PURRA

นิตยสารรายเดือน ฉบับที่: 1

Page 3: จดหมายจากทีมงาน Page 4-8: แนะนำทีม Page 9-10: โครงการ รัตนโกสินทร์ Page 11-16: สัมภาษณ์ Page 17-18: จิตอาสา Page 19-28: ประเพณีต่างๆ ของภาคกลาง Page 29-34: โปสเตอร์ Page 35: บทสรุป

จดหมายจากทีมงาน

อับดุลลาห์ โอมาร์ อะลาวาดี ดำเนินงานเรื่องจิตอาสา ในนิตยสารฉบับนี้

ฉัตรรวี บุ๊ค อำพันยุทธ์ ดำเนินงานในการสัมภาษณ์ ในนิตยสารฉบับนี้

สหภาพ ปลื้ม ภูมิตระกูล เป็นหัวหน้ากลุ่มนี้ ดำเนินงาน ในส่วนประเพณีไทย หน้าแนะนำสมาชิกกลุ่ม และ จดหมายจากทีมงาน

แอรอน ปิยวัฒนเมธา ดำเนินงานในส่วนแก้ไข และเพิ่มรายละเอียดให้ ทั้งนิตยสาร หน้าโครงการ รัตนโกสินทร์ และเพิ่มเติม ข้อมูลในส่วนประเพณีไทย ให้มากขึ้น

ภัทธนันท์ ฟอส พรหมศิริ ดำเนินงานหาข้อมูล โครงการนิตยสารฉบับนี้ และแก้ไขเพิ่มเติมใน นิตยสาร

ทางทีมงานได้เริ่มต้นการเดิน ทางจากสนามหลวง คราวนี้มา กันเป็นกลุ่ม 5 คนเที่ยวเกาะ รัตนโกสินทร์ในกลุ่มนี้มี ปลื้ม,เจฟ,โอมาร์,แพน, และ บุ๊ก ทั้ง 5 คนนี้ได้ถ่ายวิดีโอ สถานที่ท่องเที่ยวบริเวณเกาะ รัตนโกสินทร์ เช่น สนามหลวง วัดศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระ แก้ว) อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ร้านมนต์นมสด และ เยาวราช ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ถนนเยาวราชยาว 1510 เมตรหรือชื่อจริงของวัด พระแก้วคือวัดพระ ศรีรัตนศาสดารามและ ร้านมนต์นมสดตำนานความ อร่อยกว่า 50 ปี

ภาพทางด้านล่างคือ เด็กชายเข้ม เขาอยู่ที่กระทรวงกลาโหมบริเวณ หน้าลานข้างปืนใหญ่ เข้มกำลัง พูดถึงประวัติเกี่ยวกับกระทรวง กลาโหม และประวัติที่มาของปืน ใหญ่โบราณ \"พญาตาณี\" ราชา แห่งสนามรบ ตั้งตระหง่านสวยเด่นทางด้านหลัง ของเด็กชายแอรอนคือ วัดพระแก้ว โดยในภาพด้านบน แอรอนกำลัง บรรยายประวัติของวัดพระแก้ว ร่วมถึงข้อควรปฏิบัติในการมาท่อง เที่ยวที่วัดพระแก้ว แต่ทางทีมงาน ไม่ได้เข้าไปถ่ายทำทางด้านในเพราะ ไม่ได้รับอนุญาตให้บันทึกวิดีโอ

อายุ: 18 วันที่เกิด: 5 กรกฎาคม 2546 จบการศึกษา: RIS ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน เป็น ศิษย์เก่าที่จบ RIS เมื่อปีที่ แล้ว เขากำลังทำงานใน วงการบันเทิงภายใต้สังกัด gmmtv ในฐานะนักแสดงที่ ประสบความสำเร็จในขณะนี้ ภูวินทร์ ตั้ง ศักดิ์ยืน มี ความสามารถในการเล่น เปียโนและได้รับรางวัล มากมายสำหรับงานทาง ด้านการแสดงส่วนใหญ่ ละครที่เขาแสดงได้รับ กระแสตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี คะแนนดีมาก จากค่าเฉลี่ยประมาณ 7-8/10 ซึ่งดีมาก

สำหรับการสัมภาษณ์ ทางทีมงานได้รับ เกียรติจากพี่ภูวิน ซึ่งถึงแม้จะมีตาราง งานที่แน่น แต่ก็ยังสละเวลามาให้ สัมภาษณ์ทางวิดีโอคอล ทางทีมงานได้ ถามคำถามทั้งหมด 11 ข้อ โดยคำถาม ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับงานและชีวิตของ พี่ภูวินทร์

1. ขออนุญาตให้พี่ภูวินทร์ช่วยเเนะตัวเองให้ฟังหน่อยครับ ? 2. อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้พี่ภูวินทร์เป็นนักแสดง ? 3. พี่ภูวินทร์ค้นพบความน่าสนใจในการแสดงและการสร้างแบบ จำลองได้อย่างไร? (ไอดอล, การแสดงด้านไหน, ถ่ายแบบ,หรือเต้น) 4. อะไรเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่พี่ภูวินเอาชนะได้? 5. พี่ภูวินทร์จะแนะนำการแสดง/การสร้างแบบจำลองหรือไม่? 6. มีการพัฒนาตนเองอย่างไร วิธีการดูแลตัวเองให้ดูดีตลอดเวลา 7. เคยเจออุปสรรคหรือปัญหาในการทำงานหรือไม่ และแก้ไข อย่างไร ? 8. พี่ภูวินทร์อยากจะฝากผลงานปัจจุบันและช่องทางการติดตาม ว่าจะติดตามผลงานหรือชีวิตของพี่ภูวินช่องทางไหนบ้างไหม ครับ ? 9. พี่ภูวินทร์ตัดสินใจเข้าสู่วงการการแสดง/นายแบบตั้งแต่ เมื่อไหร่ ? 10. พี่ภูวินทร์เเบ่งเวลาการเรียน การทำงาน และเวลาส่วนตัว อย่างไรครับ? 11. งานของพี่ภูวินทร์ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ covid-19 อย่างไรบ้างครับ?



6. การพัฒนาตัวเองต้องมีอยู่แล้วไม่ว่าจะทำอาชีพใดก็ตาม ไม่งั้น เราก็จะทำออกมาได้ไม่ดี ดังนั้นเราต้องมีการเรียนรู้และขนขวาย ในสิ่งที่เรากำลังทำ เช่น ถ้าเราอยากเป็นครู เราก็ต้องเรียนรู้ว่าจะ สอนเด็กอย่างไรให้สนุก เราจะทำอย่างไรให้เด็กเข้าใจในสิ่งที่เรา สอน การแสดงเองก็เช่นเดียวกัน ใช้วิธีศึกษาจากมืออาชีพว่าเขา ทำกันอย่างไร เล่นอย่างไร แล้วฝึกฝนตาม เข้าคลาสต่างๆ รวม ทั้งปรับปรุงจากฟีดแบ็คของคนดู สำหรับการดูแลตัวเองก็เป็น ส่วนหนึ่งของงานเพราะเป็นงานที่ต้องใช้หน้าตา พยายามไม่ให้ เป็นสิว ทาครีม เพื่อให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ 7. ในทุกการทำงานย่อมต้องมีอุปสรรค อุปสรรคของการแสดง หลักเลยก็คือ การจูนเข้าหาตัวละคร เพราะหลายๆครั้ง ประสบการณ์ของตัวละคร ไม่ตรงกับประสบการณ์ของตัวเรา ดังนั้นเราต้องพยายามทำความเข้าใจกับมันให้ได้ว่าสิ่งที่ตัวละคร รู้สึกเขารู้สึกอย่างไร เขาทำสิ่งต่างไปเพื่ออะไรเพราะว่า การแสดง ก็คือการทำตามชีวิตจริง อะไรก็ตามเมื่อทำการแสดงแล้วคนดู รู้สึกว่ามันเรียล ดูสมจริง ดูสมเหตุสมผล เป็นอะไรที่คนดูชอบ คนนี้เล่นเก่ง คนนี้เล่นดี 8. หลักๆก็ติดตามทางอินสตราแกรม มีผลงานอะไร มีอัพเดท อะไรสามารถติดตามได้ทางนั้น ส่วนผลงานตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไร แต่จะคอยอัพเดทอยู่เรื่อยๆ ครับ

9. เริ่มต้นจากการแคสต์โฆษณาตอนเกรดห้า จากการตามน้อง สาว น้องมินนี่ไป พอแคสต์แล้วก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นในวงการ บันเทิง จนได้รับโอกาสในด้านงานละครต่างๆ และยิ่งค้นพบว่า ตัวเองชอบการแสดงและมีความสามารถทางด้านนี้จริงๆ ทำ แล้วสนุก ทำแล้วไม่เบื่อ แล้วก็พยายามอัพสกิลตัวเองในด้านนี้ เรื่อยๆ 10. ก็ดูก่อนว่าอะไรสำคัญที่สุด แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่ กับโฟกัสของแต่ละคน แต่ตัวพี่การเรียนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่า มันเป็นสิ่งที่มั่นคงที่สุด ดังนั้นก็เรื่องเรียนจะมาก่อน เสมอ ถ้าเวลางานมาตรงกับเวลาเรียน ก็จะเอาเรียนก่อน ส่วน เรื่องงานเป็นเรื่องรองลงมา มีเวลาว่างจึงค่อยไปทำ แล้วเวลาที่ เหลือหลังจากนั้นคือเวลาส่วนตัว ซึ่งก็ไม่ค่อยมีหรอก 11. ได้รับผลกระทบเยอะเลย คือ เวลาถ่ายละครจะใช้เวลาหกโมง ถึงสี่ทุ่ม แล้วในหนึ่งกองถ่ายจะมีทีมงานอยู่ทั้งหมดประมาณห้า สิบถึงหกสิบคน ดังนั้นตั้งแต่โควิดการถ่ายทำซีรีย์คือ ถ่ายไม่ได้ เลย เพราะเรื่องมาตรการในการจำกัดจำนวนคนที่ห้ามเกินห้าคน มันไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว ดังนั้นอะไรที่เกี่ยวกับละครก็จะถูก เบรคไปเลย ส่วนอีเว้นท์กับโฆษณาก็จะคล้ายๆกันที่ไม่สามารถ ทำได้จึงกระทบกับรายได้เพราะรายได้หลักของนักแสดงมาจาก สิ่งเหล่านี้ เรียกได้ว่ารายได้ส่วนนี้หายไปเลย พอสถานการณ์ โควิดเริ่มดีขึ้นทุกอย่างก็ค่อยๆกลับมา

“จิตอาสา” เป็นการให้ การเสียสละ ทํากิจกรรม เพื่อสาธารณะประโยชน์ หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทน ด้านหนึ่งก็ เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเองเพื่อลดอัตตาตนเอง โดยทางทีมงานได้บริจาคเงินสนับสนุน โครงการปลูกต้นไม้ออนไลน์ สนับสนุนค่าอุปกรณ์และค่าดำเนินโครงการ เมื่อบริจาคแล้วต้นไม้จะถูกเพาะชำเพื่อแจกจ่าย ให้กับประชาชนทั่วไปนำไปปลูก ตามกำหนดการ ที่กำหนด



ประเพณีต่างๆ ของภาคกลาง

ประเพณีโกนจุก: พิธีโกนจุกเป็นพิธีกรรมและประเพณีโบราณ และยังคงมีการ​ปฏิบัติสืบมาจนถึงทุกวันนี้ กล่าวคือเมื่อเด็ก ย่างเข้าสู่วัยรุ่น ชาย 13 ถึง 15 ปี หญิง 11 ปี จะต้องตัดจุก เพื่อทำให้ให้มีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วยทำให้ชีวิตของเด็ก อยู่เย็นเป็นสุข เริ่มจากทางเจ้าภาพจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ จำเป็นสำหรับพิธี พร้อมทั้งตกแต่งสถานที่ให้สวยงาม โดย ทั่วไปพิธีจะมีสองวัน วันแรกจะนิมนต์พระมาสวดและเชิญ พราหมณ์มาประกอบพิธีตัดจุก หลังจากนั้นจะมีการกินเลี้ยง ฉลองในช่วงกลางคืน

วันที่ 13 ถึง 15 เมษายน เป็นงานพิเศษที่เรียกว่า สงกรานต์ ซึ่งมีการ เฉลิมฉลองปีละครั้ง สงกรานต์เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2532 แต่ละวันของ งานสงกรานต์มีจุดประสงค์ที่มีความหมายต่างกัน ในวันแรก บางคน ทำความสะอาดบ้านเพื่อลบโชคร้าย งานหลักของวันนี้คือการเทน้ำชนิด พิเศษลงบนขาและลำตัวของพระพุทธรูปขนาดเล็ก ประชาชนเตรียม อาหารถวายพระในวันที่ 2 วันที่ 2 มีพิธีสำคัญที่เรียกว่าน้ำฮัว ถวาย ดอกไม้ชนิดพิเศษให้พ่อแม่และรดน้ำถวายพระพรบนพระหัตถ์ด้วยการ แสดงความรักและความเคารพวันสุดท้ายของสงกรานต์เป็นวันที่เรา บริจาคอาหารที่เตรียมไว้ให้พระสงฆ์ บางคนทำพิธีกรรมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้มีโชคมากขึ้นโดยรวมแล้วสงกรานต์เป็นงาน 3 วันที่แสดงความ รักและความเคารพต่อทุกคนและเป็นงานสำคัญที่คุณควรเข้าร่วม

พิธีการแต่งงานแบบไทยภาคกลาง ประกอบด้วยพิธีสงฆ์ พิธีขันหมากซึ่ง โดยฝ่ายเจ้าบ่าวจะตั้งขบวนแห่ขันหมาก เดินขบวนไปยังบ้านเจ้าสาวตาม เวลาที่กำหนดไว้ เมื่อถึงบ้านเจ้าสาวเจ้าบ่าวก็จะต้องผ่านด่านพิธีกั้นประตู ทั้ง ๓ คือ ประตูนาก ประตูเงิน และประตูทอง โดยเจ้าบ่าวจะเตรียมซอง เงินไว้ เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนขอผ่านประตู เพื่อนำเจ้าสาวมาทำพิธีสู่ขอ และพิธีนับสินสอด และต่อด้วยพิธีสวมแหวนหมั้น พิธีหลั่งนํ้าพระพุทธ มนต์และประสาทพร โดยคู่บ่าวสาวจะนั่งที่ตั่งเพื่อทำพิธีรดนํ้าสังข์ ซึ่งเจ้า สาวต้องนั่งด้านซ้ายของเจ้าบ่าว ประธานในพิธีคล้องพวงมาลัย สวม มงคลแฝดบนศีรษะของบ่าวสาว พร้อมกับเจิมที่หน้าผาก จากนั้นประธาน หลั่งนํ้าพระพุทธมนต์และประสาทพรให้บ่าวสาว ตามด้วยพ่อแม่ ญาติ ผู้ใหญ่ ผู้ร่วมงานและแขกคนอื่นๆ จากนั้นจะเป็นพิธีรับไหว้ผู้ใหญ่ โดยการ ผูกสายสิญจน์ที่ข้อมือคู่บ่าวสาว พร้อมกับให้พรและใส่ซองเงินหรือของมี ค่าอย่างอื่นลงบนพานให้ไว้เป็นเงินทุนในการสร้างครอบครัว จากนั้นจะ เป็นการกินเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรส และพิธีส่งตัวเข้าหอ ซึ่งผู้ใหญ่จะ กล่าวให้โอวาทเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่แก่คู่บ่าวสาว

ประเพณีสู่ขวัญข้าว คือการสู่ขวัญข้าวหรือบูชาแม่โพสพนั้นเป็นการ ขอบคุณแม่โพสพที่ได้ช่วยเหลือในการผลิตเมล็ดข้าวตลอดถึงการ ดูแลรักษาให้ข้าวกล้างอกงามอกรวงให้ผลเป็นที่น่าพอใจชาวนาจึง ทำการสักการบูชา ประเพณีนี้มีการเรียกอย่างชาวบ้านว่าสู่ขวัญข้าวหรือ ฮ้องขวัญแม่ โพสพ การทำแบบนี้เป็นความเชื่อซึ่งสืบต่อกันมาว่าแม่โพสพเป็น ธิดาผู้รักษาธัญชาติ คือ ข้าวกล้า นางเป็นเพื่อนแก่มนุษย์ทั้งหลายให้ ความสวัสดีแก่ผู้คนมาช้านาน ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลาย มีความซาบซึ้งในตัวแม่โพสพจึงทำการสู่ขวัญให้นางมีความสุขและ เบิกบานใจ โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบประเพณีนี้ได้ตามภาคกลางของ ประเทศไทย

หรือบริเวณพื้นที่ราบลุ่มที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวของประเทศ ซึ่ง การประกอบพิธีนั้นจะมีกระบวนการและสิ่งของที่จำเป็นหลายอย่าง ในการสู่ขวัญ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารหรือสิ่งของที่ชุมชนนั้นๆเชื่อว่า เป็นการนำมาบูชาพระแม่โพสพ และขั้นตอนที่สำคัญคือการกล่าวบท สวดหรือบทบูชาเพื่อทำการขอบคุณตามความเชื่อของชาวบ้านในชุม ชนนั้นๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำรวงข้าวมามัดทำเป็นเครื่องบูชา ร่วมด้วย ในปัจจุบันพิธีการสู่ขวัญข้าวจะไม่ค่อยพบเห็นได้มากนักเหมือน สมัยก่อน เนื่องจากการทำนาของชุมชนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป มี การใช้เครื่องจักรเข้ามาร่วมในการทำนามากขึ้น ผู้คนเรื่มหลงลืม พิธีการต่างๆ จึงทำให้ประเพณีนี้เริ่มหายไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ประเพณีใดก็ตาม พวกเราควรที่จะอนุรักษ์และศึกษาให้สิ่งเหล่านี้อยู่ กับเราไป เพื่อนำไปสอนให้แก่คนรุ่นต่อๆไป

ประเพณีเป็นที่รู้จักกันในนาม “ประเพณี แห่เทียนพรรษา” สมัยนั้นพิธีนี้ทำโดย การนำเทียนเล่มเล็กมาชิดกันและรวม กลุ่มกันเพื่อทำเทียนเล่มใหญ่ ตอนนี้ เสร็จสิ้นด้วยเทียนเล่มใหญ่แล้วและมี คน/คนทำงานศิลปะจากพวกเขา ผู้คน ทำสิ่งนี้เพื่อแสดงความสามัคคี

ประเพณีผีตาโขนเป็นงานประเพณีประจำปี ของชาวอำเภอด่านซ้าย.เทศกาลที่นี้จะเกิด ขึ้นในเดือนกันยายน. ประเพณีนี้จะมา ตั้งแต่โบราณ. ผีตาโขน เคยมีชื่อเรียกว่า ผี ตามคน มันจะเป็นเทศกาลที่ได้รับอิทธิพล มาจากมหาเวสสันดรชาดก(กล่าวถึงพระ ชาติสุดท้ายของพระโพธิสัตว์) ในทาง พระพุทธศาสนา.

ป็นประเพณีที่น่าภาคภูมิใจของ ชาวนครพนม เป็นการบูชาท้าว พระพรหมรอบพระบาท พระพุทธเจ้า การบูชาพระธาตุ จุฬามณี และการระลึกถึง พระคุณของพระแม่คงคา สวด มนต์ขอฝน และบูชา พระพุทธเจ้า

ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่คน อีสาน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และประเทศลาวจัดทําเพื่อเป็นการขอ ฝน ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีที่ มีความงดงามทางวัฒนธรรมเเละ เป็นประเพณีที่ส่งเสริมความสามัคคี ในชุมชน โดยประเพณีบุญบั้งไฟ ประกอบไปด้วยนิทานพื้นบ้านของ ภาคอีสานเเละกระบวนการของ ประเพณี

โปสเตอร์