คมู่ ือ ใบกำกับภำษีกรมสรรพำกร…………………………………………………………………………………………………………………..........
คำนำ ใบกากับภาษี ถือเป็นเอกสารหลักฐานสาคัญอย่างหนึ่งของระบบภาษีมูลค่าเพิ่มซงึ่ ผูป้ ระกอบการจดทะเบยี นภาษมี ูลคา่ เพ่มิ มีหนา้ ที่ต้องจัดทา และออกให้แก่ผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการทุกคร้ังที่มีการขายสินค้าหรือการให้บริการ โดยเมื่อวันท่ี 1 กุมภาพันธ์ 2555 กรมสรรพากรได้ออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากรกาหนดให้ผู้เสียภาษีอากรทุกประเภทท้ังท่ีเป็นบุคคลธรรมดาคณะบุคคล บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ใช้เลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลัก แทนเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากร 10 หลัก ท่ีใช้อยู่เดิมในการติดต่อกับกรมสรรพากร แ ล ะ ป ร ะ ก า ศ อ ธิบ ดีก ร ม ส ร ร พ า ก ร เ กี่ย ว กับ ภ า ษีมูล ค่า เ พิ่ม(ฉบับที่ 199) ลงวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 กาหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมที่จัดทาใบกากับภาษีแบบเต็มรูปแบบ จะต้องระบุเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการโดยให้มผี ลบังคับใช้ต้ังแต่วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้มีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการท่ีเป็นบริษัทหรือหา้ งหุน้ ส่วนนติ บิ คุ คลจดั ทาบญั ชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพท่ีแท้จริงของกิจการ (บัญชีชุดเดียว)ทาให้รัฐบาลสามารถวิเคราะห์และวางแผนในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการได้ตรงต่อความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้เกิดมาตรการบัญชีชุดเดียวขึ้น ตามพระราชกาหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเก่ียวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรวา่ ด้วยลดอัตราและยกเวน้ รัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2559และในขณะเดียวกันการจัดทาบัญชีชุดเดียวยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการนาระบบ e-Payment มาใช้ ซ่งึ มีสว่ นส่งเสริมในการทาธุรกรรมและการบริหารเงินของผู้ประกอบการใหเ้ ปน็ ไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเกิดประสิทธิภาพ อันจะส่งผลสาเร็จต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมต่อไป ตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างระบบการชาระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan)โดยแผนดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาระบบการชาระเงินของประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบการชาระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) อย่างครบวงจร โดยโครงการระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในแผนงานดังกล่าวด้วย ซึ่งจะได้มีการพัฒนาระบบ e-Tax Invoice อันจะเป็นส่วนหนึ่งท่ีจะช่วยให้e-payment สามารถดาเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพย่ิงขึ้นดังน้ันคู่มือเล่มนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อท่ีจะให้ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร จ ด ท ะ เ บี ย น ภ า ษี มู ล ค่ า เ พ่ิ ม ไ ด้ เ ต รี ย ม ตั ว เ พ่ื อ ร อ ง รั บ กั บ ร ะ บ บ ภ า ษี แ ล ะ เ อ ก ส า ร ธุ ร ก ร ร มอเิ ล็กทรอนกิ ส์ทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ในอนาคต ไดม้ ีความรู้ ความเข้าใจ เก่ียวกับรายละเอียดการจัดทาใบกากับภาษีแบบเต็มรูป ใบกากับภาษีอย่างย่อ เพ่ือท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องครบถ้วน กรมสรรพากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทาเอกสารเผยแพร่คู่มือใบกากับภาษีมูลค่าเพ่ิมสาหรบั ผูป้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจท่ัวไปไดเ้ ปน็ อย่างดี กรมสรรพากร ตลุ าคม 2559 พพ
สารบญับทนา................................................................………………………………………………………………..1ร้จู ักกับใบกากบั ภาษ.ี ..................................................................................................................1การออกใบกากับภาษี…………………………….……………………………………………………………………..1ผมู้ หี นา้ ท่อี อกใบกากับภาษี…………………………………………………………………………………………….2ขอ้ หา้ มการออกใบกากับภาษี……………………………………………………………………..………………….2ประเภทของใบกากับภาษี……………………………………………………………………………………………..3กรณที ่ีไม่ต้องออกใบกากับภาษี………………………………………………………………………………….….3ใบกากบั ภาษแี บบเตม็ รปู ………………………………………………………………………………………………4วิธีการจัดทารายการของใบกากับภาษแี บบเตม็ รูป…………………………………………………………..๙ตวั อยา่ งใบกากบั ภาษีแบบเต็มรปู …………………………………………………………………………….……10ใบกากบั ภาษีอยา่ งย่อ………………………………………………………………………………………….………11ตวั อยา่ งใบกากับภาษีอย่างย่อ………………………………………………………………………………….…..13การใชเ้ คร่ืองบนั ทกึ การเก็บเงนิ เพื่อออกใบกากบั ภาษอี ย่างยอ่ ……………………………………..…..14การเกบ็ รกั ษาใบกากับภาษี……………………………………………………………………………..…………..14บทกาหนดโทษ…………………………………………………………………………………………………..…….15การจดั ทาบัญชี รายงาน บัญชีพิเศษ ตามท่ีกฎหมายกาหนด…………………………………………..15มาตรการบัญชีชุดเดียว และ National e-Payment.……………………………………………………16
บทนา ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบกิจการท่ีมีรายรับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการเป็นปกติธุระ ไม่ว่าจะประกอบกิจการในรูปแบบของบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญหรอื นติ ิบคุ คลใด ๆ หากมรี ายรับเกินกว่า 1.8 ล้านบาทตอ่ ปี มีหน้าที่ต้องยื่นคาขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมเพ่ือเปน็ ผู้ประกอบการจดทะเบยี นภาษีมูลคา่ เพิม่ (ผ้ปู ระกอบการจดทะเบียน) และต้องยื่นคาขอจดทะเบียนฯตอ่ กรมสรรพากรภายใน 30 วนั นับแตว่ ันที่มรี ายรับเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (ถ้ามีรายรับไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หากประสงค์จะขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็สามารถทาได้เช่นกัน) และเมื่อเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมแล้ว กฎหมายยังได้กาหนดให้มีหน้าท่ีต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพ่ิมจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ ออกใบกากับภาษีทุกคร้ังท่ีมีการขายสินค้าหรือให้บริการ จัดทารายงานตามที่กฎหมายกาหนด และย่ืนแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเห็นได้ว่าการออกใบกากับภาษีเป็นหน้าท่ีหน่ึงของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องจัดทา และต้องจัดทาใบกากับภาษีทุกคร้ังท่ีมีการขายสินค้าหรือให้บริการ มิเช่นนั้นจะมีความผิด ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจาคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือท้ังจาท้ังปรับดังน้ัน ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มควรจะได้ศึกษาทาความเข้าใจในการจัดทาใบกากับภาษีเพ่อื ที่จะปฏิบัตไิ ด้อยา่ งถกู ต้องและครบถว้ นตามที่กฎหมายกาหนดไว้ร้จู ักกบั ใบกากบั ภาษี ใบกากับภาษี (Tax Invoice) คือ เอกสารหลักฐานสาคัญ ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องจัดทา และออกใบกากับภาษีให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรอื ให้บริการ เพอ่ื แสดงมลู คา่ ของสนิ ค้าหรอื บริการ และจานวนภาษมี ูลคา่ เพ่ิม ท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนเรยี กเกบ็ หรอื พงึ เรียกเกบ็ จากผู้ซื้อสินคา้ หรอื ผู้รับบริการในแตล่ ะคร้ังการออกใบกากบั ภาษี กรณกี ารขายสินคา้ ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีหน้าที่ต้องจัดทาใบกากับภาษี พร้อมท้ังส่งมอบให้แก่ผู้ซ้ือสินค้าในทันทีที่มีการส่งมอบสินค้า หรือเม่ือได้มีการโอนกรรมสิทธ์ิในสินค้าให้กับผู้ซ้ือก่อนส่งมอบสินค้า หรือเมื่อได้รับชาระราคาสนิ คา้ ก่อนส่งมอบสินค้าใหแ้ กผ่ ู้ซอื้ แลว้ แตก่ รณี กรณีการให้บรกิ าร ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมีหน้าที่ต้องจัดทาใบกากับภาษี พร้อมทั้งส่งมอบให้แก่ผู้รับบริการในทันทีท่ีได้รับชาระค่าบริการ หรือเมื่อได้มีการใช้บริการน้ันไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอ่ืนก่อนไดร้ ับชาระคา่ บรกิ าร แล้วแตก่ รณี นอกจากน้ี ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องจัดทาสาเนาใบกากับภาษี และเก็บรักษาสาเนาใบกากับภาษไี ว้ ณ สถานประกอบการ หรือสถานท่ีอนื่ ทอ่ี ธิบดกี าหนดเป็นเวลาไมน่ ้อยกวา่ 5 ปี 1
ผู้มีหนา้ ท่อี อกใบกากับภาษี 1. ผูป้ ระกอบการจดทะเบียนทเ่ี สยี ภาษีมูลคา่ เพิ่ม โดยคานวณจากภาษขี ายหกั ดว้ ยภาษซี ้อื 2. ผู้ขายทอดตลาดที่มิใช่ส่วนราชการ ซ่ึงขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยให้ผู้ขายทอดตลาดออกใบกากบั ภาษีในนามของผ้ปู ระกอบการจดทะเบียนเจ้าของทรพั ย์สิน (มาตรา 86/3และคาสง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.87/2542) 3. ตัวแทนในราชอาณาจักร ของผู้ประกอบการจดทะเบียนในราชอาณาจักร โดยมีการตั้งตัวแทนเพ่อื ขายและไดส้ ง่ มอบสนิ ค้าให้ตัวแทนแล้ว ทง้ั นี้ เฉพาะสัญญาการแต่งต้ังตัวแทนเพื่อขายตามประเภทของสนิ คา้ (มาตรา 86 วรรคส)่ี 4. ตวั แทนในราชอาณาจักร ของผปู้ ระกอบการจดทะเบียนที่อย่นู อกราชอาณาจักร ซึ่งได้ย่ืนคาขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากร ตามมาตรา 86/2 โดยตัวแทนจะต้องออกใบกากับภาษีในนามของผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นท่ีอยู่นอกราชอาณาจักร ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงอื่ นไขทอี่ ธบิ ดกี าหนด 5. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร และเข้ามาประกอบกิจการขายสินค้าหรือใหบ้ ริการในราชอาณาจกั รเปน็ ครัง้ คราว (มาตรา 85/3 และมาตรา 86 วรรคสอง) 6. ผู้ประกอบการจดทะเบียนท่ีถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะเลิกประกอบกิจการ หรืออธิบดีสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม อธิบดีกรมสรรพากรจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการทถ่ี กู ขดี ชื่อออกจากทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมดังกล่าว ออกใบกากับภาษี ใบเพ่ิมหนี้ หรือใบลดหน้ีต่อไปเป็นการช่วั คราวจนกวา่ จะหยดุ ประกอบกจิ การ (มาตรา 86/11) 7. ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพ่ิม ที่ได้แจ้งขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับอนุมัติให้เสียภาษีมูลค่าเพ่ิม โดยคานวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละเดือนภาษี (มาตรา 82/3)ข้อหา้ มการออกใบกากบั ภาษี 1. ห้ามบุคคลซ่ึงมิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียน กล่าวคือ ผู้ประกอบการซึ่งประกอบกิจการขายสนิ คา้ หรือใหบ้ ริการในทางธุรกจิ หรือวชิ าชพี แตม่ ไิ ด้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม ตามมาตรา 85 หรือมาตรา85/1 2. ห้ามผู้ประกอบการจดทะเบียนซ่ึงมิได้มีการขายสินค้าหรือให้บริการจริง กล่าวคือการออกใบกากับภาษีตามกฎหมายน้ัน นอกจากผู้ออกจะต้องมีฐานะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนแล้วยังต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ประกอบการจดทะเบียนได้มีการขายสินค้าหรือให้บริการเกิดขึ้น จึงจะถือเป็นเหตุตามกฎหมายที่จะต้องออกใบกากับภาษีนั้นได้ ดังน้ัน แม้จะเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนหากมิได้ขายสินค้าหรือให้บริการเกิดขึ้นจริงแล้วออกใบกากับภาษีแล้ว อาจต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา นอกจา กนี้ยงั มผี ลไปถึงผปู้ ระกอบการซ่งึ นาใบกากับภาษีดังกลา่ วไปใช้ในการเครดิตภาษีดว้ ย 3. ห้ามผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้ให้ตัวแทนของตนออกใบกากับภาษีแทนตน ตามมาตรา 86/2 เน่ืองจากประมวลรัษฎากรกาหนดให้ตัวแทนทาหน้าที่ในการออกใบกากับภาษี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกาหนดแทนผู้ประกอบการจดทะเบียนที่อยู่นอกราชอาณาจกั รแล้ว 2
4. ผู้ประกอบการจดทะเบียนท่ที รัพย์สนิ ถกู นาขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอ่ืนโดยบุคคลอื่นตามมาตรา 83/5 เน่ืองจากประมวลรัษฎากรกาหนดให้หน้าท่ีในการออกใบกากับภาษีเป็นของ ผู้ขายทอดตลาดประเภทของใบกากบั ภาษี 1. ใบกากบั ภาษแี บบเต็มรูป (มาตรา 86/4) 2. ใบกากับภาษอี ย่างย่อ (มาตรา 86/6) 3. ใบเพ่ิมหนี้ (มาตรา 86/9) 4. ใบลดหน้ี (มาตรา 86/10) 5. ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาดหรือโดยวิธีอื่นตามมาตรา83/5 6. ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรที่ออกให้สาหรับการชาระภาษีมูลค่าเพ่ิมตามมาตรา83/6 หรือมาตรา 83/7 (มาตรา 86/14) 7. ใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร หรือกรมสรรพสามิต ออกให้ในการเรียกเก็บภาษมี ลู คา่ เพมิ่ เพอ่ื กรมสรรพากร (มาตรา 86/14) ในส่วนน้ีจะขอกล่าวถึงเฉพาะใบกากับภาษีแบบเต็มรูป และใบกากับภาษีอย่างย่อเท่าน้ัน ซ่ึงจะได้อธบิ ายในหัวขอ้ ต่อไปกรณีท่ไี ม่ต้องออกใบกากบั ภาษี ผู้ประกอบการจดทะเบียนท่ีขายสินค้าหรือให้บริการ ต้องออกใบกากับภาษีทุกคร้ังที่มีการขายสินค้าหรือการให้บริการ เว้นแต่ ในกรณีดังต่อไปน้ี มีกฎหมายและแนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากรใหส้ ทิ ธิเลอื กไม่ต้องออกใบกากับภาษีก็ได้ 1. การขายสนิ ค้าหรอื ให้บริการรายย่อย กาหนดให้กิจการรายย่อยไม่ต้องออกใบกากับภาษี สาหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการท่ีมีมูลค่าคร้ังหน่ึงไม่เกิน 1,000 บาท เว้นแต่ ผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการจะเรียกร้องใบกากับภาษี สาหรบั กิจการดงั ตอ่ ไปน้ี 1.1 การขายสนิ ค้าหรือให้บริการ ซ่ึงผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่เคยมีมูลค่าของฐานภาษใี นเดอื นใดถงึ 300,000 บาท 1.2 การขายสินค้าหรือให้บริการซ่ึงผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการแตล่ ะแหง่ เป็นรถเข็น แผงลอย หรือหน่วยงานท่ีมีลักษณะทานองเดียวกนั 1.3 การให้บริการการแสดง การเล่น การกีฬา การแข่งขัน การประกวดหรือการกระทาใด ๆ ในลักษณะทานองเดียวกนั ที่จดั ขนึ้ เพื่อเกบ็ เงินจากผดู้ ู ผฟู้ ัง ผเู้ ลน่ หรือผเู้ ข้าแขง่ ขนั 1.4 การประกอบกจิ การให้บริการโทรศัพท์สาธารณะ 3
1.5 การประกอบกิจการใหบ้ รกิ ารทางพิเศษหรอื ทางหลวงสัมปทาน 1.6 การประกอบกจิ การให้บริการสนามบนิ 1.7 การประกอบกิจการให้บริการสาธารณะท่ีเก่ียวเน่ืองกับกิจการขนส่งมวลชน เช่นการใหบ้ รกิ ารสถานทจี่ อดรถหรอื ใหบ้ รกิ ารหอ้ งสขุ าแกป่ ระชาชนผู้มาใช้บริการรถไฟฟา้ 2. การขายนา้ มนั เชื้อเพลิงของสถานบริการน้ามนั การขายน้ามันเชื้อเพลิงของสถานบริการน้ามันโดยผ่านมิเตอร์หัวจ่ายอันมีลักษณะเป็นการขายสินค้าหรือให้บริการรายย่อยแก่บุคคลจานวนมาก มีสิทธิท่ีจะขายน้ามันเช้ือเพลิงโดยไม่ต้องออกใบกากับภาษีสาหรับการขายน้ามันเชื้อเพลิงที่มีมูลค่าคร้ังหน่ึงไม่เกิน 1,000 บาท เว้นแต่ผู้ซื้อสินค้าจะเรียกร้องใบกากับภาษี โดยจะต้องยื่นคาขออนุมัติต่ออธิบดีกรมสรรพากรพร้อมแนบเอกสารหลักฐาน ได้แก่สาเนา ภ.พ.20 สาเนาใบอนุญาตเปน็ ผคู้ า้ น้ามัน หรือใบทะเบียนจัดตั้งสถานีบริการน้ามันตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ามันเช้ือเพลิง และแผนผังแสดงท่ีต้ังพร้อมท้ังจานวนหัวจ่ายน้ามันเช้ือเพลิงและถังเก็บน้ามันตามกฎหมายใบกากับภาษีแบบเต็มรปู ผู้ประกอบการจดทะเบียนโดยท่ัวไป มีหน้าท่ีต้องออกใบกากับภาษีแบบเต็มรูปให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ (เว้นแต่ ผู้ประกอบกิจการค้าปลีกซึ่งมีสิทธิออกใบกากับภาษีอย่างย่อ) โดยใบกากับภาษีแบบเตม็ รปู ตอ้ งมรี ายการอยา่ งน้อยดังต่อไปนี้ 1. คาวา่ “ใบกากับภาษี” ในทีท่ ่เี หน็ ได้เดน่ ชัด คาว่า “ใบกากับภาษี” เป็นข้อความท่ีกฎหมายบังคับให้ต้องระบุไว้ในเอกสารซ่ึงมีความมุ่งหมายให้เป็นใบกากับภาษี นอกจากน้ี ในกรณผี ้ปู ระกอบการจดทะเบียนประสงค์จะจัดทาใบกากับภาษีแบบเต็มรูปรวมกับเอกสารทางการค้าอ่ืน เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบส่งของ ใบแจ้งหน้ี ซึ่งมีจานวนหลายฉบับอยู่ในชุดเดียวกัน และใบกากบั ภาษีมิใช่เอกสารฉบับแรกของเอกสารดงั กลา่ ว ใหป้ ฏิบัตดิ ังต่อไปน้ี (1) ในใบกากับภาษีและสาเนาใบกากับภาษขี องเอกสารชดุ ดังกล่าว จะต้องมีข้อความว่า“เอกสารออกเปน็ ชุด” ไว้ด้วย (2) ในสาเนาของใบกากับภาษี จะต้องมีข้อความว่า “สาเนาใบกากับภาษี” ไว้ด้วยข้อความวา่ “เอกสารออกเป็นชุด” และ “สาเนาใบกากับภาษี” ตามวรรคหนึ่ง จะต้องตีพิมพ์ขึ้นหรือจัดทาข้ึนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ในกรณีจัดทาใบกากับภาษีข้ึนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ท้ังฉบับ จะประทับด้วยตรายางเขยี นด้วยหมึก พมิ พ์ดดี หรือกระทาใหป้ รากฏข้ึนด้วยวิธีการอนื่ ในลกั ษณะทานองเดียวกนั ไม่ได้ 2. รายการคาว่า “ชื่อ ท่ีอยู่ และเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบยี นทีอ่ อกใบกากับภาษี” (ก) ช่ือของผู้ออกใบกากับภาษี หมายถึง ช่ือผู้ประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม หรือชื่อสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือช่ือการค้าของสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบยี นภาษีมลู คา่ เพิ่ม ช่ือของผู้ออกใบกากับภาษีจะใชช้ ่อื ย่อไม่ได้ 4
กรณีชื่อผู้ออกใบกากับภาษีหรือผู้รับใบกากับภาษีท่ีมีสถานะเป็นนิติบุคคล คาท่ีบอกสถานะสามารถใชค้ าย่อแทนได้ ดงั น้ี(1) บริษัท จากดั ใชค้ าย่อวา่ บ. ... จก. หรือ บจ.(2) บรษิ ทั (มหาชน) จากดั ใชค้ าย่อวา่ บมจ. ...(3) ห้างหุน้ สว่ นจากดั ใช้คาย่อวา่ หจก. ...(4) หา้ งหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ใช้คาย่อว่า หสน. ...(ข) ท่ีอยู่ของผู้ออกใบกากับภาษี หมายถึง ที่ตั้งของสถานประกอบการตามท่ีได้จดทะเบียนภาษมี ลู คา่ เพม่ิ (ภ.พ.20) ไว้ กรมสรรพากรได้มีประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เก่ียวกับภาษีมูลค่าเพ่ิม(ฉบับที่ 199) ลงวันท่ี 26 ธันวาคม 2556 กาหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้จัดทาใบกากับภาษีแบบเตม็ รูป จะต้องระบุข้อความรายการเก่ียวกับสถานประกอบการ ซ่ึงเป็นสถานที่ขายสินค้าหรือให้บริการไว้ในใบกากบั ภาษี ดงั นี้ (1) กรณีสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนไว้ในทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ.20) ของผู้ขายสินค้าหรือให้บริการเป็นสานักงานใหญ่ ให้ระบุข้อความคาว่า “สานักงานใหญ่”หรือระบุคาย่อท่ีแสดงได้ว่าเป็นสานักงานใหญ่ เช่น “สนญ.” “HO” “HQ” เป็นต้น หรือระบุเป็นตัวเลขศูนย์จานวนห้าหลัก (00000) เพื่อแสดงว่าตัวเลขศูนย์จานวนห้าหลัก (00000) เป็นรหัสของสานักงานใหญ่ ไวใ้ นใบกากบั ภาษดี ังกล่าวดว้ ย (2) กรณีสถานประกอบการตามท่ีได้จดทะเบียนไว้ในใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม(ภ.พ.20) ของผู้ขายสินค้าหรือให้บริการเป็นสาขา ให้ระบุข้อความคาว่า “สาขาที่ ...” โดยเลขที่ของสาขาให้ระบุเลขท่สี าขาตามทไ่ี ดจ้ ดทะเบยี นภาษีมลู ค่าเพิ่มไว้ เชน่ “สาขาที่ ...” “Branch No. …” “br.no …”เป็นต้น หรือระบุเป็นตัวเลขจานวนห้าหลักเพ่ือแสดงว่าเป็นรหัสของ “สาขาท่ี ...” เช่น 00001 ไว้ในใบกากบั ภาษีดงั กล่าวด้วย ข้อสงั เกต ขอ้ ความตาม (1) (2) จะตีพมิ พ์ หรือจัดทาขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ประทับด้วยตรายาง เขยี นดว้ ยหมึก พิมพ์ดีด ก็ได้ ท้ังนี้ สาหรับการจัดทาใบกากับภาษีแบบเต็มรูปท่ีได้จัดทาต้ังแต่วันที่1 มกราคม พ.ศ. 2558 เปน็ ตน้ ไป (ค) เลขประจาตัวผเู้ สยี ภาษีอากรของผู้ออกใบกากับภาษี ต้ังแต่วันท่ี 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป กรมสรรพากรได้กาหนดให้ผู้เสียภาษีสรรพากรทุกประเภท ท้ังท่ีเป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล บริษัท และห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใชเ้ ลขประจาตัวผูเ้ สยี ภาษีอากร 13 หลกั แทนเลขประจาตวั ผเู้ สียภาษีอากร 10 หลัก ท่ีใช้อยู่เดิมในการยื่นแบบแสดงรายการ การชาระภาษี การหักภาษีเงินได้ ณ ท่ีจ่าย การติดต่อราชการกับกรมสรรพากร รวมท้ังการจัดเอกสารต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง ได้แก่ การจัดทาใบกากับภาษี การจัดทาใบเสร็จรับเงิน เป็นต้นโดยการใช้เลขประจาตวั ผเู้ สียภาษีอากร 13 หลกั นนั้ ไดแ้ บ่งการใชอ้ อกตามประเภทของผเู้ สียภาษอี ากร ดงั นี้ 5
(1) ผู้เสียภาษีประเภทบุคคลธรรมดา ให้ใช้เลขประจาตัวประชาชน 13 หลักทีก่ รมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกให้ เป็นเลขประจาตัวผู้เสยี ภาษอี ากร (2) ผู้เสียภาษีประเภทนิติบุคคลไทย หรือนิติบุคคลต่างประเทศ ที่ต้องจดทะเบียนหรือขออนุญาตกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ใช้เลขทะเบียนนิติบุคคลท่ีกรมพัฒนาธุรกิจการคา้ กระทรวงพาณชิ ย์ ออกให้ เป็นเลขประจาตวั ผ้เู สยี ภาษีอากร (3) ผเู้ สยี ภาษีทีไ่ มเ่ ขา้ หลักเกณฑ์ตามขอ้ 1 และขอ้ 2 ให้ใช้เลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลกั ท่กี รมสรรพากรออกให้ 3. รายการ “ชอื่ ทอ่ี ยู่ ของผูซ้ ือ้ สนิ ค้าหรือผ้รู บั บรกิ าร” (ก) “ชื่อ” ของผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการ หมายถึง ช่ือผู้ประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม หรือช่ือสถานประกอบการ หรือช่ือการค้าของสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษมี ูลค่าเพิม่ กรณีบุคคลธรรมดาหมายความรวมถึง นามสกลุ ดว้ ย (ข) “ที่อยู่ของผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการ” หมายถึง ท่ีต้ังของสถานประกอบการตามที่ไดจ้ ดทะเบยี นภาษีมลู ค่าเพม่ิ ไว้ ตั้งแต่วันท่ี 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป กรมสรรพากรได้มีประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเก่ียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับท่ี 199) ลงวันท่ี 26 ธันวาคม 2556 กาหนดให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ได้จัดทาใบกากับภาษีแบบเต็มรูป จะต้องระบุเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการซ่ึงเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนไว้ในใบกากับภาษี รวมท้ังจะต้องระบุข้อความรายการเก่ียวกับสถานประกอบการของผ้ซู อื้ สินคา้ หรือผู้รบั บริการตามท่ีได้จดทะเบียนภาษีมูลคา่ เพิ่มไวใ้ นใบกากบั ภาษี ดังน้ี (1) กรณีสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการเป็นสานักงานใหญ่ ให้ระบุข้อความคาว่า “สานักงานใหญ่” หรือระบุคาย่อท่ีแสดงได้ว่าเป็นสานักงานใหญ่ เช่น “สนญ.” “HO” “HQ” เป็นต้น หรือระบุเป็นตัวเลขศูนย์จานวนห้าหลัก (00000)เพอ่ื แสดงว่าตัวเลขศนู ย์จานวนหา้ หลัก (00000) เปน็ รหสั ของสานกั งานใหญไ่ ว้ในใบกากบั ภาษีดงั กล่าวด้วย (2) กรณีสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเป็นสาขา ให้ระบุข้อความคาว่า “สาขาที่ ...”โดยเลขท่ีของสาขาให้ระบุเลขที่สาขาตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม เช่น สาขาที่ 1 สาขาท่ี 01 เป็นต้น หรือระบุเป็นตัวเลขจานวนห้าหลักตามที่ปรากฏในใบทะเบยี นภาษีมูลคา่ เพมิ่ เพอ่ื แสดงว่าเป็นรหัสของ “สาขาท่ี ...” เช่น 00001 ไว้ในใบกากับภาษีดงั กล่าวด้วย ข้อสังเกต โดยขอ้ ความตามข้อ (1) ข้อ (2) จะตีพิมพ์ หรือจัดทาข้ึนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ประทับดว้ ยตรายาง เขียนด้วยหมึก พมิ พด์ ีด หรือทาให้ปรากฏขน้ึ ดว้ ยวธิ ีการอ่ืนใดในลกั ษณะทานองเดยี วกันก็ได้ 6
หมายเหตุ เนื่องจากผ้ขู ายสินค้าหรือผใู้ ห้บริการซงึ่ เป็นผูป้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการบางรายยังมีความเข้าใจคลาดเคล่ือนในทางปฏิบัติ เก่ียวกับการระบุเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซือ้ สนิ ค้าหรือผรู้ ับบรกิ ารในใบกากับภาษีแบบเตม็ รูปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพ่ิม (ฉบับท่ี 199) ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2556 กรมสรรพากรจึงได้ออกคาชี้แจงเก่ียวกับเร่ืองดงั กลา่ ว ดงั น้ี 1) ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการซ่ึงเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม ต้องระบุเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการไว้ในใบกากับภาษีแบบเต็มรูป เฉพาะกรณีผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมเท่านั้น ถ้าผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิม ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการก็ไม่จาต้องระบุเลขประจาตัวผู้เสียภาษอี ากรของผู้ซื้อสินค้าหรอื ผู้รบั บริการนัน้ ไวใ้ นใบกากับภาษีแต่อยา่ งใด กรณีผู้ขายสินคา้ หรอื ผู้ให้บริการซงึ่ เปน็ ผู้ประกอบการจดทะเบียน ได้แจ้งให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการแจ้งรายการเก่ียวกับเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากร โดยวิธีปิดเป็นประกาศ หรือแจ้งให้ลูกค้าทราบเป็นการท่ัวไปหรือเป็นรายบุคคล หรือแจ้งโดยวิธีการอื่นใดแล้ว หากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพ่ิมไม่ได้แจ้งรายการเลขประจาตัวผู้เสียภา ษีอากรให้ทราบหรอื แจง้ วา่ ไมไ่ ด้เปน็ ผปู้ ระกอบการจดทะเบียนภาษีมลู ค่าเพ่ิม และผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการได้ออกใบกากับภาษีโดยไม่ระบุเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการไว้ในใบกากับภาษีแบบเต็มรูปถือได้ว่าผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการมิได้มีเจตนาที่ออกใบกากับภาษีแบบเต็มรูปท่ีมีรายการไม่ครบถ้วนตามกฎหมายแตอ่ ย่างใด 2) ถ้าผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการมิได้แจ้งรายการเลขประจาตัวผู้เสียภาษีอากรและรายการเกี่ยวกบั สถานประกอบการดังกล่าวและได้รับใบกากับภาษีแบบเต็มรูปซ่ึงไม่มีรายการดังกล่าวน้ัน ภาษีซื้อตามใบกากับภาษีนั้นก็จะเป็นภาษีซ้ือต้องห้าม ไม่สามารถนาไปใช้ในการคานวณภาษีมูลค่าเพ่ิมได้ ตามมาตรา82/5 (2) แห่งประมวลรษั ฎากร และถ้าการทีไ่ มไ่ ด้แจ้งรายการดังกล่าวนั้นมีเจตนาท่ีจะหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรก็จะต้องรับผดิ ตามกฎหมายตอ่ ไป 3) กรณีผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ไม่ตอ้ งแจ้งเลขประจาตัวผู้เสยี ภาษอี ากรของตนเองให้แกผ่ ู้ขายสินค้าหรือผู้ใหบ้ รกิ ารแตอ่ ย่างใด 4. รายการ “หมายเลขลาดับของใบกากบั ภาษี และหมายเลขของเล่ม ถา้ มี” ใบกากับภาษีท่ีไม่มีหมายเลขลาดับไม่ให้นาไปคานวณเป็นภาษีซื้อ และในกรณีนี้ผู้ออกใบกากบั ภาษมี คี วามผดิ โดยมรี ายการในส่วนทเี่ ปน็ สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น ปรับไม่เกิน 2,000 บาท 5. รายการ “ชือ่ ชนิด ประเภท ปรมิ าณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบรกิ าร” ชื่อ ชนดิ ประเภท ของสนิ ค้าหรือของบริการให้ระบุเฉพาะชื่อ ชนิด ประเภทของสินค้าหรือของบริการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในใบกากับภาษี เว้นแต่ในกรณีท่ีมีความจาเป็นต้องระบุชื่อ ชนิดประเภทของสินค้าหรือของบริการท่ีไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพ่ิมในกากับภาษีด้วย ให้กระทาได้โดยต้องจัดให้มีเครอื่ งหมายหรือแยกรายการแสดงให้เห็นชดั เจนว่าเป็นสนิ ค้าหรอื บริการท่ีไมต่ ้องเสียภาษีมูลค่าเพ่ิม 7
6. รายการ “จานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คานวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการโดยใหแ้ ยกออกจากมลู คา่ ของสินค้าหรือของบริการให้ชดั แจ้ง” 7. รายการ “วัน เดอื น ปี ท่ีออกใบกากบั ภาษี” วัน เดือน ปี ที่ออกใบกากับภาษี เป็นรายการที่เป็นสาระสาคัญท่ีประมวลรัษฎากรกาหนดให้ต้องมีในใบกากับภาษี และเป็นส่ิงที่แสดงให้เห็นถึงวันที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดข้ึนคือ เปน็ วันที่ไดม้ กี ารสง่ มอบสินค้า โอนกรรมสทิ ธ์ใิ นสินค้าให้กับผู้ซ้ือ ได้มีการใช้บริการนั้นไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอน่ื ได้รับชาระคา่ สนิ ค้าหรอื บริการ หรือวันท่อี อกใบกากับภาษี วัน เดือน ปี ท่ีออกใบกากับภาษี จะใช้ตัวเลขแทนการระบุช่ือเดือนก็ได้ และใช้พทุ ธศักราช (พ.ศ.) หรอื คริสตศ์ กั ราช (ค.ศ.) ก็ได้ ในกรณีทผี่ ู้ประกอบการจดทะเบยี นประสงค์จะจัดทาใบกากบั ภาษีแบบเต็มรูปรวมกับเอกสารทางการคา้ อื่น เชน่ ใบเสร็จรับเงิน ใบส่งของ ใบแจ้งหน้ี ซึ่งมีจานวนหลายฉบับอยู่ในชุดเดียว และใบกากับภาษมี ิใชเ่ อกสารฉบบั แรกของเอกสารดงั กลา่ วให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ในใบกากับภาษีและสาเนาใบกากับภาษีของเอกสารชุดดังกล่าว จะต้องมีข้อความว่า“เอกสารออกเป็นชดุ ” ไว้ดว้ ย 2. ในสาเนาของใบกากับภาษี จะตอ้ งมขี ้อความว่า “สาเนาใบกากบั ภาษี” ไวด้ ้วย ข้อความวา่ “เอกสารออกเปน็ ชุด” และ “สาเนาใบกากบั ภาษี” จะต้องตีพิมพ์ขึ้นหรือจัดทาขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ในกรณีจัดทาใบกากับภาษีขึ้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ จะประทับด้วยตรายาง เขียนดว้ ยหมึก พิมพด์ ีด หรือกระทาให้ปรากฏข้นึ ด้วยวธิ กี ารอ่นื ใดในลักษณะทานองเดียวกันไมไ่ ด้ ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสถานประกอบการหลายแห่ง และสถานประกอบการท่ีมิใช่สานักงานใหญ่ได้นาใบกากับภาษีของสถานประกอบการที่เป็นสานักงานใหญ่ไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการทุกคร้ังที่มีการขายสินค้าหรือการให้บริการ จะต้องมีข้อความว่า “สาขาท่ีออกใบกากับภาษีคอื ...” ไว้ในใบกากับภาษีดังกล่าว โดยข้อความดังกล่าวจะตีพิมพ์ จัดทาข้ึนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ประทับดว้ ยตรายาง เขยี นด้วยหมกึ พิมพ์ดดี หรือทาใหป้ รากฏข้นึ ด้วยวิธกี ารอืน่ ใดในลกั ษณะทานองเดยี วกนั ก็ได้ ในกรณีผู้ประกอบการจดทะเบียนซ่ึงประกอบกิจการสถานบริการน้ามันได้ขายน้ามันเช้ือเพลิงหรือได้ขายสินค้าหรือให้บริการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับรถยนต์ที่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จะต้องระบุเลขทะเบียนรถยนต์ไว้ในใบกากับภาษีแบบเต็มรูปด้วย โดยข้อความดังกล่าวจะตีพิมพ์จัดทาข้ึนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ประทับด้วยตรายาง เขียนด้วยหมึก พิมพ์ดีด หรือทาให้ปรากฏข้ึนดว้ ยวธิ กี ารอนื่ ใดในลกั ษณะทานองเดียวกนั ก็ได้ 8
วิธีการจดั ทารายการของใบกากับภาษแี บบเต็มรปู 1. รายการในใบกากับภาษีให้ทาเป็นภาษาไทย หรือจัดทาเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษในฉบับเดยี วกันก็ได้ ถ้าจะทาเป็นภาษาต่างประเทศอืน่ ต้องขออนุมตั ติ ่ออธิบดีกรมสรรพากร 2. หน่วยเงินตราในใบกากับภาษีต้องเป็นหน่วยเงินตราไทย และใช้ตัวเลขไทยหรืออารบิคถา้ จะจดั ทาเป็นหนว่ ยเงนิ ตราตา่ งประเทศ ต้องขออนมุ ตั ิต่ออธบิ ดีกรมสรรพากร 3. ใบกากับภาษีอาจออกรวมกันสาหรับการขายสนิ ค้าหรือการใหบ้ ริการหลายอย่างก็ได้ 4. ใบกากบั แบบเต็มรปู ตอ้ งมีรายการครบถ้วน 5. รายการในใบกากับภาษีแบบเตม็ รูป จะต้องไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการขีด ฆ่า ขูด ลบ โดยยางลบ หรือใช้ยาหมึก ตก แต่ง ต่อ เติม หากมีการแก้ไขเปล่ียนแปลง ภาษีซื้อตามใบกากบั ภาษดี งั กล่าวถือเป็นภาษีซ้ือต้องหา้ ม 9
2 ตวั อยา่ งใบกากบั AB บริษทั เอ บี ซี จากดั (สานกั งานใหญ่) C 111 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ Tel. 02-111-1111 FAX. 02-111-2222 E-Mail: [email protected] 3 เลขประจาตัวผเู้ สียภาษอี ากร 1234567890123 ใบกำกบั ภำษี 1 TAX INVOICE ชือ่ ผซู้ ้ือ บริษัท ก.ข.ค. จากัด (สานักงานใหญ่) วันที่ 1 กนั ยายน2558 ทอ่ี ยู่ 222 ถ.พหลโยธนิ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท เลขทใ่ี บกากับภาษ/ี เลม่ ที่ 001 กรุงเทพฯ 10400 วันครบกาหนดชาระเงิน 30กัน เลขประจาตัวผู้เสยี ภาษีอากร 01234567890125 ลาดับที่ รายการสนิ ค้า จานวน ราคาตอ่ หน่วย จ NO. DESCRIPTION QUANTITY Unit Price A 1 ปากกา 2 ด้าม 50 - รวมเงนิ (SUB TOTAL) สว่ นลด(DISCOUNT) 6 ยอดเงินคงเหลือ(TOTAL) ภาษมี ูลค่าเพิม่ (VAT) 7% หนึง่ ร้อยเจด็ บาทถว้ น ยอดเงินสทุ ธ(ิ NET TOTAL)ชาระสนิ คา้ โดย :( / ) เงนิ สด( ) เชค็ ธนาคาร …………………….. สาขา …………..…………. เลขท่ี …………………………… เลม่ ท่ี …………ลงชอ่ื …………………………………… ผรู้ บั สนิ คา้ ลงชอ่ื …………………………………… ผรู้ บั เงนิวนั ท่ี …………………………………… วนั ท่ี ……………………………………
บภาษีแบบเตม็ รปู ข้อความสาคัญในใบกากับภาษี 7 1. คาวา่ “ใบกากบั ภาษี” ในทท่ี ี่เห็นได้เดน่ ชดั 2. ชือ่ ทอี่ ยู่ และเลขประจาตวั ผเู้ สยี ภาษีอากรของ 1/002 4นยายน 2558 ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นท่อี อกใบกากับภาษี 3. ช่ือ ที่อยู่ และเลขประจาตัวผเู้ สยี ภาษีอากรของจานวนเงนิ (บาท) Amount (Baht) ผซู้ ื้อสินคา้ หรอื ผรู้ ับบริการซ่งึ เปน็ ผูป้ ระกอบการ จดทะเบียนภาษมี ูลคา่ เพม่ิ 100 - 4. หมายเลขลาดบั ของใบกากับภาษี และหมายเลขของเล่ม (ถา้ มี) 1003 - 5. ชอื่ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสนิ คา้ หรือของ 100 - บรกิ าร 7 -- - 6. จานวนภาษมี ลู ค่าเพิ่มทีค่ านวณจากมลู คา่ ของสินค้าหรอื 107 - ของบริการ โดยใหแ้ ยกออกจากมูลค่าของสนิ คา้ หรือของ บรกิ ารใหช้ ัดแจง้ 7. วนั เดือน ปี ท่ีออกใบกากับภาษี…………. 10
ใบกำกบั ภำษอี ยำ่ งยอ่ 1. ผ้มู ีสิทธิออกใบกากบั ภาษีอย่างย่อ ได้แก่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการขายสินค้าในลักษณะขายปลีกหรอื ใหบ้ ริการในลักษณะบรกิ ารรายยอ่ ยแก่บุคคลจานวนมาก ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นที่ประกอบกิจการค้าปลีก มีสิทธิออกใบกากับภาษีอย่างย่อได้แตต่ ัวแทนของผูป้ ระกอบการจดทะเบยี นจะออกใบกากบั ภาษีอยา่ งย่อไม่ได้ 2. การประกอบกจิ การขายสินค้าในลักษณะขายปลกี หรือการให้บริการในลักษณะรายย่อยแกบ่ คุ คลจานวนมาก ท่สี ามารถออกใบกากบั ภาษีอย่างย่อได้ ตอ้ งมีลกั ษณะดังน้ี 2.1 เป็นการขายสินค้าท่ีผู้ขายทราบโดยชัดแจ้งว่าเป็นการขายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงและได้ขายในปริมาณซ่ึงตามปกติวิสัยของผู้บริโภคน้ันจะนาสินค้าไปใช้บริโภค หรือใช้สอยโดยมิได้มีวัตถุประสงค์ท่ีจะนาไปขายต่อไป เช่น การขายสินค้าของกิจการแผงลอย กิจการขายของชา กิจการขายยากิจการจาหน่ายน้ามัน และกิจการห้างสรรพสินค้า ทั้งนี้ เฉพาะในการขายสินค้าท่ีเป็นไปตามลักษณะและหรอื เงื่อนไขดงั กลา่ วขา้ งต้น 2.2 การใหบ้ ริการในลักษณะบรกิ ารรายยอ่ ยแกบ่ ุคคลจานวนมาก เช่น การให้บริการของกิจการภตั ตาคาร กิจการโรงแรม กจิ การซ่อมแซมทุกชนดิ กิจการโรงภาพยนตร์ และกจิ การสถานบริการนา้ มัน เป็นตน้ กิจการภัตตาคาร ได้แก่ กิจการขายอาหารหรือเคร่ืองด่ืมไม่ว่าชนิดใด ๆ รวมทั้งกจิ การรบั จา้ งปรุงอาหารหรือเครอื่ งด่มื ทัง้ น้ี ไม่วา่ ในหรอื นอกสถานทีซ่ ่ึงจดั ไว้ให้ประชาชนเข้าไปบรโิ ภคได้ ผูป้ ระกอบการตาม 2.1 และ 2.2 ต้องจัดทาใบกากับภาษแี บบเต็มรูป พร้อมทั้งสาเนาใบกากบั ภาษสี าหรับการขายสินคา้ หรือการให้บริการทุกครั้งท่ผี ู้ซอ้ื สินค้าหรือผู้รบั บรกิ ารเรียกร้อง พร้อมทง้ั สง่มอบใบกากับภาษีดงั กล่าวใหแ้ กผ่ ซู้ ้ือสินคา้ หรือผูร้ บั บรกิ าร การเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกท่ีมีสิทธิออกใบกากับภาษีอย่างย่อน้ัน หากเข้าลักษณะเป็นกิจการค้าปลีกแลว้ มสี ทิ ธอิ อกใบกากับภาษอี ยา่ งยอ่ ไดเ้ ลยโดยไม่ต้องขออนมุ ตั ติ ่ออธบิ ดีกรมสรรพากรอยา่ งยอ่ ”) 3. รายการของใบกากับภาษีอย่างย่อใบกากับภาษี ใบกากบั ภาษีอยา่ งยอ่ ต้องมรี ายการอย่างนอ้ ยดังต่อไปนี้ (1) คาว่า “ใบกากับภาษีอย่างย่อ” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด (ต้องระบุว่า “ใบกากับภาษี (2) ชอ่ื หรือช่อื ย่อและเลขประจาตัวผูเ้ สยี ภาษอี ากรของผู้ประกอบการจดทะเบยี นท่ีออก (3) หมายเลขลาดบั ของใบกากับ และหมายเลขลาดับของเลม่ (ถ้าม)ี (4) ช่ือ ชนิด ประเภท ปรมิ าณ และมูลค่าของสินค้าหรอื ของบรกิ าร (5) ราคาสินคา้ หรอื ราคาค่าบริการโดยตอ้ งมขี อ้ ความระบุชัดเจนว่าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มไว้แล้ว (6) วัน เดือน ปี ท่ีออกใบกากบั ภาษี (7) ขอ้ ความอ่นื ท่อี ธบิ ดีกรมสรรพากรกาหนด ๑๑
สาหรับคาว่า “ใบกากับภาษี” ตาม (1) จะต้องมีคาย่อว่า “อย่างย่อ” ต่อท้ายด้วย ดังน้ันรายการตาม (1) จึงเปน็ รายการคาวา่ “ใบกากบั ภาษอี ย่างย่อ” ช่ือ ชนิด หรือประเภทของสินค้าตาม (4) จะออกเป็นรหัสก็ได้ โดยผู้ประกอบการจดทะเบียนจะตอ้ งแจ้งรหสั ให้อธบิ ดีทราบลว่ งหน้าอย่างน้อย 15 วันก่อนวนั ใชร้ หัสน้ัน รายการในใบกากับภาษีอย่างย่อให้ทาเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เป็นหน่วยเงินตราไทยและใชต้ วั เลขไทยหรืออารบิค เว้นแต่ในกิจการบางประเภทท่ีมีความจาเป็นต้องทาเป็นภาษาต่างประเทศอน่ื ที่มิใช่เป็นภาษาองั กฤษ ใหก้ ระทาได้เมอ่ื ได้รบั อนมุ ัตจิ ากอธบิ ดี การจดั ทารายการของใบกากบั ภาษอี ย่างย่อ กฎหมายไม่ได้เคร่งครัดอย่างการจัดทาใบกากับภาษีแบบเต็มรูป เน่ืองจากภาษีซื้อตามใบกากับภาษีอย่างย่อเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ดังนั้น จึงสามารถขีด ฆ่าขูด ลบ ตกแต่ง ต่อเติม หรือแก้ไขให้ถูกต้องได้โดยไม่ผิดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย และกรณีท่ีมีรายการอื่นนอกเหนือจากท่ีกฎหมายกาหนดให้ต้องมีในใบกากับภาษีอย่างย่อก็สามารถกระทาได้ เช่น ใบกากับภาษีอย่างย่อบางฉบับ นอกจากรายการตามท่ีกฎหมายกาหนด ยังมีรายการราคาสินค้าและภาษีมูลค่าเพิ่มท่แี ยกออกจากกนั กส็ ามารถมีได้ ข้อสังเกต 1. รายการของใบกากบั ภาษีอย่างย่อ แตกต่างจากใบกากับภาษแี บบเตม็ รปู คือ 1.1 ไมต่ ้องแสดงชือ่ ทีอ่ ยู่ เลขประจาตัวผู้เสียภาษอี ากรของผู้ซอ้ื สนิ ค้าหรอื ผ้รู บั บริการ 1.2 ชอ่ื ชนดิ หรือประเภทของสนิ ค้าจะออกเป็นรหสั กไ็ ด้ 1.3 จานวนภาษีมูลคา่ เพ่มิ ใหร้ วมอยู่ในมูลค่าของสนิ ค้าหรือบรกิ าร โดยตอ้ งหมายเหตุวา่ ราคาได้รวมภาษีมลู ค่าเพม่ิ ไวแ้ ลว้ 2. ผู้ประกอบการจดทะเบียน ซึ่งมีสิทธิออกใบกากับภาษีอย่างย่อ หากผู้ซื้อสินค้าหรือผูร้ บั บรกิ ารเรียกร้องใบกากับภาษีแบบเตม็ รปู แบบ ผู้ประกอบการค้าปลีกจะต้องออกใบกากับภาษีแบบเต็มรูปใหแ้ ก่ผู้ซื้อสินคา้ หรอื ผู้รบั บรกิ าร 3. ผู้ประกอบการจดทะเบียนซ่ึงได้รับใบกากับภาษีอย่างย่อจะนาภาษีซ้ือตามใบกากับภาษีอย่างย่อไปหักออกจากภาษีขายในการคานวณภาษีมูลค่าเพ่ิมไม่ได้ แต่หากผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งเป็นผู้ซ้ือสินค้าหรือเป็นผู้รับบริการ ประสงค์จะนาภาษีซื้อไปคานวณภาษีหักออกจากภาษีขาย ก็ให้เรียกร้องเอาใบกากบั ภาษีแบบเต็มรปู ไดต้ าม 2. ประโยชน์ของการออกใบกากับภาษีอย่างย่อที่เห็นได้ชัดเจนคือ ไม่ต้องระบุช่ือ ท่ีอยู่ของผู้ซ้ือสินค้าหรือผู้รับบริการในใบกากับภาษีอย่างย่อ ซึ่งสะดวกแก่ผู้ออก เพราะปัญหาส่วนหนึ่งของการออกใบกากบั ภาษีแบบเต็มรปู ก็คอื ผู้ซอื้ สินค้าฯ ไม่บอกช่อื ท่ีอยู่ ๑2 3
ตวั อย่างใบกาก บริษทั เอ บี ซี จากดั (สานกั งานใหญ)่ 3 111 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรงุ เทพฯABC Tel. 02-111-1111 FAX. 02-111-2222 E-Mail: [email protected] เลขประจาตัวผเู้ สยี ภาษอี ากร 1234567890123 2 ใบกำกบั ภำษีอยำ่ งย่อ 1 TAX INVOICE 6 วนั ท่ี 1 กันยายน24 รายการสนิ ค้า จานวน ราคาตอ่ หน่วย จ DESCRIPTION QUANTITY Unit Price A ลาดบั ที่ NO. ปากกา 1ด้าม 107 - 1 สมดุ 2 1 เล่ม 107 (หน่ึงรอ้ ยสิบส่บี าทถว้ น) 5 (ราคารวมภาษีมลู ค่าเพมิ่ ) รวมทั้งสน้ิลงชอ่ื …………………………………… ผรู้ บั สนิ คา้ ลงชอ่ื …………………………………… ผรู้ บั เงนิวนั ท่ี …………………………………… วนั ท่ี ……………………………………
กับภาษแี บบยอ่ ขอ้ ความสาคัญในใบกากับภาษี เล่มที่ 001 1. คาวา่ “ใบกากบั ภาษี” ในที่ทเี่ หน็ ได้เด่นชัด(ต้องระบวุ า่ เลขที่ 001 “ใบกากับภาษีอย่างยอ่ ”)2558 2. ช่ือ หรอื ช่ือย่อ และเลขประจาตวั ผู้เสยี ภาษีอากรของ ผปู้ ระกอบการจดทะเบยี นท่ีออกใบกากับภาษีจานวนเงนิ (บาท)Amount (Baht) 3. หมายเลขลาดบั ของใบกากับภาษี และหมายเลขของเล่ม (ถา้ มี) 107 - 107 4. ช่อื ชนิด ประเภท ปรมิ าณ และมูลคา่ ของสินคา้ หรือของ บรกิ าร 5. ราคาสนิ ค้าหรือราคาค่าบรกิ าร โดยตอ้ งมขี อ้ ความระบุ ชัดเจนวา่ ได้รวมภาษีมูลคา่ เพ่มิ ไว้แลว้ 6. วนั เดอื น ปี ทีอ่ อกใบกากบั ภาษี114 - ๑๓
การใช้เครอ่ื งบนั ทึกการเกบ็ เงนิ เพื่อออกใบกากับภาษอี ยา่ งยอ่ ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ประกอบกิจการค้าปลีก ซึ่งประสงค์จะใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกากับภาษีอย่างย่อ ให้ยื่นคาขออนุมัติต่ออธิบดี และการใช้เคร่ืองบันทึกการเก็บเงินดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขเกี่ยวกับการใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินที่อธิบดีกรมสรรพากรกาหนด (ศึกษารายละเอียดได้จากประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเก่ียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม(ฉบบั ที่ 46) ลงวันท่ี 29 มีนาคม 2536) คาขออนุมัติให้ย่ืนตามแบบท่ีอธิบดีกรมสรรพากรกาหนด โดยจะต้องแนบเอกสารและรายการดงั ต่อไปนพ้ี รอ้ มกบั คาขออนุมตั ิ (1) คุณสมบตั ิโดยย่อของเคร่ืองบันทึกการเกบ็ เงนิ (2) รายละเอียดรุ่น ยี่ห้อ หมายเลขประจาเครื่อง (Serial Number) และจานวนเครื่องบนั ทึกการเก็บเงนิ ทขี่ ออนุมัติ (3) แผนผังแสดงตาแหนง่ การวางเครอื่ งบนั ทกึ การเก็บเงนิ (4) ในกรณีท่ีมีการต่อเช่ือมเครื่องบันทึกการเก็บเงินเข้ากับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นให้แสดงแผนผงั ระบบการตอ่ เช่อื มดังกล่าวด้วย (5) ตัวอย่างใบกากับภาษีอย่างย่อ และตัวอย่างรายงานการขายสินค้าหรือการให้บริการประจาวนั ที่ออกด้วยเครอ่ื งบันทกึ การเกบ็ เงนิ โดยยื่นต่ออธิบดีกรมสรรพากรผ่านสรรพากรพื้นที่ในเขตท้องที่ท่ีสถานประกอบการต้ังอยู่ผู้ประกอบการจดทะเบียนท่ีมีสถานประกอบการหลายแห่งให้ยื่นผ่านสรรพากรพ้ืนที่ในเขตท้องท่ี ท่ีสถานประกอบการที่เป็นสานักงานใหญ่ต้ังอยู่ โดยต้องย่ืนคาขออนุมัติเป็นรายสถานประกอบการ และกรณีผู้ประกอบการท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของสานักบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ ให้ยื่นคาขออนุมัติผ่านผู้อานวยการสานกั บรหิ ารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ การใช้เคร่ืองบันทึกการเก็บเงินเพื่อออกใบกากับภาษีอย่างย่อ เป็นความสะดวกของผู้ประกอบการฯ ทไ่ี ม่ตอ้ งมภี าระในการเขียน หรือพิมพ์ใบกากับภาษี โดยเฉพาะกิจการค้าปลีกซ่ึงขายสินค้าหรอื ใหบ้ ริการแกบ่ ุคคลจานวนมาก และยงั งา่ ยตอ่ การควบคมุ ตรวจสอบของเจา้ หนา้ ทีด่ ว้ ย อย่างไรก็ดี การใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีอธิบดีกรมสรรพากรกาหนดตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเก่ียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 46) ลงวันที่29 มีนาคม พ.ศ. 2536ทัง้ น้ี จะต้องไดร้ ับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรก่อนจึงจะใช้เคร่ืองบันทึกการเก็บเงินได้ มฉิ ะน้ัน มีความผดิ ตามมาตรา 90/3(2) แห่งประมวลรัษฎากร ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน 6 เดือนหรอื ปรบั ไม่เกินหนงึ่ หมื่นบาทหรือทง้ั จาทัง้ ปรบัการเกบ็ รกั ษาใบกากับภาษี ใบกากับภาษี สาเนาใบกากับภาษี ให้เก็บไว้ ณ สถานประกอบการท่ีจัดทาใบกากับภาษีหรือสถานท่ีอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรกาหนดเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่วันท่ีได้จัดทาใบกากับภาษีและในกรณีที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการให้เก็บรักษาใบกากับภาษีท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหนา้ ทตี่ อ้ งเก็บรกั ษาอยใู่ นชว่ งระยะเวลาท่ีเลกิ ประกอบกิจการต่อไปอกี 2 ปี 14
บทกาหนดโทษ 1. ผู้ประกอบการจดทะเบียนท่ีไม่จัดทาใบกากับภาษี หรือสาเนาใบกากับภาษี หรือจัดทาแล้วไม่ส่งมอบ ให้ผู้ซ้ือหรือผู้รับบริการ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือจาคุกไม่เกิน 1 เดอื น หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั และต้องเสยี เบ้ียปรบั อกี 2 เท่า ของภาษีมูลคา่ เพ่มิ ตามใบกากับภาษี 2. ผู้ประกอบการจดทะเบียนออกใบกากับภาษี ใบกากับภาษีอย่างย่อ ใบเพ่ิมหนี้ ใบลดหน้ี โดยมี รายการในสว่ นท่เี ปน็ สาระสาคญั ไม่ครบถ้วนตามกฎหมายต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท 3. ผู้ประกอบการจดทะเบียนไม่ออกใบกากับภาษี ใบเพิ่มหน้ี ใบลดหน้ี หรือใบแทนเอกสารดังกล่าว โดยเจตนาหลีกเล่ียงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท และต้องเสียเบี้ยปรับอีก 2 เท่า ของภาษมี ลู ค่าเพิ่มตามใบกากบั ภาษี 4. ผู้ออกใบกากับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ โดยไม่มีสิทธิออกเอกสารดังกล่าวตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท และตอ้ งเสยี เบ้ียปรับอกี 2 เท่าของจานวนภาษมี ลู คา่ เพ่ิมตามใบกากับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ และเสียเงินเพ่ิมอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีท่ีต้องเสีย นอกจากน้ัน จะตอ้ งรบั ผิดเสยี ภาษีมูลค่าเพ่มิ ตามจานวนท่ีแสดงในใบกากบั ภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ 5. ผู้ประกอบการโดยเจตนานาใบกากับภาษีปลอม หรือใบกากับภาษีท่ีออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไปใช้ในการเครดิตภาษี ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท และต้องเสียเบี้ยปรับอีก 2 เท่าของจานวนภาษีมูลค่าเพ่ิมตามใบกากับภาษี และเสียเบ้ียปรับ 1 เท่า ฐานยื่นภาษีซ้ือไว้เกินและเสียภาษีคลาดเคล่ือน และเสียเงินเพ่ิมอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดอื นหรือเศษของเดือนของเงนิ ภาษีท่ตี ้องชาระหรือนาสง่ โดยไมร่ วมเบีย้ ปรบัการจัดทาบญั ชี รายงาน บญั ชพี เิ ศษ ตามที่กฎหมายกาหนด ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนอกจากจะมีหน้าที่ในการออกใบกากบั ภาษีใหก้ ับผู้ซ้ือสนิ คา้ หรือผ้รู บั บริการทุกคร้ังทม่ี ีการขายสินค้าหรือให้บริการแล้ว กฎหมายยั ง ไ ด้ ก า ห น ด ใ ห้ ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร จ ด ท ะ เ บี ย น ภ า ษี มู ล ค่ า เ พ่ิ ม จั ด ท า ร า ย ง า น พิ เ ศ ษ เ พื่ อ ค ว บ คุ ม ก า ร จั ด เ ก็ บแ ล ะ ส อ บ ยั น กั บ แ บ บ แ ส ด ง ร า ย ก า ร ภ า ษี มู ล ค่ า เ พ่ิ ม ท่ี ย่ื น เ สี ย ภ า ษี ภ า ษี มู ล ค่ า เ พิ่ ม เ พ่ื อ เ ป็ น ห ลั ก ฐ า น แ ส ด งรายละเอียดประกอบแบบแสดงรายการภาษีและต้องจัดทาเป็นรายสถานประกอบการ ประกอบด้วย รายงานภาษีขาย รายงานภาษีซ้ือ รายงานสินค้าและวัตถุดิบ และใบกากับภาษีถือเป็นเอกสารหลักฐานสาคัญท่ีผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องนามาใช้ประกอบการลงบันทึกในรายงานภาษีขาย(Output Tax) รายงานภาษีซ้ือ (Input Tax) รายงานสินค้าและวัตถุดิบ ทั้งน้ี รูปแบบรายงานต้องมีรายการและขอ้ ความตามแบบท่อี ธบิ ดกี าหนด และเพอ่ื ประโยชน์ในการคานวณภาษีมูลค่าเพ่ิมท่ีผู้ประกอบการจะต้องชาระภาษีหรอื ขอคืนภาษีในแต่ละเดือนภาษีไม่เพียงแต่เท่าน้ี ใบกากับภาษียังถือว่ามีความสาคัญเกี่ยวเนื่องกับการจดั ทาบญั ชีเพราะถือเป็นเอกสารหลกั ฐานทต่ี ้องใช้บนั ทึกเป็นรายจ่ายในทางภาษีอากร 15
เมื่อกล่าวถึงการจัดทาบัญชีแล้ว ธุรกิจไม่ว่ารูปแบบใด ๆ หากได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจแล้วกฎหมายกาหนดให้มีหน้าที่ต้องจัดทาบัญชี ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543ท่ีบัญญัติให้ผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชีท่ีเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจากัด บริษัทมหาชนจากัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย นิติบุคคลท่ีตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศท่ีประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ต้องจัดทาบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชี และตามประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่อง กาหนดชนิดของบัญชีที่ต้องจัดทา ข้อความและรายการท่ีต้องมีในบัญชี ระยะเวลาท่ีต้องลงรายการในบัญชีและเอกสารท่ีใช้ประกอบการลงบัญชี และให้ผู้มีหน้าที่จัดทาบัญชียกเว้นบุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนสามัญท่ีมิได้จดทะเบียน จัดทางบการเงินให้ถูกต้องตามรายการย่อท่ีกฎหมายกาหนด และต้องได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเว้นแต่งบการเงินของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนท่ีมีทุนไม่เกินห้าล้านบาท สินทรัพย์รวมไม่เกินสามสิบล้านบาท และรายได้รวมไม่เกินสามสิบล้านบาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และต้องนาส่งงบการเงินให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายในเวลาท่ีกฎหมายกาหนดสว่ นงบการเงินที่นาสง่ กรมสรรพากรยังตอ้ งได้รบั การตรวจสอบจากผู้สอบบญั ชภี าษีอากร (Tax Auditor) แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต่าง ๆ ตามที่กล่าวถึงข้างต้นนอกจากมีหน้าท่ีต้องจัดทาบัญชีตามพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 แล้ว เพ่ือประโยชน์ในการเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรจึงกาหนดให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะประกอบการในรูปนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาต้องจัดทาบัญชี รายงานรวมทั้งบัญชีพิเศษ และการแจ้งข้อความเพิ่มเติมตามประเภทให้เป็นไปโดยถูกต้องตามประมวลรัษฎากรหรือเรียกได้ว่า “บัญชีภาษีอากร” (Tax Accounting) นอกเหนือจากบัญชีที่ต้องจัดทาตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีมาตรการบญั ชชี ุดเดยี ว และ National e-Payment ที่ผ่านมายังมีผู้ประกอบธุรกิจบางรายไม่มีการจัดทาบัญชีให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ด้วยวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจและบางกรณีเพ่ือต้องการเสียภาษีอากรน้อยลง ซึ่งทาให้การประกอบกิจการขาดความน่าเช่ือถือ และไม่สามารถวิเคราะห์ถึงสภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจริงและการทาธรุ กรรมทางการเงินในภาพรวม ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและทาให้รัฐบาลไม่สามารถวิเคราะห์และวางแผนในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการได้ตรงต่อความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังน้ัน การส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดทาบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการเพียงชุดเดียว จะทาให้ระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลเกิดประสิทธิภาพ รัฐบาลสามารถวิเคราะห์และวางแผนในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการได้ตรงต่อความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะท่ีผู้ประกอบธุรกิจเหล่าน้ันจะมีเครื่องมือในการวิเคราะห์และวางแผนการดาเนินธุรกิจและสร้างความน่าเชื่อถือในการประกอบกิจการ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความน่าเช่ือถือของธุรกิจและสามารถเตบิ โตได้อยา่ งม่ันคงและมีศักยภาพ 16
มาตรการบัญชีชุดเดียว ซึ่งมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 มีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการท่ีเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน๕๐๐ ล้านบาท สาหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ส้ินสุดก่อนหรือในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ ที่ได้จดแจ้งต่อกรมสรรพากร ต้ังแต่วันท่ี ๑๕ มกราคม ถึง ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากรhttp://www.rd.go.th จะไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดยท่ีบริษัทฯ ใดอยู่ระหว่างถูกการตรวจสอบภาษีอากร เป็นผู้ออกใบกากับภาษีปลอม หลีกเล่ียงภาษีอากร หรืออยู่ในระหว่างการดาเนินคดี ก่อนวันที่๑ มกราคม ๒๕๕๙ บริษัทฯ ยังคงสามารถจดแจ้งการใช้บัญชีชุดเดียวต่อกรมสรรพากรได้ โดยกรมสรรพากรจะดาเนนิ การเฉพาะกรณีนั้นๆ ต่อไปจนกวา่ จะแลว้ เสร็จ นอกจากน้ียังให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสาหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ท่ีมีทุนชาระแล้วในวันสดุ ท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๕ ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสนิ ค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชไี ม่เกิน ๓๐ ล้าน ทไี่ ด้จดแจง้ เพื่อจัดทาบัญชีชุดเดียวจะไดร้ บั สิทธปิ ระโยชนใ์ นการยกเวน้ และลดอัตราภาษเี งินได้นติ บิ ุคคล ดงั นี้ กาไรสุทธิ อัตราภาษี (บาท)0 – 300,000 รอบระยะเวลาบัญชีปี 2559 รอบระยะเวลาบญั ชีปี 2560300,001 ข้นึ ไป ยกเวน้ ยกเว้น 10% กล่าวได้ว่ามาตรการน้ีทาให้กรมสรรพากรก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันกับผู้ประกอบการเพือ่ ให้ผู้ประกอบการได้มีการทาบัญชีท่ีถูกต้อง เน่ืองจากท่ีผ่านมาการทาบัญชี หรือลงบัญชีของผู้ประกอบการบริษัทหลายแห่งอาจมีข้อผิดพลาด เช่น บันทึกสินทรัพย์คงเหลือน้อยไป บริษัทมีรถยนต์ อาคาร ทรัพย์สินอยู่นอกบัญชี มีการกู้เงินธนาคารในชื่อส่วนตัวแต่นาเงินมาใช้ในกิจการ หรือมีเงินกู้ท่ีเป็นชื่อบริษัทกับธนาคารแต่มีการนาไปใช้ส่วนตัวด้วย ความผิดพลาดที่เกิดข้ึน สามารถแก้ไขปรับปรุงบัญชีใหม่ให้ถูกต้องได้ ซึ่งทาให้ผ้ปู ระกอบการมบี ญั ชแี ละงบการเงินท่ีสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยจะดาเนินการท่ีจาเป็น เพื่อให้สถาบันการเงินที่อยู่ในการกากับดูแล ใช้บัญชีและงบการเงินที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแสดงต่อกรมสรรพากรในการย่ืนรายการภาษีเงินได้ เป็นหลักฐานในการทาธุรกรรมทางการเงินและขออนุมัติสินเช่ือกับสถาบันการเงิน ท้ังนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติตามประมวลรัษฎากร นอกจากนี้ ในการจัดทาบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการนาระบบ e-Payment มาใช้ ซ่ึงมีส่วนส่งเสริมในการทาธุรกรรมและการบริหารเงินของผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว คล่องตัว และเกิดประสิทธิภาพ อันจะส่งผลสาเร็จต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศในภาพรวมต่อไป 17
e-Payment ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงของระบบการชาระเงินของประเทศอย่างไร และมีความเช่ือมโยงกบั มาตรการบัญชชี ุดเดียวอยา่ งไร ด้วยรัฐบาลมีนโยบายท่ีต้องการผลักดันระบบการชาระเงินของประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบการชาระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือพัฒนาระบบการชาระเงนิ ของประเทศไทยใหส้ ามารถรองรบั ธรุ กรรมทางการเงินและกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) อย่างครบวงจร ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของภาคธุรกิจและของประเทศ รวมถึงสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบบริหารจัดการการเงนิ การคลังของภาครัฐ ส า ห รั บ ป ร ะ โ ย ช น์ โ ด ย ต ร ง ข อ ง ร ะ บ บ ก า ร ช า ร ะ เ งิ น แ บ บ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ แ ห่ ง ช า ติต่อผู้ประกอบการและกรมสรรพากรน้ัน ระบบน้ีจะทาให้การชาระเงินในประเทศไทยเปลี่ยนจากการชาระเงินด้วยเงินสดเปน็ การชาระเงินแบบอเิ ล็กทรอนิกส์ อันจะช่วยให้การจัดทาบัญชีของผู้ประกอบการมีความสะดวกและความสมบูรณม์ ากขึน้ ซึ่งสอดรับกบั มาตรการบัญชีเล่มเดียวของกรมสรรพากร โดยผู้ประกอบการสามารถใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ท่ีมีความถูกต้องแม่นยาจากการทาธุรกรรมผ่านระบบการชาระเงิ นแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติในการจัดทาบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างรวดเร็ว ขณะที่กรมสรรพากรก็สามารถใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวอันรวมถึงใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ในการกากับดูแลและวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Big Data Analytics เพ่ือให้ผู้ประกอบการย่ืนรายการและชาระภาษีอย่างถูกต้องครบถว้ นเช่นกัน ทั้งนี้ การใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากระบบการชาระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดการขอข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการและลดระยะเวลาการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ซ่ึงทาให้ต้นทุนในการเสียภาษีของผ้ปู ระกอบการและตน้ ทุนในการจดั เก็บภาษีของกรมสรรพากรลดลงอย่างมาก รวมทั้งทาให้ประสิทธิภาพของกรมสรรพากรในการให้บริการแก่ผู้เสียภาษีเพ่ิมขึ้นอย่างมากเช่นกัน นอกจากน้ันผู้ประกอบการสามารถเช่ือมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวเข้ากับโปรแกรมจัดทาบัญชีที่ใช้อีกด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการที่จดแจ้งขอเป็นผู้ประกอบการบัญชีเล่มเดียวกับกรมสรรพากรแล้วโดยเฉพาะที่ใช้โปรแกรมจัดทาบญั ชจี ะมีความพรอ้ มรองรบั การเปลยี่ นแปลงระบบการชาระเงนิ ของประเทศไทยมากกวา่ ระบบการชาระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติยังเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียภา ษีทุกรายและกรมสรรพากรในสว่ นของการจัดทาบัญชีผ้เู สยี ภาษี (Taxpayer Account) ในอนาคต โดยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากระบบนี้ อาทิ ข้อมูลการหักภาษี ณ ท่ีจ่ายจะช่วยสนับสนุนการจัดทาบัญชีผู้เสียภาษีรายบุคคลของกรมสรรพากร ซ่ึงผู้เสียภาษีสามารถตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีของตนเองท่ีเป็นปัจจุบันด้วยการเข้าถึงบัญชีผู้เสียภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร เช่น ข้อมูลภาษีเงินได้ที่ถูกหัก ณ ท่ีจ่ายและนาส่งกรมสรรพากรข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่มจากใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อันทาให้ต้นทุนในการเสียภาษีลดลงอย่างมากและทาใหค้ วามสะดวกในการเสียภาษเี พ่ิมขนึ้ อยา่ งมากเช่นกนั 18
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันท่ี ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบหลักการแผนยุทธศาสตร์National e-Payment โดยแบ่งเป็น 5 โครงการ ดังนี้ 1. โครงการระบบการชาระเงินแบบ Any ID (นานานาม) 2. โครงการการขยายการใชบ้ ัตร 3. โครงการระบบภาษแี ละเอกสารธรุ กรรมอิเล็กทรอนิกส์ 4. โครงการ e-Payment ภาครัฐ 5. โครงการการให้ความรู้และส่งเสรมิ การใชธ้ ุรกรรมอเิ ล็กทรอนิกส์ ในส่วนน้ีจะขอกล่าวถึง “โครงการระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์” ถือเป็นหน่ึงในแผนงานสาคัญของยุทธศาสตร์ดังกล่าว โดยเป็นการเช่ือมโยงธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชนเข้ากับระบบภาษี ซ่ึงจะทาให้การทาธุรกรรมระหว่างประชาชน ธุรกิจ และกรมสรรพากร เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ลดภาระในการดาเนินการเกี่ยวกับเอกสารและแบบฟอร์มต่าง ๆโดยไดแ้ บ่งการดาเนนิ งานออกเปน็ 2 ส่วนหลัก ไดแ้ ก่ 3.1 บริการจัดทาและนาส่งข้อมูลใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice)และใบรับอิเลก็ ทรอนิกส์ (e-Receipt) ก ร ม ส ร ร พ า ก ร มี น โ ย บ า ย ส นั บ ส นุ น ใ ห้ ผู้ เ สี ย ภ า ษี จั ด ท า แ ล ะ จั ด ส่ ง เ อ ก ส า รทางอิเล็กทรอนิกส์โดยสมัครใจมาต้ังแต่ปี 2555 โดยพัฒนาระบบให้บริการจัดทาและนาส่งข้อมูลใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ แต่ระบบในปัจจุบันยังมีปัญหาและอุปสรรค บางประการเช่น กระบวนการจัดทาใบกากับภาษอี ิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์มีหลายข้ันตอน ช่องทางการนาส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรมีรูปแบบเดียว เป็นต้น จึงทาให้ผู้เสียภาษีไม่สามารถใช้งานระบบดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังน้ัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทา นาส่ง และเก็บเอกสารธุรกรรมการซ้ือขายในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับการทาธุรกรรมทางการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ กรมสรรพากรจะพัฒนาระบบบริการจดั ทา นาสง่ และตรวจสอบขอ้ มูลใบกากบั ภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ให้สามารถรองรับผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ที่ มี ข้ อ จ า กัด แ ล ะ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ท่ี ห ล า ก ห ล า ย ไ ด้ อ ย่ า ง ส ะ ด ว ก ม า ก ข้ึ น แ ล ะไ ม่ เ ป็ น ภ า ร ะแก่ผู้ประกอบการ นอกจากนั้น กรมสรรพากรจะปรับปรุงระเบียบขั้นตอนการจัดทาใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ให้สะดวกมากข้ึนและเพิ่มช่องทางการนาส่งข้อมูลให้แก่กรมสรรพากรเช่น การถ่ายโอนข้อมูลแบบ Host to Host สาหรับผู้ประกอบขนาดใหญ่และกลางที่มีข้อมูลจานวนมากการถ่ายโอนข้อมูลผ่านผู้ให้บริการ (Service Provider) สาหรับผู้ประกอบการขนาดใหญ่และกลางที่มีข้อมูลจานวนไม่มาก การถ่ายโอนข้อมูลโดยการ Upload ข้อมูลและการจัดทาใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอเิ ลก็ ทรอนกิ สผ์ ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากรสาหรบั ผู้ประกอบการขนาดเล็ก รวมถึงการอนุญาตให้ส่งใบกากับภาษีผ่านระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลาง (Simple Centrally Signed Email) ซึ่งจะเร่ิมใช้ระบบต้ังแต่เดือนตุลาคม 2559 สาหรับผู้เสียภาษีในระยะแรกก่อนที่ระบบการจัดทาใบกากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ระบบใหม่จะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานในเดือนมกราคม 2560 โดยกาหนดเวลาบังคับใช้ระบบ e-Tax Invoice สาหรบั ผู้เสยี ภาษีกล่มุ ตา่ งๆ เป็นดงั นี้ 19
ผูป้ ระกอบการ ขนาด เข้าระบบ e-Tax Invoice ขนาดใหญ่ รายได้ >500 ลา้ นบาท ขนาดกลาง 30 ลา้ นบาท <รายได้ ≤ 500 ลา้ นบาท 1 มกราคม 2561 ขนาดเลก็ 1.8 ล้านบาท <รายได้ ≤ 30 ล้านบาท ขนาดไมโคร รายได้ ≤ 1.8 ลา้ นบาท 1 มกราคม 2563 1 มกราคม 2565 ทั้งน้ี เม่ือกรมสรรพากรสามารถรับข้อมูลภาษีซ้ือ-ภาษีขายทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างครบถ้วนแล้ว ระบบของกรมสรรพากรจะสามารถจัดทารายงานภาษีซ้ือ-ภาษีขายได้โดยอัตโนมัติ( Electronic VAT Report) ซ่ึ ง จ ะ ช่ ว ย ล ด ภ า ร ะ ข อ ง ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ใ น ก า ร จั ด เ ต รี ย ม เ อ ก ส า รเพอื่ เสยี ภาษมี ลู คา่ เพิ่ม 3.2 ระบบนาส่งรายงานการทาธุรกรรมทางการเงินและระบบนาส่งภาษี เม่ือมีการชาระเงนิ ผา่ นระบบ e-Payment โดยเชื่อมกบั ผเู้ กยี่ วข้อง กรมสรรพากรจะพฒั นาระบบท่ีเม่อื มกี ารชาระเงินผ่านระบบ e-Payment ของธนาคารโดยธนาคารจะทาหน้าท่ีเป็นตัวแทนในการนาส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี) ให้แก่กรมสรรพากร รวมทั้งแจ้งการถูกหักภาษี ณ ท่ีจ่ายให้ผู้ถูกหักทราบ พร้อมนาส่งข้อมูลจานวนภาษีหัก ณ ที่จ่ายและข้อมูลภาษีมูลค่าเพิ่ม(ถ้ามี) ให้แก่กรมสรรพากร ซึ่งจะทาให้ผู้ประกอบการไม่ต้องออกหลักฐานการหักภาษี ณ ท่ีจ่าย นาส่งภาษีและย่ืนแบบแสดงรายการภาษีเงนิ ไดห้ กั ณ ทจ่ี า่ ยอกี ตอ่ ไปอันจะช่วยให้การเสียภาษีมีความสะดวกมากข้ึนและมรี ะยะเวลาลดลงอย่างมาก อาจกลา่ วไดว้ ่าระบบการชาระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Payment) ถือเป็นกลไกสาคัญในการทาธุรกรรมทางการเงินเพื่อขับเคล่ือนกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ให้ดาเนินไปได้อย่างสะดวก รวดเร็วและเป็นกลไกสาคัญในการยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของภาคธุรกิจและของประเทศไทย รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างความมั่นคงให้กับระบบบริหารจัดการการเงินการคลังโดยพัฒนาระบบการรับ-จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน และบูรณาการระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ อันจะนาไปสกู่ ารเสริมสร้างศักยภาพของประเทศทั้งในระยะส้ันและระยะยาว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy) ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในกิจกรรมและกระบวนการทางเศรษฐกิจและสังคมของทุกภาคส่วน และสามารถรองรับธุรกรรมทางการเงินและกิจกรรมทางเศรษฐกิจตา่ ง ๆ ให้ดาเนนิ ไปได้อยา่ งสะดวกและรวดเรว็ ยงิ่ ข้ึน -------------------------------------------------------------บริการตอบข้อซกั ถาม กรณีที่มขี อ้ สงสยั สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ท่ี สานักงานสรรพากรพน้ื ท่ที ุกพ้ืนที่ ศูนยบ์ ริการข้อมลู สรรพากร RD Call Center : 1161 20
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: