2หน่วยการเรียนรู้ท่ี ความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู ตวั ชว้ี ัด • ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล วเิ คราะหส์ อ่ื และผลกระทบจากการใชข้ า่ วสารที่ผดิ เพื่อการใชง้ านอยา่ งร้เู ท่าทนั
การประเมินความน่าเชื่อถอื ของข้อมูล สามารถทาไดอ้ ย่างไร
การสืบคน้ เพื่อหาแหลง่ ข้อมูล การสบื ค้นข้อมลู ดว้ ยคอมพวิ เตอร์ เปน็ การสบื คน้ ผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ หรอื คอมพวิ เตอรต์ ่าง ๆ การสบื คน้ ขอ้ มูลดว้ ยมือ เป็นการสบื คน้ ตามเอกสาร หนงั สือ ตารา
การสืบค้นเพอื่ หาแหล่งขอ้ มูล การสืบคน้ เพอ่ื หาข้อมลู บนอินเทอรเ์ น็ตมวี ิธกี ารดาเนนิ การ ดังนี้ 1 กาหนดวตั ถุประสงคก์ ารสบื ค้น 2 ดูประเภทของขอ้ มลู ทีส่ ามารถสืบคน้ ได้ 3 เตรียมอปุ กรณ์และความรู้ทจี่ าเป็นในการสืบค้น 4 เลือกบรกิ ารอินเทอร์เนต็ ทต่ี ้องการ เช่น อเี มล เว็บไซต์ 5 เลอื กเคร่อื งมอื หรอื โปรแกรมสาหรับคน้ หา
การสืบคน้ เพอื่ หาแหลง่ ขอ้ มูล ประโยชนข์ องอนิ เทอรเ์ น็ต
การสบื คน้ เพือ่ หาแหล่งขอ้ มูล โทษของอนิ เทอรเ์ นต็
การสบื คน้ เพือ่ หาแหล่งขอ้ มลู การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนระบบเครอื ขา่ ยควรใชง้ านอยา่ งมีคุณธรรมและจรยิ ธรรมโดยการปฏิบัติ ดังนี้ ใช้ถ้อยคาสุภาพ ไม่ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ทาลาย หรือหลอกลวงผ้อู ื่น แจง้ ผู้ปกครองเมอ่ื พบ ไม่เผยแพรข่ อ้ มูล การใช้งานที่ไม่เหมาะสม ทเ่ี ป็นเท็จ ไมล่ ะเมดิ สิทธขิ องผ้อู ่นื เคารพกฏและข้อตกลง ไม่เปิดเผยข้อมูลสว่ นตวั ใช้งานในทางทีถ่ ูกตอ้ ง
การสืบค้นเพือ่ หาแหลง่ ข้อมลู เคร่ืองมือสาหรับสืบค้นขอ้ มลู ผา่ นอินเทอร์เน็ต เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสืบค้นข้อมูลจากคาค้นหาต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ ป้อนเข้าสรู่ ะบบ โดยโปรแกรมท่ีใช้ในการสืบคน้ ขอ้ มูล สามารถแบ่งตามลักษณะการทางานได้ 3 ประเภท ดงั น้ี Crawler Based Search Engines Web Directory Meta Search Engines จะอาศัยการบันทึกข้อมูลและจัดเก็บ เ ป็ น ส า ร บั ญ เ ว็ บ ไ ซ ต์ ท่ี มี ก า ร เ ป็ น โ ป ร แ ก ร ม ที่ ใ ช้ ห ลั ก ก า ร ขอ้ มลู เป็นหลัก โดยการใช้ซอฟต์แวร์ขนาดเล็ก จัดเก็บข้อมูลออกเป็นหมวดหมู่อย่าง สืบค้นด้วย Meta Tag โดยผลลัพธ์ ในการเก็บขอ้ มลู จากเว็บไซต์ต่าง ๆ เชน่ ชัดเจน ทาให้การสืบค้นทาได้อย่าง ของโปรแกรมสืบค้นประเภทนี้ จะมี www.google.com รวดเรว็ เช่น www.dmoz-odp.org ความแม่นยาน้อยกว่าประเภทอ่ืน เช่น www.ixquick.com
การสืบค้นเพ่อื หาแหลง่ ข้อมลู การสบื ค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เพ่อื ใหไ้ ด้แหลง่ ข้อมูลท่มี คี ณุ ภาพ มีความนา่ เชื่อถอื และตรงตามความต้องการของผสู้ ืบค้นมีขั้นตอน ดงั นี้ กาหนดวัตถุประสงค์ กาหนดประเภท กาหนดคาสาคญั ประเมินความนา่ เชอ่ื ถอื และหัวขอ้ ให้ชดั เจน ของข้อมลู ท่จี ะสบื คน้ สาหรบั สืบค้นขอ้ มูล ของขอ้ มูลทไ่ี ด้ จากการสบื คน้
การประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของข้อมูล การประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของขอ้ มลู มหี ลกั สาคญั 3 ประการ คอื 1. ประเมนิ ว่าข้อมูลตรงตามต้องการหรอื ไม่ โดยสามารถประเมนิ ไดจ้ ากการอา่ นชือ่ เวบ็ ไซต์ ชอ่ื เวบ็ เพจ ชื่อหัวเรื่อง คานา สารบัญ หรือเนื้อหา ซ่ึงโดยส่วนใหญ่จะสามารถประเมินได้ตั้งแต่การอ่านช่ือเว็บไซต์ ชอื่ เว็บเพจ หรือชือ่ หวั เร่อื งแล้ว
การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู 2. ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือ และความทันสมัยของขอ้ มลู ประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของแหลง่ ข้อมลู พิจารณาว่าขอ้ มลู ไดม้ าจากแหล่งข้อมลู ที่น่าเช่อื ถอื หรือไม่ ประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของทรพั ยากรข้อมลู พิจารณาว่าข้อมูลอยู่ในรูปแบบใด เช่น หนังสือท่ัวไป วารสาร นิตยสาร ข้อมลู บนอนิ เทอรเ์ นต็ ประเมินความน่าเช่อื ถือของผู้เขียน พิจารณาว่าผู้เขยี นเปน็ ใคร เป็นของสานกั พมิ พห์ รอื เวบ็ ไซตใ์ ด ประเมินความทันสมยั ของขอ้ มูล พจิ ารณาวันเดือนปที ขี่ ้อมูลถูกเผยแพร่ หรือผลิต
การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถือของข้อมูล 3. ประเมนิ ระดับเนอ้ื หาของขอ้ มลู โดยขอ้ มูลสามารถแบ่งได้ 3 ระดับ ไดแ้ ก่ ข้อมูลปฐมภมู ิ ขอ้ มูลทุติยภูมิ ข้อมูลตตยิ ภูมิ เปน็ ข้อมลู ท่ไี ด้จากการ เป็นการนาข้อมูลปฐมภมู ิ เป็นการชแี้ นะแหล่งข้อมูล คน้ ควา้ โดยตรงของผู้เขียน มาเขียนเรียบเรียงใหม่ ปฐมภมู ิและทตุ ยิ ภมู ิ เชน่ เช่น รายงาน วจิ ยั วทิ ยานิพนธ์ โดยระบแุ หล่งที่มาอยา่ งชัดเจน บรรณานุกรม เอกสารอา้ งองิ
การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู แหล่งข้อมูลท่ีมีความน่าเชื่อถือ ข้อมูลที่เราจะนามาใช้งานจะต้องมาจากแหล่งข้อมูลท่ีเช่ือถือได้ ซง่ึ มีลกั ษณะเปน็ แหลง่ ทีม่ ีการรวบรวมขอ้ มูลอยา่ งมีหลกั เกณฑ์ มีแหล่งอา้ งอิง เชอื่ ถือได้ โดยแหลง่ ข้อมลู ที่เช่อื ถือได้ เชน่ ข้อมลู จากเจ้าของ ข้อมลู จากองค์กร ข้อมูลจาก ขอ้ มูลโดยตรง หรือผู้เช่ียวชาญ หนว่ ยงานของรฐั
การประเมนิ ความน่าเชือ่ ถือของข้อมูล การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT เป็นวิธีการประเมินความน่าเช่ือถือของ ขอ้ มลู โดยการตงั้ คาถาม มี 6 ขน้ั ตอน ดงั น้ี การนาเสนอ (Presentation) ความสัมพันธ์ (Relevance) คาถามเช่น ข้อมลู ทไ่ี ด้ คาถามเช่น ข้อมูลนั้นมีรายละเอียด มคี วามชดั เจนหรือไม่ มากเกนิ ไปหรอื ไม่ ข้อมูลน้ันมีจุดเนน้ อะไร ภาษาทีใ่ ช้ถูกตอ้ งหรือไม่ ข้อมูลนนั้ มคี าสาคญั ทต่ี อ้ งการหรือไม่
การประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล วตั ถุประสงค์ (Objectivity) วิธกี าร (Method) คาถามเชน่ คาถามเกยี่ วกบั ขอ้ มลู ท่ตี ้องการ คาถามเช่น ข้อมลู นี้มวี ธิ กี าร ในการรวบรวมขอ้ มูลอยา่ งไร
การประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมลู พสิ จู น์หรอื ยืนยัน (Provenance) เป็นปจั จุบัน (Timeliness) คาถามเช่น ข้อมูลนน้ั ได้มาจากแหลง่ ข้อมลู ใด คาถามเชน่ ข้อมูลน้นั เผยแพรเ่ ม่อื ใด และแหล่งข้อมูลนัน้ เชอื่ ถือไดห้ รือไม่ ตีพมิ พเ์ มือ่ ใด
การประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของขอ้ มลู เหตุผลวิบตั ิ เป็นการใชเ้ หตผุ ลที่ผดิ พลาด ขาดความน่าเชอ่ื ถอื ในการนาเสนอข้อมูล ซง่ึ หากนาข้อมลู เหลา่ นี้ไปเผยแพร่ อาจทาให้ผรู้ บั ข้อมูลเกิดความเขา้ ใจผิดได้ โดยเหตผุ ลวบิ ตั ิมหี ลายประเดน็ เช่น
การรู้เท่าทนั สื่อ การรเู้ ทา่ ทันสอ่ื ทั้งส่ือท่ีเผยแพรบ่ นอนิ เทอรเ์ นต็ และสือ่ สง่ิ พมิ พต์ ่าง ๆ มอี งคป์ ระกอบ ดังนี้ 01 02 03 04 ความสามารถ ความเขา้ ใจการประเมินคา่ การสร้าง การใชป้ ระโยชน์ การสะท้อนคดิ ในการเข้าถึงส่อื สารสนเทศและเนอื้ หาในสื่อ และการเฝ้าระวังสารสนเทศ เป็นการพิจารณาการกระทา เป็นการไดร้ ับส่ือประเภทตา่ ง ๆ เปน็ การประเมนิ คุณคา่ ของสือ่ และเนือ้ หาในสือ่ ของตนเองวา่ จะมี ได้อย่างเตม็ ท่ี รวดเร็ว วา่ ส่ือนน้ั มีคณุ ค่าตอ่ ผรู้ ับสาร และเขา้ ใจเน้ือหา เป็นการสรา้ งสรรค์สือ่ ใหม่ ผลกระทบหรอื ผลลัพธ์ มากน้อยเพียงใด ในแบบของตนเอง ต่อผอู้ ่ืนอย่างไร
การรูเ้ ท่าทันส่อื ส่อื ดจิ ทิ ัล เป็นสอ่ื ที่นักเรียนสามารถเข้าถึงได้รวดเร็วที่สุด ท้ังสื่อจากทางวิทยุ โทรทัศน์ หรือเว็บไซต์ ตา่ ง ๆ โดยการรเู้ ท่าทนั สื่อดิจทิ ัล สามารถแบ่งออกได้ 8 ดา้ น ดงั น้ี
การรเู้ ท่าทนั สอ่ื การแบง่ ระดบั ของการรู้เท่าทนั สือ่ สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 4 ระดับ ดงั น้ี ความรตะดรบัะหนัก ควารมะดเขับ้าใจ วเิ รคะรดาับะห์ การปรระะดเมับนิ และ และตีความ การตัดสินใจ ระดับความตระหนกั คือ ระดบั ที่ผูร้ ับสื่อตระหนักวา่ ส่ือและเนือ้ หาส่ือมีเพอ่ื ตอบสนองต่อ ความชอบ ความพอใจ ระดบั ความเขา้ ใจ คอื ระดับทผ่ี ูร้ ับสอื่ มคี วามรู้ความเข้าใจในสอื่ ร้ลู ักษณะของสือ่ ตามบทบาท หนา้ ทีใ่ นระบบสังคม ร้คู วามหมายตรง ระดบั วิเคราะห์และตีความ คอื ระดับที่ผู้รบั สื่อสามารถวิเคราะหก์ ารดาเนนิ การของสถาบัน หรอื องคก์ รสอ่ื วเิ คราะหแ์ ละตคี วามหมายแฝงได้ ระดับการประเมินและการตัดสนิ ใจ คอื ระดับทผี่ ู้รบั สื่อประเมนิ ไดว้ า่ สถาบนั หรือองค์กรส่อื เกยี่ วข้องกับระบบอานาจ ทนุ นยิ ม บริโภคนิยม สามารถตีความเนือ้ หาสอื่ อยา่ งเชอ่ื มโยงกับ บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรม
การรเู้ ท่าทนั สอ่ื ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยแี ละนวัตกรรมในปัจจุบนั ทมี่ ีการพฒั นาไปอย่างมาก โดยเฉพาะส่ือ เทคโนโลยีสารสนเทศตา่ ง ๆ ซ่งึ อาจสง่ ผลใหเ้ กดิ ปัญหาจากการใช้สื่อของคนในสงั คมมากขึน้ และรวดเร็ว เชน่ การเลน่ เกมออนไลน์ พฤติกรรมการ ปญั หาความรุนแรง ลอกเลียนแบบ ปญั หาพฤตกิ รรมก้าวรา้ ว ปญั หาทางอารมณ์
การรู้เท่าทนั ส่ือ การรบั ข้อมลู ข่าวสารต่าง ๆ จะตอ้ งมีการวเิ คราะห์วา่ สงิ่ ที่เผยแพรน่ ้นั เปน็ จริงหรือไม่ ซึ่งถ้าหาก ข้อมูลน้นั เป็นเทจ็ อาจทาให้ผรู้ บั ข้อมูลได้รบั ผลกระทบได้ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ นายบอยได้รบั อีเมลจากธนาคารแจง้ ว่า บญั ชธี นาคารมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ให้นายบอยส่งเลขบัตร ประจาตัวประชาชนพร้อมเบอรโ์ ทรศพั ท์กลับมาทอ่ี เี มลนี้ มิเชน่ น้ันบัญชธี นาคารจะไม่สามารถใช้งานได้ ผลกระทบจากการได้รบั ข้อมูลผิดพลาดนี้ คือ 1. การถกู โจรกรรมขอ้ มลู สว่ นตวั ไดแ้ ก่ เลขบตั รประจาตัวประชาชน เบอรโ์ ทรศัพท์ 2. การถกู โจมตดี ้วยมลั แวร์ตา่ ง ๆ 3. การถกู ลอ่ ลวงดว้ ยข้อมูลอนั เปน็ เทจ็
การประเมินความนา่ เช่ือถือของข้อมลู จะตอ้ ง พจิ ารณาขอ้ มูลทมี่ าจากแหล่งขอ้ มลู ทเี่ ช่ือถอื ได้ และตรงตามความต้องการของผู้ใชง้ าน หรืออาจใช้เครอื่ งมอื ในการประเมินความน่าเชอ่ื ถือ เชน่ PROMPT
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: