Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 6 Text q1

6 Text q1

Published by Asawin Mung-Guy, 2019-07-31 00:05:15

Description: 6 Text q1

Search

Read the Text Version

พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย โรงเรียนร่วมฤดีวเิ ทศศกึ ษา แผนกมัธยมศกึ ษาตอนตน้

1

พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย บ​ ุคคลจะเป็นพลเมืองดีของสังคมนั น้ ตอ้ งตระหนั กถึง บทบาท หน้าท่ี ท่ีจะตอ้ งปฎบิ ัติ สอดคลอ้ งกับหลักธรรม วัฒนธรรม ประเพณี และรั ฐธรรมนูญท่ีกาํ หนดไว้ รวมทัง้ บทบาททาง สังคมท่ีตนดาํ รงอยู่ เม่ือสามารถปฎบิ ัติหน้าท่ีไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งสมบูรณ์ ยอ่ มเกิดความภาคภูมิใจ และเกิดผลดีทัง้ ตอ่ ตนเองและสังคม การเป็นพลเมืองท่ีดีเคารพกฎหมาย เคารพสทิ ธิเสรีภาพของผูอ้ ่ืน มีความกระ ตือร้ือร้น ท่ีจะเขา้ มามีสว่ นร่วมในการแกป้ ั ญหาของชุมชนและสังคม มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็น หลัก ในการดาํ เนินชีวติ อยา่ งสงบสุข พลเมืองดี พลเมืองดี หมายถึง ผูท้ ่ีปฎบิ ัติหน้าท่ีพลเมืองไดค้ รบถว้ นทัง้ กิจท่ีตอ้ งทาํ และกิจท่ีควรทาํ 2

\"พลเมืองดี'' ​ พลเมืองดี ในวถิ ีประชาธิปไตย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ไดใ้ ห้ความหมายของคาํ ตา่ งๆดังน้ี พลเมือง หมายถึงชาวเมือง ชาวประเทศ ประชาชน วถิ ี หมายถึง สาย แนว ทาง ถนน ประชาธิปไตย หมายถึง รูปแบบการปกครองท่ี ถือมติปวงชนเป็นใหญ่ ถือเอาเสยี งขา้ งมาก พลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย จึงหมายถึง พลเมืองท่ีมีคุณลักษณะท่ีสาํ คัญ คือเป็นผูท้ ่ียึด มั่นในหลักศลี ธรรมและคุณธรรมของศาสนา มี หลัการทางประชาธิปไตยในการดาํ รงชีวติ ปฎบิ ัติตนตามกฎหมาย ดาํ รงตนเป็นประโยชน์ ตอ่ สังคม โดยมีการชว่ ยเหลือเก้ือกูลกัน อันจะ กอ่ ให้เกิดการพัฒนาสังคม และ ประเทศชาติ ให้ เป็นประเทศประชาธิปไตยอยา่ งแทจ้ ริง ตามหลักประชาธิปไตย 3

แนวทางการปฎบิ ัติตนเป็นพลเมืองดีตามวถิ ีประชาธิปไตย ดา้ นสังคม ​- การแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตุผล - รั บฟั งความคดิ เหน็ ของผูอ้ ่ืน - ยอมรั บเม่ือผูอ้ ่ืนมีเหตุผลท่ีดีกวา่ - ตัดสนิ ใจโดยการใชเ่ หตุผล มากกวา่ อารมณ์ - เคารพกฎระเบียบของสังคม - มีจิตสาธารณะ คือ เหน็ แก่ ประโยชน์สว่ น รวมและรั กษาสาธารณะสมบัติ ดา้ นเศรษฐกิจ - รู้จักประหยัดและอดออมในครอบครั ว - มีความซ่ือสัตยส์ ุจริตตอ่ อาชีพท่ีทาํ - พัฒนางานอาชีพให้กา้ วหน้า - ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสั งคม - สร้างงานและสร้างสรรคส์ งิ่ ประดิษฐ์ใหมๆ่ เพ่ือให้เกิดประโยชน์ตอ่ สังคมไทยและสังคมโลก - เป็นผูผ้ ลิตและผูบ้ ริโภคท่ีดี มีความซ่ือสัตยื ยึดมั่นอุดมการณ์ท่ีดีตอ่ ชาติ เป็นสาํ คัญ ดา้ นการเมืองการปกครอง ​ - เคารพกฎหมาย - รั บฟั งความคดิ เหน็ ของทุกคนและมี ความอดทนตอ่ การขัดแยง้ - ยอมรั บเหตุผลท่ีดีกวา่ - ซ่ือสัตยต์ อ่ หน้าท่ีโดยไมเ่ หน็ แก่ ประโยชน์สว่ นตน 4

- กลา้ เสนอความคดิ เหน็ ตอ่ สว่ นรวม กลา้ เสนอตนเองในการทาํ หน้าท่ี สมาชิกผูแ้ ทนราษฎร หรือ สมาชิก วุฒสิ ภา - ทาํ งานอยา่ งเตม็ ความสามารถ เตม็ เวลา หน้าท่ีพลเมือง 1.คาํ นึงถึงประโยชน์สว่ นรวม มากกวา่ ประโยชน์สว่ นตัว ไดแ้ ก่ การลดความเหน็ แกต่ ัว เสยี สละแรงกายแรงใจ เพ่ือทาํ ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม ชว่ ยกันอนุรั กษ์สงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ ป่ าไม้ แมน่ ํา้ ลาํ ธาร รวมทัง้ ตักเตือนและชว่ ยห้ามปรามบุคคล ไมใ่ ห้ทาํ ลายสาธารณะสมบัติหรือสงิ่ แวดลอ้ ม 2.วนิ ั ย ไดแ้ ก่ การฝึ ก กาย วาจา และใจให้สามารถควบคุมความประพฤติของตนเองให้อยูใ่ น ระเบียบแบบแผนอันดีงาม เพ่ือการอยูร่ ่วมกันในสังคมไปไดด้ ว้ ยความเรียบร้อย 3. ความรั บผิดชอบตอ่ หน้าท่ี ไดแ้ ก่ การเอาใจใส่ ตัง้ ใจ และมุง่ มั่นปฎบิ ัติหน้าท่ีของตนอยา่ งเตม็ ความสามารถ 4. ความอดทน ไดแ้ ก่ การมีจิตใจหนั กแน่น เยือกเยน็ ไมห่ ุนหันพลันแลน่ สามารถควบคุม อารมณ์ และ พฤติกรรม ของตน 5.รู้จักประหยัดและอดออม ไดแ้ ก่ การรู้จักใชจ้ า่ ยตามความจาํ เป็นอยา่ งคุม้ คา่ และเกิด ประโยชน์สูงสุด ไมฟ่ ่ ุมเฟื อย รู้จักเกบ็ ออม 6.การมีนํา้ ใจเป็นนั กกีฬา รู้แพร้ ู้ชนะ และให้อภั ย 7.ความซ่ือสัตยส์ ุจริต ไดแ้ ก่ มีความจริงใจ ไมอ่ คติ 8. การอนุรั กษณ์ความเป็นไทย ไดแ้ ก่ มีจิตสาํ นึกในความเป็นไทย เชน่ พูด เขียน และใชภ้ าษา ไทยให้ถูกตอ้ ง อนุรั กษณ์วัฒนธรรม และภูมิปั ญญาไทย ตลอดจนถา่ ยทอดความเป็นไทย ไปสูค่ น รุ่นหลังไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม 5

พลเมืองของแตล่ ะประเทศ ยอ่ มมีสทิ ธแ์ ละหน้าท่ี ตามกฎหมายของประเทศนั น้ บุคคลตา่ ง สัญชาติ ท่ีเขา้ ไปอยูอ่ าศัย ซ่ึงเรียกวา่ คนตา่ งดา้ ว ไมม่ ีสทิ ธิเทา่ เทียมกับพลเมือง และมีหน้าท่ีแตก ตา่ งกันออกไป เชน่ อาจมีหน้าท่ีเสยี ภาษี หรือ คา่ ธรรมเนียมเพิม่ ข้ึน ตามท่ีกฎหมายแตล่ ะประเทศ บั ญญั ติไว้ 6

1. นั บถือศาสนา 2. รั กษาธรรมเนียมมั่น 3. เช่ือพอ่ แมค่ รูอาจารย์ 4. วาจานั น้ ตอ้ งสุภาพออ่ นหวาน 5. ยึดมั่นกตัญ 6. เป็นผูร้ ู้รั กการงาน 7. ตอ้ งศกึ ษาให้เชียวชาญ ตอ้ งมานะบากบั่นไมเ่ กียจไมค่ ร้าน 8. รู้จักออมประหยัด 9. ตอ้ งซ่ือสัตยต์ ลอดกาล นํา้ ใจนั กกีฬากลา้ หาญให้เหมาะกับการสมัยชาติพัฒนา 10. ทาํ ตนให้เป็นประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษสมบัติชาติตอ้ งรั กษา เดก็ สมัยชาติ พัฒนาจะเป็นเดก็ ท่ีพาชาติไทยเจริญ 7

คา่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.   8

ประเทศไทย  ช่ือทั่วไป : ป​ ระเทศไทย, เมืองไทย, ไทย (Thailand)  ช่ืออยา่ งเป็นทางการภาษาไทย : ราชอาณาจักรไทย  ช่ืออยา่ งเป็นทางการภาษาอังกฤษ : The Kingdom of  Thailand    พระประมุข : สมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร  หน่วยเงนิ : บาท (THB)  เขตเวลา (Time Zone) : UTC+7 หรือ GMT+7 (เร็วกวา่ เวลามาตรฐานกรีนนิช 7 ชั่วโมง)  รหัสโทรศัพทร์ ะหวา่ งประเทศ : 66 (การโทรศัพทม์ ายังประเทศไทยให้กด +66 ตามดว้ ย หมายเลขปลายทาง)    สัตวป์ ระจาํ ชาติ : ​ชา้ ง  ภาษาราชการ : ภาษาไทย (Thai)        9

  ธงชาติ : เป็นธง 3 สี 5 แถบ โดยมีสแี ดงอยูแ่ ถบท่ี 1 และ แถบท่ี 5 มีสขี าวอยูแ่ ถบท่ี 2 และแถบท่ี 4 และมีสนี ํา้ เงนิ อยูแ่ ถบท่ี 3      ดอกไมป้ ระจาํ ชาติ :  ดอกราชพฤกษ์ (กลาง – ราชการ) หรือดอกคูน (อีสาน) หรือ  ดอกลมแลง้ (เหนือ)ลักษณะทางภูมิศาสตร์      ทวีป : เอเชีย  อนุทวีป : เอเชียตะวันออกเฉียงใต ้ พิกัดท่ีตัง้ :  – ทศิ เหนือ จรดเสน้ รุ้ง 20 องศา 25 ลิบดา 30 ฟิลิบดา เหนือ  – ทศิ ใต้ จรดเสน้ รุ้ง 5 องศา 37 ลิบดา  – ทศิ ตะวันออก จรดเสน้ แวง 105 องศา 37 ลิบดา 30 พิลิบดา  – ทศิ ตะวันตก จรดเสน้ แวง 97 องศา 22 ลิบดา ตะวันออก  10

พ้ืนท่ี : ประเทศไทยมีพ้ืนท่ี 513,115 ตารางกิโลเมตร (198,115 ต​ ารางไมล)์ หรือ 320 ลา้ นไร่  มีขนาดใหญเ่ ป็นอันดับท่ี 50 ของโลก อันดับ 12 ของทวีปเอเชีย และอันดับ 3 ในเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซียและประเทศพมา่   พรมแดน :  – ทศิ เหนือ ติดกับประเทศพมา่ และ สปป.ลาว จุดสูงสุดอยูท่ ่ี อาํ เภอแมส่ าย จังหวัดเชียงราย  – ทศิ ใต้ ติดกับประเทศมาเลเซียและทะเลอา่ วไทย จุดตา่ํ สุดอยูท่ ่ี อาํ เภอเบตง จังหวัดยะลา  – ทศิ ตะวันออก ติดกับประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว จุดตะวันออกสุดอยูท่ ่ี อาํ เภอศรีเมืองใหม ่ จั งหวั ดอุบลราชธานี   – ทศิ ตะวันตก ติดกับประเทศพมา่ และทะเลอันดามัน จุดตะวันตกสุดอยูท่ ่ี อาํ เภอแมส่ ะเรียง  จังหวัดแมฮ่ อ่ งสอน  11

  แผนท่ีประเทศไทยและอาเซียน  ลั กษณะภูมิศาสตร์แยกตามภาค    ภาคเหนือ เป็นพ้ืนท่ีสูง มียอดเขาสูงสลับซับซอ้ นมากมาย มีเทือกเขาสาํ คัญคือเทือกเขาถนนธงชัย  ซ่ึงยอดเขาท่ีสูงท่ีสุดในประเทศไทยคือดอยอินทนนท์ (สูง 2,565 เมตรจากระดับนํา้ ทะเล) อยูบ่ น เทือกเขาน้ี โดยตัง้ อยูใ่ นอุทยานแหง่ ชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือยังเป็นตน้ กาํ เนิดของแมน่ ํา้ สายสาํ คัญหลายสาย เชน่ แมน่ ํา้ ปิง แมน่ ํา้ วัง แมน่ ํา้ ยม แมน่ ํา้ น่าน (แมน่ ํา้ ทัง้ 4  สายน้ีรวมกันเกิดเป็นแมน่ ํา้ เจา้ พระยา) แมน่ ํา้ กก แมน่ ํา้ รวก แมน่ ํา้ สาย และแมน่ ํา้ เมย เป็นตน้   นอกจากน้ีภาคเหนือยังเป็นพ้ืนท่ีป่ าไมท้ ่ีสาํ คัญของไทยดว้ ย    12

  แผนท่ีภาคเหนื อของไทย    ภูมิประเทศภาคเหนือเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซอ้ น    13

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือท่ีคนไทยนิยมเรียกสัน้ ๆวา่ ภาคอีสาน มีลักษณะพ้ืนท่ีสว่ นใหญเ่ ป็น ท่ีสูงหรือท่ีราบสูง เรียกวา่ ท่ีราบสูงโคราช มีภูเขาสูงอยูท่ ั่วไป ภาคอีสานเป็นพ้ืนท่ีท่ีแห้งแลง้ ท่ีสุด ของไทย ดินไมค่ อ่ ยเหมาะสมตอ่ การเพาะปลูกมากนั ก แตก่ ลับเป็นพ้ืนท่ีสามารถปลูกขา้ วพันธุด์ ี ท่ีสุดของไทย (ขา้ วหอมมะลิ) ไดผ้ ลผลิตดีท่ีสุด แมน่ ํา้ สายสาํ คัญของภาคอีสานคือแมน่ ํา้ มูล แมน่ ํา้ ชี  และแมน่ ํา้ โขง    แผนท่ีภาคอีสานของไทย       14

ภาคกลาง เ​ ป็นท่ีราบลุม่ กวา้ งใหญ่ เรียกวา่ พ้ืนท่ีลุม่ นํา้ เจา้ พระยา เป็นแหลง่ เพาะปลูกท่ีสาํ คัญท่ีสุด ของประเทศ และเป็นแหลง่ ปลูกขา้ วท่ีสาํ คัญท่ีสุดแหง่ หน่ึงของโลก นอกจากแมน่ ํา้ เจา้ พระยาแลว้ ยังมีแมน่ ํา้ ป่ าสัก (หรือแมน่ ํา้ ทา่ จีน) เป็นแมน่ ํา้ สายรองอีกดว้ ย ทาํ ให้ภาคกลางมักไมป่ ระสบภาวะ นํา้ แลง้       แผนท่ีภาคกลางของไทย     ภาคใต้ ​มีพ้ืนท่ีเป็นทวิ เขาสูงสลับท่ีราบลุม่ และชายหาดทะเล เป็นแหลง่ ปลูกยางพาราท่ีใหญท่ ่ีสุด ในประเทศไทย นอกจากน้ียังเตม็ ไปดว้ ยหมูเ่ กาะท่ีสวยงามทัง้ ฝั่ งอา่ วไทยและฝั่ งทะเลอันดามัน  นอกจากอาชีพปลูกยางพาราและอาชีพบริการดา้ นการทอ่ งเท่ียวแลว้ ประชากรในภาคใตย้ ัง ประกอบอาชีพประมงและเหมืองแร่ดว้ ย  15

    แผนท่ีภาคใตข้ องไทย     ภาคตะวันออก ​พ้ืนท่ีของภาคตะวันออกเป็นพ้ืนท่ีลักษณะผสมผสาน กลา่ วคือทางฝั่ งตะวันออก ของภาคเป็นเทือกเขาสูง ซ่ึงเป็นเสน้ พรมแดนระหวา่ งประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ตอนกลาง ของภาคเป็นท่ีราบซ่ึงเหมาะสมตอ่ การเพาะปลูก ผลผลิตหลักของพ้ืนท่ีสว่ นน้ีคือผลไม้ เชน่ ทุเรียน  เงาะ มังคุดและมะมว่ ง เป็นตน้ สว่ นทางฝั่ งตะวันตกเป็นพ้ืนท่ีชายทะเลท่ีสวยงามและไดร้ ั บความ นิยมจากนั กทอ่ งเท่ียวทั่วโลก เชน่ พัทยา บางแสน สัตหีบ หาดแมร่ าํ พึง หาดบา้ นเพ และแหลมแม่ พิมพเ์ ป็นตน้   16

    แผนท่ีภาคตะวั นออกของไทย     ภาคตะวันตก พ​ ้ืนท่ีของภาคตะวันตกจะมีพ้ืนท่ี 3 ลักษณะผสมกันกลา่ วคือ ดา้ นตะวันตกท่ีติดกับ ประเทศพมา่ จะเป็นทวิ เขาสูงสลับซับซอ้ น เป็นป่ าไมท้ ่ีสาํ คัญแหง่ หน่ึงของประเทศ เป็นทัง้ ป่ าตน้ นํา้ และแหลง่ อุทยานแหง่ ชาติขนาดใหญ่ เชน่ อุทยานแหง่ ชาติแกง่ กระจาน ตอนกลางของภาคเป็น ท่ีราบลุม่ สามารถเพาะปลูกไดผ้ ลดี สว่ นดา้ นตะวันออกเป็นสว่ นท่ีติดกับทะเล จึงเป็นแหลง่ ทอ่ ง เท่ียวท่ีสาํ คัญและมีช่ือเสยี ง เชน่ หัวหินและชะอาํ เป็นตน้ นอกจากน้ีประชากรทางฝั่ งตะวันออก บางสว่ นยังประกอบอาชีพประมงดว้ ย    17

  แผนท่ีภาคตะวั นตกของไทย  ลั กษณะภูมิอากาศ  ประเทศไทยมีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนช้ืน ซ่ึงหมายถึงมีอากาศร้อนและมีความช้ืนสูง แบง่ ออก เป็น 3 ฤดู คือฤดูหนาว ฤดูฝน และฤดูร้อน โดยท่ีฤดูหนาวเริ่มตัง้ เดือนพฤศจิกายนถึงเดือน กุมภาพันธ์ ฤดูร้อนเริ่มตัง้ แตเ่ ดือนมีนาคมถึงเดือนถึงเดือนพฤษภาคม และฤดูฝนเริ่มตัง้ แตเ่ ดือน มิถุนายนถึงเดือนตุลาคม ยกเวน้ ทางภาคใตจ้ ะมีเพียงแค่ 2 ฤดูเทา่ นั น้ คือฤดูร้อนและฤดูฝน (ฤดู หนาวของภาคอ่ืนจะกลายเป็นฤดูฝนเพิม่ เติมให้ภาคใตน้ อกเหนือไปจากฤดูฝนตามปกติ)  18

  แมค่ ะน้ิงหรือนํา้ คา้ งแขง็ มักเกิดข้ึนในฤดูหนาวท่ีภาคเหนือของไทย  ในฤดูหนาว ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีอากาศท่ีหนาวเยน็ บางครั ง้ อุณหภูมิยอดดอยลดลงตา่ํ กวา่ 0 องศาเซลเซียส ในขณะท่ีภาคอ่ืนจะมีอุณหภูมิสูงกวา่ โดยเฉล่ีย ชว่ งหนาวสุดราว 15-25 องศาเซลเซียส ในขณะท่ีหน้าร้อนทั่วทุกภาคของประเทศจะมีอุณหภูมิ ชว่ งสูงสุดอยูใ่ นชว่ ง 35-40 องศาเซลเซียส              19

ประเทศไทย  ประเทศไทยหรือชนชาติไทยมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน และในแผน่ ดินสุวรรณภูมิแหง่ น้ีก็ มีอาณาจักรโบราณอยูม่ ากมาย เชน่ อาณาจักรขอมโบราณ อาณาจักรทวาราวดี และอาณาจักรศรี วชิ ัย เป็นตน้ ตามพงศาวดารของไทย ชนชาติไทยมีประวัติศาสตร์ยอ้ นหลังไปจนถึงอาณาจักร โยนกและน่านเจา้ แตห่ ลักฐานตา่ งๆไมช่ ัดเจนนั ก ดังนั น้ เราจึงนั บประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย จากหลักฐานท่ีชัดเจนเทา่ นั น้ นั่นกค็ ือนั บตัง้ แตส่ มัยอาณาจักรสุโขทัยเป็นตน้ มา  นั บจากอาณาจักรสุโขทัยเป็นตน้ มา ประเทศไทยไดผ้ า่ นยุคหรืออาณาจักรตา่ งๆมาแลว้ 4 ยุค ดังน้ี  1. สมัยอาณาจักรสุโขทัย  อาณาจักรสุโขทัยมีศูนยก์ ลางอยูท่ ่ีจังหวัดสุโขทัยในปั จจุบัน มีความเจริญรุ่งเรืองอยูใ่ นชว่ งปี พ.ศ.  1792 ถึง พ.ศ. 1981 รวม 189 ปี กอ่ นท่ีสุดทา้ ยจะถูกยุบรวมกับอาณาจักรอยุธยา อาณาจักร สุโขทัยถูกสถาปนาข้ึนโดยพอ่ ขุนศรีอินทราทติ ย์ และถือวา่ พอ่ ขุนศรีอินทราทติ ยเ์ ป็นพระมหา กษั ตริยพ์ ระองคแ์ รกของชาติไทย อาณาจักรสุโขทัยมีกษั ตริยป์ กครองทัง้ หมด 8 พระองค์ รวมถึง พอ่ ขุนรามคาํ แหงมหาราชผูท้ รงคดิ คน้ อักษรไทยดว้ ย  2. สมัยอาณาจักรอยุธยา  อาณาจักรอยุธยาไดเ้ ริ่มสถาปนาตัง้ แตป่ ี พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310 โดยสมเดจ็ พระเจา้ อูท่ อง  โดยมีท่ีตัง้ อยู่ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปั จจุบัน ตอ่ มาภายหลังไดผ้ นวกเอาอาณาจักร สุโขทัยเขา้ ไวเ้ ป็นสว่ นหน่ึงดว้ ย อาณาจักรอยุธยาเจริญรุ่งเรืองอยู่ 417 ปี มีพระมหากษั ตริย์ ปกครองทัง้ หมด 33 พระองค์ โดยเสยี กรุงให้กับพมา่ จาํ นวน 2 ครั ง้ ครั ง้ แรกสมัยสมเดจ็ พระ มหาจักรพรรดิ เม่ือปี พ.ศ.2112 ตอ่ มาสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงกอบกูเ้ อกราชไดส้ าํ เร็จ ( อยุธยาตกเป็นประเทศราชของพมา่ เป็นเวลา 15 ปี ) ตอ่ มาอยุธยาตกเป็นเมืองข้ึนของพมา่ อีกครั ง้ ในสมัยสมเดจ็ พระเจา้ เอกทัศ เม่ือปี พ.ศ. 2310 และครั ง้ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชทรงใช้ เวลา 6 เดือนในการกอบกูเ้ อกราชคืน  3. สมัยกรุงธนบุรี  ภายหลังกอบกูเ้ อกราชให้กับกรุงศรีอยุธยาไดส้ าํ เร็จ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชไดท้ รงยา้ ย เมืองหลวงจากอยุธยาลงมายังเมืองธนบุรี เน่ืองจากอยูใ่ นชัยภูมิท่ีดีกวา่ ประกอบกับกรุงศรีอยุธยา 20

ไดร้ ั บความเสยี หายหนั กจากการโจมตีของพมา่ จนยากจะบูรณะให้งดงามดังเดิมได้ อาณาจักร กรุงธนบุรีตัง้ อยู่ ณ เมืองธนบุรี (ปั จจุบันถูกผนวกรวมกับจังหวัดพระนครแลว้ เปล่ียนช่ือเป็น กรุงเทพมหานคร แตค่ นสว่ นใหญย่ ังเรียกสว่ นท่ีเคยเป็นจังหวัดธนบุรีวา่ ฝั่ งธนบุรีหรือฝั่ งธน)  ระยะเวลาการตัง้ อยูข่ องอาณาจักรธนบุรีเพียงแค่ 15 ปี และมีสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราชเป็น พระมหากษั ตริยเ์ พียงพระองคเ์ ดียว  4. สมัยกรุงรั ตนโกสนิ ทร์  ภายหลังการสน้ิ สุดลงของอาณาจักรกรุงธนบุรีในปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้ า จุฬาโลกมหาราช ทรงให้ยา้ ยเมืองหลวงขา้ มฝั่ งมายังฝั่ งพระนครและทรงสร้างเมืองหลวงใหม่ ซ่ึงก็ คือพระบรมมหาราชวังในปั จจุบัน นั บจนถึงปั จจุบันกรุงรั ตนโกสนิ ทร์มีอายุครบ 235 ปี เม่ือวันท่ี  6 เมษายน พ.ศ. 2560 ท่ีผา่ นมา และนั บจนถึงปั จจุบันมีพระมหากษั ตริยค์ รองราชสมบัติเป็น พระองคท์ ่ี 10 หรือรั ชกาลท่ี 10 ทรงพระนามวา่ สมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวมหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกูร ข้ึนครองราชยต์ อ่ จากพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รั ชกาลท่ี 9  ซ่ึงเสดจ็ สวรรคตเม่ือวันท่ี 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559  ประชากร เช้ือชาติและภาษา  ขอ้ มูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุวา่ ณ สน้ิ ปี พ.ศ. 2559 ประเทศไทยมี ประชากรทัง้ หมด 65,096,905 คน แบง่ เป็นชาย 31,923,786 คน และหญงิ 33,173,119 คน  ประเทศไทยถือไดว้ า่ มีความหลากหลายทางเช้ือชาติมากท่ีสุดประเทศหน่ึง ประชากรไทยมีพ้ืนเพ มาจากเช้ือชาติดังน้ี ไทยแท้ (หรือไทยสยาม) ไทยเช้ือสายลาว ไทยเช้ือสายมอญ ไทยเช้ือสายเขมร ชาวไทยเช้ือสายจีน ไทยเช้ือสายมลายู ไทยเช้ือสายชวา (หรือแขกแพ) ไทยเช้ือสายจาม (หรือแขก จาม) ไทยเช้ือสายเวียดนาม ไทยเช้ือสายพมา่ และไทยเช้ือสายชาวเขาเผา่ ตา่ งๆ เชน่ ชาวกะเหร่ียง  ลีซอ ชาวมง้ สว่ ย เป็นตน้ นอกจากน้ียังมีแรงงานตา่ งดา้ วอีกไมน่ ้อยกวา่ 3 ลา้ นคนอาศัยอยูใ่ น ประเทศไทย โดยเป็นแรงงานถูกกฏหมายเพียง 1,400,000 คน ท่ีเหลือเป็นแรงงานท่ีหลบหนี เขา้ เมืองอยา่ งผิดกฏหมาย  21

  ภาพชาวเขาเผา่ แมว้ ในประเทศไทย  ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการ แตใ่ นภาษาพูดประชาชนนิยมใชภ้ าษาถิน่ ในการส่อื สาร กัน ภาษาถิน่ ในประเทศไทยมีนั บร้อยภาษา โดยท่ีภาษาถิน่ ท่ีมีผูใ้ ชม้ าก เชน่ ภาษาไทยเหนือ หรือ  ภาษาคาํ เมือง ภาษาไทยอีสาน ภาษาไทยใต้ ภาษายาวี ภาษาลาว (ลาวโซง่ ลาวพวน) ภาษาเขมร  ภาษาไทยโคราช ภาษาจีนแตจ้ ิว๋ ภาษาจีนกลาง ภาษามอญ ภาษาชาวเขาตา่ งๆ (กะเหร่ียง ขมุ มง้   มูเซอ ลีซอ) ภาษามอแกน และภาษาประจาํ ถิน่ อ่ืนๆ            22

  ศาสนาในประเทศไทย  ในประเทศไทย ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพท่ีจะนั บถือศาสนาใดกไ็ ดต้ ามแตศ่ รั ทธาของตน โดยท่ี พระมหากษั ตริยท์ รงเป็นพุทธมามกะและทรงอุปถัมภท์ ุกศาสนา ศาสนาท่ีมีผูน้ ั บถือมากและไดร้ ั บ การอุปถัมภจ์ ากรั ฐบาลและองคพ์ ระมหากษั ตริยไ์ ดแ้ ก ่ – ศาสนาพุทธ ในประเทศไทยมีผูน้ ั บศาสนาพุทธ 94.60%  – ศาสนาอิสลาม ในประเทศไทยมีผูน้ ั บศาสนาอิสลาม 4.20%  – ศาสนาคริสต์ ในประเทศไทยมีผูน้ ั บศาสนาคริสต์ 1.10%  – ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในประเทศไทยมีผูน้ ั บศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 0.086%  – ศาสนาซิกข์ ในประเทศไทยมีผูน้ ั บศาสนาซิกข์ 0.011%  – ไมน่ ั บถือศาสนา 0.27%  หมายเหตุ ขอ้ มูลจากสาํ นั กงานสถิติแหง่ ชาติ พ.ศ. 2557  23

  ศาสนาพุทธ ศาสนาท่ีคนไทยสว่ นใหญน่ ั บถือ  ประเทศไทยเป็นอีกประเทศหน่ึงในโลกท่ีประชาชนทุกศาสนาสามารถอยูร่ ่วมกันไดอ้ ยา่ งมีความ สุข มีสทิ ธิ์และศักดิศ์ รีความเป็นมนุษยเ์ ทา่ กันทุกประการ และไดร้ ั บการคุม้ ครองโดยรั ฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทยทุกฉบับตลอดมา        24

อาหารการกิน  อาหารหลักของคนไทยคือขา้ วและผลิตภั ณฑจ์ ากขา้ ว ทัง้ ขา้ วจา้ ว ขา้ วเหนียว ขนมจีน กว๋ ยเต๋ียว  เป็นตน้   อาหารไทยเป็นหน่ึงในอาหารท่ีไดร้ ั บความนิยมมากท่ีสุดในโลก อันเน่ืองมาจากรสชาติท่ีโดดเดน่   เคร่ืองปรุงท่ีหลากหลาย และสว่ นผสมอาหารไทยสว่ นมากไมใ่ ชใ่ ห้เพียงแคค่ ุณคา่ ทางอาหาร แต่ ยังมีสรรพคุณทางยาท่ีชว่ ยร่างกายสามารถตา้ นทานตอ่ โรคตา่ งๆไดด้ ีอีกดว้ ย    ขา้ ว อาหารหลักของคนไทย  อาหารไทยในแตล่ ะภาคมีความแตกตา่ งกันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาหารแตล่ ะภาคท่ีมีช่ือ เสยี งมีดังน้ี        25

ภาคเหนือ อาหารเหนือท่ีมีช่ือเสยี งและไดร้ ั บความนิยม เชน่ นํา้ พริกหนุ่ม นํา้ พริกออ่ ง แคปหมู นํา้ เง้ียว ขา้ วซอย ลาบ ลู่ แกงฮังเล ยาํ ไก่ ยาํ ขนุน ไสอ้ ั่ว แกงแค แกงหอยขม เป็นตน้       นํา้ พริกออ่ ง อาหารข้ึนช่ือของภาคเหนือ          26

ภาคอีสาน อาหารอีสานมีหลายเมนูท่ีกลายเป็นอาหารท่ีไดร้ ั บความนิยมไปทั่วประเทศ เชน่ สม้ ตาํ   นํา้ ตก ไกย่ า่ ง ลาบ กอ้ ย ซกเลก็ ไสก้ รอกอีสาน ตม้ แซบ เสอื ร้องไห้ ซุปหน่อไม้ เป็นตน้ โดยแตล่ ะ เมนูไดร้ ั บการดัดแปลงให้มีสว่ นผสมและรสชาติให้เหมาะกับแตล่ ะทอ้ งถิน่       สม้ ตาํ เมนูยอดนิยมของคนอีสานและคนไทยทั่วไป              27

ภาคกลาง อาหารภาคกลางอาจเรียกไดว้ า่ เป็นมาตรฐานอาหารไทยท่ีไดร้ ั บความนิยมไปทั่วโลก  อาหารภาคกลางท่ีมีช่ือเสยี ง เชน่ ตม้ ยาํ แกงจืด แกงเลียง ตม้ กระทิ ตม้ ขา่ ผัดไท แกงเผด็ แกง เขียวหวาน แกงป่ า ตม้ โคลง้ ยาํ ประเภทตา่ งๆ ผัดผัก ผัดเผด็ ของทอดตา่ งๆ ผัดกระเพรา ผัด กระเทียม ผัดพริกแกง ขา้ วผัดชนิดตา่ งๆ นํา้ พริกชนิดตา่ งๆ เป็นตน้       ตม้ ยาํ กุง้ อาหารไทยภาคกลางท่ีไดร้ ั บความนิยมไปทั่วโลก          28

  ภาคใต้ อาหารใตข้ ้ึนช่ือเร่ืองรสชาติท่ีเขม้ ขน้ และเคร่ืองแกงท่ีเผด็ ร้อน อาหารใตท้ ่ีไดร้ ั บความนิยม  เชน่ สะตอผัดกุง้ คั่วกล้ิง แกงเหลือง แกงเผด็ ปลาตา่ งๆ แกงไตปลา แกงคั่ว ขา้ วหมกชนิดตา่ งๆ  เป็นตน้ เน่ืองจากความร้อนแรงของรสชาติอาหาร ดังนั น้ อาหารใตต้ อ้ งมีผักสดแกลม้ พร้อมนํา้ พริกกระปิดว้ ยเสมอ      คั่วกล้ิง อาหารยอดนิยมของภาคใต ้       29    

  การเมืองการปกครอง  ในปั จจุบันประเทศไทยปกครองดว้ ยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษั ตริยท์ รงเป็นประมุข  เชน่ เดียวกับประเทศอังกฤษ ประเทศญ่ีป่ ุน ประเทศมาเลเซีย ประเทศกัมพูชา และอีกหลายๆ ประเทศในยุโรป โดยท่ีพระมหากษั ตริยท์ รงอยูภ่ ายใตร้ ั ฐธรรมนูญและทรงใชอ้ าํ นาจผา่ น 3 ทาง  หรือ 3 ฝ่ าย กลา่ วคือ ทรงใชอ้ าํ นาจบริหารผา่ นทางนายกรั ฐมนตรีและคณะรั ฐมนตรี ทรงใช้ อาํ นาจนิติบัญญัติผา่ นทางรั ฐสภา และทรงใชอ้ าํ นาจตุลาการผา่ นทางศาลยุติธรรม    พระราชหัตถเลขาของลน้ เกลา้ รั ชกาลท่ี 7  ในอดีตประเทศไทยเคยใชก้ ารปกครองระบอบอ่ืนมาแลว้ 2 ระบบคือ ระบอบพอ่ ปกครองลูกซ่ึงใช้ ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย ในการปกครองระบอบน้ีพระมหากษั ตริยจ์ ะเปรียบเสมือนพอ่ และไพร่ ฟ้ าประชาชนจะเปรียบเสมือนลูก จากนั น้ เปล่ียนมาใชร้ ะบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชในสมัย อาณาจักรอยุธยาจนถึงรั ชสมัยของพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยูห่ ัวหรือลน้ เกลา้ รั ชกาลท่ี 7  แหง่ จักรีบรมราชวงศ์ ในระบอบน้ีจะเปรียบพระมหากษั ตริยเ์ หมือนสมมุตติเทพ และเปล่ียนมา เป็นระบอบประชาธิปไตยเม่ือปี พ.ศ. 2475 มาจนถึงปั จจุบัน      30

พรรคการเมืองในประเทศไทย  ประเทศมีพรรคการเมืองหลายพรรค โดยในการเลือกตัง้ ส.ส. แตล่ ะครั ง้ จะมีพรรคการเมืองสง่ ผู้ สมัครลงเลือกตัง้ ไมน่ ้อยกวา่ 50 พรรค พรรคการเมืองท่ีเป็นท่ีรู้จักกันดีในประเทศไทย เชน่   พรรคเพ่ือไทย พรรคประชาธิปั ตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย และพรรครั ก ประเทศไทย เป็นตน้ โดยในการเลือกตัง้ ในรอบ 10 ปี ท่ีผา่ นมา มีพรรคเพ่ือไทยและพรรค ประชาธิปั ตยเ์ ทา่ นั น้ ท่ีแขง่ ขันกันเป็นแกนนําในการจัดตัง้ รั ฐบาล        พรรคประชาธิปั ตย์ พรรคการเมืองเกา่ แกท่ ่ีสุดของไทย      31

การบริหารราชการแผน่ ดิน  ประเทศไทยใชล้ ักษณะการบริหารราชการแผน่ ดินแบบกระทรวง ทบวง กรม กลา่ วคือมีกระทรวง ท่ีดูแลงานดา้ นตา่ งๆของประเทศจาํ นวน 20 กระทรวง โดยมีรั ฐมนตรีประจาํ กระทรวงเป็นผู้ กาํ หนดนโยบายและมีปลัดกระทรวงเป็นผูน้ ํานโยบายมาปฏิบัติโดยผา่ นกรมกองตา่ งในกระทรวง นั น้ ๆ  หมายเหตุ นายกรั ฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ ายบริหาร (กดเพ่ือดู รายช่ือนายกรั ฐมนตรีทัง้ หมดของไทย ) ดูแลภาพรวมของประเทศและกาํ กับดูแลรั ฐมนตรีประจาํ กระทรวงทุกคน (กดเพ่ือดู รายช่ือ กระทรวงของไทย)      พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรั ฐมนตรีคนแรกของไทย     32

  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรั ฐมนตรีคนปั จจุบัน  ในสว่ นภูมิภาคประเทศไทยแบง่ สว่ นการปกครองเป็นจังหวัด โดยมีทัง้ หมด 77 จังหวัด (กดท่ีน่ี เพ่ือดูรายช่ือจังหวัดทัง้ หมดในประเทศไทย) รวมกรุงเทพมหานคร โดยมีผูว้ า่ ราชการจังหวัดเป็น หัวหน้าสว่ นราชการของจังหวัด ผูว้ า่ ราชการจังหวัดเป็นขา้ ราชการระดับ 10 ของกระทรวง มหาดไทยซ่ึงข้ึนตรงกับปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกทอดหน่ึง ยกเวน้ ผูว้ า่ ราชการกรุงเทพมหานคร ท่ีไดร้ ั บการเลือกตัง้ โดยตรงจากประชาชน  นอกจากระดับจังหวัด ประเทศไทยยังมีการแบง่ การปกครองในหน่วยท่ีเลก็ ลงไปถึงระดับอาํ เภอ  ตาํ บลและหมูบ่ า้ น โดยท่ีระดับอาํ เภอมีนายอาํ เภอเป็นหัวหน้าหน่วยราชการ โดยข้ึนตรงตอ่ อธิบดี กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สว่ นระดับตาํ บลและระดับหมูบ่ า้ นมีกาํ นั นและผูใ้ หญบ่ า้ น เป็นผูด้ ูแลตามลาํ ดับ โดยท่ีทัง้ สองตาํ แหน่งน้ีตอ้ งไดร้ ั บการเลือกตัง้ โดยตรงจากประชาชนในพ้ืนท่ี  และทัง้ สองตาํ แหน่งน้ีข้ึนตรงตอ่ นายอาํ เภอของพ้ืนท่ีนั น้ ๆ  ตาํ แหน่งผูว้ า่ ราชการจังหวัดและนายอาํ เภอนั น้ ถือวา่ เป็นเจา้ หน้าท่ีของรั ฐ เป็นตัวแทนของสว่ น กลางท่ีสง่ ไปทาํ หน้าท่ีดูแลทุกขส์ ุขของประชาชนในพ้ืนท่ี ในปั จจุบันประเทศไทยไดเ้ พิม่ การบริหาร แบบองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ข้ึนมา เพ่ือให้ประชาชนประชาชนในพ้ืนท่ีไดเ้ ลือกผูบ้ ริหารทอ้ ง ถิน่ ข้ึนมาดูแลความเป็นอยูข่ องตน ซ่ึงแบง่ ออกเป็น 2 ระดับคือ องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด (อบจ.  : ดูภาพรวมทัง้ จังหวัด) และองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล (อบต. : ดูแลเฉพาะในตาํ บลของตน) ใน 33

สว่ นตาํ บลท่ีมีขนาดใหญน่ ั น้ จะไมม่ ีองคก์ ารบริหารสว่ นตาํ บล แตจ่ ะจัดให้มีสมาชิกสภาเทศบาล แทน  การทหารและการป้ องกันประเทศ  ประเทศไทยมีทหารประจาํ การประมาณ 1,000,000 นาย แบง่ ออกเป็น 3 เหลา่ ทัพคือ กองทัพ บก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ โดยทัง้ 3 เหลา่ ทัพข้ึนตรงตอ่ กองบัญชาการกองทัพไทย (กอง บัญชาการทหารสูงสุดเดิม) สว่ นกองบัญชาการกองทัพไทยข้ึนตรงตอ่ กระทรวงกลาโหมอีกตอ่ หน่ึง กองทัพไทยนั บวา่ มีความทันสมัยมากเม่ือเทียบกับประเทศเพ่ือนบา้ นในกลุม่ อาเซียน  เน่ืองจากกองทัพไทยมีอาวุธยุทโธปกรณ์ท่ีครบถว้ นและทันสมัยนั่นเอง เชน่ มีเคร่ืองบนิ ขับไล่ หลายฝูงบนิ ทัง้ F-16 และฝูงบนิ กริพเพน นอกจากน้ียังมีเรือบรรทุกเคร่ืองบนิ หรือเรือหลวงจักรี นฤเบศร ซ่ึงเปรียบเสมือนกองบัญชาการรบเคล่ือนท่ีอีกดว้ ย    เรือหลวงจักรีนฤเบศรแหง่ ราชนาวีไทย         34

กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายในประเทศไทย  ระบบกฏหมายของไทยเป็นระบบไตส่ วน โดยท่ีโจทกแ์ ละจาํ เลยสามารถนําหลักฐาน เอกสารตา่ งๆ มาแสดงตอ่ ศาลเพ่ือให้คาํ ให้การของตนมีนํา้ หนั กมากข้ึนได้ โดยระบบศาลของไทยใชร้ ะบบ 3  ศาล กลา่ วคือมีศาลชัน้ ตน้ ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา หากโจทกห์ รือจาํ เลยไมเ่ หน็ ดว้ ยกับคาํ พิพากษาของศาลใด สามารถย่ืนเร่ืองตอ่ ศาลท่ีสูงข้ึนเพ่ือให้เปล่ียนคาํ พิพากษาได้ แตเ่ ม่ือศาลฎีกา ตัดสนิ แลว้ จะไมส่ ามารถเปล่ียนคาํ ตัดสนิ อีกได้ ศาลทัง้ 3 ระดับน้ีทาํ หน้าท่ีวนิ ิจฉั ยและตัดสนิ คดี เก่ียวกับคดีแพง่ และคดีอาญาทั่วไป  นอกจากระบบศาลยุติธรรม 3 ศาลขา้ งตน้ ประเทศไทยยังมีศาลเฉพาะ ซ่ึงมีหน้าท่ีวนิ ิจฉั ยคดี เฉพาะทาง เชน่   ศาลรั ฐธรรมนูญ มีหน้าท่ีวนิ ิจฉั ยและตัดสนิ คดีท่ีเก่ียวขอ้ งกับกฏหมายรั ฐธรรมนูญ มีศาลเดียว ไม่ สามารถอุทธรณ์ผลการตัดสนิ ได ้ ศาลปกครอง มีหน้าท่ีวนิ ิจฉั ยและตัดสนิ คดีเก่ียวกับการปกครอง ความขัดแยง้ ระวา่ งประชาชนและ หน่วยงานของรั ฐ ความขัดแยง้ ระหวา่ งหน่วยงานของรั ฐดว้ ยกันเอง หรือ ความขัดแยง้ ระหวา่ งเจา้ หน้าท่ีของรั ฐกับหน่วยงานของรั ฐ เป็นตน้ มีสองศาลคือ ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด  ผูท้ ่ีไมเ่ หน็ ดว้ ยกับการตัดสนิ ของศาลปกครองกลาง สามารถย่ืนเร่ืองให้ศาลปกครองสูงสุดวนิ ิจฉั ย เพ่ือเปล่ียนคาํ ตัดสนิ ได ้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผูด้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมือง ท่ีมีหน้าท่ีวนิ ิจฉั ยและตัดสนิ คดีเก่ียวกับ นั กการเมือง มีศาลเดียว ไมส่ ามารถอุทธรณ์ผลการตัดสนิ ได ้ ศาลทหาร มีหน้าท่ีวนิ ิจฉั ยและตัดสนิ คดีเก่ียวกับการกระทาํ ผิดของทหาร หรือ การกระทาํ ผิดตอ่ คาํ สัง่ ของทหารตามพระราชบัญญัติกฏอัยการศกึ มีศาลเดียว ไมส่ ามารถอุทธรณ์ผลการตัดสนิ ได ้       35

เศรษฐกิจของประเทศไทย  ประเทศไทยมีขนาดทางเศรษฐกิจและดั ชน้ี ช้ีวั ดฐานะทางเศรษฐกิจท่ีน่ าสนใจดั งน้ี   – ผลิตภั ณฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) 406,839 ลา้ นดอลลาร์สหรั ฐ (ขอ้ มูลปี 2559 –  ธนาคารโลก)  – อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ.2559 เทา่ กับ 3.2%  – รายไดเ้ ฉล่ียตอ่ หัวประชากร $7,130/คน/ปี หรือเทา่ กับ 228,160 บาท/คน/ปี คดิ เป็น  19,013 บาท/คน/เดือน สูงเป็นอันดับท่ี 4 ในอาเซียนรองจากประเทศสงิ คโปร์ ​บรูไน และ มาเลเซีย  – ประเทศไทยมีทุนสาํ รองระหวา่ งประเทศ 6,305,904.98 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึงวันท่ี 30  มิถุนายน พ.ศ. 2560 – ธนาคารแหง่ ประเทศไทย)  – ตลาดหุ้นไทย มีขนาด Market Cap. 15,586,719.40 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึงวันท่ี 10 สงิ หาคม  พ.ศ.2560 – ตลาดหลักทรั พยแ์ หง่ ประเทศไทย)  – อัตราเงนิ เฟ้ อทั่วไป 0.62% อัตราเงนิ เฟ้ อพ้ืนฐาน 0.55% (ขอ้ มูลถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.  2560 – ธนาคารแหง่ ประเทศไทย)  – อัตราการวา่ งงาน 1.10% (ขอ้ มูลเดือนมิถุนายน พ.ศ.2560 – สาํ นั กงานสถิติแหง่ ชาติ)  – ผูป้ ระกันตนกับสาํ นั กงานประกันสังคม 14,304,908 คน (รวมทัง้ แบบภาคบังคับและแบบ สมัครใจ – ขอ้ มูลถึง 31 กรกฎาคม 2560)  – ยอดสง่ ออก 7,550,704.10 ลา้ นบาท ยอดนําเขา้ 6,888,186.70 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึง 31  ธั นวาคม 2560 – กระทรวงพานิชย)์   – ยอดหน้ีสาธราณะ 4,662,500 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึง 30 มิถุนายน 2560 – ธนาคารแหง่ ประเทศไทย)  36

  การคมนาคมขนสง่   ประเทศไทยมีการคมนาคมขนสง่ ท่ีคอ่ นขา้ งหลากหลายและสะดวกสบาย โดยสามารถแบง่ ออกได้ เป็น 3 เสน้ ทางดังน้ี  การคมนาคมขนสง่ ทางบก การขนสง่ ทางบกของไทยแบง่ ออกเป็นสองชนิดยอ่ ย คือการคมนาคม ขนสง่ ทางถนนและการคมนาคมขนสง่ ระบบราง โดยท่ีประเทศไทยมีถนนท่ีมีความยาวรวมกันทัง้ สน้ิ 64,000 กิโลเมตร และระบบรางความยาวทัง้ สน้ิ 4,346 กิโลเมตร โดยท่ีการขนสง่ ระบบราง ในประเทศไทยเป็นระบบรางเด่ียวสลับกันวงิ่ และอยูใ่ นระหวา่ งการศกึ ษาท่ีจะเปล่ียนไปเป็นระบบ รางคูเ่ พ่ือเพิม่ ความรวดเร็วในการให้บริการ  การคมนาคมขนสง่ ทางนํา้ ประเทศไทยมีการคมนาคมขนสง่ ทางนํา้ ในหลายระดับ ทัง้ ในระดับคู คลองเชน่ เรือโดยสารคลองแสนแสบ ระดับแมน่ ํา้ เชน่ การขนสง่ สนิ คา้ และเรือโดยสารท่ีวงิ่ ให้ บริการในแมน่ ํา้ เจา้ พระยา ระดับประเทศเชน่ การขนสง่ สนิ คา้ ทางเรือโดยเสน้ ทางเดินเรือระหวา่ ง ประเทศ  การคมนาคมขนสง่ ทางอากาศ ประเทศไทยมีระบบการคมนาคมขนสง่ ทางอากาศท่ีทันสมัยและ ครอบคลุมเป็นอันดับตน้ ๆของเอเชีย กลา่ วคือมีทัง้ สายการบนิ ภายในประเทศและสายการบนิ นานาชาติท่ีให้บริการทัง้ การเดินทางของผูค้ นและการขนสง่ าสนิ คา้ ทางอากาศ รายละเอียดของ สนามบนิ หรือทา่ อากาศยานในประเทศไทยมีดังน้ี  – สนามบนิ นานาชาติ 13 แหง่ ไดแ้ ก่ สนามบนิ สุวรรณภูมิ สนามบนิ สุวรรณภูมิ สนามบนิ เชียงใหม่ สนามบนิ เชียงราย สนามบนิ ภูเกต็ สนามบนิ หาดใหญ่ สนามบนิ อูต่ ะเภา สนามบนิ สมุย  สนามบนิ กระบ่ี สนามบนิ สุโขทัย สนามบนิ สุราษฎร์ธานี สนามบนิ อุดรธานี และสนามบนิ อุบลราชธานี   – สนามบนิ ภายในประเทศ สนามบนิ ท่ีให้บริการเฉพาะเท่ียวบนิ ในประเทศของไทยมีทัง้ หมด 25  แหง่     37

  ภั ยธรรมชาติในประเทศไทย  ภั ยธรรมชาติในประเทศไทยมีอยูห่ ลายประเภท ดังน้ี  นํา้ ทว่ ม – เป็นภั ยธรรมชาติท่ีประเทศไทยตอ้ งประสบอยูท่ ุกปี เน่ืองจากประเทศไทยอยูใ่ นเขตท่ีมี ฝนตกชุก อีกทัง้ ป่ าไมถ้ ูกทาํ ลายไปมากจนไมส่ ามารถอุม้ หรือดูดซับปริมาณนํา้ ฝนในแตล่ ะปี ได้ หมด    ภาพนํา้ ทว่ มใหญ่ พ.ศ.2554  พายุฝนฟ้ าคะนอง – เน่ืองจากประเทศไทยอยูใ่ นเขตมรสุมและเป็นแนวเคล่ือนตัวผา่ นของพายุท่ี กอ่ ตัวข้ึนในทะเลจีนใต้ ดังนั น้ ในชว่ งฤดูมรสุมประเทศไทยตอ้ งประสบกับพายุฝนขนาดใหญเ่ ชน่ พายุโซนร้อนและพายุไตฝ้ ่ ุนปี ละ 20-30 ลูก ถึงแมว้ า่ พายุสว่ นใหญจ่ ะออ่ นกาํ ลังลงเม่ือเคล่ือนตัว ถึงประเทศไทย แตก่ ย็ ังสร้างความเสยี หายหนั กทุกปี เชน่ นํา้ ทว่ ม แผน่ ดินถลม่ บา้ นเรือน ประชาชนเสยี หาย ตน้ ไมใ้ หญโ่ คน่ ลม้ ไฟฟ้ าดับ ถนนและสะพานชาํ รุดเสยี หาย เป็นตน้   38

แผน่ ดินไหว – ประเทศไทยมีรอยเล่ือนท่ีพร้อมจะเกิดแผน่ ดินไหวขนาดเลก็ อยูห่ ลายแหง่ โดย เฉพาะในภาคเหนือ โดยเกิดการไหวคอ่ นขา้ งแรงครั ง้ สุดทา้ ยท่ีจังหวัดเชียงรายเม่ือวันท่ี 5  พฤษภาคม พ.ศ.2557 วัดความสัน่ สะเทือนได้ 6.3 ตามมาตราริกเตอร์ และมีอาฟเตอร์ชอ็ คตาม มาอีกนั บพันครั ง้ ตลอดระยะเวลาการไหวนานนั บเดือน สร้างความเสยี หายเป็นวงกวา้ งเกือบทัง้ จังหวัด และผลของการไหวครั ง้ น้ียังสามารถรั บรู้แรงสัน่ สะเทือนไดถ้ ึงกรุงเทพมหานครดว้ ย    ภาพความเสยี หายจากแผน่ ดินไหว จังหวัดเชียงราย  นอกจากแผน่ ดินไหวในประเทศไทศแลว้ ประเทศไทยยังไดร้ ั บผลกระทบจากแผน่ ดินไหวในพ้ืน ท่ีรอบๆประเทศไทยอยูบ่ อ่ ยครั ง้ เน่ืองจากพ้ืนท่ีรอบประเทศไทยเป็นเขตเปลือกโลกท่ียังไมส่ งบ  เกิดการเคล่ือนท่ีบอ่ ย ผลกระทบครั ง้ ใหญท่ ่ีสุดคือ การเกิดแผน่ ดินไหวครั ง้ ใหญข่ นาด 9.3 ริก เตอร์ท่ีประเทศอินโดนีเซีย จนทาํ ให้เกิดคล่ืนยักษ์สนึ ามิพัดถลม่ ชายหาดประเทศตา่ งๆ (รวมถึง ภาคใตข้ องไทย) จนทาํ ให้มีผูเ้ สยี ชีวติ มากกวา่ 200,000 คน เม่ือปี พ.ศ.2547  ภั ยแลง้ – ภั ยแลง้ ในประเทศไทยเกิดข้ึนเกือบทุกปี โดยเฉพาะเม่ือปี กอ่ นหน้ามีปริมาณฝนตกน้อย  เข่ือนตา่ งๆไมส่ ามารถเกบ็ กักนํา้ ไดต้ ามปริมาณท่ีตอ้ งการ ทาํ ให้ปี ถัดไปมีนํา้ ไมเ่ พียงพอตอ่ การ อุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ไมเ่ พียงพอตอ่ การทาํ เกษตรกรรมท่ีใชน้ ํา้ มากและการ ไลน่ ํา้ เคม็   39

  ประเทศไทยกับองคก์ รระหวา่ งประเทศ  ประเทศไทยเป็นสมาชิกขององคก์ รระหวา่ งประเทศหลายแหง่ ทัง้ องคก์ รขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ ดั งน้ี   – องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations, UN)  – สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN)  – ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economics Community, AEC)  – องคก์ รการคา้ โลก (World Trade Organization, WTO)  – การประชุมเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม (Asia-Europe Meeting, ASEM)  – องคก์ รความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเซีย-แปซิฟิค (Asia-Pacific Economic  Cooperation, APEC)  – องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Organization, ILO)  – กองทุนสัตวป์ ่ าโลกสากล (World Wildlife Fund, WWF)          40

ความสัมพันธร์ ะหวา่ งประเทศไทยกับประเทศอ่ืน  ประเทศไทยมีความสัมพันธก์ ับตา่ งประเทศมาอยา่ งยาวนาน โดยมีการจัดตัง้ สถานทูตและสถาน กงสุลในตา่ งประเทศจาํ นวนมาก และมีประเทศตา่ งๆเขา้ มาตัง้ สถานทูตและสถานกลสุลใน ประเทศไทยมากมายเชน่ กัน มีรายละเอียดดังน้ี  – สถานทูตไทยในตา่ งประเทศ มีทัง้ หมด 65 แหง่   – สถานกงสุลไทยในตา่ งประเทศ มีทัง้ หมด 27 แหง่ และสาํ นั กงานการคา้ ในไตห้ วัน 1 แหง่   – สถานทูตตา่ งประเทศในประเทศไทย มีทัง้ หมด 74 แหง่   – สถานกงสุลตา่ งประเทศในประเทศไทย มีทัง้ หมด 13 แหง่   หมายเหตุ กดท่ีน่ี เพ่ือดูรายช่ือสถานทูตและสถานกงสุลตา่ งประเทศประจาํ ประเทศไทย  แหลง่ ทอ่ งเท่ียวในประเทศไทย  ประเทศไทยถือไดว้ า่ เป็นประเทศท่ีร่าํ รวยแหลง่ ทอ่ งเท่ียวและมีความหลากหลายของแหลง่ ทอ่ ง เท่ียวมากท่ีสุดประเทศหน่ึงของโลก แหลง่ ทอ่ งเท่ียวในประเทศไทยสามารถแบง่ ออกเป็นกลุม่ ใหญๆ่ ไดด้ ังน้ี  – แหลง่ ทอ่ งเท่ียวเชิงประวัติศาสตร์ เชน่ อุทยานประวัติศาสตร์ พิพิธภั ณฑสถานแหง่ ชาติ  พิพิธภั ณฑว์ ถิ ีชีวติ อนุเสาวรียบ์ ุคคลสาํ คัญ เมืองหรือแหลง่ อารยธรรมเกา่ แก่ และปราสาทหิน  เป็นตน้   – แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางธรรมชาติ เชน่ ภูเขา (ดอย/ภู) นํา้ ตก ถาํ้ เหว หน้าผา จุดชมววิ อุทยานแหง่ ชาติ วนอุทยาน เ​ ขตรั กษาพันธุส์ ัตวป์ ่ า ​เขตห้ามลา่ สัตวป์ ่ า ป่ าสงวนแหง่ ชาติ ทะเลสาบและบงึ ธรรมชาติ เป็นตน้   – แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางทะเล เชน่ เกาะและหมูเ่ กาะตา่ งๆ ชายหาด แหลมและอา่ วตา่ งๆ เป็นตน้   41

– แหลง่ ทอ่ งเท่ียวทางศาสนาและความเช่ือ เชน่ วัด โบสถ์ มัสยดิ เจดียแ์ ละพระธาตุ เป็นตน้   – แหลง่ ทอ่ งเท่ียวสมัยใหม่ เชน่ ห้างสรรพสนิ คา้ สวนนํา้ สวนนก สวนสัตว์ ตลาดนํา้ ตลาดนั ด  สถานแสดงพันธุส์ ัตวน์ ํา้ ฟาร์มสัตวป์ ระเทศตา่ งๆ รีสอร์ท สถานตากอากาศ และสวนสาธารณะ  เป็นตน้       ระบบการศกึ ษาในประเทศไทย  ประเทศไทยมีการจัดการเรียนการสอนตัง้ แตร่ ะดับเตรียมอนุบาลจนถึงระดับปริญญาเอก โดยมี โรงเรียนในระดับประถมศกึ ษาจาํ นวน 39,181 แหง่ (ขอ้ มูลถึง พ.ศ.2555) โรงเรียน มัธยมศกึ ษาจาํ นวน 2,232 แหง่ (ขอ้ มูลถึงปี พ.ศ. 2556) และมีสถาบันอุดมศกึ ษาและ มหาวทิ ยาลัย ทัง้ ของรั ฐและเอกชนทัง้ สน้ิ 166 แหง่ (ขอ้ มูลถึง พ.ศ.2557) โดยมีมหาวทิ ยาลัย สงฆ์ 2 แหง่ คือ มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวทิ ยาลัย และ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราช วทิ ยาลัย        42

  การพูดในโอกาสตา่ งๆ ​๑. การแนะนําตนเอง จะตอ้ งบอกรายละเอียดดังน้ี ๑.๑ คาํ นํา กลา่ วทักทายผูฟ้ ั ง เชน่ “ทา่ นประธาน พิธีกร และเพ่ือนสมาชิก ทุกทา่ น” ๑.๒ ช่ือ-สกุล ๑.๓ ถิน่ กาํ เนิด ๑.๔ การศกึ ษา ๑.๕ ความรู้ความสามารถพิเศษ ๑.๖ งานอดิเรก ๑.๗ หลักหรือแผนการดาํ เนินชีวติ ๑.๘ ท่ีอยูป่ ั จจุบัน 43

ตัวอยา่ ง “เรียนทา่ นอาจารยท์ ่ีเคารพ สวัสดีคะ่ เพ่ือนๆ ทุกคน ดิฉั น ด.ญ. ............ เกิดท่ี จังหวัดชัยภูมิ ยา้ ยตามบดิ ามารดามาอยูท่ ่ีจังหวัดน้ีได้ ๓ ปี แลว้ ดิฉั นเป็นบุตรคนสุดทอ้ ง ดิฉั นจบ ชัน้ ประถมปี ท่ี ๖ จากโรงเรียนวัดน้อยใน จังหวัดชัยภูมิ ดิฉั นชอบเรียนวชิ าศลิ ปะมาก เคยเขา้ ประกวดงานศลิ ปะนานาชาติไดร้ ั บรางวัลชนะเลิศอันดับท่ี ๒ เม่ือดิฉั นมีเวลาวา่ ง ดิฉั นจะ วาดภาพและชว่ ยคุณพอ่ ปลูกตน้ ไม้ ดิฉั นคดิ วา่ ถา้ ดิฉั นเรียนจบมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ดิฉั นจะ ไปเรียนตอ่ วทิ ยาลัยเพาะชา่ ง ในอนาคตดิฉั นจะเป็นนั กวาดภาพท่ีดีคะ่ ” ​๒. การแนะนําผูอ้ ่ืน มีหลักการดังน้ี ๒.๑ แนะนําสัน้ ๆ ๒.๒ แนะนําเฉพาะสงิ่ ท่ีดี ไมก่ ลา่ วเร่ืองท่ีไมเ่ หมาะสม ๒.๓ ตอ้ งแนะนําให้สุภาพบุรุษไดร้ ู้จักกับสุภาพสตรี ๒.๔ แนะนําผูอ้ อ่ นอาวุโสให้รู้จักผูอ้ าวุโส ๒.๕ การแนะนําบุคคลตอ่ ท่ีประชุมหรือชุมชนตา่ งๆ ให้เอย่ ถึงกลุม่ ชนกอ่ น ตัวอยา่ ง “ทา่ นผูม้ ีเกียรติทัง้ หลาย ผูท้ ่ีจะพูดตอ่ ไปน้ี คุณเยน็ ใจ รั กฤดู ผูจ้ ัดการฝ่ ายบุคคล บริษั ทธนากรพืชผลจาํ กัด ทา่ นจบการศกึ ษาระดับปริญญาตรี จากมหาวทิ ยาลัยเกษมบัณฑิต ทางดา้ นการตลาด ทา่ นปฏิบัติงานดว้ ยความมานะ อุตสาหะ จนไดร้ ั บโลเ่ กียรติยศดีเดน่ ในดา้ น พนั กงานผูม้ ีความขยันเป็นเลิศ เม่ือปี พ.ศ.๒๕๔๕ จากสมาคมการตลาดแหง่ ประเทศไทย ทา่ นเคยไปศกึ ษาดูงานท่ีประเทศแคนาดา สหรั ฐอเมริกา รั สเซียเป็นประจาํ และในวันน้ีทา่ น สละเวลาอันมีคา่ ให้เกียรติม์ าบรรยายเร่ือง “แรงงานไทยคือหัวใจของชาติ” ขอเชิญทา่ นรั บฟั ง แนวคดิ ของทา่ นวทิ ยากรไดแ้ ลว้ ครั บ” ​๓. การกลา่ วขอบคุณ ใชใ้ นโอกาสท่ีมีผูช้ ว่ ยเหลือหรือมีบุญคุณแกเ่ รา โดยใช้ ขอบใจ ใชก้ ับคนท่ีมีอายุน้อยกวา่ ขอบคุณ ใชก้ ับคนท่ีเสมอกันหรือผูท้ ่ีอาวุโสกวา่ ขอบพระคุณ ใชก้ ับคนท่ีตอ้ งการยกยอ่ งหรือผูท้ ่ีเคารพมาก เชน่ 44

“ดิฉั นรู้สกึ ซาบซ้ึงในความกรุณาของทา่ นอาจารยเ์ ป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีไดใ้ ห้ความรั ก ความ อนุเคราะหด์ ิฉั นมาโดยตลอด ดิฉั นขอกราบขอบพระคุณอาจารยท์ ่ีดิฉั นรั กประดุจแมค่ ะ่ ขอบพระคุณคะ่ ” ​๔. การกลา่ วอวยพร เป็นการแสดงความยนิ ดีในโอกาสตา่ งๆ เชน่ งานวันเกิด งานมงคลสมรส งานข้ึนบา้ นใหม่ งานปี ใหม่ งานฉลองการเล่ือนยศ มีหลักการพูดดังน้ี ๔.๑ กลา่ วแสดงความยนิ ดีท่ีไดร้ ั บเกียรติให้ข้ึนมากลา่ วอวยพร ๔.๒ กลา่ วถึงความสัมพันธข์ องผูพ้ ูดตอ่ เจา้ ภาพ ๔.๓ กลา่ วถึงคุณความดีและเกียรติคุณหรือผลงานเดน่ ๆ ของเจา้ ภาพ ๔.๔ กลา่ วอวยพรขอให้เจา้ ภาพมีอายุยืนยาวนานมีความสุขความเจริญกา้ วหน้ายงิ่ ๆ ข้ึนไป ตัวอยา่ ง “สวัสดีคะ่ ทา่ นผูม้ ีเกียรติทุกทา่ น ดิฉั นรู้สกึ ยนิ ดีเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีไดร้ ั บเกียรติมากลา่ วอวยพรคุณยาใจ แมว้ า่ คุณยาใจจะมีอายุครบ ๕๐ ปี บริบูรณ์แลว้ แตค่ วามขยันของทา่ นมิได้ ลดลง สุขภาพของทา่ นกย็ ังแขง็ แรงยังสามารถทาํ งานร่วมกับดิฉั นไดอ้ ีกนาน คุณยาใจเป็นคน ท่ีทาํ งานไดด้ ีมาก มนุษยสัมพันธด์ ีเป็นเลิศ ไมเ่ ลือกท่ีรั กมักท่ีชัง และในโอกาสน้ีดิฉั นขอ อาราธนาคุณพระศรีรั ตนตรั ยและสงิ่ ศักดิส์ ทิ ธิ์ทัง้ หลายจงปกปั กคุม้ ครองให้คุณยาใจปราศจากโรค ภั ยทัง้ ปวงมีความกา้ วหน้าในการทาํ งาน มีอายุยืนยายตลอดไปเทอญ สวัสดีคะ่ ” ๕. การกลา่ วตอบคาํ อวยพร มีวธิ ีการพูดดังน้ี ๕.๑ ขอบคุณผูท้ ่ีมาร่วมงานทุกคนและซาบซ้ึงท่ีไดใ้ ห้เกียรติมาในงานครั ง้ น้ี และขอบคุณผูท้ ่ีมีสว่ นร่วมในการจัดงาน ๕.๒ พูดแสดงความจริงใจตอ่ คาํ อวยพรท่ีได้ ๕.๓ กลา่ วขอให้ร่วมสนุกในงานตอ่ ไป 45

ตัวอยา่ ง “กระผมขอขอบพระคุณทุกทา่ นท่ีไดใ้ ห้เกียรติมาร่วมงานแสดงความยนิ ดีกับกระผมใน วันน้ี พรใดท่ีทา่ นมอบให้ผม ผมขอน้อมรั บไวแ้ ละขอสัญญาวา่ ผมจะทาํ ตามคาํ แนะนําของ ทุกทา่ นดว้ ยครั บ ถา้ มีสงิ่ ใดท่ีบกพร่องในงานน้ี ผมขออภั ยมา ณ ท่ีน้ีดว้ ย สวัสดีครั บ” ​๖. การกลา่ วแสดงความดีใจ – เสยี ใจ มีหลักการพูดดังน้ี ๖.๑ ใชส้ หี น้าทา่ ทาง นํา้ เสยี งให้สอดคลอ้ งกับเน้ือเร่ือง ๖.๒ พูดให้สัน้ ๆ ไดใ้ จความดี ประทับใจ ตัวอยา่ ง “สวัสดีคะ่ คุณสายบัว ดิฉั นของแสดงความยนิ ดีกับความสาํ เร็จท่ีคุณไดร้ ั บในวันน้ี พวกเราจะมีบัณฑิตท่ีเกง่ กลา้ เพิม่ อีกคนหน่ึงแลว้ ดว้ ยความยนิ ดีจากใจจริงคะ่ ” ​๗. การกลา่ วตอ้ นรั บ เม่ือมีคนมาเย่ียมบา้ น สถานท่ี บุคคล การกลา่ วตอ้ นรั บตอ้ ง แสดงความมีนํา้ ใจแกแ่ ขกและให้แขกมีความอบอุน่ ในการมาเยือน มีหลักการพูดดังน้ี ๗.๑ พูดเสยี งดังฟั งชัด เตม็ เสยี ง วาจาสุภาพ นุ่มนวล ๗.๒ สหี น้าทา่ นทางแสดงความยนิ ดีท่ีไดต้ อ้ นรั บ และกลา่ วแสดงความยนิ ดีท่ีไดม้ ีโอกาสตอ้ นรั บ ๗.๓ กลา่ วถึงความสัมพันธอ์ ันดีตอ่ กันและการมาเยือนถือวา่ ให้เกียรติเจา้ ของบา้ น ๗.๔ กลา่ วถึงความเตม็ ใจท่ีไดต้ อ้ นรั บคณะผูม้ าเยือนและเชิญพักผอ่ นตามอัธยาศัย ๗.๕ กลา่ วถึงโอกาสสาํ คัญท่ีคณะไดม้ าเย่ียม โอกาสหน้าคงมาเย่ียมใหม่ ๗.๖ หากมีแขกตอ้ งการพบบุคคล แลว้ บุคคลนั น้ ไมอ่ ยู่ อาจพูดให้คอยพบ ในกรณีท่ีสามารถ ไปตามบุคคลนั น้ ได้ โดยรีบไปเป็นธุระให้ ถา้ ไมส่ ามารถไปตามบุคคลนั น้ มาพบได้ ควร ถามแขกวา่ จะสัง่ ขอ้ ความใดถึงบุคคลนั น้ หรือไม่ 46

ตัวอยา่ ง “สวัสดีครั บคุณป้ า (ยกมือไหวแ้ ขก) ผมรู้สกึ ยนิ ดีมากครั บ ท่ีคุณป้ าให้เกียรติมาเย่ียม วันน้ี เชิญขา้ งในบา้ นกอ่ นครั บ (ชว่ งน้ีไปหานํา้ มาบริการแขก) ตอ้ งการพบคุณพอ่ หรือครั บ แหม! เสยี ดายจริงๆ ทา่ นเพิง่ ไปตลาดเด๋ียวน้ีเอง คุณป้ าพอจะรอไดไ้ หมครั บ หากมีธุระร้อน จริงๆ ผมจะให้คนไปตามให้นะครั บ.......................เชิญคุณป้ าด่ืมนํา้ กอ่ นตามสบายนะครั บ” 47

48

49


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook