รายวิชา มนษุ ยกบั สังคม (ขอสอบกลาง) พระมหาโชตนิพิฐพนธ สทุ ธฺ จิตฺโต (ผลเจริญ), ผศ.
สมาชิกในกลุ่ม ๑ . พระธนบดี จารุธมโฺ ม / ใจกลา รหสั นิสติ ๖๔๐๙๕๐๑๐๔๑ หลักสูตรพระพุทธศาสตรบณั ฑิต ๒ . พระวราเมธ นิโรธเมธี / เกง กลางดอน รหัสนสิ ิต ๖๔๐๙๕๐๑๐๔๒ หลกั สูตรพระพุทธศาสตรบณั ฑติ ๓ . พระสงค ยโสธโร / เหลาศรี รหัสนิสติ ๖๔๐๙๕๐๑๐๔๖ หลกั สตู รพระพทุ ธศาสตรบณั ฑิต ๔ . พระสมพร กติ ตวิ ุฒโฑ / แกลวกลา รหสั นสิ ิต ๖๔๐๙๕๐๑๐๒๓ หลกั สตู รพระพุทธศาสตรบัณฑิต ๕ . พระสุขสนั ต สิริธมฺโม / จนั ทรงาม รหสั นิสิต ๖๔๐๙๕๐๑๐๑๓ หลักสูตรพระพุทธศาสตรบณั ฑิต ๖ . พระปญุ ญพัฒน ญาณธมฺโม / ทนิรัมย รหสั นสิ ิต ๖๔๐๙๕๐๑๐๒๒ หลักสตู รพระพุทธศาสตรบณั ฑติ ๗ . พระสมบตั ิ ญานสมฺปนฺโณ / สาพนั ธ รหัสนสิ ิต ๖๔๐๙๕๐๑๐๓๖หลกั สูตรพระพทุ ธศาสตรบัณฑติ ๘ . พระสุพรม จิตตฺ ปฺโญ / สุทธิสา รหัสนิสติ ๖๔๐๙๕๐๑๐๐๘หลักสตู รพระพทุ ธศาสตรบณั ฑิต ๙ . พระสมศกั ดิ์ เตชปฺโญ / ละคร รหัสนิสติ ๖๔๐๙๕๐๑๐๓๘หลกั สตู รพระพทุ ธศาสตรบัณฑิต ๑๐.พระอดศิ ร อุตตฺ โร/ผลเจรญิ รหสั นิสติ ๖๔๐๙๕๐๑๐๒๘หลกั สูตรพระพทุ ธศาสตรบณั ฑิต 2
บทที่ ๘ แนวทางการแกไ ขปญ หาความขัดแยง ในสงั คมไทยแบบสันติวิธี ขอบขายเนือ้ หา วัตถปุ ระสงคการเรียนประจําบท • ความหมาย ความสําคญั และลักษณะของสนั ตวิ ธิ ี • แนวคิดสําคัญท่นี าํ มาใชแกปญหาความขัดแยง แบบ ๑. อธิบายความหมาย ความสาํ คัญของสันติวิธีได สนั ติวิธี ๒. อธบิ ายลักษณะของสันตวิ ธิ ีได -แนวคิดอหงิ สาของมหาตมะ คานธี ๓. อธิบายแนวคิดสันตวิ ธิ ขี องบคุ คลสําคัญได -แนวคิดของพทุ ธทาสภิกขุ ๔. นาํ แนวคิดเกยี่ วกบั สนั ติวิธีไปประยกุ ตใ นการแกไ ขปญหาสงั คมไทยได -แนวคดิ ของพระธรรมปฎ ก (ป.อ.ปยตุ โต) • แนวทางแกไขปญหาความขัดแยง ในสังคมไทยแบบ สันตวิ ิธี • กรณีศกึ ษาการแกป ญหาสงั คมไทยแบบสันตวิ ิธี
๘.๑ ความนํา ๘.๒ ความหมาย ความสาํ คัญ และลักษณะ ๘.๔ แนวทางการแกไขปญหาความ ของสนั ติวิธี ขัดแยงในสงั คมไทยแบบสนั ติวิธี ๘.๓ แนวคิดสาํ คญั ที่นาํ มาใชแกปญ หา ๘.๕ กรณีศึกษาการแกปญ หาความ ความขัดแยงแบบสันติวิธี ขดั แยงในสงั คมไทยแบบสนั ตวิ ิธี
๘.๑ความนาํ สังคมไทยในปจจุบันกําลังเผชิญวิกฤตการณท่ีรุนแรงและแกไขไดยาก เปนวิกฤตการณแหง การทําลาย ตนเอง คือ การทําลายส่ิงแวดลอ ม การทาํ ลายชมุ ชน ทาํ ลายวฒั นธรรม สงั คมชนบท อันเปน วิถชี วี ิตและจิตวญิ ญาณ ลมสลาย วิกฤตดังกลาวสงผลใหเกิดปญหาสังคมขึ้น นั่นเปนเพราะวา สังคมไทยกําลังอยูในชวงการเปลี่ยนแปลง หลายอยางท้ังดาน การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ รวมท้ังพฤติกรรมของคน ในการเปลี่ยนแปลงอาจมีท้ังผูที่เห็น ดวย และไมเห็นดวย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจําเปนตองมีการปรับตัว ปรับเปล่ียนทัศนคติจากหลายฝาย เชน ประชาชน รฐั หนว ยงานราชการ ในอตั ราไมเ ทากนั ทําใหเ กดิ ความขัดแยง ระหวา งรัฐ เอกชน ทอ งถ่ิน และประชาชน ในบทนี้ผูเขียนจึงยกแนวทางการแกไขปญหาความขัดแยงในสังคมไทยแบบสันติวิธีมาให ศึกษา โดยศึกษาเกี่ยวกับหลักการของสันติวิธี แนวคิดที่เกี่ยวกับสันติวิธีของบุคคลท่ีสําคัญ เชน แนวคิด ของมหาตมะ คานธี แนวคิดของพุทธทาสภิกขุ และแนวคิดของพระธรรมปฎก ซึ่ง สามารถ นาํ เอาแนวคิดดงั กลาวไปประยุกตใชในการแกไ ขปญหาตอไป
๘.๒ความหมาย ความสําคญั และลักษณะของสนั ติวิธี ๘.๒.๑ ความหมายของสนั ติวิธี สันติวิธี มาจากภาษาอังกฤษวา “Non-violence” แตในขณะเดียวกันนักวิชาการบางทานช้ีให เห็นวา “สันติวิธี” นาจะมีความหมายท่ีมุงไปที่ “วิธีการหรือเคร่ืองมือในการ จัดการกับความขัดแยง ที่เกิดขึ้นดวย สันติวิธีเปนความ พยายามหนงึ่ ในการตอตานสงครามและความรนุ แรง มารค ตามไท กลาววา สนั ติวธิ ี หมายถึง วิธที ี่กลมุ บคุ คลหรือมวลชนใชตอสเู พือ่ ใหไดใ นสง่ิ ทต่ี นปรารถนา เชน การจดั ชมุ นมุ การหยุดงานประทว ง หรือการดือ้ แพง เปนตน” สรุปไดวาสนั ตวิ ธิ ี หมายถึง กระบวนการ รุงธรรม ศุจิธรรมรักษ ใหความหมายของ สันติวิธี แกไ ขปญ หาของมนุษยโดยกระบวนการดงั กลา ว จะ ไวคือ วิธีการท่ีไมใชความรุนแรง หรือวิธีการ ปฏิบัติที่ไม ไมใชค วามรุนแรง ซ่งึ จะสงผลใหส ังคมเกดิ ความ รนุ แรงในการแกป ญ หาหรอื การดําเนนิ ชีวติ สงบสุข
๘.๒.๒ ลกั ษณะของสนั ติวิธี ๑. สันติวธิ ีไมใชวธิ ีการเฉ่อื ยชาหรอื ยอมจํานนแตเ ปน วธิ กี ารท่ี มกี ารแขงขันหรือตอ งใช ความคิดสรา งสรรค ศาสตราจารยน ายแพทยว ันชัย วัฒนศพั ทไ ด ๒. สนั ตวิ ธิ ีไมใ ชกลยทุ ธท ีน่ าํ มาใชช ว่ั คราว แตเ ปน กลยุทธท่ี จาํ แนกลักษณะสันตวิ ธิ ี ๒ ลกั ษณะ คอื จะตองใชอ ยา งถาวร ๑. สนั ตวิ ธิ ใี นการตอสหู รือเรียกรอ ง แนวทางในการ ๓. จะตองยดึ วิธีการน้อี ยางจรงิ จัง เพราะสันตวิ ิธไี มใชแคเปน หนทางและวิธกี ารเทานนั้ แตย ังสง ผลถึงความสาํ เรจ็ ดวย ตอ สูน ้เี ปนแนวทางที่ถูกนาํ มาใช เม่อื เกดิ ความไม พอใจหรือมีความเหน็ ไมสอดคลองกบั ผทู ีม่ ีอาํ นาจ ในขณะท่พี ระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ไดกลา วถึงลกั ษณะของสันติวธิ ี ดงั นี้ ๒. สันตวิ ธิ ีในการแกป ญ หาความขัดแยง สาํ หรบั ๑. สนั ตวิ ธิ ี คอื การไมใชกาํ ลัง หรืออาํ นาจ ในกระแสของการจดั การความ แนวทางน้ี เปนแนวทางที่ใชในการแกปญ หาหลกั จากท่ีความขัดแยง หรือขอ พพิ าทเกิดขึ้นแลว ขัดแยง ในประวตั ศิ าสตรข องมนษุ ยน้ัน เรามักจะใช “อาํ นาจ” เขาไป จดั การ ๒. สนั ตวิ ิธี คือ การเชอ่ื ฟง การใหคํานิยามของสันติวธิ ใี นลักษณะน้ี มกั จะ เกดิ จากบุคคล หรือกลุมบุคคลทมี่ ี “อํานาจมากกวา ๓. สนั ติวธิ ี คอื การไมก อความวนุ วาย สวนใหญก ลมุ บุคคลท่มี ักจะนิยาม สันติวิธีใน ลักษณะนี้ คอื “รฐั ๔. สันติวธิ ี คอื การทําตามกฎหมาย กลมุ คนท่มี องสันติวิธีในหมายน้ี สวน ใหญมกั จะเปน “รฐั ” เชนเดยี วกัน
๘.๒.๓ ความสําคัญของสนั ติวิธี ๑. สันติวธิ เี ปนวิธีที่ถูกตอ งตามหลกั ศลี ธรรม ๕. สันติวิธเี ปนวิธีเดยี วที่สนบั สนนุ การคดิ และการ ปฏบิ ัตกิ ารในการจัดการความขัดแยง ๒. การจดั การความขัดแยงแบบสนั ติวิธี ๖. สันตวิ ธิ ีเปน วธิ กี ารทนี่ าจะมีการสูญเสียนอ ย ๓. สันติวธิ ีเปน วิธเี ดยี วท่สี นับสนุน ทส่ี ุด ประชาธิปไตย ๗. ในขณะท่สี งั คมมีความสลบั ซบั ซอน เม่ือเกดิ ๔. สนั ติวิธเี ปนวธิ สี นบั สนุนกระบวนการสรา ง ความขัดแยง ขนึ้ มามกั จะมแี นวโนมไปสูความ การมสี ว นรวมของประชาชนในทกุ ๆ กลมุ รนุ แรง ๘. สนั ตวิ ิธเี ปน วธิ ีท่ีสนับสนนุ หลกั การสทิ ธิ ๙. สนั ติวิธเี ปนวธิ ีที่สนบั สนนุ แนวคดิ เรอื่ ง มนุษยชน “ความยุตธิ รรม”
๘.๓ แนวคิดสําคัญทีน่ ํามาใชแกปญหาความขดั แยง แบบสนั ติวิธี ๘.๓.๑ แนวคิดอหิงสาของมหาตมะ คานธี ผลงานสําคญั ของมหาตมะ คานธี ท่ีไดร บั การ ยกยอ งมาก คือ การทที่ า นไดต อ สกู ับความ อยุตธิ รรมใน สงั คมท้งั ในแอฟริกาและอินเดียซง่ึ อยูภายใตการปกครอง ขององั กฤษในขณะนน้ั มหาตมะ คานธี เปน ชาวอินเดยี ที่มชี วี ิตอยู ภายใตป ญหาความรนุ แรงทางสังคม และ ในชวง ค.ศ. ๑๘๖๙-๑๙๗๘ ทานไดรับการยกยอง การเมืองระดบั ตางๆ ทมี่ หาตมะ คานธี ไดเผชิญ ทานได ใหอ ยใู นฐานะบิดาของชาติ และชาวโลกตางยกยอ ง ใครค รวญและคดิ หาทางแกป ญ หา ซ่งึ ในท่สี ดุ ทานพบวา ทา นใหอ ยใู นฐานะของมหาบรุ ุษผูประกาศแหง สนั ติ อหิงสาหรอื วิธีการที่ไมใชค วามรนุ แรง เปน สิง่ ทดี่ ีทส่ี ดุ วิธีทั้งทางภาคทฤษฎแี ละภาคปฏิบัติ ซ่งึ ทานไดอ ุทิศ เวลาท้งั ชีวติ เพือ่ อดุ มการณน้ี รากฐานความคดิ แบบอหิงสาของคานธี ความคิด แบบอหิงสาของคานธเี กยี่ วขอ งกับความคดิ พน้ื ฐานของ ทา น ซึ่งรอ ยประสานกบั แนวความคิดหลกั ๓ ประการ คอื สัตยะ (Sataya) อหงิ สา (Ahimsa) และสตั ยาเคราะห
“อหงิ สา\" นัน้ คานธถี ือวาเปนคณุ ธรรมอกี ประการหนึ่ง ในตัวทา นนอกจากสจั จะความหมาย ของอหิงสานน้ั ทานอธิบาย ควบคูไ ปกับคาํ วา “หงิ สา” หงิ สาหรอื “หิงสกรรม” คือ การ ทรมานและไมหลูเกียรติเพือ่ นมนษุ ยดว ยกนั รวมท้งั การเบียดเบียน ทรมานสตั วดว ยพฤติกรรมของ “หิงสกรรม” สําหรับคาํ วา “อหิงสา” นั้นเมือ่ เขา ใจคาํ วา “หิงสก รรม” แลวอหงิ สาหรือการไมใชค วามรนุ แรง จะมคี วามหมายกวาง กวา การไมฆ า สัตวต ัดชวี ิตอยา งเดยี วตามที่เขาใจกัน สวน “สตั ยาเคราะห” หมายถงึ “พลงั แหงสัจจะ\" ถอื เปนอาวุธสนั ติสําหรบั การตอสูท ไ่ี มใช ความรุนแรงโดยผตู อ สตู อ ง ถือหลกั ของสจั จะและอหิงสา
๑. ผู้ปฏบิ ัตสิ ัตยาเคราะหจ์ ะตอ้ งไม่ เกลยี ดชังฝ่ ายตรงข้าม ๔. การสวดภาวนาเป็ นปัจจัยทสี่ ูงส่ง ความสาํ เร็จของ ๒. ประเดน็ ในการตอ่ สู้จะตอ้ งเป็ น สาํ หรับสัตยาเคราะห์ เพราะศรัทธา สัตยาเคราะห์ เรื่องทมี่ เี นือ้ หาจริงจงั เป็ นเรื่อง ในพระผู้เป็ นเจา้ เป็ นส่ิงทจ่ี าํ เป็ น ถูกตอ้ งตามทาํ นองคลองธรรม ๓. ผู้ปฏบิ ตั สิ ัตยาเคราะหต์ ้องพร้อมทจ่ี ะ ยอมทนทกุ ขท์ รมานจนถงึ ทสี่ ุด
๘.๓.๒ แนวคิดของพุทธทาสภิกขุ สันตภิ าพนั้น มาจากคาํ ว่า “สันต”ิ กับ\"ภาวะ” คาํ ว่า “สันต”ิ หมายถงึ ความสงบ ส่วน “ภาวะ” หมายถงึ ปรากฏการณท์ เี่ ป็ นอยู่ ฉะนั้น สันตภิ าวะจงึ หมายถงึ ภาวะ แหง่ ความสงบ เมื่อกล่าวถงึ นัย โดยอรรถะแล้ว สันตภิ าพ ของทา่ นพุทธทาสจงึ มนี ัยทบี่ ่งถงึ การทที่ ุกสิ่งทกุ อยา่ ง หรือ ทุกคนอยู่ ร่วมกันอย่างสงบสุข
ทานพุทธทาสภกิ ขยุ ังไดกลา วอีกวา สันติภาพจะเกดิ ขึ้นไมได เนอื่ งจากมีเหตุปจ จัยดงั ตอ ไปน้ี ๑. การทบี่ ุคคลแตละคนตกอยูในหว งเหวของกเิ ลส ๒.การศึกษา ทานมองวาการศกึ ษาของโลกทว่ั โลก ตัณหา เมือ่ สภาพจติ ของบุคคลขาด สันตภิ าพก็ทําให นนั้ ยงั เปน ประดจุ การศกึ ษาหมาหางดว น สาเหตทุ ี่ สังคมขาดสันตภิ าพไปดว ยทานมองวาปจจัยสําคัญที่ เปนเชนนก้ี ็เพราะวาการศกึ ษาเลาเรยี นในยุคปจ จบุ นั ทาํ ใหเปน เชนนั้นกเ็ พราะวตั ถุ มีความกา วหนา มาก น้ีมักจะมุงเนนหนังสือกับวิชาชพี ยิ่งขน้ึ
๘.๓.๓ แนวคิดของพระพรหมคุณาภรณ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต) พระพรหมคุณาภรณ หรอื เดมิ เปน พระธรรม สว นแนวคดิ ท่ีวา “สันติวธิ ีเปนวิถที างในการดําเนินชวี ิต\" ปฎ ก มีทศั นะทคี่ รอบคลุมสันตวิ ธิ ีวา เกี่ยวของกบั การทาํ นน้ั ทานมงุ เนนใหมนษุ ยอยรู ว มกัน กบั สรรพสงิ่ อยา ง ใหทกุ คนเขา ถงึ หวั ใจแหงศาสนาของตนๆ และทาํ ความ ปกตสิ ขุ ไมเบยี ดเบยี น และทาํ ลายลา งซึ่งกนั และกัน ซง่ึ เขา ใจระหวา งศาสนา เพราะการที่ ชาวโลกทน่ี บั ถอื แนวคดิ นส้ี อดคลองกบั หลกั การของพระพุทธศาสนาท่วี า ศาสนาทแ่ี ตกตา งกนั พากันทาํ ความเขาใจศาสนาตางๆ “สรรพสง่ิ ลว นมคี วามสมั พันธซ่งึ กันและกนั ” แลว จะทําใหเ กดิ ความ เขาใจ ยอมรบั ในความแตกตา ง และรวมมอื กนั ในทส่ี ดุ
๘.๔ แนวทางการแกไ ขปญ หาความขัดแยงในสังคมไทยแบบสนั ติวธิ ี สงั คมไทยกําลังอยูใ นชว งการเปล่ยี นแปลงหลายอยา ง ท้ังในดา น การเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ และรวมทงั้ พฤตกิ รรมของคน ในการ เปลยี่ นแปลงจึงเปน ธรรมดาท่ีตอ งมีความขัดแยง ตา งๆ มากกวา ปกติ เน่ืองจาก มกี ารปรบั ตัว รวมทั้งการปรบั เปล่ยี นทัศนคติจากหลายฝาย เชน ประชาชน รัฐ หนว ยงานราชการในอัตราไมเ ทา กัน ทําใหเกิดความขัดแยง ระหวา งรฐั เอกชน ทองถิน่ และประชาชนข้ึน
การใชสนั ตวิ ธิ ใี นการแกป ญ หาสงั คม รัฐตองมีจุดยืน หรือทศิ ทางของสงั คมหรือของรฐั รัฐตองทาํ หนา ทดี่ แู ลความสงบสุข ความเปน ระเบียบ เรยี บรอ ยในสงั คมโดยอาศัยสนั ติวิธเี ปนหลกั รฐั ตองปกปองคมุ ครองประชาชนในสงั คมทุก หมูเ หลา
ประเทศไทยจะดําเนนิ การแกไ ขปญหาความขัดแยง โดยสันติวธิ ี ตอ งอาศัยปจจยั และเงอ่ื นไขดงั นี้ ๑. วธิ คี ิด หมายถงึ ความเขา ใจท่มี ตี อ ตวั ๓. วิธีการในการจัดการความขดั แยง ซึ่งในการ สนั ตวิ ิธี และการมองสถานการณค วาม จัดการความขดั แยง นัน้ ปญหาสําคัญอาจ จะไมไ ด ขดั แยง ท่เี กิดขน้ึ ในบรบิ ทตา งๆ เกดิ จากตวั สันตวิ ิธีทข่ี าดประสทิ ธภิ าพ แตป ญหาสวน ใหญท ี่มกั ปรากฏในสังคมคือ “นกั สนั ติ วธิ ี ๒. วธิ แี สดงออกตอกันและกนั ใน สถานการณค วามขัดแยงทนี่ าํ ไปสคู วาม รุนแรงในมุมตางๆ
๘.๕ กรณีศึกษาการแกป ญ หาความขัดแยง ในสังคมไทยแบบสนั ติวิธี ๘.๕.๑ การจดั การความขดั แยง้ เรอ่ื งนา้ํ ๘.๕.๒ สนั ติวธิ ีดบั ไฟใต้ ๘.๕.๓ สมานฉนั ท์
๘.๕.๑ การจดั การความขัดแยง เรือ่ งน้ํา วิกฤตการณน้ํากบั ความมน่ั คงทางสิง่ แวดลอ ม ปญหาการขาดแคลนนํ้านับวา มี ผลตอความ ยั่งยนื ของระบบนเิ วศ เม่อื เกษตรกรขาดนา้ํ ขาดรายได กจ็ ะบกุ รกุ แผว ถางปา ไมเ พอื่ ขยายพื้นทท่ี าํ กิน หรอื แสวงหาผลผลิตจากปา ไมและสัตวปา เพิม่ เตมิ เพอ่ื ความอยู รอดเหลานี้ลว นเปน การทาํ ลายระบบ นิเวศ นอกจากนี้น้ําเสยี ยังเปนอกี ปญหาหนง่ึ นํา้ เสยี อาจเกดิ จากธรรมชาติดว ยการถา ยมูลของสตั ว ท่ีถูกชะลงสูท างนา้ํ หรอื เกิดจากการกระทํา ของมนษุ ย
ปจ จยั ทีน่ ําไปสู ความขัดแยง เรือ่ งนํา้ เชน รวมท้ังนโยบายของ การเจรญิ เตบิ โตของ ประเทศในการ ภาคเศรษฐกจิ สงเสริมการผลิต ภาคอุตสาหกรรม การเพมิ่ จํานวน ของประชากร อยางรวดเร็ว
กรณีความขัดแยง้ ที่ กรณี ความขัดแย้งในการ ปัญหา การจดั สรรนํ้า เกิดจากการก่อ จดั สรรนํา้ ระหว่าง ระหวา่ งนิคม มลพษิ ทางนํ้า ผู้ประกอบการสวนส้มกับ อุตสาหกรรมกับภาค เกษตรกรรายยอ่ ยใน เกษตรกรรมและชุมชน ภาคเหนือ ในพนื้ ทภี่ าคตะวันออก กรณีความขัดแย้งท่ี เกดิ จากการจดั สรรนา้ํ เช่น ปัญหา การผันนํา้ ขา้ มลุ่มนํ้า ระหว่างพนื้ ทล่ี ุ่มนา้ํ แม่กลอง- เจา้ พระยา
วิธีการแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้งทเ่ี กดิ ขึน้ หน่วยงานภาครัฐทกุ ส่วนจะตอ้ งสร้าง ความ เชื่อม่ันใหก้ บั ประชาชนรับทราบถงึ ความ จริงใจของหน่วยงานภาครัฐ การมคี วามเข้าใจ ร่วมกัน จะป้องกันและลดระดบั ความขัดแย้งไดร้ ะดบั หนึ่งระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับประชาชน
แนวคดิ ในการพฒั นา ภาครัฐ เข้าไปเจรจากบั ประชาชน ในพนื้ ทที่ ค่ี าดว่าจะเกดิ ปัญหา ความขัดแยง้ ในการ ใช้นาํ้ ล่วงหน้า รัฐต้องกาํ หนดพนื้ ทที่ คี่ าดว่าจะเกดิ ปัญหาความขัดแยง้ เร่ืองนา้ํ ขนึ้
แนวทางการจดั การและป้องกันปัญหา ร่วมกันหน่วยงานภาครัฐต้องร่วมมอื กับ แก้ไขปัญหาเรื่องนาํ้ ร่วมกัน โดยดาํ เนินการ ภาคเอกชน และประชาชนในพนื้ ทที่ ขี่ าดนาํ้ เจรจาเร่ิมตัง้ แต่การเตรียมการเผชญิ ปัญหา ทคี่ าดว่าจะเกดิ ขนึ้ หน่วยงานภาครัฐทัง้ ในระดบั จังหวัด อาํ เภอ หน่วยงานภาครัฐตอ้ งพยายามดาํ เนินการ ตาํ บล ตอ้ งเข้าไปพูดคุยกับชาวบา้ น ปฏบิ ัตอิ ยา่ งจริงจัง เพอ่ื ใหป้ ระชาชนมี ความเชอื่ ม่ัน
๘.๕.๒ สนั ติวิธีดบั ไฟใต การดับไฟใตดว ยสันติวิธี หมายถึง การสลายแนวรว มของผกู อ ความไมส งบ และดียิ่งกวา นน้ั ก็คือดึงประชาชนเหลา นั้นมาเปนแนว รว มของรฐั แทน จะทาํ เชน นนั้ ไดการทาํ งานกับมวลชนเปน สิง่ สําคญั เจาหนา ทีร่ ฐั จะตอ งไดรบั การฝกฝนใหพูดภาษามลายูทองถิน่ เขา ใจ พื้นฐานของศาสนาอิสลาม และธรรมเนียมปฏิบตั ิของประชาชน สามารถดึงประชาชนเขามามีสวนรว มกบั รฐั ได
พระไพศาล วสิ าโล ๑. การสรา งเงอื่ นไขทางการเมือง เศรษฐกจิ กลา่ วถงึ สนั ตวิ ธิ ี และวัฒนธรรมทเี่ อือ้ ตอการอยูรว มกนั อยา ง อยา่ งรปู ธรรม สันติ ๒. เสนออุดมการณท์ เี่ ป็ นทางเลือกใหม่ในทาง สันตกิ ารดับไฟใต้ใหไ้ ด้ผลนั้นต้องครอบคลุม ไปถงึ การต่อสู้ทางด้านอุดมการณ์ ๓. สลายแนวรว มของผูก อความไมส งบ ผกู อ ความ ไมสงบยงั ลอยนวลอยูไดอยา งเปน ขบวนการ
๘.๕.๓ สมานฉนั ท คาํ วา “สมานฉันท” เปน คาํ ใหมท ี่มีนยั ทางการเมืองเนือ่ งจาก อดีตนายกรฐั มนตรีทา นหนึง่ เหน็ วา ปญ หาความขัดแยง ในสังคมไทย โดยเฉพาะปญหาภาคใตยอมแกไดดว ยการทีค่ นไทยมี สมานฉนั ท ความจริงในสมัยโบราณไมไ ดใชคาํ นี้ แตใชค ําวา “ปรองดอง” ซึง่ ก็ หมายความวา ใหห นั หนา เขาหากนั หรือผกู สมั พันธก ันความ สมานฉนั ทเ ปน รากฐานของความสงบสขุ ในสังคม
“อะไรคอื เหตุผลทีท่ าํ ใหค นในสงั คมหนงึ่ ตอง ถามหาสมานฉันทก นั ” ประการแรก เกย่ี วขอ งกบั สังคมไทย ประการท่สี อง อะไรเปนเหตขุ องการ รวมสมัยและทา ทายตรรกศาสตรอยางมาก ขาดสมานฉนั ท ในความเปนจริงนัน้ ในสังคม เพราะวา มกี ารเรียกรอ งใหส มานฉันทโ ดยไม ประกอบ ดวยบคุ คลหลายกลุม คนแตล ะกลมุ คํานงึ ถึงรากเหงาของปญ หา อาจมวี ธิ คี ดิ และวิธีการแสดงความคิดออกมา ตางกัน
“การทีค่ นเราคิดเหน็ แตกตางกนั ในประเด็นตา งๆ ถอื เปนของดี เพราะ ทําใหมที างเลือกมากข้ึน และทําใหป ญ ญางอกงามจากการถกเถียง แมวาใน สงั คมจะมีคนหลายกลมุ หลายพวก แตม นุษยเรา มสี ามญั สํานกึ เหตุผลและ มโนทศั นเก่ยี วกับสง่ิ ที่ถกู สงิ่ ทด่ี ีตอสงั คมโดยสวนรวม จึงไมมีเหตุผลทจ่ี ะทาํ ให สงั คมตองราวฉาน และเหตแุ ฝงความรา วฉานในสงั คม เทาทีผ่ านมาใน ประวัตศิ าสตรความราวฉาน กไ็ มเ คยมาจากไพรห รอื สามัญชน หากมาจาก ผปู กครองทปี่ ราศจากความชอบธรรม ความยตุ ิธรรม และขันตธิ รรม หรอื เปน ผูป กครองท่ไี มย ึดถอื ธรรมาธปิ ไตย”
สรุปทา ยบท *สันตวิ ิธี หมายถึง กระบวนการแกไขปญ หาของมนษุ ยโดยกระบวนการ ดังกลาวจะไมใชค วามรุนแรง ซึง่ จะสง ผลใหส งั คมเกดิ ความสงบสขุ ลกั ษณะสาํ คัญ ของสันตวิ ธิ ีและวธิ ีการของสันตวิ ธิ ีที่นาสนใจ คือ สันติวธิ ีไมใชวิธีการเฉ่ือยชาหรอื ยอมจาํ นน แตเ ปน วธิ กี ารท่มี กี ารแขง ขนั หรือตองใชความคดิ สรา งสรรค สนั ตวิ ธิ ี ไมใชกลยุทธท ี่นํามาใชช ่ัวคราว แตเปนกลยุทธท จี่ ะตอ งใชอ ยางถาวร โดยจะตอง ยดึ วิธีการนีอ้ ยางจริงจงั
**พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ไดก ลา วถึงลกั ษณะของ สนั ตวิ ิธี ดงั น้ี สนั ตวิ ธิ ี คอื การไมใ ชก ําลัง หรืออํานาจ สันติวิธี คอื การเช่ือฟง สนั ติ วิธี คือ การไมกอ ความวุน วาย และสันตวิ ธิ ี คอื การทําตามกฎหมาย ***แนวคิดสันติวิธีของมหาตมะ คานธี มองวามนุษยทุกคนควร ท่ีจะมีหลักยึดใหกับตวั เอง ซึ่งหลกั ดงั กลาวกค็ อื “สจั จะ” มนุษยควรท่ีจะ ใชหลักอหิงสาเปน เครื่องมือในการเขาถงึ ความจริงการตอ สใู น มติ ิตา งๆ ของคานธจี งึ ใชหลกั แหง อหิงสา ****แนวคดิ ทา นพทุ ธทาสภกิ ขุ เห็นวา สันติภาพมีความจาํ เปน สําหรับทุกชวี ติ ไมวา สวนบุคคลหรอื ท้ังหมดในโลกลวนมีความตอ งการ สนั ติภาพ ซึ่งสนั ตวิ ิธีมที ้งั ในระดบั โลกยี ะและในเชงิ โลกตุ ระ
*****แนวคดิ พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยตุ โต) กลาววา “ความ ขดั แยงและสงครามเปนเรือ่ งปกติของ มนษุ ย” ท่ีเกิดขึ้นมาอยา ง ยาวนานคกู ับการถอื กําเนดิ ของมนุษย สาเหตทุ ีเ่ ปน เชน นกี้ ็เพราะมนุษย มีตณั หา มานะ ทิฐิอยใู นจิตของตัวเอง ******สําหรบั ประเทศไทยการแกปญ หาความขดั แยงนน้ั แนวทางทเ่ี หมาะสมท่สี ุดจะเปน การเจรจา ไกลเ กลยี่ และการเจรจาไกล เกล่ยี คนกลาง เพราะผลลพั ธที่นา จะเปนไปในลกั ษณะทท่ี ้ังสองฝา ยตา ง ชนะ (Win-Win) แตประเทศไทยจะดําเนนิ การแกไ ขปญ หาความขดั แยง โดยสันตวิ ิธไี ดส าํ เร็จได จาํ เปน ตอ งอาศยั ปจ จยั และเง่อื นไขดังนี้ วธิ ีคิด วิธแี สดงออกตอ กนั และกนั และวธิ ีการในการจัดการความขัดแยง แต จุดออนท่ีสาํ คญั ประการหน่ึงของการนาํ สันตวิ ธิ มี าใช คอื การปฏิบตั ทิ ีไ่ ม สมํา่ เสมอ ซ่ึงสวนใหญจะเลิกใชวิธีการสนั ติในระหวางดาํ เนนิ การ
ขอที่ ๑ สนั ติ ตามความหมายขอใดกลา วไดถ ูกท่ีสดุ ? ก. ความเปนกันเอง ข. ความความมีน้ําใจ ค. ชอบอยูค นเดียว ง. ความสงบเรียบรอยฯ
ขอ ที่ ๒ สนั ตวิ ธิ ีเปนวธิ ีท่ถี ูกตองตามหลกั ศลี ธรรม ความหมายท่แี ทจริงของสนั ติวิธนี ้นั คอื อะไร ? ก.การรับผดิ ชอบ ข.บนฐานของศลี ธรรม ค.ทาํ ผิดศีล ง.สรา งบารมี ขอ ท่ี ๓ สันตวิ ิธี มีความหมายตรงกับขอ ใด ? ข. No from frame ก. Non violemce ง. clean ฯ ค. usully
ขอที่ ๔ สันตวิ ิธี เปน การสนบั สนนุ หลกั การสทิ ธิมนษุ ยช น เนื่องจากการของสทิ ธมิ นษุ ยชน คอื อะไร ? ก.ศักด์ศิ รีของความเปน มนุษย สทิ ธิเสรภี าพ ข.ความยตุ ธิ รรม ค.ทางเศรษฐกจิ ง.ทางสังคม ขอ ท่ี ๕ ‘ผูทตี่ อสเู พอื่ ใหไดม าซ่งึ ความตอ งการบางอยาง’ เปนคําใหค วามหมายสนั ติวธิ ี ของทา นผูใด? ก. มหาตมะ คานธี ข. พระธรรมปฎก (ป.อ.ปยตุ โต ) ค. มารค ตามไท ง. รงุ ธรรม ศจุ ธิ รรมลักษณ
ขอ ที่ ๖ วธิ ีการใดเปน ลกั ษณะสาํ คัญของสนั ตวิ ธิ ี ? ก. วิธกี ารเฉือ่ ยชา ข. วิธยี อมจาํ นน ค. วิธที ที่ กี ารแขง ขัน ง. วธิ กี ลยทุ ธช ว่ั คราว ขอ ท่ี ๗ ในคํากลา วของพระมหาหรรษา ธมมฺ หาโส ประวตั ศิ าสนของมนษุ ย มกั ใชอะไรในการ ทําสันติวิธี ? ก. อํานาจ ข. สงคราม ค. การเจรจา ง. ความรนุ แรง
ขอ ท่ี ๘ สนั ติวธิ ี คอื การไมก อความวนุ วาย สวนใหญก ลมุ บคุ คลทมี่ ักจะนิยามสันติวธิ ีในลกั ษณะนคี้ อื กลุมใด ? ก. สอ่ื มวลชน ข. ประชาชน ค. รฐั หรือกลมุ ทไ่ี ดผ ลประโยชน ง. ทหาร ขอ ที่ ๙ ผลงานสําคญั ของมหาตมะ คานธี ที่ไดร บั การยกยอ งท่สี ุดคือ ก.การตอ สคู วามยุตธิ รรมในสังคมอฟั ริกาและอนิ เดีย ข.การตอสคู วามยตุ ิธรรมในสงั คมเนปาลและอินเดีย ค.การตอ สูความยตุ ธิ รรมในสงั คมศรลี งั กาและอินเดยี ง.การตอสคู วามยตุ ธิ รรมในสงั คมอฟั รกิ าสถานและอินเดยี
ขอ ที่ ๑๐ สนั ตวิ ธิ ีที่ด้อื เพง ตอ กฎหมาย ประเด็นปญ หานีเ้ กดิ จากใคร ? ก. ประชาชนบางกลมุ เหน็ วา กลมุ ตนไมได การปฏบิ ตั อิ ยา งเทา เทยี ม ข. หนว ยงานรัฐ ค. ทหาร ง. สือ่ มวลชน
ขอ ที่ ๑๑ แนวคดิ ทว่ี าสนั ตวิ ธิ เี ปน วธิ ีทางในการดาํ เนนิ ชวี ติ เปนแนวคิดของบุคคลทานใด ? ก.มหาตมะคานธี ข.ทาน ปอ.ปยุตโต ค.พทุ ธทาส ง พระมหาหรรษา ธมมฺ หาโส ขอ ที่ ๑๒ ขอใดกลาวความหมายของคาํ วา “สนั ตยาเคราะห” ไดถ ูกตอง ? ก.ความเปนธรรม ข.ความมีสจั จะ ค.อาํ นาจของสจั จะ ง.พลงั แหง สจั จะ
ขอที่ ๑๓ แนวคดิ วธิ แี บบ “อหงิ สา” เปน แนวคิดของบคุ คลทา นใด ? ก.คานที ข.ทา น ป.อ.ปยุตโต ค.พุทธทาส ง.พระมหาหรรษา ธมมฺ หาโส ขอท่ี ๑๔ “การด้อื เพง ” เปน ชอื่ เรยี กอกี อยางหนง่ึ ของแนวคิดทีช่ อ่ื วา อะไร ? ก.หงิ สกรรม ข.อหงิ สา ค.สัตยะ ง.สัตยาเคราะห
ขอ ที่ ๑๕ มหาตมะ คานธี “มหาตมา” มคี วามหมายวา อยางไร ? ก.ผยู ่งิ ใหญ ข.ผกู ลาหาญ ค.ผมู จี ิตสงู ง.ผมู คี วามอดทน
ขอท่ี ๑๖ ปจ จัยใดที่นาํ ไปสคู วามขัดแยง เรอ่ื งนา้ํ ? ก. ความเอารัดเอาเปรยี บของบางกลมุ ข. การเจรญิ เตบิ โตของเศรษฐกิจ ค. มีการทาํ เกษตรกรรมมากขึ้น ง. มีประชากรเพมิ่ มากขึน้ ขอ ที่ ๑๗ วิธีแกป ญหาความขดั แยง เรอ่ื งน้ําทถี่ ูกตอ งทส่ี ดุ มีวิธแี กเ ชนใด ? ก. หนว ยงานภาครฐั ทกุ สว นจะตองสรางความเช่ือมน่ั ใหก ับประชาชน ข. กกั ตุนนํา้ ไวใชใ นยามจําเปน แตเพียงผเู ดยี ว ค. ขุดบอ น้าํ ไวใ ชเ อง ง. โครงการฝนหลวง
ขอที่ ๑๘ สาเหตุความรนุ รงของไฟใตม าจากเหตุใด ? ก.ความขัดแยงดา นเชอ้ื ชาติและความคดิ ข.ความขัดแยงระหวา งภาษาทพ่ี ดู ค.ความขัดแยง เพราะไฟธรรมชาติ ง.ความขดั แยง เพราะ ชอบความรุนแรง ขอท่ี ๑๙ เพราะเหตุใด การทาํ ความเขา ใจในเรอ่ื งการขดั แยงและการยตุ ดิ วยสันตวิ ิธีเปน สงิ่ ทจ่ี าํ เปน อยา ง ยิง่ ? ก เพราะประเทศไทยไมไ ดข ึน้ กับบุคคลใดกบั บคุ คลหนึง่ ข เพราะแตล ะฝายมองไปยังผลประโยชนข องประเทศชาติ ค เพราะนวัตกรรมตา งๆไดสงผลใหเ กิดความเปลี่ยนแปลง ง เพราะวธิ กี ารสนั ติในระหวางการดําเนนิ การและกฎหมาย
ขอท่ี ๒๐ สนั ติภาพมคี วามจาํ เปน สาํ หรับทกุ ชวี ติ ไมว า สว นบคุ คลหรอื ทั้งหมดในโลก มีความตองการสันติภาพ เปนคํากลาวของทานใด ? ก.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย ( ป.อ.ปยุตโฺ ต ) ข.พระธรรมโกศาจารย ( ทา นพุทธทาส ภกิ ขุ ) ค.พระราชธรรมนเิ ทศ ( พะยอม กลยฺ าโณ ) ง.พระเมธวี ชโิ รดม ( ว.วชิรเมธี )
๑. จงอธิบายความหมาย ของสันตวิ ธิ ี ๒. จงอธบิ ายความสาํ คญั ของสนั ตวิ ิธี ๓. จงอธบิ ายลกั ษณะของสนั ตวิ ธิ ี ๔. จงอธิบายวธิ ีการสรางสันติวิธตี ามแนวคดิ ของคานธี ทานพุทธทาส และพระธรรมปฎ ก ๕. ทานคิดวาวิธีการแกปญหาสงั คมไทยแบบสนั ตวิ ิธคี วรมวี ธิ กี ารอยา งไร
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: