วจิ ยั ในชนั้ เรียน การพัฒนาแบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรยี นรู้ ทส่ี อดคลอ้ งกับแนวคิด Active Learning โดยใช้กระบวนการ Five Step : QSCCS สำหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เรื่อง คอมพลเี มนต์ของเซตและผลต่างระหว่างเซต จติ รามาศ คำดบี ญุ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพิเศษ โรงเรยี นชมุ พลโพนพสิ ัย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย สำนกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 21
บันทกึ ข้อความ ส่วนราชการ โรงเรยี นชมุ พลโพนพิสัย สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต ๒๑ ที่ วันท่ี ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๒ เร่ือง เสนอรายงานการวจิ ยั ในช้นั เรยี น เรียน ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นชุมพลโพนพิสัย ส่ิงท่ีส่งมาด้วย รายงานการวจิ ยั ในชัน้ เรยี น จำนวน ๑ เลม่ ด้วยขา้ พเจ้า นางจิตรามาศ คำดีบญุ ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพิเศษ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ัดกิจกรรมการเรียนร้ใู นรายวชิ าคณิตศาสตร์ พน้ื ฐาน รหัสวชิ า ค๓๑๑๐๑ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๒ และ ดำเนินการจัดกจิ กรรมสรา้ งชุมชุมการเรียนรวู้ ชิ าชีพ (Professional Learning Community) ภายใน กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ภายใตช้ อ่ื กลุ่ม “PLC for Mathematic teachers” ระดับช้ัน มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย บัดนี้ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมดังกล่าวได้เสร็จส้ินเปน็ ท่ีเรยี บรอ้ ยแล้ว ขา้ พเจ้าขออนุญาตส่ง รายงานการวิจยั ในชน้ั เรียน “การพฒั นาแบบฝึกทกั ษะประกอบการจดั การเรียนร้ทู ส่ี อดคลอ้ งกับ แนวคิด Active Learning โดยใช้กระบวนการ Five Step : QSCCS สำหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษา ปีที่ ๔ เร่ือง คอมพลเี มนตข์ องเซตและผลตา่ งระหวา่ งเซต” ดงั เอกสารแนบมาพรอ้ มหนงั สือฉบบั นี้ จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ (นางจติ รามาศ คำดบี ญุ ) ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพิเศษ ความคิดเหน็ .................................................................. ความคดิ เหน็ ................................................................. ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ......................................................................................
ลงชื่อ ลงช่ือ (นายประดิษฐ์ สวุ รรณวงษ์) (นายวิทยา อนิ กง) หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ หวั หนา้ กลุม่ งานบรหิ ารวิชาการ ความคดิ เห็น ความคิดเหน็ ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................... ............................................................................ ............................................................................... ............................................................................ ลงชื่อ ลงชื่อ (นางปาริฉัตร เทยี นทพิ ย์) (นายพิพฒั น์ ศรีสขุ พนั ธ์) รองผู้อำนวยการโรงเรียน กลุม่ งานบรหิ ารวชิ าการ ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนชุมพลโพนพสิ ัย
ช่ือรายงานวจิ ัยในชั้นเรียน : การพฒั นาแบบฝกึ ทักษะประกอบการจัดการเรยี นรู้ท่สี อดคล้องกับ แนวคดิ Active Learning โดยใชก้ ระบวนการ Five Step : QSCCS สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษา ปีที่ 4 เรอ่ื ง คอมพลีเมนต์ของเซตและผลตา่ งระหวา่ งเซต ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา คณิตศาสตรเ์ ก่ียวข้องกับการดำรงชวี ติ ประจำวันของมนุษย์อกี ทั้งยงั เปน็ ปัจจยั ที่สำคัญในการ พัฒนาคุณภาพมนุษย์กระทรวงศึกษาธกิ าร (2551) กลา่ ววา่ คณติ ศาสตร์มีบทบาทสำคัญมากในการ พัฒนาความคดิ ของมนุษย์ ทำใหม้ นุษยม์ ีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบ แผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรอื สถานการณ์ได้อย่างถ่ถี ้วนรอบคอบ ชว่ ยให้คาดการณ์ วางแผน ตดั สินใจ แก้ปัญหาและนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม นอกจากนีค้ ณิตศาสตรย์ ัง เป็นเครอื่ งมือในการศกึ ษาทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อ่ืน ๆ จะเห็นได้ว่า คณติ ศาสตร์มปี ระโยชนต์ อ่ การดำเนินชวี ิตช่วยพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ให้ดีขึ้นและสามารถอยู่ร่วมกบั ผอู้ ่ืน ไดอ้ ยา่ งมีความสุข กจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการเรียนรู้ 5 ขนั้ ตอน (QSCCS) เปน็ การจัดกิจกรรมการ เรียนรทู้ ีส่ ง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเปน็ บุคคลท่มี ีคณุ ภาพ มที ักษะในการคน้ คว้าแสวงหาความร้แู ละมีความรู้ พ้ืนฐานทจ่ี ำเป็น สามารถวเิ คราะห์ สังเคราะห์ สรา้ งสรรค์ สามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธผิ ล ตลอดจนมที ักษะชวี ติ ร่วมมอื ในการทำงานกับผู้อ่ืนได้เป็นอยา่ งดี ซึ่งตอ้ งมีการจัดกระบวนการเรยี นรู้ อยา่ งต่อเนอ่ื ง มีลำดบั ข้ันตอนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับพัฒนาการของผ้เู รียนเน่ืองจากเป็นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูท้ เ่ี นน้ ฝึกฝนให้ผูเ้ รยี นต้ังคำถาม เพ่ือสรา้ งความรูส้ กึ อยากร้อยากเรียน เหน็ คณุ ค่า ความสำคัญ และประโยชนข์ องสง่ิ ทจ่ี ะเรยี น ไดว้ างแผนการเรียนรู้ของตนเองโดยร่วมกันกำหนด ขอบเขต แนวทางและวิธีการเรียนรู้ ลงมอื ศกึ ษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูลตามแผนทีว่ า่ งไว้ เป็นการ แสวงหาความรู้และค้นพบความร้ดู ว้ ยตนเอง มีการนำข้อมูลมารว่ มวเิ คราะห์ อภปิ ราย เปรยี บเทียบ เชอื่ มโยงความสัมพันธ์ ประเมนิ คา่ สรปุ ความคิดรวบยอด ความสำคญั แนวคิด แนวทางการปฏิบัตใิ น ชวี ิตประจำวัน ไดม้ กี ารนำเเเสนอความร้ทู ่ีได้ศึกษามาในรปู แบบต่าง ๆ ตามความสนใจ แลกเปลย่ี น เรยี นรู้และประเมนิ ซงึ่ กันและกัน และนำความรูท้ ่ีได้จากการเรยี นรู้ไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน หรือต่อยอดความรใู้ นประเดน็ ท่ีสนใจ ซึ่งมกี ระบวนการเรยี นรสู้ ำคญั 5 ขนั้ ตอน ดงั น้ี ขนั้ ท่ี 1Q: การ เรียนร้ตู ั้งคำถาม (Learning to question) ขนั้ ท่ี 2S: การเรยี นรูแ้ สวงหาสารสนเทศ (Learning to search) ขั้นท่ี 3C: การเรยี นรเู้ พ่ือสร้างองค์ความรู้ (Learning to construct ) ขั้นที่ 4C: การเรียนรู้ เพื่อส่ือสาร (Learning to communicate) และขน้ั ที่ 5S: การเรยี นรู้เพ่อื ตอบแทนสงั คม (Learning to serve) ซึง่ จะเปน็ การพัฒนาใหผ้ เู้ รียนเป็นผู้มคี วามรทู้ ักษะกระบวนการและเจตคตทิ ี่
พึงประสงคส์ ำหรับการเป็นพลเมอื งในศตวรรษท่ี 21 ซึ่งสอดคลอ้ งกบั สภาวะการณ์ปัจจบุ ัน การจดั การเรยี นการสอนแบบบนั ได 5 ขัน้ เพ่อื พัฒนาผู้เรยี น (Five steps for student development) (QSCCS) จงึ เป็นรปู แบบการจดั การเรยี นการสอนท่ยี กระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วชิ าคณิตศาสตร์ท่ีมีประสิทธภิ าพ คำถามการวจิ ัย นักเรียนโรงเรยี นชมุ พลโพนพิสัยมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น รายวชิ าคณิตศาสตร์ เร่อื ง คอมพลีเมนต์ของเซตและผลตา่ งระหว่างเซตสงู ขึน้ หลงั จากจัดกิจกรรมดว้ ยกระบวนการจดั การเรยี นรู้ แบบ QSCCS หรอื ไม่ วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย เพือ่ เปรียบเทียบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น รายวิชาคณติ ศาสตร์ เรอื่ ง คอมพลเี มนตข์ องเซต และผลตา่ งระหวา่ งเซต โดยใช้การจัดกจิ กรรมด้วยกระบวนการจดั การเรียนรแู้ บบ QSCCS สำหรบั นกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนชุมพลโพนพิสัย เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเกย่ี วข้อง พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวดท่ี 4 แนวการจดั การศกึ ษา มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยืดหลกั ว่าผู้เรยี นทุกคนมีความสามารถเรียนรูแ้ ละพฒั นา ตนเองไดแ้ ละถือวา่ ผเู้ รยี นมีความสำคญั ท่สี ดุ กระบวนการจัดการศึกษาต้องสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนสามารถ พัฒนาตามธรรมชาติและเตม็ ตามศักยภาพ มาตรา 23 การจดั การศึกษา ท้ังการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยต้องเน้นความสำคญั ทั้งความรู้ คุณธรรมกระบวนการเรยี นรู้ และบรู ณาการตามความ เหมาะสมของแต่ละระดบั การศึกษาในเรอ่ื งตอ่ ไปน้ี 1. ความรู้เรื่องเกี่ยวกบั ตนเอง และความสัมพันธข์ องตนเองกบั สงั คม ได้แก่ ครอบครัว ชมุ ชน ชาติ และสังคมโลก รวมถงึ ความรู้เก่ยี วกับประวัติศาสตรค์ วามเปน็ มาของสงั คมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ 2. ความรแู้ ละทักษะดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีรวมทัง้ ความรู้ความเขา้ ใจและ ประสบการณ์ เรื่องการจดั การการบำรงุ รกั ษาและการใช้ประโยชน์จากทรพั ยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ มอย่างสมุดลยัง่ ยนื
3. ความรู้เก่ียวกับศาสนา ศิลปะ วฒั นธรรม การกฬี า ภมู ิปญั ญาไทยและการ ประยกุ ต์ใช้ ภมู ปิ ัญญา 4. ความรู้ และทักษะด้านคณิตศาสตร์ และดา้ นภาษา เน้นการใชภ้ าษาไทยอย่าง ถูกต้อง 5. ความรแู้ ละทักษะในการประกอบอาชีพและการดำรงชวี ิตอย่างมีความสุข มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ใหส้ ถานศึกษาและหน่วยงานท่ีเกีย่ วข้องดำเนินการ ดงั ต่อไปนี้ 1. จัดเนือ้ หาสาระและกิจกรรมใหส้ อดคล้องกบั ความสนใจและความถนัดของผเู้ รยี น โดยคำนงึ ถึงความแตกต่างระหวา่ ง บุคคล 2. ฝึกทกั ษะ กระบวนการคดิ การจดั การการเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ ความรู้มาใช้เพอื่ ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา 3. จดั กจิ กรรมใหผ้ ้เู รียนไดเ้ รียนร้จู ากประสบการณ์จรงิ ฝึกการปฏิบตั ิให้ทำได้ คิด เป็น ทำเปน็ รักการอ่านและเกิดการใฝร่ ้อยา่ งต่อเน่ือง 4. จัดการเรยี นการสอนโดยผสมผสานสาระความร้ดู า้ นตา่ ง ๆ อย่างได้สัดสว่ นสมดลุ กัน รวมทั้งปลูกฝงั คณุ ธรรม ค่านยิ มที่ดงี ามและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ไว้ในทุกวิชา 5. ส่งเสรมิ สนบั สนุนใหผ้ ู้สอนสามารถจดั บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่อื การเรียน และอำนวยความสะดวกเพ่ือให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรู้และมีความรอบรู้ รวมท้งั สามารถใช้การวจิ ัยเปน็ สว่ นหน่งึ ของกระบวนการเรียนรู้ ทัง้ นผี้ สู้ อนและผู้เรียนอาจเรียนรไู้ ปพร้อมกนั จากสอื่ การเรยี นการ สอนและแหล่งวทิ ยาการประเภทตา่ ง ๆ 6. จดั การเรียนรู้ใหเ้ กดิ ขนึ้ ได้ทุกเวลาทุกสถานที่มีการประสานความรว่ มมอื กับบิดา มารดา ผ้ปู กครอง และบุคคลในชมุ ชนทกุ ฝ่าย เพ่ือร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศกั ยภาพ มาตรา 25 รัฐต้องส่งเสรมิ การดำเนินงานและการจัดต้งั แหล่งการเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมดุ ประชาชน พพิ ิธภัณฑ์ หอศลิ ป์ สวนสตั ว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยานวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ศูนยก์ ารกฬี าและนันทนาการแหล่งข้อมูลและแหล่งการเรียนรู้ อื่นอย่างพอเพยี งและมีประสิทธภิ าพ มาตรา 26 ใหส้ ถานศกึ ษาจัดการประเมนิ ผู้เรียนโดยพจิ ารณาจากพฒั นาการของผู้เรียน ความประพฤติการสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นการรว่ มกจิ กรรมและการทดสอบควบคู่ไปใน กระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของแตล่ ะระดบั และรูปแบบการศึกษาให้สถานศึกษาใช้ วธิ กี ารทหี่ ลากหลายในการจดั สรรโอกาสการเข้าศึกษาต่อและให้นำผลการประเมนิ ผู้เรยี นตามวรรค หนึ่งมาใช้ประกอบการพจิ ารณาด้วย
มาตรา 27 ให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานกำหนดหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พน้ื ฐานเพื่อความเปน็ ไทย ความเปน็ พลเมืองท่ีดีของชาติ การดำรงชวี ิตและการประกอบอาชพี ตลอดจนเพ่ือการศกึ ษาต่อ ให้สถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐานมีหนา้ ทจ่ี ัดทำสาระของหลกั สูตรตาม วตั ถปุ ระสงค์ในวรรคหน่ึงในส่วนทีเ่ กย่ี วกบั สภาพปญั หาในชุมชนและสังคมภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคเ์ พื่อเปน็ สมาชกิ ท่ีดขี องครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ มาตรา 28 หลกั สูตรการศึกษาระดบั ต้าง ๆ รวมท้ังหลักสตู รการศกึ ษาสำหรับบคุ คลตาม มาตรา 10 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคส่ี ตอ้ งมีลกั ษณะหลากหลาย ทั้งนใ้ี ห้จดั ตามความเหมาะสม ของแตล่ ะระดับโดยมุ่งพฒั นาคุณภาพชีวติ ของ บคุ คลใหเ้ หมาะสมแก่วยั และศกั ยภาพสาระของ หลกั สูตร ทง้ั ที่เป็นวชิ าการและวชิ าชีพ ต้องมงุ่ หมายพฒั นาคนใหม้ ีความสมดลุ ท้งั ด้านความรู้ ความคิด ความสามารถ ความดงี ามและความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม สำหรบั หลักสูตรการศกึ ษา ระดบั อดุ มศึกษา นอกจากคณุ ลกั ษณะในวรรคหนึ่งและวรรคสองแล้ว ยงั มีความมุง่ หมายเฉพาะท่ี จะพัฒนาวิชาการวิชาชพี ชั้นสูงและการค้นคว้าวจิ ยั เพ่ือพัฒนาองค์ความรแู้ ละพฒั นาสงั คม มาตรา 29 ให้สถานศึกษารว่ มกบั บคุ คล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องคก์ ร ปกครองส่วนท้องถน่ิ เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวชิ าชีพสถาบนั ศาสนา สถานประกอบการและ สถาบนั สังคมอ่นื ส่งเสริมความเขม้ แข็งของชุมชนโดยจัดกระบวนการเรียนรภู้ ายในชมุ ชน เพ่ือให้ ชมุ ชนมีการจดั การศึกษาอบรม มกี ารแสวงหาความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร และรจู้ ักเลอื กสรรภูมิปญั ญา และวทิ ยาการต่าง ๆ เพ่ือพัฒนาชมุ ชนให้สอดคล้องกับสภาพปญั หาและความต้องการ รวมท้งั หา วิธีการสนับสนนุ ใหม้ กี ารแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพฒั นาระหว่างชุมชน มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมท้ังการ สง่ เสริมให้ผสู้ อนสามารถวิจยั เพ่ือพัฒนาการเรยี นรู้ท่เี หมาะสมกบั ผู้เรยี นในแต่ละระดับการศึกษา การจดั กิจกรรมด้วยกระบวนการจดั การเรียนรู้แบบ QSCCS กระบวนทัศน์การเรียนรู้ 5 ข้ันตอน (QSCCS) คือการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียน พัฒนาไปสู่ผู้มี ความรู้ ทักษะกระบวนการและเจตคติที่พึงประสงค์สำหรับการเป็นพลเมืองในศตวรรษท่ี 21 เป็น บุคคลท่ีมีคุณภาพมีทักษะในการค้นคว้าแสวงหาความรู้ มีความรู้พ้ืนฐานที่จำเป็น สามารถคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ สามารถสร้างส่ือ อย่างมีประสิทธิผล มีทักษะชีวิต ร่วมมือในการ ทำงานกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จะต้องมี กระบวนการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง มีลำดับข้ันตอนที่ เหมาะสม และสอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียนในแต่ ละระดับช้ัน โดยมีกระบวนสำคัญในการ จัด ก ารเรีย น รู้ เรีย ก ว่า ” บั น ได 5 ข้ั น เพ่ื อ ก ารพั ฒ น าผู้ เรีย น (Five steps for student development) “ จากกระบวน QSCCS เปน็ ขน้ั ตอนทสี่ ามารถนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการ
จัดกิจกรรมการเรยี นการสอน หรอื เปน็ แนวทางในการเรียนการสอนไดเ้ ป็นอยา่ งดี ขัน้ ตอนการเรยี นการสอน ประกอบด้วย 1. การเรยี นรโู้ ดยต้ังคำถาม (Learning to Question) เปน็ การฝกึ ผเู้ รียนใหร้ ู้จกั คิด สงั เกต ตง้ั คำถามอยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ ซึ่งจะส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนเกดิ การเรยี นรู้ในการตง้ั คำถาม 2. การเรียนร้แู สวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) เปน็ การฝึกแสวงหาความรู้ ข้อมูลและสารสนเทศ จากแหล่งเรียนรูอ้ ย่างหลากหลาย เช่น หอ้ งสมุด อินเทอร์เน็ต หรือจากการฝึก ปฏิบัติ ทดลอง เป็นตน้ ซงึ่ จะสง่ เสริมเกดิ การเรยี นรู้ในการแสวงหาความรู้ 3. การเรียนรู้เพ่อื สร้างองคค์ วามรู้ (Learning to Construct) เป็นการฝกึ ให้ผูเ้ รยี นนำ ความร้ทู ี่ได้มาสือ่ สารอยา่ งมี ประสิทธภิ าพ ซง่ึ จะสง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรแู้ ละมีทกั ษะในการ สื่อสาร 4. การเรียนรู้เพื่อสื่อสาร (Learning to Communicate) 5. การเรยี นรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Serve) เป็นการนำความรู้สู่การปฏิบตั ิ ซ่ึง ผ้เู รยี นจะตอ้ งเชื่อมโยงความรู้ไปส่กู ารทำประโยชน์ให้กับสังคมและชมุ ชนรอบตัวตามวุฒิภาวะของ ผเู้ รียน และจะส่งผลใหผ้ เู้ รยี นมีจติ สาธารณะและบรกิ ารสังคม ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ความหมายผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน มีผู้ใหค้ วามหมายของผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนไวใ้ นลกั ษณะตา่ ง ๆ กัน ดังนี้ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน หมายถงึ ความรหู้ รือทกั ษะอนั เกิดจากการเรียนรูท้ ี่ได้เรียนมาแล้ว ที่ ได้จากผลการสอนของครผู สู้ อน ซ่งึ อาจจะพจิ ารณาคะแนนสอบุหรือคะแนนที่ได้จากครมู อบหมายงาน ให้หรือท้ังสองอย่าง (Good, อ้างถึงใน. ยทุ ธนา ปญั ญาดี, 2553, หนา้ 6) ไพศาล หวงั พาณิชย์ (2556 : 9) ไดใ้ ห้ความหมายว่า ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น หมายถึง คุณลกั ษณะและความสามารถของ บคุ คลอันเกิดจากการเรยี นการสอน เป็นการเปลีย่ นแปลง พฤติกรรมและประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ีเ่ กดิ จากการฝกึ ฝึกอบรมการสอบ เป็นตน้ จากทกี่ ลา่ วมาสรปุ ไดว้ า่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น (Achievement) หมายถึง ความรู้ ความสามารถท่ไี ดจ้ ากการฝึกฝน จากการเรยี นการสอน หรอื ประสบการณ์ตา่ ง ๆ ซง่ึ สามารถวัดผลได้
งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง ทพิ รัตน์ สทิ ธวิ งศ์ (2557 :บทคดั ย่อ) ทีไ่ ดศ้ ึกษาผลการใช้กิจกรรมการเรียนการสอนดว้ ย บันได5 ข้นั (QSCCS) สำหรับินสิตปรญิ ญาโท สาขาเทคโนโลยแี ละสอื่ สารการศึกษา คณะศกึ ษา ศาสตรมหาวทิ ยาลัยนเรศวร พบวา่ 1. นิสิตปริญญาโท สาขาเทคโนโลยแี ละสอื่ สารการศกึ ษา มี ผลสมั ฤทธิ์ ทางการเรยี นร้าู ยวิชาบูรณาการเทคโนโลยเี พื่อการจัดการเรียนรู้หลังเรียนสงู กวา่ ก่อน เรยี น อย่างมนี ัยสำคัญทาง สถติ ิท่รี ะดับ .05 2. พฤตกิ รรมการใช้กจิ กรรมการเรียนรู้กระบวนทศั น์ บนั ได5 ข้ัน QSCCS ในภาพรวมอยใู่ นระดับ มาก (=2.85, = .09) เม่ือพจิ ารณาเปน็ รายด้าน พบวา่ ด้านการสบื คน้ ความรู้และสารสนเทศ (Learn to Search: S) โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก (=3.00, = .00) ดา้ นการสร้างองค์ความรู้ (Learn to Construct: C) โดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (=2.88, = .14) ด้านการส่ือสารและนำเเเสนออย่างมีประสทิ ธภิ าพ (Learn to Communicate: C) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (=2.92, = .13) ดา้ นการบริการสังคมและจติ สาธารณะ (Learn to Serve: S) โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก (=3.00, = .00) และด้านการ ตงั้ คำถาม (Learn to Question: Q) โดยภาพรวมอย่ใู นระดบั ปานกลาง (=2.46, = .37) กัลยาณี รจติ รังสีรรค์ (2558 : 19) ทีไ่ ด้ศึกษา การจัดการเรยี นการสอนรายวิชาง 20222 การสรา้ งภาพเคลื่อนไหวดว้ ยโปรแกรมแฟลชผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้กระบวนการQSCCS ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปี 3 ปีการศึกษา 2558 พบวา่ 1. นกั เรียนที่ไดเ้ รียนร้กู ารสร้างภาพเคล่อื นไหว พบวา่ นักเรียนรู้อยละ 80 มีคะแนนความสามารถสรา้ งภาพเคลือ่ นไหวเพ่มิ ข้ึน 2. นกั เรียนมี ความสามารถในการสรา้ งภาพเคลื่อนไหวโดยใช้กระบวนการQSCCS สงู กวา่ เกณฑร์ ้อยละ 80 มี คะแนนความสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวเพ่ิมขึ้น 3. นกั เรียนมีพฤติกรรมการทำงานการเรยี นรใู้ นการ สรา้ งภาพเคลือ่ นไหวและการชว่ ยเพ่ือนในการเรยี นรู้อยูใ่ นระดับมาก ส่วนพฤติกรรมการแสดงความ คดิ เหน็ และการตัง้ คำถามอยูใ่ นระดบั ปานกลาง 4. นกั เรียนมีความสามารถในการใชภ้ าษาระดบั ดี 5. นักเรยี นมีความพึงพอใจ วิธีการวจิ ยั ประชากร ประชากรในการวิจัยครง้ั น้ี ได้แก่ นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรยี นชมุ พลโพนพสิ ัย ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2562 จำนวน 76 คน เครื่องมอื ในการวิจัย ได้แก่ 1. แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ใี ช้การจัดกิจกรรมดว้ ยกระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบ QSCCS
2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - หลังเรยี น การวเิ คราะหข์ ้อมลู ในการวเิ คราะหข์ ้อมูล ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมลู พ้ืนฐานทางสถติ ิ ตามข้ันตอันดงั น้ี ศึกษาผลสัมฤทธ์ิจากแบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน โดยการหาค่าเฉลี่ยและค่าร้อยละ สถิติท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมลู ในการวิเคราะหข์ ้อมูลครั้งนี้ ผู้วจิ ยั เลอื กใช้สถติ ดิ ังน้ี การวิเคราะห์ข้อมูล ใชส้ ถติ พิ ื้นฐาน ซ่งึ ไดแ้ ก่ คา่ ร้อยละ คา่ เฉลี่ยเลขคณิต ( X̅ ) และส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) การเก็บรวบรวมข้อมลู 1. ครใู หน้ ักเรียนกลมุ่ ประชากร ทดสอบก่อนการจดั กจิ กรรมดว้ ยกระบวนการจดั การเรยี นรู้ แบบ QSCCS 2. ครูจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบ QSCCS 3. ครใู ห้นกั เรยี นกลมุ่ ประชากร ทดสอบหลังการจดั กจิ กรรมดว้ ยกระบวนการจัดการเรยี นรู้ แบบ QSCCS 4. ครบู นั ทกึ ข้อบกพร่องท่ีพบขณะการจดั กิจกรรมด้วยกระบวนการจัดการเรยี นร้แู บบ QSCCS ผลการวิเคราะห์ข้อมลู ตารางที่ 1 ผลจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน หลงั เรียน เร่ือง คอมพลเี มนตข์ องเซตและผลตา่ ง ระหว่างเซต นักเรียนคนที่ ก่อนเรยี น (คะแนน) หลงั เรียน (คะแนน) พฒั นาการ 1 3 8 5 2 1 9 8 3 2 6 4 4 2 7 5
นกั เรยี นคนท่ี กอ่ นเรียน (คะแนน) หลังเรียน (คะแนน) พัฒนาการ 5 1 8 7 6 3 7 4 7 4 6 2 8 2 7 5 9 2 8 6 10 3 6 3 11 1 7 6 12 2 7 5 13 2 8 6 14 1 8 7 15 3 7 4 16 4 9 5 17 2 9 7 18 2 7 5 19 3 8 5 20 4 9 5 21 3 8 5 22 1 6 5 23 2 6 4 24 2 9 7 25 1 9 8 26 3 7 4 27 4 7 3 28 2 8 6 29 2 7 5 30 3 8 5
นกั เรยี นคนท่ี ก่อนเรยี น (คะแนน) หลงั เรียน (คะแนน) พัฒนาการ 31 1 8 7 32 2 9 7 33 2 9 7 34 1 8 7 35 3 8 5 36 4 9 5 37 2 8 6 38 2 9 7 39 3 8 5 40 5 9 4 41 3 5 2 42 1 6 5 43 2 8 6 44 2 7 5 45 2 6 4 46 3 8 5 47 4 6 2 48 2 7 5 49 2 7 5 50 2 8 6 51 3 7 4 52 4 7 3 53 2 8 6 54 2 7 5 55 3 8 5 56 1 8 7
นักเรียนคนท่ี กอ่ นเรยี น (คะแนน) หลังเรยี น (คะแนน) พัฒนาการ 57 2 9 7 58 2 9 7 59 1 8 7 60 3 8 5 61 4 9 5 62 2 8 6 63 2 9 7 64 3 8 5 65 5 9 4 66 3 5 2 67 1 6 5 68 2 8 6 69 2 7 5 70 2 6 4 71 3 8 5 72 4 6 2 73 2 7 5 74 2 7 5 75 2 8 6 76 3 8 5 รวม 183 577 394 2.41 7.59 5.18 X 0.98 1.06 1.41 S.D. จากตารางท่ี 1 พบว่า ผลจากการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่อื ง คอมพลเี มนตข์ องเซตและ ผลตา่ งระหวา่ งเซตมีคา่ เฉลีย่ เท่ากับ 2.41 มีคา่ สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 0.98 และจากการทำ แบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง คอมพลเี มนต์ของเซตและผลต่างระหวา่ งเซตมีค่าเฉลี่ยเท่ากบั 7.59 มีคา่
สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.06 ซึง่ จากการทำแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี นนกั เรียนมี พฒั นาการสงู ขนึ้ หลงั จากจัดกิจกรรมดว้ ยกระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบ QSCCS มคี ่าเฉลี่ยเท่ากบั 5.18 มคี า่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากบั 1.41 สรุปผลการวจิ ัย ผลการศกึ ษาผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน รายวิชาคณติ ศาสตร์ เรื่อง คอมพลเี มนต์ของเซตและ ผลต่างระหว่างเซต ของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นชุมพลโพนพสิ ัย ดว้ ยกระบวนการ จัดการเรียนรแู้ บบ QSCCS พบว่า จากการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียนนกั เรียนมี พฒั นาการสงู ขึ้นหลังจากจัดกิจกรรมดว้ ยกระบวนการจัดการเรียนรแู้ บบ QSCCS มีคา่ เฉลย่ี เทา่ กับ 5.18 มคี ่าส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานเท่ากบั 1.41 สะทอ้ นผลการวจิ ัย จากการศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน รายวิชาคณติ ศาสตร์ เรอ่ื ง คอมพลีเมนต์ของเซตและ ผลต่างระหว่างเซต ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นชุมพลโพนพิสัย ด้วยกระบวนการ จดั การเรียนรแู้ บบ QSCCS พบว่า จากการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี นนกั เรียนมี พฒั นาการสงู ข้ึนหลงั จากจัดกิจกรรมดว้ ยกระบวนการจดั การเรยี นรแู้ บบ QSCCS มีคา่ เฉลย่ี เท่ากับ มี ค่าเฉล่ยี เทา่ กับ 5.18 มคี ่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเทา่ กบั 1.41 ซึ่งสอดคล้องกับ ทพิ รตั น์ สทิ ธิวงศ์ (2557 :บทคัดย่อ) ทีไ่ ด้ศกึ ษาผลการใช้กิจกรรมการเรยี นการสอนด้วยบนั ได5 ขน้ั (QSCCS) สำหรบั นิสิตปรญิ ญาโท สาขาเทคโนโลยีและส่อื สารการศึกษา คณะศึกษาศาสตรมหาวทิ ยาลัยนเรศวร พบว่า 1. นิสติ ปริญญาโท สาขาเทคโนโลยแี ละสอื่ สารการศึกษา มีผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี นราู้ ยวิชาบรู ณา การเทคโนโลยีเพื่อการจัดการเรยี นรู้หลงั เรียนสูงกวา่ ก่อนเรียน อย่างมีนยั สำคัญทาง สถิติทร่ี ะดบั .05 และสอดคล้องกับ กลั ยาณี รจิตรังสรี รค์ (2558 : 19) ทไ่ี ด้ศึกษา การจัดการเรียนการสอนรายวิชา ง 20222 การสรา้ งภาพเคล่อื นไหวด้วยโปรแกรมแฟลช ผ่านระบบออนไลน์ โดยใชก้ ระบวนการ QSCCS ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปี 3 ปีการศึกษา 2558 พบว่า 1. นักเรยี นทไ่ี ด้เรียนรู้การสร้าง ภาพเคลื่อนไหวพบว่านักเรียนรอู้ ยละ 80 มีคะแนนความสามารถสรา้ งภาพเคลื่อนไหวเพ่ิมข้นึ 2. นกั เรยี นมคี วามสามารถในการสรา้ งภาพเคลอ่ื นไหวโดยใช้กระบวนการQSCCS สงู กวา่ เกณฑ์ร้อยละ 80 มคี ะแนนความสามารถสร้างภาพเคล่ือนไหวเพ่ิมขนึ้ ดังนน้ั การนำกระบวนการจัดการเรยี นรู้แบบ QSCCS มาใช้ในการจัดกจิ กรรมในชน้ั เรยี นชว่ ย ทำให้ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรียนเพ่ิมขึ้นเนื่องจากนกั เรยี นได้เปน็ ผู้ค้นคว้าหาความรดู้ ้วย ตนเองทำใหส้ ามารถจดจำได้มากกว่า นอกจากนก้ี ระบวนการจดั การเรยี นรู้แบบ QSCCS ยงั พัฒนา นักเรยี นไปสู่ผู้มคี วามรู้ ทักษะกระบวนการและเจตคตทิ ่ีพึงประสงคส์ ำหรับการเป็นพลเมืองในศตวรรษ
ท่ี 21 เป็นบุคคลท่ีมีคุณภาพ มีทกั ษะในการคน้ คว้าแสวงหาความรู้ มคี วามรู้พนื้ ฐานทจี่ ำเป็น สามารถ คดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ สามารถสรา้ งสอ่ื อย่างมีประสทิ ธิผล มีทักษะชวี ิต ร่วมมือในการ ทำงานกับผู้อ่นื ได้เป็นอยา่ งดี รายการอา้ งอิง กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ : ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย. กัลยาณี รจิตรงั สรี รค์ . (2558). รายงานการวิจยั ปฏิบัตกิ ารในชน้ั เรียน : การจัดการเรียนการสอน รายวิชา ง 20222 การสร้างภาพเคลื่อนไหวดว้ ยโปรแกรมแฟลชผา่ นระบบออนไลน์ โดยใช้ กระบวนการ QSCCS ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี 3 ปกี ารศึกษา 2558 สืบคน้ จาก ww.jr.ac.th/webjr/file/course/course_13_12_2015_12_24_22_50.doc ทพิ รตั น์ สิทธวิ งศ์ . (2559, ตุลาคม - ธนั วาคม). การศกึ ษาผลการใชก้ ิจกรรมการเรยี นการสอนดว้ ย บนั ได 5 ขนั้ (QSCCS) สำหรบั นิ สิตปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีและสอื่ สารการศึกษา คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. วารสารศึกษาศาสตรมหาวิทยาลยั นเรศวร, ปที ่ี 18, สบื คน้ จาก http:// https://www.tci- thaijo.org/index.php/edujournal_nu/article/download/70958/57615 ไพศาล หวังพานิช. (2556). การวดั ผลการศึกษา. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช ยทุ ธนา ปัญญาด.ี (2553). การพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนทม่ี ที กั ษะกระบวนการคดิ เปน็ ลำดับ ข้ันตอน โดยนำแนวคิดการเขียนอธบิ ายดว้ ยผังงาน. กรุงเทพฯ : โรงเรียนพาณชิ ย์การจรลั สนิทวงศ์ รมช.วิชยั ตนั ศิริ. (2542). คำอธบายพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 หมวดที่ 4 แนว การจัดการศึกษา. สืบคน้ เม่ือ 20 ตุลาคม 2560, จาก นภิ า แย้มวจี : http:// www.moe.go.th/hp-vichai/ex-prb05-4.htm
ภาคผนวก
ภาพการจัดการเรยี นการสอนในชั้นเรยี น
ผลงานนักเรยี น
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: