Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันหนังสือและลิขสิทธิ์สากล

วันหนังสือและลิขสิทธิ์สากล

Published by “Chalermrajakumari” Public library Bangkhonthi, 2020-04-23 11:48:31

Description: วันหนังสือและลิขสิทธิ์สากล

Search

Read the Text Version

วันหนังสือและลิขสิทธ์ิสากล (World Book and Copyright Day หรือ International Day of the Book or World Book Days 23 April) ตรงกับวันที่ 23 เมษายนของทุกปี เกิดข้ึนครั้งแรกในวันท่ี 23 เมษายน 2538 โดย องค์การยเู นสโก โดยองคก์ ารยเู นสโก (UNESCO) ด้วยเหตุผลท่ีว่า หนังสือ คือ ส่ิง ท่ีมีพลังอานาจสูงสุดและมีประสิทธิภาพมากท่ีสุด ในการกระจายความรู้และรักษาไว้ซึ่งความรู้นั้นๆ เพ่ือ มนุษยชาติ องค์การยูเนสโกต้องการให้ทั่วทั้งโลกส่งเสริมการอ่าน การจัดพิมพ์เผยแพร่ และการปกป้อง ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาผ่านลิขสิทธิ์ และเหตุผลเนื่องจากในวันหนังสือและลิขสิทธิ์สากล-World Book and Copyright Day น้ีเป็นวันที่มีความพิเศษตรงที่มันจะตรงกับวันคล้ายวันเกิด หรือวันเสียชีวิตของนัก ประพันธ์ที่มชี อื่ เสียงในระดบั โลกหลายทา่ น อาทิ

 วนั เกิดของวลาดเิ มีย นาโบคอฟ (Vladimir Nabokov) นักประพันธช์ าวรัสเซีย  วนั เกดิ ของมอรซิ เมอฮูยอง (Maurice Druon) นักประพันธช์ าวฝรงั่ เศส  วันเกิดของฮาลดูยง คิลแจน ลักซเนส (Halldór Kiljan Laxness) นักประพันธ์ชาว ไอซ์แลนด์  วันเกิดของมานูเอล เมเซีย วาเฮโย (Manuel Mejía Vallejo) นักประพันธ์ชาว โคลอมเบยี  วันเสียชีวิตของเมลัน เดอ เซอร์แวนเตส (Miguel de Cervantes) นักประพันธ์ชาว สเปน ซ่งึ เปน็ ผู้แตง่ หนังสอื เล่มแรกท่ผี ลิตขึ้นเพื่อจาหนา่ ยในประเทศเมอื่ ปี 2466  วันเสียชีวิตของ วิลเลียม เช็คสเปียร์ (William Shakespeare) นักประพันธ์ชาว อังกฤษ  วันเสียชีวิตของอินคา การ์ซิลาโซ เดอ ลา เวก้า (Inca Garcilaso de la Vega) นัก ประพันธ์ชาวสเปน  วนั เสยี ชีวิตของโยเซฟ ปลา (Josep Pla) นักประพันธ์ชาวสเปน เปน็ ตน้  ปี ค.ศ. 2001 เมอื งแมดรดิ (สเปน)  ปี ค.ศ. 2002 อเล็กซานเดรยี  ปี ค.ศ. 2003 (นิวเดลฮี)  ปี ค.ศ.2004 อันต์วาร์ปเพิน (เบลเยย่ี ม)  ปี ค.ศ. 2005 มอนทรีลออล (แคนาดา)  ปี ค.ศ. 2006 ตรู นิ (อิตาลี)  ปี ค.ศ. 2007 โบโกตา (โคลอมเบีย)  ปี ค.ศ. 2008 อัมสเตอรด์ มั ส์ (เนเธอร์แลนด์)  ปี ค.ศ. 2009 เบรุต (เลบานอน)  ปี ค.ศ. 2010 ลบู ลยิ านา (สโวเวเนยี )

 ปี ค.ศ. 2011 บวั โนส ไอเรส (อารเ์ จนตินา)  ปี ค.ศ. 2012 เยเรวาน (อาร์มเี นีย)  ปี ค.ศ. 2013 กรงุ เทพฯ (ประเทศไทย)  ปี ค.ศ. 2014 พอรต์ ฮารค์ อร์ต (ไนจีเรีย)  ปี ค.ศ. 2015 อินชอน (สาธารณรัฐเกาหล)ี  ปี ค.ศ. 2016 วรอตสวฟั Wroclaw (โปแลนด)์  ปี ค.ศ. 2017 โกนากรี (ประเทศกนิ )ี  ปี ค.ศ. 2018 เอเธนส์ (สาธารณรัฐเฮลเลนิก หรอื ประเทศกรซี )  ปี ค.ศ. 2019 ชารจ์ าห์ (สหรฐั อาหรบั เอมิเรตส)์

สถติ ิการอ่านของคนไทยปี 2558 สถติ กิ ารอ่านของประชากรไทย จัดทาโดยสานักงานสถิติแห่งชาติทุก 2 ปี โดยปี 2558 ไดข้ ยายคานิยามการอา่ น ใหร้ วมการอ่านข้อความในส่ือสังคมออนไลน์/เอสเอ็มเอส/อีเมลด้วย และทาการสารวจจากประชากรตวั อย่าง 55,920 ครวั เรือน โดยเกบ็ รวบรวมข้อมลู เดอื น พ.ค.- ม.ิ ย. 2558 ซง่ึ สรปุ ผลการสารวจท่ีสาคัญได้ดังนี้ คอื การอ่านของเด็กเลก็ อายุต่ากวา่ 6 ปี เด็กเล็กที่อ่านมีประมาณ 2.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 60.2 โดยเด็กผู้หญิงมีอัตราการ อ่านสูงกว่าเด็กผู้ชายเล็กน้อย คิดเป็น ร้อยละ 60.9 และร้อยละ 59.5 นอกจากน้ียังพบว่าใน เขตเทศบาลมีอัตราการอ่าน สงู กวา่ นอกเขตเทศบาล คือ ร้อยละ 63.9 และ 57.4 ส่วนเด็กเล็ก ในกรุงเทพมหานคร มีอัตราการอ่านสูงสุด คือ ร้อยละ 73.8 ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดก็ เลก็ มีอตั ราการอ่านต่าสดุ คือ รอ้ ยละ 55.9 การอา่ นของประชากรอายุตงั้ แต่ 6 ปขี น้ึ ไป มีอัตราการอ่านร้อยละ 77.7 ผู้ชาย จะมีอัตราสูงกว่าผู้หญิงเล็กน้อย คือ ร้อยละ 78.9 และ 76.5 โดยวัยเด็กและวัยเยาวชนมีอัตราการอ่านสูงใกล้เคียงกัน คือ ร้อยละ 90.7 และ 89.6 รองลงมาคือ กลุ่มวัยทางาน คือ ร้อยละ 79.1 และต่าสุดคือกลุ่มวัยสูงอายุ คือ ร้อยละ 52.8

ประเภทของหนงั สือทอ่ี ่าน หนังสือพิมพ์เป็นประเภทของหนังสือที่มีผู้อ่านสูงสุด คือ ร้อยละ 67.3 รองลงมาคือ ขอ้ ความในสอื่ สังคมออนไลน/์ เอสเอ็มเอส/อีเมล คือ ร้อยละ 51.6 ซ่ึงเนื้อหาสาระที่ผู้อ่านชอบ อ่านมากที่สดุ คือ ขา่ ว สารคดี และความรู้ท่ัวไป อยู่ท่ีร้อยละ 48.5 เท่ากัน โดยเวลาเฉลี่ยที่ใช้ อ่านเฉลยี่ 1 ชั่วโมง 6 นาท/ี วัน หรอื 66 นาที เยาวชนจะใชเ้ วลาอา่ นมากที่สดุ เฉลย่ี 1 ชวั่ โมง 34 นาที/วนั หรอื 94 นาที วยั เด็กและวยั ทางานใช้เวลาอา่ นเฉลีย่ ต่อวนั มากกว่า 1 ชัว่ โมง วัยสูงอายใุ ช้เวลาอ่านนอ้ ยท่สี ดุ เฉล่ีย 44 นาที/วนั เม่ือเปรียบเทียบกับปี 2556 พบวา่ ทุกวยั ใช้เวลาอา่ นเพมิ่ ขนึ้ เนื่องจากปี 2558 ได้เพ่ิม การอ่านข้อความในส่ือสังคมออนไลน์/เอสเอ็มเอส/อีเมลด้วย โดยกลุ่มวัยเยาวชนใช้เวลาอ่าน เพิ่มขนึ้ มากทีส่ ดุ ถงึ 44 นาท/ี วัน

เราอ่านหนงั สอื เพ่ืออะไร? เราอา่ นหนังสอื ไปเพอื่ อะไร? เราได้อะไรจากการอ่าน? หลายคนอาจตอบว่า อ่านเพื่อหาความรู้ อ่านหนังสือแล้วสนุก อ่านเพราะจาเป็น (เช่น หนังสือเรียนที่อ่านเพราะต้องสอบ) แต่นอกเหนือเหตุผลข้างต้น การอ่านยังมอบคุณค่า บางอย่างให้แก่เรา การเข้าสู่โลกแห่งตัวหนังสือได้มอบสิ่งล้าค่าและลึกซึ้งกว่านั้น! “Reading make a full man\" --- Francis Bacon ประโยคอมตะของ เซอร์ฟรานซิส เบคอน ที่สะท้อนถึงความสาคัญและพลังของการ อ่าน การอ่านเป็นจุดเร่ิมต้นที่ทาให้คนเรารับรู้และเข้าใจในความหมายของส่ิงต่างๆ บนโลก นาพาเราท่องไปในดนิ แดนทไ่ี ม่เคยไป ทาใหร้ ู้ในสิ่งท่ไี ม่เคยรู้ หนงั สือก็เป็นเหมือนกับอาณาจักร แหง่ ความรแู้ ละความคดิ ซ่งึ ไมม่ ีที่สิ้นสดุ การอา่ นเปรียบเสมือนกระจกส่องตัวเรา และยังฉายภาพเสมือนของเพื่อนมนุษย์ เราจีง มโี อกาสครุ่นคิดและทาเข้าใจตัวเอง มากไปกว่าน้ันยังเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืนมากข้ึน ส่ิงเหล่าน้ีเอง ทเ่ี ติมเต็มความสมบูรณข์ องมนษุ ยอ์ ยา่ งท่ี ฟรานซสิ เบคอน ว่าไว้

เรยี นร้จู ากการอา่ น - มคี วามคดิ เฉียบคมข้นึ / จัดระบบความคิดไดด้ ีขน้ึ Maryanne Wolf ผู้อานวยการศูนย์การศึกษาสาหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการ เรียนรหู้ รอื การอ่าน มหาวิทยาลยั แคลิฟอรเ์ นีย ลอสแอนเจลิส อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง การอ่านและพัฒนาการของมนุษย์ในผลงาน Reader, Come Home ไว้ว่า 'การเรียนรู้จาก การอ่าน' ช่วยเพ่ิมวงจรประสาท (Neuron Circuit) ในสมองของมนุษย์ สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก การอ่านหนังสือแต่ละเล่มจะค่อยๆ ถูกเก็บสะสมและเชื่อมต่อกันเป็นวงจรในระบบประสาท ของเรา กระบวนการข้างต้นทาให้เราจัดระบบความคิดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ย่ิงสิ่งท่ีอ่านมี เนื้อหาลึกซ้ึงหรือซับซ้อนมากขึ้นเท่าไหร่ คลังข้อมูลและทักษะการเช่ือมโยงความคิดก็จะย่ิง พัฒนามากข้ึนเท่านั้น อย่างที่เขาว่ากันว่า การอ่านช่วยลับคมความคิดให้แหลมคมมากขึ้น ดงั น้ัน ส่งิ ทเ่ี ราอา่ นจึงสมั พนั ธก์ ับวิธีคิดของเราจนแทบจะแยกกันไม่ออก

การอา่ นคอื ความสาเรจ็ ในกระบวนการเหนอื พนั ธุกรรมของมนษุ ย์ \"...มนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่ออ่าน แต่ความสามารถในการอ่านคือหนึ่งในความสาเร็จของ กระบวนการเหนือพันธุกรรมท่ีพบในสายพันธ์ุ Homo Sapiens เท่านั้น...\" ประโยคกล่าวนา ในบทแรกของหนังสือ Proust and the Squid: The Story and Science of the Reading Brain เขียนโดย Maryanne Wolf ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) ผ้ศู กึ ษาเกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถในการอ่านเขยี นของเดก็ Maryanne อธิบายไว้ในหนังสือว่า \"...การอ่านเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มนุษย์ค้นพบ ขึ้นภายหลัง และต้องอาศัยการพัฒนาด้วยตนเองอยู่ตลอด ต่างกับการพูดหรือการมองเห็นซึ่ง เป็นกระบวนการทางธรรมชาติท่ีจะค่อยๆ พัฒนาข้ึนเอง วิวัฒนาการของการอ่านจึงถือเป็น หน่ึงในความสาเรจ็ ของมนุษย.์ ..\"

ดาด่ิงไปในโลกแห่งวรรณกรรม หนงั สอื ตา่ งๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมคลาสสิค เช่ือมต่อความคิดของเรากับโลก แห่งจินตนาการโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว Maryanne เล่าถึงการเดินทางของเธอโดยการอ่าน วรรณกรรมว่า ตั้งแต่วัยเด็ก เธอไม่คิดว่าจะต้องอ่านหนังสือเล่มไหนหรือแบบใดเป็นพิเศษ เธอ เพียงปล่อยให้ตัวเอง 'ดาด่ิงเข้าไปสู่โลกของวรรณกรรม' เหมือนกับอลิซท่ีกระโจนเข้าไปใน ดนิ แดนมหศั จรรย์ (Alice's Adventures in Wonderland) เม่ือก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เธอเริ่มอ่านวรรณกรรมที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นบทกวี Duino Elegies โดย Rainer Maria Rilke หรือ นวนิยายคลาสสิคอย่าง Middlemarch โดย George Eliot นกั ประพันธห์ ญงิ แห่งศตวรรษท่ี 19 และเธอก็ได้ค้นพบว่า ความคิดของเธอต่อ สง่ิ รอบตวั ไดเ้ ปลย่ี นไปตามส่ิงทีต่ กตะกอนจากการอา่ นวรรณกรรมเหลา่ นี้ โลกแห่งวรรณกรรมได้พาเธอไปทาความเข้าใจกับความซับซ้อนวุ่นวายของโลกใบน้ี และได้สัมผัสรับรู้ความเป็นมนุษย์ท่ีลึกซึ้งมากยิ่งข้ึนผ่านเรื่องราวของตัวละคร 'ความอ่อนโยน และความเห็นอกเห็นใจต่อเพ่ือนมนุษย์' คือสิ่งท่ีเธอได้ซึบซับจากการอ่านวรรณกรรม สิ่ง เหล่าน้ีทาให้ Maryanne ตระหนักถึงพลังของการอ่าน และต้ังใจท่ีจะส่งต่อความรู้สึกน้ีไปให้ ผู้อ่ืน เธอตัดสินใจเริ่มต้นเส้นทางอาชีพอาจารย์โดยเริ่มจากการเป็นครูอาสาในพื้นที่ชนบท ด้วยความหวังท่ีจะเติมเต็มความเป็นคนโดยสมบรู ณใ์ หก้ ับเดก็ ด้อยโอกาสผา่ น ‘การอ่าน’

วรรณกรรมคอื 'เครือ่ งจาลองทางความคิด' หรอื 'ขอบฟา้ เหตุการณส์ มมติทางความคดิ ' ตัวละครในหนังสือก็ไม่ต่างอะไรกับคนท่ัวไป อาจจะต่างแค่ยุคสมัยเท่านั้น แต่โดยเน้ือ แท้แล้วเราเองเป็นเพียงมนุษย์เช่นเดิม ในหนังสือเราได้พบกับทั้งเร่ืองสุขและเรื่องเศร้า ตัว ละครเหล่านน้ี าเราไปสู่ห้วงเวลาส่วนตัวทไ่ี มอ่ นุญาตให้ใครคนอืน่ เข้ามา นอกจากตัวคณุ เอง อรสิ โตเตลิ เคยกลา่ วไวว้ า่ เม่อื เราเผชิญกบั โศกนาฏกรรม ความรู้สึกสองอย่างจะเกิดกับ เรา น่ันคือ 'ความสงสาร' (ท่ีมีต่อตัวละคร) และ 'ความกลัว' (ที่เกิดกับตัวเรา) เราจะ เปรียบเทียบการกระทาของตัวละครกับประสบการณ์ในอดีตของเรา และจินตนาการไปถึง อนาคตดว้ ยวา่ เราจะทาอยา่ งไรหากอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว พูดให้ชัดกว่าน้ัน วรรณกรรมคือ 'เคร่ืองจาลองทางความคิด' (mind's flight simulator) ตามท่ี Keith Oatley นกั จติ วทิ ยาชาวแคนาดาพดู ไว้ หรอื ในภาษาของเราที่เรียก วรรณกรรมว่าเป็น 'ขอบฟ้าเหตุการณ์สมมติทางความคิด' แม้ว่าแบบจาลองนี้จะเหมือนการ เดนิ ทางอยู่กบั ที่ (เช่น นักบินทีฝ่ กึ บนิ โดยใชเ้ ครอ่ื งจาลอง) ทวา่ การอ่านวรรณกรรมกลับพัฒนา ความคิดและจิตใจผ่านอารมณ์ความรสู้ กึ ท่เี กดิ ขึ้นกบั ผอู้ า่ น...และน่ันคือคาตอบหน่ึงของคาถาม ทีว่ า่ \"เราอ่านหนงั สอื เพ่ืออะไร\" บทความเก่ียวการอ่านทค่ี ุณนา่ จะชอบ  มหี นังสือในบา้ นแลว้ ลกู จะฉลาด  ผา่ นพ้นความหมองเศร้าในชวี ิตดว้ ยการอ่านและหนงั สอื  ทาไมเราถึงเรยี กวา่ 'ห้องสมุด' ไม่ใช่ 'ห้องหนงั สอื '  ประวัตศิ าสตร์ไมเ่ คยจางหาย แตถ่ กู บันทกึ อย่ใู นสงิ่ น!ี้ !!

ขอบคุณขอ้ มูลจาก วันหนงั สือและลขิ สทิ ธสิ์ ากล-World Book and Copyright Day 23 April เราอา่ นหนงั สือเพ่ืออะไร? เรียบเรยี งโดย หอ้ งสมุดประชาชน \"เฉลมิ ราชกมุ ารี\" อาเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook