หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 วฒั นธรรมไทย
ความรู้ทวั่ ไป วฒั นธรรมไทย วฒั นธรรม เกย่ี วกบั วฒั นธรรม ท้องถน่ิ ภาคเหนือ วฒั นธรรมไทยแนวทางการอนุรักษ์ วฒั นธรรม วฒั นธรรมไทย วฒั นธรรม ท้องถ่นิ ภาคกลาง ท้องถน่ิ ภาคใต้ความแตกต่างระหว่าง วฒั นธรรมท้องถ่ิน วฒั นธรรมไทยกบั ภาคตะวนั ออก วฒั นธรรมสากล เฉียงเหนือ
วฒั นธรรม หมายถึง แบบอยา่ งหรือวถิ ีการดาเนินชีวติของชุมชนแต่ละกลุ่ม เป็นตวั กาหนดพฤติกรรมการอยรู่ ่วมกนัอยา่ งปกติสุขในสงั คม วฒั นธรรมแต่ละสงั คมจะแตกตา่ งกนัข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ทางภมู ิศาสตร์และทรัพยากรต่างๆ ลกั ษณะอีกประการหน่ึงของวฒั นธรรมคือ เป็นการสง่ั สมความคิด ความเชื่อวธิ ีการ จากสงั คมรุ่นก่อนๆ มีการเรียนรู้ และสามารถถ่ายทอดไปยงั รุ่นต่อๆ ไปได้ เช่น ภาษา กฎหมาย ศิลปะ เป็นตน้
ความสาคญั ของวฒั นธรรม • วฒั นธรรมช่วยสร้างระเบียบให้กบั สังคม โดยเป็นตวั กาหนดแบบแผนพฤติกรรม ของสมาชิกในสงั คม รวมถึงการสร้างแบบแผนของความคิด ความเช่ือ และค่านิยม ของสมาชิกใหอ้ ยใู่ นรูปแบบเดียวกนั • วฒั นธรรมช่วยให้เกดิ ความสามัคคี สงั คมท่ีมีวฒั นธรรมเดียวกนั ยอ่ มจะมีความรู้สึก ผกู พนั เกิดความเป็นปึ กแผน่ อุทิศตนใหก้ บั สงั คมทาใหส้ งั คมอยรู่ อด • วฒั นธรรมเป็ นตัวกาหนดรูปแบบของสถาบัน ไดแ้ ก่ รูปแบบของสถาบนั ครอบครัว ซ่ึงจะเห็นไดว้ า่ ลกั ษณะของครอบครัวแต่ละสงั คมต่างกนั ไป ท้งั น้ีเนื่องจาก วฒั นธรรมในสงั คมเป็นตวั กาหนดรูปแบบ เช่น วฒั นธรรมแบบสามีภรรยาเดียว เป็ นตน้
• วฒั นธรรมเป็ นเครื่องแสดงเอกลักษณ์ของชาติ ชาติที่มีวฒั นธรรมสูง ยอ่ มไดร้ ับการ ยกยอ่ งและเป็นหลกั ประกนั ความมนั่ คงของชาติ• วฒั นธรรมช่วยให้ประเทศชาตเิ จริญก้าวหน้า หากสงั คมใดมีวฒั นธรรมที่ดีงาม เหมาะสม เช่น ความมีระเบียบวนิ ยั ขยนั อดทน เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตน เป็นตน้ สงั คมน้นั ยอ่ มจะเจริญกา้ วหนา้ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว• วฒั นธรรมเป็ นเคร่ืองมือในการแก้ไขปัญหา มนุษยไ์ ม่สามารถดารงชีวติ ภายใต้ สิ่งแวดลอ้ มไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ดงั น้นั มนุษยต์ อ้ งแสวงหาความรู้จากประสบการณ์ท่ี ตนไดร้ ับ ใหเ้ กิดประโยชน์ต่อชีวติ และถ่ายทอดจากสมาชิกรุ่นหน่ึงไปสู่สมาชิกรุ่น ต่อไปได้
ประเภทของวฒั นธรรม • คติธรรม เป็นวฒั นธรรมท่ีเก่ียวกบั หลกั ในการดาเนินชีวติ ส่วนใหญเ่ ป็นเร่ืองของ จิตใจซ่ึงไดเ้ รียนรู้จากศาสนา เช่น ความเมตตากรุณา ความกตญั ญกู ตเวที เป็นตน้ • วตั ถุธรรม เป็นวฒั นธรรมทางวตั ถุ ท่ีสามารถจบั ตอ้ งสมั ผสั ได้ เช่น บา้ นเรือน อาหาร เครื่องแต่งกาย เป็นตน้ • เนตธิ รรม เป็นวฒั นธรรมทางกฎหมาย รวมท้งั ระเบียบประเพณีท่ียอมรับนบั ถือ เช่น กฎหมาย กฎศีลธรรม จารีตประเพณี เป็นตน้ • สหธรรม เป็นวฒั นธรรมทางสงั คมท่ีเก่ียวกบั หลกั การปฏิบตั ิทางสงั คม รวมท้งั มารยาทต่างๆ ในสงั คม เช่น มารยาทในการเขา้ สงั คม มารยาทบนโตะ๊ อาหาร
ลกั ษณะของวฒั นธรรมไทย • เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษตั ริย์ พระมหากษตั ริยท์ รงเป็นศนู ยร์ วมจิตใจของ คนไทยท้งั ชาติ พสกนิกรทุกหมู่เหล่าใหค้ วามเคารพเทิดทนู ทาใหเ้ กิดความสมคั ร สมานสามคั คีเป็นหน่ึงเดียวกนั • ยดึ ถือขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นส่ิงที่บรรพบุรุษยดึ ถือเป็นแนวปฏิบตั ิในรูป ของความคิด ความเชื่อ ค่านิยม ซ่ึงเป็นที่ยอมรับและมีอิทธิพลต่อการดาเนินชีวติ ของคนในสงั คมจากอดีตจนถึงปัจจุบนั • ใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร ภาษาไทยเป็นภาษาประจาชาติท่ีคนไทยสามารถพดู และ เขียนอ่านได้ ภาษาไทยจึงเชื่อมโยงคนในชาติใหเ้ ขา้ ใจวฒั นธรรมไทยไดเ้ ป็นอยา่ งดี
• การนับถอื ผู้อาวุโส เป็นวฒั นธรรมท่ีมีการปฏิบตั ิมาชา้ นาน โดยผทู้ ่ีมีอายนุ อ้ ยกวา่ จะให้ ความเคารพนบั ถือผทู้ ่ีมีอายมุ ากกวา่ แสดงความเคารพโดยการไหว้ การทกั ทาย เป็น ตน้• เป็ นวฒั นธรรมเกษตรกรรม โดยประชากรส่วนใหญ่อาศยั อยใู่ นชนบทและมีวถิ ีชีวติ ความเป็นอยทู่ ่ีผกู พนั กบั การประกอบอาชีพเกษตรกรรม อนั เป็นรากฐานแห่งภมู ิปัญญา ทอ้ งถ่ินจากอดีตจนถึงปัจจุบนั
วฒั นธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคเหนือ มีลกั ษณะสาคญั คือ รสชาติไม่จดั ไม่นิยมใส่น้าตาลในอาหารความหวานจะไดจ้ ากส่วนผสมของอาหารน้นั ๆ ไดแ้ ก่ • แกงฮังเล เป็นอาหารประเภทแกงรสชาติเคม็ -เปร้ียว ส่วนประกอบที่สาคญั ไดแ้ ก่ เน้ือหมู พริกแหง้ หอมแดง ขา่ ตะไคร้ ผงฮงั เล เป็นตน้ • แกงแค เป็นแกงท่ีประกอบดว้ ยผกั หลายชนิด และมีเน้ือสตั วเ์ ป็นส่วนผสมดว้ ยหน่ึง อยา่ ง เช่น แกงแคไก่ แกงแคปลา ส่วนประกอบท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ผกั ตาลึง ผกั ชะอม ถวั่ ฝักยาว พริกแหง้ ข่า ตะไคร้ หอมแดง และดอกแค • นา้ พริกหนุ่ม เป็นอาหารพ้ืนบา้ นลา้ นนาที่รู้จกั กนั ทว่ั ไป ส่วนประกอบสาคญั ไดแ้ ก่ พริก กระเทียม ผกั สดต่างๆ เป็นตน้ โดยมกั จะรับประทานกบั แคบหมู
วฒั นธรรมด้านศาสนาและลทั ธิความเชื่อ วฒั นธรรมของภาคเหนือ เป็นวฒั นธรรมท่ีมีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั ท่ียงั คงยดึ มน่ั ในขนบธรรมเนียมประเพณีของพระพทุ ธศาสนา ที่มีการสืบทอดมาเป็นเวลายาวนาน ไดแ้ ก่ • การทาบุญทอดผ้าป่ าแถว โดยกระทาพร้อมกนั ทุกวดั ในคืนวนั ลอยกระทงหรือ วนั ข้ึน 15 ค่า เดือน 12 โดยชาวบา้ นจะจดั หาก่ิงไม้ เทียนไข ผา้ ขา้ วสาร อาหารแหง้ และบริขาร ไวป้ ระกอบพิธี • งานบุญตานก๋วยสลาก จะทาในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี เพอื่ เป็นการอุทิศ ส่วนกศุ ลไปใหผ้ ปี ่ ูยา่ ตายายท่ีลว่ งลบั ไปแลว้ และเพอื่ ความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองสืบไป • งานประเพณีสืบชะตา ไดร้ ับอิทธิพลจากพระพทุ ธศาสนา กระทาข้ึนเพอื่ ยดื ชีวติ ดว้ ยการทาพิธีเพือ่ ใหร้ อดพน้ ความตาย เป็นประเพณีท่ีคนลา้ นนานิยมกระทามาจนถึง ทุกวนั น้ี
วฒั นธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคกลาง มีลกั ษณะสาคญั คือ มีความหลากหลายในการปรุง การตกแตง่ อาหารโดยรสชาติจะมีรส เคม็ เผด็ เปร้ียว หวาน เคลา้ กนั ไปตามชนิดของอาหาร ไดแ้ ก่ • แกงส้ม เป็นแกงท่ีใส่เน้ือสตั ว์ ส่วนใหญเ่ ป็นปลาหรือกงุ้ ส่วนประกอบที่สาคญั ไดแ้ ก่ เน้ือสตั ว์ น้าพริกแกงส้ม พริกข้ีหนู หอมแดง กะปิ เป็นตน้ • ห่อหมก เป็นอาหารที่มีมาต้งั แตโ่ บราณ ส่วนประกอบที่สาคญั ไดแ้ ก่ เน้ือปลา ใบยอ หวั หอม ใบมะกรูด พริกแกง ขา่ ตะไคร้ เป็นตน้ • น้าพริกปลาทู เป็นอาหารที่ไดร้ ับความนิยม เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ของภาคกลาง เป็นที่ราบลุ่ม มีความอุดมสมบูรณ์ โดยส่วนประกอบท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ปลาทู พริกข้ีหนู หอมแดง กระเทียม มะนาว เป็นตน้
วฒั นธรรมด้านศาสนาและลทั ธิความเชื่อ วฒั นธรรมของภาคกลาง เป็นวฒั นธรรมท่ีเกี่ยวเนื่องกบั พระพทุ ธศาสนา ที่มีความเช่ือมโยงกบั ประเพณี พิธีกรรม ความเช่ือ และการดาเนินชีวติ ไดแ้ ก่ • ประเพณีรับบัวโยนบัว เป็นประเพณีประจาทอ้ งถิ่นของชาวอาเภอบางพลี จงั หวดั สมุทรปราการ ซ่ึงจดั ข้ึนเป็นประจาทุกปี ในวนั ข้ึน 14 ค่า เดือน 11 โดย ชาวบา้ นจะพากนั มาคอยนมสั การหลวงพอ่ โสธรอยรู่ ิมคลองและเดด็ ดอกบวั โยนข้ึน ไปบนเรือของหลวงพอ่ จนกลายเป็นประเพณีท่ีสืบทอดมาจนถึงปัจจุบนั • การบูชารอยพระพทุ ธบาท จงั หวดั สระบุรี เป็นที่เคารพสกั การะของพทุ ธศาสนิกชน ทวั่ ไป โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเทศกาลบูชารอยพระพทุ ธบาท คือ ช่วงวนั ข้ึน 1 ค่า เดือน 3 จะมีประชาชนทวั่ ทุกสารทิศมานมสั การรอยพระพทุ ธบาทในพระมณฑปอยา่ ง มากมาย
วฒั นธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีลกั ษณะสาคญั คือ มีรสจดั มีผกั เป็นสว่ นประกอบหลกั อาหารจะมีลกั ษณะแหง้ ขน้ หรือมีน้าขลุกขลิก ไม่นิยมใส่กะทิ ไดแ้ ก่ • แกงหน่อไม้ เป็นอาหารพ้นื บา้ นของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีส่วนประกอบที่ สาคญั ไดแ้ ก่ หน่อไมส้ ด พริกข้ีหนู หวั หอม ตะไคร้ เป็นตน้ • ลาบ เป็นอาหารที่รับประทานง่ายและแพร่หลายในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ รวมถึงประเทศลาว ส่วนประกอบสาคญั ไดแ้ ก่ เน้ือสตั ว์ ตบั ตน้ หอม พริก ข้ีหนู เป็นตน้ • ส้มตา เป็นอาหารยอดนิยมที่มีตน้ กาเนิดจากภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ มี ส่วนประกอบท่ีสาคญั คือ มะละกอดิบ มะเขือเทศ ถว่ั ลิสง พริก และกระเทียม นิยม รับประทานกบั ขา้ วเหนียวและไก่ยา่ ง
วฒั นธรรมด้านศาสนาและลทั ธิความเช่ือ วฒั นธรรมของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีเอกลกั ษณ์บนพ้ืนฐานประวตั ิศาสตร์อนั ยาวนาน มีความเกี่ยวขอ้ งกบั แนวคิด ความศรัทธา และความเชื่อที่ปฏิบตั ิสืบต่อกนั มา ไดแ้ ก่ • บุญบ้ังไฟ เป็นประเพณีที่สาคญั ของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ จดั ข้ึนในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคมของทุกปี โดยชาวนาจะขอฝนจากพญาแถนตามความเช่ือ จึงมีการจดั พิธีบูชาพญาแถนทุกปี ดว้ ยการทาบ้งั ไฟ • การแห่ผตี าโขน จดั ข้ึนท่ีอาเภอด่านซา้ ย จงั หวดั เลย ผตี าโขนน้นั เดิมมีชื่อเรียกวา่ ผตี ามคน เป็นเทศกาลท่ีไดร้ ับอิทธิพลมาจากมหาเวสสันดรชาดกในทาง พระพทุ ธศาสนาท่ีวา่ เม่ือพระเวสสนั ดรและพระนางมทั รี จะเดินทางออกจากป่ า กลบั สู่เมืองหลวง บรรดาภตู ิผที ี่อาศยั อยใู่ นป่ าน้นั ไดอ้ อกมาส่งเสดจ็ ดว้ ย
วฒั นธรรมด้านอาหาร อาหารของภาคใต้ มีลกั ษณะที่สาคญั คือ รสจดั จา้ น นิยมใส่เคร่ืองเทศ เช่น ขมิ้นเน่ืองจากช่วยดบั กล่ินคาวของอาหาร โดยอาหารภาคใตจ้ ะไม่เนน้ รสหวาน ไดแ้ ก่ • แกงเหลอื ง เป็นอาหารชนิดหน่ึงของภาคใต้ ส่วนประกอบท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ เน้ือสตั ว์ พริก ขมิ้นชนั กะปิ น้ามะนาว เป็นตน้ โดยมกั จะรับประทานคูก่ บั ผกั สด • แกงไตปลา เป็นอาหารท่ีไดร้ ับความนิยมมากในภาคใต้ ส่วนประกอบท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ เน้ือปลา พริกข้ีหนู ตะไคร้ กระเทียม ขมิ้น กะปิ เป็นตน้ • ข้าวยา เป็นอาหารไทยภาคใต้ โดยถือกนั วา่ เป็นอาหารที่มีโภชนาการครบถว้ น และมีคุณลกั ษณะพเิ ศษแตกตา่ งจากอาหารจานเดียวทวั่ ไป ส่วนประกอบสาคญั ไดแ้ ก่ ขา้ วสวย ขา่ ตะไคร้ พริก ถวั่ งอก เป็นตน้
วฒั นธรรมด้านศาสนาและลทั ธิความเช่ือ วฒั นธรรมของภาคใต้ มีความเป็นมาอนั ยาวนาน เป็นแหล่งอารยธรรมของพระพทุ ธศาสนา ซ่ึงไดห้ ล่อหลอมกบั ความเชื่อด้งั เดิม ก่อใหเ้ กิดประเพณีท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ • ประเพณชี ักพระ เป็นประเพณีพ้นื เมืองของชาวภาคใต้ โดยพทุ ธศาสนิกชนจะ พร้อมใจกนั อญั เชิญพระพทุ ธรูปจากวดั ข้ึนประดิษฐานบนบุษบกที่วางอยตู่ รงร้านไม้ แลว้ ลากหรือแห่ไปตามถนนหนทาง แม่น้าลาคลอง หรือริมฝั่งทะเล • ประเพณีตักบาตรธูปเทยี น เป็นประเพณีท่ีเป็นส่วนหน่ึงของการถวายสงั ฆทานใน วนั เขา้ พรรษา ช่วงวนั แรม 1 ค่า เดือน 8 ซ่ึงการตกั บาตรธูปเทียนจะมีข้ึน ที่วดั พระมหาธาตุวรมหาวหิ าร จงั หวดั นครศรีธรรมราช
ปรัชญากบั ธรรมชาติ • วฒั นธรรมไทยเนน้ ปรัชญา “มนษุ ย์สอดคล้องกบั ธรรมชาติ” เป็นอนั หน่ึงอนั เดียว กบั ธรรมชาติ ดงั น้นั คนไทยจึงนิยมสร้างวฒั นธรรมใหก้ ลมกลืนกบั ธรรมชาติ เช่น การทาขวญั ขา้ ว ประเพณีบุญบ้งั ไฟ เป็นตน้ • วฒั นธรรมสากลเนน้ ปรัชญา “มนษุ ย์เป็นนายธรรมชาติ” สามารถบงั คบั ธรรมชาติ ใหต้ อบสนองความตอ้ งการของมนุษยไ์ ดท้ ้งั หมด จนนาไปสู่การประดิษฐค์ ิดคน้ วตั ถุ และเทคโนโลยที ่ีทนั สมยั เพื่อสร้างความสะดวกสบายใหแ้ ก่มนุษย์ เช่น เคร่ืองบิน รถยนต์ รถไฟฟ้ า โทรศพั ทม์ ือถือ เป็นตน้
โลกทศั น์ • วฒั นธรรมไทยมองโลกแบบองคร์ วม ทุกสิ่งหลอมรวมเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ไม่สามารถแยกออกจากกนั ได้ โดยองคป์ ระกอบท้งั หลายมีความสมดุล ช่วยจรรโลง โลกใหม้ ีความน่าอยู่ ร่ืนรมย์ และสงบสุข • วฒั นธรรมสากลมองทุกส่ิงเป็น 2 ส่วนเสมอ เช่น ขาว-ดา ทนั สมยั -ลา้ สมยั จึงมีความพยายามท่ีจะปรับเปลี่ยนส่ิงท่ีลา้ สมยั ใหม้ ีความทนั สมยั อยเู่ สมอ เช่น การพฒั นาเทคโนโลยี การพฒั นาการคมนาคมขนส่ง เป็นตน้
วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ • วฒั นธรรมไทยเนน้ ความคิดความเช่ือตามหลกั ธรรมทางศาสนา ยดึ มนั่ ในความจริง ควบคไู่ ปกบั แนวคิดทางวทิ ยาศาสตร์ บนพ้ืนฐานความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมนุษยก์ บั มนุษย์ โดยครอบคลุมถึงเร่ืองการดาเนินชีวติ ท้งั ท่ีเป็นรูปธรรมและนามธรรม • วฒั นธรรมสากลเนน้ ทฤษฎีและการพสิ ูจนบ์ นพ้นื ฐานของวทิ ยาศาสตร์ มีการ ต้งั สมมติฐาน วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปที่เป็นเหตุเป็นผล นาไปใชใ้ น การพฒั นาเทคโนโลยที ี่ทนั สมยั เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั เทคโนโลยขี ้นั สูง
แนวทางการอนุรักษ์และถ่ายทอดวฒั นธรรมไทย • ส่งเสริมให้ชนทุกกลุ่มเห็นคุณค่า และร่วมกนั อนุรักษแ์ ละสืบสานวฒั นธรรมของชาติ และทอ้ งถ่ิน อนั เป็นมรดกของชาติไม่ใหส้ ูญหายไป • ขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมทางวฒั นธรรม รณรงคใ์ หป้ ระชาชน เอกชน ตลอดจน หน่วยงานของรัฐเห็นความสาคญั ของวฒั นธรรมไทย นาไปสู่การประสานงาน การบริการความรู้ ตลอดจนการจดั กิจกรรมทางวฒั นธรรม เป็นตน้ • ส่งเสริมการแลกเปลีย่ นศิลปวัฒนธรรม ท้งั ภายในและภายนอกประเทศ โดยใชว้ ฒั นธรรมเป็นส่ือกลางสร้างความสมั พนั ธ์ท่ีดีระหวา่ งกนั
• สร้างทัศนคติ ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกบั วฒั นธรรมวา่ เป็นทรัพยส์ มบตั ิของทุกคน ดงั น้นั ทุกคนจึงมีหนา้ ที่ในการดูแลรักษาวฒั นธรรมใหค้ งอยสู่ ืบไป• ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักใช้สิทธิและหน้าท่ี ตามท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 เช่น สิทธิในการอนุรักษฟ์ ้ื นฟจู ารีตประเพณี ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น ศิลปวฒั นธรรม เป็นตน้• จัดทาระบบเครือข่ายสารสนเทศทางวฒั นธรรม เพือ่ เป็นศนู ยก์ ลางในการเผยแพร่ ขอ้ มูล ประชาสมั พนั ธง์ านต่างๆ ท่ีเกี่ยวกบั วฒั นธรรม เพือ่ ใหป้ ระชาชนทวั่ ไปเขา้ ใจ และตระหนกั ถึงความสาคญั ของการอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย
แนวทางการเลอื กรับวฒั นธรรมสากล • วฒั นธรรมสากลตอ้ งสามารถผสมผสานเขา้ กบั โครงสร้างทางสงั คม คา่ นิยม และ ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยได้ • วฒั นธรรมสากลตอ้ งมีส่วนเก้ือหนุนใหว้ ฒั นธรรมไทยเกิดความกา้ วหนา้ เช่น การนาวทิ ยาศาสตร์เขา้ มาใชใ้ นกระบวนการผลิต หรือการนาคอมพิวเตอร์มาใช้ ในการเกบ็ และวเิ คราะห์ขอ้ มูล เป็นตน้ • วฒั นธรรมสากลตอ้ งสามารถอยรู่ ่วมกบั วฒั นธรรมไทยได้ เมื่อมีวฒั นธรรมจาก ภายนอกเขา้ มา จาเป็นตอ้ งเลือกสรรวฒั นธรรมมาปรับใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม ท้งั น้ี เพื่อใหร้ อดพน้ จากการครอบงาของวฒั นธรรมสากลท่ีมีอิทธิพลมากในยคุ ปัจจุบนั
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: