Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปฤจฉวาทีนอกแบบชนิดพูดไม่เข้าเรื่อง

ปฤจฉวาทีนอกแบบชนิดพูดไม่เข้าเรื่อง

Published by ธนบดี จารุธมฺโม, 2023-08-08 02:31:23

Description: รายงานกลุ่ม3.1

Search

Read the Text Version

รายงาน เรอื่ ง ปฤจฉวาทีนอกแบบชนิดพดู ไม่เข้าเร่ือง เสนอ อาจารย์ รศ.ดร.ทวีศกั ด์ิ ทองทิพย์ พระธนบดี โดย รหสั ประจาํ ตวั 6409501041 จารธุ มโฺ ม รายงานนี้เป็นส่วนหน่ึงของวิชา 000 113 ตรรกศาสตรเ์ บือ้ งต้น ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2565 มหาวิทยาลยั มหาจฬุ ากรณราชวิทยาลยั วิทยาลยั เขตสรุ ินทร์

คํานาํ รายงานฉบับน้ีเปน สว นหนึง่ ของวิชา 000 113 ตรรกศาสตรเ บ้ืองตน โดยมจี ุดประสงค เพ่อื การศึกษาความรูท ่ีไดจ าก เรอ่ื งปฤจฉาวาทีนอกแบบชนิดพูดไมเขา เร่ือง ซงึ่ รายงานน้ีมีเนอื้ หาเก่ยี วกับความรูการใชเ หตผุ ลแบบชนดิ ท่ีพดู ไมเ ขา กบั ประเดน็ หรือญัตติท่ีกาลงั นาํ มาใชใ นการพจิ ารณากนั อยูในขณะนั้น ซ่งึ เปน ผลใหไดบทสรปุ ทเ่ี ปน คนละประเด็นหรือญัตติทต่ี ั้งไว ในเรอื่ ง ปฤจฉวาทีนอกแบบชนดิ พูดไมเ ขาเร่ืองน้บี างทีเรยี กวาเหตุผลวบิ ตั ทิ างจิตวทิ ยา เพราะวา การอางเหตุผลในลักษณะนจี้ ะเปนไป ในทางจิตวทิ ยามากกวา การใชเ หตผุ ลตามหลักการทางตรรกศาสตร ผจู ัดทําไดเ ลอื ก หัวขอน้ีในการทํารายงาน เน่ืองมาจากเปนเร่อื งทน่ี า สนใจ รวมถึงเปนการการใชเหตุผลแบบชนิดที่พูดไม เขากบั ประเด็นหรอื ญัตติที่กาํ ลังนํามาใชในการพจิ ารณากนั อยูในขณะนั้นผจู ดั ทาํ จะตองขอขอบคณุ อาจารย รศ.รด.ทวศี กั ด์ิ ทองทิพย ผใู หความรู และแนวทางการศึกษาเพ่ือน ๆ ทุกคนทใี่ ห ความชว ยเหลือมาโดยตลอด ผจู ดั ทาํ หวงั วา รายงานฉบบั นจี้ ะ ใหค วามรู และเปนประโยชนแกผูอานทกุ ๆ ทาน ผจู ัดทํา พระธนบดี จารุธมฺโม

สารบญั หน้า 1. ปฤจฉวาทนี อกแบบชนิดพดู ไมเ่ ขา้ เรอ่ื ง 1 1.1 สรปุ ไมเ่ ขา้ เรอ่ื งหรอื ไมต่ รงประเดน็ 1 1.2 เถยี งแบบอา้ งอํานาจ 1 1.3 โจมตเี รอ่ื งสว่ นตวั 2 1.4 อา้ งความไม่รู้ 2 2 - อา้ งความไมร่ ขู้ องตนเอง 2 - อา้ งความไมร่ ขู้ องผอู้ ่นื 4 1.5 ขอความเหน็ ใจ 4 1.6 อา้ งความเกรงใจ 4 1.7 อา้ งประชาชน 5 1.8 เถยี งแบบอา้ งทศิ าปาโมกข์ 5 1.9 อา้ งประเพณหี รอื ศรทั ธา 6 1.10 สรปุ เกนิ ขอ้ อา้ ง 6 1.11 เปรยี บเทยี บผดิ แง่ 7 1.12 อา้ งเอาสง่ิ ไมใ่ ช่ตวั แทนมาสรุป 7 1.13 อา้ งพวก 8 1.14 เล่นแงอ่ ยา่ งผดิ ๆ 8 1.15 อา้ งแบบลาํ เอยี ง 8 1.16 อา้ งพธิ รี ตี อง 9 1.17 อา้ งจาํ นวน 9 1.18 เยย้ หยนั ขู่

สารบญั สรปุ ทา้ ยบท หน้า เอกสารอา้ งองิ ประจาํ บท บรรณานุกรม 10 11 12

1 1. ปฤจฉวาทีนอกแบบชนิดพดู ไม่เข้าเรอ่ื ง ปฤจฉวาทนี อกแบบชนิดพดู ไมเ่ ขา้ เรอ่ื ง หมายถงึ การใชเ้ หตุผลแบบชนิดทพ่ี ดู ไมเ่ ขา้ กบั ประเดน็ หรอื ญตั ตทิ ก่ี ําลงั นํามาใชใ้ นการพจิ ารณากนั อยใู่ นขณะนนั้ ซง่ึ เป็นผลใหไ้ ดบ้ ทสรุปทเ่ี ป็นคนละประเดน็ หรอื ญตั ตทิ ต่ี งั้ ไว้ ในเรอ่ื งปฤจฉวาที นอกแบบชนิดพดู ไมเ่ ขา้ เรอ่ื งน้บี างทเี รยี กว่าเหตุผลวบิ ตั ทิ างจติ วทิ ยา เพราะวา่ การอ้างเหตุผลในลกั ษณะน้ีจะเป็นไป ในทางจติ วทิ ยามากกว่าการใชเ้ หตุผลตามหลกั การทางตรรกศาสตร์ ซง่ึ รายละเอยี ดในเรอ่ื งน้ีจะไดน้ ํามาศกึ ษาตามลาํ ดบั ดงั น้ี 1.1 สรปุ ไม่เข้าเรื่องหรอื ไม่ตรงประเดน็ (Irrelavant Conclusion) คอื ผพู้ ดู เองจบั ประเดน็ ทเ่ี ป็น สาระสําคญั ของเรอ่ื งทจ่ี ะพดู ไมไ่ ด้ อาจจะเป็นเพราะความไมเ่ ขา้ ใจ หรอื เขา้ ใจแต่มคี วามประสงคท์ จ่ี ะเบย่ี งเบนประเดน็ ให้ เป็นอยา่ งอ่นื เพอ่ื ประโยชน์ของผพู้ ดู เองกอ็ าจจะเป็นได้ การถกเถยี งแบบน้ีจะไดผ้ ลดกี แ็ ต่ในกรณที ผ่ี ฟู้ ังไมย่ อมคดิ เพราะ เกดิ ความเบอ่ื หน่าย หมดอาลยั ตายอยาก ไมย่ ากใหเ้ หตุผลอกี ต่อไป ถกเถยี งต่อไปกเ็ ทา่ นัน้ มองไมเ่ หน็ เป้าหมายทช่ี ดั เจน เพราะการเถยี งแบบน้ีมงุ่ หมายจะใชป้ ระโยชน์จากความรสู้ กึ มนึ งงของผฟู้ ัง อนั เน่อื งมาแต่ผลทางจติ วทิ ยาเป็นหลกั มใิ ช่ การตดั สนิ ใจดว้ ยเหตุผลทจ่ี าํ เป็นอยา่ งเพยี งพอแต่อยา่ งใด ตวั ยา่ งเชน่ “คณุ ไมค่ วรด่มื สุราในขณะทข่ี บั รถ” เราเหน็ ป้ายให้ ขอ้ คดิ เชน่ น้อี ยมู่ ากมาย เมอ่ื อ่านแลว้ จะทาํ ใหผ้ อู้ ่านสรปุ ไดง้ า่ ยวา่ “เพราะจะทาํ ใหค้ ณุ ประมาท” หรอื “ เพราะอาจจะทําให้ คุณเกดิ อุบตั เิ หตุไดง้ า่ ย” อนั น้ีเป็นการสรปุ ทส่ี มเหตุสมผลเพราะสรุปอยใู่ นประเดน็ ทผ่ี เู้ ขยี นป้ายนนั้ นําเสนอ แต่ถา้ ใหค้ นท่ี เป็นนกั ด่มื สรุ าเป็นผสู้ รปุ เขากอ็ าจจะสรุปวา่ “เพราะอาจจะทําใหส้ รุ าของคุณหกได้ เสยี ดาย” การสรปุ เช่นน้ถี อื ว่าไมเ่ ขา้ ประเดน็ คอื ผพู้ ดู เองจบั ประเดน็ ทเ่ี ป็นสาระสาํ คญั ของเรอ่ื งน้ผี ดิ อาจจะเป็นเพราะความไมเ่ ขา้ ใจหรอื เขา้ ใจแต่มคี วาม ประสงคท์ จ่ี ะเบย่ี งเบนประเดน็ ใหเ้ ป็นอย่างอ่นื เพ่อื ประโยชน์ของนกั ด่มื สรุ าเองกอ็ าจจะเป็นได้ 1.2 เถียงแบบอ้างอาํ นาจ (Argumentum ad Baculum) คอื การโตแ้ ยง้ แบบอา้ งอาํ นาจเขา้ ขม่ (Appeal to Force)ใหอ้ กี ฝ่ายหน่งึ เกดิ ความกลวั (Appeal to Fear) การใชอ้ ํานาจแบบน้อี าจจะเป็นไปในทางตรงหรอื ทางออ้ มกไ็ ด้ ตวั อยา่ งเช่น การประชุมในโรงเรยี นมธั ยมแหง่ หน่ึงการประชุมไดด้ าํ เนนิ มาถงึ วาระสาํ คญั ในทส่ี ดุ ผอู้ ํานวยการกก็ ลา่ วขน้ึ ในทป่ี ระชมุ ว่า “ผมจะเอาอยา่ งน้ีแหละใครจะทาํ ไม” ลองนึกภาพเอาเองนะครบั บรรยากาศในท่ี ประชุมจะเป็นอยา่ งไร ในกรณอี ่นื ๆ เช่น“ถา้ อยากรวู้ า่ ผมจะคนื เงนิ คณุ เมอ่ื ใดโปรดถามปังตอ” “ถา้ อยากมอี ายุยนื กอ็ ยา่ มา ถามเรอ่ื งหน้ีสนิ บ่อยนกั เดยี๋ วจะไดไ้ ปวดั ก่อนอายถุ งึ ยส่ี บิ ปี ” วธิ กี ารอา้ งอํานาจน้ีอาจจะมมี าในหลายรปู แบบ โดยไมต่ อ้ ง ขม่ ขดู่ ว้ ยอาวุธหรอื คาํ พดู ใด ๆ เพยี งแต่ใชส้ ญั ลกั ษณ์ของอํานาจบางประการกด็ าํ เนินการไดแ้ ลว้ เชน่ การใชเ้ ครอ่ื งหมาย ตราโล่ของกรมตาํ รวจตดิ ทร่ี ถแลว้ ขบั ผา่ นด่านตรวจโดยไมม่ กี ารตรวจหรอื การนําเครอ่ื งหมายของกระทรวง กรม มหาวทิ ยาลยั สถาบนั ต่าง ๆ ตดิ ตามหน้าหรอื หลงั รถ กส็ ่อถงึ เจตนําในการใชอ้ ํานาจไดเ้ ชน่ เดยี วกนั

2 1.3 โจมตีเรื่องส่วนตวั (Argumentum ad Hominem) คอื เป็นการโตเ้ ถยี งโดยมงุ่ โจมตเี รอ่ื งส่วนตวั แทนทจ่ี ะชใ้ี หเ้ หน็ ว่าเรอ่ื งทเ่ี รากําลงั นํามาโตเ้ ถยี งกนั นนั้ เทจ็ จรงิ อย่างไร ตวั อยา่ งเช่น ในการโตเ้ ถยี งกนั เรอ่ื งคุณธรรม เกย่ี วกบั ความซอ่ื สตั ย์ มคี นเสนอวา่ “คณุ ธรรมเรอ่ื งความซอ่ื สตั วท์ อ่ี าจารยท์ วศี กั ดิ ์ทองทพิ ย์ นําเสนอนนั้ เป็นสง่ิ ทไ่ี มด่ ี คณุ ธรรมขอ้ น้ไี มส่ ามารถทาํ ใหค้ นทน่ี ําไปปฏบิ ตั เิ ป็นคนดไี ด้ เพราะอาจารยท์ วศี กั ดิ ์ทองทพิ ย์ ผนู้ ําเสนอคุณธรรมขอ้ น้ี เป็นผมู้ เี มยี หลายคนในกรณีอยา่ งน้ีจะเรยี กว่าเป็นคนซอ่ื สตั ยไ์ ดอ้ ยา่ งไร” ขอ้ เสนอในลกั ษณะอยา่ งน้ีเรยี กวา่ มงุ่ โจมตเี รอ่ื ง ส่วนตวั อยา่ งชดั เจน แทนทจ่ี ะนําเสนอขอ้ มลู วา่ คุณธรรมเรอ่ื งของความซอ่ื สตั ยน์ นั้ ไมด่ ตี รงไหน ไมส่ ามารถทาํ ใหค้ นทน่ี ํา ปฏบิ ตั เิ ป็นคนดไี ดอ้ ยา่ งไร เป็นตน้ 1.4 อ้างความไม่รู้ (Argumentum ad Ignorantiam) คอื เป็นการโตแ้ ยง้ แบบอา้ งความไมร่ คู้ อื อา้ งวา่ สงิ่ น้ีคณุ กย็ งั ไมร่ แู้ ละผมกย็ งั ไมร่ แู้ ลว้ มนั จะมอี ยหู่ รอื เป็นจรงิ ไดอ้ ยา่ งไร การอา้ งความไมร่ นู้ ้ี จดั เป็น 2 แบบ คอื การอา้ งความ ไมร่ ขู้ องตนเอง และอา้ งความไมร่ ขู้ องผอู้ ่นื ไดแ้ ก่ 1.4.1 อ้างความไม่รขู้ องตนเอง (Appeal to one’s own ignorance) คอื อา้ งวา่ ตวั เองไมส่ ามารถรเู้ รอ่ื งนนั้ ได้ เพราะฉะนัน้ เรอ่ื งนัน้ หรอื สง่ิ นนั้ จะเป็นความจรงิ หรอื มอี ยจู่ รงิ ไมไ่ ด้ เช่น“เต่าตวั หน่งึ ขน้ึ จากทะเลไปเทย่ี วบนบกพบเหน็ วา่ มตี กึ ทส่ี วยงาม มตี น้ ไมม้ ากมาย มรี ถยนตว์ ง่ิ บนถนน เมอ่ื กลบั ลงมาในทะเลแลว้ เลา่ สง่ิ ทไ่ี ดเ้ หน็ ใหป้ ลาฟัง ปลาไดฟ้ ังก็ บอกว่า ไมเ่ ชอ่ื วา่ สง่ิ นนั้ มนั มอี ยจู่ รงิ เพราะว่าปลาเองไมเ่ คยเหน็ ปลาจงึ อา้ งเอาความไมร่ ขู้ องตนเองแลว้ กส็ รปุ ว่า มนั ไมม่ ี อยจู่ รงิ ”อกี ตวั อยา่ งทว่ี า่ “ผไี มม่ ี เพราะฉนั มองไมเ่ หน็ ” ผทู้ อ่ี า้ งแบบน้จี งพงึ ระวงั ใหม้ าก เพราะว่าสงิ่ ทม่ี องเหน็ มนั อาจจะไม่ มี เช่น เวลาเราเดนิ ไปบนถนนลาดยางขณะทแ่ี ดดรอ้ นจดั เมอ่ื มองไปขา้ งหน้าเราจะเหน็ วา่ มนี ้ํา อย่บู นถนน หรอื เมอ่ื เรา ยนื อยบู่ นฝัง่ มองลงไปในทะเลเราจะเหน็ ฟ้ากบั น้ําจดกนั ถา้ หากเราเช่อื วา่ สายตาของเราไดร้ ายงานถูกตอ้ งเรากบ็ อกได้ อยา่ งมนั่ ใจว่าสงิ่ ทเ่ี ราเหน็ นัน้ มอี ย่จู รงิ แต่เป็นเพราะในกรณนี ้เี ราไมส่ ามารถเช่อื สายตาของเราวา่ ไดร้ ายงานถกู ตอ้ งตาม ความเป็นจรงิ เราจงึ ไมส่ ามารถยนื ยนั ไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจวา่ สง่ิ ทเ่ี ราเหน็ นัน้ มนั มอี ยจู่ รงิ ดงั นนั้ เราจงึ ไมค่ วรกล่าววา่ ผไี มม่ ี เพราะว่าฉนั มองไมเ่ หน็ เพราะวา่ บางสง่ิ ทเ่ี รามองเหน็ บางทมี นั กไ็ ม่มี ดงั ทไ่ี ดก้ ล่าวมาแลว้ แทท้ จ่ี รงิ เรอ่ื งน้เี รายงั ไมค่ วร ปฏเิ สธวา่ ผไี มม่ ี หรอื ยงั ไมค่ วรยนื ยนั วา่ ผมี ี แต่ควรตอบเป็นกลาง ๆ ว่า “เรอ่ื งน้ีเรายงั ไมส่ ามารถรไู้ ด”้ เน่ืองจากปัจจบุ นั เรายงั ไมม่ เี ครอ่ื งมอื ทางวทิ ยาศาสตรพ์ อทจ่ี ะใชพ้ สิ ูจน์ใหเ้ ราเหน็ ไดว้ า่ ผมี จี รงิ หรอื ไม่ แต่ในอนาคตนนั้ ไมแ่ น่อาจมเี ครอ่ื งมอื ทางวทิ ยาศาสตรท์ ใ่ี ชพ้ สิ จู น์ใหเ้ หน็ ว่าผมี อี ยจู่ รงิ กไ็ ด้ 1.4.2 อ้างความไม่รขู้ องผอู้ ่ืน (Appeal to the opponent’s ignorance) คอื อา้ งว่าค่ตู ่อสไู้ มม่ คี วามรเู้ กย่ี วกบั น้เี รอ่ื ง เพราะฉะนัน้ ขอ้ เสนอของเราตอ้ งถูก ตวั อยา่ งเช่น มเี รอ่ื งเลา่ กนั ว่า ตาคนหน่ึงมลี กู เขยสองคน ลกู เขยคนเลก็ เคย บวชเรยี นจนจบนกั ธรรมชนั้ เอกสกึ ออกมาแลว้ คนทวั่ ไปเขาเรยี กว่า “จารย”์ และลกู เขยคนโตไดเ้ รยี นจบปรญิ ญาเอก ทางดา้ นวทิ ยาศาสตรจ์ ากเมอื งนอก กลบั มาถงึ เมอื งไทย คนทวั่ ไปเขาเรยี กว่า “ดอกเตอร”์ พอ่ ตาค่อนขา้ งจะใหค้ วามรกั เอน็ ดกู บั ลกู เขยทจ่ี บดอกเตอรเ์ ป็นกรณพี เิ ศษ ต่อมาพ่อตาคดิ จะแบง่ สมบตั ใิ หล้ กู เขยทงั้ สองจงึ ตอ้ งการทดสอบปัญญาวา่ ใครฉลาดกวา่ คนนนั้ กส็ มควรไดส้ มบตั มิ ากกว่า ทงั้ สามคนจงึ ลงไปในเรอื ลา เดยี วกนั โดยใหจ้ ารยเ์ ป็นคนพายเรอื ดอกเตอรน์ งั่ ตรงกกลาง พ่อตานงั่ หวั เรอื ขณะทเ่ี รอื ถูกพายใหแ้ ล่นไปในลาํ น้ํา พอ่ ตาไดพ้ บเหน็ อะไรในน้ํา หรอื บนฝัง่ กจ็ ะ

3 เกบ็ เอามาตงั้ เป็นคาํ ถามลกู เขยเรอ่ื ยไป เมอ่ื พอ่ ตาถามลกู เขยดอกเตอรก์ จ็ ะใชห้ ลกั การทางวทิ ยาศาสตรท์ ไ่ี ดศ้ กึ ษามาเป็น หลกั ในการตอบแลว้ จะอ้างเสมอว่าลกู เขยจารยเ์ รยี นมาน้อยจะรเู้ รอ่ื งน้ีไดอ้ ยา่ งไร ขอใหด้ ปู ระเดน็ คําถามของพ่อตา และ ประเดน็ การตอบคาํ ถามพ่อตาของลกู เขยทงั้ สองคนจากตารางต่อไปน้ี คาํ ถามพ่อตา คาํ ตอบลกู เขย จารย์ ดอกเตอร์ ธรรมดาครบั พอ่ ลกู มะพรา้ วแหง้ ทาํ ไมจงึ ลอยน้ําได้ กม็ ะพรา้ วมผี วิ เกลย้ี งจงึ ลอยน้ําได้ ธรรมดาครบั พ่อ ทาํ ไมห่านจงึ รอ้ งไดเ้ สยี งดงั มาก กห็ ่านมนั มคี อยาวจงึ รอ้ งไดเ้ สยี งดงั ธรรมดาครบั พ่อ ทาํ ไมหน่อไมจ้ งึ เกดิ พน้ ดนิ ได้ กป็ ลายมนั แหลมมนั จงึ เกดิ พน้ ดนิ ได้ ธรรมดาครบั พ่อ ทาํ ไมสจี วี รของเณรจงึ เหลอื ง กเ็ อาสเี หลอื งมายอ้ มจวี รจงึ มสี เี หลอื ง ธรรมดาครบั พอ่ ทาํ ไมงพู ระอาทติ ยจ์ งึ มผี วิ เกลย้ี ง กม็ นั เขา้ ออกในรบู ่อยๆตวั มนั ไดร้ บั เลย่ี มเป็นมนั ดเี หลอื เกนิ การเสยี ดสกี บั ดนิ ผวิ ของมนั จงึ เกลย้ี ง จากคาํ ตอบของลกู เขยจารยน์ ้ีทา ใหพ้ ่อตาเดอื ดดานมาก พอกลบั มาถงึ บา้ นกเ็ รยี กลกู สาวและลกู เขยมาพรอ้ มกนั แลว้ พอ่ ตากเ็ ล่าเหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในขณะลอ่ งเรอื ใหล้ กู สาวทงั้ สองไดฟ้ ังดว้ ย ลกู สาวคนเลก็ ไดฟ้ ังกย็ อ้ นพ่อวา่ ทพ่ี จ่ี ารย์ เขาตอบอยา่ งนนั้ น่าจะมเี หตุผลอธบิ ายไดน้ ะพอ่ ว่าแลว้ พ่อตากเ็ รมิ่ ถามคาํ ถามลกู เขยจารยต์ ่อหน้าลกู สาวเหมอื นกบั ท่ี ถามในเรอื และขอฟังเหตุผลในการตอบของลกู เขยจารยแ์ ต่ละขอ้ ดว้ ยทต่ี อบว่า “ธรรมดา” มเี หตุผลอยา่ งไร ลกู เขยจารยจ์ งึ นําคาํ ตอบของตนแต่ละขอ้ มาตอบพ่อตาอกี ครงั้ พรอ้ มกบั ใหเ้ หตุผลประกอบในแต่ละขอ้ ดว้ ยเพอ่ื ใหพ้ อ่ ตาไดเ้ หน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั ตารางต่อไปน้ี คาํ ถามพอ่ ตา คาํ ตอบ คาํ ตอบลกู เขยจารย์ ธรรมดา เหตุผลประกอบ ลกู มะพรา้ วแหง้ ทําไมจงึ ลอยน้ําได้ ธรรมดา ทาํ ไมหา่ นจงึ รอ้ งไดเ้ สยี งดงั มาก ธรรมดา ไมผ้ วิ ไมเ่ รยี บกล็ อยน้ําไดเ้ หมอื นกนั กบั มะพรา้ ว ทาํ ไมหน่อไมจ้ งึ เกดิ พน้ ดนิ ได้ ธรรมดา อง่ึ อ่างมคี อสนั้ กร็ อ้ งเสยี งดงั เหมอื นกนั กบั หา่ น ทาํ ไมสจี วี รของเณรจงึ เหลอื ง ธรรมดา เหด็ ตะป้ปู ลายไมแ่ หลมกเ็ กดิ พน้ ดนิ ไดเ้ หมอื นกนั กบั หน่อไม้ ทาํ ไมงพู ระอาทติ ยจ์ งึ มผี วิ เกลย้ี ง หวั ขมน้ิ อยใู่ นดนิ กม็ สี เี หลอื งเหมอื นกบั จวี รเณร เป็นมนั ดเี หลอื เกนิ หวั ลา้ นของพ่อตากม็ ไิ ดไ้ ปเสยี ดสกี บั สง่ิ ใดมนั ก็ มผี วิ เกลย้ี งเลย่ี มเป็นมนั เหมอื นผวิ งพู ระอาทติ ย์ จะเหน็ ไดว้ ่าในครงั้ แรกเมอ่ื ลกู เขยจารยต์ อบวา่ “ธรรมดา” ลกู เขยดอกเตอรก์ จ็ ะอา้ งว่าคตู่ ่อสไู้ มม่ คี วามรเู้ กย่ี วกบั เรอ่ื งน้ีจงึ ตอบเช่นนนั้ ซง่ึ เป็นการอา้ งความไม่รขู้ องผอู้ ่นื เพอ่ื ใหเ้ หน็ วา่ ขอ้ เสนอของตนเองเท่านนั้ เป็นสงิ่ ทถ่ี กู ตอ้ ง ตวั อยา่ ง ในกรณอี ่นื อกี เชน่ “คุณไมเ่ คยบวชเรยี นมาเลยเพราะฉะนนั้ คณุ อย่ามาอวดรเู้ กย่ี วกบั เรอ่ื งของพระพุทธศาสนาใหม้ ากนกั ” และ “คณุ ไมเ่ คยเรยี นมา เพราะฉะนัน้ ใหเ้ ชอ่ื เถดิ ว่ามนุษยต์ อ้ งสบื เชอ้ื สายมาจากลงิ แน่ๆ” เป็นตน้

4 1.5 ขอความเหน็ ใจ (Argumentum ad Misericordiam) คอื การวงิ วอนขอความเมตตาจากผฟู้ ัง เพอ่ื ใหผ้ ฟู้ ังเหน็ ใจแทนการยกขอ้ อา้ งทม่ี เี น้ือหาถูกตอ้ งขน้ึ มาต่อสกู้ นั ดว้ ยเหตุดว้ ยผล เมอ่ื ผฟู้ ังเหน็ ใจกจ็ ะเกดิ ความสงสาร หาทางช่วยเหลอื โดยวธิ ใี ดวธิ หี น่งึ เช่น การทต่ี ํารวจจบั กุมสุภาพสตรคี นหน่งึ เป็นผมู้ ยี าเสพตดิ ไวใ้ นครอบครองสาํ หรบั ขายใหค้ นอ่นื เพ่อื นําไปเสพ ตามปกตแิ ลว้ อตั ราโทษทจ่ี ะไดร้ บั จากการจบั กุมในครงั้ น้ีกค็ อื จาํ คุกตลอดชวี ติ สภุ าพสตรผี นู้ ้ี ไดข้ อความเหน็ ใจจากตาํ รวจ โดยยกขอ้ อา้ งว่าทท่ี าํ ความผดิ ในครงั้ น้เี พราะตอ้ งการเงนิ ไปช่วยรกั ษาแมค่ นหน่ึงทก่ี ําลงั ป่วยเป็นอมั พาตซง่ึ ไมส่ ามารถชว่ ยตวั เองได้ ถา้ หากเขาถกู จบั ตดิ คุกแมจ่ ะตอ้ งอดตายเพราะไมม่ ใี ครเลย้ี งดู จากคาํ พดู ของผตู้ อ้ งหาในกรณเี ช่นน้ีลว้ นขอความเหน็ ใจทงั้ สน้ิ ถา้ ตาํ รวจเกดิ ความสงสารแลว้ ปล่อยผตู้ อ้ งหาไปกถ็ อื วา่ ทาํ ผดิ กฎหมาย เพราะการอา้ งวา่ ยากจนและตอ้ งหาเงนิ เลย้ี งแมโ่ ดยการทาํ ผดิ กฎหมายเพอ่ื ขอความเหน็ ใจใหต้ าํ รวจชว่ ยให้ ตนเองพน้ ผดิ ยอ่ มไมส่ มเหตุสมผลเพราะถา้ ต่อไปมคี นยากจนทําผดิ กฎหมายอกี ถา้ ตํารวจจบั ไดก้ จ็ ะใชก้ รณนี ้เี ป็นบรรทดั ฐานในการนํามาเป็นขอ้ อา้ งเพ่อื ขอความเหน็ ใจใหต้ าํ รวจสงสารจะไดช้ ่วยตนเองใหพ้ น้ ผดิ อกี สงั คมกจ็ ะยงุ่ เหยงิ กนั ใหญ่ ทางทถ่ี กู ตาํ รวจควรจบั กุมสุภาพสตรคี นน้ีไปลงโทษ แต่ถา้ สงสารว่าแม่ของเขาจะไดร้ บั ความลาํ บาก กค็ วรหาวธิ กี าร ชว่ ยเหลอื ครอบครวั เขาในลกั ษณะอ่นื โดยอาจจะตดิ ต่อผา่ นไปยงั หน่วยงานของรฐั ทม่ี หี น้าทเ่ี ก่ยี วขอ้ งโดยตรงใหเ้ ขา้ ไปดา เนินการช่วยเหลอื ในโอกาสต่อไป การกระทาํ อย่างน้ีน่าจะมคี วามสมเหตุสมผลทถ่ี อื วา่ ยอมรบั กนั ได้ 1.6 อ้างความเกรงใจ (Argumentum ad reverentiam) คอื ยกเอาความเกรงใจมาเป็นขอ้ อา้ งในการให้ เหตุผล อนั ทจ่ี รงิ แลว้ ความเกรงใจไมใ่ ช่เน้ือหาทถ่ี ูกตอ้ งหรอื เพยี งพอใหส้ รปุ แต่ถา้ ความเกรงใจนัน้ มมี าพรอ้ มกบั เหตุผลก็ ไมถ่ อื วา่ เป็นเหตุผลวบิ ตั หิ รอื เป็นการละทง้ิ เหตุผล แต่ถา้ หากว่าการอา้ งเหตุผลนนั้ มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ใหผ้ ฟู้ ังเกดิ ความ เกรงใจแทนเน้ือหาของเหตุผลกจ็ ะถอื ไดว้ ่าเป็นเหตุผลวบิ ตั หิ รอื เป็นการละทง้ิ เหตุผลทนั ที ตวั ยา่ งเช่น “ทา่ นเจา้ อาวาสไม่ ชอบพระทศ่ี กึ ษาวชิ าการทางโลก มนั เป็นดริ จั ฉานวชิ า เพราะฉะนนั้ ท่านจงอยา่ ไดร้ บั พระทศ่ี กึ ษาวชิ าการทางโลกเขา้ มา อยใู่ นวดั ” ถา้ เจา้ คณะกุฏติ ่าง ๆ ภายในวดั ทําเช่นนนั้ กต็ อ้ งถอื ว่า ทาํ ไปเพราะเกดิ อารมณ์เกรงใจเจา้ อาวาส ซง่ึ กไ็ มใ่ ช่ เหตุผลทด่ี ี แต่ถา้ ในกรณนี ้ีมเี หตุผลอ่นื ทส่ี มเหตุสมผลประกอบดว้ ย เชน่ พระทเ่ี รยี นทางโลกส่วนใหญ่เป็นผปู้ กครองยาก ไมอ่ ยใู่ นกฎระเบยี บของวดั ไมเ่ อาใจใสใ่ นการปฏบิ ตั กิ จิ ของพระสงฆ์ และไมเ่ อาใจใสใ่ นการรกั ษาวนิ ัยของพระสงฆ์ ถา้ มี เหตุผลในการอธบิ ายในลกั ษณะอยา่ งน้กี เ็ ป็นเหตุผลทร่ี บั ฟังได้ ซง่ึ ไมถ่ อื วา่ เป็นเหตุผลวบิ ตั หิ รอื เป็นการละทง้ิ เหตุผล 1.7 อ้างประชาชน (Argumentum ad Populum) เป็นการอา้ งเน้ือหาทไ่ี ม่เกย่ี วกบั เหตุผลหรอื อาจจะมี เน้ือหาเกย่ี วขอ้ งกบั การใชเ้ หตุผลในเรอ่ื งน้ีอยบู่ า้ งแต่กไ็ มเ่ พยี งพอทจ่ี ะสรุปไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ ตวั อยา่ งเช่น ในกรณีทม่ี สี ภารา่ ง รฐั ธรรมนูญชดุ หน่งึ ไดร้ บั การแต่งตงั้ ขน้ึ มาใหม้ หี น้าทร่ี า่ งรฐั ธรรมนูญเพ่อื นํามาใชเ้ ป็นกฎหมายสงู สุดในการปกครอง ประเทศ เมอ่ื สภารา่ งรฐั ธรรมนูญชุดดงั กล่าวไดร้ ่างเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ มนี กั วชิ าการทางกฎหมายบางท่านไดช้ ใ้ี หเ้ หน็ วา่ มี บางมาตราในกฎหมายรฐั ธรรมนูญทร่ี ่างขน้ึ มาน้ี เมอ่ื นําไปปฏบิ ตั แิ ลว้ น่าจะก่อใหเ้ กดิ ปัญหายงุ่ ยากขน้ึ ไดใ้ นอนาคต เหน็ สมควรตอ้ งไดร้ บั การแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งเหล่าน้ีใหม้ คี วามสมบรู ณ์เสยี ก่อนแลว้ จงึ คอ่ ยนําไปประกาศใชน้ ่าจะมคี วาม เหมาะสมมากกว่า สภารา่ งรฐั ธรรมนูญ กจ็ ะเถยี งแบบขอประชามตหิ รอื การโตแ้ ยง้ แบบอา้ งมหาชน โดยผรู้ า่ งรฐั ธรรมนูญ ไดไ้ หเ้ หตุผลเรง่ เรา้ ใหป้ ระชาชนมอี ารมณ์รว่ มและเหน็ พอ้ งกบั ความคดิ เหน็ ทต่ี นไดน้ ําเสนอโดยไมจ่ าํ เป็นตอ้ งใหป้ ระชาชน ใชว้ จิ ารณญาณมากนกั แลว้ นํารฐั ธรรมนูญทงั้ ฉบบั ทร่ี า่ งขน้ึ ไปขอประชามตจิ ากประชาชน โดยมไิ ดน้ ําบางมาตราทเ่ี หน็ ว่า

5 เป็นปัญหาไปขอประชามติ โดยใหเ้ หตุผลกบั ประชาชนวา่ เน่อื งจากในขณะน้ีบา้ นเมอื งกาํ ลงั ประสบปัญหาเพราะรฐั บาลท่ี ทาํ การปกครองประเทศอยใู่ นขณะน้เี ป็นรฐั บาลทไ่ี ดม้ าโดยการทาํ รฐั ประหารไมเ่ ป็นประชาธปิ ไตย ดงั นนั้ จงึ เหน็ สมควรจะ ลงมตริ บั รฐั ธรรมนูญฉบบั น้ีไปก่อนเพ่อื ใหม้ กี ารเลอื กตงั้ ผแู้ ทนราษฎรเกดิ ขน้ึ เมอ่ื ไดร้ ฐั บาลทม่ี าจากการเลอื กตงั้ เป็น ประชาธปิ ไตยเรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ มาแกร้ ฐั ธรรมนูญในภายหลงั แลว้ ในทส่ี ดุ กจ็ ะใหป้ ระชาชนยอมรบั บทสรปุ ของตนเอง วธิ กี ารน้เี ป็นวธิ ที ใ่ี ชไ้ ดผ้ ลในขณะทป่ี ระชาชนมคี วามเคยี ดแคน้ ชงิ ชงั หรอื ใชใ้ นการปลุกเรา้ ก่อมอ๊ บใหเ้ กดิ จลาจลโดยยก เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หน่ึงขน้ึ มาเป็นขอ้ อา้ งโดยทค่ี นส่วนใหญ่ไมม่ โี อกาสไดเ้ หน็ เหตุการณ์นัน้ ว่าไดเ้ กดิ ขน้ึ จรงิ หรอื ไม่ วธิ กี ารน้ีจงึ เหมาะสาหรบั นกั โฆษณาชวนเชอ่ื หรอื ใชใ้ นการหาเสยี งของนกั การเมอื งบางคน เพราะมไิ ดโ้ ตเ้ ถยี งใน ขอ้ เทจ็ จรงิ เป็นเพยี งพยายามเรยี กรอ้ งอารมณ์ใหผ้ ฟู้ ังคลงั่ ไคลเ้ หน็ คลอ้ ยตามแลว้ อาจจะขอมตปิ ระชาชนเพอ่ื ทา การ อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ๗ ตวั อยา่ งในการอ้างเหตุผลแบบน้เี ม่อื เราศกึ ษาประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื งการปกครองของไทยจะเหน็ ว่า ในการเปลย่ี นแปลงทางการเมอื งการปกครองแต่ละครงั้ กม็ กั จะใชว้ ธิ กี ารดงั กล่าวน้อี ยเู่ สมอ ๆ 1.8 เถียงแบบอ้างทิศาปาโมกข์ (Argumentum ad Verecundiam) คอื การอา้ งคาํ พดู บุคคลผทู้ ม่ี ี ช่อื เสยี งทค่ี นทวั่ ไปยอมรบั มาสนบั สนุนความคดิ เหน็ ของตนเองใหม้ คี วามน่าเช่อื ถอื มากยงิ่ ขน้ึ การอา้ งเหตุผลหรอื การ โตแ้ ยง้ แบบน้ีไมถ่ อื วา่ เป็นเหตุผลวบิ ตั หิ รอื เป็นการละทง้ิ เหตุผลเสมอไป ถา้ หากว่าหลกั ฐานทน่ี ํามาอา้ งนนั้ เป็นขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี ช่อื ถอื ได้ และเป็นทย่ี อมรบั นบั ถอื ในแต่ละสาขานนั้ ๆ ซง่ึ จะทาํ ใหค้ ําพดู ของเขามนี ้ําหนกั ขน้ึ มาก และก่อใหเ้ กดิ พยานหลกั ฐานทม่ี คี วามน่าเชอ่ื ถอื เพมิ่ ขน้ึ ดว้ ย หากเวลาคนทวั่ ไปเถยี งหรอื โตแ้ ยง้ กนั เกย่ี วกบั เรอ่ื งทางฟิสกิ ส์ ถา้ ใครคน หน่งึ จะอา้ งทฤษฎขี องไอน์สไตน์มายนื ยนั เหตุผลของเขา นนั่ กน็ บั ว่าสมควรอยมู่ าก แต่ในกรณที ผ่ี เู้ ชย่ี วชาญถกเถยี งหรอื โตแ้ ยง้ กนั ในสาขาทต่ี นช่ําชองแลว้ การอา้ งชอ่ื ผใู้ ดผหู้ น่ึงมาสนบั สนุนคาํ พดู ของตนยอ่ มเป็นสงิ่ ทไ่ี มส่ มควร ในกรณอี ยา่ งน้ี ความจรงิ และเหตุผลเทา่ นนั้ ทน่ี ่าจะนํามาใชเ้ ป็นหลกั ฐานอา้ งองิ ไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผลเพราะแต่ละฝ่ายต่างกไ็ ดช้ ่อื วา่ เป็น ผเู้ ชย่ี วชาญในเรอ่ื งทต่ี นเองช่าํ ชองอยแู่ ลว้ อกี ประการหน่งึ การแอบอา้ งบุคคลผมู้ ชี อ่ื เสยี งต่าง ๆ มาอา้ งในเรอ่ื งทบ่ี ุคคล เหล่านนั้ มไิ ดม้ คี วามเชย่ี วชาญในสาขาวชิ าทก่ี าลงั ถกเถยี งหรอื โตแ้ ยง้ กนั อยกู่ เ็ ป็นขอ้ อา้ งทผ่ี ดิ พลาด เช่น การถกเถยี งหรอื โตแ้ ยง้ กนั เรอ่ื งศาสนา ถา้ ใครคนหน่ึงยกความเหน็ ของ ดารว์ นิ (Darwin) ซง่ึ เป็นบคุ คลผทู้ ม่ี ชี อ่ื เสยี งทางชวี วทิ ยามาอา้ ง ขอ้ อา้ งนนั้ จดั ว่าเป็นขอ้ อา้ งทผ่ี ดิ พลาด เพราะดารว์ นิ มชี ่อื เสยี งทางชวี วทิ ยาไมใ่ ช่ดา้ นศาสนา การอ้างความเหน็ ของนกั ฟิสกิ สท์ ส่ี าํ คญั เชน่ ไอน์สไตน์ (Einstein) มาใชย้ ตุ กิ ารโตเ้ ถยี งในเรอ่ื งเกย่ี วกบั การเมอื งหรอื การเศรษฐกจิ นนั้ กถ็ อื ว่าเป็น การอา้ งทผ่ี ดิ พลาดเช่นกนั เพราะไอน์สไตน์เป็นผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นฟิสกิ สท์ ส่ี าํ คญั ไมใ่ ช่ดา้ นการเมอื งหรอื การเศรษฐกจิ 1.9 อ้างประเพณีหรือศรทั ธา (Appeal to tradition or faith) คอื การนําเอาสง่ิ ทก่ี ล่มุ คนในชุมชนหรอื สงั คมนัน้ ๆ ถอื ปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั มาเป็นเวลานานจนกลายมาเป็นวถิ ชี วี ติ มาใชเ้ ป็นอ้าสนบั สนุนขอ้ เสนอของตนเองใหม้ คี วาม นกั แน่นน่าเช่อื ถอื มากขน้ึ ความเป็นจรงิ ประเพณหี ลายอยา่ งเป็นสงิ่ ทม่ี ปี ระโยชน์และกม็ เี หตุผลทส่ี ามารถอธบิ ายได้ การ ทาํ ตามประเพณบี างอย่างจงึ ก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์กบั ตวั ผทู้ าํ และสงั คมไดด้ ว้ ย ประเพณเี ป็นสงิ่ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงไดต้ าม สภาพแวดลอ้ มและกาลสมยั ประเพณซี ง่ึ เคยมปี ระโยชน์มากในสมยั หน่งึ จงึ อาจมปี ระโยชน์น้อยลงหรอื กลายเป็นโทษได้ ในอกี สมยั หน่ึง การปฏบิ ตั ติ ามประเพณีทม่ี ไิ ดเ้ ปลย่ี นแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มและกาลสมยั จงึ ไมใ่ ช่สงิ่ ทด่ี ี เสมอไป เช่น สมยั หน่ึงประเพณไี ทยเราเคยมกี ารนา เอาหมาก พลู บุหร่ี มาเป็นเครอ่ื งสาหรบั ใชใ้ นการตอ้ นรบั แขกผมู้ า

6 เยอื น เพราะเวลานงั่ พดู คุยสนทนากบั แขกกม็ กี ารกนิ หมาก สบู บุหร่ี ไปดว้ ย ทําใหบ้ รรยากาศในการพดู คุยมคี วามสนิท สนมและเป็นกนั เอง นอกจากน้ยี งั มกี ารนําหมาก พลู บหุ ร่ี ไปถวายพระสงฆท์ ว่ี ดั ดว้ ย ซง่ึ กถ็ อื ปฏบิ ตั ริ ว่ มกนั มาเป็น เวลานานจนกลายมาเป็นวถิ ชี วี ติ ตามปกติ แต่ปัจจุบนั สภาพแวดลอ้ มและกาลสมยั เปลย่ี นไป วทิ ยาการต่าง ๆ เจรญิ มาก ขน้ึ ในศาสตรท์ างดา้ นการแพทยไ์ ดอ้ อกมายนื ยนั วา่ การสบู บุหรเ่ี ป็นสง่ิ ทก่ี ่อใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อสุขภาพ เพราะเป็นสาเหตุ ทาํ ใหเ้ กดิ เป็นโรครา้ ยแรงไดห้ ลายโรค นอกจากน้ีการสบู บหุ รใ่ี นทส่ี าธารณะหรอื ในรถยนตป์ รบั อากาศทม่ี คี นรว่ มอยดู่ ว้ ย กจ็ ะก่อใหเ้ กดิ มลพษิ ทาํ ใหค้ นทอ่ี ยใู่ นบรเิ วณนนั้ ไดร้ บั อนั ตรายจากครนั พษิ ของบหุ รด่ี ว้ ย การปฏบิ ตั ใิ นกรณเี ช่นน้ีหากมคี น ยกขน้ึ เป็นขอ้ ถกเถยี งหรอื โตแ้ ยง้ การสบู บุหรไ่ี ดม้ หี ลกั ฐานทางการแพทยย์ นื ยนั รบั รองแลว้ วา่ เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพหรอื ทา่ นไมค่ วรสบู บหุ รใ่ี นทส่ี าธารณะเพราะจะก่อใหเ้ กดิ มลพษิ ทาํ ใหค้ นทอ่ี ยใู่ นบรเิ วณนนั้ ไดร้ บั อนั ตรายจากครนั พษิ ของบหุ ร่ี ดว้ ย ถา้ ใครคนหน่ึงจะอา้ งประเพณมี ายนื ยนั เหตุผลของเขาว่า การสบู บุหรเ่ี ป็นสงิ่ ดี เน่อื งจากประเพณไี ทยเราเคยมกี าร นําเอาหมาก พลู บหุ ร่ี มาเป็นสง่ิ ของสาหรบั ใชใ้ นการตอ้ นรบั แขกผมู้ าเยอื นและนา ไปถวายพระสงฆ์ เพ่อื รกั ษาสบื ทอด ประเพณกี ารสบู หรไ่ี มใ่ หส้ ญู สน้ิ ไปจากชุมชนและสงั คมไทย เราจงึ ตอ้ งชว่ ยกนั รณรงคใ์ หม้ กี ารสูบบุหรม่ี ากขน้ึ การทบ่ี ุคคล อา้ งประเพณใี นลกั ษณะเช่นน้จี งึ เป็นสง่ิ ทไ่ี มส่ มเหตุสมผลเน่ืองการปฏบิ ตั ติ ามประเพณกี ล่าวเป็นประโยชน์น้อยและ ก่อใหเ้ กดิ โทษมากซง่ึ ไมส่ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มและกาลสมยั ในเรอ่ื งของความเชอ่ื กเ็ ช่นเดยี วกนั กข็ อใหเ้ ทยี บเคยี ง กนั กบั เรอ่ื งของประเพณที ไ่ี ดก้ ล่าวมากแ็ ลว้ กนั ในเรอ่ื งของประเพณหี รอื ความศรทั ธาน้ีควรมกี ารพจิ ารณาหาเหตุผลใหด้ ี เพราะอาจเป็นเครอ่ื งมอื ใหค้ นบางกลุ่ม นําไปใชเ้ ป็นขอ้ อา้ งในการแสวงหาผลประโยชน์ใหก้ บั ตนเองได้ 1.10 สรปุ เกินข้ออ้าง (Jumping to conclusion) คอื ขอ้ มลู ทม่ี อี ยไู่ มเ่ พยี งพอทจ่ี ะทาํ ใหส้ รุปไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล เป็นการรบี สรปุ เรว็ เกนิ ไป ตวั อยา่ งเช่น “พระนิสติ สาขาวชิ าพระพุทธศาสนาบางรปู ทุจรติ ในการสอบเป็นผู้ ไมใ่ ชค่ นดี นสิ ติ ทท่ี จุ รติ ในการสอบรปู น้ีเรยี นอยใู่ นสาขาวชิ าพระพุทธศาสนา เพราะฉะนนั้ ผทู้ เ่ี รยี นสาขาวชิ า พระพทุ ธศาสนาทงั้ หมดจงึ ไมใ่ ชค่ นด”ี หรอื “พระสงฆบ์ างรปู เป็นผปู้ ระพฤตทิ ุจรติ พระสงฆบ์ างรปู ทเ่ี ป็นผปู้ ระพฤตทิ จุ รติ น้ี เป็นผอู้ ยใู่ นสถาบนั สงฆ์ เพราะฉะนนั้ ไมค่ วรมสี ถาบนั สงฆอ์ กี ต่อไป” ในกรณตี วั อยา่ งทย่ี กมาน้ีจะเหน็ วา่ ขอ้ สรปุ ไม่ สมเหตุสมผลดว้ ยกนั ทงั้ คู่ คอื กรณแี รกพระนสิ ติ บางรปู ทเ่ี รยี นสาขาวชิ าพระพุทธศาสนาเทา่ นนั้ ทุจรติ ในการสอบ แลว้ สรปุ รวมไปถงึ ผทู้ เ่ี รยี นสาขาวชิ าพระพุทธศาสนาทงั้ หมดว่าไมใ่ ชค่ นดี และกรณที ส่ี องกเ็ ช่นเดยี วกนั พระสงฆบ์ างรปู เท่านัน้ ทท่ี ุจรติ แลว้ สรปุ รวมไปถงึ วา่ ไมค่ วรมสี ถาบนั สงฆท์ งั้ หมด คอื ขอ้ น้คี ลา้ ยกบั เป็นการรบี สรปุ เรว็ เกนิ ไป เป็นเรอ่ื ง ของการอุปนยั ทม่ี ตี วั อยา่ งจากประสบการณ์ไมเ่ พยี งพอ จงึ ไมส่ มเหตุสมผล 1.11 เปรียบเทียบผิดแง่ (False analogy) เป็นการใชแ้ งอ่ ่นื ทน่ี อกเหนอื ไปจากแงท่ ไ่ี ดต้ งั้ เอาไว้ เป็นการ เปรยี บเทยี บทใ่ี ชเ้ พ่อื ความสละสลวยของภาษา ตามปกติ ผกู้ ําหนดขอ้ เปรยี บเทยี บไวต้ งั้ ใจจะเปรยี บเทยี บกนั เพยี งแง่ เดยี ว ถา้ ใชค้ าํ เปรยี บเทยี บตรงกบั แงท่ ต่ี งั้ ใจไว้ การเปรยี บเทยี บนนั้ กน็ บั ว่าใชไ้ ด้ และใชส้ าํ หรบั การอา้ งเหตุผลไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล แต่ถา้ ใชแ้ งอ่ ่นื นอกเหนือไปจากทต่ี งั้ ไวก้ น็ บั ว่าใชไ้ มไ่ ด้ และถ้าเอาไปอ้างเหตุผลกจ็ ะไมส่ มเหตุสมผล ตวั อยา่ ง เชน่ “ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก” ในประโยคน้ีตอ้ งการจะเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ถงึ คุณคา่ ของปัญญาเท่านัน้ แต่ถา้ เปรยี บเทยี บในแงข่ องการใชว้ ่า ปัญญาเป็นแสงสวา่ งในโลกจรงิ ๆ กค็ วรนําปัญญาไปใชแ้ ทนแสงของดวงอาทติ ยห์ รอื แสง ของไฟ ชนิดอ่นื ๆ ไดด้ ว้ ย หรอื อกี ตวั อยา่ งเชน่ “ครคู อื แมพ่ มิ พข์ องชาต”ิ ในประโยคน้ตี อ้ งการจะเปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ถงึ

7 ลกั ษณะของบุคคลผทู้ เ่ี ป็นต้นแบบของความรแู้ ละความดงี ามทงั้ หลาย ไมต่ อ้ งการทจ่ี ะนําครมู าเป็นแมพ่ มิ พเ์ พ่อื ทจ่ี ะหล่อ รปู อะไรสกั อย่างหน่งึ แต่ประการใด เป็นตน้ 1.12 อ้างเอาสิ่งไม่ใช่ตวั แทนมาสรปุ (Unrepresentative generalization) คอื การอา้ งเอาขอ้ มลู ท่ี ไมใ่ ช่ตวั แทนของเน้อื หาในเรอ่ื งนนั้ มาใชใ้ นการสรปุ ในขอ้ น้ีไมเ่ พยี งแต่ประสบการณ์ทไ่ี ดม้ าจะไมเ่ พยี งพอต่อการสรุป เท่านัน้ แต่ยงั เป็นประสบการณ์ทใ่ี ชไ้ มไ่ ดส้ าํ หรบั ขอ้ มลู ทน่ี ํามาสรปุ นนั้ ดว้ ย ในลกั ษณะดงั กล่าวน้ีจงึ เขา้ ขา่ ยเน้อื หาไม่ ถกู ตอ้ ง ถงึ แมจ้ ะไดป้ ระสบการณ์มามากสกั เพยี งไรกต็ าม กไ็ มส่ ามารถทําใหก้ ารใหเ้ หตุผลนนั้ มคี วามสมเหตุสมผลได้ เชน่ มเี รอ่ื งเล่าวา่ ครทู ่านหน่งึ กลบั จากสอนหนงั สอื มาถงึ บา้ นเมยี ตอ้ งด่าทุกวนั จงึ ถามเมยี วา่ ดา่ ทาํ ไม เมยี ตอบว่าถ้าพ่อเลกิ เมา เหลา้ แลว้ แมก่ จ็ ะเลกิ ด่า ครทู า่ นนนั้ จงึ ตอบว่ากไ็ ดต้ ่อไปพ่อจะหาวธิ กี นิ เหลา้ ไมใ่ หเ้ มากไ็ ด้ วา่ แลว้ กเ็ ลอื กเหลา้ มาใชใ้ นการ ทดสอบหาสาเหตุของการเมา 5 ยห่ี อ้ โดยใชเ้ วลาทดสอบ 5 วนั ตามลาํ ดบั ดงั น้ี คอื ด่มื เหลา้ แมโ่ ขงผสมโซดาจดผลสรปุ การทดลองไวค้ อื เมา, ดม่ื เหลา้ แสงทพิ ยผ์ สมโซดาจดผลสรปุ การทดลองไวค้ อื เมา, ด่มื เหลา้ แสงโสมผสมโซดา จดผลสรปุ การทดลองไวค้ อื เมา, ดม่ื เหลา้ รเี จนซผ่ี สมโซดา จดผลสรปุ การทดลองไวค้ อื เมา และ ดม่ื เหลา้ ขาวผสมโซดาจดผลสรปุ การทดลองไวค้ อื เมา จะเหน็ วา่ เหลา้ ทน่ี ํามาใชใ้ นการทดลองไดเ้ ปลย่ี นมา 5 ยห่ี อ้ แลว้ แต่ผลสรปุ ทไ่ี ดม้ นั กย็ งั คงเมาอยู่ อยา่ งเดมิ สง่ิ ทไ่ี มไ่ ดเ้ ปลย่ี นในการทดลองในครงั้ น้ีกค็ อื โซดา จงึ สรปุ ผลทไ่ี ดจ้ ากการทดลองวา่ “โซดาน้แี หละคอื สาเหตุ ของการเมา” จงึ บอกกบั เมยี อยา่ งมนั่ ใจว่า “ตงั้ แต่พรงุ่ น้เี ป็นตน้ ไปแมไ่ มต่ อ้ งดา่ พอ่ อกี แลว้ เพราะพ่อจะด่มื เหลา้ โดยไมผ่ สม โซดาอกี ต่อไป...” เมยี “???” จากตวั อยา่ งน้ีจะเหน็ วา่ เป็นการอา้ งเอาขอ้ มลู ทไ่ี มใ่ ช่ตวั แทนของเน้อื หาในเรอ่ื งนนั้ มาใชใ้ น การสรปุ กลา่ วคอื โซดาไมใ่ ชต่ วั แทนของสงิ่ ทท่ี ําใหค้ นด่มื แลว้ เกดิ อาการเมาเหมอื นกบั เหลา้ ถงึ แมจ้ ะใชโ้ ซดามาใชเ้ ป็น ตวั แทนมากมายสกั เพยี งใดกจ็ ะไมท่ าํ ใหค้ นด่มื โซดาเกดิ อาการเมาได้ เพราะว่าโซดาไมใ่ ชต่ วั แทนของสงิ่ เมาตวั อยา่ งใน กรณอี ่นื อกี เช่น “นายทองแดงเป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรโดยการซอ้ื คะแนนมาจากประชาชน นายแดงไดเ้ ป็น สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรโดยทจุ รติ การเลอื กตงั้ เพราะฉะนนั้ ผูท้ เ่ี ป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทกุ คนจงึ เป็นผทู้ ุจรติ การ เลอื กตงั้ ” การสรุปงา่ ย ๆ อยา่ งน้ีเพราะผพู้ ูดอาจเคยมปี ระสบเหตุการณ์เชน่ น้มี าบา้ งแลว้ แต่นนั้ กถ็ อื ว่าเป็นประสบการณ์ ทไ่ี มด่ ี และไดเ้ หน็ ตวั แทนทไ่ี มด่ เี พราะมใิ ช่วา่ ผแู้ ทนราษฎรจะเป็นผซู้ อ้ื คะแนนจากประชาชนเหมอื นกบั นายแดงทงั้ หมด ทุกคน 1.13 อ้างพวก (Stereotyping) คอื ผพู้ ดู ไดอ้ า้ งเอาความเป็นพวกเดยี วกนั มาเป็นเหตุผลเพ่อื ใหผ้ ฟู้ ังเกดิ ความเหน็ คลอ้ ยตามแลว้ หนั มายอมรบั นบั ถอื ผพู้ ดู โดยทผ่ี ฟู้ ังไมต่ อ้ งพนิ จิ พจิ ารณาหาเหตุผลใดมาสนับสนุนวา่ ทต่ี นยอมรบั นบั ถอื ผพู้ ดู นนั้ เพราะอะไร เชน่ ผพู้ ดู ไดพ้ ดู ว่า “ถา้ หากท่านเลอื กผมซง่ึ เป็นคนภาคอสี านเช่นเดยี วกบั ท่านใหไ้ ปเป็นผแู้ ทน ของท่านแลว้ ผมจะทาํ ทกุ อยา่ งเพอ่ื ท่านทงั้ นนั้ ” การอา้ งเหตุผลแบบน้ีถอื ไดว้ า่ เป็นการใหเ้ หตุผลบกพรอ่ งเพราะวา่ การท่ี คนจะไดร้ บั เลอื กใหไ้ ปเป็นผแู้ ทนของคนอสี านหาไดพ้ จิ ารณาทค่ี น ๆ นนั้ เป็นคนอสี านซง่ึ เป็นพวกเดยี วกบั เราไม่ แต่เรา ควรจะเลอื กเพราะมอี กี หลายเหตุผล เช่น เขามคี วามจรงิ ใจ ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ เสยี สละ เหน็ ประโยชน์สว่ นรวมมาก่อน ประโยชน์สว่ นตน เหน็ วา่ พน่ี ้องรว่ มชาตไิ มว่ ่าจะอยภู่ าคไหนของประเทศไทยกค็ วรจะไดร้ บั การปฏบิ ตั กิ นั อยา่ งเสมอภาค เป็นธรรมโดยเท่าเทยี มกนั แต่ถา้ เขาเป็นผไู้ มม่ คี วามจรงิ ใจ ไมซ่ อ่ื สตั ย์ ทุจรติ ไมม่ คี วามเสยี สละ เหน็ แก่ประโยชน์ส่วนตน เป็นใหญ่ ถงึ แมเ้ ขาจะเป็นพวกเดยี วกนั กบั เรา กไ็ มใ่ ช่เหตุผลทจ่ี ะตอ้ งเลอื กเขาใหไ้ ปเป็นผแู้ ทนของเราได้

8 1.14 เล่นแงอ่ ยา่ งผิด ๆ (False dilemma) คอื การเลน่ คา พดู สองแง่ โดยผพู้ ดู ไดห้ าเหตุผลมาสนบั สนุน ในแต่ละแงท่ ต่ี นพดู นนั้ อยา่ งแนบเนียน เช่น เหตุผลของนสิ ติ ทไ่ี มช่ อบเรยี นวชิ าตรรกศาสตร์ กอ็ าจจะเล่นแงว่ ่า “ควรเลกิ สอนวชิ าตรรกศาสตรใ์ นหลกั สตู รไดแ้ ลว้ เพราะตอนไหนงา่ ยเรากร็ กู้ นั หมดแลว้ ดว้ ยสามญั สานึก ตอนไหนยากอาจารย์ อธบิ ายเท่าไรกไ็ มเ่ ขา้ ใจ” จะเหน็ ไดท้ นั ทวี า่ ผอู้ า้ งไดอ้ ําพรางแงท่ ส่ี ามเอาไว้ คอื “บางตอนทน่ี สิ ติ ยงั ไมร่ ู้ ถา้ จะคอยใหเ้ รยี นรู้ ไดด้ ว้ ยตนเองกค็ งจะไมไ่ หวตอ้ งเสยี เวลามาก หากอาจารยอ์ ธบิ ายใหแ้ ลว้ กเ็ ขา้ ใจได”้ ถา้ ยกประเดน็ น้ีขน้ึ พจิ ารณากจ็ ะตอ้ ง สรปุ วา่ “ควรสอนวชิ าตรรกศาสตรใ์ นหลกั สตู ร” เคลด็ ลบั ของผตู้ อบการเล่นแงแ่ บบน้กี ค็ อื หาแงท่ ส่ี าม ทส่ี รุปไดแ้ ตกต่างไป จากขอ้ สรปุ ของผอู้ า้ ง เพ่อื แสดงใหเ้ หน็ ว่า ผอู้ า้ งเลอื กสรปุ เอาตามใจชอบเพยี งส่วนเดยี วเทา่ นนั้ จงึ ไมส่ มเหตุสมผล 1.15 อ้างแบบลาํ เอียง (Card-stacking) คอื การอา้ งเหตุผลทม่ี ที งั้ สนบั สนุน (Pros) และลบลา้ ง (Cons) แต่วา่ ผอู้ า้ งเหตุผลจะเลอื กอา้ งเฉพาะขอ้ อา้ งทจ่ี ะสนบั สนุนความคดิ เหน็ ของตนเองเท่านนั้ คอื ถา้ ตงั้ ใจจะสนับสนุนกจ็ ะ อา้ งเฉพาะขอ้ ทจ่ี ะสนบั สนุน แต่ถา้ ตอ้ งการจะคดั คา้ นกจ็ ะอา้ งเฉพาะขอ้ ทจ่ี ะลบลา้ ง เช่น ตวั อยา่ งของการโตว้ าทใี นหวั ขอ้ “เขา้ หา้ งดกี วา่ เขา้ วดั ” โดยใชว้ ธิ จี บั สลากเลอื กขา้ งทจ่ี ะไดเ้ ป็นฝ่ายคา้ นหรอื ฝ่ายเสนอ ครงั้ แรกนายทวศี กั ดจิ ์ บั ไดฝ้ ่ายเสนอ “ ผมวา่ เขา้ วดั ดกี ว่าเขา้ หา้ ง เพราะในวดั มอี ะไรทด่ี ี ๆ กวา่ ในหา้ งมากมาย เช่น มพี ระสงฆท์ ม่ี คี วามประพฤตดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบ ใหเ้ ราไดเ้ หน็ เป็นแบบอยา่ งทด่ี งี าม มโี บสถว์ หิ ารทส่ี วยงามดแู ลว้ ทําใหใ้ จสงบ มโี อกาสไดฟ้ ังธรรมศกึ ษาธรรมจากพระสงฆ์ ในวดั มโี อกาสไดเ้ จรญิ จติ ภาวนาเพอ่ื ฝึกจติ ใหม้ คี วามสุขสงบซง่ึ มนุษยท์ กุ คนกย็ อ่ มปรารถนาความสุขอยแู่ ลว้ สงิ่ เหล่าน้ี ท่านจะไมม่ โี อกาสไดเ้ ลยเม่อื ทา่ นเขา้ หา้ งเพราะฉะนนั้ การเขา้ วดั จงึ ดกี ว่าเขา้ หา้ งแน่นอน” ในรอบถดั มา นายทวศี กั ดคิ ์ น เดมิ จบั สลากไดเ้ ป็นฝ่ายคา้ น “ผมวา่ เขา้ หา้ งดกี วา่ เขา้ วดั มากมาย กา้ วแรกทเ่ี ราก้าวขาเขา้ ไปกจ็ ะไดร้ บั ความสุขทนั ทคี อื ได้ สมั ผสั กบั แอรท์ เ่ี ยน็ สบาย ในหา้ งมสี ง่ิ ใหเ้ ลอื กสรรมากมาย อยากศกึ ษาธรรมะกม็ ศี ูนยห์ นงั สอื ธรรมะใหเ้ ลอื กศกึ ษา มี สนิ คา้ มากมายทใ่ี หเ้ ราเลอื กหาได้ มโี รงภาพยนตรใ์ หช้ ม มมี มุ ใหน้ งั่ พกั ผอ่ น มพี นกั งานขายและพนกั งานตอ้ นรบั ทส่ี วย และใจดคี อยใหค้ า แนะนํา และตอ้ นรบั ดว้ ยความยม้ิ แยม้ แจม่ ใส ซง่ึ สง่ิ ต่างๆ เหล่าน้เี ราจะหาเอาจากวดั ไมไ่ ดเ้ ลย เพราะฉะนัน้ ผมจงึ เหน็ ว่าการเขา้ หา้ งตอ้ งดกี วา่ เขา้ วดั แน่ๆ เลย” 1.16 อ้างพิธีรีตอง (Argumentum) คอื เป็นการสรา้ งสถานการณ์หรอื บรบิ ทบางอยา่ งขน้ึ มาเพ่อื ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ เกรงใจ แลว้ เสนอขอ้ อา้ งเป็นประเดน็ ขน้ึ มาเพ่อื นําไปส่ขู อ้ สรปุ อนั เป็นสงิ่ ทผ่ี อู้ า้ งไดก้ ําหนดเอาไวล้ ว่ งหน้าแลว้ โดยทผ่ี ฟู้ ังกย็ ากทจ่ี ะหลกี เลย่ี งได้ เชน่ ในงานวนั เกดิ ของขา้ ราชการท่านผนู้ ้อยกม็ กั จะเชญิ ผบู้ งั คบั บญั ชาระดบั สูงทม่ี สี ว่ น ไดส้ ว่ นเสยี ในตาํ แหน่งทางหน้าทก่ี ารงานของขา้ ราชการผนู้ ้อยนัน้ มาเป็นเกยี รตเิ ป็นประธานในงาน เสรจ็ แลว้ กอ็ าจจะมี ของชาํ รว่ ยทม่ี รี าคาแพง ๆ หลาย ๆ หมน่ื มอบใหแ้ ก่ผูบ้ งั คบั บญั ชาตดิ ไมต้ ดิ มอื กลบั ไปบา้ น โดยในขณะมอบกจ็ ะใชแ้ บบ มพี ธิ รี ตี อง คอื เชญิ ประธานในพธิ ขี น้ึ กลา่ วคา อวยพรวนั เกดิ บนเวทแี ลว้ คนของเจา้ ภาพซง่ึ จดั มาเป็นพธิ กี รในงานก็ กล่าวถงึ คุณงามความดขี องเจา้ ภาพในการปฏบิ ตั หิ น้าทร่ี าชการต่างๆ นานาเสรจ็ แลว้ กเ็ ชญิ เจา้ ภาพมอบของชํารว่ ยแก่ ประธานในพธิ ี ขณะนัน้ พธิ กี รกไ็ ดก้ ล่าววา่ เน่ืองจากเจา้ ภาพทจ่ี ดั งานในวนั น้เี ป็นผเู้ อาใจใสต่ ่อการปฏบิ ตั หิ น้าทร่ี าชการ เป็นอยา่ งดมี าโดยตลอดเพราะฉะนนั้ การเลอ่ื นขนั้ ในปี น้ที ่านผบู้ งั คบั บญั ชาคงตอ้ งมองไวแ้ ลว้ สองขนั้ เป็นอย่างน้อย กรณี อยา่ งน้ีเราจะเหน็ ไดเ้ สมอโดยเฉพาะในสงั คมไทย เป็นทน่ี ่าสงั เกตอกี ประการหน่งึ การอา้ งพธิ รี ตี องในลกั ษณะอย่างน้ีกาลงั เกดิ ขน้ึ กบั สงั คมของพระสงฆบ์ างสว่ นดว้ ย การอา้ งพธิ รี ตี องโดยมจี ุดมงุ่ หมายในลกั ษณะดงั กล่าวมาน้ีจดั เขา้ ในปฤจฉวาที

9 นอกแบบชนิดพดู ไมเ่ ขา้ เรอ่ื งแบบอา้ งพธิ รี ตี อง อยา่ งไรกต็ ามการอา้ งเหตุผลแบบน้ีมใิ ชว่ ่าจะเป็นเหตุผลวบิ ตั เิ สยี ทงั้ หมด ถา้ ทาํ ไดอ้ ยา่ งพอดแี ละเหมาะสมกจ็ ะทาใหเ้ กดิ ความงดงาม เพราะพธิ รี ตี องบางอยา่ ง เชน่ การจดั พธิ รี ตี องตามหลกั ของศาสนพธิ ที ใ่ี ชป้ ฎบิ ตั กิ นั อยใู่ นพธิ กี รรมทางดา้ นพระพุทธศาสนาเป็นสงิ่ สําคญั ในเบอ้ื งตน้ ทน่ี ําคนใหเ้ ขา้ ถงึ สงิ่ ดงี ามใน หลกั คา สอนของพระพุทธศาสนา 1.17 อ้างจาํ นวน (Appeal to number) คอื การอา้ งเอาสงิ่ ทค่ี นสว่ นมากปฏบิ ตั อิ ยมู่ าใชใ้ นการใหเ้ หตุผล การใหเ้ หตุผลแบบน้ีจงึ อาจไมเ่ ป็นจรงิ เสมอไป ในกรณเี ช่นน้ีจะตอ้ งมหี ลกั ฐานมายนื ยนั จงึ จะยอมรบั ได้ เช่น อา้ งว่าการด่มื สรุ าเป็นสง่ิ ทด่ี ี มปี ระโยชน์ต่อรา่ งกาย เพราะคนในสงั คมทไ่ี หนๆ เขากด็ ่มื สรุ ากนั ทงั้ นนั้ การอา้ งจาํ นวนในลกั ษณะน้ีจะ เหน็ ว่าไมส่ มเหตุสมผล เพราะคนจาํ นวนมากอาจด่มื สรุ ากจ็ รงิ แต่กม็ ใิ ชว่ ่าการด่มื สุรานนั้ เป็นสงิ่ ทด่ี แี ละมปี ระโยชน์ต่อ รา่ งกาย เพราะมหี ลกั ฐานทางการแพทยย์ นื ยนั ว่า เมอ่ื ด่มื สรุ าเป็นเวลานานตดิ ต่อกนั กอ็ าจเป็นโรคตบั แขง็ ไดอ้ นั ทจ่ี รงิ สรุ า กอ็ าจมปี ระโยชน์อย่บู า้ ง ถา้ ดม่ื เป็นบางครงั้ บางคราว หรอื นา มาด่มื เพอ่ื เจรญิ อาหารหรอื ใชผ้ สมยาบางชนิดแลว้ ก่อใหเ้ กดิ สรรพคุณทางยาชนดิ นนั้ ๆ ถา้ ใชข้ อ้ อา้ งวา่ การด่มื สุราเป็นเวลานานตดิ ต่อกนั เป็นสงิ่ ทด่ี มี ปี ระโยชน์ต่อรา่ งกายเพราะคน จาํ นวนมากเขากด็ ่มื สุรา การอา้ งจาํ นวนเพ่อื สนบั สนุนขอ้ เสนอน้ีจงึ ไมส่ มเหตุสมผล เพราะมหี ลกั ฐานทางการแพทยย์ นื ยนั ว่า หากด่มื สุราเป็นเวลานานตดิ ต่อกนั กอ็ าจเป็นโรคตบั แขง็ ได้ 1.18 เย้ยหยนั ขู่ (Appeal to laughter) คอื การใชค้ าํ เยย้ หยนั ขแู่ ทนการใหเ้ หตุผลทแ่ี ทจ้ รงิ ไดแ้ ก่ แทนทจ่ี ะ ใชเ้ หตุผลตอบโตค้ ตู่ ่อสู้ กลบั ใชค้ าํ พดู เยาะเยย้ ผทู้ ไ่ี มเ่ หน็ ดว้ ยใหไ้ ดร้ บั ความอบั อายตวั อยา่ งเช่น ในสมยั หน่ึงมพี รรคการ เมอื งไทยพรรคหน่ึงไดร้ บั การเลอื กตงั้ ทม่ี เี สยี งขา้ งมากในสภาผแู้ ทนราษฎร เมอ่ื พรรคการเมอื งน้ีจดั ตงั้ รฐั บาลกม็ ี ความเหน็ ขดั แยง้ กนั อยา่ งรุนแรงภายในพรรคเดยี วกนั จนทาํ ใหส้ มาชกิ ทเ่ี ป็นผแู้ ทนราษฎรในพรรคกลุ่มหน่งึ แยกตวั ออกไปสนบั สนุนพรรคทม่ี เี สยี งขา้ งน้อยใหก้ ลายมาเป็นเสยี งขา้ งมากและเป็นฝ่ายจดั ตงั้ รฐั บาล และผแู้ ทนกลุม่ ทแ่ี ยกตวั ออกมาจงึ ถกู เยย้ หยนั จากกลมุ่ สส. ในพรรคการเมอื งเดมิ ว่า “สส.กลุ่มงเู ห่า” และต่อมา (พ.ศ. 2551) ไดม้ กี รณเี หตุการณ์ ในลกั ษณะเดยี วกนั น้ีเกดิ ขน้ึ อกี ในการเมอื งของไทย สส. กลมุ่ ทแ่ี ยกตวั ออกไปกถ็ กู เยย้ หยนั จากกลุ่ม สส. ในพรรค การเมอื งเดมิ ว่าเป็น สส.กลุม่ งเู หา่ เหมอื นกนั เมอ่ื มกี ารประชุมในสภาผแู้ ทนราษฎรผแู้ ทนในฝ่ายพรรคการเมอื งเดมิ ท่าน หน่ึงไดย้ นื ขน้ึ อภปิ รายมขี อ้ ความตอนหน่ึงเป็นทํานองเยย้ หยนั ขวู่ ่า “ทา่ นประธานทเ่ี คารพ ขณะน้ไี ดม้ ี สส.กลุ่มงเู หา่ ภาค สองเกดิ ขน้ึ แลว้ ครบั เป็นการหกั หลงั และทรยศประชาชน ขอใหป้ ระชาชนจงจาํ สส.กลมุ่ น้ไี วใ้ หด้ แี ลว้ อยา่ ไดเ้ ลอื กเขา้ มา เป็นตวั แทนของทา่ นอกี ในครงั้ ต่อไป” ในอกี กรณหี น่งึ เลขานุการของผจู้ ดั การของบรษิ ทั แห่งหน่ึงทาํ ความผดิ กฎของ บรษิ ทั คอื ยกั ยอกเอาเงนิ ของบรษิ ทั มาเป็นของตนเอง เมอ่ื ฝ่ายบญั ชขี องบรษิ ทั ตรวจสอบพบว่าเงนิ ของบรษิ ทั หายไปและ ตรวจสอบพบหลกั ฐานว่าเลขานุการของผจู้ ดั การเป็นผยู้ กั ยอกเอาเงนิ ของบรษิ ทั ไป จงึ นําเรอ่ื งน้ไี ปปรกึ ษากบั ผจู้ ดั การ เน่ืองจากเลขานุการคนน้เี ป็นผมู้ คี วามใกลช้ ดิ สนิทสนมกบั ผจู้ ดั การมาก ดงั นนั้ ผูจ้ ดั การไมอ่ ยากใหเ้ รอ่ื งดงั กล่าวถูก เปิดเผย จงึ เรยี กเลขานุการและฝ่ายบญั ชขี องบรษิ ทั เขา้ มาพบเพอ่ื ทําขอ้ ตกลงใหท้ งั้ สองฝ่ายเลกิ แลว้ ต่อกนั ส่วนเงนิ ทถ่ี ูก ยกั ยอกผจู้ ดั การจะหามาคนื ใหเ้ อง แลว้ คนทงั้ สองกเ็ ดนิ ออกจากหอ้ งผจู้ ดั การพรอ้ มกนั ขณะเดยี วกนั เลขานุการพดู ขน้ึ มา ว่า “ น้ํา หน้าอย่างแกเกดิ อกี สบิ ชาตกิ ไ็ ม่มวี นั เอาชนะฉนั ไดห้ ลอกคดิ หรอื ว่าผจู้ ดั การเขาจะเช่อื แก ฉนั จะใหผ้ ูจ้ ดั การเฉด หวั แกออกจากบรษิ ทั น้ีวนั ใดกไ็ ด้ งา่ ยนดิ เดยี ว” กรณนี ้ีเป็นการพดู เยย้ หยนั ขแู่ ทนการใชเ้ หตุผลทแ่ี ทจ้ รงิ ซง่ึ ฝ่ายหน่งึ เป็น

10 ฝ่ายทย่ี ดึ หลกั ของเหตุผลโดยการทาํ หน้าทอ่ี ยา่ งซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ตามกฎ กตกิ า ระเบยี บ ของบรษิ ทั แต่อกี ฝ่ายหน่ึงกลบั มไิ ด้ ยดึ หลกั ของเหตุผลตามกฎ กตกิ า ระเบยี บ ของบรษิ ทั จากตวั อยา่ งในกรณที ย่ี กมาในกรณหี ลงั น้ฝี ่ายยดึ หลกั เหตุผลอาจ เพลย่ี งพล้าํ ไดง้ า่ ยเน่อื งจากในบรบิ ทขององคก์ รทม่ี ลี กั ษณะอยา่ งน้ีฝ่ายทม่ี ไิ ดย้ ดึ หลกั เหตุผลมโี อกาสทจ่ี ะทาํ อะไรได้ มากกว่าฝ่ายทย่ี ดึ หลกั เหตุผลนนั่ เอง สรปุ ท้ายบท ปฤจฉวาทหี รอื การใหเ้ หตุผลหลอกล่อ เป็นความผดิ พลาดหรอื ความสบั สนในการใชเ้ หตุผล ซง่ึ การใชเ้ หตุผลแบบ น้ีจะทา ใหผ้ ฟู้ ังเกดิ ความฉงนสนเทห่ ไ์ มร่ วู้ ่าหมายถงึ อะไรกนั แน่ ปฤจฉวาทนี อกแบบชนดิ พดู ไมเ่ ขา้ เรอ่ื ง บางครงั้ อาจ เรยี กว่าเหตุผลวบิ ตั ทิ างจติ วทิ ยากไ็ ดเ้ พราะว่าการอา้ งเหตุผลในลกั ษณะน้จี ะเป็นไปในทางจติ วทิ ยามากกว่าการใชเ้ หตุผล ตามหลกั การ

11 เอกสารอ้างอิงประจาํ บท กรี ติ บุญเจอื , ตรรกวทิ ยาสญั ลกั ษณ์เบอ้ื งตน้ . .พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10, กรงุ เทพฯ :บรษิ ทั สา นกั พมิ พไ์ ทย วฒั นาพานิชจา กดั , 2543. จาํ นง ทองประเสรฐิ ,ตรรกศาสตร์ ศลิ ปะแหง่ การนิยามความหมายและการใหเ้ หตุผล,พมิ พค์ รงั้ ท1่ี 1, กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2538. ทวศี กั ดิ ์ทองทพิ ย,์ ตรรกศาสตรเ์ บอ้ื งตน้ ,บุรรี มั ย:์ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วทิ ยา เขตสุรนิ ทร์ โครงการขยายหอ้ งเรยี น วดั พระพทุ ธบาทเขากระโดง จงั หวดั บุรรี มั ย,์ 2550. บรรจง โสดาด,ี การใชต้ รรกะในวธิ กี ารสอนของพระโพธญิ าณเถระ (ชา สุภทฺโท) วทิ ยานพิ นธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าปรชั ญา, บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, 2546. มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั . 2539.

12 บรรณานุกรม กรี ติ บญุ เจอื . ตรรกวทิ ยาทวั่ ไป. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 8. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สา นกั พมิ พไ์ ทยวฒั นาพานิช,2532. . ตรรกวทิ ยาสญั ลกั ษณ์เบอ้ื งตน้ . พมิ พค์ รงั้ ท่ี 10. กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สา นกั พมิ พไ์ ทยวฒั นาพานิช, 2538. จติ รา ทบั แสง, ตรรกวทิ ยาทวั่ ไป.(กรงุ เทพฯ: หจก. ไอเดยี สแควร.์ ม.ป.ป.). จาํ นง ทองประเสรฐิ . ตรรกศาสตร.์ พมิ พค์ รงั้ ท่ี 11.กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พม์ หาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , 2538. ชเอญิ ศรี อศิ รางกูร ณ อยธุ ยา และ วโิ รจน์ นาคชาตร.ี การใชเ้ หตุผล. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2. กรงุ เทพฯ : สาํ นกั พมิ พม์ หาวทิ ยาลยั รามคา แหง, 2542. บรรจง โสดาด.ี การใชต้ รรกะในวธิ กี ารสอนของพระโพธญิ าณเถระ (ชา สุภทโท) วทิ ยานพิ นธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าปรชั ญา, บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ 2546.

13


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook