จากทางเข้าไปทางออกของถังปฏิกรณ์ด้วยอัตราต่าและ ถูกกักอยู่ในแต่ละห้องของถังปฏิกรณ์ได้นาน น้าเสียที่ออกจากระบบจะมีคุณภาพดี เกิดการผลิตก๊าซชีวภาพ และไม่มีกลิ่น โดยมีถังปฎิกรณ์คู่ ถังละ 150 ลบ.ม. แผ่นกั้น (Baffle) 4 แถว ประสิทธิภาพ Organic loading rate (OLR) ที่ 0.5 กิโลกรัม ซีโอดี/ลบ.ม./วัน และ HRT ไม่ต่ากว่า 3 วัน ประสิทธิภาพทั้งระบบ 60% นอกจากนย้ี ังมกี ารหมนุ เวียนเช้ือท่ีทางานมาหมุนเวียน (Re-Circulation) ไปยังระบบ M-CSTR จากวัตถุดิบท่ี เปน็ ของเหลือทง้ิ จากโรงงาน เชน่ เศษเนื้อส้ม เศษสตอเบอรี่ และอื่นๆ โดยออกแบบ โดยมีถังปฎิกรณ์คู่ ถังละ หน้า 6-6
คูม่ ือการลงทุนระบบผลติ กา๊ ซชวี ภาพจากพชื พลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม 200 ลบ.ม. ใบกวน (Stirred) 1 อัน ประสทิ ธภิ าพ Organic loading rate (OLR) ท่ี 2 กิโลกรัม ซีโอดี/ลบ.ม./ วนั และ HRT ไม่ตา่ กว่า 25 วัน ประสทิ ธิภาพท้ังระบบ 60% สามารถสรุปเปน็ ข้อดขี องเทคโนโลยไี ด้ดงั น้ี เพ่ิมประสิทธภิ าพให้สารอินทรยี ์และแบคทเี รียสมั ผสั กนั มากขนึ้ โดยการใช้น้าหมนุ เวยี น รักษาปริมาณเชอ้ื จุลินทรียใ์ ห้อยู่ในระบบได้ดีขน้ึ เหมาะกับนา้ เสยี ที่มีคณุ ภาพน้าเสยี ต่า แต่มขี องเหลอื ทง้ิ ท่งการเกษตรปรมิ าณสงู ข้อมลู ทัว่ ไปท่ีมีผลตอ่ การออกแบบ นา้ เสยี ของอุตสาหกรรมในกรณศี ึกษามีองค์ประกอบของ SS ต่ามาก แต่มีเศษเหลือทิ้งปริมาณสูง โดยปกตินา้ เสยี ของอตุ สาหกรรมในกรณีศึกษามีสภาพเป็นกลาง ที่ pH 7.5 จงึ ต้องมถี งั ปรับสภาพ เกณฑ์คณุ สมบัตทิ ีใ่ ช้ในการออกแบบระบบ วนั ดาเนนิ งานในรอบปีของโรงงาน 300 วนั /ปี ช่วั โมงการทางาน 12 ชัว่ โมง/วัน กาลงั การผลิต 1 ตนั น้าผลไม้/ชัว่ โมง ปรมิ าณนา้ เสยี ของโรงงานเฉลย่ี วันละประมาณ 100 ลบ.ม. คา่ ความสกปรกในรปู ของ ซโี อดี ประมาณ 1,400-4,000 มลิ ลกิ รัม/ลติ ร คา่ ความสกปรกในรปู ของ บีโอดี ประมาณ 700-2,000 มิลลกิ รัม/ลติ ร คา่ TSS ประมาณ 3,000 มิลลกิ รัม/ลติ ร และคา่ pH 7.5 อุณหภมู ิน้าเสียประมาณ 25-30 องศาเซลเซยี ส หนา้ 6-7
รปู ที่ 6-8 ผังปรมิ าณการผลติ กา๊ ซชวี ภาพโรงงานใ หน
คู่มือการลงทนุ ระบบผลติ กา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ในกรณศี ึกษา โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร น้า 6-8
คู่มือการลงทุนระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม การทางานของระบบแผ่นกน้ั แบบไมใ่ ชอ้ ากาศ (Anaerobic Baffle Reactor (ABR)) แสดงในรูปที่ 6-8 น้าเสียจากกระบวนการผลิตจะถูกระบายเข้าสู่บ่อบาบัดของทางโรงงาน บ่อบาบัด บ่อแรกเป็นบ่อรวมน้าเสียและตกตะกอนของสารแขวนลอย น้าเสียจะถูกระบายผ่านตะแกรงเพื่อคัดแยกของ เสียที่เป็นของแข็งและไม่ตกตะกอน จากกนั้นน้าเสียจะไหลเข้าถังปรับสภาพเพื่อคุณภาพน้าเสียให้เหมาะสม ซ่ึงอาจมีการเติม ยเู รยี หรอื โซดาไฟ หรืออื่นๆ หลังจากนนั้ น้าเสียจะถูกสูบเข้าสู่ถังหมักก๊าซชีวภาพระบบแผ่น กนั้ แบบไมใ่ ชอ้ ากาศ โดยมีหลักการไหลของน้าเสีย คือ ไหลผ่านแผ่นกั้น 4 ชุด จานวน 2 ช่อง ในแนวดิ่ง และ ก๊าซชีวภาพที่ผลิตข้ึนจะถูกกักเก็บไวใต้ผืนพลาสติก พีวีซี ประมาณ 150 ลบ.ม. จากน้ันน้าเสียที่ผ่านกะบวน การหมักก๊าซชีวภาพจะไหลเข้าสู่บ่อเติมอากาศและปล่อยเข้าสู่ธรรมชาติต่อไป ภายในถังหมักก๊าซชีวภาพ ระบบแผน่ ก้นั แบบไม่ใช้อากาศจะมีการหมุนเวียนน้าเสีย ด้านล่างของบ่อ ทั้งนี้เพื่อให้คงประสิทธิภาพการผลิต กา๊ ซชีวภาพ 1). บ่อรวมน้าเสียและตกตะกอน (Equalization & Solid Contact Clarifier) ทาหน้าท่ีรวบรวมน้า เสียท่ีเกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต และทาหน้าที่ทาหน้าท่ีตกตะกอนส่ิงที่ไม่พึ่งประสงค์ออกจากน้าเสีย เพ่ือ เตรยี มสบู เขา้ สู่ระบบ กา๊ ซชีวภาพหรอื องคป์ ระกอบเพ่อื การจัดการต่อเนื่องต่อไป 2). บ่อปรับสภาพ คอื บ่อควบคุมความเปน็ กรด-ดา่ ง และเตมิ ไนโตรเจน เช่น ยูเรีย ให้เป็นสารอาหาร เสรมิ สาหรบั ผลติ กา๊ ซชีวภาพ กรณีท่เี กิดความไม่สมดุลของสภาพความเป็นกรดด่างท่ีเหมาะสมในการผลิตก๊าซ ชีวภาพและคุณภาพของน้าเสีย องค์ประกอบน้ีจะทาหน้าท่ีควบคุมปริมาณความเป็นกรด-ด่างของ ระบบก๊าซ ชีวภาพให้มีค่าที่เหมาะสมต่อกระบวนการหมักย่อย โดยอาศัยสารเคมีเป็นตัวช่วยปรับค่าความเป็นกรดด่าง (องคป์ ระกอบนีจ้ ะชว่ ยปอู งกนั ปัญหาการเกิดสภาวะกรดในบอ่ กา๊ ซชีวภาพได้) 3). บ่อกา๊ ซชีวภาพแบบ ระบบแผน่ กน้ั แบบไม่ใชอ้ ากาศ (Anaerobic Baffle Reactor (ABR)) บ่อก๊าซชีวภาพจะมีแผ่นกั้น (Baffle) เฟ่ือเป็นการบังคับให้น้าเสียไหลข้ึน ไหลลงตามแผ่นก้ัน การ ออกแบบให้มีแผ่นก้ันมีวัตถุประสงค์ คือ เฟ่ือให้มีการกวนผสมเฉพาะในแนวตั้งฉากกับทิศทางการไหลของน้า จุลินทรีย์ในระบบน้ีมีเจริญเติบโตในลักษณะตะกอนแขวนลอย โดยตะกอนของจุลินทรีย์จะลอยข้ึนและจมตัว ลง เนื่องจากลักษณะการไหลและก๊าซที่เกิดข้ึนในแต่ละห้อง โดยจะเคล่ือนไปตามถังปฏิกรณ์จากทางเข้าไป ทางออกของถังปฏิกรณ์ด้วยอัตราการไหลต่ามากๆ จึงทาให้ถูกกักอยู่ในแต่ละห้องของถังปฏิกรณ์ได้นาน น้า เสียท่ีออกจากระบบจะมีคุมภาพดี ก๊าซชีวภาพท่ีผลิตขึ้นได้จะถูกกักเก็บเอาไว้ใต้ผืนพลาสติกคลุมบ่อก๊าซ ชวี ภาพนี้ 4). ระบบหมุนเวียนตะกอน องค์ประกอบของการหมุนเวียนตะกอน เพ่ือทาการหมุนเวียนตะกอน และเชื้อแบคทีเรียท่ีผ่านการหมักย่อยแล้วและจะหลุดออกจากระบบไป ให้หมุนเวียน กลับไปทาหน้าที่หมัก ย่อยต่อไป เป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพในการหมักย่อยของระบบก๊าซ ชีวภาพอีกทางหน่ึงด้วย โดยมีการ หมนุ เวียนนา้ เสียในช่วงแรกของแผ่นก้ันระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพ 5). ระบบบาบัดขั้นสุดท้าย น้าเสียที่ผ่านการหมักย่อยแล้วจะยังคงมีค่าความสกปรกหลงเหลืออยู่ ซ่ึง ยังไม่สามารถปล่อยออกไปสู่แหล่งน้าธรรมชาติได้ ยังคงมีความจาเป็นท่ีจะต้องทาการบาบัด ต่อเพื่อให้ได้ มาตรฐานนา้ ทงิ้ ทีก่ ฎหมายกาหนดเอาไว้ ปกตใิ ชว้ ธิ กี ารเติมอากาศกอ่ นปล่อยเข้าสู่ธรรมชาติต่อไป การทางานของ ระบบกา๊ ซชีวภาพแบบระบบถังกวนสมบูรณเ์ เบบไม่ใช้อากาศ (CSTR) แสดงในรูปที่ 6-8 (ด้านล่าง) หลักการทางานของระบบก๊าซชีวภาพแบบ CSTR Digester (เศษ ผลไม้ เศษอาหาร) จากข้อมูลเทคโนโลยีระบบผลิตก๊าซชีวภาพ ระบบถังกวนสมบูรณ์เเบบไม่ใช้อากาศ (Continuous Stirred Tank Reactor) นามาประเมินโรงงานอุตสาหกรรมอาหารในกรณีศึกษา และการ ดดั แปลงหรือปรับปรุงใช้หญ้าเนเปียร์ (Napier) เสริมในกรณีที่เศษผลผลไม้มีปริมาณไม่เพียง (จากการสารวจ หน้า 6-9
คมู่ ือการลงทนุ ระบบผลติ ก๊าซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม พบว่า เศษผลไมม้ ีปรมิ าณไมเ่ พยี งพอเนื่องจาก เกษตรกรนิยมรบั ซื้อไปเลี้ยงสตั ว์หรอื ทาป๋ยุ หมัก) ทั้งน้ีเศษผลไม้ และหญา้ เนปยี ร์มีคา่ ของแขง็ รวมในปรมิ าณสงู มาก การหมักย่อยเพื่อผลิตก๊าซชีวภาพจากเศษวัสดุเหล่าน้ี จึงมี ความจาเป็นที่จะต้องทาการกวนผสมน้าเสียจากโรงงานจากระบบท่ี 1 (ABR) โดยใช้วิธีการกวนผสมเป็นเน้ือ เดยี วกนั ก่อน โดยทีห่ ญา้ เนเปยี ร์และเศษผลไมต้ ้องดาเนินการบดละเอยี ดเปน็ ช้ินขนาดเล็กมาก เทคโนโลยกี ารผลติ ก๊าซชีวภาพที่โรงงานในกรณีศึกษา อัตราส่วนผสมระหว่างเศษผลไม้ เช่น สเตอเบอรี่ ผลเชอรี่ ผลเสาวรส ผลส้ม องุ่น มูลสัตว์ และหญ้าเนเปียร์ร่วมกับน้าเสียงานโรงงาน มีอัตราส่วน ผสม คือ 1:3 (น้าหนัก:น้าหนัก) ตามลาดับ ในถังกวนผสมคอนกรีต (Premixing Tank) ที่ติดตั้งมอเตอร์ สาหรับการกวนผสมและควมคุมค่า pH กรณีของวัตถุดิบทางเลือกและหญ้าเนเปียร์บดท่ีผสมน้าเสียมี ค่าประมาณ 4.2 ค่า pH น้ีมีความจาเป็นต้องปูองกันการกัดกร่อนด้วยการทาวัสดุ ปูองกันที่ถังผสมก่อน ดงั กล่าว เศษผลไม้ มลู สตั ว์ และหญ้าเนเปยี ร์บดทก่ี วนผสมแลว้ จะถูกสูบเขา้ ส่บู อ่ หมกั ก๊าซชีวภาพแบบ CSTR Digester (Fruit/Napier) ซึ่งเป็นลักษณะบ่อแบบทรงกระบอกขนาดใหญ่ ติดต้ังอุปกรณ์การกวนผสม เพื่อทาหน้าท่ีกวนผสมในบ่อเพ่ือ การหมักย่อย และในบ่อดังกล่าวจะยังรองรับกากตะกอนส่วนเกินท่ีเกิดจาก กระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้าเสียของการโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ผลิตน้าผลไม้ และหญ้าเนเปียร์ บด เพ่ือใหค้ งรกั ษาสภาพอัตราส่วนของ VFA/Alkalinity ไม่ให้เกินค่า ระหวา่ ง 0.3 – 0.4 ซ่ึงจะเป็นการยืนยัน วา่ ระบบจะคงสภาพการหมกั ย่อยได้โดยไม่เกิดการสะสมของกรด ซง่ึ เป็นสาเหตขุ องของผสมเหล่านี้ อุปกรณ์ประกอบระบบและหน้าที่การทางานของแต่ละ องค์ประกอบของระบบ CSTR Digester (Fruit Waste /Napier) มอี งคป์ ระกอบและหนา้ ทก่ี ารทางานดงั ต่อไปน้ี คอื 1). บ่อผสมก่อนและปรับสภาพของแข็ง (Premix Tank) ทาหน้าที่รองรับมูลสัตว์ หญ้าเน เปยี ร์บดละเอยี ด และเศษผลไมจ้ ากโรงงานท่ีเกิดจากกระบวนการผลิต โดยวัตถุดิบท้ังหมดจะถูกลาเลียงมายัง บอ่ ดังกลา่ วและผสมกบั นา้ เสียท่ีผ่านการบาบัดจากกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพเดิมของโรงงาน ในอัตราส่วน 1 : 3 ตามลาดับ (น้าหนัก : น้าหนัก) ท้ังน้ีเพื่อให้ค่า ของแข็งรวมไม่เกิน 3-5 % ซึ่งจะไม่ส่งผลต่ออุปกรณ์ป้ัม ต่างๆ ที่จะใช้ในระบบต่อไป โดย HRT ของบ่อออกแบบท่ีกาหนดประมาณ 3 วัน วิธีการปรับสภาพใช้วิธีการ เตมิ ดา่ ง เปน็ ต้น 2). บ่อหมักก๊าซชีวภาพ (CSTR Digester) ทาหน้าที่หมักย่อยกากมูลสัตว์ หญ้าเนเปียร์บด และเศษผลไม้ โดยบ่อผสมร่วมกับน้าเสียจากโรงงาน โดยบ่อดังกล่าวมีลักษณะถังทรงกระบอกประมาณ เส้น ผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร สูง 4 เมตร ติดต้ังอุปกรณ์การกวน (Mixer) จานวน 2 ชุด ชุดละ 10 กิโลวัตต์ หมุน ด้วยความเร็วที่น้อยกว่า 120 รอบ/นาที ซึ่งจะทางานแบบ Intermittent Mixing เนื่องด้วยของเสียประเภท เศษผลไม้ และหญ้าเนเบียร์บดมีความเข้มข้นของ TS สูง ดังน้ันบ่อหมักย่อยดังกล่าวจึงได้ออกแบบระบบ ระบายกากตะกอนออกจากด้านพ้ืนของบ่อหมักหลายด้าน เพ่ือระบายกากตะกอนดังกล่าวไปยังลานตาก ตะกอน กากตะกอนสว่ นเกินจากระบบบาบัดน้าเสียในส่วนของน้าเสียโรงงานอาหาร จะถูกสูบมาผสมยังบ่อนี้ เพ่อื เป็นการเพม่ิ คา่ Buffer หรือคา่ Alkalinity (ABR) ซ่งึ โดยปรกติกากตะกอนดังกล่าวจะมีค่า Alkalinity สูง ถึง 3,000-4,000 มิลลิกรัม/ลิตร โดยทั่วไปก๊าซชีวภาพที่เกิดขึ้นจะถูกกักเก็บไว้ใต้ผืนพลาสติกชนิด PVC หนา 1.5 มม. ด้านบนของบ่อ เพ่อื เตรยี มนาไปใชเ้ ป็นพลงั งานทดแทนตอ่ ไป 3). บ่อเก็บกักกาก ทาหน้าท่ีเก็บกักกากตะกอนที่ผ่านการหมักย่อยภายในบ่อ CSTR Digester (Fruit Waste /Napier) แล้วเพ่ือวตั ถปุ ระสงค์ 3 ประการคอื 3.1) ระบายกากตะกอนไปตากยังลานตากตะกอน 3.2) หมุนเวียนกากตะกอน (Return Sludge) กลับไปยังบ่อหมักก๊าซชีวภาพ Anaerobic Contact Concept เพ่ือคงรักษาปริมาณเชื้อตะกอนท่ีมักจะหลุดออกจากระบบที่มีการกวนผสม ในลกั ษณะแบบ CSTR โดยออกแบบใหใ้ ชร้ ว่ มกับระบบที่ 1 (ABR) หนา้ 6-10
คู่มือการลงทนุ ระบบผลิตก๊าซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม 3.3) ทาหน้าที่ระบายน้าเสียส่วนท่ีใสจะอยู่ด้านบนเน่ืองจากการตกตะกอนของกากตะกอนลงสู่ ด้านล่างน้าเสียส่วนใสดังกล่าวจะถูกระบายไปยังบ่อบาบัดเดิมของโรงงานเพื่อบาบัดหรือนาไปใช้กับ การเกษตรตอ่ ไป ใชร้ ่วมกบั ระบบที่ 1 (ABR) การประมาณเบือ้ งต้นดว้ ยการคานวณขนาดระบบกา๊ ซชีวภาพ CSTR (Fruit Waste /Napier) บอ่ กวนผสม (Pre-mixing) ปรมิ าณเศษผลไมแ้ ละมลู สตั ว์ 5 ตัน/วนั ปริมาณหญา้ เนเปยี รบ์ ด 10 ตนั /วนั น้าเสียเตมิ ผสมประมาณ 3 เท่า (เศษผลไม้ มลู สตั ว์และเนเปียร์) 45 ลบ.ม. ออกแบบ HRT 3 วนั ขนาดบอ่ ผสมก่อนท่ีต้องการถงั ละ 100 ลบ.ม. ออกแบบปริมาตรบอ่ ผสมรวม 100 ลบ.ม. บอ่ หมกั ก๊าซชวี ภาพ (CSTR) 1 ถงั ปรมิ าตรนา้ เสีย (Napier) 30 ลบ.ม./วัน ปรมิ าตรนา้ เสียส่วนกากตะกอน (Alkalinity) จากระบบที่ 1 (ABR) 15 ลบ.ม./วนั รวมปริมาตรน้าเสยี 200 ลบ.ม./วัน ค่าของแขง็ ระเหยง่าย VS (Napier) 70,000 มิลลกิ รัม/ลติ ร Design Criteria อตั ราภาระบรรทุกสารอินทรีย์ในรูป VS (OLR) 1.5 กโิ ลกรมั -VS/ลบ.ม. วัน HRT 35 วนั ประสิทธภิ าพ รอ้ ยละ 50 ขนาดของบอ่ หมกั ก๊าซชวี ภาพ ขนาดระบบทีต่ อ้ งการไม่ต่ากว่า 1,000 ลบ.ม. เลอื กขนาดบ่อโดยใช้ปริมาตร 1,000 ลบ.ม. ปริมาณการผลติก๊าซชีวภาพ Criteria for Design Yield VS Converted to Methane (Assumption) 0.35 ลบ.ม. CH4/กโิ ลกรมั -VSremoved ประมาณ % CH4 รอ้ ยละ 50 ปรมิ าตรก๊าซชวี ภาพ (Fruit Waste /Napier) 800 ลบ.ม./วัน 6.5 การวเิ คราะห์ความเป็นไปไดท้ างด้านเศรษฐศาสตร์ การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางด้านเศรษฐศาสตร์จะพิจารณาบนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้จาก การ คัดเลือกแบบระบบการผลิตก๊าซชีวภาพท่ีเหมาสมจากข้อ การวิเคราะห์เชิงเทคนิค ในหัวข้อที่แล้ว โรงงาน อุตสาหกรรมอาหารในกรณีศึกษา โดยวิธีการวิเคราะห์เงินลงทุนในส่วนเพิ่ม (Incremental Investment Analysis) และวิธีที่ ใช้ในการประเมินคือ วิธีค่าเทียบเท่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value, NPV) อัตรา ผลตอบแทนภายในโครงการ (Internal Rate of Return, IRR) และระยะเวลาการคนื ทุน (Payback period) หน้า 6-11
ค่มู อื การลงทนุ ระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม 6.5.1 ผลการวเิ คราะห์ความเหมาะสมทางด้าน เทคนิคของโครงการ การคัดเลือกแบบระบบการผลิตก๊าซชีวภาพที่ เหมาะสมกับน้าเสียของโรงงานอาหารแปรรูป ผลไม้ เชน่ สเตอร่ี มะเขอื เทศ ส้ม เสาวรส สามารถนาข้อดี ความเหมาะสมกับน้าเสียและ สถานที่ของโรงงาน กรณีศึกษาไปประกอบการวิเคราะห์ โดยการระดมสมองจากผู้บริหารผู้ชานาญการและวิศวกร ของโรงงาน ตามหลักวิชาการ งานวิจัยและประสบการณ์ พบว่า ระบบแผ่นก้ันแบบไม่ใช้อากาศ (Anaerobic Baffle Reactor (ABR)) เดิม และ การปรับปรุงระบบถังกวนสมบูรณ์เเบบไม่ใช้อากาศ (CSTR) ทาให้ไม่ต้องมี คา่ ใช้จา่ ยเรือ่ งสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ลดเงินลงทุน แต่ยังต้องปรับปรุงและดัดแปลงให้ สามารทางานร่วมกับหญ้าเนเปียร์ได้ นอกจากน้ีลักษณะระบบผลิตก๊าซชีวภาพเดิมดังกล่าวมีขนาดใหญ่ ออกแบบมาเกินความจาเป็นตั้งแต่เร่ิมโครงการ จึงเหมาะสมท่ีจะพื้นฟูให้กลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งโดยยังคง ทาให้สามารถดูแลรักษาด้วยวิธีการเดิม เคร่ืองจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบผลิตก๊าซชีว ภาพเดิม เป็น เคร่ืองจกั รหลักๆ ซงึ่ อปุ กรณ์เครอ่ื งจักร เหลา่ นี้มีอายุการใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 5 ปี ยังคงมีประสิทธิภาพในการ ดาเนินการระบบได้ จากการประเมินกาลังการใช้ไฟฟูาในระบบจะอยู่ที่ 10 กิโลวัตต์ (ประกอบด้วยระบบ ปั๊มน้าเสียหมุนเวียนในบ่อ ปั๊มสูบไขมันในบ่อ ระบบกวนผสม ระบบดูดตะกอน ระบบทาความสะอาดก๊าซ ระบบลาเลียงก๊าซ ไปใช้งาน ระบบไฟฟูาควบคุมต่างๆ เป็นต้น) และพ้ืนที่ระบบผลิตก๊าซชีวภาพเดิมและสิ่ง ปลกู สร้างอ่ืนๆ และบอ่ รบั นา้ เสีย ใชพ้ ้ืนทีป่ ระมาณ 5,000 ตารางเมตร การนาก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้ไปใช้งานกับหม้อต้มไอน้า (Boiler) ของโรงงานกรณีศีกษาน้ี ท่ีมี ขนาดกาลงั ผลติ 2.5 และ 5 ตัน/ชว่ั โมง ซึ่งเดิมใช้หวั เผาชนดิ ก๊าซ (Gas Burner) สามารถสับเปล่ียนการใช้ก๊าซ ชวี ภาพรว่ มกา๊ ซปโิ ตรเลียมเหลว (LPG) กันได้ แต่จาเป็นตอ้ งปรับสภาพแรงดันของก๊าซท้ังสองชนิดที่เข้าหัวเผา ตามความเหมาะสมของการเผาไหมท้ ส่ี มบูรณ์ของเช้ือเพลิงแต่ละชนิดโครงการวิจัยศึกษานี้ได้อ้างอิง สูตร การ คานวณหาปรมิ าณการผลติ ก๊าซชีวภาพของโครงการ (Biogas Generate, BGG) สามารถประมาณได้ดังนี้ ขอ้ มลู การคานวณเบือ้ งตน้ ปริมาณหญ้า = 10 ตนั /วนั ใช้คา่ อตั ราภาระบรรทุกสารอนิ ทรยี ์ = 1.5 กโิ ลกรมั .ของแข็งระเหย/ลบ.ม.-วนั ปริมาณกา๊ ซชีวภาพทผี ลติ ได้ = 0.5 ลติ ร/กรัม.ค่าของแขง็ ระเหย (เนเปียร์) ปรมิ าณกา๊ ซชีวภาพทีผลติ ได้ = 0.6 ลิตร/กรัม.คา่ ของแขง็ ระเหย (เนเปยี ร์+วัตถดุ ิบทางเลอื ก) ค่าปรมิ าณของแข็งทัง้ หมดของหญา้ = 8 % ค่าปรมิ าณของแขง็ ระเหยไดจ้ ากหญา้ ทั้งหมด (VS) ท่ี TS เทา่ กบั 8% = 70,000 มลิ ลิกรัม/ลิตร. ปริมาณน้า ทตี ้องการตอ่ 0.58 กิโลกรัมหญา้ = 0.37 ลิตร สมมตคิ ่าความหนาแน่นของหญ้าเร่ิมตน้ = 0.917 กิโลกรัม/ลิตร คานวณหาปรมิ าณนา้ ผสมและขนาดถงั ปฏิกรณ์ หญ้า 10 ตนั /วนั มีปรมิ าตร = (10,000 กิโลกรัม/วนั ) / (0.917 กโิ ลกรมั /ลิตร) = 10.9 ลบ.ม./วนั หญ้า 100 ตนั /วนั ต้องการนาผสม = (10,000 กโิ ลกรมั /วัน * 0.37 ลิตร) / (0.58 กโิ ลกรมั ) = 6.4 ลบ.ม./วนั ปริมาณหญ้าท่ี เขา้ ระบบ (Q) = 10.9 + 6.4 ลบ.ม. = 17.3 ลบ.ม./วนั จาก OLR = Q*VS/V ปริมาตรถงั ปฏกิ รณ์ (V) = (17.3 ลบ.ม./วัน * 80,000 มลิ ลิกรัม/ลติ ร) (1.5 กิโลกรมั ของแขง็ ระเหยท้งั หมด/ลบ.ม.-วัน) = 921.8 ลบ.ม. เลือกใช้ 1,000 ลบ.ม (Reactor สรา้ งใหม)่ หน้า 6-12
คู่มือการลงทุนระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม กาหนดใช้ถงั ทรงกระบอกลกึ 10 ม. จานวน 2 ถงั ภาระบรรทุกค่าของแขง็ ระเหยทั้งหมดที่เข้าสู่ถงั ปฏิกรณ์ = 17.3 ลบ.ม./วัน * 70,000 มิลลกิ รัม./ลิตร. = 1,211 กโิ ลกรมั .คา่ ของแขง็ ระเหยทงั้ หมด/วนั ปรมิ าณก๊าซชีวภาพทีผลติ ได้ = 0.6 ลบ.ม./กิโลกรัมค่าของแข็งระเหยทั้งหมด * 1,211 กิโลกรัมค่าของแข็ง ระเหย/วนั = 726.6 ลบ.ม./วนั เลือกใช้ 700 ลบ.ม./วนั ในการประเมนิ ดา้ นเศรษฐศาสตร์ ซงึ่ สามารถนาไปทดแทนเปรียบเทียบกบั LPG ไดป้ ระมาณ 0.56 เทา่ สามารถคานวณได้ ดงั นี้ ปรมิ าณก๊าซชีวภาพ = 700 ลบ.ม./วัน (CSTR) และ 100 - 116 ลบ.ม./วัน (ABR) ปริมาณกา๊ ซชีวภาพ = 816 ลบ.ม./วัน เลือกใช้ 800 ลบ.ม./วัน ในการประเมนิ ตอ่ วนั ด้านเศรษฐศาสตร์ การแปลงค่าหน่วยก๊าซชีวภาพใช้รูปแบบของค่าพลังงานความร้อนเฉล่ียต่อหน่วย (เมกาจูล/ลบ.ม.) แล้วนาไปคานวณเปน็ หน่วยวดั เทยี บเท่ากบั หนว่ ยวดั การซอ้ื ขาย กา๊ ซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ของ ปตท. ท่ีเป็น MMBTU (Million British Thermal Unit) เพ่อื ใหส้ ามารถคานวณเปรียบเทียบกัน ได้ระหว่างก๊าซชีวภาพกับ กา๊ ซธรรมชาติสามารถแสดง ตวั อย่างการคานวณค่าพลงั งานความรอ้ นเทยี บเท่าจาก ได้ ดงั นี้ ผลผลติ กา๊ ซชวี ภาพ 1 ลบ.ม. = 20.50 เมกาจูล/ลบ.ม. ก๊าซปโิ ตรเลียมเหลว (LPG) 1 กิโลกรมั = 50.22 เมกาจูล/ลบ.ม. เม่ือทาการเทียบปริมาณเฉล่ียก๊าซชีวภาพท่ีผลิตได้ 16,740 เมกาจูล/วัน ตามตารางท่ี 6-2 เฉลี่ยท่ี 100,000 กิโลกรัม/ปี หรือ 5,022,000 เมกาจูล/ปี ปริมาณความต้องการใช้งานของหม้อต้มไอน้าขนาด 2.5 และ 5 ตัน/ช่ัวโมง และเป็นค่าท่ีทาให้เกิดความม่ันใจว่าหม้อต้มไอน้าจะไม่หยุดชะงักจากเชื้อเพลิงไม่เพียงพอ และหากปรมิ าณก๊าซชีวภาพมีมากเหลือใช้ก็สามารถนาไปใช้กับหม้อต้มได้ ท้ังนี้เพื่อให้การใช้ก๊าซท่ีผลิตได้เกิด ประโยชนส์ ูงสุดและรวมทั้ง การวิเคราะหค์ วามเป็นไปไดท้ างด้านเศรษฐศาสตร์ ตารางที่ 6-2 สรุปเปรยี บเทยี บด้านคา่ ใช้จ่ายตอ่ วนั ระบบการผลติ กา๊ ซชีวภาพจากหญ้าเนเปียร์ กรณศี ึกษา ลาดับ การประเมินการใช้พลังงานทดแทน ปรมิ าณ หนว่ ย 1 พลงั งานท่ใี ช้เดิม LPG ประมาณ 100,000 5,022,000.00 MJ/ปี กโิ ลกรมั / ปี คิดเป็นค่าใชจ้ า่ ย 2,500,000 บาท/ปี 2 แกส๊ ท่ีผลิตไดเ้ ดิม 116 (เลือกใช้ 100) ลบ.ม./วัน 3 แก๊สที่ผลติ ได้ใหม่ 726 (เลอื กใช้ 700) ลบ.ม./วัน เทยี บเท่าพลังงานความร้อน 18,552 (800 ลบ.ม) MJ/วนั 4 จานวนวันทางาน 300 วนั /ปี คิดเป็นพลังงานทดแทน 5,565,600.00 MJ/ปี หน้า 6-13
คู่มือการลงทุนระบบผลิตก๊าซชวี ภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม 6.5.2 การวิเคราะหค์ วามเป็นไปไดท้ างดา้ นเศรษฐศาสตร์ การวิเคราะห์ทางดา้ นเศรษฐศาสตร์โดยกาหนด ปจั จัยค่าใชจ้ ่ายและผลประโยชน์ ดงั นี้ 1). ค่าใช้จา่ ยในการดาเนินการของโครงการ ได้แก่ ค่าแรง ค่าซ่อมบารุง ค่าไฟฟูา และน้าประปารวม ถงึ ค่าตรวจวิเคราะห์ โดยคา่ ใช้จ่ายดาเนินการท้งั หมด ซงึ่ มดี งั นี้ 2). ค่าใช้จ่ายในการลงทุนของโครงการ จาก การประมาณค่าใช้จ่ายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดย การปรับปรุงระบบถังกวนสมบูรณ์เเบบไม่ใช้อากาศ (CSTR) ขนาด 1,000 ลบ.ม. ตรวจสอบราคาจากราคา กลาง ไดค้ า่ เฉล่ียมูลคา่ การลงทนุ ท้ังหมด 11.2 ล้านบาท ซง่ึ ในกรณีศกึ ษานี้เป็นการลงทุนในส่วนของโรงงานใน กรณศี กึ ษา มีการยมื เงนิ กู้จากภายนอก แสดงในตารางท่ี 6-4 ดงั น้ี 3). ผลประโยชน์ของโครงการ แบ่งเป็น 1 ส่วน คือผลประโยชน์ จากการประหยัดค่าใช้จ่ายจาก กระบวนการการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซชีวภาพทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ข้อมูลการศึกษาการค่าใช้จ่าย ดา้ นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ลงประมาณ 25 บาท/กโิ ลกรัม ตารางท่ี 6-3 สรุปเปรียบเทียบดา้ นค่าใช้จ่ายต่อวนั ค่าใชจ้ ่าย หน่วย ลาดบั การประเมินด้านเศรษฐศาสตร์ 5,565,600.00 เมกาจูล/ปี 1 คดิ เป็นพลงั งานทดแทน (กา๊ ซชีวภาพ 800 ลบ.ม.) 1,080,000.00 บาท/ปี 2 ต้นทุนหญ้าเนเปียรร์ วมค่าตัดและคา่ ขนสง่ 810,000.00 บาท/ปี 3 มลู วัว 180,000.00 บาท/ปี 4 ค่าดาเนนิ การและค่าบารุงรกั ษา 2,070,000.00 บาท/ปี รวมคิดเป็นคา่ ใชจ้ า่ ย ตารางที่ 6-4 มูลคา่ ลงทนุ โรงงานในกรณีศึกษา บาท ระบบผลติ ก๊าซชีวภาพ 1. งานโครงสร้างและงานโยธา 27,000 28,000 1) งานบอ่ รับน้าเสยี /น้าดี 3,150,000 2) งานบอ่ Feed/ บอ่ พกั วัตถุดิบ 680,000 3) งานบอ่ ก๊าซชวี ภาพ 50,000 4) ลานตากตะกอน/ลานรบั วตั ถดุ ิบ 40,000 5) งานรางสง่ นา้ เสยี /น้าดี 6) งานหอ้ งควบคมุ หมายเหตุ มลู ค่าลงทนุ โรงงานในกรณีศึกษา เป็นคา่ ประมาณการ หน้า 6-14
คมู่ อื การลงทนุ ระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ตารางท่ี 6-4 มูลค่าลงทุนโรงงานในกรณีศึกษา (ตอ่ ) บาท ระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพ 40,000 2. งานเคร่อื งกลและระบบสุขาภบิ าล 240,000 1) งานทอ่ ส่งนา้ เสีย 5,042,000 2) งานทอ่ สง่ กา๊ ซ 3) งานระบบ (Co-Digestion & CSTR, 1,000 ลบ.ม.) 450,000 50,000 3. งานไฟฟ้าและควบคุม 25,000 1) งานระบบไฟฟ้าควบคุมระบบก๊าซชีวภาพ 680,000 2) งานระบบไฟฟา้ 360,000 3) งานสายล่อฟา้ 350,000 11,212,000 4. EPC (5-15%) ระบบผลิตก๊าซชีวภาพ 5. ภาษมี ลู คา่ เพิ่ม 7% 7.ค่าทป่ี รึกษา ราคารวมทั้งโครงการ (Total Investment) หมายเหตุ มลู คา่ ลงทุนโรงงานในกรณีศกึ ษา เปน็ คา่ ประมาณการ ตารางที่ 6-5 ตารางวิเคราะห์ทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ โรงงานลงทนุ 100% ลาดบั การประเมนิ การใชพ้ ลงั งานทดแทน ปริมาณ หน่วย 1 พลงั งานทใ่ี ชเ้ ดิม LPG ประมาณ 100,000 กโิ ลกรมั /ปี 5,022,000.00 เมกาจลู /ปี บาท/ปี คดิ เปน็ คา่ ใช้จา่ ย 2,500,000 2 แก๊สท่ผี ลติ ไดเ้ ดมิ 105.6 ลบ.ม./วัน 3 แกส๊ ทผ่ี ลติ ได้ใหม่ 800.00 ลบ.ม./วัน เทยี บเทา่ พลังงานความร้อน 18,552 เมกาจูล/วนั 4 วนั ทางาน 300 วัน/ปี คิดเปน็ พลงั งานทดแทน 5,565,600.00 เมกาจูล/ปี หน้า 6-15
ค่มู ือการลงทุนระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ตารางที่ 6-6 การวเิ คราะหผ์ ลทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ คา่ ใช้จา่ ย หน่วย ลาดบั การประเมนิ ดา้ นเศรษฐศาสตร์ 1,080,000.00 บาท/ปี 1 ต้นทุนหญา้ เนเปยี รร์ วมคา่ ตัด/คา่ ขนส่ง 2 มูลววั 810,000.00 บาท/ปี 3 ค่าดาเนนิ การและค่าบารงุ รักษา 180,000.00 บาท/ปี รวมคิดเป็นค่าใชจ้ ่าย 4 ค่าแกส๊ ท่ปี ระหยัดได้ (คิดราคา LPG ที่ 25 บาท/กิโลกรัม) 2,070,000.00 บาท/ปี 5 คดิ เปน็ เงนิ ทีป่ ระหยดั ได้ 6 รายไดจ้ ากการขายปยุ๋ ( 2,565 ตนั /ปี 100 บาท/ตัน) 2,500,000.00 บาท/ปี 7 คดิ เป็นรายรบั สุทธิ 8 เงินลงทุน 430,000.00 บาท/ปี 9 ระยะเวลาคืนทุน 256,500.00 บาท/ปี 686,500.00 บาท/ปี 11,212,000.00 บาท 16.33 ปี การวิเคราะห์ผลทางด้านเศรษฐศาสตร์โดย การวิเคราะห์การลงทุนในส่วนเพิ่ม (Incremental Investment Analysis) โดยโรงงานกรณีศึกษา ตามตารางที่ 6-6 กาหนดอัตราผลตอบแทนการลงทุนข้ันต่า (MARR) ร้อยละ 7 ต่อปี การคานวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดในส่วนเพิ่มของโครงการที่ ระยะเวลาในการเท่ากับ 20.4 ล้านบาท และอัตราผลตอบแทนภายในของโครงการ (IRR) ร้อยละ 5.9 ต่อปี ขณะท่ีมีระยะเวลาคืนทุนของโครงการ (Payback period) เท่ากับ 16.33 ปี จากตัวเลขการพิจาณาดังกล่าว ยังไม่คุ้มค่าด้านการลงทุน ยกเว้นได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานราชการที่เก่ียวข้อง กรณีได้รับ งบประมาณสนับสนุนมากกว่า 50 % หรือ 6 ล้านบาท มีผลทาให้ ท่ีมีระยะเวลาคืนทุนของโครงการ (Payback period) น้อยกว่า 7 ปี ซึ่งจะเป็นอีกแนวทางหน่ึงของโครงส่งเสริมการผลิตก๊าซชีวภาพ ตาม แผนพฒั นาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลอื ก 25% ใน 10 ปี หนา้ 6-16
คู่มอื การลงทุนระบบผลติ ก๊าซชีวภาพจากพชื พลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม บทที่ 7 การประสานงานระหว่างหน่วยงานทีเ่ กยี่ วขอ้ ง และการหาทีป่ รึกษาโครงการระบบผลติ ก๊าซชวี ภาพจากพชื พลงั งาน 7.1 แนวทางการประสานงานระหว่างหนว่ ยงานท่เี ก่ียวขอ้ ง พื้นท่ีก่อสร้างโครงการระบบก๊าซชีวภาพของโรงงานอุตสาหกรรมในกรณีศึกษา มีนักลงทุนและท่ี ปรกึ ษาระบบผลติ ก๊าซชวี ภาพทเี่ ปน็ ผูด้ าเนินการ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้หรือผลประโยชน์ในโครงการ จะต้องมี แนวทางการดาเนินการ ที่สะท้อนถึงความจริงจังที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยผู้ลงทุน สามารถลงทุนในเทคโนโลยีต่างๆ ที่สามารถนามาใช้เพ่ือลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมและชุมชน เช่น ระบบ บาบัดน้าเสียที่ได้มาตรฐาน ระบบบาบัดกลิ่น เคร่ืองจับฝุน เป็นต้น พร้อมท้ังกาหนดมาตรการปูองกันและ บาบัดมลพิษในแต่ละข้ันตอนของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นระยะก่อสร้างโครงการหรือระยะดาเนินงานโครงการ หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยสิ่งเหล่านี้สามารถแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและสร้างความเช่ือม่ันต่อ ประชาชนได้ นักลงทุนและที่ปรึกษาระบบผลิตก๊าซชีวภาพที่เป็นผู้ดาเนินการ จะต้องเริ่มช้ีแจงและทาความเข้าใจ กับประชาชนในพื้นที่ให้เร็วที่สุดและทาอย่าง สม่าเสมอตลอดระยะเวลาของโครงการ โดยมีแผนงานที่ชัดเจน และแต่งต้ังทีมงานให้รับผิดชอบด้านน้ีโดยเฉพาะ โดยผู้ลงทุนสามารถประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้อมูลให้ ประชาชนรับทราบได้หลายวธิ ี ไมว่ า่ จะเป็นการทาเอกสารเผยแพร่ข้อมลู การประชาสัมพันธ์ตามส่ือต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น วิทยุ โทรทัศน์ การเปิดให้ฝากคาถามหรือ แสดงความคิดเห็นทางอินเตอร์เน็ต การประชุมกลุ่มย่อย การประชุมใหญ่ เป็นต้น โดยจะต้องเผยแพร่ข้อมูลอย่าง สม่าเสมอเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจ และเช่ือมั่น ต่อโครงการ นกั ลงทนุ และที่ปรกึ ษาระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพท่ีเป็นผู้ดาเนินการจะต้องกาหนดกลุ่มเปูาหมายของผู้ มีส่วนได้เสียอย่างชัดเจนและครบถ้วน สาคัญ ที่สุดก็คือต้องมีตัวแทนชาวบ้าน หรือคณะทางานที่เป็นตัวแทน ชาวบ้านอย่างแท้จริง โดยควรมีหน่วยงานของรัฐ เช่น เจ้าหน้าที่ จากสานักงานพลังงานจังหวัดที่เข้าไป เก่ยี วขอ้ งอยู่ร่วมในโครงการนี้ด้วย หากดูบทเรียนในอดีต เราก็จะพบว่า หลายคร้ังเร่ืองการชี้แจงและทาความ เข้าใจกับประชาชนในพื้นท่ีน้ัน อาจจะถูกทาขึ้นผ่านตัวแทน เพียงส่วนหน่ึงทาให้เมื่อมีการดาเนินการไปกลาง ทางแล้วมีกล่มุ อืน่ ๆ ทเ่ี ข้ามาร้องเรยี นว่าไมเ่ คยไดร้ บั ขอ้ มลู หรือมี สว่ นรว่ มใดๆ มาก่อน เป็นตน้ นักลงทุนและที่ปรึกษาระบบผลิตก๊าซชีวภาพท่ีเป็นผู้ดาเนินการจะต้องให้ข้อมูลท่ีครบถ้วนและ โปร่งใสท้งั ข้อดีและข้อเสียของโครงการ วิธีการที่ดีในการแสดงข้อมูล คือ การพาประชาชนไปเยี่ยมชมกิจการ โรงไฟฟูาท่ีเปิดดาเนินการแล้ว ซ่ึงได้รับรางวัลเก่ียวกับการ รักษาสิ่งแวดล้อม ในความเป็นจริงมีจานวนของ โรงไฟฟูาท่ีเปิดดาเนินการได้เป็นอย่างดีอยู่มากมายในประเทศไทย ผู้ประกอบการสามารถติดต่อผ่านทาง สานักงานพลงั งานจงั หวัด ของกระทรวงพลังงานให้ช่วยประสานงานในการเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟูาเหล่านั้นได้ ใน ขณะเดียวกนั การพดู ถงึ ข้อดอ้ ยหรือด้านลบ พร้อมท้ังอธิบายให้ฟังว่าข้อใดได้ ดาเนินการแก้ไข และข้อใดบ้างท่ี ยังอย่ใู นระหว่างดาเนินการ จะช่วยสร้างบรรยากาศทม่ี ีความร่วมมือ และความเชือ่ มน่ั มากข้นึ ในทกุ ฝุาย ในระยะยาวโครงการระบบผลิตก๊าซชีวภาพควรเข้าเป็นส่วนหน่ึงของชุมชนอย่างแท้จริง โครงการ ควรมี ปฏิสัมพันธ์กับคนในชุมชนผ่านกิจกรรมทางสังคมในรูปแบบต่างๆ โดยมิใช่แค่การให้เงินสนับสนุนเพียง อย่างเดียว เช่น การเข้าร่วมในกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ การเข้าร่วมในกิจกรรมร่วมกับท้องถิ่น หรือ การ หน้า 7-1
คมู่ ือการลงทุนระบบผลติ ก๊าซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม อนุญาตให้โรงเรียนในท้องถ่ินได้เข้าเยี่ยมชมกิจการ และรับนักศึกษาเข้าฝึกงานเพ่ือให้เป็นแหล่งเรียนรู้อีก ทางเลอื กหนง่ึ เปน็ ตน้ 7.2 ขน้ั ตอนการขอนญุ าตตามกฎหมาย ขั้นตอนตามกฎหมาย การขอใบอนญุ าต สาหรับโครงการการผลิตก๊าซชีวภาพ เพื่อให้การดาเนินด้าน กฎหมายในสมบูรณ์ เป็นต้น o การขออนุญาตประกอบกจิ การโรงงานอุตสาหกรรม o การขออนญุ าตประกอบกิจการโรงไฟฟ้า เป็นการประกอบกิจการโรงงานประเภท 3 หรือ ประเภท 4 o การทาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า การเสนอขายไฟฟ้าต่อการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) หรือ การ ดาเนินของการไฟฟา้ สว่ นภูมิภาค (กฟภ.) o การออกใบอนญุ าตการประกอบกิจการพลังงาน o การขอใบอนญุ าตการก่อสร้างขององค์การปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน (อปท.) ท้งั นีผ้ สู้ นใจหรอื นักลงทนุ สามารถศึกษาเพมิ่ เตมิ ไดท้ ่ี คมู่ อื การลงทนุ โรงไฟฟูาก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน ศูนย์บริการข้อมูลโครงการศึกษา วิจัย ต้นแบบ วสิ าหกิจชุมชนพลังงานสีเขียวจากพชื พลงั งาน (ก๊าซชีวภาพจากพืชพลงั งาน) (One Stop Service) คมู่ ือการพัฒนาและการลงทุนผลิตพลงั งานทดแทน ชดุ ที่ 5 พลงั งานก๊าซชีวภาพ 7.3 การหาที่ปรกึ ษาโครงการระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจร เน่อื งจากการพัฒนากอ่ สร้างโรงไฟฟูาจาก๊าซชีวภาพจาเป็นต้องใช้ความรู้ และประสบการณ์ ทางด้าน เทคนิคอย่างสูง ประกอบกับต้องใช้เงินลงทุนสูงมากและมีความผันแปรในด้านเทคนิคและด้านเศรษฐศาสตร์ อย่างมาก การบริหารงานและการดาเนินการก่อสร้างจะต้องมีข้ันตอนต่างๆ และโดยเฉพาะผู้ลงทุนจาเป็นต้อง ใหข้ อ้ มูลรายละเอยี ดของโครงการในการขอกู้เงนิ รวมถึง การขอรับการสนบั สนุนและการลงทุนในหน่วยงาน ต่างๆ ถึงแม้ว่าเจ้าของโครงการอาจจะมีความรู้ทางด้านโรงไฟฟูาก๊าซชีวภาพอยู่บ้าง แต่คงไม่สามารถทา รายละเอียดได้ท้ังหมด ในข้ันตอนต่างๆ ของการดาเนินการโครงการ ดังนั้นเจ้าของ โครงการควรจะหา ผ้เู ชยี่ วชาญด้านนโ้ี ดยเฉพาะ เชน่ วิศวกรที่ปรึกษา (Consulting Engineers) โดยอย่างน้อยต้องเป็นระดับสามัญวิศวกร ทาหน้าที่ให้ คาปรึกษาทางด้านเทคนิคของโครงการ ขอบเขตของงานวิศวกรท่ีปรึกษา ข้ึนอยู่กับความต้องการของเจ้าของ โครงการวา่ จะครอบคลมุ มากนอ้ ยเพียงใด เช่น งานปรึกษาทั่วไป งานศึกษาความเหมาะสมของโครงการ งาน รวบรวมข้อมลู และผลการศึกษาในการขอกูเ้ งนิ และการเสนอขายไฟฟูาตอ่ การไฟฟาู ฝุายผลิต (กฟผ.) และ การ ดาเนินของการไฟฟาู สว่ นภมู ิภาค (กฟภ.) วศิ วกรทีป่ รึกษาอาจจะร่วมดาเนนิ การออกแบบรายละเอียดทางด้าน วิศวกรรม แต่การจัดซื้ออุปกรณ์และสรรหาผู้รับเหมาทาการก่อสร้าง ตลอดถึงทาหน้าท่ีบริหารโครงการ ก่อสร้าง (EPC) และการเข้าถึงอุปกรณ์เครื่องจักร ต่างๆ (EQUIPMENT SUPPLIER) อาจจาดาเนินการโดย เจ้าของโครงการ บรษิ ทั หรอื หนว่ ยงานท่ปี รกึ ษา (Consulting Company or Consulting Institution) โดยอย่างน้อย ต้องเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือหรือมีประสบการณ์ในการดาเนินงานด้านระบบผลิตไฟฟูา ทาหน้าที่ให้ คาปรกึ ษาทางด้านเทคนิคและด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการ ขอบเขตของงานบริษัทหรือหน่วยงานที่ปรึกษา อาจจะครอบคลุมเกือบทุกด้านของโครงการ แต่ท้ังนี้ยังข้ึนอยู่กับความต้องการของเจ้าของโครงการ เช่น งาน หน้า 7-2
คู่มือการลงทนุ ระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ปรึกษาท่ัวไป งานศึกษาความเหมาะสมของโครงการที่ งานรวบรวมข้อมูลและผลการศึกษาในการขอกู้เงิน และการเสนอขายไฟฟูาตอ่ การไฟฟาู ฝาุ ยผลิต(กฟผ.) และ การดาเนินของการไฟฟูาส่วนภูมิภาค (กฟภ.) บริษัท หรอื หน่วยงานที่ปรึกษาต้องดาเนินการออกแบบรายละเอยี ดทางดา้ นวิศวกรรม ราคา งบประมาณ (BOQ) การ จดั ซอ้ื อปุ กรณ์และสรรหาผู้รับเหมาทาการก่อสร้าง ตลอดถึงทาหน้าที่บริหารโครงการก่อสร้าง (EPC) และการ เขา้ ถึงอุปกรณ์เครื่องจกั รตา่ งๆ (EQUIPMENT SUPPLIER) ท่ีปรึกษาทางด้านเงินลงทุน (Financial Advisor) หรือ สถาบันการเงินและการลงทุน (Financial Institution and Investment) ซึ่งจะเป็นผู้ให้คาแนะนาทางด้านการเงิน และการกู้เงินมาทาโครงการจาก แหล่งเงินกู้ต่างๆ เช่น บริษัท จัดการพลังงาน จากัด (Energy Service Company; ESCO)ม, สานักงาน คณะกรรมการส่งเสรมิ การลงทนุ (BOI) และ สถานบันธนาคารพาณิชย์ ต่างๆ ตัวอย่างรายชื่อบริษัทหรือหน่วยงานท่ีปรึกษา (Consulting Company/Consulting Institution) ดังน้ี o Aqua Technos Asia Company Ltd. o Asia Biogas Management Co., Ltd. o Biofuel Co.,Ltd. & Biogas Forerunner Co.,Ltd. o Biogas Nord Co.,Ltd. o Clean Energy Management (Thailand) Co., Ltd. o Excellent Energy International Co. Ltd.(EEI) o Full System Engineering Co., Ltd. o hadyai environmental management co.,ltd. o Jiamphattana Energy International Co., Ltd. o MSM POWER SYSTEMS CO., LTD. o Premier Energy Co., Ltd. o Siemens Limited o บรษิ ทั PRAJ INDUSTRIES จากัด o บริษัท Rung Jarean Energy & Consultant จากัด o บรษิ ทั โกลบอล วอร์เทอร์ เอ็นจเิ นยี ริง จากัด o บริษทั เค พี เอส อาร์ คอนสตรัคช่นั (2006) จากดั o บรษิ ัท ซาราฟ ไบโอแก๊ส เอน็ เนอรย์ ่ี จากดั o บริษัท ไทย ไบโอแก๊ซ เอ็นเนอร์ย่ี จากดั o บริษทั ไบโอทริค เอเชีย จากัด o บริษทั ปภพ จากดั o บรษิ ทั พรีเมยี ร์ ไลนิง่ อินเตอร์พลาส จากดั o บริษัท พลงั ธรรมชาติ จากัด o บริษัท พฒั นาส่งิ แวดลอ้ มและพลงั งานไทย จากัด o บรษิ ทั พี แอนด์ เอส ดไี ซน์ จากัด o บริษทั ฟน้ื ฟสู ่ิงแวดลอ้ มไทย จากัด o บริษัท ฟจู ิคาซุย (ไทยแลนด)์ จากดั o บริษทั ยทู ิลิต้ี บิสเิ นส อัลลายแอนซ์ จากดั (UBA) o บรษิ ัท รีเทค เอน็ เนอรย์ ี จากดั หนา้ 7-3
คมู่ ือการลงทนุ ระบบผลิตกา๊ ซชวี ภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม o บรษิ ทั เวสโซลูชัน่ จากัด o บรษิ ทั สมารท์ เอ็นเนอร์ยี่ จากัด o บริษัท อลั ทรา้ วอเทอร์ เอ็นจิเนียร่งิ จากัด o บริษทั อาควา นชิ ิฮาร่า คอรป์ อเรชั่น จากดั o บรษิ ัท แอนแอโรบคิ เทค จากดั o บรษิ ัท ไอ อซี เี อ็ม จากดั o บริษัทวลั วทิ อินเตอร์เนชัน่ แนล จากดั o สถาบันวจิ ยั และพัฒนาพลังงานนครพงิ ค์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ o สถาบนั วิจยั วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีแหง่ ชาติ (วว.) o สถาบนั วิจยั และพลงั งาน จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั o มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) o มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) o มหาวิทยาลัยสงขลาศรีนครนิ ทร์ (มอ.) o มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี (มจธ.) o มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนอื (มจพ.) o ศนู ยบ์ ริการทางวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั รังสติ o มลู นธิ ิสถาบนั กา๊ ซชวี ภาพ หน้า 7-4
คู่มอื การลงทุนระบบผลติ ก๊าซชีวภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม เอกสารอา้ งอิง คู่มือการปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 โดย ดร.ไกรลาศ เขียวทอง ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ นครราชสมี า คู่มือการลงทุนปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 ศูนย์บริการข้อมูลโครงการศึกษา วิจัย ต้นแบบวิสาหกิจ ชุมชนพลังงานสเี ขยี วจากพืชพลังงาน (ก๊าซชีวภาพจากพืชพลงั งาน) (One Stop Service) คู่มือการลงทนุ โรงไฟฟูาก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน ศูนย์บริการข้อมูลโครงการศึกษา วิจัย ต้นแบบ วิสาหกิจชุมชนพลงั งานสเี ขยี วจากพชื พลังงาน (กา๊ ซชวี ภาพจากพชื พลังงาน) (One Stop Service) ค่มู ือการพฒั นาและการลงทุนผลิตพลังงานทดแทน ชดุ ที่ 5 พลงั งานก๊าซชีวภาพ เทคโนโลยีการผลิตก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน (หญ้าเนเปียร์) เอกสารประกอบการบรรยายของ ผศ.ดร.ปฏริ ูป ผลจนั ทร์ ภาควิชาวศิ วกรรมสิ่งแวดลอ้ ม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ อ-1
คมู่ ือการลงทนุ ระบบผลติ กา๊ ซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม บนั ทกึ ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ...................................................................................................................................
ค่มู อื การลงทนุ ระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากพชื พลังงานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม บันทกึ ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ...................................................................................................................................
คู่มอื การลงทุนระบบผลติ กา๊ ซชวี ภาพจากพืชพลงั งานแบบครบวงจรในโรงงานอตุ สาหกรรม ผสู้ นใจสามารถขอขอ้ มลู และรายละเอยี ดเพมิ่ เติมไดท้ ี่ ศูนย์บริการวชิ าการดา้ นพลังงานทดแทนโทรศพั ท์ : 0-2223-7474 หรือ กล่มุ ก๊าซชวี ภาพ สานักวจิ ัย ค้นคว้าพลงั งาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนรุ ักษพ์ ลังงาน 17 ถนนพระราม 1 แขวงรองเมอื ง เขตปทมุ วัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศพั ท์ : 0-2223-0021-9 เว็บไซต์ www.dede.go.th จดั ทาเอกสาร โดย ศูนย์บริการวชิ าการ มหาวิทยาลยั รังสติ สานกั งาน ชั้น 2 หอ้ ง 237 อาคารวษิ ณุรตั น์ วทิ ยาลยั วศิ วกรรมศาสตร์ เลขท่ี 52/347 ถนนพหลโยธนิ ตาบลหลักหก อาเภอเมอื ง จังหวดั ปทุมธานี 12000 โทรศพั ท์ : 0-2997-2200 ต่อ 3670 โทรสาร : 0-2533-9473 พิมพค์ รง้ั ท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2557 จานวน 150 ชุด
Search