ประวตั ิวนั ลอยกระทง ประเพณีลอยกระทง เป็นประเพณีโบราณของ อินเดียท่ีประเทศไทยรับเข้ามาปฏิบัติ แต่ไม่มีปรากฏหลักฐาน แน่ชัดเจนว่าเร่ิมปฏิบัติกันมาต้ังแต่เมื่อไหร่ โดยจากข้อมูล บางส่วนที่ปรากฏได้ระบุไว้ว่ามีมาต้ังแต่เม่ือคร้ัง สุโขทัย เป็น ราชธานี โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ ทรงสันนิษฐานว่า เดิมทีประเพณีนี้จะเป็นพิธีของศาสนา พราหมณ์ที่กระทาเพ่ือบูชาพระผู้เป็นเจ้าท้ังสาม คือ พระ อิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้ยึดถือตาม แนวทางพระพุทธศาสนา โดยมีการชักโคมเพ่ือบูชาพระบรม สารีริกธาตุพระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์ และมีการลอยโคมเพ่ือ บูชารอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐาน ณ หาดทรายแม่น้านัม ทา (แม่นา้ นมั ทา เป็นแม่น้าท่ีอยูค่ ู่ขนานกับทิวเขาวินธัยที่ไหล ลงสู่ภาคตะวันตกของอินเดีย แม่น้าแห่งนี้เป็นตัวแบ่งเขต อนิ เดยี ออกเปน็ ภาคเหนือและภาคใต้)
ประวตั ิวันลอยกระทง จากตานานท่ีหาหลักฐานยืนยันมิได้ได้กล่าวเอาไว้ว่า ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคาแหง มีนางนพมาศ หรือท้าว ศรีจุฬาลักษณ์ พระสนมเอกเปน็ ผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นเป็น คร้ังแรก แต่เดิมเรียกพิธีจองเปรียญ มีการลอยประทีป จากนั้นนางนพมาศนาโคมลอยซึ่งเปน็ ดอกบัวบาน มาใช้ใส่ เทียนประทีป ดงั ปรากฏใหเ้ ห็นในตารับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ที่ กล่าวถึงพระดารัสของพระร่วงว่า “แต่น้ีสืบไปเบื้องหน้า โดยลาดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกาหนดนักขัต ฤกษ์ วันเพ็ญ 15 ค่า เดือน 12 ให้ทาโคมลอยเป็นรูป ดอกบวั อุทิศสกั การบชู าพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่า กลั ปาวสาน”
ประวัตวิ นั ลอยกระทง ในปัจจุบันมีหลักฐานว่า ประเพณีลอยกระทง ไม่น่าจะ มีความเก่าแก่กว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิง หลักฐานจากภาพจิตกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ใน สมัยรัชการท่ี 1 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้มีการ เปลี่ยนแปลงการทากระทงจากดอกบัวมาเป็นต้นกล้วย เน่ืองจากว่าดอกบัวเป็นวัตถุดิบที่หายากและมีน้อยเลยใช้ ต้นกล้วยมาทาเป็นกระทงทดแทน แต่เมื่อดูๆ แล้วยังขาด ความสวยงาม จึงนาใบตองมาพับเป็นกลีบคล้ายดอกบัว เพื่อตกจนเกิดความสวยงามสืบทอดมาจนถงึ ปัจจุบัน
วตั ถปุ ระสงคข์ องวนั ลอยกระทง นอกจากน้ี ลอยกระทง ก็ยังมีวัตถุประสงค์ เพื่อบูชาพระ อุปคุตเถระท่ีบาเพ็ญบริกรรมคาถาในท้องทะเลลึก หรือสะดือ ทะเล บางแห่งก็ลอยกระทง เพ่ือบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อ ของตน บางแห่งก็เพ่ือแสดงความขอบคุณพระแม่คงคา ซ่ึง เป็นแหล่งน้าให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ต่างๆ รวมท้ังขอขมาที่ได้ ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไป ส่วนบางท้องท่ี ก็จะทาเพื่อระลึกถึงบรรพ บุรุษที่ล่วงลับ หรือเพื่อสะเดาะเคราะห์ ลอยทุกข์โศกโรคภัย ต่างๆ และสว่ นใหญก่ ็จะอธษิ ฐานขอส่งิ ท่ีตนปรารถนาไปดว้ ย
วตั ถุประสงค์ของวนั ลอยกระทง พระยาอนุมานราชธน ได้สันนิษฐานว่า ต้นเหตุแห่งการลอย กระทง อาจมีมูลฐานเป็นไปได้ว่า การลอยกระทงเป็นคติของชนชาติ ที่ประกอบกสิกรรม ซึ่งต้องอาศัยน้าเป็นสาคัญ เม่ือพืชพันธุ์ธัญชาติ งอกงามดี และเป็นเวลาที่น้าเจิ่งนองพอดี ก็ทากระทงลอยไปตาม กระแสน้าไหล เพื่อขอบคุณแม่คงคา หรือเทพเจ้าท่ีประทานน้ามาให้ ความอุดมสมบูรณ์ เหตนุ ี้ จึงไดล้ อยกระทงในฤดูกาลน้ามาก และเมื่อ เสร็จแล้ว จึงเล่นร่ืนเริงด้วยความยินดี เท่ากับเป็นการสมโภชการ งานท่ีได้กระทาว่า ได้ลุล่วงและรอดมาจนเห็นผลแล้ว ท่านว่าการที่ ชาวบ้านบอกว่า การลอยกระทงเป็นการขอขมาลาโทษ และขอบคุณ ต่อแม่คงคา ก็คงมีเค้าในทานองเดียวกับการท่ีชาติต่างๆ แต่ดึกดา บรรพ์ได้แสดงความยินดี ท่ีพืชผลเก็บเกี่ยวได้ จึงได้นาผลผลิตแรกที่ ได้ ไปบูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือ เพ่ือขอบคุณที่บันดาลให้การเพาะปลูก ของตนได้ผลดี รวมท้ังเลี้ยงดูผีท่ีอดอยาก และการเซ่นสรวงบรรพ บุรษุ ที่ล่วงลับ เสรจ็ แลว้ ก็มกี ารสมโภชเลย้ี งดูกันเอง
วัตถุประสงค์ของวนั ลอยกระทง ขอมาเมื่อมนุษย์มีความเจริญแล้ว การวิตกทุกข์ร้อน เร่ืองเพาะปลูกว่าจะไม่ได้ผลก็น้อยลงไป แต่ก็ยังทาการ บวงสรวง ตามที่เคยทามาจนเป็นประเพณี เพียงแต่ต่างก็แก้ ให้เข้ากับคติลัทธิทางศาสนาท่ีตนนับถือ เช่น มีการ ทาบุญสุนทานเพ่ิมข้ึนในทางพุทธศาสนา เป็นต้น แต่ท่ีสุด ก็ คงเหลือแตก่ ารเล่นสนุกสนานรื่นเริงกันเป็นส่วนใหญ่ อย่างไร ก็ดี ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น การลอยกระทงจึงมีอยู่ในชาติ ต่างๆท่ัวไป และการท่ีไปลอยน้า ก็คงเป็นความรู้สึกทาง จิตวิทยา ท่ีมนุษย์โดยธรรมดา มักจะเอาอะไรท้ิงไปในน้าให้มัน ลอยไป
เหตุผลและความเชอื่ ของการลอยกระทง สาเหตุท่ีมีประเพณีลอยกระทงข้ึนน้ัน เกิดจากความเช่ือหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องท่ี ได้แก่ เหตุผลและความเชื่อของการลอย กระทง สาเหตุท่ีมีประเพณีลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเช่ือหลาย ๆ ประการของแตล่ ะท้องที่ ได้แก่ 1. เพ่ือแสดงความสานึกถึงบุญคุณของแม่น้าที่ให้เราได้อาศัย น้ากิน น้าใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ท่ีได้ทิ้งสงิ่ ปฏิกูล ต่าง ๆ ลงไปในน้า อันเป็นสาเหตใุ หแ้ หล่งนา้ ไมส่ ะอาด 2. เพอ่ื เป็นการสกั การะรอยพระพุทธบาทนมั มทานที เม่ือคราว ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับ รอยพระบาทไวบ้ นหาดทรายแม่น้านมั มทานที ซ่งึ เปน็ แมน่ ้าสายหนึ่งอยู่ ในแควน้ ทักขณิ าบถของประเทศอินเดีย ปจั จุบันเรยี กว่าแม่น้าเนรพุททา 3. เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบ เหมอื นการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิง่ ไม่ดีต่าง ๆ ใหล้ อยตามแม่น้าไปกับกระทง คล้ายกบั พธิ ีลอยบาปของพราหมณ์
เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง 4. เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ท่ีชาวไทยภาคเหนือให้ ความเคารพ ซึ่งบาเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือ สะดือทะเล โดยมีตานานเล่าว่าพระอุปคุตเป็นพระมหาเถระรูปหน่ึง ทม่ี ีอทิ ธฤิ ทธมิ์ าก สามารถปราบพญามารได้ 5. เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไป ตามกาลเวลา และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเท่ียวให้เกิดข้ึนทั้ง ชาวไทยและชาวต่างประเทศ 6. เพ่ือความบันเทิงเริงใจ เน่ืองจากการลอยกระทงเป็น การนดั พบปะสงั สรรคก์ นั ในหมผู่ ไู้ ปร่วมงาน 7. เพื่อส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะ เม่ือมีเทศกาลลอยกระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทาให้ ผูเ้ ข้ารว่ มไดเ้ กิดความคิดแปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญญาพื้นบ้าน ไวอ้ กี ด้วย
ประเพณีลอยกระทงในแตล่ ะภาค ลกั ษณะการจดั งานลอยกระทงของแต่ละจังหวัด และ แตล่ ะภาคจะมีเอกลกั ษณ์ทแี่ ตกตา่ งกันคือ - วันลอยกระทง ภาคเหนือ (ตอนบน) จะเรียก ประเพณีลอยกระทงว่า \"ย่ีเป็ง\" อันหมายถึงการทาบุญในวัน เพ็ญเดือนย่ี (เดือนย่ีถ้านับตามล้านนาจะตรงกับเดือนสิบ สองในแบบไทย) โดยชาวเหนือจะนิยมประดิษฐ์โคมลอย หรือ ท่ีเรียกว่า \"ว่าวฮม\" หรือ \"ว่าวควัน\" โดยการใช้ผ้าบาง ๆ แล้ว สุมควันข้างใต้ ให้โคมลอยข้ึนไปในอากาศ เพื่อเป็นการบูชา พระอุปคุต ซ่ึงเช่ือกันว่าท่านบาเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้อง ทะเลลึก หรอื สะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า
ประเพณีลอยกระทงในแตล่ ะภาค ลักษณะการจดั งานลอยกระทงของแตล่ ะจังหวัด และแต่ ละภาคจะมีเอกลักษณท์ แี่ ตกตา่ งกนั คอื - วนั ลอยกระทง จงั หวดั ตาก จะประดิษฐก์ ระทงขนาด เล็ก แล้วปลอ่ ยลอยไปพรอ้ ม ๆ กนั เพ่อื ใหเ้ รยี งรายเป็นสาย เรียกวา่ \"กระทงสาย\"
ประเพณลี อยกระทงในแตล่ ะภาค ลักษณะการจัดงานลอยกระทงของแต่ละจงั หวดั และ แต่ละภาคจะมเี อกลักษณ์ท่แี ตกตา่ งกันคอื - วันลอยกระทง จงั หวดั สโุ ขทัย เป็นอีกหนงึ่ จงั หวดั ท่มี ีชอื่ เสียงในเรอ่ื งประเพณลี อยกระทง ดว้ ยความเปน็ จังหวัด ตน้ กาเนดิ ของประเพณีน้ี โดยการจดั งาน ลอยกระทงเผาเทยี น เลน่ ไฟ ทจี่ งั หวดั สุโขทยั ถูกฟืน้ ฟูกลับมาอกี ครั้งหนง่ึ ในปี พ.ศ. 2520 ซง่ึ จาลองบรรยากาศงานมาจากงานลอยกระทงสมยั กรุงสุโขทัย และหลงั จากนนั้ ก็มีการจัดงานลอยกระทงเผา เทียนเล่นไฟขน้ึ ทจี่ งั หวดั สุโขทยั ทกุ ๆ ปี มีท้งั การจัดขบวนแห่ โคมชกั โคมแขวน การเล่นพลุ ตะไล และไฟพะเนียง
ประเพณีลอยกระทงในแต่ละภาค ลกั ษณะการจดั งานลอยกระทงของแต่ละจังหวัด และ แตล่ ะภาคจะมีเอกลักษณท์ ่ีแตกตา่ งกนั คือ - วันลอยกระทง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ งาน ลอยกระทงจะเรียกวา่ เทศกาลไหลเรือไฟ โดยจัดเป็นประเพณี ย่ิงใหญ่ทุกปีในจังหวัดนครพนม มีการนาหยวกกล้วย หรือ วัสดุต่าง ๆ มาตกแต่งเรือ และประดับไฟอย่างสวยงาม และ ตอนกลางคืนจะมีการจุดไฟปล่อยกระทงให้ไหลไปตาม ลาน้าโขง
ประเพณลี อยกระทงในแต่ละภาค ลักษณะการจัดงานลอยกระทงของแตล่ ะจงั หวดั และ แตล่ ะภาคจะมีเอกลักษณท์ ี่แตกตา่ งกนั คือ - วนั ลอยกระทง กรงุ เทพมหานคร มีการจัดงานลอย กระทงหลายแหง่ แต่ท่เี ปน็ ไฮไลท์อยทู่ ี่ \"งานภเู ขาทอง\" ที่จะ เนรมิตงานวัดเพอ่ื เฉลมิ ฉลองประเพณลี อยกระทง สว่ นใหญ่ จัดอยรู่ าว 7-10 วัน ตง้ั แต่ก่อนวนั ลอยกระทง จนถงึ หลงั วัน ลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทงในแต่ละภาค ลักษณะการจดั งานลอยกระทงของแต่ละจงั หวัด และ แตล่ ะภาคจะมีเอกลักษณท์ แ่ี ตกตา่ งกันคอื - วันลอยกระทง ภาคใต้ มกี ารจัดงานลอยกระทงใน หลาย ๆ จังหวดั เชน่ อาเภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา ทม่ี งี าน ยิ่งใหญ่ทกุ ปี
กิจกรรมวนั ลอยกระทง ในปัจจุบันมีการจัดงานลอยกระทงทุก ๆ จังหวัด ซึ่ง จะมีกิจกรรมแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ แต่กิจกรรมที่มีเหมือน ๆ กันก็คือ การประดิษฐ์กระทง โดยนาวัสดุต่าง ๆ ทั้งหยวกกล้วย ใบตอง หรือจะเป็นกาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว ฯลฯ มาประดับ ตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องสักการบูชา ให้เป็นกระทงที่ สวยงาม ภายหลังมีการใชว้ สั ดโุ ฟมท่ีสามารถประดิษฐ์กระทงได้ง่าย แต่จะทาให้เกิดขยะท่ีย่อยสลายยากขึ้น จึงมีการรณรงค์ให้เลิกใช้ กระทงโฟมเพ่ือพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ก่อนจะมีการดัดแปลงวัสดุทา กระทงให้หลากหลายข้ึน เช่น กระทงขนมปัง กระทงกระดาษ กระทงพลาสติกชนิดพิเศษ เพ่ือให้ย่อยสลายง่ายและไม่เป็นพิษเป็น ภัยต่อสงิ่ แวดลอ้ ม
กจิ กรรมวนั ลอยกระทง เม่ือไปถึงสถานที่ลอยกระทง ก่อนทาการลอยก็จะอธิษฐานในส่ิง ทป่ี รารถนาขอใหป้ ระสบความสาเร็จ หรือเส่ียงทายในสิ่งต่าง ๆ จากนั้นจึงปล่อย กระทงให้ลอยไปตามสายน้า และในกระทงมักนิยมใส่เงินลงไปด้วย เพราะเช่ือกัน วา่ เป็นการบชู าพระแม่คงคา นอกจากการลอยกระทงแล้ว มักมีกิจกรรมประกวดนางนพมาศ อนั เปน็ สัญลักษณ์หน่ึงของประเพณีลอยกระทง และตามสถานที่จัดงานจะมีการ ประกวดกระทง ขบวนแห่ มหรสพสมโภชต่าง ๆ บางแห่งอาจมีการจุดพลุ ดอกไมไ้ ฟเฉลมิ ฉลองด้วย
เพลงวนั ลอยกระทง เมือ่ เราได้ยนิ เพลง \"ราวงลอยกระทง\" ที่ขึน้ ต้นว่า \"วันเพ็ญเดือนสิบสอง นา้ นองเตม็ ตลิ่ง...\" นั่นเป็นสัญญาณว่าใกล้จะถึงวันลอยกระทงแล้ว ซึ่งเพลงนี้เป็นที่คุ้นหู ของท้ังชาวไทย และชาวต่างชาติ เพราะในต่างประเทศมักเปิดเพลงน้ีต้อนรับนักท่องเท่ียว เพ่ือแสดงถึงความเปน็ ประเทศไทย เพลงราวงวันลอยกระทงแต่งโดยครูแก้ว อัจฉริยะกุล ผู้ให้ทานองคือ ครู เอ้อื สุนทรสนาน แหง่ สุนทราภรณ์ ซ่งึ ครเู ออื้ ได้แต่งเพลงน้ีตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2498 ขณะที่ได้ ไปบรรเลงเพลงที่บรเิ วณคณะบัญชี มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ และมผี ูข้ อเพลงจากครูเอ้ือ ครูเอื้อจึงนั่งแต่งเพลงนี้ที่ริมแม่น้าเจ้าพระยา ในระยะเวลาเพียงครึ่งช่ัวโมงจึงเกิดเป็น เพลงราวงลอยกระทง ทีต่ ดิ หกู ันมาทุกวันน้ี มีเนอ้ื รอ้ งว่า
เพลงวันลอยกระทง วันเพญ็ เดือนสิบสอง น้านองเต็มตลิ่ง เราทงั้ หลายชายหญงิ สนุกกนั จรงิ วันลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชญิ นอ้ งแก้วออกมาราวง ราวงวนั ลอยกระทง ราวงวนั ลอยกระทง บญุ จะสง่ ให้เราสุขใจ บุญจะส่งใหเ้ ราสขุ ใจ
สว่ นประกอบของกระทง
บรรณานุกรม Kapook. วันลอยกระทง 2563 วันที่ 31 ตุลาคม. สืบค้นเม่ือ 10 พฤศจิกายน 2564.จาก https://bit.ly/35I3LC8 Sanook. วันลอยกระทง ประวัติเทศกาลลอยกระทง. สืบค้นเม่ือ 10 พฤศจกิ ายน 2564.. จาก https://bit.ly/3emdtOF Sanook. วันลอยกระทง 2563 ประวัติ ตานานและความเชื่อวันลอยกระทง. สืบคน้ เม่อื 10 พฤศจิกายน 2564. จาก https://bit.ly/31TZlqw เรยี บเรยี งโดย : ห้องสมุดประชาชน \"เฉลิมราชกุมารี\" อาเภอบางคนที จังหวดั สมทุ รสงคราม กศน.อาเภอบางคนที อาเภอบางคนที จงั หวัดสมุทรสงคราม
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: