Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ภาควัดอบอุ่น

คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ภาควัดอบอุ่น

Description: คัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ภาควัดอบอุ่น

Search

Read the Text Version

พระภิกษุทั้ง ๖๐ รูปปรึกษากันว่า \"เมื่ออากัยมหาอุบาสิกานี้ จะไม่ลำบากด้วยภิกษา และจะสลัดตนออกจากภพได้\" จึงตอบ รับคำนิมนต์ มหาอุบาสิกามีจิตศรัทธาปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง ได้ ทำ ความสะอาดวิหารที่มีอยู่ก่อนนั้นแล้ว หลังจากนั้นก็ถวายเป็น ลังฆารามลำหรับการอยู่จำพรรษาของคณะสงฆ์ในวันนันทันทีวิหาร แห่งนั้นจึงกลายเป็นวัดปาประจำหมู่บ้านไปโดยปริยาย เมื่อมหาอุบาสิกากลับไปแล้ว พระภิกษุทั้ง ๖๐ รูป ก็ตกลง กันว่า \"พวกเราจะแยกย้ายกันปลีกวิเวกในปาตามลำพัง ไม่มีการ สนทนาพูดคุยกัน และจะมาประชุมกันเฉพาะในเวลาปารุงพระ เถระในตอนเย็นและเวลาบิณฑบาตในตอนเช้า หากมีภิจธุระ นอกจากนั้นให้ตีระฆังเรึยกประชุมในท่ามกลางวิหาร\" เมื่อตกลง กันเป็นเอกฉันท์แล้ว ก็แยกย้ายกันไปปาเพ็ญภาวนาในปาตาม อัธยาด้ย วันหนึ่งในเวลาเย็น มหาอุบาสิกาถึอเภลัชทั้งหลาย มีเนยใส และนํ้าอ้อยเป็นต้น เดินทางมาที่วัดปานั้น พร้อมกับทาสบริวาร และผู้คนในหมู่บ้านที่แวดล้อมกันมาเป็นอันมาก แต่เมื่อมาถึงแล้ว กลับไม่พบคณะสงฆ์อยู่ที่นั่น จึงสอบถามพวกบุรุษ ได้ทราบกติกา ของคณะสงฆ์นั้นแล้ว ก็ให้บริวารตีระฆัง พระภิกษุแต่ละรูปเช้าใจ ว่ามีเหตุอันตรายเกิดขึ้น จึงรึบออกมาจากที่ปาเพ็ญเพียรของตน มหาอุบาสิกาเข้าใจว่า คณะสงฆ์แตกแยกต่างคนต่างอยู่ จึง สอบถามว่าทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเหตุอันใด แต่เมื่อสอบถามแล้ว จึงได้ทราบความว่า คณะสงฆ์มิได้แตกแยก แต่แยกย้ายกันเจริญ วัคอบอุ่น{ตอนท ® พุทธว็ธีแก้ปัญทาวัดร้าง) ๔® วํวัฒนาการ การสร้างวัด www.kalyanamitra.org

สมณะธรรมด้วยการพิจารณาความไม่งามของร่างกายเรียกว่า \"อาการ ฅ๒®\" นางจึงขอเรียนสมณะธรรมนั้นบ้าง พระภิกษุจึงให้ นางเรียนวิธีบริกรรมภาวนาด้วยอาการ ๓๒ อย่างครบถ้วน จำ เดิมนับตังแต่นัน มหาอุบาสิกาก็ตังใจบำเพ็ญภาวนาตาม ที่เรียนมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการตั้งจิตอยู่ในความสินไปและ ความเสือมไบํของตนตลอดต่อเนื่องทั้งวัน ไม่นานนักก็ได้เป็นผู้มี กิเลสเบาบางใกล้หมดสิน คือบรรลุธรรมเป็นพระอนาคามี พร้อม ด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ๔ และโลกียอภิญญา ซึ่งเป็นการบรรลุ โลกุตรธรรม ก่อนกว่าพระภิกษุทั้ง ๖๐ รูป หสังจากนั้น มหาอุบาสิกาได้ออกจากสุขในฌานที่ทำให้เป็น พระอนาคามี ตรวจดูด้วยทิพยจักษุว่า คณะสงฆ์ทั้ง ๖๐ รูป บรรลุ คุณวิเศษใดบ้างหรีอไม่ หรีอมีอุปนิสัยแห่งอรหัตผลบ้างหรีอไม่ ก็ พบว่ามีอยู่ จึงตรวจดูต่อไปว่า ยังมีสิงใดขาดตกบกพร่องในการ อุปัฏฐากบ้างหรีอไม่ ก็พบว่าอาวาสเป็นที่สบายแล้ว ขาดแต่อาหาร ยังไม่เป็นที่สบาย จึงไม่อาจยังจิตให้บรรลุถึงแก่ความสินอาสวะได้ ทะังๆ 7ทีการปาเพC็ญเพIียร1มีอยโู่ตลอดเวลากลางวันและกลางคiืน มหาอุบาสิการู้วาระจิตของพระภิกษุทั้ง ๖๐ รูปแล้ว จึงนำ อาหารที่พระภิกษุต้องการมาอุปัฏฐากให้อาหารเป็นที่สบาย ด้วย ® ๑)ผม๒)ขน๓)เล็บ๔)ฟ้น๕)หนัง๖)เนื้อ๗)เอ็น<ร)กระดูก«)เยึ๋อในกระดูก๑๐)ม้าม๑๑)หัวใจ๑๒) ตับ ๑๓)พังผด ๑๙)ไต ๑๕)ปอด ๑๖)ไส้ใหญ่ ๑๗)ไส้นัอย ©(ร) อาหารใหม่ ®«■) อาหารเก่า ๒๐)ด ๒®) เสลด ๒๒)หนอง ๒๓)เลีอด ๒๙)เหงื่อ ๒๕)มันข้น ๒๖)นํ้าตา ๒๗)นํ้ามันเหลว ๒(ร)นํ้าลาย ๒(ร!')นํ้ายูก ๓๐)ไขข้อ ๓๑)มูตร ๓๒)มันสมอง (ชุ.ธ.อ. ๙๐/-/๓(ร๗(มมร.) วิวัฒนาการ การสร้างวัค ^ ๔๒ ^ วัดอบร่น.(ตอนที่ ๑ ทุทธวิธึแก้ปัญหาวัตร้าง) www.kalyanamitra.org

การถวายข้าวยาคู® และอาหารเลิศรสต่างๆให้ถึงพร้อมทุกประการ พร้อมทั้งกล่าวเชิญชวนให้บริโภคตามความชอบใจ เมือพระภิกษุ เหล่านั้นได้อาหารเป็นที่สบายแล้วจิตก็มืธรรมชาติเป็นอารมณ์เดียว การปาเพ็ญเพียรก็ก้าวหน้าไปตามลำด้บอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ สิ้นกิเลสอาสวะ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พระภิกษุอรหันต์ทั้ง ๖๐ รูป ต่างร้สืกขอบคุณในมหา อุบาสิกายิ่งนัก เพราะหากไม่ได้อาหารเป็นที่สบายแล้ว การแทง ตลอดในมรรคผลย่อมไม่บังเกิดขึ้น จึงตัดสินใจอยู่เป็นเนือนาบุญ ให้มหาอุบาสิกาและชาวหมู่บ้านที่นั่นจนครบพรรษา ผ่านพ้นวัน ปวารณาแล้ว อำ ลามหาอุบาสิกาแล้ว ก็เดินทางกลับไปเฝ็า พระบรมศาสดาที่วัดเชตวนาราม เมืองสาวัตถึ พระบรมศาสดาตรัสถามสุขทุกข์ของพระภิกษุทัง ๖๐ รูปแล้ว ก็ได้รับการกราบทูลว่า ความเป็นอยู่ที่วัดปามาติกคามมิได้ลำบาก ด้วยบิณฑบาตแม้แต่วันเดียว ด้วยเพราะได้อาศัยมหาอุบาสิกาชื่อ มาติกามาตา ผู้เป็นมารดาของหัวหน้าหมู่บ้าน ให้การอุปัฏฐาก ดูแลตลอดทั้งพรรษา ด้วยอำนาจแห่งการหยั่งรู้วาระจิต จึงได้ ถวายอาหารเป็นที่สบาย ยังผลให้จิตหยุดนิ่งเป็นอารมณ์เดียวบรรลุ ธรรมาพิสมัยตามรอยบาทของพระพุทธองค์ไปได้ลำเร็จ ® อานสงส์ของข้าวยาคู ๕ประการ ๑)บรรเทาความหัว ๒)ระงับความกระหาย ๓)ลมเดินสะดวก ๔)ชำ ระล่าไสั cf)ทำ อาหารที่ยังไม่ย่อยทึ่เหลีอให้สุก (ยาคุสูตร. องฺ. ปณฺจา. ๓๖/๒๐๗/๙๕๖(มมร.)) วัด&บรุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวธีแก้ปัญหาวัดร้าง) ๕๓ วิวัฒนาการ การสรางวัด www.kalyanamitra.org

เมื่อพระภิกษุรูปอื่นได้ทราบข่าวนั้นแล้ว หลังจากเรียน กรรมฐานจากพระบรมศาสดาแล้ว ก็กราบทูลลาไปปาเพ็ญเพียรที่ วัดปาแห่งนั้น เมื่อไปถึงที่นั่น ภิกษุรูปหนึ่งก็นึกถึงคำรํ่าลือเรื่อง การหยั่งรู้วาระจิตของมหาอุบาสิกา จึงคิดในใจว่า \"วันนี้เรา เหน็ดเหนึ่อยกับการเดินทางยิ่งนัก หากอุบาสิกานี้ส่งคนมาข่วย กวาดทำความสะอาดวิหารก็จะเป็นการดี\" มหาอุบาสิกาทราบวาระ จิตนันแล้วก็ส่งคนไปทำความสะอาดตามความดำริของภิกษุรูปนั้น ส่วนพระภิกษุอีกรูปหนึ่งมีความกระหายอยากจะดึ่มนํ้า ก็ นึกในใจว่า \"หากได้นํ้าละลายนํ้าตาลกรวดก็จะเป็นการดี\" มหา อุบาสิกาทราบวาระจิตนั้นแล้ว ก็ได้ส่งให้คนนำนํ้านั้นไปให้ เมื่อ พระภิกษุรูปนั้นดื่มนํ้าแล้ว ก็คิดว่า \"ถ้าพรุ่งนี้!ด้ฉันข้าวยาคูใน ตอนเช้าก็จะเป็นการดี\" พอวันรุ่งขึ้น มหาอุบาสิกาก็ส่งคนให้นำ ข้าวยาคูไปถวาย หลังจากดื่มข้าวยาคูแล้ว ก็คิดว่า \"หากได้ของ ขบเคี้ยวก็จะเป็นการดี\" มหาอุบาสิการู้วาระจิตนั้นแล้ว ก็ส่งคนให้ นำ ของขบเคี้ยวไปถวายอีก ภิกษุรูปนั้นได้ของขบเคี้ยวแล้ว ก็ยัง ไม่หายสงสัย คิดอีกว่า \"หากโยมอุบาสิกานำโภชนาหารเลิศรสมา ถวายด้วยตัวเองก็จะเป็นการดี\" มหาอุบาสิกาทราบความประสงค์ ของพระภิกษุผู้เป็นเสมีอนบุตรของตนนั้นแล้ว ก็สังให้บริวารถึอ โภชนาหารไปยังวิหาร จากนั้นก็ถวายโภชนาหารเลิศรสนั้นด้วยมีอ ของตัวเอง วิวัฒนาการ การสร้างวัศ ^ ๔๔ ^ วัดอบรุ่น(ตอนทึ่ 0)ทุท!ทธีแก้ปัญหาวัตT1ง) www.kalyanamitra.org

ภิกษุรูปนั้นขบฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ก็ยังไม่สินสงสัย จึง สอบถามว่า \"มหาอุบาสิกา ท่านทราบวาระจิตของเราหรือ\" มาติกา มาตามิได้กล่าวแสดงคุณวิเศษของตนโดยตรง กสับกล่าวด้วย ถ้อยคำถ่อมตนว่า\"ธรรมดาผู้คนทั้งหลายที่รู้วาระจิตของผู้อื่น ย่อม ท่าอย่างนั้นได้\" เมื่อภิกษุรูปนั้นได้ยินเช่นนั้น ก็คิดขึ้นว่า \"ธรรมดา ปุถุชน เช่นเรา ย่อมมีจิตเผลอไผลคิดถึงอารมณ์อันไม่งามบ้าง หากจิต ของเราคิดในเรื่องที่ไม่สมควร อุบาสิกานี้ก็จะล่วงรู้ เราย่อมตกอยู่ ในสภาพเหมีอนดั่งโจรที่ถูกจับกระชากมวยผมพร้อมด้วยของกลาง เราควรหนีไปจากที่นี้ดีกว่า\" เมื่อคิดเช่นนั้น ก็กล่าวลามหา อุบาสิกาออกจากวัดปาแห่งนั้นทันที ภิกษุรูปนั้นเมื่อกสับถึงวัดเชตวนารามแล้ว ก็เข้าไปกราบ พระบรมศาสดา ภิกษุรูปนั้นจึงเล่าถึงความเป็นผู้หยั่งรู้วาระจิต ของมหาอุบาสิกาให้ฟ้งทุกประการและสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่า ตนไม่อาจอยู่ในที่นั้นได้ พระบรมศาสดาจึงทรงแนะนำว่า \"การแก จิตที่ฃ่มได้ยาก เป็นธรรมชาติเร็ว มักตกไปในอารมณ์ตามความใคร่ ย่อมเป็นการดี เพราะจิตที่แกดีแล้วย่อมนำสุขมาให้\"® จากนั้นก็ ทรงให้กำสังใจ และล่งภิกษุรูปนั้นกลับไปปาเพ็ญเพียรยังหมู่บ้าน นั้นอีกครั้ง ® ภิกชุรูปใดรูปทนึ๋ง, ชุ.ธ.อ, tfo/®m/tfOOT(มมร.) ว้ดรบร่น(ตอนทึ่ ๑ ทุทธวิธแก้ปัญทาว้ดร้ไง) ' ๔๕ วิวัฒนาการ การสรางวัด www.kalyanamitra.org

ภิกษุรูปนันก็เชื่อฟ้งคำสังสอนของพระบรมศาสดาอย่าง เคร่งครัด ตามรักษาจิตไว้ภายใน ไม่ยอมเปิดช่องให้ความคิดแบบ ฆราวาสวิสัยแทรกซึมเข้ามาได้ ฝ่ายมหาอุบาสิกาหยั่งรู้วาระจิต นันแล้ว ก็รู้ว่าภิกษุผู้บุตรของตนตามรักษาจิตอยู่ในโอวาทของ พระบรมศาสดา จึงตั้งใจอุปัฏฐากด้วยอาหารเลิศรสให้เป็นที่สบาย ผ่านระยะเวลาไปเพียง ๒-๓ วัน เท่านัน พระภิกษุรูปนั้นก็บรรลุ อรหัตผลที่ว้ดป่าแห่งนั้นนั่นเอง นับเป็นวัดป่าที่มีพระอรหันต์ บังเกิดขึ้นอีกรูปหนึ่ง ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้งนั้น ด้วยการอาด้ยเหตุ ๒ ประการได้แก่ หนึ่ง คือ กำ ลัง ศรัทธาของ ชาวหมู่บ้านมาติกคาม ที่ช่วยกันดูแลรักษาลังฆาราม ให้ยังคงสภาพความเป็นวัดปาที่น่ารื่นรมย์เหมาะแก่การป่าเพ็ญ เพียรอยู่เสมอ สอง คืออาลัยการอุปัฏฐากด้วยอาหารเป็นที่สบายของมาติกา มาตา มหาอุบาสิกาผู้หยั่งรู้วาระจิตของภิกษุ นับจากนั้นเป็นต้นมา วัดปามาติกคาม จึงกลายเป็น\"สังฆาราม แห่งการผลิตพระอรหันต์\" ให้บังเกิดขึ้นในโลกนี้อย่างต่อเนึ่องไม่ ขาดสาย จนกลายเป็นต่านานที่เล่าขานกันมาถึงยุคนี้ และเป็นต้น แบบของมหาอุบาสิกาผู้อุปการะพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองด้วย \"พระอริยสงฆ์\" อย่างแท้จริง วิวัฒนาการ การสวัาฬัด' ๔๖ ^ วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ พทธวิรนก้ปัญหฬดราง) www.kalyanamitra.org

สรุป ะ การกำเนิดของการสืกษาเรื่อง วิวัฒนาการของการสร้างวัด ในยุคพุทธกาล ได้สะท้อนให้ชาวพุทธยุคปัจจุบันได้เห็นว่า วัดท้ง สามประ๓ท ได้แก่ วัดเพื่อการเผยแผ่ วัดเพื่อการสืกษา วัดเพื่อ การบรรลุธรรม ล้วนต้องพื่งพาอาด้ยอุปการะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน พระพุทธศาสนาจึงจะมีความเป็นปีกแผ่นมั่นคงเป็นหนึงเดียวกัน วัดย่อมไม่ร้างจากพระ ญาติโยมย่อมไม่ร้างจากการท้าบุญ โลก ย่อมไม่ร้างจากพระอรห้นต์ นี่คือ \"สามประสานแห่งความมั่นคง ของพระพุทธศาสนา\" ที่ชาวพุทธทุกยุคทุกสมัยต้องการอย่าง แท้จริง โดยไม่อาจขาดวัดไดวัดหนี่งไปได้เลย แม้แต่ประเภทเดียว รัฟิอบรุ่น(ตอนทื่ ® พทธวิธ๊แก้ปัญหาวัดร้าง) ' ๔๗ ^ วิวัฒนาการ การสร้างวัด www.kalyanamitra.org

พ การใ'^ลกุตรธรรม จึงเป็นการตอบแทนคุณข้าวปลาอาหาร ของญาติโยมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด เพราะให้ความอิ่มธรรม ที่นำ ไปส่ความพ้นทุกข์พ้นกิเลส www.kalyanamitra.org

ปัญหาวัดร้าง ^itJI การที่วัดใดวัดหนึ่งจะร้างหรือไม่ร้าง การที่พระพุทธศาสนา ^. \"I t \\ T ฬL , จะรุ่งเรืองหรือตกตำ ก็ฃนอยู่กับว่า วัดๆ นันทำประโยชน[ห้แก่ สังคมมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะการเป็น \"ผูให้ความเจริญด้าน จิตใจด้วยโลfไตรธรรมแก่สังคม\" อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของการ สร้ไงวัดในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) ''^๕® ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

๑. วัดที่ไม่มืวันราง ตามธรรมดาของคนเรานั้น เมื่อได้รับความสุขความเจริญ ในชีวิตจากใครแล้ว ก็ย่อมทำนุบำรุงรักษาบุคคลนั้นด้วยความ กตัญญกตเวทีอย่างสุดชีวิตจิตใจ ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า \"เมื่อเขาได้ด้วย เขาก็จะดีด้วย เมื่อเขาไม่ได้ด้วย เขาก็ไม่ดีด้วย\" เพราะว่ามองไม่เห็นคุณคำอันใดอย่างเป็นรูปธรรมที่จะ ทำ ให้เกิดความศรัทธาน่าเลื่อมใสในตัวบุคคลนั้น ชึ่งก็สอดคล้อง กับหลักการของการเป็น \"ผูให้\" ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า \"ผูให้ย่อมเป็นที่รก เป็นที่ชอบใจของคนหมู่มาก\" ® นั่นก็หมายความว่า \"วัดต้องเป็นผู้ให้แก่สังคม\" จึงจะ เจริญรุ่งเรืองได้ พูดง่ายๆ ก็คือ \"วัดต้องให้ความอิ่มธรรม โยมจึงให้ความ อิ่มท้อง\"ทั้งสองฝ่ายต่างต้องเป็นอุปการะในการปิดหนทางนรก เปิด หนทางสวรรค์ เปิดหนทางพระนิพพานให้ซึ่งกันและกัน แต่การให้ของวัด จะแตกต่างจากการให้ของชาวโลก ซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นการให้วัตธุลื่งของตามที่ชอบใจตามที่ปรารถนา แต่ ® ทานานสังสสู?)ร. องฺ. ปฌฺจก. ๒๒/๓๕/๕๖(มจร.) ปัญหาวัดร้าง ๕๒^ วัดอบอุ่น(ตอนที่ (ร) ทุทฟ้ธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

การให้ของวัด กลับเป็นการให้ในสิงที่ยิ่งกว่าวัตถุ นั่นคือ การให้ โลกตรธรรม ซึ่งมีคฺณวิเศษมหาศาลในการดับสารพัดทุกข์ในชีวิต ไดัอ™รากrzr เนื่องด้วยเพราะ \"โลกุตรธรรม\" คือ \"ป้ญญาดับทุกข์อัน๓ด จากการบำเพ็ญภาวนาจนกระทั่งเข้าถึงพระร้ตนตรัยในดัว\" เพราะเหตุนี้ ผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวได้นั้น ย่อมตัองมี ที่พึ่งในการกำจัดทุกข์ได้จริง ด้งที่พระบรมศาสดาทรงให้โอวาท แก่นักบวชกลุ่มหนื่งซึ่งมีสาวกหลายหมื่นคน หัวหนัานักบวชนั้น เองเคยเป็นอดีตอำมาตย์ของพระราชาแห่งแคว้นโกศลถึงสองรัชกาล มีนามว่า \"ปุโรหิตอัคคิหัต\" แต่เนื่องด้วยไม่เข้าใจว่าสิงใดคือที่พึ่ง ในการดับทุกข์ที่แท้จริง จึงสั่งสอนให้สาวกของตน นับถือกราบ ไหว้ภูเขา ป่าไม้ อาราม ต้นไม้ ว่าเป็นสรณะในการกำจัดทุกข์ พระพุทธองค์ทรงเห็นอุป่นิลัยแห่งอรหัตผล จึงทรงมีเมตตา เสด็จ มาโปรดนักบวชกลุ่มนี้ถึงที่อยู่ด้วยพระองค์เอง พระบรมศาสดาตรัสสั่งสอนนักบวชอัคคิทัตและคืษย์สาวก ทั้งหนื่งหมื่นคนว่า \"มนุษย์จำนวนมาก ผู้ถูกภัยคุกคาม ต่างถึงภูเขา ปาไม้ อาราม และๅกขเจดีย์เป็นสรณะ นั่นมิใช่สรณะอันเกษม นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด เพราะ ผู้อาภัยสรณะเช่นนั้น ย่อมไฝพ้นจากทุกข์ทั้งปวง วัดอบอุ่น(ตอนทิ่ ® พท!รวิธแก้ปัญหาวัดร้าง) ^ ๕๓ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

ส่วนผู้ที่ถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เป็น สรณะ ย่อมใช้ปัญญาชอบ พิจารณาเห็นอริยสัจ ๔ประการ คอ ทุกข์เหตุเกิดทุกข์ความดับทุกข์และอริยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นช้อปฏิบัติให้ถึงความสงบระงับทุกข์ นั่นเป็นสรณะอันเกษม นั่นเป็นสรณะอันปีงสุด เพราะ ผู้อาดัยสรณะเช่นนั้น ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้\" ® หลังจากจบพระธรรมเทศนา นักบวชอัคคิทัตและสาวกหนึ่ง หมื่นคน ก็ได้บรรลุโลกุตรธรรมเป็นพระอรหันต์ และก็กลายเป็น เรื่องราวตัวอย่างของการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน จึงเป็นเหตุให้ ได้[ลกุตรธรรมในตัว ด้วยเหตุนี้ การให้โลกุตรธรรม จึงเป็นการตอบแทนคุณข้าว ปลาอาหารของญาติโยมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด เพราะให้ความอิ่ม ธรรมที่นำไปส่ความพ้นทุกข์พ้นกิเลส ทำ ให้การถวายข้าวปลา อาหารในแต่ละมื้อ และการบำรุงเลี้ยงด้วยปัจจัย ๔ ต่างๆ ใน แต่ละวัน เต็มไปด้วยบุญกุศลอย่างเต็มที่ แล้วญาติโยมก็ได้รับ ความสุขจากโลกุตรธรรมที่ได้ร้ปการแปงปันมาจากวัด ® อัคคทัตตไJโรหิตวัตถุ. ชุ.ธ. ๒๕/®๘๘-๑«๒/or๒(มจร.) ปัญหาวัดร้าง ' ๕๔ ^ วัดอบอุ่น(ตอนทึ๋ ๑ ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

ดังนั้น \"วัดที่ไม่มีวันร้าง\" ก็คือ วัดที่เป็นผู๊ใฟ้ลคุตรธรรม แก่สังคม โดยมี \"พระภิกษุผู้บำเพ็ญภาวนาด้วยความเคารพใน ธรรมยิ่งกว่าสิวิด\" เป็นผู้ทำหน้าที่แจกจ่าย \"โลคุตรธรรม\" ให้แก่ ประชาซน นั่นคือเหตุที่มาแห่งความเจริญรุ่งเรืองของวัดและของ พระพุทธศาสนา ที่ทำ ให้วัดกลายเป็นสถานที่ดักดิสิทธิแห่งการ บรรลุธรรมของชาวพุทธ เป็นสถานที่สิบทอดพระพุทธศาสนา เป็น สถานที่สิบทอดพระพุทธประสงค์ของพระบรมศาสดาที่จะช่วยชาว โลกให้พ้นทุกข์ไปอีกนานแสนนาน ๒. หน้าที่สำค้ณฃองว้ดต่อสังคม คุณค่าของวัดอยู่ที่ความดักดิสิทธิ แต่ความดักดิสิทธิของวัด ไม่ไดัอยู่ที่การปลุกเสกเวทย์มนต์หรือใช้เล่ห์กลคาถา ไม่ได้อยู่ที่ การดูดวง การแก้บน การใบ้หวย การเสิยงทาย เพราะการให้สิง เหล่านี้แก่ประชาชน เป็นการสร้างความดักดสิทธแบบหลอกๆ เป็น ความดักดื้สิทธแค่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่นานก็จะต้องร้างไปเพราะ ยังเจือปนด้วยอาสวะกิเลส ความสักดิสิทธิที่แท้จริงของวัดนั้น จืงอยู่ที่การให้ \"พระ ธรรมคำสอน\" ที่สามารถยกระดับจิตใจของผู้คนในสังคมนั้น ให้ หลุดพ้นจากกิเลสมีความศรัทธาในพระรัตนตรัย เช้าถึงโลกุตรธรรม นี้จืงเป็นความดักดื้สิทftดยธรรมของวัดนั้น วัคอบร่น(ตอนทื่ 0> ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัตร้าง) ' ๕๕ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

\"วัดที่มีความสักดิสิทธิโดยธรรม\" นั้น จะต้องทำ \"หน้าที่ หลักของวัด ๒ ประการ\"ได้แก่ ประการที่ ๑ คือ การเป็นโรงเรียนสอนสืลธรรมให้กับ ประชาชนในท้องถิ่นนั้น ประการที่ ๒ คือ การเป็นบุญสถานลันสักดิสิทธเหมาะแก่ การปรารภความเพียร เพื่อการบรรลธรรมของประชาชนใน ท้องถินน้น วัดที่ทำหน้าที่หลักทั้งสองประการน!ด้สมบูรณ์ ย่อมเป็นวัด ที่มีความสักดี้สิทftดยธรรม เพราะทำหน้าที่แจกจ่ายโลกุตรธรรม ให้แก่ลังคมได้จริง ด้วยเหตุนี การเป็ดโรงเรียนสอนสืลธรรมอย่างถูกต้อง เหมาะสม ก็คือ การทุ่มเทแบ•ะนำสั่งสอนอบรมประชาชนให้เข้าถึง พระวัตนตวัยในต้ว อันเป็นทางดับทุกข์ให้กับชีวิต ดับทุกข์ให้แก่ ลังคมนั่นเอง ประชาชนที่ปาเพ็ญภาวนาจนเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวที่วัดนี้ ย่อมให้ความเคารพลักการะสถานที่ ไวัในฐานะของดินแดน สักดสิทธแห่งการบรรลุธรรม เพราะตระหน้กดีว่าเป็นภาระหน้ก อย่างยิ่งของทั้งพระภิกษุและเจ้าหน้าที่วัดทุกระต้บ ดังนั้น วัดใดก็ตาม ที่ทั้งพระภิกษุและญาติโยมต่างก็เข้าถึง โลกุตรธรรม คือ การเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว วัดแห่งนั้นย่อม เป็นวัดที่สักดสิทธ เพราะทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความมั่นคง มีอายุยีนยาว ไม่เสีอมสูญจากพระสัทธรรม ปัญหาวัดร้าง ๕๖ ^ วัดอ!เ^น(ตอนทํ่ ๑ พุทธวิธแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

ต. ความเกื้อกูลต่อพระพุทธศาสนาของพระ ภิกษุและญาติโยม ตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาลแล้ว พระล้มมาล้มพุทธเจ้าทรงชี้ให้ เห็นตลอดมาว่า \"วัด\" เกิดขึ้นจากความเกื้อกูลช่วยเหลือกันของ ทั้งพระภิกษุและญาติโยม ดังที่ทรงประทานโอวาทไวัใน \"พหุการ สูตร\"® ว่า \"คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนและบรรพชิตผู้ไม่อยู่ครอง เรือนทั้ง ๒ ฝาย ต่างอาสัยกันและคัน จึงบรรลกัทธรรม อัน เป็นแดนเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยมได้ ฝายบรรพชิตผู้ไม่อยู่ครองเรือนย่อมต้องการป็จจัย ๙ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานป็จจัยเภสัช อัน เป็นเครื่องบรรเทาอันตรายจากฝายคฤหัสถ์ ฝายคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือน อาสัยพระอริยะผู้ปฏิป้ติ ดีแล้วเชื่อมั่นคำสังสอนและการปฏิบัติดีของพระอรหันต์เป็น ผู้เพ่งพินิจอยู่ด้วยอริยปีญญา ประพฤติธรรมอันเป็นทางนำ ไปส่สุคติโลกสวรรค์ในอัตภาพนี้ มีความเพลิดเพลิน เสวย กามสุข รื่นเริงบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก\" ® พทุการสูตร, ชุ. อํติ. ๒!2/๑๐๗/๔๙๗(มจร.) จัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ๑ พุทฟ้ธีแก้ปัญทาวัดร้าง) ๕๗ ^ ปัญหาวัดร้ใง www.kalyanamitra.org

พระพุทธโอวาทนี้ ได้แบ่งหน้าที่ของพระภิกษุและประชาชน ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน ประการที่ ๑ หน้าที่ของบรรพรดในวัดน้น คือ การให้ โลกุตรธรรมแก่ประชาซนและดนเอง ประการที่ ๒ หน้าที่ของญาติโยมของวัดนั้น คือ การบำรุง แยงดนเอง ครอบครัว และพระภิกษุในวัดด้วยป้จวัย ๔ เพื่อให้ เกิดความสะดวกในการบ่ฏิบัติธรรมและการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตรงนี้เอง คือที่มาของหน้าที่หลักส์าด้ญของวัดทั้ง๒ประการ ดังกล่าวแล้ว เพราะเมื่อพระภิกษุยังทำหน้าที่เป็นผู้แจกจ่ายโลกุดรธรรม ให้แก่ประชาชนได้นั้น นั้นย่อมแสดงว่า โรงเรียนสอนคืลธรรมยัง เป็ดอยู่ในวัดนั้นได้ ขณะเดียวกันเมื่อญาติโยมได้รับการแนะนำลังสอนให้เข้า ถึงโลกุดรธรรมจากวัดนั้น ก็ย่อมเต็มใจที่จะทำหน้าที่บำรุงเลี้ยง ด้วยปัจจัย ๔ โดยไม่สืดเคือง ซึ่งนั้นก็แสดงว่า ศรัทธาของ บ่ระชาชนยังมั่นคงดีอยู่ วัดยังเป็นสถานที่สักดื้สิทธเพื่อการบรรลุ ธรรมในสายดาของประชาชนต่อไป แต่สิงที่ต้องพิจารณาให้ละเอียดลออยิ่งกว่านั้นก็คือ คุณค่า ของข้าวปลาอาหารแต่ละทัพพีที่ญาติโยมถวายให้พระภิกษุนั้น ไม่ เพียงแต่ต่อข้วิดพระภิกษุเท่านั้นแต่ยังถึบอายุพระพุทธศาสนาอีก ปัญหาวัดร้ใง ๕๘ \" วัดอบรุ่น(ตอนทึ่ ร)ทุทธวิธแก้ปัญหาวัดวัาง) www.kalyanamitra.org

ด้วย ใครๆ จึงต้องไม่มองเพียงมูลค่าของทรัพย์สินสิงของเท่านั้น เนื่องเพราะเรี่ยวแรงกำลังที่พระภิกษุได้จากข้าวปลาอาหารนั้น ได้ ให้ทั้งการต่อชีวิตพระภิกษุและการต่ออายุพระพุทธศาสนา เพราะ เมื่อพระภิกษุมีเรี่ยวแรงกำลัง จะสืกษาด้นคว้าและประพฤติ ปฏิบัติธรรมตามพระธรรมวินัยแล้ว ย่อมมีพระธรรมเทศนาดีๆ ที่ ใช!นการปฏิบัติได้จริงนำกลับมาเทศน์สอนอบรมประชาชนให้เป็น \"คนดีของสังคม\" ต่อไป เมื่อประชาชนในท้องถิ่นเป็นคนดีของลังคม ความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินย่อมเกิดขึ้นในท้องถิ่นนั้นครอบครัว ก็อบอุ่น ชุมชนก็เข้มแข็ง ลังคมก็ร่มเย็น อบายมุขก็ไม่มี เศรษฐกิจ ก็ไม่ฝืดเคือง ผู้คนในย่านนั้นล้วนมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีอัธยาภัย ไมตรีที่ดีต่อกัน พระภิกษุก็น่ากราบ ผู้น้อยก็น่ารัก ผู้!หญ่ก็น่าไหว้ ทุกคนต่างเป็นผู้มีคืลมีธรรมมาแจกจ่ายให้กันและกันอย่างเหลือเพีอ สิงเหล่านี้เป็นผลมาจาก \"ความอิ่มธรรมของประชาชน\" ที่ ได้รับมาจากการดูแล \"ความอิ่มท้องของพระภิกษุ\" ซึ่งไม่ได้สิน เปลืองอันใดมาก เพียงบำรุงเลี้ยงด้วยข้าวปลาอาหารไม่กี่ทัพพีใน แต่ละวันเท่านั้น ก็กํอให้เกิดคุณงามความดีอย่างมหาศาลต่อ ลังคมถึงเพียงนี้ วัดอบอุ่น(ตอนทิ่ m ทุทธวรนก้ปัญหาวัดร้าง) ^ ๕๙ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

ดังนั้น วัดที่มีพระภิกษุให้ความอิ่มธรรมและญาติโยมให้ ความอิ่มท้อง ย่อมเป็นบุญสถานดักดสิทธื้อันเป็นบ่อเกิดแห่งคุณ ความดีทั้งบ่วง ย่อมเกื้อกูลความเจริญรุ่งเรืองต่อพระพุทธศาสนา อย่างมหาศาล เกียรติคุณอันไพศาลของวัดแห่งนั้น ย่อมแผ่ขจร ขจายออกไบ่ทั่วทุกเขตคามด้วยความน่าอนุโมทนายินดีไม่มีที่สินสุด ตั้งแต่ (๑) ย่อมได้ชื่อว่า \"มีความเกื้อกูลต่อสังคม\" เพราะทำให้ บ่ระชาชนเข้าวัดบ่ฏิบัติธรรม ตั้งใจบ่ระกอบคุณงาม ความดี (๒) ย่อมได้ชื่อว่า \"มีความเกื้อกูลต่อพระพุทธศาสนา\" เพราะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง มีการสิบทอด ธรรมะจากยุคส่ยุคไม่ขาดสาย (๓) ย่อมได้ชื่อว่า \"มีความกตัญฌูกตเวทีต่อพระสัมมา สัมพุทธเจ้า\" เพราะทำให้การตรัสรู้ธรรมของพระพุทธ องค์ไม่สูญเบ่ล่า ทำ ให้ความเหนื่อยยากลำบากในการ สร้างบารมียาวนานตลอดยี่สิบอสงไขยแสนมหากับ่ไม่ หมดไบ่เบ่ล่า ด้งนั้น วัดที่เป็นบ่อเกิดคุณความดีทั้งบ่วงและทำหน้าที่แจก จ่ายโลกุตรธรรมให้แก่สังคมด้วย \"ความกตญฌูกตเวทีอนยิ่งใหญ่\" คือ รู้คุณ ตอบแทนคุณ และบ่ระกาศคุณของพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าเช่นนี้ ย่อมไม่มีวันเสื่อมร้างอย่างแน่นอน ปัญหาวัดร้าง ๖๐ '* วัดอบอุ่น(ตอนที่ ® พทธวิธิแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

๔. เหตุแห่งความสินสูญของพระพุทธศาสนา ในทางตรงกันข้าม ถ้าวัดใดก็ตาม ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง โดยเฉพาะไม่สามารถแจกจ่ายโลกุตรธรรมให้กับประชาชน วัดๆ นั้นก็จะต้องกลายเป็น \"วัดร้าง\" อย่างแน่นอน เพราะเมื่อวัดไม่สามารถเป็นโรงเรียนสอนสืลธรรมได้แล้ว ประชาชนย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระพุทธธรรมอย่างเต็มที่ ความศรัทธาในพระรัตนตรัยย่อมไม่เกิดขึ้น ความศักดสิทธ ของวัดย่อมไม่ปรากฏขึ้นในสายตาประชาชน ความรู้สืกว่าวัดเป็น ดินแดนเพี่อการบรรลุธรรมย่อมไม่มีอีกต่อไปประชาชนย่อมรู้สิกว่า การทำนุบำรุงย่อมกลายเป็นความสินเปลืองโดยใช่เหตุ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความรู้สิกว่าพระภิกษุเป็นผู้เอารัดเอา เปรียบสังคมก็จะตามมา การดูหมิ่นดูแคลนพระภิกษุด้วยถ้อยคำ ค่อนขอดต่างๆ นานาก็จะตามมา แล้วก็ปล่อยให้วัดร้างไปต่อหน้า ต่อตา โดยไม่เหลียวแลอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น เมื่อความศรัทธาในพระธรรมคำสอนสินไป ประชาชนจะรู้สิกอีกว่า \"การสืกษๆทางธรรมเป็นเรื่องครํ่าครึ ล้าหลังกว่าการสืกษาทางโลก\" ก็จะเลิกนับถือพระพุทธศาสนา หันไปบูชาเงินเป็นพระเจ้า ไข้เงินเป็นตัวกำหนดความถูก-ผิด ดี-ชั่ว ใข้เงินฟาดหัวเพี่อให้ได้สิงที่ต้องการ ผู้คนก็จะเกิดค่านิยมยอมทำทุกอย่างให้ได้เงินมาโดยไม่ คำ นึงถึงดีลธรรม แม้แต่การทำมาหากินด้วยอบายมุข ซึ่งเป็นการ วัดอบอุ่น(ตอนที่ ® ทุทธวิธีแก้!]ญหาวัดร้าง) ๖® ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

เลี้ยงชีพอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นก็ทำได้โดยไม่รู้สืกขัดเขิน ละอายแก่ใจ บรรยากาศของบ้านเมืองย่อมเต็มไปด้วยความฉาวโฉ่ การ ชุบซิบนินทา ยินดีกับการรับรู้เรึ่องผิดสืลผิดธรรมตั้งแต่ตื่นนอน จนกระทั่งเข้านอน และนั่นก็จะกลายเป็น \"มิจฉาทิฏฐิ\" คือ ความ เข้าใจผิดใหญ่หลวงของประชาชน ว่า \"พระธรรมอันเป็นเครื่อง นำ ผองชนหลุดพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร\" ตํ่าต้อยด้อยค่ากว่า \"การหำ มาหากินและการใข้ชีวิตที่อังจมอยู่ในอบายมุข\" ทั้งบ้านทั้งเมือง จึงไม่หลงเหลือบรรยากาศในการคืกษาธรรมะและปฏิบ้ติธรรมอีก ต่อไป เมื่อบรรยากาศของการคืกษาปฏิบัติธรรมของ \"เมืองพุทธ\" หมดลี้นไป ก็เท่ากับ \"วัฒนธรรมชาวพุทธ\" หมดลี้นตาม \"การหำ ทาน การวักษาสืล การเจริญภาวนา\" ย่อมหมดลี้นลง \"ความ เคารพในพระวัตนตวัย\"ย่อมหมดลี้นสมบูรณ์ และนั่นก็คือ ความ เนสูญของพระพุทธศาสนาด้งที่เกิดขึ้นกับอดีตเมืองพุทธในหลายๆ ประเทศที่ผ่านมา ด้งนั้น การที่ชาวพุทธปล่อยให้วัดร้างไปหนึ่งวัด ก็เป็น สัญญาณปงบอกว่า วัดกำลังลดจำนวนลง พระภิกษุกำลังลด จำ นวนลง และชาวพุทธกำลังลดจำนวนลง เมื่อสถานการณ์ ทุกวันนี้เป็นเช่นนี้ สิงใดคือหลักประกันว่า วัดทั้งสามหมื่นกว่าวัด ทั่วประเทศจะไม่ร้างจนหมดสินไปจากผืนแผ่นดินไทย lit ปัญหาวัดราง s ๖๒ รดอบอุ่น(ตอนท ๑ ทุทโรวัธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

๕. หัวใจแห่งความเจริญร่งเรืองของพระพุทธ ศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า \"ความแอมและความเจริญ ของพระพุทธศาสนา\" ขึ้นอยู่กับ \"ความเคารพในธรรม\" เพราะ เมื่อขาดความเคารพในธรรมย่อมเท่ากับขาดความเคารพในคุณ ความดีทั้งปวงของพระพุทธศาสนา การสืกษาย่อมขาดสูญ การ บรรลุธรรมย่อมขาดสูญ การปกป้องพระพุทธศาสนาย่อมขาดสูญ ความเคารพในธรรมจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา เพราะ แม้แต่พระบรมศาสดาเมื่อตรัสรู้แล้ว ก็ยังต้องเคารพโลกุตรธรรม ที่พระองค์ตรัสรู้แล้วต้วยพระองค์เองต่อไป® ดังนั้น เรื่องของความ เคารพในธรรมนี้ จึงเป็นรากฐานทั้งหมดของพระพุทธศาสนา ทีเดียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้โอวาทเรื่องความเคารพใน ธรรมไว้ ๓ ระดับ สำ หรับพระนวกะ พระมัชฌิมะ และพระเถระ ซึ่งมีภูมิรู้ภูมิธรรมและพรรษาแก่อ่อนกว่ากัน ๔.๑)โอวาทส์าหรับพระนวกะ พระนวกะ คือพระบวชใหม่ที่มีอายุการบวชยังไม่ครบ ๕ พรรษา ยังต้องฝึกถือนิล้ยของบรรพรต'' เพื่อละทิ้งนิสัยของ ® คารวสูตร, สํ.ส. ๑๕/®๗๓/๒๓๔(มจร.) ^ นสัยของบรรพซต หมายถง นิสสัย ๙ได้แก่ ®)เลี้ยงซีวตด้วยบีณฑบาต ๒)นุ่งห่มด้วยผ้าบังสุกุล ๓)อาด้ย อยูใต!คนไม้ ๔) ฉัน๓สัซด้วยยาดองนามูตรเน่า โดยจะด้องได้รับการฝึกอบรมให้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามพระ ธรรมวนัยจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์(จัตตารินิสสยะ. วิ.ม. ๔/®๒๘/®๙๗ {มจร.)) วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) ^ ๖๓ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

ฆราวาส ซึ่งติดมาจากบ้านตั้งแต่ก่อนบวช ยังต้องอยู่ในการ ปกครองดูแลของพระอุปัชฌาย์อาจารย์ มีหน้าที่หลักคือการ คืกษๆพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องลันรักษาตัวเอง มาก กว่าเทศน์สอนผู้อื่น เรียกกันเข้าใจง่ายๆ ว่า\"พระใหม่\"หรีอ\"พระ นักเรียน\" พระพุทธองค์ทรงให้โอวาทที่เหมาะแก่พระน้กเรียนไว้ว่า \"ภิกษุหั้งหลาย ธรรม ๕ประการนี้... ๑. ฟืงธรรมโดยเคารพ ๒. เรียนธรรมโดยเคารพ ๓. ทรงจำธรรมโดยเคารพ ๔. ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้แล้วโดย เคารพ ๕. รู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม โดยเคารพ... ... ย่อมเป็นไปเพี่อความดำรงมั่น ไม่เที่อมสูญ ไม่หาย ไปแห่งสัทธรรม\" ® ปฐมสืทธ้มมสัมโมสสูตร, องฺ. ปฌฺจก. ๒๒/๑๕๙/๒๕๓ (มจร.) ปัญหาวัดร้าง ^ ๖๔ วัด&บอุ่น(ตอนที่ ๑ พุทธว็ธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

ดังนั้นการปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาททั้ง ๕ประการ นี้ แม้พระภิกษุเพิ่งจะบวชใหม่ไดไม่นานนัก ก็ย่อมสามารถช่วยให้ วัด ช่วยให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองได้ ญาติโยมเห็นพระใหม่ ตังใจอบรมฝึกฝนตนเอง ก็มีกำ ลังใจที่จะถวายปัจจัย ๔ เพิ่อบำรุง พระบำ รุงวัด บำ รุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป การ สืกษาพระธรรมวินัยของพระบวชใหม่ก็จะทำได้อย่างเต็มที่ ขณะ เดียวกัน ญาติโยมก็จะรู้สืกว่า ปัจจัย ๔ ที่นำ มาถวายบำรุงนั้น ไม่ เป็นสิงที่สูญเปล่าไปจากบุญกุศลที่ตนจะได้ร้บอย่างเต็มกำลังนั่นเอง นี่คือ ความเคารพในธรรมของพระนวกะที่ทำให้พระพุทธ ศาสนาเกิดความดำรงมั่นไม่เสือมสูญไม่หายไปแห่งพระสัทธรรม ๔.๒)โอวาทสำหรับพระมัชฌิมะ พระฟ้ชฌิมะ คือ พระภิกษุที่มีอายุการบวชครบ ๕ พรรษาแล้ว แต่ยังไม่ถึง ๑๐ พรรษา หากเป็นผู้ฉลาดก็ให้อยู่ได้ โดยไม่ต้องถือนิลัย แต่หากเป็นผู้ไม่ฉลาดก็ยังต้องให้ถึอนิลัย อยู่กับอุปัชฌาย์อาจารย์จนตลอดชีวิต มีหน้าที่หสักคือ การคืกษาพระธรรมวินัย การฝึก เทศน์สอนตัวเอง การฝึกเทศน์สอนผู้อื่น ต้องขวนขวายแบ่งเบา ภาระของหยู่คณะและพระอุปัชฌาย์อาจารย์ เรืยกกันเข้าใจง่ายๆ ว่า \"พระพี่แยง\" วัดอบอุ่น(ตอนที่®ทุท!!วธแก้ปัญหาวัดร้ไง)' ๖๕ \" ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

พระภิกษุมัชฌิมะที่เป็นผู้ฉลาดในพระวินัย จะต้องมี คุณสมบัติครบ ๖ ประการ® ได้แก่ ๑) รู้จักอาบัติ ๒) รู้จักอนาบัติ ๓) รู้จักอาบัติเบา ๔) รู้จักอาบัติหนัก ๕) จำ ปาติโมกข์ทั้งสองโดยพิสดารได้ดี จำ แนกได้ดี คล่องแคล่วดี วินิจฉัยโดยสุตตะโดยอนุ พยัญชนะได้ดี ๖) มีพรรษาครบ ๕หรือมีพรรษาเกิน ๕ การที่พระมัชฌิมะมีคุณสมบัติเช่นนี้ ย่อมเป็นผู้รู้จัก ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ตามพระธรรมวินัยของสงฆ์แล้ว ย่อมไม่ ทำ ความลำบากให้กับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ เพราะรู้จักรักษาตัว เองให้อยู่ในพระธรรมวินัยเป็นแล้ว จึงต้องฝึกค้นคว้าฝึกเทศน์สอน ฝึกเจริญภาวนา เพี่อให้มีความช่านาญในการกำจัดอาสวะกิเลส ของตนต่อไป เพี่อจะได้ช่วยแปงเบาภาระของพระอุปัชฌาย์ อาจารย์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไปอีกด้วย พระพุทธองค์ทรงให้โอวาทที่เหมาะแก่พระพี่เลี้ยงหรือ พระนักเทศน์!ว้ว่า ® องค์ ๖ แห่งภํกไ;(^ต้องถีอนิสสัย,วิ.ม. ๔/®๐ร:/๑๖๙(มจร.) ^ ปาต้โมกซ์ทั้งสอง หมายถง ภิกชุปาติโมกข์และภิกชุนีปาติโมกข์ (วิ.อ. ๓/๘๕/๕๐(มมร.)) ป๋ญหาวัดร้าง วัดอบอุ่น(ดอนที่ ๑ ทุทธวิธแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

\"ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ประการนี้... ๑. เรียนธรรม(หมายถึงการเรียนพระไตรปีฏก)คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน รติๅตตกะ ชาตกะ อัพภูตธรรม และเวทัลละ... ๒. แสดงธรรมตามที่ตนได้สสับมา ตามที่ตนได้ เรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร ๓. บอกธรรมตามที่ตนได้สด้บมา ตามที่ตนได้ เรียนมาแก่ผู้อื่นโดยพิสดาร ๔. ทำ การสาธยายธรรมตามที่ตนได้สด้บมา ตามที่ ตนได้เรียนมาโดยพิสดาร ๕. ตรึกตาม ตรองตาม เพ่งตามด้วยใจที่งธรรม ตาม ที่ตนได้สด้บมา ตามที่ตนได้เรียนมา... ... ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น ไม่เอื่อมสูญ ไม่หาย ไปแห่งสัทธรรม\" ® ดังนั้นการปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาททั้ง ๕ประการ นี้ ย่อมทำให้พระมัชฌิมะสามารถช่วยให้วัด ช่วยให้พระพุทธ ศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองได้ด้วยการขยันเล่าเรียนพระธรรมวินัย ขยันเทศน์สอนตัวเอง สืกเทศน์สอนผู้อื่น และขยันช่วยแบ'งเบา ภาระของหมู่คณะตลอดจนพระอุป้ชฌาย์อาจารย์ เช่น การช่วย เป็นพระพี่เลี้ยงให้แก่พระนวกะ เป็นต้น ® ทุติยสัทธัมมสัมโมสสูตร, องฺ. ปฌฺจก. 1ร๒/®๕๕/๒๕<t-๒๕๕(มจร.) วัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ๑ ทุทโทธีแก้ปัญทาวัดร้าง) ๖๗ ป๋ญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

สาเหตุที่พระมัชฌิมะเป็นพระพี่เลี้ยงให้พระนวกะได้ ก็เพราะเป็นผู้ที่สามารถดูแลตัวเองให้อยู่ในพระธรรมวินัย และ ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีของพระภิกษุสงฆ์ได้อย่างถูก ต้องแล้ว เช่น อาจาริยวัตร คือการอุปัฏฐากรับใช้ต่ออาจารย์อย่าง ถกต้องตามพระธรรมวินัย เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น การนุ่งห่มจีวร \"การเดิน-การยืน-การ นอน-การนั่ง-การล้างหน้า-การอาบนํ้า-การแปรงฟัน-การชักจีวร-การ เก็บจีวร การบิณฑบาต-การขบฉัน-การดื่มนํ้า-การเคี้ยวอาหาร-การ พูดคุย-การล้างบาตร-การรักษาบาตร การใช้เสนาสนะ-การปู อาสนะ-การล้างเท้า-การถอดรองเท้า-การวางตั่ง-การกวาดพื้น-การ กวาดเพดาน-การกวาดช้างฝา-การปิดและการเปิดหน้าต่างในฤดู หนาว-การปิดและการเปิดหน้าต่างในฤดูร้อน การสำรวมอินทรีย์ {ตา-หู-จมูก-ปาก-ลี้น-กาย-ใจ)-การถ่ายอุจจาระ-การปัสสาวะ-การ บ้วนนํ้าลาย-การสนทนากับญาติโยม เป็นด้น แต่เนื่องเพราะพระมัชฌิมะยังมีอายุการบวชไม่ครบ ๑๐ พรรษาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้เป็นพระรุบิชฌาย์ หรีอเป็นพระอาจารย์ผู้ให้นิสัยของบรรพช้ต เพราะยังต้องปม เพาะคุณสมบัติอื่นๆ ของการเตรียมตัวเป็นพระเถระเมื่ออายุ พรรษาครบสิบเพี่มขึ้นอีกโดยเฉพาะความฉลาดในการคัดเลือกคน การให้อุปสมบท การอบรมคนการปกครองคนการเผยแฝ เป็นด้น ปัญหาวัดร้าง ^ ๖๘ ^ วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

ดังนั้น การฝึกอบรมตนของพระมัชฌิมะตามโอวาท ของพระพุทธองค์ทั้ง ๕ ข้อดังกล่าวนั้น ก็คือ การเคร่งครัดฝึก ดูแลตัวเองให้อยู่ในพระธรรมวินัย สำ หร้บการฝึกค้นคว้าพระไตร ปิฎก การฝึกเทศน์สอน การฝึกดูแลหมู่คณะ เพื่อเตรียมตัวเป็น พระเถระที่ดีในอนาคต ล้วนเป็นการเตรียมสร้างบุญอันยิ่งใหญ่ให้ แก่ตนเองภายใตัร่มเงาพระพุทธศาสนาทั้งสิน นี่คือ ความเคารพในธรรมของพระฟ้ชฌิมะที่ทำให้ พระพุทธศาสนาเกิดความดำรงมั่น ไม่เสิอมสูญ ไม่พายไปแห่ง พระสัทธรรม ๔.ฅ)โอวาทส์าหรับพระเถระ พระเถระ คือพระภิกษุผูใหญ่ที่มีอายุการบวชมากกว่า ๑๐ พรรษาขึ้นไป ถ้ามีพรรษามากกว่า ๒๐ เรียกว่า พระมหาเถระ มีหน้าที่หสัก คือ เป็นผู้รักษาพระธรรมวินัย เป็นผู้โห้ นิสัย ๔ แก่พระภิกษุบวชใหม่ เป็นผู้เผยแผ่พระธรรมคำสอนให้ กว้างไกล เป็นผู้บรรลุธรรม เป็นผู้นำผองชนเจริญภาวนา เป็นผู้ สร้างความสามัคคืในหมู่สงฆ์ พระภิกษุผู้เป็นพระเถระที่หน้กแน่นในธรรมวิน้ยนั้น จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติครบ ๑๐ ประการ® ® เถรสูตร, องฺ. ทสก. ๒ร:/๙๘/๒๓® (มจร.) วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) ๖๙ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

๑. เป็นรัตตัญญ บวชมานาน (หมายถึงรู้เหตุผลต้น ปลายของเรื่องราวต่างๆ ในพระธรรมวินัย การ คณะสงฆ์การทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา นับ ตั้งแต่วันบวชมาไม่ตํ่ากว่าถึบพรรษา) ๒. เป็นผู้มีถึล สำ รวมด้วยการสังวรในปาติโมกข์ เพียบพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปกติเห็น ภัยในโทษ แม้เล็กน้อย สมาทานถึกษาอยู่ใน สักขาบททั้งหลาย ๓. เป็นพหูสูต ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ เป็นผูได้พีงมาก ซึ่งธรรมทั้งหลาย ที่มีความงามในเบื้องด้น มี ความงามในทำมกลาง มีความงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ บริสุทธ บริบูรณ์ ครบถ้วน ทรงจำไวได้ คล่อง ปากขึ้นใจ แทงตลอดดีด้วยทิฏฐิ ๔. ทรงจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดี จำ แนกได้ดี ให้เป็น ไปได้ดีโดยพิสดาร วินิจฉัยได้ดีโดยสูตร โดย อนุพยัญชนะ ๕. เป็นผู้ฉลาดในการระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้น ๖. เป็นผู้ไคร่ธรรม เป็นผู้พีงและแสดงธรรมเป็นที่ พอใจ มีปราโมทย์อย่างยิ่งในอภิธรรม และอภิวินัย ป๋ญหาวัดร้าง ^ ๗๐ ^ วัดอบอุ่น(ดอนทึ่ <0 ทุทธวัธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

๗. เป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ คิลานปัจจัยเภสัชชบริขารตามแต่จะได้ ๘. เป็นผู้น่าเลื่อมใสในการก้าวไปและถอยกสับ เป็น ผู้สำ รวมดีในการนั่งในละแวกบ้าน ๙. เป็นผู้1ด้ฌาน ๔ อันมีในจิตยิ่งซึ่งเป็นเครื่องอยู่ เป็นสุขในปัจจุบัน ตามความปรารถนา ได้โดย ไม่ยาก ได้โดยไม่สำบาก ๑๐. ทำ ให้แจ้งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะสันไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึง อ พระเถระที่มีคุณสมบัติทั้งสิบประการนี้ ย่อมสามารถ เป็นหลักเป็นประธานให้แก่พระภิกษุนวกะและพระภิกษุมัชฌิมะที่ อาศัยอยู่ในวัดนั้นได้ เพราะไม่ว่าใครเข้าไปอยู่ใกล้ ก็จะได้รับ ความเจริญก้าวหน้าในพระธรรมวินัย ได้ความเจริญก้าวหน้าใน โลกุตรธรรมอันเป็นเครื่องนำตนพ้นจากทุกข์ และได้รับการฝึก อบรมให้เป็นชุนพลของกองทัพธรรมที่จะนำพระพุทธศาสนาแผ่ ขยายออกไป แต่การจะมีคุณสมบัติทั้ง ๑๐ ประการนั้นได้ พระบรม ศาสดาทรงให้โอวาทที่เหมาะสมกับการฝึกอบรมตนของพระเถระ ที่มีพรรษาสิบขึ้นไปไว้ว่า วัดรบอุ่น(ตอนทํ่ ffl ทุทโรวํธีแก้ปัญหาวัดร้าง) ๗® ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

\"ภิก]^งหลาย ธรรม ๕ประการนี้... ๑. ภิกษุเล่าเรียนพระสูตรที่เล่าเรียนมาดี ด้วยบท พยัญชนะที่สีบทอดกันมาดี แม้อรรถแห่งบท พยัญชนะที่สีบทอดกันมาดี ก็ชึ่อว่าเป็นการ ดีบทอดขยายความดี... ๒. ภิกษุเรนผู้ว่าง่าย ประกอบด้วยธรรมเป็นเครื่อง ทำ ให้เป็นผู้ว่าง่าย อดทนรับฟังคำพรํ่าสอนโดย เคารพ ๓. ภิกษุเรนพหูสูต เรียนจบคัมภีร์ ทรงธรรม ทรง วินัยทรงมาติกา ถ่ายทอดสูตรแก่ผู้อื่นโดยเคารพ เมื่อภิกษุเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรไม่ขาดรากฐาน มีที่พึ่งอาคัย ๔. ภิกษุเป็นเถระ ไม่มักมาก ไม่ย่อหย่อน หมดธุระ ในโอกกมนธรรม (หมายถึงละนิวรณ์ ๕ และ บรรลุธรรมตั้งแต่ระดับปฐมฌานเป็นต้นไป)เป็น ผู้นำ ในปวิเวก(หมายถึงนำผองชนเจริญภาวนา) ปรารภความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อ บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งธรรมที่ ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง หมู่คนรุ่นหลังพากันตาม อย่างภิกษุเถระเหล่านั้น แม้หมู่คนรุ่นหลังนั้นก็ ไม่มักมาก ไม่ย่อหย่อนหมดธุระในโอกกมนธรรม ปัญทาวัดร้าง ''' ๗๒ ^ วัดอบอุ่น(ตอนทิ่ ๑ ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

เป็น^นำ ในปวิเวก ปรารภความเพียรเพื่อถึง ธรรมที่ยังไม่ถึงเพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อ ทำ ให้แจ้งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้ง ๕. สงฆ์พร้อมเพรียงกัน ชื่นชมกัน ไม่วิวาทกัน มี อทเทสที่สวดร่วมกันอยู่ผาสุก เมื่อสงฆ์พร้อม เพรียงกัน จึงไม่มีการด่ากัน ไม่มีการบริภาษกัน ไม่มีการใส่ร้ายกัน ไม่มีการทอดทิ้งกัน หมู่คนที่ ยังไม่เลื่อมใสในสงฆ์นั้นก็เลื่อมใส และหมู่คนที่ เลื่อมใสแล้วก็เลื่อมใสยิ่งขึ้น ... ย่อมเป็นไปเพื่อความด่ารงมั่น ไม่เลื่อมสูญ ไม่หาย ไปแห่งสัทธรรม\" ® พระบรมพุทโธวาทนี้ ชี้ให้เห็นว่า พระภิกษุเถระยิ่ง พรรษาสูงมากเท่าใดยิ่งต้องเป็นผู้นำในการบำเพ็ญภาวนามากเท่านั้น เพราะพระภิกษุเถระคือผู้แจกจ่ายโลกุตรธรรมให้แก่พระมัชผิมะ พระนวกะ และประชาชนที่บำรุงเลี้ยงพระพุทธศาสนาด้วยปัจจัย๔ อย่างไม่ฝืดเคือง ตามปกติธรรมดาของคนเรานั้น การที่ใครจะแจกจ่ายสิงใด ให้ผู้อื่นได้ ก็จะต้องเป็นผู้มีสิงนั้นก่อน การที่พระเถระจะเป็นผู้ให้ โลกุตรธรรมแก่วัดแก่สังคมได้ พระเถระก็ต้องเป็นผู้มีโลกุตร ® ทุติยสัทธัมมสัมโมสสูตร. องฺ. ปฌฺจก. ๒๒/®๕๕/๒๕๔-๒๕๕(มจร.) วัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ® พุทธวิธีแก้ปัญหาวัดราง) ^ ๗๓ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

ธรรมนั้นก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทอดทิ้งการกระทำความเพียร ภาวนาไม่ได้เลยแม้แต่วันเดียว และพระพุทธองค์ก็ทรงรู้ดีว่า การ ไดีโลกุตรธรรมนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอาสวกิเลสเป็นธาตุ สกปรกที่ช่อนอยู่ในใจ ไม่สามารถมองเห็นตัวด้วยตาเปล่า แม้แต่ พระบรมศาสดาเอง ก็ยังต้องปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิม พัน จึงจะกำจัดกิเลสได้เด็ดขาด บรรลุโลกุตรธรรม คือมรรคผล นิพพานที่อยู่ในตัว ดังนั้น การปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาททั้ง ๕ ประการ ชนิดอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันเทำนั้น จึงจะทำให้พระเถระสามารถเป็น ผู้แจกจ่ายโลกุตรธรรมแก่สังคมได้ สามารถเป็นผู้นำพระม้ชฌิมะ พระนวกะในวัดนั้นบรรลุโลกุตรธรรมได้ และสามารถนำ ประชาชนเข้าถึงโลกุตรธรรมได้ นี่คือ ความเคารพในธรรมของพระเถระหี่ทำให้พระพุทธ ศาสนาเกิดความดำรงมั่นไม่เซึ่อมสูญไม่หายไปแห่งพระสัทธรรม ๖. ความเคารพในธรรมอย่างอุทิศ?วิตเป็นเดิมพน นับตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว บุคคลที่จะปาเพ็ญเพียรจน กระทั่งบรรลุโลกุตรธรรมได้นั้น ล้วนแต่ต้องผ่านการบำเพ็ญ ภาวนาตามหสักปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วยความเคารพใน ธรรมอย่างอุทิศชีวิตเป็นเติมพันมาก่อนทั้งสิน เรื่มตั้งแต่พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวก พระสงฆ์ ปัญหาวัดร้าง ๗๔ ^ วัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ๑ ทุทฟ้ธืแกัปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

สาวก เป็นต้น ดังมีบันทึกอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฎกปรากฏเป็น \"หนทางแห่งการบรรลุโลกุตรธรรม\" มาถึงทุกวันนี้ ๖.๑) การอุทิศรวิตเป็นเดิมพันของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเล่าถึงการปาเพ็ญเพียรก่อน ตรัสรู้ธรรมไวัใน \"อุปัญญาตสูตร\"® ว่า \"ภิกษุทั้งหลาย เรารูหั่วถึงธรรม ๒ ประการ ธรรม ๒ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. ความไม่สันโดษเพียงแค่ฤศลธรรมทั้งหลาป° ๒. ความไม่ท้อถอยในการปาเพ็ญเพียร ภิกษุทั้งหลาย เราเริ่มตั้งความเพียรไม่ย่อหย่อนว่า \"(แม้)จะเหลืออยู่แต่หนัง เอ็น และกระดูกก็ตามทีเนื้อ และเลือดในสัรีระ(นื้)จงเหือดแห้งไปเถิด(ตราบใดที่เรา)ยัง ไม่บรรลุผลที่พึงบรรลุด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความ เพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่หยุด ความเพียร\" หสังจากนั้น พระบรมศาสดาก็ตรัสยืนยันผลแห่งการ ประกอบความเพียรอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันว่า ® อุป๋ญญาตสูตร. องฺ.V]ก. ๒๐/๕/๖® (มจร.) - หมายถง ไม่พอใจเพยงแค่การIฃ้าสืงฌานที่ทำให้อยู่เป็นสุขในสมาธิ แต่ยังไม่ถึงทีสุดแห่งความสินทุกข์สิน กิเลสในตน วัคอบอุ่น(ตอนที่ ® ทุทธวิธิแก้ปัญหาวัดร้าง) ^ ๗๕ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

\"สัมโพธิญาณนั้นเราบรรลุได้ด้วยความไม่ประมาท'' ธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะที่ยอดเยี่ยม เราก็บรรลุได้ ด้วยความไม่ประมาท\" เมื่อพระบรมศาสดาตรัสยืนยันผลแห่งการบำเพ็ญ เพียรของพระองค์จบลงอันเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ฟ้งแล้ว ก็ทรงแนะนำให้พระภิกษุลงมือปฏิบัติตามอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิม พันว่า \"แม้ถ้าเธอทั้งหลาย'หึงตั้งความเพียรไม่ย่อหย่อนว่า 'จะเหลืออยู่แต่ห'นัง เอ็น และกระดูกก็ตามที เนื้อและ เลือดในสัรีระจงเหึอดแ'ห้งไปเถิด ยังไม่บรรลุผลที่พีงบรรลุ ด้วยเรี่ยวแรงของบุๅษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความ บากบั่นของบุรุษแล้ว จักไม่หยุดความเพียร' แล้วพระองค์ก็ทรงให้กำลังใจในการปฏิบัติด้วยว่า \"ไม่นาน'นักก็จักทำให้แจ้งซึ่งประโยช'น์ยอดเยี่ยม อัน เป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ที่ฤลบุตรออกจากเรือนบวชเป็น บรรพชิตโดยชอบต้องการด้วยปัญญาอันยี่งเองเข้าถึงอยูใน ปัจจุบันแน่แท้\" ® ความไม่ประมาท หมายถง ท้าไม่หยุดด้วยความฟ้ยรแรงกล้า(คุหัฎฐกสุดตนิทเทส,ชุ.ม.๒พ'/®๔/๗๒(มจร.)) ปัญหาวัดร้าง'๗๖ ^ วดรบร่น(ดอนที่ ® ทุทธว็รแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

นั่นก็หมายความว่า แม้แต่พระบรมศาสดายังทรงต้อง บำ เพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน จึงทรงสามารถตรัสรู้ โลกุตรธรรมด้วยต้วของพระองค์เองและนำมาสั่งสอนให้ชาวโลก ตรัสรู้ตามพระองค์ไปได้ ดังนั้น พระภิกชุเถระ พระม้ชฌิมะ พระนวกะในยุค ปัจจุบัน ก็ด้องบำเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเช่นกัน จึงจะสามารถ บรรลุโลกุตรธรรมได้เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้ง พทธกาล ๖.๒)การอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันของพระปีจเจกพุทธเจ้า พระบรมศาสดาตรัสเล่าประวัติการบำเพ็ญเพียรอย่าง อุทิศชีวิตเป็นเดิมพันของพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งใน ขัคควิ สาณสูตร® ไว้ว่า (พระปีจเจกสัมพุทธเจ้า) ตั้งความเพียรเพื่อบรรลุ ประโยชน์อย่างยิ่ง มีจิตไมย่อหย่อน ไม่ประพฤติเกียจคrm มีดวามพากเพียรมั่นคง เข้าถึงเรียวแรงและกำลังแล้ว จึง ประพฤติอยู่ผู้เดียว เหมีอนนอแรด ® ฃัคควิสาณสูตร,ชุ.สุ. ๒๕/๖๘/๕๑๙(มจร.) วัดอบอุ่น.(ตอนที่ ๑ ทุทธวิธีแก้ปัญทาวัดร้าง) ' ๗๗ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

พระสารีบุตรพระอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เลิศด้วยปัญญา ได้อธิบายพระพุทธพจน์น!ว้ในคัมภีร์จูฬนิเทส® ว่า คำ ว่า ด้งความเพียรเพื่อบรรลุประโยชน์อย่างยิ่งหมาย ถึง การปาเพ็ญภาวนาเพี่อให้ได้ความสินกิเลส บรรลุโลกุตรธรรม คืออมตนิพพาน คำ ว่า มีจิตไม่ย่อหย่อนไม่ประพฤติเกียจคร้านหมาย ถึง พระปัจเจกส้มพุทธเจ้าประคองจิตมุ่งมั่นว่า \"ตราบใดที่จิตของ เรายังไม่หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ยึดมั่น ตราบนั้นเรา จักไม่ลุกจากที่นั่งนี้\" (ซึ่งก็คือการปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็น เดิมพ้นนั่นเอง) คำ ว่า มีความพากเพียรมั่นคง เข้าดึงเรี่ยวแรงและ กำ ลังแล้ว หมายถึง เป็นผู้เต็มเปียมด้วยกุศลกรรม คือเป็นผู้มี ความบริสุทธกาย ความบริสุทธวาจา และความบริสุทธใจแล้ว คำ ว่า จึงประพฤติอยู่ผู้เดียว เหมือนนอแรด หมายถึง ความสินกิเลสด้วยการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นทางเอก สายเดียว ไม่มีทางอื่นเป็นสอง นั่นก็หมายความว่า แม้แต่พระปัจเจกพุทธเจ้ายังทรง ต้องปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพ้น จึงสามารถตรัสรู้ โลกุตรธรรมได้ด้วยตัวของพระองค์เอง ® ขัคคาสาณสุตตนิทเทส, ชุ.จู. ๓อ/®๕๙๙๘๗-๔๘๙(มจร.) ปัญหาวัดร้าง วัดอบอุ่น)(ตอนที่ ๑ ทุทธวัธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

ดังนั้น พระภิกษุเถระ พระมัชฌิมะ พระนวกะในยุค ปัจจุบัน ก็ต้องปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเช่นกัน จึงจะสามารถ บรรลุโลกุตรธรรมได้เช่นเดียวกับพระปัจเจกพุทธเจ้าในอดีตกาล ๖.ฅ) การอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันของพระอรหันตสาวกในยุค พุทธกาล ในคัมภีร์พระไตรปิฎกมีบันทึกการปาเพ็ญเพียรของ พระอรหันต์เถระไว้มากมาย พระอรหันต์รูปหนึ่ง ชึ่งมีนามว่า พระ ป้จจยเถระ® เมื่อจะพยากรณ์พระอรหัตผล จึงได้กล่าว ๓ คาถาไว้ ด้งนึ่ว่า \"เราบวชแล้วได้ ๕ วัน ยังเป็นเสขบุคคลอยู่ ยังไม่ได้ บรรลุพระอรหัต เมื่อเราเข้าไปยังวิหารแล้วได้ตั้งใจ ปรารถนาว่า \"เมื่อเรายังถอนลูกศรคือตัณหาขึ้นไม่ได้เราจะไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่ออกไปจากวิหาร ทังจะไม่เอนกายนอน\" เชิญท่านดูความเพียร ความบากบั่นของเรานั้นผู้อยู่ อย่างนี้ เราบรรลุวิชชา ๓ ได้ท่าตามคำสังสอนของ พระพุทธเจ้าแล้ว\" ® ปัจจย๓รคาถา ชุ.เถร. ๒๖/๒๒๒-๒๒๔/๓๗๓-๓๗๔(มจร.) วัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ® พุทธวธีแก้ปัญหฬดร้าง) ๗๙ ป๋ญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

นั่นก็หมายความว่า แม้แต่พระอรหันตสาวกในครั้ง พุทธกาล ยังต้องปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน จึง สามารถตรัส|1ลกุตรธรรมตามพระบรมศาสดาไปไต้ ต้งนัน พระภิกษุเถระ พระม้ชฌิมะ พระนวกะในยุค ปัจจุบัน ก็ต้องปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเช่นกัน จึงจะสามารถ บรรลุโลกุตรธรรมไต้เฉกเช่นเดียวกับพระอรหันตสาวกในยุคพุทธ กาล ๖.๔) การอุทิศชีวิตเปนเดิมพันของพระภิกษุผู้ปรารภความ เพียรในยุคพุทธกาล ใน ทุติยทสพลสูตร® พระบรมศาสดาทรงให้โอวาทแก่ พระภิกษุผู้ยังมิไต้บรรลุโลกุตรธรรมอันเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ใน วัฏสงสารให้หมดสินไปว่า \"ภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้ว เป็นธรรม เข้าใจง่าย เป็ดเผย ประกาศไว้แล้ว เป็นดุจผืนผ้าเก่าที่ตัด ไว้แล้วอย่างนี้(หมายถึงทรงจำแนกธรรมไว้ดีแล้ว) ฤลษุตรผู้บวชด้วยศรัทธา สมควรแท้เพื่อปรารภความ เพียรในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้ว เป็นธรรมเข้าใจง่ายเป็ดเผย ประกาศไว้แล้ว เป็นดุจผืนผ้าเก่าที่ตัดไว้แล้วอย่างนี้ว่า ® ทุตยทสพลสูตร,ส่. นิ. ๑๖/๒๒/๓«■-๕๐ (มจร.) บญหารด■ราง ๘๐ วดอบอุ่น(ตอนท ๑ พุทธวิริแกัปัญหาวัคราง) www.kalyanamitra.org

'เนื้อและเลือดในร่างกายจงเหือดแห้งไป จะเหลืออยู่ แต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตามที ผลใดพึงบรรลุได้ด้วย เรี่ยวแรงของบุๅษ ด้วยความเพึยรของบุรุษ ด้วยความบาก บั่นของบุรุษ (ถ้า) ไม่บรรลุผลนั้น ก็จักไม่หยุดความเพึยร ของบุรุษ' หลังจากนั้น พระบรมศาสดาก็ทรงให้ความมั่นใจใน การปาเพ็ญเพียรว่า \"บุคคลผู้เกียจคร้าน เกลื่อนกล่นไปด้วยบาปอกุศล ธรรมทั้งหลายย่อมอยู่เป็นทุกข์ และฟาประโยชน์ของตนที่ ยิ่งใหญ่ให้เลื่อมเลืยไป ล่วนบุคคลผู้ปรารภความเพึยร ผู้ สงัดจากบาปอกุศลธรรมทั้งหลายย่อมอยู่เป็นสุข และทำ ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของตนให้บริบูรณใด้ การบรรลุธรรมที่เลิศด้วยธรรมอันเลว หามีไม่ แต่การ บรรลุธรรมที่เลิศด้วยธรรมอันเลิศ ย่อมมีได้ พรหมจรรย์นื้ ผ่องใสและน่าดื่ม พระศาสดาก็อังอยู่เฉพาะหน้า\" เมื่อพระภิกษุเกิดความมั่นใจแล้ว พระบรมศาสดาก็ ทรงให้กำลังใจต่อไปว่า วัดรบร่น(ตอนทึ่ ๑ พุทธรธีแก้ปัญทาวัตร้าง) ๘® ป๋ญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

\"เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายจงปรารภความเพียร เพื่อ ถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้ แจ้งธรรมที่ยังไม่ทำให้แจ้ง โดยตั้งใจว่า 'บรรพชาของเราทั้งหลายนี้ เป็นของไม่ตํ่าทราม ไม่ เป็นหมัน มีผล มีกำ ไร จักมีแก่เราทั้งหลาย เราทั้งหลายบริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และ คิลานปัจจัยเภสัชบริขารของชนเหล่าใด สักการะของชน เหล่านั้น จักมีผลมาก มีอานิสงสัมาก เพราะเราทั้งหลาย' เธอทั้งหลายพีงล่าเหนียกดังพรรณนามาฉะนี้แล ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้พีจารณาเห็นประโยชน์ของตน สมควรแท้ เพื่อที่จะทำกิจของตนให้ถึงพร้อมดัวยความไม่ ประมาท หรือว่าบุคคลผู้พิจารณาเห็นประโยชน์ของผู้อึ่น สมควรแท้ เพื่อที่จะทำกิจของผู้อื่นให้ถึงพร้อมดัวยความ ไม่ประมาท หรือบุคคลผู้พิจารณาเห็นประโยชน์ทั้ง ๒ ฝาย สมควรแท้ที่จะทำกิจของทั้ง ๒ ฝายให้ถึงพร้อมดัวยความ ไม่ประมาท\" นั่นก็หมายความว่า การปรารภความเพียรเป็นสิงที่ ต้องทำอย่างยิ่ง เพราะทำให้ทั้งการบวชของพระภิกษุ และการทำนุ ปารุงด้วยข้าวปลาอาหารของญาติโยมไม่สูญเปล่า พระพุทธองค์ ทรงสอนให้พระภิกษุใช้การตระหนักถึงความไม่สูญเปล่านี้ เป็น กำ ลังใจในการปรารภความเพียรอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน ปัญหาวัดร้าง ๘๒ วัดอบอุ่น(ตอนที๋ ® ทุทธวัธแก้ปัญหทัดร้าง) www.kalyanamitra.org

ดังนั้น จากพระบรมพุทโธวาทนี้ แม้พระพุทธองค์จะ ไม่ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่แล้ว แต่ก็เหมีอนกับทรงชี้ให้เห็นว่า พระ ภิกษุเถระ พระม้ซฌิมะ พระนวกะในยุคปัจจุบัน จะสามารถบรรลุ โลกุตรธรรมได้ ก็ต้องปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเท่านั้น จึงจะ ท่าไต้เช่นเดียวกับพระภิกษุสาวกที่อยู่ต่อหน้าพระบรมศาสดาใน ยุคพุทธกาล ๖.๔) การอุทิศชีวิตเป็นเดิมฟันของพระภิกษุในยุคป้จจุบัน ในอดีตที่ผ่านมามีพระภิกษุหลายรูปที่ปาเพ็ญเพียร ตามรอยบาทของพระบรมศาสดาล้มมาล้มพุทธเจ้า ตามรอยบาท ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ตามรอยเท้าของพระอรห้นต์ ตามรอยเท้า ของพระเถระผู้ปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิต สิบต่อๆ กันมาตั้งแต่ ครั้งพุทธกาล จวบจนกระทั่งยุคปัจจุบันที่ผ่านมาเกือบร้อยปี พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) หลวงปู จัดปากนํ้าภาษีเจริญก็ได้บำเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมฟัน ตามรอยบาทของพระบรมศาสดาเช่นล้น จนกระทั่งท่านได้เข้าถึง \"พระรัตนตจัยในด้ว\"ซึ่งมีดัพท์บาลีในคัมภีร์พระไตรปิฎก เรียกว่า \"ธรรมกาย\" ท่าให้ภายหล้งมีพระภิกษุและญาติโยมในยุคปัจจุบัน เกิดกำล้งใจในการปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน และ เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวเช่นเดียวกับท่านเป็นจำนวนมาก โดยมี บันทึกปรากฏอยู่ในชีวประวัติของท่านดังนี้ วัดอบอุ่น(ตอนที่ ® •ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) \"'^ ๘๓ ^ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

ในพรรษาที่ ๑๒ ป็พุทธสักราช ๒๔๖๐ หลวงปูวัดปากนํ้า ภาษีเจริญไดไปจำพรรษาณวัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง อ.บางกรวยจ.นนทบุรีใน วันขึ้น ๑๔ คํ่า เดือน ๑๐ ท่านได้มีความคิดที่จะกระทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ตั้งแต่เช้าตรู่ว่า \"เราบวชมาจวนจะครบ ๑๒ พรรษาแล้ว วิชชาของพระพุทธเจ้าเรายังไม่ได้บรรลุเลย ทั้งที่การ ด้กษาของเรา ก็ไม่เคยขาดเลยสักวันทั้งคันถธุระและ วิปัสสนาธุระ อย่าเลยควรจะรีบกระทำความเพียรให้รู้เห็นของจริง ในพระพุทธศาสนาเสัยที\" เมื่อกลับจากบิณฑบาตแล้วท่านก็รีบจัดการภารกิจต่างๆ ให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ไม่มีเรื่องกังวลใจ เสร็จแล้วก็ได้เช้าเจริญ ภาวนาในอุโบสถ โดยตั้งใจว่าหากไม่ได้ยินเสิยงกลองเพลจะไม่ ยอมลุกจากที่ เมื่อตั้งใจแล้วก็หลับตาภาวนา \"สัมมา อะระฟ้ง\" เรื่อยไป จนกระทั่งความปวดเมื่อยและอาการกระลับกระส่ายเรื่ม ติดตามมา จิตก็ชัดส่ายกระวนกระวายจนเกือบจะหมดความอดทน แต่ได้ตั้งลัจจะไว้แล้วจึงทนนั่งต่อไป เมื่อไม่สนใจความปวดเมื่อย ของสังขาร ในที่สุดใจก็ค่อยๆ สงบลงทีละน้อยแล้วรวมหยุดเป็น ปัญหาวัดร้าง'๘๔ วัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ๑ พุทธวัธแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

จุดเดียวกัน เห็นเป็นดวงใสบริสุหธขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ ติดอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ใจชุ่มชื่นเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก วันนั้นท่านมีความสุขทั้งวัน ดวงธรรมขั้นต้นซึ่งเป็น ดวงใสสว่างก็ยังเห็นติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายไม่ขาด ท่านได้รำพึงว่า \"ความสว่างเช่น^ม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิตของการ ปาเพ็ญธรรม เราไม่เคยเห็นความสว่างใดจะเทียบเท่าได้ ความสว่างแห่งดวงอาทิตย์ก็ยังห่างไกลเท่าที่เห็น อุปมา เหมือนแสงหิ่งห้อยกับโคมไฟ\" ท่าให้ท่านหวนระลึกถึงพระพุทธวจนะบทหนึ่งที่ว่า \"นตถิ สนฺติ ปรํ สุขํ\"แปลว่าสุขอื่นนอกจากความสงบไม่มี เมื่อใจ หยุดก็เกิดความสงบ เมื่อสงบจิตย่อมเป็นสุข และได้ตั้งใจว่า \"วันนี้เป็นไงเป็นกัน หากเราไม่บรรลุธรรมที่พระบรม ไตรโลกนาถได้ทรงบรรลุล่ะก็ เราจะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา หากเราจะต้องตายไปในครั้งนี้ ก็จะได้เป็นเยี่ยงอย่าง แก'ผู้ที่จะตามมาภายหลัง จะได้ยึดถือเป็นแบบปฏิบัติต่อไป ก็จะได้อานิสงส์อีกโสดหนึ่ง\" วัดอบอุ่น(ตอนทึ่ ๑ พุทธวิธแก้ปัญหาวัดร้าง) ^ ๙๕ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

เย็นวันนั้น หลังจากได้ฟังพระปาฏิโมกข์กับเพื่อน สหธรรมิกแล้ว ท่านได้รีบทำภารกิจส่วนตัวสรงนํ้าให้ร่างกาย สดชึ่นดีแล้ว จึงเข้าไปในอุโบสถแต่เพียงรูปเดียว เมื่อกราบพระ ประธานแล้วก็ได้ตั้งลัตยาธิษฐานว่า \"ขอให้พระองค์ทรงพระเมตตาโปรดประทานธรรมที่ พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วแก่ข้าพระพุทธเจ้า แม้จะเป็นเพียง ส่วนน้อยนิดก็ยินดี ถ้าหากการบรรลุธรรมของข้าพระองค์ๆ จ้กเกิดโทษ แก่พระศาสนา ก็ขออย่าได้ทรงประทานเลย แต่ถ้าจะเป็น คุณแก่พระศาสนาแล้ว ขอได้โปรดประทานแก่ข้าพระองค์ฯ ด้วยเถิด ข้าพระพุทธเจ้าจะขอพัเป็นทนายพระศาสนาต่อไปจน ตลอดชีวิต\" เมื่อได้ตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว ท่านก็เริ่มนั่งหลับตา ขณะ นั้นมีมดอยูในช่องแผ่นหินที่ท่านนั่ง กำ ลังไตขนมารบกวน ท่านจึง หยิบขวดนํ้ามันก๊าดขึ้นมา เพื่อจะทากันมด แต่แล้วก็คิดได้ว่า ชีวิต ของเรา เราได้สละแล้วเพื่อการปาเพ็ญเพียร แต่เหตุไฉนจึงยังกลัว มดอยู่อีก จึงวางขวดนํ้ามันก๊าดลง เจริญกัมมัฏฐานต่อไป จนถึง ยามดึกจึงได้เริ่มเห็นดวงปฐมมรรคหรีอดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย มนุษย์ เมื่อได้รู้เห็นธรรมะแล้วท่านจึงได้เข้าใจว่า ป๋ญหฬดร้ไง ^ พ ^ วัคอบอุ่น(ตอนทึ่ a ทุทโทรแก้ปัญหฬดร้าง) www.kalyanamitra.org

\"คมฺภีโร จายํ ธรรมเป็นของลึกซึ้งถึงเพียงนี้ใครจะไป คิดคาดคะเนเอาได้พ้นวิสัยของความตรึก นึก คิด ถ้ายังตรึก นึก คิดอย่ก็เข้าไม่ถึง ที่จะเข้าให้ถึงต้อง ทำ ให้รู้ตรึก รู้นึก รู้คิดนั้นหยุดเป็นจุดเดียวกน แต่พอหยุดก็ต้บ แต่พอต้บแถ้จก็เกิด ถ้าไม่ต้บแล้ว ไม่เกิด นี้เป็นของจริง หัวต่อมีเป็นอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วน ด้งนี้ก็ไม่มี ไม่เป็นเด็ดขาด\" เมื่อมองเรื่อยไปก็เห็นดวงใหม่ผุดช้อนขึ้นมาแทนที่ ดวงเก่า แต่ใสสว่างมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็เห็นกายต่างๆ ตาม ลำ ดับจนกระทั่งถึง \"ธรรมกาย\" คำ ว่า \"ธรรมกาย\" นี้ มีพระบาลีร้บรองว่า \"ตถาคตสฺส วาเสฏรเอตํ ธมฺมกาโยติ วจนํ\" ดูกร!วาเสฏฐะ ธรรมกายนี้เป็นชื่อของพระตถาคต ในอัคดัญญสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระสุตตันต ปิฎก มีพระบาลีดังนี้ว่า วัดรบอุ่น(ตอนที่ ® ทุทธวิธีแก้ปัญหฬดร้าง) ^ ๙๗ ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

\"ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺซา อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปิ พุรทฺมกาโยอิติปี ธมฺมภูโต อิติป็ พฺรหฺมภูโต อิติป็ๆ.... ดูกร!วาเสภูฐะและภารทวาชะคำว่าธรรมกายก็ดีพรหม กายก็ดี ว่าธรรมภูตก็ดี ว่าพรหมภูตก็ดีเป็นชื่อของพระ ตถาคต\" ดังนั้น จากปฏิปทาการปาเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิต เป็นเดิมพันของพระเดชพระคุณหลวงปูวัดปากนํ้านี้เอง ย่อม เป็นการให้กำลังใจว่า การปาเพ็ญภาวนาของพระภิกษุเถระ พระมัชฌิมะพระนวกะตามรอยบาทของพระลัมมาลัมพุทธเจ้าไปนั้น ย่อมเป็นหนทางแห่งการบรรลุโลกุตรธรรมโดยไม่สูญเปล่าอย่าง แน่นอน ๖.๖) การบำเพ็ญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน เป็นเสัน ทางเก่าของพระลัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ จากเส้นทางแห่งการบรรลุธรรมของพระลัมมา ส้มพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรห้นตเจ้า และพระภิกษุ สาวกที่ไล่เลียงมาตามลำดับนี้ ย่อมเห็นปรากฏเป็นหลักฐานได้ อย่างชัดเจนว่า ปัญหาวัดร้าง ' ๘๘ วัครบร่น(ตอนทึ่ « ทุทธวิธีแก้ปัญหฬดร้าง) www.kalyanamitra.org

บุคคลส์าคัญของโลกผู้มีดวามเคารพในธรรมยิ่งกว่า สิวิตทุกท่านนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ตร้สเโลกุตรธรรมด้วยการ บำ เพ็ญเพียรภาวนาอย่างอุทิศสิวิตเป็นเดิมพันทังสิน ทั้งนี้เพราะเส้นทางตรัสรู!ลกุตรธรรมนี้ เป็น \"เล้นทาง เก่าของพระล้มมาล้มพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์\" ทั้งที่บังเกิดขึ้นแส้ว ในอดีตกาล ทั้งที่บังเกิดขึ้นในปัจจุบันกาล และทั้งที่จะบังเกิดขึ้น ต่อไปในอนาคตกาล ล้วนต้องผ่านเส้นทางนี้ทั้งสิน ดังที่พระบรม ศาสดาตรัสเล่าไว้ใน \"นครสูตร\"® ว่า \"ภิกษุทั้งหลาย...อริยมรรคมีองค์๘ นี้เท่านั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ (เห็นชอบ) ๒. สัมมาสังกัปปะ (ดำริชอบ) ๓. สัมมาวาจา (เจรจาชอบ) (ริ^. สัมมากัมมันตะ (กระทำชอบ) ๕. สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ) ๖. สัมมาวายามะ (พยายามชอบ) ๗. สัมมาสติ (ระลึกชอบ) ๘. สัมมาสมาธิ (ตั้งจิตมั่นชอบ) นี้คือทางเก่าที่พระสัมมาส้มพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เคยเสด็จพระดำเนิน เราก็ได้ดำเนินตามทางนั้น... ® นครสูตร, สํ.นิ. ๑๖/๖๔/®๒(๙-®๒๙(มจร.) วัฟิอบอุ่น(ตอนทึ๋ ๑ พุทธวิธีแก้ปัญหาวัตร้าง) ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

... ชณะดำเนินไป ได้รู้ชัดสังขารทั้งหลาย ได้รู้ชัด ความเกิดแห่งสังขาร ได้รู้ชัดความดับแห่งสังขาร ได้รู้ชัดปฏิปทาที่ ให้ถึงความดับแห่งสังขาร ครั้นได้รู้ชัดอริยมรรคมีองค์๘ นั้นแล้ว เราจึงบอกแก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบากิกา ภิกษุทั้งหลาย พรหมจรรย์นี้จึงได้บริษุรณ์ กว้างขวาง รู้จักกันโดยมาก มั่นคงดี กระทั่งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ประกาศได้ดีแล้ว\" นั่นก็หมายความว่า การที่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งจะมี โลกุตรธรรมมาแจกจ่ายประชาชนได้นั้น ล้วนแล้วแต่ต้องปาเพ็ญ เพียรภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน ผ่านเล้นทางเก่าอันเป็น ทางเอกสายเดียวของพระอรหันตสัมมาล้มพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ นั่นเอง ปัญหาวัดร้าง ^ ๙๐ จัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวัธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org

๗. วัดย่อมไม่มืวันร้าง เมอยังมีพระภิกษุผู้ บำ เพ็ญภาวนาอย่างอุทิศ?วิตเป็นเดิมพัน วัดในโลกนี้ เมื่อถือกำเนิดก็เกิดขึ้นเพราะสถานที่แห่งนั้น มี พระภิกษุผู้ปาเพ็ญเพียรภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันเข้าไปอยู่ อาศัยที่นั่น จากแต่เดิมที่เคยเป็นโคนไม้ ลอมฟาง วิหารร้าง เรือน ว่าง ป่าช้า ปาชัฏ ภูเขา ซอกเขา ถํ้า ทุ่งร้าง ก็ถูกสร้างเป็นสังฆาราม ถวายให้แก่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมจากทั้งสืทิศ จากนํ้าพักนํ้าแรงของซาวบ้านบ้าง จากสมบัติพัสถานของเศรษฐีบ้าง จากพระราชทรัพย์ของพระราชาบ้าง สถานที่รกร้างในโลกนี้แปร เปลี่ยนเป็นวัดก็ด้วยอาศัยความศรัทธาที่มีต่อการป่าเพ็ญภาวนา อย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันของพระภิกษุสงฆ์ทั้งสิน ในทำนองตรงกันข้าม วัดที่สร้างขึ้นแล้วในโลกนี้ จะกลับไป เป็นโคนไม้ลอมฟาง วิหารร้าง เรือนว่าง ป่าช้า ป่าชัฏ ภูเขา ซอกเขา ถํ้า ทุ่งร้าง ก็เพราะสถานที่แห่งนั้นไม่หลงเหลือพระภิกษุผู้ป่าเพ็ญ เพียรภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพันอยู่ที่นั่นเช่นกัน ป่างามด้วยพระภิกษุผู้ปรารภความเพืยร® สมัยหนึ่งในครั้งพุทธกาล พระบรมศาสดาประทับอยู่ที่ฟ้า โคสิงคสืาลร้น ซึ่งเป็นป่าต้นสาละที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ส่ง กลี่นหอมจรุงดุจกลี่นทิพย์ พร้อมด้วยพระเถระผู้เป็นพระสาวกที่ ® มหาโคสิงคสูตร.ม.มู ๑๒/๓๓๒/๓๖๖(มจร.) วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวิธีแก้ปัญหาวัดร้าง) ^ ๙® ปัญหาวัดร้าง www.kalyanamitra.org

มีชื่อเสียงหลายรูป คือ ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลา นะ ท่านพระมหากัสสปะ ท่านพระอนุรุทธะ ท่านพระเรวตะ ท่าน พระอานนท์ และพระเถระผู้เป็นพระสาวกที่มีชื่อเสียงรูปอื่น ๆ ในราตรีแจ่มกระจ่างด้วยแสงจันทร์คืนนั้นพระเถระทั้ง ๕รูป คือท่านพระอานนท์ ท่านพระเรวตะ ท่านพระอนุรุทธะ ท่านพระ มหากัสสปะ ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้พากันเข้าไปหาพระ สารีบุตรเพื่อฟังธรรมถึงที่หสีกเร้น การสนทนาธรรมในวันนั้นท่านพระสารีบุตรตั้งคำถามขึ้นว่า \"ป่าโคสิงคสาลวันจะพึงงามด้วยพระภิกษุ๗นไร ?\" พระเถระทั้งห้ารูปตอบเรียงตามลำดับความเป็นผู้มีพรรษา น้อยที่สุดไปหาผู้มีพรรษามากที่สุด โดยท่านพระอานนท์เป็นผู้เลิศ ด้วยความเป็นพหูสูต กล่าวตอบเป็นรูปแรกว่า \"ป่าจะพึงงามด้วยพระภิกษุผู้เป็นพหูสูต ผู้แสดงธรรมแก่ พุทธบริษัท ๔ ด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย ต่อเนื่องไม่ขาดสาย จน กระทั่งสามารถถอนกิเลสที่นอนเนื่องในใจให้หมดสิ้นไป\" ท่านพระเรวตะเป็นผู้เลิศด้วยความยินดีในฌาน กล่าวตอบ เป็นรูปที่สองว่า \"ปาจะพึงงามด้วยพระภิกษุผู้ยินดีในฌาน หลีกออกเร้น บำ เพ็ญวิปัสสนาอยู่ในฌานอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย\" ปัญหาวัดร้าง ^ ®๒ ^ วัดอบอุ่น(ตอนที่ ๑ ทุทธวัธีแก้ปัญหาวัดร้าง) www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook