Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันอัฏฐมีบูชา

วันอัฏฐมีบูชา

Published by “Chalermrajakumari” Public library Bangkhonthi, 2020-05-14 00:53:34

Description: วันอัฏฐมีบูชา

Search

Read the Text Version

วันอัฏฐมีบูชา คือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หลังเสด็จ ดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน) ถือเป็นวันส่าคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ตรงกับวันแรม 8 ค่า เดือน วสิ าขะ (เดอื น 6 ของไทย) นอกจากนัน้ วนั นีเ้ ป็นวันคลา้ ยวันท่ีพระนางสิริมหามายา องค์พระพุทธมารดาสิ้นพระชนม์ (หลัง ประสูติ) และเปน็ วนั คลา้ ยวันทีพ่ ระพทุ ธองค์เสวยวิมตุ ติสขุ ตลอด 7 วัน (หลังตรสั ร)ู้ อกี ด้วย

ประวัติ ตามประวตั ิ วันอัฏฐมีบูชา ระบุไว้ว่า หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานใต้ต้นสาละ ในราตรี 15 ค่า เดือน 6 พวกเจ้ามัลลกษัตริย์ก็จัดพิธีบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่อง ดนตรีทุกชนิด ท่ีมีอยู่ในเมืองกุสินาราตลอด 7 วัน และให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรง เกลา้ นุ่งห่มผา้ ใหม่ อญั เชิญพระสรรี ะไปทางทศิ ตะวันออก ของพระนคร เพอ่ื ถวายพระเพลงิ จากน้นั กใ็ หพ้ วกเจา้ มลั ละระดบั หวั หนา้ 4 คน พยายามจุดไฟท่เี ชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจ ให้ไฟติดได้ ทั้งท่ีได้ท่าตามค่าของพระอานนท์เถระ ท่ีให้ห่อพระสรีระพระพุทธเจ้าด้วยผ้าใหม่ แล้วซบั ดว้ ยส่าลี แลว้ ใชผ้ ้าใหม่หอ่ ทับอีก ท่าเชน่ น้ีจนหมดผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็ก ท่เี ตมิ ด้วยน่า้ มัน แล้วท่าจิตกาธานด้วยดอกไมจ้ ันทน์ และของหอมทุกชนดิ ในการนี้ พระอนุรุทธะ จึงแจ้งว่า \" เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผู้ก่าลังเดินทางมาเพ่ือถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุก ไหม\"้ ทงั้ น้ี เน่อื งจากเทวดาเหล่าน้นั เคยเป็นโยมอปุ ฏั ฐากของพระเถระ และพระสาวกผู้ใหญ่ มาก่อน จึงไม่ยินดีที่ไม่เห็นพระมหากัสสปะอยู่ในพิธี และเมื่อภิกษุหมู่ 500 รูป โดยมีพระ มหากัสสปะเ ป็นประธานเดินทางมาพร้อมกัน ณ ท่ีถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกโชนขึ้นเอง โดยไมต่ ้องมีใครจุด หลังจากที่พระเพลิงเผาไหม้พระพุทธสรีระพระบรมศาสดาดับมอดลงแล้ว บรรดา กษัตริย์มัลละทั้งหลายจึงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด ใส่ลงในหีบทองแล้วน่าไป รักษาไว้ภายในนครกุสินารา ส่วนเครื่องบริขารต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าได้มีการอัญเชิญไป

ประดิษฐานตามท่ีต่าง ๆ อาทิ ผ้าไตรจีวร อัญเชิญไปประดิษฐานท่ีแคว้นคันธาระ บาตร อญั เชิญไปประดษิ ฐานทเ่ี มืองปาตลบี ุตร เป็นต้น เม่ือบรรดากษัตริย์จากแคว้นต่าง ๆ ได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปริ นิพพานที่นครกุสินารา จึงได้ส่งตัวแทนไปขอแบ่ง พระบรมสารีริกธาตุ เพื่อน่ากลับมา สักการะยังแคว้นของตน แต่ก็ถูกกษัตริย์มัลละปฏิเสธ จึงท่าให้ท้ังสองฝ่ายขัดแย้งและเตรียม ท่าสงครามกัน แต่ในสุดเหตุการณ์ก็มิได้บานปลาย เนื่องจาก \"โทณพราหมณ์\" พราหมณ์ ผู้ใหญท่ า่ นหนึง่ ได้เขา้ มาเป็นตวั กลางเจรจาไกลเ่ กล่ีย เพอ่ื ยตุ คิ วามขดั แย้งโดยประกาศว่า \"พระผ้มู พี ระภาคเจ้าของเรา ทรงสรรเสริญขันติ สรรเสริญสามัคคีธรรม การ ท่ีเราจะมาประหัตประหารเพราะแย่งชิง พระบรมสารีริกธาตุ ของพระองค์ผู้ประเสริฐ ย่อมไม่ สมควร ดังน้ันขอให้ท่านท้ังหลาย จงยินดีในการที่จะแบ่งกันไปเป็น 8 ส่วน และน่าไปบูชายัง บ้านเมอื งของทา่ นทงั้ หลายเถิด เพราะผู้ศรทั ธาในพระผู้มพี ระภาคเจา้ นน้ั มมี าก\"

เมื่อ โทณพราหมณ์ ได้เสนอให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น 8 ส่วนเท่า ๆ กัน กษัตริย์แต่ละเมืองก็ยอมรับแต่โดยดี และกลับไปสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตาม เมืองของตัวเอง ดังน้ี 1. กษตั ริย์ลจิ ฉวี ทรงสรา้ งเจดยี ์บรรจไุ วท้ ่เี มอื งเวสาลี 2. กษตั ริยศ์ ากยะ ทรงสรา้ งเจดยี ์บรรจุไวท้ เ่ี มอื งกบิลพสั ดุ์ 3. กษัตริย์ถลู ยิ ะ ทรงสร้างเจดยี บ์ รรจุไวท้ ่เี มืองอัลลกปั ปะ 4. กษัตริย์โกลยิ ะ ทรงสรา้ งเจดยี บ์ รรจุไวท้ ี่เมอื งรามคาม 5. มหาพราหมณ์ สรา้ งเจดียบ์ รรจุไวท้ ่เี มืองเวฏฐทปี กะ 6. กษัตริยม์ ัลละแหง่ เมืองปาวา ทรงสรา้ งเจดีย์บรรจไุ วท้ ีเ่ มอื งปาวา 7. พระเจา้ อชาตศตั รู ทรงสรา้ งเจดยี บ์ รรจไุ วท้ เ่ี มอื งราชคฤห์ 8. มัลลกษตั ริย์แห่งกุสินารา ทรงสร้างเจดียบ์ รรจไุ ว้ท่เี มอื งกสุ นิ ารา 9. กษตั ริยเ์ มืองโมรยิ ะ ทรงสร้างสถปู บรรจพุ ระอังคาร (อังคารสถปู ) ท่เี มืองปปิ ผลิวนั 10. โทณพราหมณ์ สร้างสถูปบรรจุทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุ ที่เมืองกุสินารา (ทะนานตวงพระบรมสารีริกธาตุแจก, ค่าว่า ตุมพะ แปลว่า ทะนาน, บางทีเรียกสถูปนี้ว่า ตุมพสถปู )

ความส่าคญั ถือเป็นวนั ทต่ี รงกับวันทีต่ รงกบั วนั ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเป็นวันที่ชาวพุทธต้อง วปิ โยค และสญู เสยี พระบรมสรีระแหง่ องคพ์ ระบรมศาสดา ซ่ึงเป็นทเ่ี คารพสักการะอย่างสูงย่ิง และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลกึ ถึงพระพทุ ธคุณใหส้ ่าเร็จเป็นพุทธานุสสติภาวนามัย กุศล หลกั ธรรมท่ีเก่ียวเนือ่ งในวนั อัฏฐมีบชู า เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลงพระพุทธสรีระ ในวันน้ีพุทธศาสนิกชนควรได้ ตระหนักวา่ ชีวติ มนุษยค์ ืออะไร และเขา้ ใจวา่ ธรรมชาติของมนุษย์นั้นเป็นของไม่เที่ยง การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เปน็ เรือ่ งธรรมดาของมนุษยท์ ุกคน ไม่มีใครหนพี ้น จะได้ไม่เกดิ การยดึ มัน่ ถือม่ัน ความจริงเหล่านี้เป็นธรรมดาของมนุษย์ ท่ีพระพุทธเจ้าทรงค้นพบและทรงเน้น เป็น ของหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา หลักธรรมท่ีเกี่ยวเน่ืองที่ควรศึกษามีมากมาย ดังตัวอย่าง เช่น ขนั ธ์ 5 หลกั ไตรลกั ษณ์ และหลักธรรมเรอ่ื งความไมป่ ระมาท

ไตรลกั ษณ์ คือ อนจิ จจงั ทุกขงั อนตั ตา ไตรลักษณ์ คือ ภาวะท่ีตั้งอยู่เป็นธรรมดา ลักษณะท่ีเรียกว่า ธรรมฐิติ เป็นกฎธรรมชาติ แสดงลกั ษณะของสังขารท้ังปวงในภาวะความเปน็ ไปดังตอ่ ไปนี้ 1. อนิจจตา ความไม่เท่ียง ความไม่คงท่ี ภาวะที่เกิดขึ้นแล้วเส่ือมและสลายไป เกิด ดับ มแี ลว้ ไมม่ ี เป็นของแปรปรวนเปลีย่ นแปลง แปรสภาพไปเรอ่ื ย อยไู่ ด้ช่ัวขณะเป็นคร้ังคราว เป็น อนจิ จัง ดังนั้นเราจึงควรมองเห็นความเสื่อมตามความเป็นจริงอย่างรู้เท่าทัน เม่ือสูญเสีย ตามสภาพ ความเศร้าโศกทุกขร์ อ้ นยอ่ มไม่เพ่มิ พูน เป็นเครอื่ งเตอื นสตติ นเม่ือประสบภยั พบิ ตั ิในชีวิต ท่ีชว่ ยบรรเทาหรอื ก่าจัดทุกข์โศกได้ การมองถึงเร่ืองของความไม่เท่ียง ตามหลักอนิจจตา ไม่ใช่เป็นการมองโลกในแง่ ร้าย เพ่ือให้เกิดความท้อแท้หรือไม่อาจพัฒนาตนเอง แต่หากเป็นหลักของการใช้ปัญญาเพื่อให้ พิจารณาถึงหลักของความเป็นจริงทั้งปวงว่าเป็นส่ิงไม่เที่ยง ให้มีสติไตร่ตรองตามความเป็นจริงที่ เกดิ ข้ึน 2. ทุกขตา ความเปน็ ทุกข์ ภาวะทถี่ กู บังคบั ด้วยการเกิดขนึ้ แล้วสลายไปเพราะปัจจัย ที่ปรุงแต่งเปลี่ยนแปลงไป บังคับให้คึคงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เป็นเพราะมีตัณหาอุปาทาน เมื่อไม่ สามารถท่าให้สนองตามได้ เกิดความไม่พึงพอใจ เดือดร้อน น่าไปสู่การกระท่าท่ีก่อให้เกิดความไม่ สงบ เปน็ ที่ตง้ั แห่งความทนทุกข์ไดย้ าก 3. อนันตตา คือ สภาวะความเป็นอนัตตา ความไม่มีตัวตน จากความเป็นน่ันเป็นนี่ ไมม่ ใี ครเป็นเจ้าของ ไม่เป็นของใครจริง ไม่อยู่ในอ่านาจที่จะบังคับได้ตามปรารถนา เป็นไปตามเหตุ ปัจจยั โดยธรรมชาติ ขนั ธ์ 5 ท้ังหลายล้วนเปน็ อนตั ตา หลักของไตรลักษณ์เป็นหลักเพื่อประสานประโยชน์ของความจริงในชีวิตท่ีเราพึงจะ มองเหน็ ได้ตามความเปน็ จริง โดยใชป้ ัญญาพจิ ารณาไตร่ตรองและตามดูสภาวะที่เกิดข้ึนตามความ เป็นจริงอย่างมสี ติ

ส่วนหลักธรรมเรอื่ งความไมป่ ระมาท เป็นอีกเรื่องท่ีควรศึกษาและน่ามาปฏิบัติ เพราะความไม่ประมาท คือ ความเป็นผู้มีสติ อยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงคุณของความไม่ประมาทและโทษของความประมาทอยู่ เสมอว่า \"ความไม่ประมาทเป็นทางไม่ตาย ความประมาทเป็นทางนาไปสู่ความตาย บคุ คลท่ีไม่ประมาทย่อมไม่ตาย สว่ นผ้ทู ป่ี ระมาทย่อมเป็นเสมอื นผทู้ ีต่ ายแลว้ \" ดังน้ัน เราจึงไม่ควรประมาทโดยเฉพาะในการศึกษาเล่าเรียนและการท่างานทุกอย่าง โดยเฉพาะนักเรียนหากไม่ประมาท ดูต่าราอย่างสม่าเสมอ ก็จะประสบความส่าเร็จในด้านการ เรียน และจะเจริญรุ่งเรอื งในชีวิตการงานในอนาคตข้างหนา้ สืบไป หลกั ธรรมอ่ืน ๆ ที่เกย่ี วข้อง สุจริต 3 หมายถึง ความประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ซึ่งส่งผลให้ผู้กระท่าประสบแต่ความ สงบสขุ สจุ ริตแสดงออกได้ 3 ทาง คอื ทางกาย เรียกว่า กายสุจริต หมายถึง ความประพฤติดีท่ีแสดงออกทางกาย ได้แก่ การเวน้ จากการฆ่าสตั ว์ ทางวาจา เรียกว่า วจีสุจริต หมายถึง ความประพฤติที่เกิดทางวาจา ได้แก่ การเว้น จากการพูดโกหก การเว้นจากการพูดส่อเสียด ทางใจ เรียก ว่า มโนสุจริต หมายถึง ความประพฤติดีทีเกิดทางใจ ได้แก่ การไม่ เพ่งเล็งอยากได้ของผอู้ ่ืน และเห็นถกู ตอ้ งตามธรรมนองคลองธรรม

การบา่ เพญ็ กศุ ลเน่ืองในพธิ ีวนั อัฏฐมีบูชา การบ่าเพ็ญกุศลเนื่องในวันอัฏฐมีบูชานี้ มีไม่ก่ีแห่งที่จัด เพราะในเมืองไทยมักไม่เป็นท่ี นิยม ส่วนการบ่าเพ็ญกุศลในวันน้ี ก็เหมือนกับวันส่าคัญทางพระพุทธศาสนาอ่ืนๆ มีการให้ ทาน รกั ษาศีล เจริญภาวนา และมีการเวียนเทียนในตอนค่า บางวัดในบางจังหวัด ยังมีการนิยมบ่าเพ็ญกุศลเน่ืองในวันอัฎฐมีบูชาน้ีอยู่บ้าง บาง แห่งถงึ กบั จัดเปน็ งานใหญ่ มีการจ่าลองเหตุการณ์วันถวายพระเพลิงพุทธสรีระ เพ่ือร่าลึกถึง เหตุการณ์ครั้งพุทธกาลด้วย เช่น วัดพระบรมธาตุทุ่งย้ัง จ.อุตรดิตถ์ วัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฏิ์ หรอื ท่ี จ. นครปฐม อันเป็นประเพณีท่ีชาวต่าบลวัดละมุด อ่าเภอนครชัยศรี สืบทอด ติดต่อกนั มาจนถึงปัจจุบนั เปน็ ระยะเวลา 122 ปี พทุ ธศาสนกิ ชน ควรปฏบิ ัตติ นและเข้าร่วมพธิ กี รรมในวันสา่ คญั ทางพระพุทธศาสนา ดังน้ี ตอนเชา้ ท่าบุญตกั บาตรทีว่ ดั รักษาศีล ฟงั พระธรรมเทศนา และเจริญจิตภาวนา ตอนค่าประชาชรมาร่วมพิธีเวียนเทียนโดยมาพร้อมกันท่ีหน้าพระอุโบสถ ในขณะที่ เวยี นเทยี นใหร้ ะลกึ ถงึ คุณของพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์

ธรรมเนียมปฏิบัติในวันอัฏฐมบี ชู า การบาเพญ็ กศุ ลเนอ่ื งในวนั อฏั ฐมีบชู านี ้มไี มก่ ี่แหง่ ทจ่ี ดั เพราะในเมอื งไทยมกั ไมเ่ ป็ นทน่ี ยิ ม แม้สมยั กอ่ นอาจจะมี งานฉลองในพิธีวนั อฏั ฐมีบชู าบ้าง แตเ่ ด๋ียวนกี ้ ็เลกิ ราไปมากแล้ว คงมไี มก่ ่ีวดั สว่ นการบาเพญ็ กศุ ลในวนั นี ้ก็เหมอื นกบั วนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนาอ่ืนๆ มีการให้ทาน รักษาศลี เจริญภาวนา และมีการเวยี นเทียนในตอนคา่ บางวดั ในบางจงั หวดั ยงั มกี ารนิยมบาเพญ็ กศุ ลเนอ่ื งในวนั อฎั ฐมีบชู านีอ้ ยบู่ ้าง บางแหง่ ถึงกบั จดั เป็ นงานใหญ่ มีการจาลองเหตกุ ารณ์วนั ถวาย พระเพลงิ พทุ ธสรีระ เพื่อราลกึ ถงึ เหตกุ ารณ์ครงั้ พทุ ธกาลด้วย เชน่ วดั พระบรมธาตทุ งุ่ ยงั้ จ.อตุ รดติ ถ์ มกฏุ พนั ธนเจดีย์สถานทถี่ วายพระเพลงิ พทุ ธสรีระ



บรรณานกุ รม กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผลการจัดการศกึ ษา. 2563. วันอัฏฐมีบชู า วนั ถวายพระเพลิงิ พระพุทธสรีระ. https://sites.google.com/a/hi-supervisory5. net/npt2 /theskal/wan-xatth-mi-bucha บทความธรรมะ Dhamma Articles . 2563. วันอัฏฐมีบูชา ประวัติ ความส่าคัญ และธรรม เ นี ย ม ป ฏิ บั ติ ใ น วั น อั ฏ ฐ มี บู ช า . https://www.dmc.tv/pages/buddha _biography%20/วันอัฏฐมีบูชา-ประวัติความส่าคัญ-ธรรมเนียมปฏิบัติในวันอัฏฐมีบูชา. html

ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมร าชกุมารี\" อ่าเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม กศน.อา่ เภอบางคนที ที่ปรึกษา นางโชตกิ า ง่วนส่าอางค์ ผอ.กศน.อา่ เภอบางคนที คณะผู้จดั ทา่ นายพษิ ณุ เพ็งนู บรรณารักษป์ ฏิบัตกิ าร นางสาวกฤษณา สกุลแฟง บรรณารักษ์อัตราจ้าง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook