Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รอบรู้เรื่อง

รอบรู้เรื่อง

Published by apisara, 2020-08-17 23:38:44

Description: เอกสารประกอบการเรียนฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนรายวิชารอบรู้เรื่องจีนโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศจีน ในเอกสารประกอบการเรียนฉบับนี้มีเนื้อหาประกอบด้วยความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศจีน3บทเรียนคือ ภูมิประเทศ
อัตลักษณ์ของประเทศจีนและประชากรจีน

Keywords: General knowledge of china

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา รอบรู้เรือ่ งจนี นางสาว อภสิ รา หมอกแสง ตาแหน่ง ครู โรงเรียนเชยี งใหม่พิทยาคม

เอกสารประกอบการเรยี น รายวชิ า รอบรเู้ ร่อื งจีน นางสาว อภิสรา หมอกแสง ปรญิ ญาตรหี ลกั สตู รครศุ าสตรบณั ฑติ สาขาการสอนภาษาจนี โรงเรยี นเชียงใหมพ่ ิทยาคม เขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาเขต 3

ก คำนำ เอกสารประกอบการเรียนฉบับน้ีจัดทาขึ้นเพื่อประกอบการเรียนรายวิชารอบรู้เรื่องจีนโดยมี จุดประสงค์เพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้และมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเก่ียวกับประเทศจีน ในเอกสาร ประกอบการเรียนฉบับน้ีมเี น้อื หาประกอบดว้ ยความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกบั ประเทศจีน3บทเรียนคอื ภมู ิประเทศ อัตลักษณ์ของประเทศจีนและประชากรจนี ทงั้ นี้ เนอ้ื หาได้รวบรวมมาจากหนงั สือแบบเรียนจีนปรทิ ัศนแ์ ละจากหนงั สอื คูม่ อื การเรียนอีกหลายเลม่ ขอขอบพระคุณอาจารย์ธีวรา จันทรสุรยี ์อยา่ งสูงท่ีกรุณาตรวจ ให้คาแนะนาเพ่ือแกไ้ ข ให้ข้อเสนอแนะตลอด การทางาน ผู้จัดทาหวังว่าเอกสารประกอบการเรียนเลม่ น้ีจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่นาไปใช้ให้เกิดผลตามความ คาดหวงั อภิสรา หมอกแสง

สารบญั ข เร่ือง หน้า คานา ก สารบัญ ข บทท่ี1 ภูมศิ าสตรจ์ นี 《中国地理》 1 1 -ท่ีตง้ั ของประเทศจีน 2 -อาณาเขตของประเทศจนี 3 -ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศประเทศจีน 4 -ภูมิอากาศจีน 6 บทท่ี2 อตั ลกั ษณป์ ระเทศจีน《中国特征》 6 -ธงชาตจิ ีน 8 -ตราแผน่ ดนิ 9 -เพลงชาติ 10 -สกุลเงิน 12 -ภาษา 14 บทที่3ประชากรจนี 《中国人口》 14 -ประชากรในประเทศจีน 15 -กลมุ่ ชาติพันธจ์ นี 24 บรรณานุกรม

1 บทที่ 1 ภมู ศิ าสตรจ์ นี 《中国地理》 ทตี่ งั้ ของประเทศจนี 中国的地理 ประเทศจีนตัง้ อยู่ในภาคตะวันออกของแผน่ ดินใหญ่ยุโรป- เอเชีย อยู่บนฝั่งตะวันตกของมหาสมทุ รแปซิฟกิ มพี รมแดนตดิ ต่อ กบั ประเทศตา่ งๆ โดยรอบ 14ประเทศ ขณะทีท่ ศิ ตะวันออกและ ทศิ ใตจ้ ดทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ รูปภาพ :www.google.com มีพืน้ ที่ดนิ ประมาณ 9.6 ลา้ นตารางกิโลเมตร เปน็ ประเทศที่มีพื้นทบี่ กมากที่สุด เป็นอันดับที่ 2 ของโลก พื้นบนบกยาว 2หมื่นกว่ากิโลเมตร - ดา้ นตะวันออกและด้านตะวันออกเฉียงเหนือตดิ กับประเทศเกาหลีเหนือ -ด้านเหนือและดา้ นตะวันตกเฉียงเหนือติดกับประเทศรัฐเชีย ประเทศมองโกเลีย คาซัคสถาน คีรก์ ซิ ทามาจกิ ิสถาน -ด้านตะวันตกและตกวันตกเฉียงใต้ติดกบั อัฟกานสิ ถาน ปากีสถาน อนิ เดีย เนปาล ภูฐาน -ดา้ นตอนใต้ตดิ กบั ลาว เวียดนาม และพมา่ แนวฝัง่ ทะเลทางเหนือตัง้ แต่ปากแมน่ ้ายาลูเ่ จียง ซง่ึ เปน็ หพรหมแดนระหวา่ งจีนกับเกาหลี ถึงทางใตค้ ือปาก แม่น้าเป่ยหลุนเหอเส้นพรหมแดนระหว่างจีนกับเวียดนาม มีควายาวทั้งหมด1.8หมื่นกว่ากิโลเมตร เป็น พรหมแดนที่ตดิ ต่อกับผืนทะเลใหญ่ทั้ง4 ทะเล ได้แก่ ทะเลป๋อไห่ ทะเลหวงไห่ ทะเลจีนตะวันออกและทะเล จีนใต้ ตามชายทะเลมีเกาะทัง้ หมด 5,000กวา่ เกาะกระจายกันอยู่ เกาะไต้หวันเป็นเกาะทีใ่ หญ่ทีส่ ดุ ของจีน

2 รูปภาพ :www.google.com อาณาเขตของประเทศจนี 中国领土 ประเทศจีนมีอาณาเขตติดตอ่ กบั 14 ประเทศ มากกวา่ ประเทศอืน่ ใดในโลก (เท่ากบั รัสเซีย) เรียง ตามเขม็ นาฬกิ าไดแ้ ก่ ประเทศเวียดนาม ลาว พมา่ อนิ เดีย ภูฏาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานสิ ถาน ทาจกิ ิ สถาน คีรก์ ีซสถาน คาซคั สถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ นอกเหนือจากนี้ พรมแดนระหวา่ ง สาธารณรัฐประชาชนจีนกบั สาธารณรัฐจีนตัง้ อยใู่ นน่านนา้ อาณาเขต ประเทศจีนมีพรมแดนทางบกยาว 22,117 กโิ ลเมตร ซงึ่ ยาวที่สดุ ในโลก ดินแดนจีนตั้งอยูร่ ะหวา่ งละตจิ ูด 18 และ 54 เหนือ และลองติจูด 73 และ 135 ตะวันออก ประกอบดว้ ยลักษณะภมู ภิ าพหลายแบบ ทางตะวันออก ตามแนวชายฝั่งที่ตดิ กบั ทะเลเหลือง และทะเลจีนตะวันออก เปน็ ที่ราบลมุ่ ตะกอนนา้ พาซึง่ มปี ระชากรอาศัยอยู่กันอย่างหนาแนน่ และกวา้ งขวาง ขณะทีต่ ามชายขอบของที่ราบสูงมองโกเลียในทางตอนเหนือนัน้ เป็นท่งุ หญ้า ตอนใตข้ องจีนนัน้ เปน็ ดินแดน หบุ เขาและแนวเทือกเขาระดบั ต่้าเป็นจ้านวนมาก ทางตอนกลาง-ตะวันตกนั้นเป็นสามเหลีย่ มปากแมน่ ้าของ แมน่ ้าสองสายหลักของจีน ไดแ้ ก่ แม่น้าหวงและแม่น้าแยงซี ทางตะวันตกนั้น เปน็ เทือกเขาสา้ คญั ทีโ่ ดดเดน่ คือ เทือกเขาหิมาลัย ซง่ึ มีจุดสูงสดุ ของจีนอยูท่ างครงึ่ ตะวันออกของยอดเขาเอเวอรเ์ รสต์ และที่ราบสงู อยู่ ทา่ มกลางภูมภิ าพแหง้ แลง้ อยา่ งเชน่ ทะเลทรายทาคลามากันและทะเลทรายโกบี อาณาเขตของจีนจากทางเหนือสุดถงึ ใตส้ ดุ คือจากแนวเสน้ กลางของร่องน้าเดินเรือในแม่น้าเฮยหลง เจียงซึ่งอยทุ่ างเหนืออา้ เภอม่อเหอ มณฑลเฮยหลงเจียจนถึงแนวหนิ โสโครกเจิงหมุ่อัน้ ซางของเกาะหนานซา หรือหมู่เกาะสแปรตลใี นทะเลจีนใต้ ซง่ึ ข้ามเสน้ ละตจิ ูดประมาณ 50 องศา เป็นระยะทัง้ หมด 5500 กโิ ลเมตร

3 ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศประเทศจนี 中国的地形 รูปภาพ :www.google.com ประเทศจีนตัง้ อยู่บรเิ วณซีกโลกเหนือในทวีป เอเชียตะวันออก ทางฝั่งตะวันตกของมหาสมทุ รแปซิฟิก สภาพภมู ิประเทศของจีนคอ่ นขา้ งซบั ซอ้ น พืน้ ที่ด้าน ตะวันตกยกตวั สูงและค่อนๆ ลาดต่า้ ลงมาทางตะวันออก โดยทัว่ ไปลกั ษณะภูมปิ ระเทศของจีนมภี ูเขาสูงมากที่ ราบนอ้ ย เนื้อที่ภูเขาคิดเป็นประมาณ2ใน3 ข้ึนไปข้งึ เนื้อที่แผน่ ดนิ ทั้งหมดของจีน เขตที่ราบมีไม่ถงึ 1ใน3เขต ที่อยู่เหนือระดับน้าทะเล500เมตรข้ึนไป มีประมาณ3ใน 4ของเนือ้ ที่ผืนแผ่นดนิ ทั้งหมดของจีน ลักษณะภมู ปิ ระเทศของจีนคลา้ ยขัน้ บันได 3 ขั้น -ขัน้ ที่ 1 ซ่ึงเปน็ พื้นที่ที่สูงจากระดับน้าทะเลมากทีส่ ดุ ในโลกและได้รับการขนานนามวา่ \"หลังคาของ โลก\" คือบรเิ วณที่ราบสูงชิงไห่-ทเิ บตซง่ึ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใตข้ องจีน -ขัน้ ที่ 2 มีดังนี้ 1.ที่ราบสูงมองโกเลียใน 2.ที่ราบสูงดินเหลือง 3.ที่ราบสูงหยุนหนานกุ้ยโจว อยู่เหนือระดับน้าทะเล1,000- 2,000เมตร แอ่งแผ่นดินจุงการ์ แอง่ แผน่ ดินทารมิ และ 4.ทีร่ าบสูงเสฉวน -ขัน้ ที3่ คือที่ราบทีอ่ ยูด่ ้านตะวันออกของแนวเทือกเขาฮิงกนั ใหญ่ ภูเขาไทห่ งั ซาน ภูเขาอซู าน ภูเขา เสวีย่ เฟงิ ซานและเนนิ เขาเตี้ยๆ ทีร่ าบ3แหง่ อยู่เหนือระดับน้าทะเลไมถ่ งึ 200เมตรและเนินเขาเตี้ยๆ อย฿เหนือระดับน้าทะเลไม่ถงึ 500เมตร แมน่ า้ ประเทศจีนมีแมน่ า้ จา้ นวนมากกวา่ 50,000สาย แมน่ ้าสว่ นใหญ่อยูท่ างภาคตะวันออกและภาคใตข้ องจีน สว่ น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะแห้งแลง้ และมีปรมิ าณนา้ ฝนนอ้ ยส่งผลให้มแี ม่นา้ นอ้ ยสาย ม่น้าส้าคัญของ ประเทศจีนได้แก่ แม่น้าแยงซีเกียง มีความยาวทัง้ หมด6,300 กิโลเมตร ซ่งึ เป็นแมน่ ้าที่ยาวเปน็ อันดับ3ของ โลก แมน่ ้าเฮยหลงเจียง และแมน่ ้าจูเจียง เปน็ ต้น ส่วนมากมีต้นน้ามาจากทีร่ าบสูงและภูเขาในภาคตะวันตก ไหลตามความลาดไปทางตะวันออกลงสูท่ ะเล

4 ภมู อิ ากาศของจนี 中国的气候 ประเทศจีนมีสภาพภูมอิ ากาศสว่ นใหญ่เปน็ รูปภาพ :www.google.com ฤดูแล้งและฤดมู รสมุ ชืน้ ซง่ึ ทา้ ให้เกิดความแตกต่าง ระหว่างอณุ หภมู ใิ นฤดูหนาวและฤดูร้อน ในฤดูหนาว ลมทางเหนือซ่งึ พัดลงมาจากละติจูดสูงท้าใหเ้ กิดความ หนาวเย็นและแห้งแล้ง ขณะทใี่ นฤดูรอ้ น ลมทางใต้ ซงึ่ พัดมาจากพื้นทีช่ ายฝัง่ ทะเลทลี่ ะตจิ ูดตา่้ จะอบอุ่น และชมุ่ ชืน้ ลักษณะภมู ิอากาศในจีนแตกต่างกัน มากในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากภูมลิ กั ษณอ์ นั กวา้ งขวางและซบั ซ้อนของประเทศ ประเทศจีนมลี ักษณะภูมิอากาศเปน็ แบบมรสมุ ภาคพืน้ ทวปี มีหลากหลายรูปแบบ ลมเหนือจะมี อทิ ธพิ ลสูงในฤดูหนาว ในขณะที่ลมใต้จะมบี ทบาทในฤดูร้อน ทา้ ใหเ้ มืองจีนมีถงึ 4 ฤดู ทีแ่ ตกต่างกันอย่าง เดน่ ชัด มีฤดูฝนปนอยู่กบั ฤดูรอ้ น ภมู ิอากาศทีซ่ บั ซอ้ นของเมืองจีนในลกั ษณะนี้ มีผลทา้ ใหส้ ามารถแบง่ แถบ องิ อุณหภมู ิ กบั แถบองิ ความชืน้ ของภาคพื้นของเมืองจีนได้ คือแบง่ แถบองิ อณุ หภูมิจากภาคใต้ถงึ ภาคเหนือ เปน็ แถบเสน้ ศูนย์สูตร รอ้ นชื้น กึ่งร้อนชืน้ อบอุ่น และแถบหนาวเย็น และแบง่ แถบองิ ความแหง้ ชื้น จาก ตะวันออกเฉียงใต้ ถงึ ตะวันตกเฉียงเหนือเปน็ แถบความชื้นสูง เมืองจีนมลี มฟา้ อากาศสว่ นใหญ่อยใู่ นเขตลม มรสมุ การทีเ่ มืองจีนมีพืน้ ที่กวา้ งใหญท่ ัง้ ทางเนื้อที่ และลกั ษณะภมู ิประเทศทา้ ใหเ้ มืองจีนมภี ูมอิ ากาศที่ แตกตา่ งกันไปในแต่ละท้องถ่นิ เนือ่ งดว้ ยได้รับอทิ ธพิ ลจากตา้ แหน่งที่ตั้งทางภมู ศิ าสตร์ การหมนุ เวียนของอากาศชั้นสูง ความต้า่ สูง ของภมู ปิ ระเทศและกิจกรรมของมนษุ ย์ เป็นตน้ จีนจงึ แบง่ ออกเปน็ เขตภูมิอากาศธรรมชาติ 3 เขต ได้แก่ เขตลมมรสมุ ภาคตะวันออก เขตแห้งแลง้ และก่งึ แหง้ แลง้ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เขตหนาวจัดชงิ ไห—่ ธิเบตภาคตะวันออกของจีนเปน็ เขตลมมรสุมแบบฉบบั ของโลก เขตสว่ นใหญใ่ นฤดูหนาว อากาศหนาว และแหง้ ในฤดูร้อน อากาศร้อนและฝนตกชกุ ในฤดูหนาว อุณหภมู ิของภาคใตแ้ ละภาคเหนือมีความแตกตา่ ง กันคอ่ นขา้ งมาก ใน ภาคเหนือของจีน นา้ ในแม่น้ามักจะจบั ตัวเปน็ นา้ แขง็ และหมิ ะตกหนัก เหมือนมีอาภรณ์ สีขาวคลมุ ให้ธรรมชาติ กลา่ วคือในขณะที่ชาวฮารบ์ ินซึง่ อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝ่าความหนาวเข้าชม “งานบันเทิงโคมไฟแกะสลกั น้าแขง็ ” เมืองกวางโจวซึง่ อยู่ในภาคใต้ ดอกไม้นานาพันธ์ุกา้ ลังบานสะพรัง่ อยู่ ใน ฤดูร้อน พืน้ ที่ส่วนใหญข่ องจีนอากาศรอ้ นมาก ฝนตกชกุ จงึ น้าประโยชน์แก่การเกษตรเปน็ อยา่ งมาก

5 การกระจายของปรมิ าณนา้ ฝนในเขตตา่ ง ๆ ทวั่ ประเทศก็ไม่เทา่ กันจากชายฝงั่ ทะเลภาคตะวันออก เฉียงใตไ้ ป แผ่นดนิ สว่ นในของภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ปริมาณน้าฝนคอ่ ยๆ ลดนอ้ ยลง ภาคตะวันออกเฉียง ใตฝ้ นตกคอ่ นข้างมากเชน่ โฮซาวเหลียวของมณฑลไต้หวัน ปรมิ าณน้าฝนประจา้ ปีมากถึง 6557.8มลิ ลิเมตร ภาคตะวันตกเฉียงเหนือมฝี นตกน้อย อยา่ งเชน่ ภาคกลางของแอง่ ทูรฟันในซนิ เจียง มีปรมิ าณน้าฝน ประจ้าปีไม่ถึง 10 มลิ ลิเมตร ฤดูกาล ฤดกู าลของจีนแบง่ ออกเปน็ 4 ฤดู คือ 1. ฤดใู บไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อณุ หภมู ิประมาณ 10-22 องศาเซลเซียส) 2. ฤดูรอ้ น (ประมาณเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม อุณหภูมปิ ระมาณ 22 องศาเซลเซียส ขน้ึ ไป) 3. ฤดูใบไม้รว่ ง (ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม อุณหภูมปิ ระมาณ 10-22 องศาเซลเซียส) 4. ฤดูหนาว (ประมาณเดือนพฤศจกิ ายน-กลางมีนาคม อุณหภูมติ ่้ากว่า 10 องศาเซลเซียส) แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 1.ประเทศจีนมีเขตทีต่ ั้งอยู่ทีใ่ ด 2.อาณาเขตทางทศิ ใต้สุดของจีนคือทใี่ ด 3.ภมู ปิ ระเทศของประเทศจีนมลี ักษณะอยา่ งไร 4.ทีร่ าบสูงของจีนแบง่ ออกไดก้ ขี่ ัน้ อะไรบา้ ง 5.ประเทศจีนแบ่งเขตภมู ิอากาศธรรมชาติได้กี่เขตอะไรบ้าง จงอธบิ าย 6.ประเทศจีนมีพรหมแดนตดิ กบั ประเทศขา้ งเคียงกีป่ ระเทศ 7.ที่ราบสูงทีไ่ ด้รบั ฉายาวา่ หลังคาของโลก คือทีร่ าบสูงใด 8.ประเทศจีนมีทัง้ หมดกฤี่ ดูกาล อะไรบา้ ง 9.ประเทศจีนบง่ เขตภมู อิ ากาศธรรมชาตกิ ี่เขต อะไรบา้ ง 10.ยกตัวอย่างแมน่ า้ ที่สา้ คญั ของประเทศจีน

6 บทที่ 2 อตั ลกั ษณจ์ นี 《中国特征》 ธงชาตจิ นี 国旗 การใช้ ธง ในแผ่นดินจีน มีมาตัง้ แตย่ ุคโบราณแลว้ โดยหลกั ใหญ่กใ็ ช้เพื่อ บญั ชาการรบในสงคราม ใน ‘ยคุ ราชวงศ์โจว’ ราว 1,122 ปี ก่อนครสิ ต์ศักราช ธงของจีนจะเปน็ สีขาว พอเขา้ สู่ ‘ยคุ ชุนชวิ ’ ชว่ ง 770 – 476 ปี ก่อน ค.ศ. ก็เร่ิมมีการใช้ ‘ธงจักรพรรดิ’ หรือ ‘ธงฮอ่ งเต้’ ไปทั่วประเทศ ธงแดงหา้ ดาว ธงประจ้าชาตขิ องสาธารณรัฐประชาชนจีน มชี ือ่ เรียกทัว่ ไปวา่ ธงแดงห้าดาว มีตน้ แบบมาจากธงชาติจีนที่ เจิงเหลียนซง นักเศรษฐศาสตรแ์ ละศลิ ปินชาวรุ่ยอาน ออกแบบและสง่ เขา้ ประกวดต่อสภาทีป่ รึกษาทางการ เมืองของจีนภายหลังสภาที่ ปรกึ ษาทางการเมืองได้ ปรบั ปรุงแบบธงบางประการ และได้ประกาศรบั รองแบบธงเมือ่ วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2492 ประกาศใช้ เป็นธงชาตอิ ย่างเป็นทางการในวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปีเดียวกัน ธงชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นธงรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า กวา้ ง 2 สว่ น ยาว 3 สว่ น พื้นสีแดง ทีม่ มุ ธงบนดา้ นตน้ ธง มีรูปดาวสีเหลือง 5 ดวง ลักษณะเป็นรูปดาวดวงใหญ่ 1 ดวง ลอ้ มรอบดว้ ยดาวดวงเลก็ อีก 4 ดวง โดยกอ่ นที่จะมีธงแดงห้าดาวนี้ ประเทศจีนไดม้ ีการกา้ หนดธงประจ้าประเทศข้ึนมาดังนี้ ธงเหลอื งมงั กร ธงของราชวงศ์ชงิ มีชื่อเรียกวา่ \"ธงมังกรเหลือง\"เป็นธง สีเ่ หลี่ยมผืนผา้ สีเหลือง กลางธงมีรปู มังกรหา้ เลบ็ สีน้าเงนิ บริเวณมุมธงบนด้านคันธงตรงเหนือปากมังกรมีรปู ไขม่ ุกสีแดง ถือกันวา่ ธงนี้ธงชาติจีนแบบแรกสดุ ในประวัติศาสตร์ ราชวงศ์ชงิ เปน็ ราชวงศ์จกั รพรรดทิ ี่ปกครองประเทศจีนล้าดบั สดุ ทา้ ย สถาปนาเมื่อ ค.ศ. 1644 และถูกโคน่ ล้มดว้ ยการ ปฏวิ ัตซิ ินไฮใ่ นปี ค.ศ. 1912 ลกั ษณะของธงดังทีป่ รากฏข้างตน้ นีเ้ ปน็ แบบทใี่ ช้อยู่ระหว่าง ค.ศ. 1890 - 1912 โดยดัดแปลงจากธงสีเหลืองของกองทัพแปดกองธง ทั้งนี้ สีเหลืองเปน็ สีของจักรพรรดจิ ีนตัง้ แต่สมัยโบราณ อน่ึงยังเปน็ สีทีห่ มายถึงชนเผา่ แมนจูด้วย สว่ นมังกรห้าเลบ็ เป็นสญั ลกั ษณข์ องพระราชอา้ นาจของจกั รพรรดิ

7 ธงหา้ สี ‘ดร.ซนุ ยัดเซน็ ’ ได้ก่อตัง้ สมาคมสันนบิ าติการปฏวิ ัตแิ ห่ง ประเทศจีนข้นึ ณ ประเทศญปี่ ุ่น ในปี 1905 และเพียงปี ถัดมา สมาคมจงึ จัดประชมุ อภปิ รายเกีย่ วกบั การใช้ ธง ชาติ ขน้ึ จนความคิดได้ตกผลกึ กลายมาเปน็ รูปแบบของ ธงที่เป็นเส้นขวางสแี ดง นา้ เงิน และขาว 3 สีดว้ ยกัน โดย สีแดง เป็นสัญลักษณข์ องเลือด ที่ใช้แลกมาเพือ่ เอกราชของประเทศ สีน้าเงนิ บง่ บอกสญั ลกั ษณ์ ทอ้ งฟา้ ที่กว้างใหญ่ สว่ นสีขาว หมายถงึ ความสะอาด บรสิ ทุ ธิ์ และเป็นสญั ลกั ษณแ์ หง่ ภราดรภาพ อีกดว้ ย แตใ่ นปี 1911 หลังจากชัยชนะ ของกลุ่มปฏวิ ัติที่อูช่ าง คนในพรรคไดส้ ง่ เสริมแนวคิดการอยูร่ ่วมกันโดยสงบ ของคน 5 เผา่ คือ ชนชาตฮิ น่ั แมนจู มองโกล อสิ ลาม และ ธิเบต จงึ มกี ารเพิ่มสีเหลือง และดา้ เข้าไปจากเดิม สามสี กลายเปน็ ‘ธงชาตหิ า้ สี’ ธงตะวนั ฉายฟา้ ใสหรอื ธงชาตสิ าธารณรฐั จนี ธงชาตสิ าธารณรัฐจีนหรือธงชาติไตห้ วันในปจั จบุ ันและ เคยเป็นสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐจีนซึ่งเปน็ ที่รู้จักกัน ดีตัง้ แตส่ มัยที่สาธารณรัฐจีนยังอยูบ่ นจีนแผน่ ดินใหญ่ กระทั่งภายหลังได้ตั้งมัน่ อยูท่ ี่เกาะไต้หวันนบั แต่ พ.ศ. 2492 พรรคกก๊ มินตัง๋ ไดเ้ ริ่มใชธ้ งดังกลา่ วเปน็ ครัง้ แรกใน จีนแผน่ ดินใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2460 และใช้เปน็ ธงชาติ สาธารณรัฐจีนอย่างเปน็ ทางการนับตัง้ แต่ พ.ศ. 2471 กระทัง่ สน้ิ สดุ การใชธ้ งในปี พ.ศ. 2492 ภายหลังพรรค กก๊ มนิ ตัง๋ ไดพ้ ่ายแพ้ใหก้ บั พรรคคอมมวิ นิสตจ์ ีนในชว่ งสงครามกลางเมืองจีน รัฐบาลกก๊ มนิ ตัง๋ ไดล้ ีภ้ ัยหนีไปตั้ง มัน่ อยู่ทีเ่ กาะไตห้ วัน ธงดังกลา่ วได้กลายมาเปน็ ธงชาติของไต้หวันในปัจจบุ ัน

8 ธงพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ นี ธงพรรคคอมมวิ นิสตจ์ ีนมสี ญั ลักษณ์เป็น คอ้ นเคียว เป็นสัญลกั ษณอ์ ยา่ งหน่งึ ของ ลัทธิคอมมวิ นิสต์ มกั ใช้เพือ่ เปน็ เครื่องหมาย ของลัทธคิ อมมวิ นสิ ต์ พรรคคอมมวิ นสิ ต์ และ พื้นหลังเปน็ สแี ดง โดยความหมายของค้อน เคียวหมายถงึ บคุ คลในชนชัน้ กรรมาชีพและชาวนา หมายถงึ เอกภาพของแรงงานในภาคเกษตรกรรมและ ภาคอตุ สาหกรรม ซ่งึ เปน็ รากฐานส้าคญั ของสังคมแบบคอมมวิ นิสต์ ตราแผน่ ดนิ ของสาธารณรฐั ประชาชนจนี 中华人民共和国国徽 เป็นสัญลกั ษณ์ทีแ่ สดงภาพของประตูทางเข้าพระราชวังตอ้ งห้ามที่จัตุรัสเทียนอันเหมินภายในวงกลมทีค่ ลา้ ย พวงมาลาพืน้ สแี ดง เหนือประตูดังกลา่ วมีรูปดาว 5 ดวงซงึ่ ปรากฏอยบู่ นธงชาติ หมายถงึ ความสามคั คขี องคน ในชาตจิ ากชนเชือ้ ชาตติ า่ งๆ 5 เชื้อชาติหลกั ในประเทศจีน โดยนัยหนึ่งอาจหมายถงึ ชนชัน้ ทัง้ 5 ระดับตาม ทฤษฎีการปฏวิ ัตกิ ็ได้[1] รอบขอบวงกลมมีรปู รวงข้าวโอบลอ้ มทัง้ สองดา้ น สะท้อนถึงปรัชญาการปฏวิ ัตทิ าง เกษตรกรรม สว่ นที่ตรงกลางดา้ นล่างสดุ ของของตราเป็นรูปฟันเฟืองเป็นสัญลักษณ์แทนแรงงาน อตุ สาหกรรม รูปเหลา่ นี้เป็นสีทองตราสญั ลกั ษณ์นี้ได้รบั การออกแบบโดย คณาจารยภ์ าควชิ าโยธา มหาวิทยาลัยชิงหวั ภายใต้การน้าของศาสตราจารย์เหลียงซือเฉงิ สถาปนกิ ชื่อดังของจีน ทีป่ ระชมุ สภาที่ ปรึกษาทางการเมืองของจีนไดใ้ ห้การรบั รองแบบของตราแผน่ ดนิ เมือ่ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2493 และ ประกาศใชค้ รั้งแรกในวันที่ 1 ตลุ าคม ปีเดียวกัน

9 เพลงชาตจิ นี 国歌 义勇军进行曲 起来!不愿做奴隶的人们! 把我们的血肉,筑成我们新的长城! 中华民族到了最危险的时候, 每个人被迫着发出最后的吼声。 起来!起来!起来! 我们万众一心, 冒着敌人的炮火,前进! 冒着敌人的炮火,前进! 前进!前进!进! ลกุ มา มวลชนผูไ้ มย่ อมตกเป็นข้าทาส เอาเลือดเนือ้ ของพวกเราสรรคส์ รา้ งปราการยาวของพวกเราใหม่ ปวงชนชาวจีนถึงแลว้ ซ่งึ ยคุ สมัยอันวิกฤตหิ นัก ทกุ ผูค้ นจ้าตอ้ งกูร่ ้องคา้ รามเปน็ ครัง้ สดุ ทา้ ย ลกุ มา ลุกมา ลกุ มา พวกเราหมื่นคนหนง่ึ ใจ กล้าเผชญิ ปืนไฟของฝ่ายอริ รุกเข้า กล้าเผชญิ ปืนไฟของฝา่ ยอริ รกุ เขา้ รุกเขา้ รุกเข้า รกุ

10 เพลงมารช์ กองก้าลังทหารอาสา (义勇军进行曲) หรือเพลงชาติประจา้ สาธารณรัฐ ประชาชนจีน บทเพลงนี้ ประพันธเ์ นือ้ ร้องโดยเถียนฮ่นั และแตง่ ทา้ นองโดยเนีย้ เออ่ ร์ เมื่อ 70 ปีที่แลว้ คือ ในปคี .ศ. 1935 ซึง่ เปน็ ปีทีจ่ ีนอยูใ่ นยุคสาธารณรัฐ การเมืองกา้ ลงั ปัน่ ปว่ นและตอ้ งเผชิญทัง้ ศึกนอกศกึ ใน เพลงนีป้ ลกุ เลือดรักชาตใิ นร่างกายชาวจีนใหย้ ืนหยัดข้นึ ขับไล่ผู้รุกรานชาวญี่ปุ่น และนายพลเจียงไคเชค็ พรอ้ มกบั รว่ มสร้างจีนยุคใหม่ขนึ้ ไปพรอ้ มๆ กัน 4 กรกฏาคม 1949 เยีย่ เจีย้ นอิงจัดการประชมุ กลมุ่ เปน็ ครัง้ แรก และได้เลือกกวั มวั่ รวั่ เถียนฮ่นั เหมาตุ้น เฉียนซันเฉียง โอวหยังจีเ้ ชี่ยน เป็นผู้คัดเลือกเนื้อเพลงชาติ และในเวลาถัดมากไ็ ดเ้ ชญิ หมา่ ซือชง เฮอ่ ลวี่ ท์ ิง หลวี่ ์จี้ เถาจิน่ ซิน ซง่ึ ลว้ นเปน็ ผู้เชี่ยวชาญดา้ นดนตรีมาเป็นที่ ปรึกษาประจา้ คณะทา้ งานดว้ ย สกลุ เงนิ จนี 人民币 ยคุ เซี่ย( 2,140-1,711 ปกี อ่ นคริสตกาล )และซาง ( 1,711-1,066 ปีกอ่ นครสิ ตกาล) โดยยคุ นัน้ เรียกเงนิ วา่ ฮ่วั เป้ย(货贝) คือการน้าเอาหอยทะเลชนิดหนึ่งที่มี ลักษณะเปน็ รอ่ งเหมือนฟันกราม มาเปน็ สงิ่ แลกเปลีย่ น และเมื่อน้าฮั่วเปย้ อันมาร้อยเปน็ พวง แลว้ ผูก ติดกัน 2 พวง ก็จะเรียกวา่ ‘เผงิ ’(朋)ซึ่งในยคุ แรก ค่าของฮ่วั เป้ยสูงมาก เช่น หากมี 20 เผิงก็จะสามารถซือ้ ทาสได้ 1 คน และหากมีฮวั่ เปย้ 50 เผิง ก็แลกม้าชั้นดีได้ 1 ตัว ตอ่ มาจึงเร่มิ มกี ารน้าเอาเครื่องปั้นดินเผา กระดูก หยก และทองเหลืองมาท้าเลียนแบบลกั ษณะของหอยชนดิ นี้ ซึ่งทองแดงนีเ่ องไดก้ ลายเป็นตน้ แบบ ของเงนิ จีนทีท่ ้าจากโลหะในราชวงศฉ์ นิ นา้ การหลอมเงนิ ตรามาเป็นภารกิจของประเทศ และควบคมุ อย่าง เขม้ งวด ซงึ่ หลังจากยุคฉนิ แลว้ ไมว่ า่ ราชวงศไ์ หนกห็ ้ามราษฎรหลอมเงินเอง แต่ทว่าในชว่ งหลายพันปีที่ผ่าน มา ข้อบังคบั ดังกล่าวก็ยังมีคนฝา่ ฝืน เฉพาะในรัชสมัยของจกั รพรรดิฮ่ันอู่ตี้ ในราชวงศฮ์ น่ั (206 ปีกอ่ น คริสตกาล -ค.ศ.206 )ก็ไดม้ ีคา้ สัง่ ประหารคนทฝี่ ่าฝืนกฎขอ้ นี้ไปหลายแสนคน เหรนิ หมนิ ปี้ เปน็ เงินตราอยา่ งเปน็ ทางการของสาธารณรัฐประชาชนจีน ออกโดย ธนาคาร ประชาชนแห่งชาติจีน (People's Bank of China) ซ่ึงเปน็ หนว่ ยงานทางดา้ นเงนิ ตราของ จีนแผ่นดนิ ใหญ่ ตัว ยอ่ ใน ISO 4217 คือ CNY

11 หนว่ ยเงนิ พื้นฐานของเหรนิ หมนิ ปี้ คือ หยวน (yuán) โดยทั่วไปจะเขียนโดยใชอ้ กั ษร 元 แตต่ าม แบบแผนแลว้ จะใชต้ วั อักษร 圆 เพื่อป้องกันการปลอมแปลง ในบางครั้งชื่อของเงินตรา (เหรนิ หมนิ ปี้) ก็ สบั สนกบั ค้าทใี่ ชเ้ รียกหน่วยเงนิ (หยวน) และในบางโอกาส หยวนก็ถูกเรียกเป็น ดอลลาร์ และคา้ ย่อ RMB¥ บางครง้ั กเ็ ขียนเป็น CN$ เงนิ สมยั โบราณ เงนิ สมัยโบราณรูปรา่ งและวัสดทุ ใี่ ชผ้ ลติ เงนิ ในสมัยโบราณของจีนมีหลากหลายรูปแบบ นับเพียงวสั ดทุ ีน่ า้ มาใช้ผลิตเปน็ เงนิ กม็ มี ากกว่าหลายสบิ ชนิด เชน่ ทองแดง ตะกัว่ เหลก็ ทอง เงนิ หยก เปลือกหอย กระดูกสัตว์ หนังฟอก เมลด็ ธญั พชื ผา้ และกระดาษ เปน็ ต้น แตร่ ูปร่างลกั ษณะของเงินทใี่ ชม้ าหลายพันปีโดยทัว่ ไปจะเปน็ เงนิ เหรียญทีท่ ้าจากทองแดง มีรูปร่างกลมและมีรูรปู สี่เหลีย่ มตรงกลาง รูปแบบมาตรฐานของเงนิ ประเภทนี้ได้แก่ เงนิ หยวนโซว่ หวูจ่ ู เงนิ ซั่งหลนิ ซานกวนสมัยราชวงศฮ์ ่นั ตะวันตกและเงินไคหยวนทงป่าวสมัยราชวงศถ์ ัง นา้ หนักของเงินหนัก ราว 4 กรัม นอกจากนี้ยังมีเงนิ รูปร่างอื่นๆ เช่น รูปรา่ งกลมและมีรู เป็นรูปวงกลมตรงกลาง รูปรา่ งกลมแบบไมม่ ีรู รูปพลวั่ รูปมีด รูปสี่เหลีย่ มผืนผา้ (เงินรูปไพ่) และรูปวงรีทีไ่ ม่ ค่อยได้ส่วน เปน็ ตน้ เงนิ สกลุ เหรนิ หมนิ ปี้ นับตั้งแตป่ ี ค.ศ.1948 เปน็ ตน้ มา ประเทศจีนได้พิมพ์เงินสกลุ เหรินหมนิ ปี้ข้นึ ใช้แลว้ รวม 5 รนุ่ เงินรนุ่ ที่ 5 เริ่มใชเ้ มื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1999 เงินเหรนิ หมนิ ปี้ รุน่ ที่ 5 นี้ประกอบด้วยธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ รวมเก้าชนิด ได้แก่ ธนบัตรมลู คา่ 100 หยวน 50 หยวน 20 หยวน 10 หยวน 5 หยวนและ 1 หยวน เหรียญกษาปณ์มลู คา่ 1 หยวน 5 เจีย่ วและ 1 เจี่ยว เงนิ เหรนิ หมนิ ปีร้ ุ่นที่ 5 เป็นเงินที่ผลิตดว้ ย เทคโนโลยีขัน้ สูงและมลี กั ษณะเฉพาะของชนชาติจีน

12 ค่อนข้างเด่นชัด การออกแบบเงินรนุ่ นีไ้ ด้คัดเลือกรูปภาพทมี่ ีเอกลักษณเ์ พือ่ สะทอ้ นให้เหน็ ประวัตศิ าสตรอ์ ัน ยาวนานและภูเขาสายน้าอันงดงามของประเทศจีน มีการขยายภาพบคุ คล ลายนา้ ตลอดจนตัวเลขมลู คา่ ของเงนิ ใหใ้ หญก่ ว่าเงินร่นุ ก่อน เพื่อให้การจ้าแนกเงนิ มลู ค่าต่างๆ ทา้ ได้งา่ ยขนึ้ เงินเหรินหมินปีร้ นุ่ ที่ 5 นี้ใช้ เทคโนโลยีการผลติ ที่ทันสมัยเพือ่ ป้องกันการลอกเลบี นแบบและเพื่อพฒั นาใหเ้ ขา้ กบั ระบบการจัดการเงนิ สมัยใหม่ ภาษา 语言 นับแต่โบราณกาลมา ผูค้ นรูจ้ ักใช้เสน้ เชือก ภาพวาดและเครือ่ งหมายเพื่อใช้ ในการจดบันทกึ สงิ่ ต่าง ๆ เมือ่ ลว่ งเวลานานเขา้ จึงเกิดวิวฒั นาการกลายเปน็ ตัวอกั ษร สา้ หรบั ศิลปะในการเขียนตัวอักษรจีนนั้น ไดถ้ ือกา้ เนิดขน้ึ มาพรอ้ ม ๆกบั ตวั อกั ษรจีน เลยทีเดียว ดังนั้น การจะศึกษาถึงศลิ ปะในการเขียนตัวอักษรจีนจงึ ต้องทา้ ความเข้าใจ ถงึ ตน้ กา้ เนิด ของตัวอักษรควบคกู่ ันไป การปรากฏของอักษรจีนทีเ่ กา่ แก่ที่สดุ มาจาก แหล่งโบราณคดีปัน้ ปอจาก เมืองซีอันมณฑลสา่ นซีทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน สามารถนบั ยอ้ นหลังกลบั ไปได้กว่า 5,000 ปี โดยอยูใ่ นรูปของอกั ษรภาพทีส่ ลกั เปน็ รูปวงกลม เสี้ยวพระจันทรแ์ ละภูเขา หา้ ยอดบนเครื่องปั้นดนิ เผา จวบจนถึงเมือ่ 3,000 ปีก่อนจึงก้าวเข้าสูร่ ูปแบบของอักษรจารบนกระดูกสัตว์ ซึ่ง นับเป็นยคุ ตน้ ของศลิ ปะการเขียนอักษรจีน อักษรภาพที่เก่าแก่ทสี่ ดุ ในจีน เมือ่ ปี ค.ศ. 1899 ชาวบ้านจากหมบู่ ้าน เล็ก ๆแหง่ หนงึ่ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอา้ เภออันหยางมณฑลเหอหนัน ประเทศจีนได้ คน้ พบสง่ิ ทีเ่ รียกกันวา่ ‘กระดูกมังกร’ จึงน้ามาใชท้ ้าเปน็ ตวั ยา รักษาโรค ต่อมาเนื่องจากพอ่ ค้าหวังอีห้ รงเกดิ ความสนใจต่อตัวอักษรบนกระดูก จงึ สะสมไว้มจี า้ นวนกว่า 5,000 ชน้ิ และสง่ ให้ผู้เชีย่ วชาญท้าการศึกษาวจิ ัย จงึ พบวา่ กระดกู มังกรนั้นแทท้ ี่จริงคือกระดกู ที่จารึกอักขระโบราณของยุคสมัย ซาง ทีม่ ีอายเุ ก่าแก่ถึง 1,300 ปีกอ่ นคริสตกาล “กระดูกมงั กร” ที่ภายหลังพบว่าเปน็ บันทึกอกั ขระโบราณ จากเจี๋ยกู่เหวนิ หรืออักษรจารบนกระดูก สัตว์ (甲骨文)จนิ เหวนิ หรืออักษรโลหะ (金文)อักษรเสี่ยวจว้ น

13 หรือจ้วนเลก็ (小篆) อักษรลซี่ ู(隶书) อักษรขา่ ยซู (楷书)อักษรเฉ่าซู (草书)และอกั ษรสงิ ซู(行书)เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ววิ ฒั นาการของตวั อักษรจีนเกิดจาก การฟูมฟักอย่างค่อยเป็นคอ่ ยไป มีการผสมผสานกันของอกั ษรชนิดทีแ่ ตกต่างกันในชวั่ ระยะเวลาหนึ่งผา่ น การขัด เกลาจนเกิดเป็นตัวอักษรชนดิ ใหมเ่ ข้าแทนทีอ่ ักษรชนิดเดมิ ไมใ่ ช่การยกเลกิ อกั ษรชนิดเก่าโดย ส้ินเชิง ดังนัน้ ผู้คนในยคุ ต่อมาจึงยังคงมีการศึกษาและใช้อกั ษรในยคุ เกา่ ก่อน ทั้งในเชงิ ศลิ ปะหรือใน ชวี ิตประจา้ วันทีย่ ังคงพบเหน็ ได้อยู่เสมอ ตัวอักษรจีนสามารถแบง่ ออกเปน็ อักขระทใี่ ชใ้ นสมัยโบราณกบั อกั ษรทใี่ ชใ้ น ปจั จบุ ัน ตัวอย่างเช่น อักษรลซี่ ูซ่ึงเปน็ รูปแบบของอกั ขระโบราณ อันเปน็ ตน้ แบบของการปฏริ ูปลกั ษณะตวั อักษรจีนครัง้ ใหญ่ กลายเป็นเสน้ แบง่ ระหวา่ งอักษรรุน่ เกา่ และใหม่ ยคุ สมัยที่ใช้อักษรลซี่ ูและก่อนหนา้ นั้น ถือเปน็ อักขระ โบราณ ได้แก่ อักษรจารบนกระดูกสัตวห์ รือเจี๋ยกูเ่ หวินจากสมัยซาง อักษรโลหะจากราชวงศ์โจวตะวันตก อักษรเสี่ยวจว้ นจากยุคสมัยจั้นกว๋อและสมัยฉิน หลังจากกา้ เนดิ อักษรลีซ่ ใู หถ้ ือเป็นอักษรในยคุ ปจั จบุ ัน อัน ไดแ้ ก่ อักษรลี่ซู อักษรขา่ ยซู แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท 1.ในสมัยโบราณประเทศจีนใช้ธงเพื่ออะไร 2.ธงแถบห้าสีเกดิ ขึน้ ในชว่ งใด และความหมายของแตล่ ะสีคอื อะไร 3.ธงชาตสิ าธารณรัฐประชาชนจีนมคี วามหมายว่าอย่างไร 4.เพลงชาตจิ ีนมีชื่อวา่ อะไรและแต่งโดยใคร 5.ในยุคเซีย่ และซางเรียกเงนิ ว่าอะไร 6.ธงเหลืองมังกรถูกใชใ้ นสมัยใด 7.สกุลเงนิ ทใี่ ชใ้ นประเทศจีนคืออะไร 8.อักษรภาพทีเ่ กา่ แกท่ ีส่ ดุ ในจีนถูกเรียกว่าอะไร 9. 中华人民共和国国徽 คืออะไร 10.ธงตะวันฉายฟา้ ใส ปัจจบุ ันถกู ใช้ทปี่ ระเทศใด

14 บทท3ี่ ประชาการจนี 《中国人口》 ประชากรจนี 人口 ประชากรจีนมปี ระมาณ 1,300 ล้านคน มปี ระชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก 93% เปน็ ชาวฮ่นั สว่ นทีเ่ หลือ 7% เป็นชนกลุม่ น้อย ได้แก่ ชนเผ่าจ้วง หุย อุยกูร์ หยี ทิเบต แมว้ แมนจู มองโกล ไตหรือไท เกาซัน รัฐบาลจีนมีนโยบายเพือ่ ควบคุมจ้านวนประชากรชาวฮน่ั ซึง่ ครอบครวั หน่ึง ควรมบี ุตรเพียงหนง่ึ คน เทา่ นัน้ นโยบายนี้ไม่ไดบ้ ังคบั ใชใ้ นชนกลมุ่ น้อย ประชาชนจีนมีทัง้ สิน้ 56 ชนเผ่า สว่ นใหญ่นบั ถือ พระพุทธศาสนา โดยนับถือนกิ ารเถรวาท 300 กว่าล้าน นอกนัน้ นับถือ นิกายมหายาน และวัชรญาณ โดยนับถือปนไปกบั ลัทธิขงจื้อและเตา๋ มีนบั ถือ ศาสนาอสิ ลาม 11 กว่าล้าน นบั ถือศาสนาคริสต์ 9 ลา้ น ประเทศจีนในปัจจบุ ันเปน็ ประเทศทีม่ ีประชากรมาก ที่สุดในโลก ในปี พ.ศ.2550 จีนมีประชากร 1,318 ลา้ นคน จีนมีประชากรมากกว่าประเทศไทยประมาณ 21 เท่า ในชว่ งปี พ.ศ.2493 จีนมปี ระชากรประมาณ 563 ลา้ นคนและอีก 30 ปีตอ่ มาประชากรจีนเพม่ิ ขึ้นอยา่ ง รวดเรว็ ถึง 1,000 ล้านคน ในปี พ.ศ.2522 จีนไดม้ ีนโยบายหนึง่ ครอบครัวมลี ูกหน่ึงคน ซง่ึ นโยบายนีท้ า้ ให้การ เพิม่ จา้ นวนของประชากรจีนเริม่ ช้าลงและคาดกันวา่ อีกประมาณ 30ปี จีนจะมีประชากรประมาณ 1,500 ลา้ น คนและหลังจากนั้นประชากรก็จะเริ่มลดลง นโยบายหนงึ่ ครอบครวั มลี ูกหน่งึ คนสามารถชว่ ยลดจ้านวน ประชากรของจีนได้เรว็ แต่กม็ ีผลในทางลบเช่นกันเมือ่ ประมาณหา้ สบิ ปีที่แลว้ จีนมีอัตราเจรญิ พันธ์รวม (จา้ นวนเด็กทีผ่ ู้หญิงหน่ึงคนสามารถให้ก้าเนดิ ไดต้ ลอดชวี ติ ) เท่ากับ 6 คนและในปจั จบุ ันจีนมีอัตราเจรญิ พันธร์ วมเหลือเพียง 1.7 คนเทา่ นั้น โดยเฉพาะในเขตเมืองเหลือเพียง 1.2 เทา่ นัน้ ซง่ึ หมายความวา่ ทุกคู่ แต่งงานจะมลี กู เพียงหนงึ่ คนเทา่ นั้น และถ้ามีเหตกุ ารณ์อย่างนี้ตอ่ เนือ่ งไปอีกสองชัว่ อายคุ น ผลจากการมลี ูก หนึ่งคนจะทา้ ใหเ้ ด็กที่เกดิ ใหม่ไมม่ ญี าติ ไมม่ ีพี่นอ้ ง ไม่มลี งุ ปา้ นา้ อา มีแต่พ่อแม่และปู่ย่าตายายเทา่ นั้น เมื่อลูก ชายแตง่ งานต้องอาศัยอยู่ที่บ้านพอ่ แม่และปู่ยา่ ขณะเดียวกนั บ้านทีล่ กู สาวแตง่ งานออกไปกจ็ ะมีแต่พอ่ แมแ่ ละ ตายายไม่มีใครมาดูแล ชวี ิตไรญ้ าติจะมีผลกระทบกบั สังคมอยา่ งไร นโยบายหน่ึงครอบครวั มลี กู หนึ่งคนอาจจะ ทา้ ให้เกิดภาวะผูห้ ญงิ ขาดแคลนไดด้ ว้ ย เพราะวา่ คนจีนมีความต้องการบุตรชายมากกวา่ บตุ รหญิงจึงพยายาม ท้าทุกวถิ ีทางทีจ่ ะให้ไดล้ ูกชาย และก็ปรากฏว่าสัดสว่ นทางเพศชายตอ่ หญงิ สูงมากกวา่ ปกติ โดยปกติเมือ่ แรก เกดิ จะมีเดก็ ชายเกิดมากกวา่ เดก็ หญงิ ร้อยละ 5 แตใ่ นจีนบางปีมีถงึ รอ้ ยละ 20 ถ้าเปน็ ลูกคนทีส่ องหรือสาม แลว้ สัดสว่ นยง่ิ ห่างกันมาก บางพืน้ ที่มีแจง้ เกดิ เด็กชายมากกวา่ ถงึ รอ้ ยละ 60 ทัง้ นี้มีสาเหตุทีเ่ ป็นไปไดค้ ือ การ ท้าลายเด็กเพศหญิงทีเ่ กิดใหม่ ไม่แจง้ เกิดเด็กทีเ่ กิดเปน็ เพศหญงิ การน้าไปฝากหรือยกใหผ้ ูอ้ ืน่ เลีย้ ง หรือ การท้าแท้งเมือ่ รวู้ ่าเปน็ เพศหญิง

15 กลมุ่ ชาตพิ นั ธจ์ นี 中华民族 ประเทศจีนมีชนชาติตา่ ง ๆ อยู่รวมกัน 56 ชนชาติ โดยเป็นชาวฮน่ั ร้อยละ 93.3 ทีเ่ หลือเปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ยอื่นๆ ทีส่ า้ คัญ ไดแ้ ก่ ชนเผา่ จว้ ง ซง่ึ สว่ นใหญ่อยใู่ นเขตปกครองตนเองกวางสแี ละมณฑลยูนนาน ชนเผา่ หยุ ในมณฑลหนงิ เซีย่ และกานซู ชนเผ่าอุยกูร์ในมณฑลซินเกียง ชนเผ่าหยีในมณฑลเสฉวน ชน เผ่าทเิ บตในเขตปกครองตนเองทิเบตและมณฑลชิงไห่ ชนเผา่ แมว้ ในมณฑลยูนนานและกยุ้ โจว ชนเผ่า แมนจู ในมณฑลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชนเผ่ามองโกลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในและซิ นเจียง ชนเผา่ ไตหรือไทในมณฑลยูนนาน และชนเผ่าเกาซันในไตห้ วัน มณฑลทีม่ ปี ระชากรชนเผ่าอาศัยอยุ่มากทีส่ ุดคือ มณฑลยูนนาน มีทั้งหมด 26 ชนเผา่ ชนเผา่ ตา่ ง ๆ ดา้ รงชีวติ ในสภาพแวดลอ้ มและประวัติสาสตร์ทางสังคมที่แตกต่างกัน จึงก่อให้เกดิ ประเพณีทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์ ของแตล่ ะชนเผา่ เช่น 1. กลุม่ ชาตพิ ันธฮุ์ ัน่ เป็นกลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ทใี่ หญ่ทีส่ ุด ในประเทศจีน มีประชากร 1,230,117,207 คนในจีน และในไตห้ วัน ชาวฮ่นั ถือเปน็ ประชากรกล่มุ ใหญ่ ของหลายประเทศ ประกอบดว้ ย 92% ของ ประชากรจีน 98% ของประชากรไต้หวัน 72% ของ ประชากรสงิ คโปร์ และ 20% ของประชากรโลก นอกจากนี้ยังมีชาวฮน่ั อีกหลายสบิ ลา้ นคนทีเ่ ปน็ ชน กลมุ่ นอ้ ยในอีกหลายประเทศทั่วโลก ชาวฮ่นั สบื เชือ้ สายมาจากชาวหวั เซีย่ ในแถบลมุ่ น้าฮวงโห และถือเปน็ ต้น กา้ เนิดอารยธรรมจีน 2. กลมุ่ ชาตพิ ันธจุ์ ว้ ง เป็นชนชาตกิ ลมุ่ นอ้ ยที่ใหญ่ทีส่ ดุ ในประเทศจีน มีประชากร 16,178,811 คน สว่ นใหญ่ อาศัยอยูใ่ นดินแดนปกครองตนเองกวางสีจว้ ง และบางสว่ นในหยนุ หนาน กวางตงุ้ กุ้ยโจว หหู นาน และ เวียดนามเหนือ ชาวจว้ งเชื่อวา่ สบื เชื้อสายมาจากชาวไป่ เยว่หรือชาวเยวร่ อ้ ยเผา่ ในอดีต ภาษาจว้ งจัดอยใู่ นกลุ่ม ภาษาไทกระได

16 3. กลมุ่ ชาตพิ ันธแุ์ มนจู เป็นชนชาตกิ ลมุ่ นอ้ ยที่ ใหญ่อกี กลมุ่ หนึ่ง มีประชากร 10,682,263 คน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนทีเ่ รียกวา่ แมนจูเรีย ประกอบดว้ ย มณฑลจีห้ ลิน เหลียวหนิง และเฮยหลงเจียง ชาวแมนจูถือ เปน็ ชนชาติที่ยิง่ ใหญใ่ นอดีต เคยมีอาณาจักรตา้ จนิ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และเปน็ ผู้กอ่ ตัง้ ราชวงศช์ งิ ของจีน เนือ่ งจากว่าชาวแมนจูได้เข้ามาปกครองประเทศจีนในสมัยราชวงศช์ งิ จนถงึ ชว่ ง การปฎวิ ัตซิ ินไห่ ท้าใหช้ าวแมนจูได้ยอมรับวัฒนธรรมของชาวฮน่ั และไดห้ ลอมรวมกบั ชาวฮน่ั และพูด ภาษาจีน จนในปัจจบุ ันภาษาของชาวแมนจใู กล้สาบสญู เหลอื คนพูดไดเ้ พียงผูส้ ูงอายใุ นชนบทภาคเหนือของ จีนและเหล่าผูส้ นใจศึกษาเท่านัน้ 4. กลุม่ ชาตพิ ันธุห์ ยุ เปน็ กลมุ่ ชนชาตกิ ลมุ่ นอ้ ยที่น่าสนใจ เพราะเป็นกลมุ่ ชนชาติทีแ่ ยกออกมาโดยใชห้ ลักเกณฑ์ของ ศาสนา ไมใ่ ช่เชื้อชาติหรือภาษาเหมือนกลมุ่ ชนชาตอิ ื่น ชาว หุยประกอบดว้ ยชาวมสุ ลิมทั้งหมดในประเทศจีนทีไ่ มไ่ ด้ รวมอยใู่ นกลมุ่ ชนชาตมิ สุ ลมิ อื่นๆ ในจา้ นวนนี้รวมทั้งชาว มสุ ลมิ ไหห่ นาน ชาวมสุ ลิมไป๋ และมสุ ลมิ ทเิ บต ประกอบดว้ ยประชากร 9,816,802 คนสว่ นมากอาศัยอยูใ่ น ดินแดนปกครองตนเองมณฑลหนิงเซีย กานซู่ ซงิ ไหแ่ ละซนิ เกียง นอกจากนีช้ าวหยุ กระจายอยู่ทัว่ ประเทศ ในปกั กิ่ง หยุนหนาน และทีอ่ ืน่ ๆ ชาวหยุ พูดภาษาจีนและมวี ัฒนธรรมใกลเ้ คียงกบั ชาวฮ่นั เพียงแต่บางอย่างที่ ปรบั เปลี่ยนตามขอ้ บังคบั ของศาสนาอิสลาม

17 5. กลุม่ ชาตพิ ันธเุ์ มีย้ ว หรือชาวเขาเผา่ มง้ แมว้ ใน ประเทศไทย ชาวเมีย้ วในประเทศจีนมีประชากร 8,940,116 คน เกือบคร่งึ หนึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลกยุ้ โจวและทีเ่ หลือในมณฑลหยนุ หนาน หหู นาน เสฉ วน กวางสี หเู ปย่ และไห่หนาน และยังมชี าว เมี้ยวหรือแม้วอกี กวา่ 1,500,000 คนในประเทศไทย ลาว เวียดนาม และผลจากสงครามท้าให้มชี มุ ชนเมีย้ วกลมุ่ ใหญใ่ นสหรัฐอเมรกิ า ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย ชาวเมีย้ วพูดภาษาในตระกูลเมี้ยว เย้า ชาวเมีย้ วมีความ โดดเดน่ ที่เครือ่ งแตง่ กายและแคนอันเปน็ เครือ่ งดนตรีประจ้าเผา่ 6. กลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์ เปน็ ชาวมสุ ลมิ กลมุ่ ใหญใ่ นภาค ตะวันตกของจีน มีประชากร 8,399,393 คนจากประชากร ชาวอยุ กูร์ 11,000,000 คนทัว่ โลก และเปน็ ชนกลมุ่ ใหญใ่ น เขตปกครองตนเองมณฑลซนิ เกียง นอกจากนีย้ ังมชี าวอุย กูรใ์ นเอเชียกลางและชมุ ชนชาวอยุ กูรใ์ นเมืองใหญๆ่ ทวั่ โลก เชน่ ปักกิง่ เซีย่ งไฮ้ ซดิ นีย์ วอชิงตัน โตเกียว อสิ ตันบลุ และมวิ นคิ ชาวอยุ กูรน์ ับถือศาสนาอิสลามนกิ ายซนุ หนีแ่ ละซฟู ี สว่ นภาษาอุยกูรเ์ ปน็ ภาษาหนึ่งในตระกลู อลั ตา อิก เนื่องจากศาสนาและวัฒนธรรมทีแ่ ตกต่างจากชาวฮ่นั ทา้ ใหบ้ างครั้งเกิดการกระทบกระทั่งกบั ชาวฮ่นั และมี การเรียกร้องเอกราชในนามของเตอรก์ สิ ถานตะวันออก

18 7. กลุ่มชาตพิ ันธุ์ทูเ่ จี๋ย มีประชากร 8,028,133 คน อาศัยอยูใ่ นเขตภูเขาอู่หลิง พรมแดนระหวง่ มณฑลหู หนาน หเู ปย่ กยุ้ โจวและเทศบาลนครฉง่ ชิ่ง ชาว ทูเ่ จี๋ยสืบเชื้อสายมาจากชาวปาโบราณที่ก่อตั้ง อาณาจักรปาในเขตนครฉ่งชงิ่ เมือ่ 2,500 ปีทีผ่ า่ นมา และอาณาจกั รปาต่อมากถ็ ูกท้าลายลงโดยอาณา จักรวรรดิฉนิ ชาวทูเ่ จีย๋ มภี าษาเปน็ ของตนเองแต่มี คนพูดไดแ้ คป่ ระมาณ 70,000 คนจากประชากร 8,000,000 คน ชาวทู่เจี๋ยสว่ นมากสือ่ สารดว้ ยภาษาจีนสา้ เนียง ทอ้ งถ่ิน และวัยรนุ่ นยิ มพูดภาษาจีนมากกวา่ ภาษาทู่เจีย๋ เอง ชาวทูเ่ จี๋ยมชี ื่อเสียงในเรื่องการรอ้ งเพลงและการ เต้น 8. กลมุ่ ชาติพันธุ์ยี มีประชากร 7,762,286 คน 4,500,000 คนอาศัย อยู่ในมณฑลหยุนหนาน 2,000,000 คนในตอนใตข้ องมณฑลเสฉ วน และอกี ประมาณ 1,000,000 คนทางตะวันตกเฉียงเหนือของ มณฑลกยุ้ โจว กลมุ่ ชนชาตยิ ีเปน็ ค้าที่รัฐบาลจีนก้าหนดขน้ึ ประกอบดว้ ย 6 เผ่าทีม่ ีภาษาพูดแตกตา่ งกันอยา่ งชัดเจนและตา่ ง เรียกตนเองแตกตา่ งกัน และไมส่ ามารถสื่อสารกันภายในกลมุ่ ได้ ดังนัน้ ยีจงึ เปน็ คา้ กลางเพื่อเชือ่ มโยงกลมุ่ เหลา่ นี้ นักประวัตศิ าสตรส์ ันนิษฐานวา่ ชาวยีสบื เชื้อสายมาจากชาว เชียงโบราณในภาคตะวันตกของจีน ภาษาของชาวยีอยูใ่ นตระกลู ภาษาทเิ บต พม่า และชาวยียังสามารถพูด ภาษาจีนได้ ชาวยีสว่ นมากนบั ถือผี ศาสนาพทุ ธ เต๋า และครสิ ต์ 9. กลมุ่ ชาติพันธมุ์ องโกล มีประชากร 5,813,947 คน ส่วนมากเป็น ผู้เลี้ยงปศสุ ัตวใ์ นเขตปกครองตนเองมณฑลมองโกเลียใน และ มณฑลเหลียวหนิง มีชาวมองโกลในประเทศจีนมากกวา่ ใน มองโกเลีย ชาวมองโกลนบั ถือศาสนาพทุ ธแบบทิเบต บคุ คลใน ประวัติศาสตรท์ ีม่ ีชื่อเสียงและเป็นทีเ่ คารพของชาวมองโกลคือ เจงกีสขา่ นหรือ เตมูจนิ ผูท้ ี่รวบรวมชนเผ่ามองโกลเขา้ ดว้ ยกันและกอ่ ตั้งราชวงศห์ ยวนและกบุ ไลข่ ่านทีแ่ ผ่ ขยายอาณาจักรไปอย่างกว้างขวางจากฝัง่ ทะเลจีนจนถงึ ฝัง่ ทะเลดา้ ในยโุ รป

19 10. กลมุ่ ชาติพันธ์ุทเิ บต มปี ระชากร 5,416,021 คน ส่วนมากในดนิ แดนปกครองตนเองทเิ บต มณฑลซงิ ไห่ กานซู่ เสฉวน และหยุนนาน ชาวทิเบตเปน็ ชาวพทุ ธที่ เครง่ ครัด และศาสนาพุทธนิกายตันตระของทิเบตกเ็ แย กออกเปน็ นิกายหนึ่งชัดเจน บคุ คลทีม่ ชี ือ่ เสียงและเปน็ ที่เคารพของชาวทเิ บต คือ องค์ดาไล ลามะ ที่ลภี้ ัยอยูใ่ นอนิ เดียซง่ึ เป็นผู้นา้ การเรียกรอ้ งเอกราชจากจีน 11. กล่มุ ชาตพิ ันธุป์ ใู หย่ มีประชากร 2,971,460 คน อาศัยอยู่ ในเขตภูเขาสูงของมณฑลกยุ้ โจว หยุนหนาน และเสฉวน แมว้ ่ารัฐบาลจีนจะแยกวา่ เป็นอีกกลมุ่ ชนชาตหิ น่ึง แตช่ าว ปใู หย่ก็ยังถือว่าตนเองเปน็ คนจ้วง ชาวปใู หยพ่ ูดภาษาใน ตระกูลภาษาไท และมคี วามใกลเ้ คียงกบั ภาษาจว้ ง และนบั ถือผีและศาสนาพทุ ธ 12. กลมุ่ ชาติพันธตุ์ ง มปี ระชากร 2,960,293 คน อาศัยอยูใ่ นเขตภูเขา กยุ้ โจว หหู นาน และกวางสี ตงเปน็ ชือ่ ที่ ทางรัฐบาลจีนเรียก แต่ชาวตงเรียกตนเองว่า ขาม ภาษา ของชาวขามหรือตงเป็นภาษาในกลมุ่ กระได ซงึ่ อยใู่ น ตระกูลภาษาไทกระได ชาวตงมชี ือ่ เสียงในดา้ นการสรา้ ง สะพานทีม่ ีหลังคาครอบทีเ่ รียกวา่ สะพานลมและฝน และ นอกจากนีย้ ังมีชื่อเสียงเรื่องการขบั ร้องเพลงประสานเสียง อีกดว้ ย ซ่ึงการขบั ร้องเพลงประสานเสียงของชาวตงยัง ได้รับการขน้ึ ทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกที่จบั ต้อง ไม่ได้อีกดว้ ย

20 13. กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์เกาหลี มปี ระชากร1,923,842 คน รวมผู้ทีม่ ีเชือ้ สายเกาหลแี ละชาวเกาหลีที่ทา้ งานใน จีน เนื่องจากการติดต่อสัมพันธม์ ายาวนานตลอด ประวัตศิ าสตร์จีนและเกาหลี ทา้ ให้มชี าวเกาหลี ส่วนหนง่ึ ในจีนโดยเฉพาะทาง ตะวันออกเฉียงเหนือที่มีชายแดนตดิ เกาหลีเหนือ ชาวเกาหลใี นจีนสว่ นมากสบื เชือ้ สายมาจากผู้ อพยพหนีภัยแล้งในเกาหลชี ว่ งปี 1860 ในสมัยราชวงศช์ งิ และชาวเกาหลีทีอ่ พยพหนีอ้านาจการปกครองของ ญปี่ ุ่นในชว่ งก่อนสงครามโลก พืน้ ที่ที่มีชาวเกาหลีอาศัยอยู่หนาแนน่ ทีส่ ุดคือในอ้าเภอปกครองตนเองหยัน เปียนทีม่ ีชาวเกาหลกี ว่า 800,000 คน 14. กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ไุ ต หรือไทลือ้ มีประชากร 1,158,989 คน นอกจากนี้ยังมีชาวไทลือ้ อีกกวา่ 300,000 คนในประเทศ ไทย และลาว ชาวไทลื้อมวี ัฒนธรรมและภาษาพูดที่ ใกล้เคียงกบั คนไทยโดยเฉพาะคนไทยในภาคเหนือ ชาวไต ลื้อในจีนสว่ นมากอาศัยอยู่ในอ้าเภอปกครองตนเองสบิ สอง ปันนา ทีม่ ีเมืองหลวงชื่อวา่ จิ่งหงหรือเชียงรงุ้ ชาวไทลือ้ นับถือศาสนาพทุ ธนกิ ายเถรวาทเช่นเดียวกบั คนไทย และมีชือ่ เสียงเกี่ยวกบั ประเพณีสงกรานต์เชน่ เดียวกบั คนไทย 15. กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุเซอ มีประชากร 709,592 คน ชาวเซอเป็น ชนชาตกิ ลมุ่ นอ้ ยที่ใหญ่ที่สดุ ในมณฑลฟูเจีย้ นของจีน นอกจากนีย้ ังพบชมุ ชนชาวเซอในมณฑลใกล้เคียง เชน่ เจ้ อเจียง เจียงซี อันฮุย และกวา้ งตงุ้ ภาษาดั้งเดมิ ของชาวเซออ ยใู่ นตระกลู ภาษาม้ง เมี่ยน แต่ชาวเซอสว่ นมากพูดภาษาจีน แคะ ชาวเซอนบั ถือศาสนาพุทธนกิ ายเถรวาท และเต๋า

21 16.กลมุ่ ชาติพันธ์เุ กาชาน มปี ระชากร 458,000 คน อาศัย อยู่ในเขตภูเขาบนเกาะไตห้ วัน ชนพื้นเมืองในไตห้ วัน เปน็ ชาวออสโตรนีเชีย่ นที่มีความใกลช้ ิดทางดา้ นเชื้อชาติ และภาษารว่ มกบั ชาวออสโตรนีเชี่ยนอืน่ ๆ ไดแ้ ก่ ชาว ฟิลปิ ปนิ ส์ มาเลย์ อนิ โดนีเซีย มาดากาสการ์ ชาวจาม และชาวเกาะแปซิฟิกอื่น ไตห้ วันถือว่าเปน็ ต้นกา้ เนดิ ของ ตระกูลภาษาออสโตรนีเชีย่ น เพราะมีความหลากหลายของภาษามากทีส่ ุดบนเกาะนี้ แต่เปน็ ที่น่าเสียดายวา่ ภาษาเหลา่ นบี้ างสว่ นได้สญู หายไป และบางสว่ นอยู่ในภาวะเสี่ยง เนือ่ งจากการเข้ามาของชาวฮน่ั เมือ่ ประมาณ ศตวรรษที่ 17 ทา้ ใหเ้ กดิ การหลอมรวมทางวฒั นธรรมและผลของความขัดแย้ง ปัจจบุ ันชาวพื้นเมืองไตห้ วันได้ มีการฟื้นฟูความภมู ใิ จในชนชาติของตนเองและกลายเป็นสว่ นหน่ึงในการท่องเทีย่ วไตห้ วัน 17.กลมุ่ ชาตพิ ันธ์นุ าคี หรือนาซี มีประชากร 308,839 คน สว่ นมากอาศัยอยูใ่ นเขตเมืองลี่ เจียงในมณฑลหยนุ หนาน และบางสว่ นใน มณฑลเสฉวน ชาวนาซีเชือ่ ว่าสบื เชื้อสายมา จากชาวเชียง ซ่งึ เปน็ ชาวเผา่ เร่ร่อนในที่ราบ สูงทิเบต ต่อมาชาวนาซีไดอ้ พยพลงมาทางใต้ ตามแนวแม่น้านูเ่ จียงหรือสาละวิน และ ปักหลักอยูท่ ีไ่ ปช๋ าและลี่เจียง ปัจจบุ ันลี่เจียง ไดร้ ับการข้ึนทะเบียนเปน็ มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และเป็นสถานทที่ ่องเทีย่ วส้าคญั ของจีน ดว้ ย ทิวทัศนท์ ี่สวยงามและอาคารไมแ้ บบโบราณ ชาวนาซมี ภี าษาเขียนเป็นของตนเองที่เรียกวา่ ตงปา นอกจากนี้ ตงปายังหมายถงึ ศาสนาของชาวนาซีอีกดว้ ย

22 18.กลมุ่ ชาติพันธเ์ุ ชียง มปี ระชากร 306,072 คน อาศัย อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน ชาว เชียงในปัจบุ ันเป็นชนชาติเลก็ ๆในจีน แตใ่ นอดีตนัน้ ชาวเชียงนัน้ ถือไดว้ ่าเป็นชนชาตโิ บราณสามารถสบื ประวัติจนถงึ สมัยราชวงศช์ างเลยทีเดียว ในอดีตชาว เชียงถือว่าเปน็ ชนชาติกลมุ่ ใหญ่ทีเ่ ขม้ แขง็ กลมุ่ หน่งึ เชื่อกันวา่ ลกู หลานของชาวเชียงโบราณในปัจจบุ ันก็ คือชาวเชียง ชาวฮน่ั บางสว่ น สว่ นหนึง่ กเ็ ป็นชาวทิเบต และชนชาติอีกหลายชนชาตใิ นภาคตะวันตกของจีน ภาษาเชียงเปน็ ภาษาในตระกลู ภาษาจีน ทิเบต ชาวเชียงนับถือเทพหลายองค์ที่มีความเชือ่ แนบแน่นกบั หนิ ขาวศกั ด์ิสิทธ์ิ 19.กลมุ่ ชาติพันธ์ุถู่ หรือมองโกลขาว มปี ระชากร 241,198 คน อาศัยอยูใ่ นมณฑลกันซู่ และชิงไห่ทาง ตะวันตกของจีน ถเู่ ปน็ ชือ่ ที่ทางการจีนเรียกขาน แต่ชาวถู่เรียกตัวเองว่า ชาวมองโกลขาว ชาวถู่ตาม เชือ้ ชาตแิ ลว้ คือชาวเซียนเปย่ ทีม่ ีชือ่ เสียงใน ประวัติศาสตรจ์ ีน แตช่ าวเซียนเป่ยโบราณนัน้ ได้ หลอมรวมกลายเป็นชาวฮ่นี และชนชาติอื่นๆ เหลือ เพียงชาวถูก่ ลมุ่ นี้ที่ยังรักษาเอกลกั ษณ์ไวไ้ ด้ เนื่องจากบรรพบรุ ุษของชาวถู่น้าโดย Tuyuhu เปน็ ผู้น้าชาว เซียนเปย่ จา้ นวนหน่ึงอพยพมายังดินแดนกันซูแ่ ละชงิ ไห่ และคา้ วา่ Tuyuhu ก็เป็นชือ่ เรียกกลมุ่ คนเหล่านี้ ตอ่ มา และตอ่ มาก็เพี้ยนเปน็ Tuhu และ Tu ในทีส่ ุด ชาวถู่นนั้ พูดภาษาในตระกลู ภาษาอลั ตาอิกเชน่ เดียวกบั ภาษามองโกล และนบั ถือศาสนาพทุ ธนิกายตันตระหมวกเหลืองอย่างทิเบตรว่ มกบั ลัทธิเตา๋

23 20.กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์มู่เหลา หรือมูห่ ลาม มปี ระชากร 207,352 คน อาศัยอยูใ่ นมณฑลกวางสีทางใต้ของจีน เปน็ ที่เชือ่ กันวา่ ชาวมู่หลามสบื เชือ้ สายมาจากชาวหลงิ หรือเหลียวทีอ่ าศัยอยู่ ในดนิ แดนนีใ้ นอดีตตั้งแต่สมัยราชวงศจ์ ิน ชาวมูห่ ลามพูด ภาษามู่หลามซงึ่ เปน็ ภาษาหนึ่งในตระกลู ไทกระได ชาวมู่ หลามนบั ถือศาสนาพุทธรว่ มกบั ลัทธเิ ตา๋ และการบชู าผี แบบฝกึ หดั ทา้ ยบท .1.ประชากรจีนทั้งหมดมีประมาณกคี่ น 2.ชาวจีนสว่ นใหญเ่ ปน็ ชาวอะไรและมีจ้านวนเท่าใดของประชากรทัง้ หมด 3.กลมุ่ ชาติพันธ์ชนเผ่าจว้ งอาศัยอยู่มณฑลใดเปน็ ส่วนใหญ่ 4.กล่มุ ชาติพันธใ์ ดของจีนทีพ่ ูดใกล้เคียงกบั คนทางเหนือของไทย 5.กลุ่มชาตพิ ันธ์อุยกูร์ นับถือศาสนาใด 6.ประเทศจีนมีกี่ชนเผ่า 7.กลมุ่ ชาติพันธใุ์ ดเปน็ กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุทใี่ หญ่ทีส่ ดุ 8.กลมุ่ ชาติพันธใุ์ ดคนสว่ นมากเปน็ ผู้เลีย้ งปศสุ ัตว์ 9.กลมุ่ ชาตพิ ันธ์นุ าคี หรือนาซีสบื เชื้อสายมาจากชาวอะไร 10.กลมุ่ ชาติพันธใ์ุ ดเป็นชาวมสุ ลิมกลุ่มใหญ่ทีอ่ าศัยในภาคตะวันตกของจีน

24 บรรณานกุ รม MGR Online. (2548).ยอ้ นรอยอดีตเงนิ จีน.สืบคน้ เมื่อ 7กรกฎาคม 2563 [เวบ็ บลอ็ ค].สบื ค้นจาก https://mgronline.com/china/detail/9480000032413 MGR Online. (2548).เสน้ ทางประวตั ิศาสตร์ของเพลงชาตจิ ีน.สบื ค้นเมอื่ 7กรกฎาคม 2563 [เว็บบล็อค]. สบื ค้นจากhttps://mgronline.com/china/detail/9480000023566 กิตติยา ตยุ้ คา.(2561).จีนปรทิ ศั น์.(ม.ป.ท.). ข้อมลู ท่วั ไปเกย่ี วกับประเทศจีน. .(ม.ป.ป.) สบื คน้ เม่อื 7กรกฎาคม 2563 [เว็บบล็อค].สบื คน้ จาก http://www.smilecampus.com/countryinfo/25 จิ๋ว.(ม.ป.ป).เรียนภาษาจนี ออนไลน์.สบื คน้ เมือ่ 7กรกฎาคม 2563 [เวบ็ บลอ็ ค].สบื คน้ จาก http://www.jiewfudao.com บก.ลายเงา.(2560). 56 กลมุ่ ชาตพิ ันธ์ใุ นประเทศจีน.สืบค้นเม่ือ 7กรกฎาคม 2563 [เวบ็ บลอ็ ค].สบื คน้ จาก http://ngaolaimedia.blogspot.com/2017/07/56.html สมาคมไทยแนะแนวการศกึ ษาแหง่ ชาติ.(ม.ป.ป.).ภูมิศาสตรข์ องจีน.สบื ค้นเมื่อ 7กรกฎาคม 2563 [เว็บบล็อค]. สืบคน้ จากhttp://www.tieca.com/index.php/th/educational/item/71-geography-of-china.html อาศรมสยาม.(ม.ป.ป.).ประวตั ิธงชาติจนี .สบื คน้ เมือ่ 7กรกฎาคม 2563 [เว็บบลอ็ ค].สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/prawatithngcin/


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook