6หน่วยการเรียนรู้ท่ี กลไกราคาในระบบเศรษฐกจิ
ตลาดในระบบเศรษฐกิจ ตลาด (Market) : การท่ผี ้ซู ้อื และผ้ขู ายมาทาการติดตอ่ ซ้ือขายกนั ภาพใดคือตลาด ในระบบเศรษฐกจิ
ลักษณะโดยทวั่ ไปของตลาด แบ่งตามลักษณะการขายสินค้า แบง่ ตามชนดิ สินค้า แบ่งตามลกั ษณะการแขง่ ขนั ทีม่ ีอยูใ่ นตลาด แบง่ ตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า
ตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์ มีการแข่งขันกนั อยา่ งเตม็ ที่ระหวา่ งผซู้ ื้อกับผ้ขู าย การกาหนดราคา เกิดขึน้ ท้งั จากผู้ซื้อและผ้ขู าย ไมม่ ปี จั จัยอ่นื เข้ามามีอทิ ธพิ ล สินคา้ ในตลาดเป็นชนดิ เดยี วกนั มีผ้ขู ายและผู้ซอ้ื จานวนมาก สามารถ ผซู้ ื้อและผู้ขายมคี วามร้เู กย่ี วกบั เหมือนกันทุกประการ เช่น สภาพการณ์ของตลาดเปน็ อยา่ งดี ทาการตดิ ตอ่ คา้ ขายกันได้โดยสะดวก สนิ คา้ เกษตร
ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ผซู้ อ้ื หรือผขู้ ายมีอิทธพิ ลในการกาหนดราคาหรอื ปรมิ าณสินค้าในตลาด เนือ่ งจากสินค้าสว่ นมาก มีลกั ษณะไมเ่ หมอื นกนั ทาให้ผูซ้ ้ือเกดิ ความพงึ พอใจสนิ คา้ ของผคู้ ้าคนใดคนหน่งึ มากกว่ากนั ตลาดก่ึงแขง่ ขนั กง่ึ ผูกขาด ตลาดทีม่ ผี ขู้ ายน้อยราย ตลาดผกู ขาด มผี ู้ขายจานวนมาก เป็นสนิ คา้ มผี ขู้ ายไมก่ ่ีรายแตข่ ายสนิ คา้ จานวน มีผู้ขายรายเดียวทาใหม้ อี ิทธิพลเหนอื อยา่ งเดยี วกนั แตม่ หี ลายยี่ห้อ เช่น มากเม่อื เทียบกบั ตลาดท้งั หมด เช่น สบู่ ยาสีฟัน รองเทา้ เส้อื ผา้ บริษทั โรงกล่นั น้ามนั ตลาดน้าอัดลม ราคา เชน่ โรงงานยาสบู ประปา ไฟฟา้ สลากกนิ แบ่งรฐั บาล
กลไกราคา กลไกราคา การเปลย่ี นแปลงในระดับราคาสินค้า เกดิ ข้นึ จากแรงผลักดนั ของอุปสงค์ตลาดและอปุ ทานตลาด
อปุ สงค์ (demand) อุปสงค์ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ปริมาณความต้องการ ซ้ือสินคา้ และบรกิ ารของผูบ้ รโิ ภค ซงึ่ ผ้บู รโิ ภคมอี านาจซ้อื และมีความเต็ม ใจท่ีจะซื้อในระยะเวลาหน่ึง และ ณ ระดับราคาต่าง ๆ ของสินค้าและ บริการนั้น โดยอุปสงค์จะเกิดข้ึนเมื่อมีการซ้ือขายสินค้าและบริการแล้ว เท่าน้นั ไมว่ ่าจะซ้อื ด้วยระบบเงนิ สดหรอื เงนิ ผอ่ นก็ตาม
กฎอุปสงค์ (law of demand) กฎอุปสงค์ กล่าวว่า ปริมาณของสนิ ค้าและบริการชนิดใดชนิดหน่ึงท่ผี ู้บริโภคต้องการซือ้ ซ่งึ แปรผกผันกบั ระดบั ราคาของสนิ ค้าและบริการชนิดนัน้ เสมอ เม่ือกาหนดให้ส่งิ อ่นื ๆ คงท่ี กฎดังกล่าวจึงเป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสินค้าและบริการที่ ตอ้ งการกับระดบั ของราคาสนิ คา้ และบรกิ ารที่ต้องการน้ัน
กลไกราคา อุปสงค์( Demand ) ราคา (บาท/กล่อง) ทาไมคณุ แม่จึงซื้อ นา้ ผลไมเ้ พิ่มข้นึ คุณแม่มีความต้องการดื่มน้าผลไม้สัปดาห์ละ 3 กล่อง เม่ือน้าผลไม้มีราคากล่องละ 60 บาทแต่ถ้าลดลงเหลือ 65 กล่องละ 50 บาท คุณแม่ก็มีแนวโน้มจะบริโภคน้า ผลไม้เพ่ิมมากขึ้น เช่น อาจซื้อถึง 5 กล่อง แต่ถ้าน้า 60 ผลไม้ราคากลอ่ ง 65 บาท คณุ แม่ก็อาจจะซื้อลดลง 55 เสน้ อปุ สงคค์ วามต้องการ 50 ดม่ื น้าผลไมข้ องคุณแม่ 45 40 35 D 0 2 345678 จานวน (กล่อง) กฏของอุปสงค์ สนิ ค้าราคาถูกลง ซอื้ เพิ่มข้ึน สนิ คา้ ราคาแพงขึ้น ซือ้ น้อยลง
ตัวอย่างของอปุ สงค์ กฎของอุปสงค์นั้นเป็นความต้องการซื้อสินค้าและบริการหน่ึง ๆ ตามระดับราคาที่อยู่ใน ชว่ งเวลานนั้ โดยราคาจะแปรผนั ในทศิ ทางตรงข้ามกบั ปริมาณซื้อ ดังน้ัน หากเราต้องการซื้อเคร่ืองดื่มน้าผลไม้ ตามกฎอุปสงค์จึงพิจารณาแต่ระดับราคาของ เครือ่ งดม่ื นา้ ผลไม้กล่องนน้ั ในเวลาน้นั โดยยังไมไ่ ดพ้ ิจารณาถงึ ปจั จัยอื่น ๆ
จากตารางข้างต้น หมายความว่าหาก เครื่องดื่มน้าผลไม้ราคากล่องละ ๒๔ บาท ผู้ซ้ือจะ มคี วามตอ้ งการซื้อเพียง ๑ กลอ่ ง แตห่ ากเครื่องดื่ม น้าผลไม้ราคากล่องละ ๔ บาท จะมีความต้องการ ซื้อถึง ๖ กล่อง ซึ่งเป็นไปตามกฎของอุปสงค์ท่ีว่า หากสินค้ามีราคาแพง ความต้องการซ้ือสินค้าจะ ลดลง แตห่ ากสินคา้ มีราคาถูกลง ความต้องการซื้อ สนิ ค้าจะเพิ่มขึ้น จากตารางดังกล่าวสามารถนามา แสดงเป็นเสน้ อุปสงค์ได้ดังนี้
ปัจจัยในการกาหนดอปุ สงค์ ปจั จัยทม่ี สี ว่ นในการกาหนดอปุ สงคม์ หี ลายประการ เช่น ๑. ราคาสินค้า เป็นปัจจัยที่สาคัญท่ีสุดในการกาหนดปริมาณอุปสงค์ของสินค้าชนิดนั้น ถ้าสินค้ามี ราคาสงู ขน้ึ ปริมาณการซ้อื จะลดลง ถา้ ราคาสนิ คา้ ถกู ลง ปริมาณการซื้อจะเพมิ่ ข้ึน (กฎของอปุ สงค)์ ๒. รายได้ของผู้บริโภค เนื่องจากรายได้เป็นตัวกาหนดอานาจการซื้อและปริมาณความต้องการซ้ือ ของผู้บรโิ ภค เมอ่ื รายได้เฉลยี่ ของผู้บรโิ ภคเปล่ียนแปลงไปทาให้ปริมาณการซ้ือสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหน่ึง เปล่ยี นแปลงไปด้วย ๓. ราคาสินค้าอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าอื่นท่ีเก่ียวข้องจะมีผลต่อปริมาณสินค้าที่ ผู้บริโภคต้องการจะซื้อ ข้ึนอยู่กับว่าสินค้าชนิดนั้นใช้ทดแทนกันได้หรือเป็นสินค้าท่ีต้องใช้ร่วมกัน ถ้าใช้ทดแทน กันได้ เม่ือสินค้าชนิดหนึ่งมีราคาสูงข้ึนก็จะทาให้ปริมาณซ้ือของสินค้าอีกชนิดหน่ึงเพิ่มขึ้น เช่น กรณีเมื่อปลา ทับทิมมีราคาแพงข้ึน ผู้บริโภคจะบริโภคปลาทับทิมลดลง ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็อาจจะหันไปบริโภคปลานิล หรอื ปลาชนดิ อน่ื แทน
ปจั จัยในการกาหนดอุปสงค์ ปจั จัยทีม่ ีส่วนในการกาหนดอุปสงค์มหี ลายประการ เช่น ๔. การเปล่ยี นแปลงของฤดกู าล เช่น ในฤดูฝนความต้องการซื้อร่มหรือเสื้อกันฝนเพิ่มมากขึ้น ในฤดู ร้อนความต้องการซ้อื เสอ้ื กนั หนาวลดน้อยลง ๕. รสนิยมของผู้บริโภค รสนิยมของผู้บริโภคโดยทั่วไปจะแตกต่างกันไปตามอายุ เพศ อาชีพ ระดับ การศึกษา นอกจากนี้ยงั เปล่ยี นแปลงไปตามเวลาและยุคสมยั ๖. จานวนประชากร ประเทศท่ีมีจานวนประชากรมาก ความต้องการสินค้าและบริการจะเพ่ิมมาก ขึ้น แตท่ ง้ั นี้ข้ึนอยู่กับลักษณะโครงสร้างของประชากรด้วย เช่น มีประชากรวัยเรียนมาก ความต้องการสินค้าที่ เกยี่ วกบั วัยเรียนกจ็ ะเพม่ิ มากข้ึน ๗. การคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต เช่น หากผู้บริโภครู้ว่าจะได้ปรับข้ึนเงินเดือนก็อาจจะบริโภค ลว่ งหน้าไปกอ่ น ทาใหค้ วามต้องการบริโภคสนิ คา้ สงู ขึ้น
อปุ สงค์ การเปลย่ี นแปลงปริมาณอปุ สงค์ เป็ นการเปลี่ยนแปลงปริ มาณการซ้ือที่เกิดจากการเปล่ียนแปลงราคา
อุปสงค์ การเปลย่ี นแปลงระดบั อุปสงค์ เป็นการเปล่ียนแปลงความตอ้ งการซ้ือ ในขณะท่ีราคาสินคา้ และบริการยงั คงเดิม แต่เป็นผลมาจากปัจจยั ต่างๆ เช่น รายได้ จานวนประชากร ฤดูกาล การโฆษณา มีผลใหป้ ริมาณซ้ือเพิ่มข้ึนหรือลดลง
อปุ ทาน (supply) อุปทานในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ จานวนสินค้าและบริการซง่ึ ผ้ผู ลติ เต็มใจท่จี ะผลิตและนาออกขาย ณ ระดับราคาตา่ ง ๆ ในระยะเวลาที่กาหนด
กฎอุปทาน (law of supply) กฎอปุ ทาน กล่าวว่า ปรมิ าณของสนิ คา้ และบรกิ ารชนดิ ใดชนดิ หนงึ่ ที่ปรมิ าณเสนอขายสนิ ค้า ซึ่งมาแปรผันโดยตรงกับราคาของสินค้าและบรกิ ารชนิดน้ันเสมอ โดยกาหนดให้ปัจจัยอืน่ คงที่ หากเราเป็นผู้ขาย เม่ือเห็นว่าราคาสินค้าที่ตนต้องการขายยังมีราคาไม่ดี หมายถึง ราคา นั้นยังไม่สูงพอท่ีจะทาให้ได้กาไรในระดับหนึ่ง ปริมาณเสนอขายสินค้าชนิดนั้นก็จะต่าลง เวลาเรา เลอื กทีจ่ ะขายสินค้าชนดิ ใด เรากต็ อ้ งการขายสนิ คา้ ที่ได้เงินมาก มกี าไร หมายถงึ สินคา้ ทีม่ รี าคาสูง
อปุ ทาน (Supply) ทาไมรา้ นบุญสง่ จงึ ผลติ รา้ นบญุ สง่ ของฝากเป็นร้านผลิตพวงกุญแจท่ีระลึกขาย พวงกญุ แจเพ่มิ ขน้ึ แก่นักท่องเท่ียว ถ้าพวงกุญแจราคาชิ้นละ 25 บาท ร้านจะผลิตจานวน 1,000 ชิ้น เม่ือราคาเพิ่มข้ึนเป็น จานวน (ชิ้น) 30 บาทต่อช้ิน ร้านจะผลิตเพ่ิมขึ้นเป็น 1,500 ชิ้น เน่อื งจากมีความตอ้ งการขายสนิ คา้ เพิ่มมากขน้ึ 3500 เส้นอุปทานความต้องการ 3000 ผลิตของรา้ นขายของทีร่ ะลึก 2500 2000 1500 1000 500 S 0 10 20 30 40 50 ราคา (บาท/ชิ้น) กฏของอปุ ทาน สนิ ค้าราคาแพงขน้ึ ผลติ เพม่ิ สนิ คา้ ราคาถกู ลง ลดการผลติ
ตัวอยา่ งของอุปทาน ก ฎ ข อ ง อุ ป ท า น จ ะ พิ จ า ร ณ า ไ ป ที่ ร ะ ดั บ ร า ค า สิ น ค้ า ที่ อ ยู่ ใ น ช่ ว ง เ ว ล า นั้ น โดยกาหนดให้ปัจจยั อ่นื ๆ คงที่ เช่น ต้นทุนการผลิต จานวนผู้ขายรายอ่ืน ดังนั้น หากเราต้องการขาย เคร่ืองดื่มนา้ ผลไมเ้ ราจะยังไมไ่ ด้พจิ ารณาว่าต้นทุนการผลติ เท่าใด มีคู่แขง่ รายอน่ื อย่างไรบา้ ง
จะเห็นได้ว่า หากน้าผลไม้ราคากล่องละ ๒๔ บาท จะมีความต้องการขายถึง ๖ กล่อง แต่หากราคากล่องละ ๔ บา ท ซึ่งต่ าที่สุ ด จะมี คว า มต้ อง ก าร ขาย ท่ีต่ า สุด คือ ๑ กล่อง ซึ่งเป็นไปตามกฎของอุปทานท่ีว่าหากสินค้ามีราคา แพง ความต้องการขายสินค้าจะเพ่ิมข้ึน แต่หากสินค้ามีราคา ถูกลง ความต้องการขายสินค้าจะลดลง จากตารางสามารถ แสดงเสน้ อปุ ทานได้ดงั น้ี
ปัจจัยในการกาหนดอุปทาน ปัจจยั ทีม่ ีส่วนในการกาหนดอุปทานมีหลายประการ เชน่ ๑. ราคาสินค้าและบริการ ถ้าราคาสินค้าและบริการเพิ่มสูงขึ้น ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าและบริการมากข้ึน และนามาเสนอขายมากข้ึน เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะได้กาไรจากการค้าเพิ่มขึ้น ถ้าราคาสินค้าและบริการถูกลง ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าและบริการน้อยลง และนามาเสนอขายน้อยลง เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกาไรจาก การคา้ ลดลง (กฎของอปุ ทาน) ๒. จานวนผผู้ ลิต ถ้ามผี ผู้ ลติ มากขึ้นทาให้อุปทานเพ่มิ ข้ึน ถา้ ผู้ผลิตนอ้ ยลงอุปทานจะลดลง ๓. ต้นทุนการผลิต การตัดสินใจในปริมาณการผลิต ผู้ผลิตจะเปรียบเทียบระหว่างรายได้จากการขาย สนิ คา้ กับตน้ ทนุ ถ้าต้นทนุ สงู ขน้ึ ผูผ้ ลติ จะผลิตสินคา้ นอ้ ยลง ถา้ ต้นทนุ ถกู ลงจะผลติ สินค้าเพ่มิ ขึน้
ปัจจัยในการกาหนดอุปทาน ปจั จัยท่มี ีส่วนในการกาหนดอปุ ทานมีหลายประการ เช่น ๔. เทคโนโลยีการผลิต ปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมีบทบาทต่อการผลิตมากข้ึนการนา เทคโนโลยมี าใชใ้ นการผลิตจะช่วยเพ่ิมคณุ ภาพในการผลิตและปรมิ าณผลผลติ ๕. นโยบายของรัฐบาล ปริมาณเสนอขายสินค้าและบริการอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง นโยบายของรัฐ เช่น ถ้ามีการจัดเก็บภาษีเพ่มิ ขน้ึ ผผู้ ลิตอาจลดปรมิ าณการผลติ ลงเนื่องจากต้นทุนในการผลติ สูงขึ้น ๖. ราคาสินคา้ อนื่ ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง เช่น กรณีที่ราคาสินค้าอื่นแพงขึ้น อาจมีผลทาให้อุปทานของสินค้าชนิด ที่ผลิตอยู่ลดลง ตัวอย่างท่ีเห็นได้ชัด เช่น เมื่อราคาข้าวโพดแพงขึ้น คนที่เคยปลูกมันสาปะหลังอยู่ อาจหันไปปลูก ขา้ วโพดแทน ๗. สภาพดินฟ้าอากาศ สภาพดินฟ้าอากาศมีผลกระทบต่อปริมาณการเสนอขายสินค้า โดยเฉพาะสินค้า เกษตร สภาพดนิ ฟา้ อากาศที่เอือ้ อานวยส่งผลใหอ้ ปุ ทานสินค้าเพม่ิ ขนึ้
อปุ ทาน การเปลยี่ นแปลงปริมาณอปุ ทาน เป็ นการเปล่ียนแปลงปริ มาณการผลิตท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงของราคา สินคา้ โดยใหป้ ัจจยั อ่ืนๆ ท่ีไม่ใช่ราคาคงที่
อปุ ทาน การเปลย่ี นแปลงระดบั อปุ ทาน เป็นการเปล่ียนแปลงปริมาณการผลิต ในขณะที่ราคาและบริการยงั คงเท่าเดิม ซ่ึงเป็นไดท้ ้งั เพิ่มข้ึน และลดลง สาเหตุอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจยั อื่นที่มิใช่ราคาของสินคา้ ชนิดน้นั
การกาหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ ราคาสินค้าและบริการสงู ข้นึ อปุ ทานสูงข้นึ อปุ สงค์ตา่ ลง ราคาสินคา้ และบริการต่าลง อปุ ทานต่าลง อุปสงค์สงู ข้ึน =ราคาทีผ่ บู้ รโิ ภคตอ้ งการซอ้ื ราคาทผี่ ผู้ ลิตต้องการขาย ราคาดลุ ยภาพ ตัวอย่างการบริโภคและผลติ เนื้อไก่ของชุมชนรักดี ราคา (กก./บาท) 110 D S ราคาเน้ือไก่แพงขึ้น ทาให้ความต้องการขาย (S) เน้ือไกเ่ พ่มิ ขน้ึ E แต่เม่อื ราคาเนอ้ื ไกถ่ ูกลงความต้องการขาย (S) จะลดลงด้วย 100 จุดดลุ ยภาพ (E) เกิดขนึ้ เม่ือความต้องขายเนอ้ื ไก่และความต้องการซอื้ 90 เน้อื ไกเ่ ท่ากัน (S = D) 80 70 ราคาเนอ้ื ไกถ่ ูกลง ทาใหค้ วามต้องการซ้ือ (D) เน้อื ไกเ่ พมิ่ ข้ึน 60 D แตเ่ มือ่ ราคาเนอ้ื ไกแ่ พงข้ึนความตอ้ งการซอ้ื (D) จะลดลง 50 S 0 150 200 250 300 350 400 450 500 ปริมาณการบรโิ ภค/วนั (กก.)
ตวั อยา่ งการบริโภคและผลิตเนือ้ ไก่ของชุมชนรกั ดี ราคา (กก./บาท) 110 D S อุปทานส่วนเกินหรืออุปสงค์ส่วนขาด อุปสงค์ (D) น้อยกว่าอุปทาน (S) ความต้องการบริโภคสินค้าน้อยลง แต่สินค้าและการผลิตมีเท่าเดิม ส่งผลให้ 100 สนิ คา้ ลน้ ตลาด 90 อุปสงค์ส่วนเกินหรืออุปทานส่วนขาด อุปสงค์ (D) มากกว่าอุปทาน (S) 80 ความต้องการบริโภคสินค้ามีมาก แต่การผลิตเท่าเดิมหรือลดลง ทาให้สินค้า 70 D ขาดตลาด 60 50 S 0 150 200 250 300 350 400 450 500 ปรมิ าณการบริโภค/วนั (กก.)
สภาวะทางเศรษฐกิจ ปจั จยั ในการกาหนดราคา เศรษฐกจิ ดี เศรษฐกจิ ตกต่า – ประชาชนมีรายได้ดี – ประชาชนมีรายลดลง – ปรมิ าณเงนิ ในตลาดมาก – ปรมิ าณเงนิ ในตลาดน้อย – คนมกี าลังซ้ือ – คนมีกาลังซื้อน้อย ผู้ขาย ตง้ั ราคาสินคา้ สูง ผ้ขู าย ตง้ั ราคาสนิ คา้ ตา่
กลุ่มเปา้ หมาย กลุ่มลกู ค้าท่มี ีรายได้สูง กลุ่มลกู คา้ ที่มรี ายได้ตา่ ผูข้ าย ตัง้ ราคาสินคา้ สงู ผ้ขู าย ตง้ั ราคาสินคา้ ต่า
ตลาดทมี่ สี นิ ค้าประเภทเดียวกนั การแข่งขันของตลาด – สินคา้ มีลักษณะเหมอื นกัน ตลาดทมี่ ผี ขู้ ายเพยี งไมก่ ่ีเจา้ – มผี ้ขู ายหลายคน – สินคา้ ทมี่ ีการลงทุนสงู เชน่ ธุรกจิ นา้ มัน ,เคร่อื งจกั ร – มีผ้ขู ายเพียงคนเดยี ว/กาหนดราคาได้ ตามความตอ้ งการ ผู้ขาย กาหนดราคาสินค้า ผู้ขาย กาหนดราคาสนิ ค้าสูง เทา่ ๆ กนั
การต้งั ราคาสนิ คา้ ต้ังราคาจากต้นทนุ ของสินคา้ ราคาขาย = ตน้ ทุน + (% กาไรทต่ี อ้ งการ × ต้นทุน) แมซ่ อื้ มาคู่ละ 1,000 ลง ประกาศขายใหห้ นอ่ ยนะ ราคาขาย = 1,000 + (20% × 100) = 1,200 ถ้าอยากขายให้ได้กาไรสัก 20% ตอ้ งขายเท่าไหร่ ?
สรปุ สาระสาคัญ ตลาดในระบบเศรษฐกิจ ตลาดมีหลายลกั ษณะขึ้นอยกู่ ับวตั ถปุ ระสงค์ในการแบง่ เชน่ แบง่ ตามลกั ษณะการขาย ได้แก่ ตลาดขายส่ง ตลาด ขายปลีก แบ่งตามลักษณะการแขง่ ขนั ได้แก่ ตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์ ตลาดแขง่ ขันไมส่ มบรู ณ์ แบง่ ตามชนดิ สินค้า และแบง่ ตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า กลไกราคา ภาวะการเปลย่ี นแปลงในระดับราคาสินคา้ และบรกิ ารอนั เกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์ อุปทาน โดยราคาสินค้า เป็นตัวแปรสาคัญในการกาหนดอปุ สงค์ อุปทาน รวมท้ังเป็นกระบวนการปรับเปลย่ี นราคาให้เขา้ สู่จดุ ดุลยภาพ การกาหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ การจะกาหนดราคาสินค้าไดก้ ต็ ่อเมอื่ มกี ารเปรยี บเทยี บระหวา่ งปริมาณของอุปสงค์กับอปุ ทานในขณะน้ัน กลไกราคาจะเป็นตัวกาหนดในการผลิตสินคา้ และบริการวา่ จะผลิตปรมิ าณมากเทา่ ใด ราคาเท่าไร
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: