ปลาทะเลน้ำลึก
ปลาแองเกลอร์ ( อังกฤษ : anglerfish ปลาตกเบ็ด (อังกฤษ: ANGLERFISH) หรือ ปลาแองเกลอร์ คือ ปลาทะเลลึกอยู่ในชั้นปลากระดูกแข็ง คำว่า แองเกลอร์ (ANGLER) นั้นมีความหมายว่า ผู้ตกปลา อันเป็นรูปแบบการล่าเหยื่อของมัน พวกมันมีสายพันธุ์มากกว่า 200 ชนิด สามารถพบได้ทั่วโลกบริเวณน้ำเขตร้อนตื้น ๆ บริเวณ ไหล่ทวีปจนถึงทะเลลึก นอกจากจะมีติ่งเนื้อเรืองแสงที่คล้ายเบ็ดตกปลาไว้ใช้ในการล่อ เหยื่อแล้วมันยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็คือกรณีเพศสัณฐาน ของปรสิตเพศชายที่จะรวมตัวกันกับตัวเมีย
ปลาขวานทะเลลึก อังกฤษ : Deep Sea Hatchetfish ปลาขวานเป็นปลาในตระกูล STERNOPTYCHIDAE จำพวกปลาทะเลน้ำลึก โดยมี ทั้งหมดด้วยกันทั้งหมดกว่า 45 สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ก็จะมีขนาดของตัวที่แตก ต่างกันไป แต่ตัวที่ใหญ่ที่สุดจะมีขนาดความยาวประมาณ 12 เซนติเมตรเท่านั้น ส่วนปลาขวานสายพันธุ์ขนาดเล็กจิ๋วส่วนใหญ่จะมีเกล็ดสีเงินละเอียด นอกจากนั้น ยังมีบางสายพันธุ์ที่มีลำตัวสีน้ำตาลและสีเขียวเข้มอีกด้วย ปลาขวานจะมีดวงตาที่ โตใหญ่แหงนมองขึ้นด้านบนซึ่งมีประสิทธิภาพอย่างมากในการล่าเหยื่อที่ร่วง ตกลงมาจากข้างบน และด้วยความที่ใต้ท้องทะเลลึกจะมีแสงสว่างที่น้อยมาก ดังนั้น ดวงตาของมันจึงมีความไวต่อแสงมากและสามารถแยกแยะระหว่างเงาและแสง จากด้านบนได้เป็นอย่างดีนื้อหาเล็กน้อย
ปลาไวเปอร์ (อังกฤษ: Viperfish) เป็นปลาในสกุล Chauliodus มีลำตัวยาวส่วนมาก สีของ มันจะดำสนิท มันมีฟันเหมือนเข็มยาวและคมมาก มีขา กรรไกรเหมือนบานพับ ปลาไวเปอร์นั้นถือเป็นนักล่าขนาด เล็กเนื่องจากมันมีขนาดยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร เท่านั้นแต่มันก็อาศัยอยู่ในความลึกถึง 80–1,520 เมตรซึ่ง ในความมืดมิดนั้น มันจะมีการเรืองแสงเป็นจุด ๆ ที่เรียกว่า photophores เป็นลายไปตามท้องของมัน มีทั้งหมด 9 ชนิด ส่วนมากอายุโดยเฉลี่ย 15-30 ปีในตอนกลางวันพวก มันจะอยู่บริเวณน้ำลึกในเวลากลางคืนส่วนใหญ่อยู่ในเขต น่านน้ำเขตร้อน
ปลาฉลามกรีนแลนด์ ( อังกฤษ : Greenland shark, gray shark, ground shark, gurry shark ; ปลาฉลามกรีนแลนด์เป็ นปลาฉลามกิน เนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่ง นับว่ารอง มาจาก ปลาฉลามขาว เพราะอาจยาวได้ถึง 24 ฟุต และมีน้ำหนักได้ถึง 2,500 ปอนด์ แต่ขนาดโดยเฉลี่ยทั่วไปยาว 2.44–4.8 เมตร (8.0–16 ฟุต) และมีน้ำหนักประมาณ 400 กิโลกรัม (880 ปอนด์) ปลาฉลาม กรีนแลนด์มีผิวหนังที่หนาหยาบเหมือน กระดาษทรายสีเทาเข้มเกือบดำ ครีบหลัง เป็นเพียงโหนกสั้น ๆ ไม่เหมือนกับปลา ฉลามทั่วไป
ปลาคิเมียรา ( อังกฤษ:Chimaera ) ปลาคิเมียราอาศัยอยู่ในทะเลลึกโดยอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 2,600 เมตร ยกเว้น สกุล Callorhinchus ที่จะอาศัยอยู่บริเวณน้ำลึก 200 เมตร จึงทำให้พวกมันสามารถถูก จับมาแสดงโชว์ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พวกมันมีลำตัวยาวและมีหัวขนาดใหญ่และมีช่องปิ ดเหงือกช่องเดียวเมื่ อโดเต็มวัยอาจมี ความยาวถึง 150 ซ.ม.[5]พวกมันเป็นปลากระดูกอ่อนมีผิวหนังที่เรียบเนียนมีสีน้ำตาลถึง เทาและมีครีบหลังเป็ นกระดูกอ่อน พวกมันมีลักษณะบางประการคล้ายปลาฉลามเช่นการปฏิสนธิภายในของเพศเมีย, การวางไข่แบบมีถุงหุ้มไข่และยังมีการใช้ประสาทสัมผัสทางไฟฟ้ าในการหาเหยื่อ เหมือนกัน ถึงจะมีลักษณะคล้ายปลาฉลามแต่มันมีสิ่งทีแตกต่างและแปลงออกไปคือปลาคิเมียรา เพศผู้นั้นจะมีอวัยวะสืบพันธุ์ที่สามารถยืดหดได้อยู่บนหน้ าผาก และมีครีบเอว และยังมีสิ่งที่แตกต่างจากฉลามอีกเช่นขากรรไกรรวมกับกระโหลกศีรษะ, มีการแยกกัน ระหว่างทวารหนักและอวัยวะเพศ, ไม่มีฟันที่แหลมคมและมีแผ่นปิดเหงือกเหมือนปลาก ระดูกแข็ง
ปลาฉลามก็อบลิน หรือ ปลาฉลามปีศาจ ( อังกฤษ : Goblin shark, Elfin shark เป็นปลาฉลามน้ำลึกที่พบเห็นตัวได้ยาก และมีรูปร่าง ลักษณะประหลาด อันเป็นที่มาของชื่อ และยังเป็นเพียง สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในวงศ์และสกุลเดียวกันนี้ก็ยังดำรง เผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็น \" ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิต \" อีกชนิดหนึ่ง ที่มีรูปร่างแทบไม่ แปรเปลี่ยนไปจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปลาฉลามก็อบ ลิน มีความยาวเต็มที่ได้ 3 หรือ 4 เมตร (10 และ 13 ฟุต) อาศัยอยู่ในเขตน้ำลึกได้มากกว่า 100 เมตร (330 ฟุต) ซึ่งเป็นที่ ๆ แสงส่องลงไปไม่ถึง พบชุกชุมที่ โตเกียวแคนยอน ซึ่งเป็นหุบผาลึกใต้ทะเลในพื้นที่ อ่าว โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยปกติแล้วจะมีลำตัวและครีบ สีขาว แต่เมื่อถูกจับขึ้นมาจากน้ำลำตัวจะเปลี่ยนไปเป็น สีแดงเหมือนเลือด [6] ปลาฉลามก็
ปลาตะเกียง ( อังกฤษ : myctophids, กรีก: μυκτήρmyktḗr ) ปลาตะเกียงจะมีรูปร่างที่เรียวเล็กมีเกล็ดเล็ก ๆ สีขาว ปกคลุมหัวค่อนข้างกลมและมีดวงตาทรงกลมขนาดใหญ่มี ขากรรไกรขนาดเล็กที่ประกบติดกันได้ดีมีฟั นชุดเล็กที่ขา กรรไกรบนและล่าง มีครีบขนาดเล็กแต่บางชนิดก็มีครีบ หลังที่ยาว พวกมันมีถุงลมที่เต็มไปด้วยไขมันเพื่อใช้ใน สถานที่ ๆ มีแรงกดดันสูง มันมีอวัยวะผลิตแสง (photophores) ซึ่งจะจัดเรียกต่าง กันไปตามชนิดและเพศของพวกมันซึ่งเพศผู้จะอยู่เหนือหาง เพศเมียจะอยู่ใต้หางส่วนแบบตามชนิดก็จะมีแบบที่ใต้ท้อง, ด้านบนลำตัวหรือบนหัวบริเวณใกล้เคียงกับดวงตา ซึ่ง อวัยวะผลิตแสงเหล่านี้จะผลิตแสงที่มีสีฟ้ า, สีเขียวหรือสี เหลืองอ่อน
ปลาแฟงค์ทูธ (อังกฤษ : fangtooth ) พวกมันมีฟันขนาดใหญ่ที่ไม่เข้ากับรูปร่าง หัวและกรามมี ขนาดใหญ่มีลักษณะเปราะบางมีรอยบวมและรอยหยักที่ถูก ปกคลุมด้วยผิวหนังบาง ๆ มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำและมี การบีบอัดตามแนวขวางลึกตรงใบหน้ าและค่อย ๆ เรียวเล็ก ลงไปเรื่อย ๆ จนถึงหางมีดวงตาค่อนข้างเล็กอยู่บนหัว ครีบ มีขนาดเล็กเรียบง่าย เกล็ดจะฝังอยู่ในผิวหนังและมีรูปแบบ เป็นแผ่นบาง ๆ
ปลาไหลกัลเปอร์ ( อังกฤษ : Gulper, Gulper eel ) ปลาไหลกัลเปอร์ เป็นปลาที่มีลำตัวเรียวยาวคล้ายปลาไหล ลำตัว ไม่มีเกล็ด มีลักษณะเด่น คือ มีปากกว้างใหญ่ มีส่วนหัวที่ใหญ่กว่า 1 ใน 4 ของลำตัว ภายในปากมีฟันที่แหลมคมเต็มไปหมด มี หางยาวและไวต่อความรู้สึก ดวงตามีขนาดเล็ก มีลำตัวทั่วไปสีดำ และยาวได้เต็มที่ประมาณ 2 เมตร (6.5 ฟุต) พบได้ในระดับความลึก 1,800 เมตร (6,000 ฟุต) เป็นปลาที่ เหมือนกับปลาใต้ทะเลลึกทั่วไป คือ กินอาหารได้หลากหลายชนิด ไม่เลือก เนื่องจากเป็นสถานที่ ๆ อาหารหายาก ซึ่งด้วยปากที่กว้าง ใหญ่เช่นนี้ทำให้สามารถกินอาหารที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวได้[1]
ปลาออร์ ปลาออร์ หรือ ปลาริบบิ้น ( อังกฤษ : Oarfish, King of herrings ; มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับ พญานาค ตาม ความ ชื่อ ของ ไทย หรือ มังกรทะเล ในความเชื่อใน ยุค กลาง ของ ชาวตะวันตก โดยมี ความยาว ได้ สูงสุดยาวถึง 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม แต่ ก็มีบันทึกไว้ใน บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ด้วยว่า ปลาชนิดนี้เป็น สัตว์มีกระดูกสันหลัง ที่ยาวที่สุดใน โลก โดยอาจยาวได้ถึง 11 เมตร ในขณะที่รายงาน ไม่ยืนยันอีกบางกระแสระบุว่าอาจยาวถึง 15 เมตร
ปลาตกเบ็ดหลังค่อม ปลาตกเบ็ดหลังค่อ ม ( อังกฤษ : humpback anglerfish ) ป็นสายพันธุ์ของปลาในตระกูล Melanocetidae ซึ่งเป็นปลาทะเลสีดำ เป็นที่รู้ กันทั่วไปว่า ตกเบ็ดหลังค่อมหลังค่อม เป็นปลา น้ำลึกที่อาศัยอยู่ที่ระดับความลึกถึง 4,500 เมตร แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่บริเวณน้ำลึก 1,500 เมตร มีถิ่นกำเนิดในมหาสมุทรของโลก ซึ่งสามารถพบได้ในเขตร้อนชื้นและในหลาย พื้นที่ที่มีอุณหภูมิ
ปลาคิเมียรา ปลาคิเมียรา ( อังกฤษ : Chimaera ) ปลาคิเมียรานั้นเป็นญาติห่าง ๆ ของปลาฉลาม เนื่องจากการวิวัฒนการของพวกมันนั้นแยก ตัวออกมาจากฉลามตั้งแต่ 400 ล้านปีที่แล้ว [2] ในปัจจุบันนี้สามารถพบได้ตาม ทะเลลึก [3]
ปลาคิเมียรา สกุล Chimaera Linnaeus, ปลาคิเมียรานั้นเป็นญาติห่าง ๆ ของปลาฉลาม นื่องจากการวิวัฒนการของพวกมันนั้นแยกตัว ออกมาจากฉลามตั้งแต่ 400 ล้านปีที่แล้ว [2] ใน ปัจจุบันนี้สามารถพบได้ตาม ทะเลลึก [3]
ปลาคิเมียรา สกุล Hydrolagus Gill, ปลาคิเมียรานั้นเป็นญาติห่าง ๆ ของปลาฉลาม เนื่องจากการวิวัฒนการของพวกมันนั้นแยกตัว ออกมาจากฉลามตั้งแต่ 400 ล้านปีที่แล้ว [2] ใน ปัจจุบันนี้สามารถพบได้ตาม ทะเลลึก [3]
ปลาฉลามกรีนแลนด์ ปลาฉลามกรีนแลนด์เป็นปลาฉลามกินเนื้อที่มี ขนาดใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่ง นับว่ารองมาจาก ปลา ฉลามขาว เพราะอาจยาวได้ถึง 24 ฟุต และมีน้ำ หนักได้ถึง 2,500 ปอนด์ แต่ขนาดโดยเฉลี่ยทั่วไป ยาว 2.44–4.8 เมตร (8.0–16 ฟุต) และมีน้ำหนัก ประมาณ 400 กิโลกรัม (880 ปอนด์) ปลาฉลาม กรีนแลนด์มีผิวหนังที่หนาหยาบเหมือนกระดาษ ทรายสีเทาเข้มเกือบดำ ครีบหลังเป็นเพียงโหนก สั้น ๆ ไม่เหมือนกับปลาฉลามทั่วไป [3] [4]
วงศ์ปลากดทะเล วงศ์ปลาอุก ( อังกฤษ : Sea catfishes, Crucifix catfishes, Fork-tailed catfishes ) ปลากินซาก ทั้งซากพืช ซากสัตว์ พบทั้งน้ำจืด, น้ำเค็ม และน้ำกร่อย ทั่วเขตอบอุ่นของโลก ใช้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ariidae (/อา-รี-อาย-ดี้/) สำหรับปลาในวงศ์นี้ เป็นปลาที่อาศัยในบริเวณ น้ำกร่อย เช่น ปากแม่น้ำ และในทะเล ส่วนมากมี รูปร่างคล้ายปลาสวายแต่มีส่วนหัวที่โตกว่าและ แบนราบเล็กน้อย ครีบหลังยกสูงมีก้านแข็งคม เช่นเดียวกับครีบอก ครีบไขมันใหญ่ ครีบก้นสั้น ครีบหางเว้าลึก มีหนวด 1-3 คู่รอบปาก บน เพดานมีฟันเป็นแถบแข็งรูปกลมรี โดยการแพร่พันธุ์ ตัวผู้จะอมไข่ไว้ในปาก รอ จนกว่าไข่จะฟักเป็นตัว โดยหลังจากกา
วงศ์ปลากระทิง ป็นวงศ์ปลาใน อันดับ Synbranchiformes พบใน น้ำจืด และ น้ำกร่อย มีรูปร่างคล้าย ปลา ไหล แต่ส่วนหัวและจะงอยปากยื่นแหลม ปากเล็ก จะงอยปากและปลายจมูกเป็นงวงแหลมสั้นปลาย แฉก ตาเล็ก ครีบอก ครีบหลัง ครีบก้นและครีบ หางเล็ก ด้านหลังมีก้านครีบแข็งสั้นแหลมคมอยู่ ตลอดตอนหน้า มีเกล็ดเล็ก ใช้ชื่อวงศ์ว่า Mastacembelidae (/มาส-ทา-เซม-เบล-อิ-ดี้/)
วงศ์ปลากระบอก ปลากระบอกมีรูปร่างโดยรวมเรียวยาวค่อนข้าง กลมเป็น ทรงกระบอก ปากเล็ก มีครีบหลัง 2 ตอน เป็นปลาที่พบได้ทั้งใน น้ำจืด , น้ำกร่อย และ ทะเล มี ตา ทรงกลม โต พบทั่วไปในทั้งใน ทวีป ยุโรป , อเมริกาเหนือ และ ทวีปเอเชีย เช่น อิน โด-แปซิฟิก , ฟิลิปปิน และ ออสเตรเลีย มี พฤติกรรมอยู่รวมเป็นฝูง มีความปราดเปรียว ว่องไว เกล็ดโดยมากเป็น สีเงิน เหลือบ เขียว หรือ เทา
วงศ์ปลากระเบนธง ( อังกฤษ : Whipray ) ป็นวงศ์ของ ปลากระเบน วงศ์ หนึ่ง ใช้ ชื่อ วิทยาศาสตร์ ว่า Dasyatidae (/แด-ซี-แอท-อิ-ดี้/) พบได้ทั้งน้ำจืดสนิท, น้ำกร่อย และทะเล มีรูปร่าง แบนราบ ไม่มีครีบหลัง ส่วนครีบอกแผ่กว้างรอบ ตัว ปากอยู่ด้านล่าง ตาอยู่ด้านบน มีช่องน้ำเข้า 1 คู่อยู่ด้านหลัง มีขากรรไกรและฟันที่แข็งแรง จำนวนมากเรียงติดต่อกันเป็นแถว ใช้ขบกัด สัตว์ เปลือกแข็ง ซึ่งเป็น อาหาร หลักได้ดี ผิวหนังเรียบ นิ่มไม่มีเกล็ด ยกเว้นบริเวณกลางหลัง
วงศ์ปลากุเรา ( อังกฤษ : Threadfins ) เ มีรูปร่างทั่วไปเป็น ทรงกระบอก ลำตัวแบนข้าง เล็กน้อย หัวและจะงอยปากทู่ ปากกว้างอยู่ด้าน ล่างของจะงอยปาก ตาเล็กอยู่ตอนปลายของหัว และมีเยื่อไขมันบาง ๆ คลุม ครีบหลังแบ่งเป็น 2 ตอนอยู่ห่างกัน ตอนแรกเป็นก้านแข็งสั้น ตอน ท้ายเป็นก้านอ่อน ครีบหางเว้าลึก ครีบอกแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนบนเป็นครีบยาวแหลม ส่วนล่างเป็น เส้นยาวแยกออกเป็นเส้นตั้งแต่ 4 - 14 เส้น มี ความยาวแล้วแต่ ชนิด เกล็ดเป็นแบบสากมี ขนาดเล็กละเอียด
ปลาฉนาก ( อังกฤษ : Sawfishes ) ปลาฉนาก นับเป็นปลาที่ถือกำเนิดมานานกว่า 100 ล้านปีตั้งแต่ยุคครีเตเชียส ที่ไดโนเสาร์ยังมี ชีวิตอยู่ และไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างมากนักจาก ในอดีต [6] ปลาฉนากที่สูญพันธุ์ไปแล้ว คือ Onchopristis มีความยาวกว่า 8 เมตร (แต่จัด อยู่ในวงศ์ Sclerorhynchidae [7] [8] ) เฉพาะ ฟันเลื่อยก็มีความยาวกว่า 2.5 เมตร แต่ก็ตกเป็น อาหารของไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดใหญ่ เช่น สไป โนซอรัส [9] [10]
วงศ์ปลาตูหนา ( อังกฤษ : True eel, Freshwater eel ) กระจายทั่วชายฝั่ งมหาสมุทรแอตแลนติกและ แปซิฟิกจนถึงออสเตรเลีย พบในประเทศไทย ประมาณ 3–4 ชนิด ปลาวงศ์นี้มีฟันคม ปากกว้าง เขี้ยวเล็กละเอียด บนขากรรไกรเป็นร้อย ๆ ซี่ จมูกมีรูเล็ก ๆ เหมือน หลอด 2 ข้าง ใช้สำหรับดมกลิ่นเพื่อนำทางและหา อาหาร ซึ่งปลาตูหนามีประสิทธิภาพในการดมกลิ่น ได้ดีกว่าปลาฉลามเสียอีก[3] ครีบอกเป็นรูปกลมรี ครีบหลังยาวติดต่อกับครีบหางที่มนและครีบก้นที่ ยาว ลำตัวดูภายนอกเหมือนไม่มีเกล็ด
ปลากดหัวผาน ( อังกฤษ : Shovelnose sea catfish ) มีรูปร่างคล้าย ปลากดคัง ( Hemibagrus wyckioides ) ซึ่งเป็นปลา ต่างวงศ์กัน แต่จะมี ส่วนหัวที่ยาวและปลายจะงอยปากยื่นแหลมกว่า พื้นลำตัวเป็นสีดำอมน้ำตาล ท้องสีขาว และมี หนวดที่ไม่ยาวเก่าปลากดคัง มีครีบทั้งหมด 8 ครีบ โดยครีบหลังจะยาวใหญ่กว่า เงี่ยงแหลมที่ ก้านครีบหลังใหญ่และแหลมคมกว่า ครีบอกมี เงี่ยงขนาดใหญ่แหลมคม ก้านครีบอก ครีบหลัง ครีบท้องสีซีดจาง ครีบไขมันค่อนข้างเล็ก เส้น ประสาทข้างลำตัว เล็กมากจนแทบมองไม่เห็น มี ขนาดประมาณ 40 เซนติเมตร ใหญ่สุด 80 เซนติเมตร น้ำหนักเต็มที่ประมาณ 6 กิโลกรัม
ปลากดแดง ( อังกฤษ : Engraved catfish ) เป็น ปลาหนัง น้ำกร่อย ชนิดหนึ่ง มี ชื่อ วิทยาศาสตร์ ว่า Nemapteryx caelata ใน วงศ์ ปลากดทะเล (Ariidae) มีรูปร่างอ้วนป้อม หัวโตมี หนวด 6 เส้นอยู่รอบปาก ครีบไขมันเล็กมีจุด สีดำ ครีบหลังแหลมยาวเหมือน ปลาเทพา ซึ่งเป็นปลา คนละ สกุล และคน วงศ์ กัน ลำตัวมี สีเทา ครีบ หางมีขนาดเล็ก
ปลากดเหลือง วงศ์ปลากด (Bagridae) มีรูปร่างคล้ายปลากด คัง (H. wyckioides) ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน แต่มี รูปร่างเล็กกว่า สีข้างลำตัวเป็นสีเหลืองจึงเป็นที่ ของชื่อ หรืออาจเป็นสีเทาคล้ำ สีท้องจาง ครีบหลัง ยาวจนถึงจุดเริ่มต้นของครีบไขมัน และครีบไขมัน มีสีคล้ำ ขนาดโตเต็มที่ราว 50 เซนติเมตร พบในแหล่งน้ำนิ่งและแม่น้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ยกเว้นแม่น้ำสาละวิน เป็นปลาที่ใช้บริโภคโดยการ ปรุงสด รมควัน และปลาแห้ง และมีการเพาะเลี้ยง ในกระชังเหมือนปลากดคัง นอกจากนี้แล้วยังมีปลากดในสกุลเดียวกันนี้ อีก ชนิดหนึ่ง ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกัน คือ ปลากด ขาว (H. spilopterus) ซึ่งบางครั้งอาจสับสนกัน และเรียกชื่อสามัญตรงกันว่า \"ปลากดเหลือง\" ด้วย
ปลากระเบนบัว เป็นปลาที่ถูกบรรยายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรก โดย พีเตอร์ บลีกเกอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ในปี ค.ศ. 1852 บลีกเกอร์เป็นศัลยแพทย์ของกอง ทัพที่ทำงานเป็นเวลา 20 ปี ให้กับบริษัทอินเดีย ตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ในอินโดนีเซีย มี ตัวอย่างปลาสะสมมากกว่า 12,000 ชิ้น เมื่อบลีก เกอร์เดินทางกลับเนเธอร์แลนด์ก็ได้ตัวอย่างกลับ ไปด้วย โดยส่วนใหญ่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในไลเดิน[3] ส่วนหางยาวได้กว่า 80 เซนติเมตร หรือ 1 เมตร โคนหางมีเงี่ยงแหลมมีพิษ 1 หรือ 2 ชิ้น ที่เมื่อหัก หรือหลุดไปแล้วสามารถงอกใหม่ได้ ไม่มีแผ่นหนัง ที่หาง ขนาดลำตัวกว้างโดยเฉลี่ย 40 เซนติเมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ย 5 กิโลกรัม แต่ก็มีรายงานว่าเคย
ปลากระเบนลายเสือ ( อังกฤษ : Marbled whipray มีรูปร่างเหมือนปลากระเบนชนิดอื่นในวงศ์ เดียวกัน หางยาว โคนหางมีเงี่ยงแหลมมีพิษ 1 หรือ 2 ชิ้น ที่สามารถงอกใหม่ได้เมื่อหลุดหรือหัก ไป หางไม่มีริ้วหนัง พื้นลำตัวด้านบนสีน้ำตาล เหลือง กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่มหยาบ ๆ มีจุดดำ คล้ายลายของ เสือดาว กระจายอยู่ทั่วตัวไปจน ปลายหาง อันเป็นที่มาของชื่อ พื้นลำตัวด้านล่างสี ขาว หากินตามพื้นท้องน้ำโดยอาหารได้แก่ ปลา ขนาดเล็ก, สัตว์หน้าดิน และ สัตว์มีเปลือก จะว่าย ขึ้นมาหากินบริเวณผิวน้ำบ้างเป็นบางครั้ง มี ขนาดความกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร หางยาว 1.2 เมตร น้ำหนักตั้งแต่ 3-5 กิโลกรัม
ปลากระเบนกิตติพงษ์ ปลากระเบน น้ำจืดชนิดใหม่ของโลก อยู่ใน วงศ์ ปลากระเบนธง (Dasyatidae) มีรูปร่างเหมือน ปลากระเบนในวงศ์นี้ทั่วไป ต่างกันที่ด้านหลังจะมี สีน้ำตาล เข้มอม เหลือง รอบวงของลำตัว หาง ช่องหายใจ ช่องเหงือกและขอบด้านล่างของตัว เป็นสีคล้ำ และจำนวนของฟันซึ่งมีลักษณะเป็นซี่ เล็ก ๆ บริเวณขากรรไกรล่างมีจำนวนมากถึง 14- 15 แถว ส่วนลำตัวมีขนาดใหญ่สุดประมาณ 60 เซนติเมตร ส่วนหางยาว 50-80 เซนติเมตร น้ำ หนักประมาณ 3 กิโลกรัม
ปลานวลจันทร์ทะเล Chanos chanos อยู่ในวงศ์ Chanidae ซึ่งถือ เป็นปลาเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ใน วงศ์ นี้และ สกุล นี้ [2] ปลานวลจันทร์ทะเลมีรูปร่างเพรียว ยาว เกล็ดเล็กละเอียดสีเงินแวววาว ครีบหางเว้า ลึก ครีบท้องและครีบหลังเล็ก เป็นปลาที่มีความ ปราดเปรียวว่องไว พบได้ตามชายฝั่ งทะเลแถบ อบอุ่นทั่วภูมิภาคของโลก มักอยู่รวมกันเป็นฝูง กินอาหารได้แก่ ปลาอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่า และ สัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ รวมถึง สาหร่ายทะเล ด้วย มี ขนาดโตเต็มที่ยาวได้ถึง 1.5 เมตร ในประเทศไทย พบมากที่แถบ จังหวัดเพชรบุรี , ประจวบคีรีขันธ์ , ชุมพร และบางส่วนใน จังหวัดตราด โดยมีการ สำรวจพบครั้งแรกที่บ้านคลอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: