วถิ ชี ุมชน (สค03045) ตอนที่ 1 ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ภมู ปิ ญั ญา (Wisdom) แปลตามพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน ได้วา่ พื้นความรู้ ความสามารถ ความเช่ือ ความ สามารถทางพฤตกิ รรม และความสนใจในการแกป้ ัญหาของมนษุ ย์ ความหมายของภมู ิปญั ญาไทย จากการศึกษาความหมายท่ผี เู้ ชี่ยวชาญ นกั วชิ าการตา่ งๆ ซงึ่ ครอบคลุมคำวา่ ภูมปิ ญั ญาพื้นบ้าน ภมู ปิ ญั ญาชาวบ้าน ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ภูมปิ ัญญาไทย ได้ให้ ความหมายพอสรปุ ได้ ดงั น้ี ภมู ปิ ญั ญาพนื้ บา้ นหรอื ภูมิปัญญาชาวบ้าน (Popular Wisdom) หมายถงึ องคค์ วามรู้ ความสามารถและประสบการณ์ทสี่ ่งั สมและสบื ทอด กันมา อันเปน็ ความสามารถและศกั ยภาพในเชงิ แกป้ ัญหา การปรบั ตัวเรียนร้ ู และสืบทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ เพ่ือการดำรง อยู่รอดของเผ่าพันธ์ุ จึงตกทอด เป็นมรดก ทางวัฒนธรรมของธรรมชาติ เผ่าพันธุ์ หรือเป็นวิถีของชาวบ้าน ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น หมายถึง กระบวนทัศน์ของบคุ คลท่มี ีต่อตนเอง ต่อโลกและสิ่งแวดล้อม ซงึ่ กระบวนการดังกล่าว จะมรี ากฐานคำสอนทางศาสนา คติ จารตี ประเพณี ทีไ่ ดร้ บั การถา่ ยทอดสงั่ สอน และปฏิบัติสืบเน่ืองกันมา ปรับปรุงเข้ากับบริบททางสังคมที่เปล่ียนแปลงไปแต่ละสมัย ท้ังนี้โดยม ี เป้าหมายเพื่อความสงบสุขในส่วนที่เป็นชุมชน และปัจเจกบุคคล ซ่ึงกระบวนทัศน์ที่เป็นภูมิปัญญา ทอ้ งถนิ่ จำแนกได้ 3 ลักษณะ คือ 1. ภูมปิ ญั ญาเกีย่ วกบั การจดั การความสัมพันธร์ ะหวา่ งมนุษยก์ ับธรรมชาตแิ วดล้อม 2. ภมู ปิ ญั ญาเกย่ี วกบั สังคมหรือการจดั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมนุษย์กบั มนษุ ย์ 3. ภมู ปิ ญั ญาเกยี่ วกบั ระบบการผลติ หรอื ประกอบอาชพี ทม่ี ลี กั ษณะมงุ่ เนน้ ระบบการผลติ เพอ่ื ตนเอง ภูมิปัญญาไทย หมายถึง องค์ความรู้ในด้านต่างๆ ของการดำรงชีวิตของคนไทยที่เกิดจากการ สะสมประสบการณ์ท้ังทางตรงและทางอ้อม ประกอบกับแนวความคิดวิเคราะห์ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของตนเอง จนเกิดหลอมตัวเป็นแนวคิดในการแก้ไขปัญหาท่ีเป็นลักษณะของตนเอง ที่สามารถพัฒนา ความร้ดู ังกล่าวมาประยกุ ต์ใชใ้ หเ้ หมาะสมกับกาลสมยั ในการแก้ปัญหาของการดำรงชวี ติ ความเป็นมาและความสำคญั ของภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ โลกปจั จบุ นั เปน็ โลกแหง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารทแี่ พรห่ ลายทว่ั ถงึ กนั ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ไรอ้ าณาเขตขวางกน้ั สภาพดังกล่าวมสี ว่ นกระทบถึงวถิ ีชีวิตของผคู้ นพลเมอื งโดยท่ัวไป เพราะเปน็ สภาพท่เี ออ้ื อำนวยในการ รบั และถ่ายโยงเอาศาสตร์หรอื ภูมิปัญญาตะวันตกเข้ามาในการพัฒนาประเทศและพฒั นาผลผลิต ตลอด จนการดำเนินชีวิต อย่างมิได้มีการปรับปนกับภูมิปัญญาไทยท่ีมีความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นท่ีเป็น ทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ชุมชนชนบทประสบปัญหาดังท่ีกล่าวว่า ชุมชนล่มสลาย อันมีผลรวมไปถึงความ
วถิ ีชมุ ชน (สค03045) ทรุดโทรมของสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง การพยายามใช้กลไกทางการศึกษาจากเงื่อนไขท่ีเปิดโอกาส ให้มีการพัฒนาหลักสูตร ตามความต้องการของท้องถ่ิน เป็นช่องทางในการประยุกต์เอาภูมิปัญญาชาว บ้านที่มีจุดเด่น ที่สามารถพิสูจน์ตัวเองในการยืนหยัดอยู่รอดได้ท่ามกลางกระแสการล่มสลายของ ชุมชน และการทรุดโทรมของสิ่งแวดล้อมดังกล่าวมาสู่หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ในแนวทาง ของการคิดปฏิบัติจริง จากการประยุกต์ปรับปนภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาไทยกับภูมิปัญญา สากล เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบคุณค่าภูมิปัญญาที่มีในท้องถ่ินที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของชุมชน และ สามารถประยุกตใ์ ชไ้ ดอ้ ยา่ งไม่มที ส่ี ้ินสดุ นำมาซึ่งดุลยภาพทีส่ งบสนั ติสขุ ของบคุ คล ชมุ ชนและชาติ ลักษณะภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ลกั ษณะภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ จำแนกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คอื 1. ภูมปิ ัญญาทีเ่ ป็นรปู ธรรม เป็นความรหู้ รอื เคล็ดลบั ในการทำสง่ิ ตา่ งๆ ดังนี้ ( 1 ) การเกษตรกรรม เชน่ ทำสวนมะมว่ ง ใหอ้ อกผลตลอดป ี ( 2 ) งานหตั ถกรรม เชน่ งานจกั สาน งานแกะสลกั ไม้ และงานทำเครอื่ งปนั้ ดนิ เผา ฯลฯ ( 3 ) การทำอาหาร เชน่ การทำอาหารแปรรปู ตา่ งๆ การถนอมอาหารไมใ่ หบ้ ดู เสยี ฯลฯ ( 4 ) ศลิ ปะและดนตรี เชน่ การประดิษฐ์เครอ่ื งดนตรีจากไม้ไผ่ กะลามะพรา้ ว ฯลฯ ( 5 ) การละเล่น เช่น การเล่นม้ากา้ นกล้วย การเลน่ วา่ ว การเลน่ ขม่ี า้ ส่งเมือง การเลน่ รีๆ ข้าวสาร การเดินกะลา การเลน่ มอญซ่อนผ้า ฯลฯ 2. ภูมิปัญญาท่เี ป็นนามธรรม เปน็ ความเชอ่ื และปรัชญาในการดำเนินชีวิต ทงั้ การเกิด แก่ เจบ็ และตาย แสดงถงึ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์กบั สิ่งแวดลอ้ มหรือความสัมพันธก์ ับมนษุ ย์ด้วยกัน เชน่ ( 1 ) คำสอนหรือข้อปฏิบัตสิ ำหรับหญงิ มคี รรภ์ หญิงที่ผ่านการคลอดบุตรใหม่ๆ ( 2 ) คำสอนและการปฏบิ ตั ติ อ่ ผมู้ อี าวโุ ส คนเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย และการเลยี้ งดเู ดก็ ทารก เปน็ ตน้ การจัดกระบวนการเรียนรู้กับภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ การเรยี นการสอนเปน็ กระบวนการสอ่ื สารความรู้ ประสบการณ์ ทกั ษะ ความคดิ เหน็ ตลอดจน เจตคติ ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี และอาจใช้เครื่องมือประกอบการสอนต่างๆ อีกมากมาย โดยมีการ จัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้ผู้เรียนมีทั้งความรู้ คุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมที่พึงประสงค์ และสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้โดยปกติสุข จึงจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพ ความสามารถของ ผเู้ รียนอยา่ งเต็มที่ เพ่อื ใหม้ นี สิ ัยใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน แสวงหาความร้ไู ด้ด้วยตนเอง การนำแหลง่ เรียนรู้ในชมุ ชน ท้องถิ่น ตลอดจนวิทยากรท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถ่ิน มาใช้ประโยชน์ในการจัดกระบวนการเรียน การสอน จึงเป็นวิถีทางหนึ่งท่ีจะช่วยให้กระบวนการเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายได้ตาม ท่ีต้องการ การนำภูมิปัญญาชาวบ้านแหล่งเรียนรู้มาใช้ในหลักสูตรการเรียน เป็นกิจกรรมท่ีตั้งอยู่บน พนื้ ฐานความเช่อื ที่ว่า ภูมปิ ัญญาชาวบ้าน ภมู ิปญั ญาทอ้ งถน่ิ และแหลง่ เรยี นรู้ เป็นชุดความรูใ้ นชมุ ชนที่
วถิ ชี ุมชน (สค03045) มีการใช้เพ่ือการดำเนินวิถีชีวิตที่ได้ผลมาในอดีต สามารถดำรงความสันติสุขแก่บุคคล ครอบครัว และ ชุมชน ตลอดจนความมีดุลยภาพอยู่ร่วมกับธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมได้อย่างผสมกลมกลืน เป็นกระบวนการพัฒนาหลักสูตรท่ีได้เน้นการมีส่วนร่วมของ ชุมชน โดยเฉพาะปราชญ์ชาวบ้านท่ีเป็น ผู้เชื่อมโยงชุดความรู้ท่ีเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ร่วมกับสถานศึกษาเข้าสู่หลักสูตรและกระบวนการเรียน ก ารสอนของสถานศึกษาในแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ประเภทของภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ประเภทของภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน สามารถจำแนกออกเปน็ 10 ลกั ษณะดงั นี้ 1. ภมู ปิ ญั ญาทเี่ กยี่ วกับความเช่อื และศาสนา ภูมิปัญญาประเภทนจ้ี ะมีลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั ไป ในแต่ละท้องถ่ิน เนื่องจากมีพื้นฐานทางความเชื่อในศาสนาท่ีแตกต่างกัน สำหรับภูมิปัญญาท้องถ่ิน ของไทยซึ่งเก่ียวกับความเช่ือในทางพระพุทธศาสนาเป็นหลักนั้นได้มีส่วนสร้างสรรค์สังคม โดยการ ผสมผสานกับความเช่ือดง้ั เดิมจนกลายเป็นลกั ษณะเฉพาะของแตล่ ะท้องถิ่น 2. ภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีเก่ียวกับประเพณีและพิธีกรรม เน่ืองจากประเพณีและพิธีกรรมเป็นสิ่ง ที่ดีงามที่คนในท้องถ่ินสร้างข้ึนมา โดยเฉพาะเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจคนในสังคม ภูมิปัญญา ประเภทน้ีจึงมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในสังคมเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากประเพณีและ พธิ กี รรมท่สี ำคัญในประเทศไทยล้วนเกี่ยวข้องกบั การดำเนนิ ชีวติ ของคนในสังคมแทบท้ังสน้ิ 3. ภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีเกี่ยวกับศิลปะพื้นบ้าน เป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆโดยการนำ ทรัพยากรที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หลังจากน้ันได้สืบทอดโดยการพัฒนาอย่างไม่ขาดสาย กลายเปน็ ศลิ ปะทม่ี ีคุณค่าเฉพาะถิน่ 4. ภูมิปัญญาท้องถ่ินท่ีเกี่ยวกับอาหารและผักพื้นบ้าน นอกจากมนุษย์จะนำอาหารมาบริโภค เพ่ือการอยู่รอดแล้ว มนุษย์ยังได้นำเทคนิคการถนอมอาหารและการปรุงอาหารมาใช้ เพ่ือให้อาหารที่มี มากเกินความต้องการสามารถเก็บไว้บริโภคได้เป็นเวลานาน ซึ่งถือว่าเป็นภูมิปัญญาอีกประเภทหนึ่งท่ี สำคญั ต่อการดำรงชีวติ นอกจากนยี้ ังนำผักพืน้ บา้ นชนดิ ต่างๆมาบรโิ ภคอีกดว้ ย 5. ภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีเก่ียวกับการละเล่นพื้นบ้าน การละเล่นถือว่าเป็นการผ่อนคลายโดย เฉพาะในวัยเดก็ ซึ่งชอบความสนุกสนานเพลิดเพลิน ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ ของไทยส่วนใหญจ่ ะใช้อุปกรณ์ ในการละเล่นท่ีประดิษฐ์มาจากธรรมชาติ ซึ่งแสดงให้เห็นวิถีชีวิตท่ีผูกพันกับธรรมชาติและรู้จักปรับ ตวั ให้เขา้ กับสภาพแวดล้อมอย่างกลมกลืน 6. ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งเกิด จากการสร้างสรรค์ของแต่ละภาค เราสามารถพบหลักฐานจากร่องรอยของศิลปวัฒนธรรมที่ปรากฏ กระจายอยู่ท่ัวไป เช่น สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเทคนิค ความคิด ความเชอ่ื ของบรรพบุรษุ เปน็ อย่างดี 7. ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวกับเพลงพ้ืนบ้าน ภูมิปัญญาประเภทนี้ส่วนมากแสดงออกถึงความ สนุกสนาน และยังเป็นคติสอนใจสำหรับคนในสังคม ซ่ึงมีส่วนแตกต่างกันออกไปตามโลกทัศน์ของ คนในภาคตา่ งๆ
วถิ ชี มุ ชน (สค03045) 8. ภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีเก่ียวกับสมุนไพรและตำรายาพื้นบ้าน ภูมิปัญญาประเภทน้ีเกิดจากการ สั่งสมประสบการณ์ของคนในอดีตและถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นปัจจัยสี่ ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับมนุษย์ หากได้รับการพัฒนาหรือส่งเสริมจะเป็น ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสงั คมในอนาคตได้ 9. ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ทเ่ี กย่ี วกบั การประดษิ ฐกรรม เทคโนโลยแี ละสง่ิ ของเครอื่ งใชต้ า่ งๆ ทเ่ี กดิ จาก ภมู ปิ ญั ญาของคนไทยในแต่ละภาคนั้น ถือเปน็ การประดิษฐกรรมและหัตถกรรมชั้นเยีย่ ม ซึ่งปจั จบุ ันไม่ ไดร้ ับความสนใจในการพฒั นาและสง่ เสริมภมู ิปัญญาประเภทน้เี ท่าท่ีควร หากมกี ารเรียนรู้และสืบทอด ความคดิ เกยี่ วกบั การประดษิ ฐกรรมและหตั ถกรรมใหแ้ กเ่ ยาวชน จะเปน็ การรกั ษาภมู ปิ ญั ญาของบรรพชน ได้อกี ทางหนงึ่ 10. ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เก่ียวกับการดำรงชีวิตตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เน่ืองจากคน ไทยมีอาชีพที่เก่ียวกับการเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนา ทำไร่ จึงทำให้เกิดภูมิปัญญาท่ีเก่ียวกับ ความเช่ือและพิธีกรรมในการดำรงชีวิตเพ่ือแก้ปัญหา หรืออ้อนวอนเพ่ือให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ใน การเพาะปลกู และเพือ่ เพม่ิ ผลติ ผลทางการเกษตร ดังจะเหน็ ไดจ้ ากพธิ กี รรมท่ีเกีย่ วกบั การเกษตรทัว่ ทกุ ภ มู ิภาคของไทย การถ่ายทอดภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ การถา่ ยทอดภมู ิปัญญาท้องถิน่ มีวิธีการถา่ ยทอด 2 ลกั ษณะ คอื 1. การถ่ายทอดใหเ้ ดก็ ( 1 ) การถา่ ยทอดทางตรง โดยการอบรมส่งั สอนของพ่อ แม่ ปู่ ยา่ ตา ยาย ( 2 ) การถา่ ยทอดทางออ้ ม โดยการเลา่ นทิ าน การเลน่ คำทายปรศิ นา และการละเลน่ ตา่ งๆ 2. การถา่ ยทอดให้ผู้ใหญ ่ ( 1 ) การถ่ายทอดทางตรง โดยบอกเล่าในขณะประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น พิธี บายศรีสู่ขวญั พิธีแตง่ งาน พิธบี วชทำขวญั นาค ฯลฯ หรอื เผยแพรเ่ ป็นหนังสือ เอกสาร แผน่ ปลิว หรือ การประชมุ ของกำนันผ้ใู หญ่บ้าน เป็นตน้ ( 2 ) การถ่ายทอดทางอ้อม โดยการแสดงศิลปะพ้ืนบ้านและการละเล่นกิจกรรม บันเทงิ ต่างๆ เชน่ ลเิ กและลำตัดในภาคกลาง มโนราห์และหนงั ตะลงุ ของภาคใต้ เปน็ ตน้ ซง่ึ จะมีเนือ้ หา และคำร้องสอดแทรกความรู้ในขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถ่ินและคติธรรม ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึง ข องภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ สาขาภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ทางด้านวัฒนธรรม 5 สาขา ดังน้ ี 1. ภูมิปัญญาชาวบ้านด้านการเกษตร เช่น การทำการเกษตรแบบผสมผสาน การแก้ปัญหา การเกษตรด้านการตลาด การแก้ปัญหาด้านการผลิต (เช่น การแก้ไขโรคและแมลง) และรู้จักปรับใช้ เทคโนโลยี ฯลฯ
วิถชี ุมชน (สค03045) 2. ภูมิปัญญาชาวบ้านด้านส่ิงแวดล้อม เช่น การอนุรักษ์ป่าไม้ ต้นน้ำลำธาร การรักษาการ ถา่ ยทอดความรดู้ ง้ั เดมิ เพอ่ื การอนรุ กั ษ์ เชน่ การเคารพแมน่ ำ้ แผน่ ดนิ พชื พนั ธธ์ุ ญั ญาหาร และโบราณสถาน โบราณวัตถุ ฯลฯ 3. ภูมปิ ญั ญาชาวบ้านดา้ นการจดั การ สวัสดิการและธรุ กจิ ชมุ ชน ได้แก่ 3.1 กองทุนตา่ ง ๆ ในชมุ ชน เช่น สหบาลข้าว (ธนาคารขา้ ว) สหกรณ์ร้านคา้ กลมุ่ สัจจะออมทรพั ย์ ฯลฯ 3.2 กลุม่ แมบ่ า้ น กลุ่มเยาวชน ฯลฯ 4. ภมู ปิ ัญญาชาวบา้ นด้านการรักษาโรค และการป้องกนั เช่น หมอพื้นบา้ น หมอธรรม และผู้รอบรู้เรื่องสมนุ ไพร 5. ภูมิปัญญาชาวบ้านด้านการผลิตและการบริโภค เช่น การแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร ให้สามารถบริโภคได้โดยตรง ได้แก่ การใช้เคร่ืองสีมือ และครกตำข้าว การรู้จักประยุกต์เทคโนโลย ี สมัยใหมม่ าใช้แปรรูปผลผลิตเพือ่ ชะลอการนำเข้าตลาด ภมู ิปัญญาท้องถ่ินในภมู ภิ าคต่างๆ ของไทย 1. ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินของภาคเหนอื ตวั อย่างภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ของภาคเหนอื ทีส่ ำคญั มีดังน้ี 1.1 งานหัตถกรรม ได้แก่ งานแกะสลักไม้และภาชนะเคร่ืองเงินของจังหวัดเชียงใหม่ ผา้ ไหมยกดอก จังหวดั ลำพนู และผ้าตนี จกบา้ นนามน จงั หวดั แพร่ เป็นต้น 1.2 ภาษิตสอนใจ ที่เรียกว่า “ล้านนาภาษิต” สอนให้ผู้คนเคารพกฎระเบียบ ของสังคม เช่น ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักการแบ่งปัน ระมัดระวังคำพูดไม่ใช้คำพูดล่วงเกินผู้อ่ืน และเน้นการ สรา้ งความสัมพันธ์ทด่ี กี ับผู้คนในสังคม เป็นต้น 1.3 พืชผักพ้ืนบ้าน คนท้องถิ่นภาคเหนือรู้จักคุณค่าของพืชผักพื้นบ้านชนิดต่างๆ ทเ่ี กบ็ หาได้ตามชายปา่ มคี ณุ ประโยชนใ์ นด้านตา่ งๆ เชน่ ใช้เป็นอาหาร ยาสมุนไพร และทำสยี อ้ มผ้าฝ้าย พืชบางชนิดช่วยยึดตลิ่งริมน้ำไม่ให้ถูกกระแสน้ำกัดเซาะพังทลาย และลวดลายของใบพืชผักบางชนิด มีความสวยงามถึงกับนำมาทำลวดลายบนผ้าตนี จก หรอื ลายปูนปน้ั หน้าโบสถ์ เปน็ ต้น 1.4 การแพทย์พ้ืนบ้าน การรักษาคนไข้ของหมอพื้นบ้านล้านนา จะรักษาคนไข ้ ทั้งร่างกายและจิตใจ และรวมไปถึงญาติพ่ีน้องในครอบครัวด้วย เมื่อคนไข้เกิดความพึงพอใจต่อวิธี รกั ษาพยาบาลจะสง่ ผลดที างด้านจติ ใจ ทำให้ผ้ปู ว่ ยหายจากอาการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยอย่างรวดเรว็ 2. ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ของภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ตัวอย่างภูมปิ ญั ญาท้องถิ่นของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มดี ังนี้ 2.1 ผ้าพ้ืนเมือง โดยเฉพาะผ้าไหม มีช่ือเสียงในด้านลวดลายสวยงามและมีคุณภาพ เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ จังหวัดขอนแก่น ผ้าไหมแพรวา จังหวัดกาฬสินธุ์ และหมอนขวานผ้าขิด จังหวัด ยโสธร เป็นต้น
วถิ ชี ุมชน (สค03045) 2.2 ลำกลอน ผู้ทรี่ อ้ งลำกลอน เรยี กวา่ “ หมอลำ” เป็นผ้นู ำทางความคดิ ของผ้คู น ในท้องถิ่นโดยจะร้องลำกลอนที่มีเนื้อหาสะท้อนภาพความเป็นจริงของสังคม เช่น การกดข ่ี ของเจา้ หน้าที่ ความยากจนของราษฎร ฯลฯ หรอื สังคมท่ีดงี ามในอุดมคติ เชน่ ความเจริญของทอ้ งถิ่น และความอยดู่ กี ินดีของราษฎร เปน็ ตน้ 2.3 บทเพลงเจรยี งเบริญ เป็นการละเล่นทด่ี ัดแปลงมาจากการขับร้องแบบด้ังเดิมของ ชาวไทยเช้ือสายเขมรในแถบอีสานใต้ มีลักษณะเป็นเพลงร้องโต้ตอบ เน้นความไพเราะของภาษา ทำนอง และน้ำเสยี งทใี่ ช้ขับร้อง นยิ มนำมาแสดงในงานประเพณีและงานศพ ของชาวไทยเชอื้ สายเขมร โดยเฉพาะทีจ่ งั หวัดสุรนิ ทร ์ บทเพลงเจรียงเบรญิ แสดงถงึ ภมู ปิ ญั ญาของชาวอีสานใตเ้ ช้ือสายเขมรหลายประการ เช่น เนน้ ความสามัคคีในชุมชน การสืบทอดประเพณีดั้งเดิมของบรรพบุรุษและหน้าที่ของบุตรที่พึงปฏิบัติต่อ บดิ ามารดา ตลอดจนการผสมผสานความเชื่อระหว่างศาสนาพทุ ธ พราหมณ์ และภูตวิ ิญญาณ เป็นต้น 3. ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ของภาคกลาง ตวั อย่างภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ของภาคกลาง มดี งั น้ ี 3.1 การละเลน่ พืน้ บ้าน เปน็ การละเล่นของเด็กๆ จำแนกไดเ้ ป็น 3 ลกั ษณะ คอื ( 1 ) การละเล่นที่เน้นในคุณธรรม ความอดทน ความสามัคคีในหมู่คณะ ความรบั ผิดชอบและความซ่ือสตั ย์ เช่น ต่จี บั ขมี่ ้าส่งเมือง ชกั เย่อ ซ่อนหา หมากเก็บ ฯลฯ ( 2 ) การละเล่นท่ีฝึกการสังเกตและมีไหวพริบ เช่น กาฟักไข่ แข่งเรือคน เทวดานง่ั เมือง ฯลฯ ( 3 ) การละเล่นท่ีฝึกความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น การเล่นเตย แม่งู โพงพาง ฯลฯ 3.2 ประเพณกี ารรำพาข้าวสาร อำเภอเมือง จงั หวัดปทุมธานี เป็นการละเลน่ บทร้องท่ี ใช้คำและภาษางา่ ยๆ มคี วามไพเราะในเสยี งสมั ผัสของสระและอักษร สะท้อนถึงภมู ปิ ัญญาของคนทอ้ ง ถิ่นในดา้ นตา่ งๆ ได้แก่ ( 1 ) ความเชอื่ ในเรอ่ื งกศุ ลผลบุญตามหลกั คำสอนของพระพทุ ธศาสนา การ ทำบญุ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างวดั กับบ้าน ( 2 ) ความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจระหว่างผู้คนในท้องถ่ิน สภาพชีวิตของ ผูค้ นในสังคมชนบทและการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นต้น 3.3 ขนมไทย ภูมปิ ัญญาของคนไทยภาคกลางในการทำขนมมีมากมายหลายชนิด เชน่ ขนมที่ใช้ในงานมงคล หรือประเพณีทางศาสนา เช่น ขนมช้ัน ขนมถ้วยฟู ทองหยิบ ทองหยอด และ เมด็ ขนุน ฯลฯ
วถิ ีชมุ ชน (สค03045) 4. ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่นของภาคใต้ ตัวอยา่ งภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ของภาคใต้ มดี งั น้ ี 4.1 ผักพื้นบ้าน คนท้องถิ่นภาคใต้นิยมรับประทานผักเป็นอาหาร มีความรู้ในคุณค่า ทางโภชนาการและนำผักชนิดต่างๆ มาประกอบอาหาร เช่น สะตอ ลูกเนียง ขี้เหล็ก ชะพลู ผักหวาน หยวก ฯลฯ 4.2 พิธีกรรมรักษาโรค เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เน้นรักษาคนป่วยท่ีจิตใจ สะท้อน ความเช่ือวา่ สขุ ภาพจิตดียอ่ มทำให้สขุ ภาพกายของคนเราแข็งแรงควบคไู่ ปด้วย ดงั เช่น พิธีกรรมรักษาโรคของชาวไทยมุสลิมในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เรียกว่า “ ตือรี” หรือ “รายอมูดอ” จะเน้นการท่องคาถา การเซ่นไหว้ การเจริญสมาธิของหมอผู้ทำพิธี ( บอรอ ) และ การบรรเลงดนตรี โดยมีญาติผูป้ ่วยมาล้อมรอบคนปว่ ย ซ่งึ มีความหมาย 2 ประการ คือ ( 1 ) ผปู้ ว่ ยไดร้ บั ความเอาใจใสจ่ ากญาตพิ นี่ อ้ งจะทำใหเ้ กดิ กำลงั ใจและหายเรว็ ( 2 ) เสียงดนตรีมีพลังงานกล่อมเกลาจิตใจให้ผู้ป่วยเกิดความฮึกเหิม อดทน ตอ่ อาการเจ็บปวด 4.3 การใช้วัสดุในท้องถิ่นสร้างอาชีพสร้างรายได้ ดังตัวอย่าง ภูมิปัญญาของชาวบ้าน ในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งใช้ประโยชน์จากต้นจากทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ใช้ใบ จากมุงหลังคา ใช้วงจากทำนำ้ ตาล และใชล้ กู จากทำขนมหวาน เปน็ ต้น คุณค่าและความสำคัญของภมู ปิ ญั ญาไทย คุณค่าของภูมิปัญญาไทย ได้แก่ ประโยชน์และความสำคัญของภูมิปัญญา ที่บรรพบุรุษไทย ได้สร้างสรรค์และสืบทอดมาอย่างต่อเน่ืองจากอดีตสู่ปัจจุบัน ทำให้คนในชาติเกิดความรักและความ ภาคภูมิใจ ที่จะร่วมแรงร่วมใจสืบสานต่อไปในอนาคต เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ สถาปัตยกรรม ประเพณีไทย การมีน้ำใจ ศักยภาพในการประสานผลประโยชน์ เป็นต้น ภูมิปัญญาไทยจึงมีคุณค่าและ ความสำคญั ดังน้ ี 1. ภมู ิปญั ญาไทยช่วยสร้างชาติให้เปน็ ปกึ แผ่น พระมหากษัตริย์ไทยได้ใช้ภูมิปัญญาในการสร้างชาติ สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก ่ ประเทศชาติมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ทรงปกครองประชาชนด้วย พระเมตตาแบบพ่อปกครองลกู สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์ทรงใช้ภมู ปิ ัญญากระทำยทุ ธหตั ถี จนชนะข้าศึกศัตรู และทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยคืนมาได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน พระองค์ทรงใช้ภูมิปัญญาสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ และ เหลา่ พสกนิกรมากมายเหลือคณานบั 2. สร้างความภาคภูมิใจ และศักด์ศิ รเี กยี รติภูมแิ กค่ นไทย คนไทยในอดีตท่ีมีความสามารถปรากฏในประวัติศาสตร์มีมาก เป็นที่ยอมรับของ นานาอารยประเทศ เช่น นายขนมต้มเป็นนักมวยไทยท่ีมีฝีมือเก่งในการใช้อวัยวะทุกส่วน ทุกท่าของ แม่ไม้มวยไทย สามารถชกมวยไทยจนชนะพม่าไดถ้ ึงเก้าคนสิบคนในคราวเดียวกัน ดา้ นอาหาร อาหารไทยเปน็ อาหารทปี่ รงุ งา่ ย พชื ทใี่ ชป้ ระกอบอาหารสว่ นใหญเ่ ปน็ พชื สมุนไพร ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นและราคาถูก มีคุณค่าทางโภชนาการ และยังป้องกันโรคได้หลายโรค เพราะส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขิง ข่า กระชาย ใบมะกรูด ใบโหระพา ใบกะเพรา เปน็ ตน้
10 วถิ ีชุมชน (สค03045) 3. สามารถปรับประยกุ ต์หลักธรรมคำสอนทางศาสนาใช้กับวิถชี ีวิตได้อยา่ งเหมาะสม คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยนำหลักธรรมคำสอนของศาสนามาปรับใช้ ในวิถีชีวิตได้อย่างเหมาะสม ทำให้คนไทยเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน เอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ ประนีประนอม รักสงบ ใจเย็น มีความอดทน ให้อภัยแก่ผู้สำนึกผิด ดำรงวิถีชีวิตอย่างเรียบง่ายปกติสุข ทำให้คน ในชุมชนพ่ึงพากันได้ แม้จะอดอยากเพราะแห้งแล้ง แต่ไม่มีใครอดตาย เพราะพ่ึงพาอาศัยกัน แบ่งปัน กันแบบ “พริกบ้านเหนือเกลือบ้านใต้” เป็นต้น ท้ังหมดน้ีสืบเนื่องมาจากหลักธรรมคำสอนของ พระพุทธศาสนา เป็นการใช้ภูมิปัญญาในการนำเอาหลักของพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้กับ ชวี ิตประจำวนั 4. สรา้ งความสมดุลระหว่างคนในสงั คมและธรรมชาติได้อยา่ งย่ังยนื ภมู ิปญั ญาไทยมีความเดน่ ชัดในเร่ืองของการยอมรบั นับถือ และให้ความสำคญั แก ่ คน สังคมและธรรมชาตอิ ยา่ งย่ิง มีเครือ่ งชท้ี ีแ่ สดงให้เหน็ ไดอ้ ย่างชัดเจนมากมาย เชน่ ประเพณไี ทย 12 เดือนตลอดท้ังปี ล้วนเคารพคุณค่าของธรรมชาติ ได้แก่ ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีลอยกระทง เปน็ ตน้ 5. เปลี่ยนแปลงปรบั ปรงุ ไดต้ ามยคุ สมยั แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป ความรู้สมัยใหม่จะหล่ังไหลเข้ามามาก แต่ภูมิปัญญาไทย ก็สามารถปรับเปล่ียนให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่นการรู้จักนำเครื่องยนต์มาติดตั้งกับเรือ ใส่ใบพัดเป็น หางเสือ ทำให้เรือสามารถแล่นได้เร็วข้ึน เรียกว่า เรือหางยาว การรู้จักทำการเกษตรแบบผสมผสาน สามารถพลิกฟื้นคืนธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์แทนสภาพเดิมท่ีถูกทำลายไป การรู้จักออมเงิน สะสม ทุนให้สมาชิกกู้ยืม ปลดเปลื้องหนี้สิน และจัดสวัสดิการแก่สมาชิก จนชุมชนมีความม่ันคง เข้มแข็ง สามารถช่วยตนเองได้หลายร้อยหมู่บ้านทว่ั ประเทศ
วิถชี ุมชน (สค03045) 11 กจิ กรรมท้ายบทเรยี น ตอนท่ี 1 ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧✧ คำช้ีแจง จงตอบคำถามต่อไปนล้ี งในช่องว่าง 1. ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ หมายถงึ อะไร ตอบ………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 2. จงอธบิ ายลักษณะภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ท่ีเป็นรูปธรรมและทเ่ี ปน็ นามธรรม ตอบ………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3. จงยกตวั อย่างภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือมาอย่างนอ้ ย 5 ขอ้ ตอบ………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: