สสััตตวว์์ใในนตตำำนนาานนกกรรีีกก โโบบรราาณณ
มังกร (Dragon) มังกร (อังกฤษ: dragon; จากละติน: draco) เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดีของจีนและ ตะวันตก แม้จะใช้คำว่ามังกร (dragon) เหมือนกัน แต่มังกรของจีนและตะวันตกนั้นสื่อถึง สัตว์ต่างชนิดกัน มังกรของจีนมีรูปร่างลักษณะจัดอยู่ในประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู ไม่มี ปีก แต่สามารถบินไปในอากาศได้ ส่วนมังกรของตะวันตกจะมีขา มีปีกและสามารถพ่นไฟได้ ในตำนานยุโรป มังกรเป็นสัตว์อันตรายและน่าสะพรึงกลัวสำหรับมนุษย์ มังกรจึงเป็นศัตรู ตัวฉกาจของเหล่าวีรบุรุษทั้งหลาย การฆ่ามังกรและขึ้นเถลิงราชย์เป็นกษัตริย์. มังกรจึง กลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ทั้งที่มีตัวตนจริง ๆ และในตำนานต่าง ๆ เช่น กษัตริย์อาเธอ ร์ ซึ่งมีนามสกุลว่า Pendragon มีความหมายว่า 'ศีรษะของมังกร' หรือ 'หัวหน้ามังกร' และ มงกุฎของกษัตริย์อาเธอร์ ก็เป็นรูปมังกร ส่วนในตำนานจีน มังกรเป็นสัตว์มงคลและมี สถานะเป็นเทพเจ้า เสื้อคลุมมังกร 5 เล็บเป็นเครื่องทรงของที่กษัตริย์สามารถใช้ได้เท่านั้น ส่วนเครื่องทรงที่มีรูปมังกร 4 เล็บจะเป็นชุดสำหรับขุนนาง และ 3 เล็บสำหรับประชาชนทั่วไป นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
นกฟินิกซ์ (Phoenix) ฟีนิกส์ (Pheonix) เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายนกปรากฏในตำนานของหลายๆชาติในลักษณะที่คล้ายกัน แต่แตกต่างกันในบางรายละเอียด ชื่อนี้ได้ระบุขึ้นในตำนานของพวกอียิปต์โบราณก่อนในฐานะของ สัตว์เทพในตำนานซึ่งคู่ควรแก่การบูชา ยกย่อง เคารพ เกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ ดังนั้นจะสังเกต ได้ว่าขนนกของฟีนิกส์นั้นจะออกเป็นประกายเหลืองทองคล้ายเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลว ไฟทั้งตัวทีเดียว ที่มา เด็ดดีดอทคอมค่ะ นกฟีนิกส์นี้เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืนนิ รันดร์ ขนาดของนกฟีนิกส์นี้จะมีขนาดเท่านกอินทรีย์ตัวโต จงอยปากและส่วนขาเป็นสีทองประกาย ขนสีแดงถึงเหลืองทอง มีเสียงร้องที่ไพเราะดังเสียงดนตรี เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุเป็นอมตะ รูปร่าง สวยสง่างาม บางครั้งหยิ่งผยอง บางครั้งเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร... บางตำนานเล่าว่านกนี้ สามารถฟื้นชีวิตให้กับผู้ตายได้ และสามารถฟื้นพลังทั้งหมดให้กลับสู่ปกติได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ เวทย์ตัวหนึ่งภายใต้เทพแห่งไฟบางครั้งจะพบว่าสามารถใช้มนตร์ไฟได้ ฟีนิกซ์เป็นสัตว์ที่นิสัยอ่อน โยน เพลงของฟีนิกซ์มีเวทมนตร์สามารถกระตุ้นความกล้าหาญ แห่งจิตใจบริสุทธิ์ และทำให้เกิด ความกลัวในจิตใจที่คิดร้าย น้ำตาของนกฟีนิกซ์มีพลังในการรักษาบาดแผลได้ ฟีนิกซ์นี้เมื่อหมด อายุขัยลงก็จะสลาย ตัวเองกลายเป็นขี้เ้ถ้่า และฟื้นคืนชีพกลับมาเกิดใหม่จากกองขี้เถ้าเดิม นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ยูนิคอร์น (Unicorn) ยูนิคอร์น (อังกฤษ: unicorn) เป็นสัตว์ในตำนานซึ่งมีการอธิบายมาแต่โบราณว่าเป็น สัตว์ที่มีเขาเกลียวแหลมขนาดใหญ่ออกมาจากหน้าผาก มีการพรรณนายูนิคอร์นใน ตราโบราณของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุและชาวกรีกโบราณกล่าวถึงยูนิคอร์นใน บันทึกประวัติศาสตร์ธรรมชาติโดยนักเขียนหลายคน รวมไปถึงคัมภีร์ไบเบิลก็มีอธิบาย เช่นกัน ยูนิคอร์นพื้นบ้านยุโรป มักพรรณนายูนิคอร์นว่าเป็นสัตว์คล้ายม้าหรือคล้ายแพะสีขาว มีเขายาวและมีกีบแยก (บ้างมีเคราแพะด้วย) ในสมัยกลางและฟื้นฟูศิลปวิทยา มีการ อธิบายทั่วไปว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ป่าหายากยิ่ง สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และสง่า งาม ซึ่งอาจจับได้เฉพาะพรหมจารีเท่านั้น ในสารานุกรมกล่าวกันว่าเขาของยูนิคอร์น มีอำนาจเปลี่ยนน้ำพิษให้ดื่มได้ และรักษาการเจ็บป่วย ในสมัยนั้นบางครั้งมีการขายเขา นาร์วาลเป็นเขายูนิคอร์น นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เพกาซัส (Pegasus) เพกาซัส (Pegasus หมายถึง แข็งแรง) เป็นหนึ่งในสัตว์ที่ปรากฎในเทพนิยายกรีก เพกา ซัสมีรูปร่างเป็นม้ากำยำพ่วงพีสีขาวบริสุทธิ์ และมีปีกใหญ่โตราวกับนกพิราบ แต่ไม่มีเขา เหมือนยูนิคอร์น เมื่อกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเพกาซัส จะค่อนข้างน่าขนลุกสักเล็กน้อย เริ่มต้นโดย การกล่าวถึงนางกอร์กอน เมดูซ่า ซึ่งเป็นหญิงที่มีนิสัยร้ายกาจ และเสียชีวิตเนื่องจากถูก วีรบุรุษที่ชื่อว่า เปอร์ซีอุล ฟันคอจนขาด ขณะที่นางกำลังจะสิ้นใจตายนั้นเอง ก็บังเกิดร่าง ของเพกาซัส ซึ่งเป็นม้ากำยำพ่วงพีที่มีปีกอันกว้างใหญ่สง่างาม กระโจนออกมาจากลำ คอของนาง เพกาซัสออกมาต่อสู้แผลงฤทธิ์อย่างดุร้ายจนไม่มีใครสามารถต่อกรกับมันได้ เลยสักคน นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ไคเมร่า (Chimera) ไคเมร่า (Chimera) เป็นสัตว์ในเทพนิยายกรีก ตามตำนานกรีก ไคมีร่าเป็นสัตว์เพศเมีย 3 หัว พ่อของไคมีร่าเป็นยักษ์ชื่อ Typhon และแม่เป็นครึ่งงูชื่อ Echidna และใน ภาษากรีกโบราณ ไคมีร่าแปลว่า แพะเด็กเพศเมีย หรือบางแหล่งว่า แพะ เพศเมีย ตำนานไคมีร่า มีตำนานกรีกเล่าว่าไคมีร่าทำความเสียหายให้ กับเมือง Lycia ดังนั้นพระ ราชา Iobates จึงหาคนที่จะกำจัดมัน และได้ Bellerophon เป็นผู้รับภารกิจ Bellerophon ไปจับม้าบินเพกาซัส และใช้มันในการสู้กับไคมีร่า โดยบินขึ้น และต่อสู้กับไคมีร่า และในที่สุดเขาชนะ ซึ่งในเรื่องการต่อสู้กับไคมีร่านี้บ้างว่า เขายิงธนูลงมาใส่ไคมีร่า และฆ่ามันได้ บ้างว่าเขาใช้ก้อนตะกั่วติดที่ปลายหอก แล้วขว้างเข้าไปในปากไคมีร่า เมื่อมันพ่นไพออกมาตะกั่วจึงละลายแล้วไหล ลงคอไคมีร่า จึงทำให้มันตาย นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
กริฟฟิน (Griffin) กริฟฟิน (อังกฤษ: griffin คือสัตว์ในเทพนิยายร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต โดยส่วนหัว ขาคู่หน้าและปีก เป็นนกอินทรี ส่วนลำตัวและขาคู่ หลังเป็นสิงโต และมีหางเป็นงู บางจำพวกก็มี หางของสิงโต ขนบนหลัง เป็นสีดำ ขนที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ส่วนขนปีกเป็นสีขาว อาศัยอยู่ในถ้ำตาม ภูเขา ตามตำนานกรีก กริฟฟินเป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำของดินแดน ไฮเปอร์โบเรีย (ดินแดนในตำนานซึ่งอยู่ทางขั้วโลกเหนือ มีแสงอาทิตย์ และ ความอุดมสมบูรณ์ตลอดกาล) เป็นรูปจำแลงของเทพีเนเมซิส เทพแห่ง ความพยาบาท ซึ่งทำหน้าที่หมุนวงล้อแห่งโชคชะตา, นอกจากนี้ยังเป็นผู้ ลากรถม้าของพระอาทิตย์ (เทพอพอลโล) อีกด้วย กริฟฟินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และบางครั้งยังถือว่ากริฟฟิน เป็นสัญลักษณ์ของความหยิ่งยโส นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
บาซิลิสก์ (Basilisk) ตำนานและประมวลสัตว์ร้ายของยุโรป แบซิลิสก์ (อังกฤษ: basilisk) เป็นสัตว์เลื้อยคลานซึ่งถือกันว่า เป็นราชาแห่งงู (king of serpents) และเชื่อกันว่า มีลมหายใจเป็นพิษร้าย และมีแววตาสังหารที่ใครได้จ้องก็ต้องถึงตาย หนึ่งใน เอกสารเก่าแก่ที่สุดที่เอ่ยถึงสัตว์นี้ คือ เนเชอรัลฮิสตอรี (Natural History) ของพลินีคนพี่ (Pliny the Elder) ที่ระบุ ว่า แบซิลิสก์มาจากไซรีนี (Cyrene) เป็นงูตัวเล็กที่ยาวไม่เกิน 12 องคุลี มีพิษสงร้ายแรง เลื้อยไปที่ใดก็ทำลายทุกสิ่งที่ ขวางหน้า ทั้งใครมองมันก็จะถึงตาย แต่สัตว์นี้แพ้กลิ่นสาบ ของวีเซิล[1] เป็นไปได้ว่า ตำนานเรื่องแบซิลิสก์และความ สัมพันธ์กับวีเซิลนี้มีที่มาจากงูเอเชียบางชนิด เช่น จงอาง และสัตว์ผู้ล่าอย่างพังพอน นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ฮิปโปกริฟฟ์ (Hippogriff) ฮิปโปกริฟฟ์ (Hippogriff) เป็นสัตว์วิเศษครึ่งนกครึ่งม้า หัวเป็นนกอินทรี ตัวเป็นม้า เป็นสัตว์ในตำนาน ทางทวีปยุโรป มีปรากฏในเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบันซึ่ง กล่าวไว้ว่าฮิปโปกริฟฟฟ์เป็นสัตว์ที่เย่อหยิ่งไม่ยอมให้ใครดูถูก บ้างตำนาน บอกว่ากริฟฟอนและม้าและอินทรีผสมกันเป็นฮิปโปกริฟฟ์ ฮิปโปกริฟฟ์เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษ แห่งอัซคาบัน นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ฮิปโปแคมปัส (อังกฤษ: Hippocampus, Hippocampi; กรีก: ἵπποκαμπος) เป็นสัตว์ ตามจินตนาการในเทพปกรณัมกรีก เป็นม้าทะเลที่มีท่อนบนเป็นม้า ท่อนล่างเป็นปลา มี เกล็ดและหางขดโค้งเหมือนหางเงือก ฮิปโปแคมปัสเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของโพไซดอน เทพเจ้าแห่งมหาสมุทร ฮิปโปแคมปัสมีนิสัยกล้าหาญและจะเชื่องกับเจ้าของมาก นอกจาก นี้ฮิปโปแคมปัสยังเป็นเทียมรถศึกของโพไซดอนอีกด้วย ฮิปโปแคมปัส คำว่า \"ฮิปโปแคมปัส\" มาจากภาษากรีกคำว่า ἵππος (hippo) ที่แปลว่า \"ม้า\" และ κάμπος (campus) ที่แปลว่า \"สัตว์ประหลาด\" บ่อยครั้งในอังกฤษก็เรียกว่า \"ม้าน้ำ\" (Sea - horse) บางครั้งก็เรียกว่า \"ไฮดริปปัส\" มาจากภาษากรีกคือ Hydro ที่แปลว่า \"น้ำ\" ในทางวิทยาศาสตร์คำว่าฮิปโปแคมปัสหมายถึงส่วนหนึ่งของสมอง เนื่องจากสมองส่วน นั้นมีลักษณขดโค้งคล้ายหางของฮิปโปแคมปัส และยังใช้เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของปลา จำพวกม้าน้ำ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ไฮดรา (Hydra) ไฮดรา อังกฤษ: Hydra) เป็นสัตว์ประหลาดในเทพปกรณัมกรีก มีลักษณะ เด่น คือ มีหลายหัว แต่ละหัวคล้ายงู ไฮดรามีหัวทั้งหมด 9 หัว เมื่อแต่ละหัว ที่ถูกตัดจะมีหัวงอกขึ้นใหม่ได้ไม่มีที่สิ้นสุด บางปกรณัมกล่าวว่ามี 100 หัว บ้างก็ว่าไฮดรามีลำตัวคล้ายสุนัข ร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดและมีหาง เหมือนมังกร ลมหายใจของไฮดรา มีอันตรายถึงขนาดที่ทำให้ผู้ที่เข้าใกล้ ถึงแก่ความตาย ไฮดราเป็นทายาทของไทฟอนและอีคิดนา เฮราคลีสสังหารไฮดราบนกระเบื้องโมเสกในยุคโรมันโบราณ ไฮดรา อาศัยอยู่ที่ทะเลสาบเลอนา และถูกปราบโดยเฮราคลีส จัดเป็นหนึ่ง ในภารกิจ 12 ประการของเฮราคลีส ไฮดรา ถูกอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยมากมาย เช่น การ์ตูนญี่ปุ่น เรื่อง เซนต์เซย่า โดยเป็นหนึ่งในตัวละครที่เป็นระดับบรอนต์เซนต์ มีชื่อว่า ไฮดรา อิจิ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ก็อบลิน (Goblin) ก็อบลิน (อังกฤษ: goblin) เป็นโนมที่มีรูปร่างพิกลพิการ ชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้ม ของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส ก๊อปลินนั้นเป็นปีศาจ อาศัยอยู่ใต้ดิน ในตำนานเดิมของยุโรปเล่าถึง ก็อบลิน ว่า เป็นปีศาจร่างเล็ก (อาจจะสูง ประมาณ 70 ซม.) ลักษณะคล้ายซากศพ บาง ตำนานก็กล่าวว่า ก๊อปลิ นมีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ไม่ชวนมอง ซึ่งหน้าตาหรือรูปร่างของพวก ก๊อปลินจะเป็นเช่นไร มักขึ้นอยู่กับตำนานหรือความเชื่อของผู้คนในแถบ นั้น ก็อบลินเป็นอีกหนึ่งสัตว์ปีศาจที่นิยมใช้ประกอบวรรณกรรมแฟนตาซี โดยมักมีฐานะเป็นรองออร์ค แต่ว่องไวกว่าและอันตรายมากกว่า นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
โกเลม (Golem) โกเลมเป็นสัตว์รูปอย่างมนุษย์ซึ่งประกอบขึ้นจากวัตถุไม่มี ช ีวิตแล้วเสกเป่าให้มีชีวิต (พยนต์) ทั้งนี้ ครั้งหนึ่ง คำ \"โก เ ลม\" ที่ใช้ในเพลงสวดสดุดีและลายลักษณ์อักษรสมัยมัชฌิม ยุค เคยหมายถึง วัตถุใดอันหารูปพรรณสัณฐานมิได้ โกเลม จะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย ตามความเชื่อ ถ้าเราอยากจะ ให้โกเลมมีชีวิต เราจะต้องหาคนที่สร้างโกเลมเป็น แล้วเขียน คำว่า emeth ที่แปลว่า ศักดิ์สิทธิ์ ลงไปในปากของมัน นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เคลพี (Kelpie) เคลพี (อังกฤษ: Kelpie) ปีศาจจำพวกพรายน้ำในนิทานพื้นบ้านของสกอตแลนด์ มีลักษณะเป็นม้าสีขาวหรือกึ่งคนกึ่งม้า สิงสถิตย์อยู่ยังแม่น้ำ, ทะเลสาบ หรือ หนอง น้ำ แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ เคลพีในเกมเมกามิเทนเซย์ วาดโดยคาซึมะ คาเนโกะ เคลพี จะล่อลวงคนที่หยุดพักที่ริมน้ำที่มันอาศัยอยู่ ขณะที่หยุดพักดื่มน้ำ มันจะ ปรากฏตัวเป็นม้าสีขาวที่สงบเสงี่ยม แต่เมื่อขึ้นขี่หลังมัน มันจะพาดำดิ่งสู่ก้นน้ำ ทันที จนบุคคลนั้นจมน้ำตาย ซึ่งเคลพีจะกินซากศพจนเหลือเพียงหัวใจหรือตับไว้ แต่ก็มีเรื่องของเคลพีที่แปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อแต่งงานกับหญิงสาว นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
คราเคน (Kraken) คราเคน (อังกฤษ: Kraken) เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว มักเล่าว่า คล้ายหมึกกล้วยขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ ชอบโจมตีเรือ เดินสมุทรอย่างกะทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจน กระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัว คราเคนถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ \"The Natural History of Norway\" ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยาย เกี่ยวกับคราเคนเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์ เรื่องราวในช่วงถัดมาเกี่ยวกับคราเคนก็ค่อย ๆ ลดขนาดของมันลงเรื่อย ๆ ไม่มหึมาโอฬาร แต่ก็ยังมีขนาดยักษ์ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เงือก (mermaid) เงือก หรือ นางเงือก (อังกฤษ: mermaid) เป็นอมนุษย์ชนิดหนึ่งตามความ เชื่อนิยายปรัมปราเกี่ยวกับน้ำ โดยเป็นจินตนาการเกี่ยวกับสัตว์น้ำ โดย มากจะเล่ากันว่าเงือกนั้นเป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ มีส่วนครึ่งท่อนบนเป็นคน ส่วนครึ่งท่อนล่างเป็นปลา มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเงือกแพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งในทวีปยุโรป เอเชียและแอฟริกา บางตำนานเล่าว่าเงือกมีความสัมพันธ์กับเหตุอันตรายอย่างอุทกภัย วาตภัย เรืออับปาง และการจมน้ำเสียชีวิต แต่ก็มีเล่าว่าเงือกอาจนำคุณ มาให้ได้เช่นกัน เช่น มอบของกำนัลหรือตกหลุมรักมนุษย์ เงือกมีได้ทั้งเพศหญิงและชาย (เรียกว่า merman) แม้ตามตำนานจะเล่า ว่าพบเห็นเงือกเพศชายน้อยกว่าเงือกเพศหญิง แต่โดยทั่วไปก็ถือกันว่า ทั้งสองเพศอยู่ร่วมกัน บางทีอาจเรียกเงือกชายและหญิงรวม ๆ กันว่า ชาวเงือก นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ชูปาคาบรา (Chupacabras) ชูปาคาบร้า (สเปน: chupacabras; แปลว่า \"ตัวดูด [เลือด] แพะ\") เป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เป็นที่เล่าลือ ชนิดหนึ่ง มีผู้ที่อ้างว่าพบเห็นครั้งแรกในปวยร์โตรีโกในปี ค.ศ. 1995 และมีหลายคนรายงานว่า มันได้ฆ่าสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น แพะ ด้วยการดูดเลือดเป็นจำนวนมาก และยังคงมีผู้พบเห็นมันมา อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบัน ที่ปวยร์โตรีโก มีนักสำรวจท้องถิ่นได้สำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับ ชูปากาบรัส และพบถ้ำแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นที่อาศัยของมัน และรอยเท้าของชูปาคาบร้าก็มีลักษณะ ใหญ่คล้ายนกกระจอกเทศ ที่รัฐเท็กซัส มีเกษตรกรรายนึงอ้างว่าเขาสามารถยิงชูปาคาบร้าได้และฝังมันไว้ในที่ดินที่บ้านของ เขา โดยเจ้าตัวที่เชื่อว่าเป็นชูปาคาบร้านั้นได้ฆ่าไก่ของเขาไปแล้วถึง 3 หน ซึ่งเจ้าสัตว์ตัวนี้มีรูปร่าง แปลกมาก คือ ตัวเป็นสีฟ้าปนสีเทาและไม่มีขน แต่จากการพิสูจน์ของนักวิทยาศาสตร์จากกะโหลก และตรวจดีเอ็นเอของสัตว์ชนิดนี้แล้วนั้น พบว่า เป็นเพียงสุนัขไคโยตีที่เป็นขี้เรื้อนเท่านั้น และจากการศึกษาซากสัตว์ที่เชื่อว่าตายด้วยการดูดเลือดของชูปาคาบร้าจนหมดตัวนั้นของแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า แท้จริงแล้วเลือดในตัวสัตว์เหล่านั้นยังมีอยู่ เพียงแต่ว่าถ้ามองจากภายนอก อาจดูเหมือนไม่มีเลือดเหลืออยู่ในตัวเลย เป็นเพราะเลือดในตัวสัตว์นั้นได้หยุดไหลเมื่อหัวใจหยุดเต้น และเชื่อว่า สัตว์ที่โจมตีสัตว์เหล่านี้นั้นน่าจะเป็นสุนัขป่าหรือลิงป่า นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เซนทอร์ (Centaur) เซนทอร์ (อังกฤษ: centaur; มาจากภาษากรีกโบราณ κένταυροι) เป็นสัตว์ ชนิดหนึ่งในเทพปกรณัมกรีก มีร่างส่วนบนเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็น ม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ สง่างาม อาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดีย และเทสสาลี ในประเทศกรีซ เซนทอร์มีสองตระกูล โดยตระกูลหนึ่งเกิดจาก อิคซอน อันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อ กับอีกตระกูลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีอุปนิสัยดีแตกต่างจากฝ่ายแรกมาก เซนทอร์ตระกูลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี มีพละกำลังมาก ชอบดื่มไวน์กับชอบ ไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบทะเลาะเวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมาไม่กลัว ใครทั้งสิ้น เซนทอร์ตระกูลโครนัสต่างกับตระกูลอิคซอน เป็นเซนทอร์แสนดี โครนัสแต่งงา นกับฟีลีร่า นางอัปสรน้ำผู้เลอโฉม มีลูกชื่อไครอน ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุม รอบคอบจนได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษหลายคนในตำนานกรีก เช่น อคิลลีส, เฮอร์คิวลีส, เจสัน, พีลูส, อีเนียส และบรรดาลูกศิษย์ของเขาก็ประพฤติตัว ตามแบบครูบาอาจารย์ได้เป็นอย่างดี นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
มันติคอร์ (Manticore) มันติคอร์เป็นสัตว์ที่เกิดจากจากการผสมพันธุ์ระหว่าง คนกับสัตว์ มีฟันอันแหลมคม นิสัยเจ้าเล่ห์ มีหน้าเป็นคน ตัวเป็นสิงโต ชื่อของมัน มาจากภาษาเปอร์เซีย คือ martikhora แปลว่า ผู้กินคน คนเอเชียยุคโบราณต่างก็รู้จัก มันติคอร์ ในศตวรรษที่สอง มีนักประวัติศาสตร์โรมันบรรยายถึง ความน่ากลัวของมันติคอร์จากเรื่องบอกเล่าที่มีมาราว 700 ปี ก่อนหน้านั้นว่าในอินเดียมีสัตว์ป่าชนิด หนึ่งที่มีอำนาจ น่าเกรงขาม รูปร่างใหญ่ราวกับสิงโตตัวที่ใหญ่ที่สุด มีผิวสีแดง ขนหยาบคล้ายสุนัข ในภาษาอินเดียเรียกมันว่า มาร์ติคอรัส อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของมันไม่ใช่สัตว์ แต่กลับเป็นใบหน้าของมนุษย์ มีฟันบนสามแถว และฟันล่าง อีกสามแถว เป็นฟันที่แหลมคมและใหญ่กว่าเขี้ยวของสุนัขล่าเนื้อ ใบหูของมันก็คล้ายกับของมนุษย์ เว้นแต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่าและมีขนหยาบ ตาของมันมีสีน้ำเงินเทาคล้ายนัยน์ตามนุษย์ แต่เท้าและกรง เล็บของมันเหมือนของสิงโต ที่ปลายหางของมันคือหางของแมงป่อง ที่อาจจะมีความยาวเกินกว่า 18 นิ้ว ที่ปลายสุดของหาง มีเหล็กไนที่สามารถต่อยคนถึงตายได้ทันที มันสามารถปล่อยเหล็กไนที่มีลักษณะ เหมือนกับลูกศร และสามารถยิงไปได้ไกล เมื่อปล่อยเหล็กไนไปแล้วมันก็จะม้วนหางกลับ หากมันจะยิง เหล็กไนไปทิศตรงข้าม มันจะยืดหางออไปจนสุดแทน สัตว์ที่ถูกเหล็กไนของมันติคอร์จะตายทันที ช้าง เป็นสัตว์ชนิดเดียว ที่มันติคอร์จะไม่ทำร้าย นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ไซเรน (Siren) ไซเรน มีเสียงอันไพเราะ รูปร่างที่งดงามรองจากเงือกเล็กน้อย มีความสามารถใน การสะกดจิตให้ผู้อื่น ทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการ เสียงของไซเรนไพเราะเพราะ พริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้า มาตามเสียงเพลงของไซเรน ผู้ที่ทนฟังเสียงของนางไซเรนได้โดยไม่เสียสติจะได้รับ ปัญญาในการรู้จุดอ่อนของตน ในลุ่มแม่น้ำไรน์ในประเทศเยอรมนี มีอุบัติเหตุทางเรือเกิดขึ้นบ่อย ๆ เชื่อว่าเกิดจาก ไซเรน ที่เรียกว่า \"ผู้หญิงแห่งแม่น้ำไรน์\" ซึ่งปรากฏอยู่ในคติชนนิยมและ วรรณกรรมต่าง ๆ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ทานิวา (Taniwha) ทานิวา (Taniwha) เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติตามความเชื่อของชนพื้นเมืองนิวซีแลนด์ โดยมีลักษณะคล้ายงูขนาดใหญ่มักจะอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติทั้งแม่น้ำ ทะเล ลำธารหรือในถ้ำ มีนิสัยดุร้ายและกินไม่เลือกแม้แต่มนุษย์พวกมันก็กิน ทั้งนี้ยังมีนิสัยลักพา ตัวหญิงสาวไปทำเป็นภรรยา ตามความเชื่อบางคนก็เชื่อว่ามีร่างกายเหมือนกับกิ้งก่ายักษ์ มีหงอน ตัวสีขาว หรือบางคนก็เชื่อว่ามันมีลักษณะเหมือนปลาฉลาม จึงทำให้รูปร่างไม่ แน่นอน ตามความเชื่อที่ว่ากันว่า ทานิวา มีลักษณะกระจายไปทั่วนิวซีแลนด์ มีความเชื่อที่คล้ายกับ ชาวฮาวายที่มองว่าเป็นเทพเจ้ากิ้งก่าที่คอยปกป้องและดูแลมนุษย์ ซึ่งความเป็นไปได้มากสุด ก็คงจะมองว่าเป็นปลาไหลขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่อาจจมีความยาวได้มากกว่า 2 เมตร ในปี 2002 ที่เป็นการพิพาทกันของชาวเผ่ากับเทศบางเมือง ที่เชื่อว่าการทำลายถ้ำในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเรื่องที่เสี่ยงจึงทำให้การสร้างทางหลวงตัดผ่านต้องย้ายที่ไปในที่สุด ทั้งนี้ในปี 2014 มีการใช้ดาวเทียมเพื่อต้องการถ่ายดูเมืองและพบว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิด ปกติที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำเป็นทางยาวทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นทานิวาเพราะขนาดใหญ่ เกินกว่าฉลามและมีความเร็วกว่าวาฬ แต่ข้อสิ้นสุดแห่งความสงสัยที่คลายมาว่าน่าจะเป็น เรือสำราญมากกว่าที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนที่คาดการณ์เอาไว้ โดยเรือลำนี้มีขนาด 5 เมตร และแล่นด้วยความเร็วคงที่จึงไม่เกิดฟองเพราะอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวมีโอกาสเป็นได้มากสุด นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
อารัคเน่ (Arachne) อารัคเน Arachne เธอเป็นช่างทอผ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่อ้างว่าทอผ้าได้ดีกว่าอาธีน่า เทพธิดาอธีน่าสอนให้ผู้ชายทำ เครื่องมือ และเธอได้สอนผู้หญิงถึงวิธีการทอผ้า ด้วยของขวัญชิ้นนี้ Arachne อ้างว่าตัวเองเป็นนักทอผ้าที่ดี ที่สุด ยิ่งใหญ่กว่าเทพธิดาแห่งศิลปะและงานฝีมือเสียอีก เธอประกาศว่าควรมีการจัดการแข่งขันเพื่อดูว่าใครเป็นช่างทอผ้าที่ดีกว่า จากนั้น Athena ก็แปลงร่างเป็น หญิงชราเพื่อพยายามพูดคุยกับ Arachne ออกจากการแข่งขันและขอการอภัยจากเทพธิดาสำหรับการ ประพฤติผิดของเธอ แต่ Arachne กลับดูถูกหญิงชราเท่านั้นและไม่ได้อะไรกลับคืนมา ด้วยความโกรธแค้นจาก ความเย่อหยิ่งและความเย่อหยิ่งของหญิงสาวผู้นี้ อธีน่าจึงหลุดพ้นจากการปลอมตัวและยอมรับการท้าทาย อารัคเน่ยังคงกล้าหาญแต่ยังคงดื้อรั้น มุ่งมั่นที่จะชนะการแข่งขัน Athena รีบไปสู่ชะตากรรมของเธอ พรมของ Athena มีสี่มุมที่ตกแต่งด้วยฉากขนาดเล็กซึ่งแสดงถึงชะตา กรรมอันน่าสะพรึงกลัวของสตรีผู้หยิ่งผยองที่ไม่เคารพต่อพระเจ้า ด้วยสิ่งเหล่านี้ Athena หวังที่จะเตือน หญิงสาวเกี่ยวกับสิ่งที่เธอคาดหวังจากความภาคภูมิใจและการสันนิษฐานของเธอ อย่างไรก็ตาม พรมของ Arachne ถูกตกแต่งด้วยฉากย่อส่วนเช่นกัน แต่เธอทำอย่างนั้นเพื่อเยาะเย้ยเทพเจ้าอมตะ พวกเขาแสดงให้เห็น ถึงความรักมากมายของ Zeus รวมถึงการหาประโยชน์อันแสนโรแมนติกของ Poseidon, Apollo และ Dionysus เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง Athena ชื่นชมความสามารถของ Arachne แต่ไม่สามารถทนต่อการดูหมิ่นของเธอได้ Athena ฉีกผ้าเป็นชิ้นๆ และกระแทก Arachne สามครั้งที่หน้าผากของเธอด้วยกระสวย Arachne รู้สึกท้อแท้กับความพ่ายแพ้ Arachne ผูกเชือกรอบคอของเธอและพยายามจะผูกคอตาย แต่ Athena แสดงความสงสารเธอด้วยการจับ เธอ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ธันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) ธันเดอร์เบิร์ด (อังกฤษ: Thunderbird) เป็นชื่อนกยักษ์ในตำนานของอินเดียนแดง ซึ่งเป็นชน เผ่าพื้นเมืองของอเมริกาเหนือ เชื่อกันว่า ธันเดอร์เบิร์ด มีความกว้างของปีกทั้งสองข้าง ยาวถึง 8 เมตร และแรงกระพือของปีกเวลาบินก่อให้เกิดทอร์นาโดและฟ้าร้อง และ ปรากฏการณ์ฟ้าแลบนั้น เชื่อว่าเกิดจากแสงสะท้อนของแสงอาทิตย์กระทบกับตาของ ธันเดอร์เบิร์ด ธันเดอร์เบิร์ดเป็นนกที่ชาวอินเดียนแดงให้ความนับถือเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นสัตว์ที่น่าเกรงขาม และศักดิ์สิทธิ์ดุจเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า โดยมักจะประดับอยู่ที่ยอดเสาอินเดียนแดงธันเดอร์เบิร์ ดมีคนเขาบอกกันว่ามันคือ เทอโรซอร์ ที่ยังไม่สูญพันธ์ สันนิษฐานว่าความเชื่อเรื่องธันเดอร์เบิร์ด อาจจะมาจากนกจำพวกแร้งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ คือ แร้งแคลิฟอร์เนีย (En:Gymnogyps californianus) ซึ่งในอดีตเคยมีอยู่มากมาย แต่สถานะในปัจจุบันเป็นสัตว์ที่อยู่ในขั้นใกล้สูญพันธุ์อย่างวิกฤต แล้ว นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เบเฮโมท (Behemoth) เบเฮโมท หรือ บิฮีมอธ (อังกฤษ: Behemoth) คือสัตว์อสูรซึ่ง ) בהמות:เบเฮโมท (ฮีบรู ถูกกล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลฉบับของโยบ มันเป็นสัตว์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น มีลักษณะ ผสมผสานกันระหว่างช้าง, ฮิปโป, แรด และควาย จากลักษณะที่คัมภีร์ได้บรรยายไว้ ทำให้นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่ามันอาจจะเป็นไดโนเสาร์ชนิดซอโรพอด \"จงดูเบเฮโมทเถิด... มันกินหญ้าเหมือนวัว ดูเถิด กำลังของมันอยู่ในเอว และพลังของ มันอยู่ในกล้ามเนื้อท้อง มันก่งหางของมันให้แข็งเหมือนไม้สนสีดาร์ เอ็นโคนขาของมัน ก็สานเข้าด้วยกัน กระดูกของมันเหมือนท่อทองสัมฤทธิ์ และแข้งขาของมันเหมือนท่อน เหล็ก มันเป็นพระราชกิจชิ้นแรกของพระเจ้า... มันนอนอยู่ใต้ต้นตะครอง ในเพิงอ้อและ ในบึง\" นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เยติ (Yeti) เยติ ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของชาวเชอร์ปามาอย่างช้านาน โดยถูกกล่าวถึง ในนิทานและเพลงพื้นบ้าน และเรื่องเล่าขานต่อกันมาถึงผู้ที่เคยพบมัน นอกจากนี้แล้วยังปรากฏในศิลปะของพุทธศาสนานิกายมหายานแบบธิเบต โดยปรากฏเป็นภาพในพรมธิเบตที่แขวนไว้ที่ฝาผนังเหมือนจิตรกรรมฝาผนัง ในวัดลามะอายุกว่า 400 ปี เป็นภาพของสิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างหนึ่งที่ขนด กอยู่ด้านมุมภาพและในมือถือกะโหลกมนุษย์อยู่ และปัจจุบันนี้ ก็มีสิ่งที่เชื่อว่า เป็นหนังหัวของเยติถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในวัดลามะแห่งหนึ่งในคุมจุง ซึ่งนับ ว่าเยติเป็นสัตว์ที่ถูกกล่าวอ้างถึงยาวนานกว่าสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะคล้าย กันชนิดอื่นที่พบในอีกซีกโลก เช่น บิ๊กฟุต หรือ ซาสควาทช์ ในทวีป อเมริกาเหนือ, ยาวี ในทวีปออสเตรเลีย หรืออัลมาส์ ในเอเชียกลาง หากแต่ หลักฐานเกี่ยวกับเยติเมื่อเทียบกับบิ๊กฟุตแล้วพบน้อยกว่ามาก แต่มีหลายกรณี ที่บ่งชี้ว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้าย ก้าวร้าวกว่ามาก นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เลวิอาธาน (Livyaten) เลวีอาธานเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในน้ำ พระคัมภีร์อ้างว่า มันเป็นสสัตว์ร้ายที่ น่ากลัว มีความน่าเกลียดน่ากลัว ดุร้ายและมีฤทธิ์อำนาจมาก คำในภาฮีบรูสำหรับ \"เลวีอาธาน\" มีราก ศัพท์มาจากความหมายของคำว่า \"ขด\" หรือ \"ม้วน\" อิสยาห์ 27:1 กล่าวว่า \"เลวีอาธานคือพญานาคที่ หนีไปนั้น เลวีอาธาน พญานาคที่ขด...มังกรที่อยู่ในทะเล\" ไม่ว่าสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลตัวนี้จะเป็น อะไร (หรือเคยเป็นอะไร) กำลังและความดุร้าย ของมันมีชื่อเสียงมาก มีการอ้างอิงถึงเลวีอาธานมากมายในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม ข้อความส่วนใหญ่อธิบายว่าเลวี อาธานเป็นสัตว์ที่มีชีวิตอยู่จริง ผู้คนคุ้นเคยกับมัน (ผู้ซึ่งทิ้งระยะไว้) โดยชื่อเสียงถ้าไม่ใช่ โดยการมอง เห็น ในสดุดี 104:25 – 26 พระเจ้าได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้ที่สร้างที่อยู่ สำหรับเลวีอาธาน \"ทะเลอยู่ ข้างโน้น ทั้งใหญ่และกว้าง ซึ่งในนั้นมีสิ่งเคลื่อนไหวนับไม่ถ้วน คือสัตว์ที่มีชีวิตทั้งเล็กและใหญ่ กำปั่น แล่นไปโน่นแน่ะและเลวีอาธานที่พระองค์ สร้างไว้ให้เล่น ในนั้น\" มีเพียงพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่จะสร้างเลวี อาธานและสร้างที่อยู่ที่ใหญ่พอที่มันจะ \"กระโดด โลดเต้น\" อย่างปลอดภัย ในอิสยาห์ 27:1 เลวีอาธานถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของพระราชาที่ชั่วร้ายของโลกที่ต่อต้าน ประชากรของ พระเจ้า ฤทธิ์อำนาจที่ชาติแห่งความชั่วร้ายใช้อาจจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวแต่พระเจ้ายืนยันกับลูกของ พระองค์ว่าความชั่ว ไม่ว่าจะดุร้ายขนาดไหนสามารถที่จะเอาชนะได้ \"พระองค์ทรงขยี้หัวทั้งหลายของ เลวีอาธาน พระองค์ประทานมันให้เป็นอาหารของ สรรพสัตว์แห่งถิ่นทุรกันดาร\" สดุดี 74:14 ประกอบ ด้วยการอ้างอิงที่คล้ายๆ กันต่อชัยชนะของพระเจ้าต่อเลวีอาธานในสดุดีเหมือนกับกษัตริย์ฟาโรแห่ง อียิปต์ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ไวเวิร์น (Wyvern) ไวเวิร์น (อังกฤษ: Wyvern) คือ สิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายมังกรชนิดหนึ่ง แต่มีลำตัว ขนาดเล็ก กว่ามังกรทั่วไป มีปีกเป็นค้างคาว ปลายหางเป็นรูปหัวหอก (สามเหลี่ยม) มีขาเพียง 2 ขา(ขาหน้าและปีกเป็นส่วนเดียวกัน) บางตำนานว่าไว เวิร์นนั้นต่างจากมังกรตรงที่ไม่สามารถพ่นไฟได้ แต่ก็มีฤทธานุภาพไม่แพ้มังกร ในเผ่าพันธุ์อื่น ๆ อาศัยตามโพรงถ้ำหรือภูเขาสูง ไวเวิร์นบนยอดสัญลักษณ์สถานีรถไฟเมืองดาร์บี้ ประเทศอังกฤษ ไวเวิร์น มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงในยุโรปสมัยกลาง เช่น เป็นตราอัศวิน หรือติดตามสัญลักษณ์ของราชวงศ์ต่าง ๆ ไวเวิร์น ยังมีชื่อเรียกอื่น เช่น ไวบาน หรือ ไวเบิร์น (Waiban ออกเสียงตามสำเนียง ภาษาญี่ปุ่น), วายเวิร์น (ในเกม magicfortress) เป็นต้น นอกจากนี้แล้วในยุคกลาง ในแคว้นกาตาลุญญาของสเปน ไวเวิร์นถูกเรียกว่า ไวเบรีย (Vibria) เป็นมังกรตัว เมียบินได้ นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
เอลฟ์ (Elf) เอลฟ์ (อังกฤษ: elf) คือสิ่งมีชีวิตอมนุษย์ในตำนานนอร์สและตำนานปรัมปรา ในกลุ่มประเทศเจอร์แมนิก (สแกนดิเนเวียและเยอรมัน) เมื่อแรกเริ่ม แนวคิด เกี่ยวกับพวกเอลฟ์คือ ชนเผ่าที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและเทพแห่งความ อุดมสมบูรณ์ ภาพวาดของชนเหล่านี้มักเป็นมนุษย์ทั้งชายและหญิงที่แลดู อ่อนเยาว์และงดงาม อาศัยอยู่ในป่า ในถ้ำ ใต้พื้นดิน หรือตามบ่อน้ำและตาน้ำ พุ มักเชื่อกันว่าพวกเขามีชีวิตยืนยาวมากหรืออาจเป็นอมตะ รวมทั้งมีพลัง เวทมนตร์วิเศษ แต่หลังจาก ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ผลงานอันโด่งดังของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ปรากฏออกมา ภาพของเอลฟ์ก็กลายเป็นผองชนผู้เป็น อมตะและเฉลียวฉลาด ทั้งที่คำว่า เอลฟ์ ในวรรณกรรมของโทลคีนมีความ หมายแตกต่างไปคนละทางกับตำนานโบราณโดยสิ้นเชิง นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
ลาดอน (Ladon) ลาดอนเป็นลูกของ ไทฟอน (Typhon) และ อิคิดนา (Echidna) เป็นมังกรร้อยหัวที่เป็นผู้ทักษ์สอนแอปเปิล ทองคำของเหล่าเทพ แต่เพราะ แอ็ตลาส (Atlas) เป็นผู้ แบกสวรรค์ ที่ดินแดนแห่งนั้น เจ้านี้นี้เลยคอยแกล้งและ กัด (Atlas) เป็นประจำ มาตามตำนานของ เฮอคิวลิส ก็ไปที่สวนนี้เพื่อเอา แอ็ปเปิลมา เลยทำการ ฆ่ามันซะ ตามตำนานบอกว่า ladon เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม ดาวมังกร หรือ Draco นอกจากนั้นมันเป็นลัญลักษณ์ ของความแปรปรวนของทะเลที่มีการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา และ ความน่ากลัวของพายุในท้องทะเล นางสาวศศิวิมล จำนงค์ทรัพย์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสอยดาววิทยา อำเภอสองดาว จังหวัดจันทบุรี
END
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: