Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 高山族

高山族

Published by sunicha khiaojansuep, 2018-10-11 01:51:43

Description: ชนเผาเกาซานเป็น 1 ใน 56 ชนผ่าของประเทศจีน

Keywords: #高山族 #ชนเผ่าจีน

Search

Read the Text Version

中国的少数民族 高 山 族

คำว่ำ “เกำซำน” (高山) แปลวำ่ “ภูเขำสงู ” เปน็ ชนกลุม่ นอ้ ยทอี่ ำศยั อยู่บรเิ วณทีเ่ ป็นภเู ขำสงู บนเกำะติดชำยทะเลด้ำนตะวนั ออกของเกำะไต้หวันท่เี รยี กว่ำ จ้งกู่ผงิ หยวน (纵谷平原) และบรเิ วณหลนั หยว่ี (兰屿) ชำวไต้หวนั เรยี กชนกลุ่มน้ีวำ่ “พน่ี ้องชำวเขำ” (山地同胞) ในบริเวณดังกลำ่ วมปี ระชำกรชำวเขำอยูม่ ำกกวำ่ สิบกลุม่ มภี ำษำตำ่ งๆกัน อำศยั เปน็ กลมุ่ ๆแยกจำกกัน เช่น ชำวอำเหมย่ (阿美人) ชำวไทห่ ย่ำ(泰雅人) ชำวผำยวนั (排湾人) ชำวปหู้ นง(布农人) ชำวหลขู ่ำย (鲁凯人) ชำวเปยหนำน(卑南人) ชำวเฉำ (曹人) ชำวไซ่เซย่ี (赛夏人) ชำวหยำเหม่ย (雅美人) ชำวผงิ ผู่ (平埔人) เปน็ ต้น เนอื่ งจำกคนเหลำ่ นอี้ ำศยั อย่คู ละเคล้ำปะปนกนั แต่งงำนข้ำมเผำ่ กนั กระท่งั แตง่ งำนกบั คนจีนเผำ่ ฮ่ัน ทำให้ควำมเปน็ ชนเผ่ำคอ่ ยๆถกู กลนื ไปเปน็ ชำวฮั่นเสยี สว่ นมำกตัง้ แตอ่ ดีตถงึ ปจั จบุ นั ชนกลุ่มนกี้ ลำยมำเปน็ ชำวฮ่ันอย่ำงเต็มตัวกวำ่ แสนคน รับวฒั นธรรมและภำษำฮั่นมำกมำยจนไมเ่ หลอืควำมเปน็ ชนเผำ่ แต่ดัง้ เดมิ กระท่ังศตวรรษที่ 19 หลอมรวมเปน็ กลมุ่ เดียวกนั กบั ชำวฮ่นั จำกกำรสำรวจจำนวนประชำกรครง้ัท่ี 5 ของจนี ในปี 2000 ชนกลมุ่ น้อยเผ่ำเกำซำนมีจำนวนประชำกรทั้งสิ้น 4,461 คน และมีบำงสว่ นอพยพเขำ้ สู่แผ่นดินใหญ่ ชำวเกำซำนเดิมมีภำษำพดู เป็นของตนเอง จดั อยใู่ นตระกูลภำษำเกำะใต้ สำขำภำษำอินโดนเี ซีย ไมม่ ภี ำษำเขยี นจำกกำรขุดคน้ ทำงโบรำณคดใี นเกำะไต้หวนั พบหลกั ฐำนทก่ี ำหนดอำยุไดว้ ่ำเปน็ โบรำณวตั ถใุ นยคุ หนิ ใหม่ ซง่ึ มีควำมคล้ำยคลงึและคำดวำ่ มีควำมสมั พันธใ์ กลเ้ คยี งกับยคุ หนิ ใหม่ในมณฑลเจี้ยน ชำวไต้หวนั ก็เห็นด้วยกบั ข้อสนั นษิ ฐำนท่ีวำ่ ชำวเกำซำนในไต้หวันคือผคู้ นทอี่ พยพขำ้ มทะเลเขำ้ ไปตง้ั ถ่นิ ฐำนอยู่บนเกำะไต้หวนั

ประวัติศำสตรเ์ กำซำน ในศตวรรษที่ 7 เร่มิ มีกำรทำกำรเกษตร เล้ียงสตั ว์ แต่กำรประดิษฐเ์ คร่ืองมือเครอ่ื งใช้ยังคงใช้วสั ดทุ ่ีทำจำกหินเป็นหลักเร่ิมมีกำรใชเ้ คร่อื งมอื โลหะ ระบบกำรปกครองมหี วั หนำ้ เผำ่ งำนทเี่ ป็นของกองกลำงยงั เปน็ หนำ้ ทขี่ องสมำชิกกลมุ่ ย่อยอยู่ ยังไมม่ ีกำรเก็บภำษีประชำชน เมื่อมีผู้กระทำควำมผดิ กำรตัดสินโทษกระทำโดยสมำชิกของแต่ละกลุ่มลงควำมเห็นรว่ มกัน โดยใชธ้ รรมเนยี มปฏิบัติที่สบื ต่อกันมำเปน็ กฎช้วี ัดควำมผดิ รวมไปถงึ บทลงโทษต่ำงๆ หำกเปน็ ควำมผดิ สถำนเบำกใ็ หร้ บั ผดิ ชอบควำมเสียหำยหำกเป็นควำมผดิ ร้ำยแรงมกี ำรตัดสินโทษถงึ ข้ันประหำรชวี ิต ชำวเกำซำนในสมยั นนั้ ไมม่ ีภำษำอักษร ไมม่ ีกำรนับปฏิทิน นับถือเทพพนม เทพสมทุ ร มกี ำรรวมตวั กันรอ้ งเพลง เต้นรำในงำนเทศกำลรน่ื เรงิ ด้ำนศิลปกรรมมีกำรแกะสลักและวำดภำพ ในอดีตตัง้ แต่สมยั ซ่ง หยวน หมิง ไตห้ วันและแผน่ ดินใหญม่ ีกำรตดิ ต่อไปมำหำสกู่ ันเปน็ นจิ มีบันทกึ ในสมยั หมงิ ช่ือ ตงฟำนจอ้ื 《东番志》เขียนโดย เฉินต้ี (陈第) กลำ่ วถึงชำวเกำซำนไวว้ ่ำ กำรเกษตร ปศสุ ัตว์ และกำรลำ่ สัตวข์ องชำวเกำซำนในสมัยนน้ัพฒั นำไปมำก มกี ำรแลกเปลยี่ นสินคำ้ และค้ำขำยกับชำวฮั่นในแผน่ ดินใหญ่แล้ว เช่น หนิ สี เกลือ ผำ้ เครื่องโลหะ เคร่ืองปั้นดนิ เผำปิน่ ปกั ผมและผลติ ภัณฑข์ องปำ่ เช่น เขำกวำง หนังสัตว์ แต่กำรแบ่งแยกของชนเผำ่ เกำซำนกลุ่มย่อยบำงกลุม่ ยงั ไม่ยอมรวมตวั เขำ้เปน็ กล่มุ เดียวกัน ชำวเกำซำนกล่มุ ยอ่ ยตำ่ งๆนี้ยงั คงดำรงชีวิตแบบสังคมบุพกำลอยู่ ในศตวรรษที่ 17 สังคมเศรษฐกิจชำวเกำซำนในสมยั น้ันยงั คงเป็นแบบสงั คมบุพกำลอยู่ ยังดำรงชวี ิตอยู่ดว้ ยกำรลำ่ สัตว์จบั สตั ว์นำ้ ปลกู พืชเพ่ือบรโิ ภคในครวั เรอื นจำพวกเผอื ก มนั ข้ำว เป็นตน้ ยังไมร่ ้จู ักใชเ้ คร่อื งมอื โลหะ หลังศตวรรษที่ 17 เปน็ ตน้มำ ชำวฮัน่ จำกแผน่ ดนิ ใหญ่อพยพเข้ำไปตัง้ ถน่ิ ฐำนในเกำะไต้หวนั เปน็ จำนวนมำก นโยบำยกำรพัฒนำของทำงกำรรำชสำนักชิงและววิ ฒั นำกำรควำมรูท้ ำงกำรเกษตรและกำรใช้เคร่ืองไม้เคร่ืองมือของชำวฮั่น มีสว่ นชว่ ยเหลอื ให้ระบบสังคมของชำวเกำซำนพัฒนำไปในทำงทีด่ ีขนึ้ มำก ชำวเกำซำนที่อำศัยอยูใ่ นบรเิ วณทีร่ ำบตะวันออกเฉียงใต้เริม่ เรียนรวู้ ิธีกำรเพำะปลกู ขำ้ ว งำ ถวั่ ต่ำงๆกำรใช้เครื่องมอื ทำกินจำกชำวฮนั่ จนพัฒนำเขำ้ ส่รู ะบบสังคมแบบศักดินำ แต่ในขณะเดยี วกันชำวเกำซำนทอ่ี ำศัยอยบู่ นภูเขำและปำ่ลึกยังคงดำรงชวี ิตล่ำสตั ว์แบบเดิม ยคุ ใกลป้ ัจจุบันกำรล่ำสัตวข์ องชำวเกำซำนเรมิ่ ลดนอ้ ยลง ชำวเกำซำนกลุ่มยอ่ ยบำงกลุ่มโดยเฉพำะชำวอำเหม่ย ชำวเปยหนำนทตี่ ั้งถนิ่ ฐำนบ้ำนเรอื นอย่รู ิมทะเลเปลีย่ นอำชีพมำเป็นกำรประมงแทน เร่มิ มีกำรประดิษฐ์อปุ กรณ์จบั ปลำขึ้นมำกมำย เช่น แห อวน เบ็ด แพ ฉมวก สุ่ม กระบงุ ช้อนปลำ เปน็ ต้น เดือนมีนำคมถงึ เดือนมิถุนำยนเป็นกำรทำ

อุปกรณจ์ ับปลำข้นึ มำกมำย เช่น แห อวน เบ็ด แพ ฉมวก สุ่ม กระบงุ ชอ้ นปลำ เป็นต้น เดือนมนี ำคมถงึ เดือนมถิ ุนำยนเป็นกำรทำกำรประมงที่อุดมสมบูรณ์ท่ีสดุ ชำวเกำซำนบำงกลมุ่ แม้จะมีถ่ินฐำนบำ้ นเรือนอยู่รมิ ชำยฝง่ั แต่กลับมำประกอบอำชีพประมง เช่นชำวผำยวัน ชำวหลขู ่ำย ยงั คงทำกำรเกษตร ปศุสัตวแ์ ละลำ่ สัตว์อยดู่ งั เดมิ ชว่ งก่อน ปี 1949 สังคมชำวเกำซำนบำงกลุ่ม เช่นชำวผิงผู่ ชำวไทห่ ย่ำ ชำวผำยวัน ชำวหลขู ำ่ ย ชำวอำเหม่ย ยงั เปน็ แบบสังคมศกั ดนิ ำ โดยเฉพำะชำวผงิ ผ่แู ละผำยวันยังมีระบบกำรใชท้ ำสและกำรเช่ำที่นำอยู่หลังจำก ปี 1949 เปน็ ต้นมำ ระบบเศรษฐกจิ สังคมของไตห้ วนั พัฒนำไปมำก ไดร้ ับยกย่องให้เป็นหนง่ึ สลี่ ูกมงั กร ปัจจยั ในกำรพัฒนำประเทศนเี้ องส่งผลให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงคร้ังยิ่งใหญ่ตอ่ กำรเกษตรกรรมและกำรประมงของชำวเกำซำน อุตสำหกรรมกำรผลติ อำหำรจำกผลติ ผลกำรเกษตรและประมงพัฒนำขน้ึ อยำ่ งรวดเรว็ คุณภำพชีวติ ของชำวเกำซำนพฒั นำขึ้นมำกโดยเฉพำะชำวเกำซำนกลุ่มย่อยทีอ่ ำศยั อยรู่ ิมทะเล แต่ในขณะเดยี วกนั เนือ่ งจำกปรมิ ำณผลผลติ ของชำวเกำซำนบนภูเขำมปี รมิ ำณนอ้ ยมำกเม่ือเทยี บกับชำวเกำซำนรมิ ชำยฝง่ั กำรพฒั นำชวี ติ ควำมเปน็ อยู่ของชำวเกำซำนบนภเู ขำจึงยังชำ้ อยู่ สภำพสงั คมเศรษฐกจิ กย็ ังไม่พัฒนำไปมำกเท่ำใดนัก

วฒั นธรรมของชำวเกำซำนวฒั นธรรมของชำวเกำซำนมีควำมใกลช้ ิดกับวัฒนธรรมจนี ใต้มำก เช่น กำรตั้งบ้ำนเรือนทอี่ ยอู่ ำศัย กำรบรโิ ภค อำหำรกำรกนิ กำรกลน่ั เหลำ้ กำรแต่งกำย กำรสักตำมร่ำงกำย เคร่ืองดนตรี กำรเต้นรำ กำรไหวบ้ รรพบุรุษ ควำมเชื่อในโทเทม และกำรเคำรพกรำบไหว้เช่ือถอื ในธรรมชำติ งำนดำ้ นศลิ ปะ กำรฝีมอื วรรณกรรม นทิ ำน ตำนำน เหลำ่ นลี้ ้วนเป็นวฒั นธรรมของคนโบรำณที่อยใู่ นดินแดนประเทศจีนมำช้ำนำนชำวเกำซำนพัฒนำระบบสงั คมมำจำกสังคมบพุ กำล ตำมบนั ทกึ พงศำวดำรมีหลักฐำนชว้ี ่ำ ในสมัยสำมก๊ก(三国)ชำวเกำซำนแบง่ ออกเปน็ กลมุ่ เล็กกลมุ่ นอ้ ย แตล่ ะกลุ่มยอ่ ยมชี ือ่ เรยี กวำ่ หมหี ลิน (弥麟) สมำชิกในกลมุ่ ยอ่ ยนมี้ ีหนำ้ ทด่ี แู ลจัดกำรกิจกำรที่เป็นส่วนกลำง เครือ่ งมอื เครอ่ื งใช้มี ขวำน ลูกธนู ภำชนะตำ่ งๆทที่ ำจำกหิน มหี อกทำจำกเขำกวำง ดำรงชวี ติ อยู่ดว้ ยกำรลำ่ สัตว์ กำรเลยี้ งสัตวม์ ีบ้ำงแตย่ งั ไมพ่ ฒั นำมำกนัก ชำยแต่งงำนเข้ำบ้ำนผหู้ ญงิ ในยุคน้ีระบบสงั คมเป็นแบบกำรสบื สำยตะกูลสำยแม่

ศลิ ปวัฒนธรรมของชำวเกำซำนศิลปวัฒนธรรมของชำวเกำซำนมคี วำมหลำกหลำยมำก ไม่ว่ำจะเป็นวรรณกรรม ศิลปะ งำนฝีมอื ดนตรี วรรณกรรมของชำวเกำซำนไดแ้ ก่ เพลงพืน้ เมือง เทพนยิ ำย ตำนำน นิทำน กำรดำรงชีวิต กำรทำกำรเกษตรและกำรประมง เทพนยิ ำยเกย่ี วกบั กำรกำเนิดเผ่ำพันธุ์ควำมเชื่อ กำรบูชำสง่ิ ศกั ด์สิ ิทธิ์และกำรอธิษฐำนขอพร ตำนำนเกี่ยวกบั กำรสรู้ บ กำรทำศึกสงครำมกับผู้รกุ รำน ควำมยำกลำบำกจำกอุทกภัย กำรแต่งงำนกับชนเผ่ำอน่ื นทิ ำนเกี่ยวกบั ผู้กล้ำ นิทำนอสี ปที่กล่ำวถึงพชื และสตั ว์ สิ่งเหล่ำนส้ี ะท้อนให้เหน็ ถึงอตั ลกั ษณ์ทำงวฒั นธรรมของชนเผำ่ เกำซำนได้อยำ่ งชดั เจนชำวเกำซำนเปน็ ผมู้ ีพรสวรรคใ์ นกำรดนตรีและกำรเต้นรำ ในกำรดำรงชีวิตประจำวนัชำวเกำซำนไม่เคยขำดควำมบันเทงิ ในกจิ กำรงำน เทศกำล งำนพธิ กี ำรบูชำส่ิงศักดิส์ ิทธิ์และงำนเล้ียงฉลองล้วนแสดงออกถึงควำมรน่ืเรงิ นัน้ ด้วยกำรรอ้ งรำทำเพลง กำรเตน้ รำจบั มอื กันเป็นวงกลม ย่ำจังหวะเท้ำและส่ำยหวั ตำมเพลง ชำวเกำซำนแต่ละกลุม่ มีกำรเตน้ รำท่ีแสดงเอกลกั ษณ์ของควำมเป็นชนเผำ่ และสะท้อนสภำพชวี ิตของตนไดอ้ ยำ่ งชดั เจน เช่น ระบำสะบัดผมของชำวหยำเหม่ย ระบำบูชำของชำวไซเ่ ซย่ี ระบำเกบ็ ข้ำวของชำวอำเหม่ย เครื่องดนตรีของชำวเกำซำน เช่น หบี เพลงเป่ำ ขลุย่ ผวิ ขลยุ่ ทใี่ ช้จมกู เป่ำ กลองไม้เกรำะ โกรง่ เป็นต้น

ศิลปะกำรแกะสลกัศลิ ปะกำรแกะสลกั เปน็ เอกลักษณ์เฉพำะตัวของชำวเกำซำนทอ่ี ำศยั อยูแ่ ถวชำยทะเล งำนแกะสลกั ของชำวผำยวนั งดงำมโดดเด่น ไมว่ ่ำจะเปน็ ขำ้ วของเครอื่ งใช้ อปุ กรณ์ทำมำหำกิน กำรสรำ้ งบำ้ นเรอื นล้วนพบเห็นงำนแกะสลักอยู่ทั่วไป รปู ท่นี ำมำแกะสลกั มกั เป็นรปู เคำรพโทเทมศรี ษะมนษุ ย์ รปู งู กวำง บนเรอื หำปลำของชำวหยำเหมย่ ก็ประดับประดำด้วยไมแ้ กะสลกั หรือสลกั ลงบนเรอื ไดอ้ ยำ่ งงดงำม อำหำรกำรกนิ ของชำวเกำซำนดำ้ นอำหำรกำรกินของชำวเกำซำน มขี ้ำวสำลี ขำ้ วสวย มนั เผือก เป็นอำหำรหลกั ผักป่ำและ เนือ้ สัตว์ นยิ มปลกู ข้ำวหอมบรโิ ภค ในสมัยโบรำณยังกนิ อำหำรดบิ เนอื้ สด แต่ปัจจบุ ันทำใหส้ ุกแล้ว นอกจำกนี้ชำวเกำซำนยงั ชอบสูบยำ ดมื่ เหล้ำ และเคย้ี วหมำก

กำรตั้งบ้ำนเรือนของชำวเกำซำนกำรต้งั บ้ำนเรอื นของชำวเกำซำนแต่เดิมอำศัยพกั พิงตำมชำยเขำรมิ ทะเล ก่อสร้ำงดว้ ยวสั ดุธรรมชำติ เช่น ไมไ้ ผ่ ไม้เนื้อแขง็ กอ่ ตั้งเป็นรำ้ นใต้ถุนสูง แล้วอำศยั อยูด่ ำ้ นบน ปัจจุบนั บ้ำนเรือนสร้ำงดว้ ยวสั ดุหลำกหลำย เช่น ไม้ หนิ อิฐ ต้นหญำ้ กำรสร้ำงบ้ำนเปน็ แบบรปู ทรงสีเ่ หลย่ี มผนื ผำ้ หรอื จตั รุ ัส มปี ระตูทำงเขำ้ แต่ไมม่ ีหนำ้ ต่ำง วฒั นธรรมกำรแต่งงำนของชำวเกำซำนวฒั นธรรมกำรแต่งงำนของชำวเกำซำนยดึ ถอื กำรมีสำมีภรรยำคนเดยี ว หำ้ มแต่งงำนในกลุ่มญำตใิ กล้ชดิ ชำยหญงิ มอี สิ ระในกำรเลือกคู่ครองอยำ่ งเช่น ชำวไท่หย่ำ จะเป่ำนกหวีด ผิวปำกเพอื่ เปน็ กำรบอกรักตอ่ กนั ชำวอำเหมย่ มอบสิ่งของใหก้ นั เพอ่ื แสดงถึงควำมระลึกถงึ คิดถึงกนั พิธศี พของชำวเกำซำนพิธศี พของชำวเกำซำนมีหลำยแบบ ชำวไท่หยำ่ ชำวปหู้ นง ชำวเฉำ ประกอบพธิ ศี พในบ้ำน และฝงั ในบ้ำน โดยกำรขดุ หลมุ ฝังศพไว้ใตท้ ่นี อนของผู้ตำยนนั่ เอง สว่ นชำวผำยวนั ชำวหยำเหมย่ ฝังศพไว้ที่สุสำนในป่ำ สว่ นศพท่ีเสียชีวิตแบบผดิ ปกตจิ ะแยกฝงั เดีย่ วไว้ในป่ำ

กำรแต่งกำยของชำวเกำซำนชำวเกำซำนในยคุ บพุ กำลไม่สวมเส้ือผำ้ พงึ พอใจในกำรเปลือยเรอื นร่ำงว่ำเปน็ สิง่ งดงำม มีเพยี งผำ้ ผืนเลก็ ปดิ คลมุ อวัยวะเพศเทำ่ นนั้ ใช้หนังสตั วพ์ ันรอบเอว แตห่ ลงั จำกมีกำรติดตอ่ สมั พนั ธก์ บั ชำวฮ่ันแล้ว เมื่อเข้ำสูย่ ุคปัจจบุ ัน ชำวเกำซำนชำยเปล่ียนมำสวมเสอื้ เช้ติ ยำวคลมุเข่ำ หญงิ สวมกระโปรงยำว และเริ่มพิถีพิถันกบั กำรแตง่ กำยมำกข้นึ เครอื่ งนุ่งหม่ ในยคุ ทเ่ี ริ่มสวมเสื้อผำ้ ใชห้ นงั สัตว์เป็นหลกั หลังจำกนั้นเรมิ่ เรยี นร้กู ำรทอผำ้ จำกชำวฮั่นจึงเปลี่ยนมำสวมเส้ือผ้ำท่ที อขนึ้ และปักลวดลำยงดงำมใชเ้ อง กำรแต่งกำยของชำวเกำซำนแตล่ ะกลมุ่ยอ่ ยแตกต่ำงกัน ชำวเกำซำนตอนเหนอื สวมชุดยำวไม่มีแขน สวมเสอ้ื คลมุ รดั เข็มขัด ชำวเผ่ำเกำซำนตอนกลำงสวมเสื้อก๊กั หนังกวำงออ่ น สวมเสื้อคลมุ อก รดั เข็มขดั กระโปรงดำ ส่วนชำวเผำ่ เกำซำนตอนใต้สวมเสื้อแขนกระบอกยำว กระโปรง กำงเกง มีผ้ำโพกหวันิยมสกั ลวดลำยตำมร่ำงกำย เจำะหู สวมต่ำงหู สรอ้ ยคอ กำไลและเครือ่ งประดับที่ได้จำกธรรมชำติ

ข้อกำหนดเกี่ยวกบั ควำมเชอื่ชำวเกำซำนมีข้อกำหนดเกี่ยวกบั ควำมเช่ือมำกมำย เชน่ ผูห้ ญิงท้องห้ำมใช้มดี ขวำน ไมก่ ินเนอื้ ลิง หมูปำ่ ตัวนมิ่ และผลไมท้ ี่เปน็ พวงเพรำะเช่ือวำ่ จะทำใหก้ ำเนดิ ลกู แฝด กำรพบเจองู หมูป่ำ หนู สัตวก์ ัดหำงและหลุมศพว่ำเป็นเร่อื งอัปมงคล ห้ำมกำรจำม กำรผำยลม กำรสมสู่ในตระกลู หำ้ มกินหวั และหำงของสตั ว์ หำ้ มผชู้ ำยสัมผัสหรือเข้ำใกลข้ องที่ผหู้ ญิงใช้ เช่น สะดึงปกั ผ้ำ เครอื่ งทอผ้ำ และคอกหมู และในขณะเดียวกนั ก็หำ้ มผหู้ ญิงแตะต้องหรอื เข้ำใกลข้ องใช้ของผชู้ ำย เชน่ อำวุธ เครอ่ื งมอื ลำ่ สัตว์ จดุ นัดพบหรอื ท่ีประชุมเผำ่ เทศกำลสำคัญของชำวเกำซำน เทศกำลสำคญั ของชำวเกำซำนมแี ตกต่ำงกันไปแต่ละกลุม่ ที่สำคญั มี เทศกำลบชู ำกำรเพำะปลกู เป็นเทศกำลสำคัญของชำวไทห่ ย่ำ จัดข้ึนในปลำยเดอื นมนี ำคม ซ่ึงเป็นฤดกู ำรเกบ็ เก่ียวถือเปน็ กำรสนิ้ สดุ ฤดูเพำะปลกู เทศกำลบชู ำควำมรำบรื่น เป็นเทศกำลสำคัญของ ชำวปหู้ นง จัดข้นึ วันท่ี 4 เดือนเมษำยนของทุกปี เทศกำลบูชำบรรพบรุ ษุ อำล่ี เปน็ เทศกำลของชำวผงิ ผู่ จดั ข้ึนวันท่ี 6 เดือนกนั ยำยน ของทกุ ปี เทศกำลบูชำกำรเก็บเกี่ยว เป็นเทศกำลของชำวเฉำ ชำวหลูข่ำย ชำวอำเหมย่ จัดขึ้นวนั ท่ี 5 เดอื นกันยำยนของทุกปี เทศกำลบูชำคันเบ็ด เป็นเทศกำลของชำวผำยวนั จดั ข้นึ วันที่ 25 เดอื นตลุ ำคม เทศกำลบูชำลิงและกำรล่ำ เป็นเทศกำลของชำวเปย หนำน จัดขน้ึ ในเดอื นพฤศจิกำยน เทศกำลบชู ำวญิ ญำณอ่ำยหลงิ เปน็ เทศกำลของชำวไซ่เซย่ี จดั ขน้ึ ระหว่ำงเดือนตลุ ำคมถึง พฤศจกิ ำยน เทศกำลบูชำปลำของชำวหยำ่ เหมย่ นอกจำกนี้ยังมเี ทศกำลปลีกย่อยของชำวเกำซำนแตล่ ะกลุ่มอีกมำกมำย ทยี่ กมำเปน็ เพยี งเทศกำลสำคัญๆ เท่ำน้ัน ในเทศกำลสำคัญเหล่ำนีช้ ำวเกำซำนจะเฉลิมฉลองดว้ ยกำรรื่นเริง บันเทงิ กำรแข่งขนั กฬี ำ กำรแสดง ทำงศลิ ปวฒั นธรรมของชนเผ่ำ

ขนบธรรมเนยี มปจั จุบันของชำวเกำซำนปัจจบุ ัน ชำวเกำซำนยังคงรักษำขนบธรรมเนียมเกยี่ วกบั พธิ กี รรมและควำมเชือ่ ท่มี ีมำแตด่ ้ังเดมิ ยึดถือบชู ำในวิญญำณ กำรบชู ำเทพเจ้ำในแตล่ ะกลุ่มชนแตกต่ำงกันไป แต่ทีเ่ หมอื นกัน เปน็ ส่วนใหญม่ ี เทพสวรรค์ เทพจกั รวำล เทพธรรมชำติและเทพปฐพี นอกจำกนย้ี งั มกี ำรเซ่นไหวบ้ ชู ำตำมวถิ ีชวี ติ ควำมเปน็ อยู่ เชน่ บูชำกำรเพำะปลูก บูชำกำรกำจัดหญ้ำ บชู ำขำ้ วใหมข่ น้ึ ยุ้ง บชู ำกำรล่ำสัตว์ บูชำกำรจับปลำ เชอ่ืในคำถำอำคมและเวทมนตร์ แตห่ ลังจำกที่ชำวฮ่นั อพยพเขำ้ มำ และถกู ครอบครองจำกชำติตะวนั ตก ควำมเชื่อของชำวเกำซำนจงึเปลยี่ นแปลงไป บำ้ งนบั ถือพุทธ บ้ำงนับถอื คริสต์ โดยยงั คงผสมผสำนกบั กำรกรำบไหว้บชู ำส่ิงศกั ด์ิสิทธิ์ตำมควำมเช่อื แบบเดมิ

จดั ทำโตยนำงสำว สุนิชำ เขียวจนั ทร์สืบรหัสนักศึกษำ 59181500122 สำขำวชิ ำ ภำษำจีน (ค.บ.)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook