ประวตั โิ ครงการฝนหลวง โครงการพระราชดารฝิ นหลวง เป็นโครงการท่ีก่อกาเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ท่ี ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ซ่ึงต้องประสบปัญหาขาด แคลนน้า เพื่ออุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรกรรม อันเน่ืองมาจากภาวะแห้งแล้ง ท่ีมี สาเหตุจากความผันแปรและคลาดเคล่ือนของฤดูกาลตามธรรมชาติ กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้น ลา่ ช้าเกนิ ไป หรอื หมดเรว็ กวา่ ปกติ หรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดฝู น จากพระราชกรณียกิจในการเสด็จพระราชดาเนินเยี่ยมพสกนิกรในทุกภู มิภาค อยา่ งตอ่ เนอื่ ง นับแต่เสดจ็ ขึน้ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิตราบเท่าทุกวันน้ี ทาให้ทรงพบเห็นว่าภาวะ แห้งแล้งได้มีแนวโน้มรุนแรงข้ึนตามลาดับ เพราะการตัดไม้ทาลายป่า เป็นสาเหตุให้ สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ซ่ึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร ในทุกภาคของประเทศ ส่งผลถึงความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ คิดเป็นมูลค่า มหาศาลในแต่ละปี
ประวัติโครงการฝนหลวง ทั้งนี้ ระหว่างทางที่เคยเสด็จพระราชดาเนิน ท้ังภาคพื้นดิน และทางอากาศยาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรง สังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนท้ิงช่วงระยะยาวทั้ง ๆ ท่ีเป็นช่วงฤดูฝน ทรงคิดคานึงว่าน่าจะมี มาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้ ทรงเช่ือม่ัน ว่าด้วยลักษณะของกาลอากาศ ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ใน ภูมิภาคเขตร้อน และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตก เฉยี งใต้ ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นฤดเู พาะปลูกประจาปขี องประเทศไทย จะสามารถดัดแปรสภาพ อากาศให้เกิดเปน็ ฝนตกได้
ประวัตโิ ครงการฝนหลวง ดังน้ัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้า และวิจัยทาง เอกสาร ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา และการดัดแปรสภาพอากาศ จนทรงมั่นพระราช หฤทัย ก่อนพระราชทานแนวคิดน้ีแก่ ม.ร.ว.เทพฤทธ์ิ เทวกุล ผู้เช่ียวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ ทางด้านเกษตรวิศวกรรม ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น และในปีถัดมา ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มใหห้ าลู่ทางที่จะทาใหเ้ กดิ การทดลองปฏบิ ัติการบนทอ้ งฟ้า กระท่ังในปี พ.ศ. 2512 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งหน่วยบินปราบ ศัตรูพืชกรมการข้าว เพ่ือให้การสนับสนุนในการสนองพระราชประสงค์ โดยในปีเดียวกัน นั้นเอง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทาการทดลองปฏิบัติการจริงในท้องฟ้า เปน็ ครง้ั แรก เม่ือวนั ท่ี 1-2 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้งให้ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล เป็นผู้อานวยการโครงการและหัวหน้าคณะปฏิบัติการทดลองคนแรก และเลือกพื้นทวี่ นอุทยานเขาใหญ่ เปน็ พน้ื ทท่ี ดลองแหง่ แรก
ประวัตโิ ครงการฝนหลวง ตอ่ มาไดม้ ีปฏบิ ัติการโดยทดลองหยอดก้อนน้าแข็งแห้ง ขนาดไม่เกิน 1 ลูกบาศก์นิ้ว เข้าไปในยอดเมฆสงู ไมเ่ กนิ 10,000 ฟุต ทีล่ อยกระจดั กระจายอยูเ่ หนือพื้นที่ทดลองในขณะนั้น ทาให้กลุ่มเมฆทดลองเหล่าน้ันมีการเปล่ียนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดการกลั่นรวมตัวกัน หนาแน่น และก่อยอดสูงขึ้นเป็นเมฆฝนขนาดใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว และจากการติดตามผล โดยการสารวจทางภาคพื้นดิน ก็ได้รับรายงานยืนยันจากราษฎรว่า เกิดฝนตกลงสู่พื้นท่ี บริเวณวนอุทยานเขาใหญ่ในที่สุด การทดลองดังกล่าวจึงเป็นนิมิตหมายท่ีดี ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า การบังคับเมฆให้เกิดฝนเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และความสาเร็จดังกล่าวยังส่งผลให้มีการพัฒนา ปรับปรงุ และตอ่ ยอดโครงการฝนหลวงมาจนถงึ ปจั จบุ ัน
วธิ กี ารทาฝนหลวง การทาฝนหลวง เป็นกรรมวิธีการเหนี่ยวนาน้าจากฟ้า ซ่ึงต้องใช้เคร่ืองบินท่ีมี อัตราการบรรทุกมาก ๆ บรรจุสารเคมีข้ึนไปโปรยในท้องฟ้า โดยดูจากความช้ืนของจานวน เมฆ และสภาพของทิศทางลมประกอบกัน ปัจจัยสาคัญที่ทาให้เกิดฝน คือ ความร้อนช้ืนปะทะ ความเย็น และมีแกนกล่ันตัวท่ีมีประสิทธิภาพในปริมาณท่ีเหมาะสม น่ันคือ เมื่อมวลอากาศ รอ้ นชนื้ ท่รี ะดับพ้นื ผิวขน้ึ สู่อากาศเบ้ืองบน อุณหภูมิของมวลอากาศจะลดต่าลงจนถึงความสูง ท่ีระดับหน่ึง อุณหภูมิท่ีลดต่าลงนั้นมากพอจะทาให้ไอน้าในมวลอากาศอ่ิมตัว จนเกิด กระบวนการกล่ันตัวเองของไอน้าขึ้นบนแกนกล่ันตัวจนกลายเป็นฝนตกลงมา ฉะนั้นสารเคมี ดังกล่าวจึงประกอบด้วยสูตรร้อน เพ่ือใช้กระตุ้นกลไกการหมุนเวียนของบรรยากาศสูตรเย็น ใชเ้ พอื่ กระต้นุ กลไกการรวมตัวของละอองเมฆให้โตข้ึนเป็นเม็ดฝน และสูตรที่ใช้เป็นแกนดูดซับ ความชืน้ เพือ่ กระต้นุ กลไกระบบการกลน่ั ตัวให้มีประสทิ ธิภาพทส่ี ูงข้ึน มีขนั้ ตอนดงั น้ี
ขัน้ ตอนทีห่ น่ึง : กอ่ กวน การก่อกวน เป็นขัน้ ตอนทเ่ี มฆธรรมชาติเริ่มกอ่ ตัวทางแนวต้ัง การปฏิบัติการฝนหลวง ในข้ันตอนนี้ จะมุ่งใช้สารเคมีไปกระตุ้นให้มวลอากาศเกิดการลอยตัวข้ึนสู่เบ้ืองบน เพื่อให้เกิด กระบวนการชักนาไอน้าหรือความชื้นเข้าสู่ระบบการเกิดเมฆ ระยะเวลาท่ีจะปฏิบัติการใน ข้ันตอนนี้ไม่ควรเกิน 10.00 น. ของแต่ละวัน โดยการใช้สารเคมีที่สามารถดูดซับไอน้าจาก มวลอากาศได้ แม้จะมีเปอร์เซ็นต์ความชื้นสัมพัทธ์ต่า เพ่ือกระตุ้นกลไกของกระบวนการกลั่น ตัวไอน้าในมวลอากาศทางด้านเหนือลมของพื้นที่เป้าหมาย เม่ือเมฆเริ่มเกิดมีการก่อตัวและ เจริญเติบโตในแนวต้ัง จึงใช้สารเคมีท่ีให้ปฏิกิริยาคายความร้อน โปรยเป็นวงกลม หรือเป็น แนวถัดมาทางใต้ลมเป็นระยะทางส้ัน ๆ เข้าสู่ก้อนเมฆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดกลุ่มแกนร่วมใน บริเวณปฏิบัตกิ ารสาหรับใชเ้ ปน็ ศนู ย์กลางทจ่ี ะสร้างกลมุ่ เมฆฝนในขัน้ ตอนตอ่ ไป
ขน้ั ตอนทสี่ อง : เลยี้ งใหอ้ ว้ น การเล้ียงให้อ้วน เป็นขั้นตอนท่ีเมฆกาลังก่อตัวเจริญเติบโต ซ่ึงเป็นระยะท่ีสาคัญ มากในการปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เพราะจะตอ้ งไปเพ่ิมพลังงานให้กับการลอยตัวของก้อนเมฆให้ ยาวนานออกไป โดยต้องใช้เทคโนโลยีและประสบการณ์ หรือศิลปะแห่งการทาฝนควบคู่ไป พร้อม ๆ กัน เพื่อตัดสินใจโปรยสารเคมีฝนหลวงชนิดใด ณ ท่ีใดของกลุ่มก้อนเมฆ และใน อัตราใดจึงเหมาะสม เพราะต้องให้กระบวนการเกิดละอองเมฆสมดุลกับการลอยตัวของเมฆ มิฉะน้ันจะทาให้เมฆสลาย ขั้นตอนที่สาม : โจมตี การโจมตี ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกรรมวิธีปฏิบัติการฝนหลวง โดยเมฆ หรือ กลุ่มเมฆฝน ต้องมีความหนาแน่นมากพอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ ภายในกลุ่มเมฆจะมีเม็ด
น้าขนาดใหญ่มากมาย หากเคร่ืองบินบินเข้าไปในกลุ่มเมฆฝนน้ี จะมีเม็ดน้าเกาะตามปีกและ กระจังหนา้ ของเคร่ืองบิน ซ่ึงจะต้องปฏบิ ัติการเพอ่ื ลดความรุนแรงในการลอยตัวของก้อนเมฆ หรือทาให้อายุการลอยตัวน้ันหมดไป สาหรับการปฏิบัติการในข้ันตอนน้ี จะต้องพิจารณา จุดมุ่งหมายของการทาฝนหลวง ซึ่งมีอยู่ 2 ประเด็น คือ เพื่อเพิ่มปริมาณฝนตก และเพ่ือให้ เกิดการกระจายการตกของฝน ด้วยความสาคัญ และปริมาณความต้องการให้มีปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือทวี จานวนมากขึ้น ฉะนั้นเพื่อให้งานปฏิบัติการฝนหลวงสามารถปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรได้ กว้างขวางและได้ผลดีย่ิงข้ึน รัฐบาลจึงได้ตราพระราชกฤษฎีกาก่อต้ัง สานักงานปฏิบัติการ ฝนหลวง ในสังกัดสานักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เม่ือวันท่ี 21 กันยายน พ.ศ. 2518 เพ่ือเป็นหน่วยงานรองรับโครงการพระราชดาริฝนหลวงต่อไป กระทั่งมีการปรับปรุง และพฒั นาปฏิบัตกิ ารฝนหลวงมาจนถึงปจั จบุ นั
แผนภาพตาราฝนหลวงพระราชทาน ภาพจาก ศนู ยฝ์ นหลวงหวั หนิ
การดาเนนิ งาน เนื่องจากการทาฝนเป็นเทคโนโลยีที่ยังใหม่ต่อการรับรู้ของบุคคลทั่วไป และใน ประเทศไทยยังไม่มีนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในระยะแรกเร่ิมของโครงการ ดังน้ัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทรง เป็นกาลังสาคัญ และทรงร่วมในการพัฒนากิจกรรมนี้ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ทรง วางแผนการทดลองปฏิบัติการติดตามและประเมินผลปฏิบัติการทุกคร้ังอย่างใกล้ชิดและ รวดเรว็ ชนิดวันต่อวนั นอกจากนั้นยังทรงปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างในการประสานงาน ขอความร่วมมือ จากผู้เชี่ยวชาญ และองค์กรต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง เพ่ือสนับสนุนกิจกรรม อาทิ กรม อุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กองบินตารวจ กองการ สื่อสารกรมตารวจ และกองทัพอากาศ ในรูปของศูนย์อานวยการฝนหลวงพิเศษ สวน จิตรลดา และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรูปของคณะกรรมการดาเนินการทาฝนหลวง ซ่ึงการท่ีพระองค์ติดตามโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดมาตลอด และได้ให้แนวทางในการ ปฏบิ ตั ิอย่างเป็นรูปธรรม จึงทาใหโ้ ครงการฝนหลวงพัฒนาก้าวหนา้ อย่างรวดเร็วเม่ือเทียบกับ ประเทศอ่ืน ๆ
วัตถปุ ระสงค์ของโครงการฝนหลวง จากความเป็นมาของโครงการฝนหลวงน้ันจะเห็นได้ว่า วัตถุประสงค์หลักของ โครงการดงั กลา่ วเกดิ ข้นึ เพอื่ บรรเทาความทุกข์ยากของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะการท่ี ท้องถ่ินหลายแห่งที่ประสบปัญหาพ้ืนดินแห้งแล้ง หรือการขาดแคลนน้าเพื่อการอุปโภค บริโภค และทาการเกษตร นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้าของประเทศ ท่ีนับวันจะทวี ปริมาณความต้องการสูงขึ้น เพราะการขยายตัวเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม นั่นเอง
ประโยชน์ของโครงการฝนหลวง สืบเนื่องจากเดิมที โครงการฝนหลวงมีข้ึนเพ่ือรับภาระหน้าที่ในการบาบัดทุกข์ บารุงสุขแก่ประชาชน ดังน้ัน นอกจากการบรรเทาปัญหาภัยแล้งแล้ว เมื่อหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องได้รับการร้องขอเพื่อให้ขยายการบรรเทาความเดือดร้อนท่ีสืบเน่ืองมาจากการ พัฒนาอุตสาหกรรม และภาวะส่ิงแวดล้อมที่เป็นพิษ การทาฝนหลวงจึงมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ทีน่ า่ สนใจ โดยเฉพาะการมีสว่ นช่วยเหลือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ดังน้ี
ประโยชน์ของโครงการฝนหลวง ด้านการเกษตร : มกี ารรอ้ งขอฝนหลวงเพ่ือแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้าในช่วงท่ีเกิด ภาวะฝนแล้ง หรือฝนท้ิงช่วงยาวนาน ซ่ึงมีผลกระทบต่อแหล่งผลิตทางการเกษตรท่ีกาลังให้ ผลผลิตในพื้นทีต่ ่าง ๆ ด้านการอุปโภค บริโภค : การทาฝนหลวงได้ช่วยตอบสนองภาวะความต้องการ น้ากิน น้าใช้ ท่ีทวคี วามรุนแรงมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากคุณสมบัติของดินใน ภูมิภาคนี้เปน็ ดนิ รว่ นปนทราย ไมส่ ามารถอุ้มซบั น้าได้ จึงไมส่ ามารถเกบ็ กักนา้ ได้ดเี ท่าทคี่ วร
ประโยชน์ของโครงการฝนหลวง ด้านการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้า : เน่ืองจากใต้พ้ืนดินของภาคอีสานมีแหล่งหิน เกลือเป็นจานวนมากและครอบคลุมพ้ืนที่กว้างขวาง หากยามใดอ่างเก็บน้าขนาดเล็กและ ขนาดกลางเกิดมีปริมาณน้าเหลือน้อย ย่อมส่งผลให้เกิดน้ากร่อยหรือเค็มได้ ดังนั้น การทา ฝนหลวงมีความจาเป็นมากในการช่วยบรรเทาปญั หาดงั กล่าว ด้านการเสริมสรา้ งเสน้ ทางคมนาคมทางนา้ : เมื่อปริมาณน้าในแม่น้าลดต่าลง จน ไม่สามารถสญั จรไป-มาทางเรือได้ จงึ ต้องมีการทาฝนหลวงเพื่อเพ่ิมปริมาณน้าให้กับบริเวณ ดังกล่าว เพราะการขนส่งสินค้าทางน้าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทางอ่ืน และการจราจรทางน้า ยังเป็นอีกช่องทางหน่ึง สาหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรทางบก ท่ีนับวันยิ่งทวี ความรุนแรงมาก
ประโยชน์ของโครงการฝนหลวง ด้านการป้องกันและบาบัดภาวะมลพิษของส่ิงแวดล้อม : หากน้าในแม่น้า เจ้าพระยาลดนอ้ ยลงเม่อื ใด น้าเคม็ จากทะเลอา่ วไทยก็จะไหลหนนุ เน่อื งเขา้ ไปแทนทีท่ าให้เกิดน้า กร่อย และสร้างความเสียหายแก่เกษตรกรเป็นจานวนมาก ดังน้ัน การทาฝนหลวงจึงช่วย บรรเทาภาวะดังกล่าว อีกท้ังการทาฝนหลวงยังช่วยในเร่ืองของส่ิงแวดล้อมท่ีเป็นพิษอันเกิด จากการระบายน้าเสียท้ิงลงสู่แม่น้าเจ้าพระยา โดยปริมาณน้าจากฝนหลวงจะช่วยผลัก ส่งิ แวดลอ้ มที่เปน็ พษิ ใหอ้ อกส่ทู อ้ งทะเล ทาให้ภาวะมลพษิ จากนา้ เสียเจือจางลง
ประโยชน์ของโครงการฝนหลวง เขอื่ นภมู พิ ล เขอื่ นสริ กิ ติ ิ์ ด้านการเพ่ิมปริมาณน้าในเข่ือนภูมิพลและเขื่อนสิริกิต์ิเพ่ือผลิตกระแสไฟฟ้า : เน่ืองจากบ้านเมืองเราเริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น เน่ืองจากมี ความต้องการใช้ไฟฟ้าในปริมาณทส่ี งู มาก ดังนัน้ เม่ือเกดิ ภาวะวกิ ฤต โดยระดับน้าเหนือเขื่อนมี ระดับตา่ มากจนไม่เพยี งพอตอ่ การใชพ้ ลงั งานนา้ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า การทาฝนหลวงจึง มคี วามสาคญั ในดา้ นดังกล่าวด้วยเช่นกัน เปน็ ต้น ทั้งน้ี จากประโยชน์นานัปการของโครงการฝนหลวง อันเกิดจากพระปรีชา สามารถ และสายพระเนตรอนั ยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอ ดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทท่ี รงคานึงถึงประโยชน์ทุกข์สุขของราษฎรชาวไทยเสมอมา นน้ั การขนานนามพระองคว์ า่ พระบดิ าแห่งฝนหลวง จงึ เป็นการแสดงความราลึกในพระมหา กรุณาธคิ ณุ อนั ยง่ิ ใหญ่ ทจี่ ะคงอย่ใู นใจของปวงชนชาวไทยตลอดไปตราบนานเทา่ นาน
บรรณานุกรม kapook. วนั พระบิดาแห่งฝนหลวง 14 พฤศจกิ ายน. สืบคน้ เมอ่ื 3 สงิ หาคม 2563. จาก https://bit.ly/3eYrXEx เรยี บเรยี งโดย : ห้องสมุดประชาชน \"เฉลมิ ราชกมุ าร\"ี อาเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม กศน.อาเภอบางคนที อาเภอบางคนที จงั หวดั สมทุ รสงคราม
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: