Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 9

หน่วยที่ 9

Published by nooangkhana, 2021-02-22 08:14:18

Description: หน่วยที่ 9

Search

Read the Text Version

๙หน่วยการเรียนรู้ที่ ศาสนากบั การอย่รู ่วมกนั ในประเทศไทย ศาสนาทุกศาสนาลว้ นมีความสาคญั ตอ่ การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คคม ซ่ึงคแมจ้ ะตา่ งคศาสนากนั แตก่ ไ็ ม่ไดท้ าใหเ้ กิดปัญหาในการอยรู่ ่วมกนั ตา่ งคคน ต่างคมีวถิ ีการดาเนินชีวติ ท่ีแตกตา่ งคกนั ออกไปตามแตล่ ะศาสนา การเรียนรู้ศาสนาอ่ืนทาใหเ้ ราเขา้ ใจและสามารถปฏิบตั ิตนได้ อยา่ งคเหมาะสมต่อศาสนิกชนอื่น ถึงคแมว้ า่ คนไทยจะนบั ถือศาสนาที่แตกต่างค กนั แต่กส็ ามารถอยรู่ ่วมกนั ในสงั คคมไดอ้ ยา่ งคสนั ติสุข เพราะต่างคก็ยดึ มน่ั ใน หลกั ธรรมคาสอนของคศาสนาที่ตนนบั ถือ

๑. วถิ กี ารดาเนินชีวติ ของพุทธศาสนิกชน พระพุทธเจา้ ไดต้ รัสไวว้ า่ “บุคคลผใู้ ฝ่ ประโยชน์ ควรศึกษาบุญ เพราะบุญจะ เอ้ืออานวยใหเ้ กิดความสุขข้ึนในโลก ทาใหโ้ ลกปราศจากการเบียดเบียน การศึกษาบุญ จึงเป็นหลกั ที่พุทธศาสนิกชนยดึ ถือเป็นวถิ ีการดาเนินชีวติ ” การศึกษาบุญ หรือ “ปุญญสิกขา” หมายถึง การฝึกฝน ฝึกหดั การหมน่ั ทาความดี ใหเ้ จริญงอกงามในจิตใจ มี ๓ ประการ คือ ทาน ศีล และภาวนา ซ่ึงเป็นเรื่องของการ ปฏิบตั ิ เรียกวา่ “บุญกิริยาวตั ถุ ๓” บุญ แปลวา่ ความดี กริ ิยา แปลวา่ การ วตั ถุ แปลวา่ ท่ีต้งั กระทา หรือหลกั

การทาบุญด้วยการให้ทาน ทาน หมายถึง การเอ้ือเฟ้ื อเผื่อแผแ่ บ่งปันกนั ความต้งั ใจท่ีจะสละหรือบริจาค การมีเจตนาที่จะไม่เบียดเบียน การต้งั ใจจะบริจาคส่ิงของใหผ้ อู้ ื่นเพ่ือช่วยเหลือเผอ่ื แผก่ นั แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ อามิสทาน เป็นการใหส้ ิ่งของ คือ ปัจจยั ๔ ไดแ้ ก่ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ท่ีอยอู่ าศยั และ ยารักษาโรค การให้ทานน้ีอาจใหเ้ จาะจงตวั บุคคลใดบคุ คลหน่ึง หรือไม่เจาะจงก็ได้ ธรรมทาน เป็นการให้ความรู้ ใหค้ าสง่ั สอนแนะนาเก่ียวกบั ธรรมะ หรือการตกั เตือนให้ ประพฤติดีประพฤติชอบ ใหร้ ู้จกั บาปบุญคุณโทษ การใหธ้ รรมถือวา่ เป็นทานที่สูงกวา่ การใหส้ ่ิงของ

การต้งั มน่ั และรักษาศีล ศีล หมายถึง การประพฤติแตส่ ิ่งท่ีดีงาม ไม่เบียดเบียนหรือทาใหผ้ อู้ ่ืนเดือดร้อน ศีลเป็นความดีที่สูงกวา่ ทานข้ึนมาข้นั หน่ึง ศีล ถือวา่ เป็นพ้ืนฐานหรือหลกั การในการอยรู่ ่วมกนั กบั ผอู้ ่ืนในสงั คมดว้ ยความ สงบสุข เพราะศีลคือการต้งั ใจละเวน้ จากการทาชว่ั และไมเ่ บียดเบียนกนั คนท่ีจะมีศีล ตอ้ งเป็นคนที่มีหิริโอตปั ปะ คือ ความละอายและความเกรงกลวั ตอ่ บาป

พทุ ธศาสนกิ ชนต้องพยายามรักษาศีล ๕ ให้ได้เป็ นอย่างน้อย

ศีล ๕ ค่กู บั เบญจธรรม

การเจริญสตภิ าวนา ภาวนา หมายถึง การฝึ กอบรมจิตบริสุทธ์ิจากกิเลส และปฏิบตั ิขา้ งใน แบ่งเป็น 2 อยา่ ง คือ ๑. การฝึ กอบรมจติ ๒. การฝึ กอบรมจติ ใหใ้ ชป้ ัญญาพิจารณาส่ิงต่างๆ ใหต้ ้งั มนั่ ทาใหเ้ กิด ตามความเป็นจริง เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ความเห็นท่ี ความสงบ เรียกวา่ ถูกตอ้ ง ไมห่ ลงติดตกเป็นทาสอยใู่ นอานาจของความ “จิตภาวนา หรือ เปล่ียนแปลงจนกระทง่ั หลุดพน้ จากกิเลสและความ สมาธิ” ทุกข์ เรียกวา่ “ปัญญาภาวนาหรือวปิ ัสสนา”

การภาวนาในชีวติ ประจาวนั การไหว้พระสวดมนต์ เป็นการภาวนาข้นั พ้ืนฐาน เป็นการฝึกจิตใหส้ งบ กิเลสเบาบางลง ช่วยให้ จิตใจปลอดโปร่ง นอนหลบั สบาย การแผ่เมตตา เป็นการคิดปรารถนาใหผ้ อู้ ื่นเป็นสุข ใหอ้ ภยั ไมถ่ ือโทษกนั เป็นอภยั ทาน

ประโยชน์ของการภาวนา ส่งเสริมสุขภาพจิต ทาใหจ้ ิตใจผอ่ งใส มนั่ คง รู้จกั จิตใจของตวั เองดีข้ึน ช่วยในการทางานใหด้ ีข้ึน เพราะมีสมาธิ ทาให้ งานสาเร็จไปไดด้ ว้ ยดี ช่วยใหห้ ลุดพน้ จากกิเลสตณั หา ซ่ึงหมายถึง ความอยากเกินพอดี ความทะเยอทะยาน อนั ไม่รู้จบ

การทาบุญในวนั พระหรือวนั สาคญั ทางประเพณี เม่ือถึงวนั พระ วนั สาคญั ทางศาสนา หรือวนั สาคญั ทางประเพณี ชาวพุทธ นิยมทาบุญพร้อมกนั ๓ ดา้ น คือ ทาน ศีล ภาวนา ดว้ ยการตกั บาตรถวายอาหาร รักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม นงั่ สมาธิ เวยี นเทียน หรือปฏิบตั ิธรรมเป็นโอกาสพิเศษในช่วงเวลาส้นั ๆ เช่น ๓-๗ วนั เป็นตน้

โอวาทปาฏิโมกข์ วธิ ีการดาเนินชีวติ ของพุทธศาสนิกชนสอดคลอ้ งกบั หลกั การท่ีเป็นหวั ใจของ พระพุทธศาสนา คือ โอวาทปาฏิโมกข์ ที่พระพทุ ธเจา้ ตรัสสอนไว้ ๓ ประการ คือ ไม่ทาความช่ัว ทาความดใี ห้ ท้งั ปวง ถงึ พร้อม ทาจิตใจให้บริสุทธ์ิ ผ่องแผ้ว

๒. วถิ ีการดาเนินชีวติ ของคริสต์ศาสนิกชน คริสต์ศาสนา มีหลกั ความเชื่อประการแรก คือ ความเชื่อในพระเป็นเจา้ ผทู้ รง เป็นพระเป็นเจา้ สูงสุด เป็นผสู้ ร้างสรรพสิ่ง พระองคไ์ ดท้ รงเผยแสดงพระองคใ์ หม้ นุษยไ์ ด้ รู้จกั ในฐานะ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ซ่ึงเรียกวา่ “พระตรีเอกภาพ” ท้งั ยงั ทรงประทานพระบญั ญตั ิ 10 ประการ และทรงสญั ญาวา่ จะส่งพระผไู้ ถ่มา กอบกมู้ นุษยใ์ หพ้ น้ จากบาป คริสต์ศาสนิกชน ดาเนินชีวติ โดยอาศยั พระคมั ภีร์เป็นแนวทาง มีความเชื่อความ ศรัทธาในพระเป็นเจา้ โดยการร่วมพิธีบูชามิสซาเพื่อนมสั การ โมทนาคุณ ขอบพระคุณ พระเป็นเจา้ ในทุกๆ วนั โดยเฉพาะวนั อาทิตย์

พระเยซู พระเยซู เป็นพระบุตรท่ีพระเป็น รูปป้ันพระเยซูคริสตต์ ้งั อยทู่ ี่ยอดเขา เจา้ ทรงส่งมาเพื่อไถบ่ าปมนุษย์ โดยการเสียสละ กอร์โกวาดู ประเทศบราซิล พระองคเ์ องรับทุกขท์ รมานและสิ้นพระชนม์ บนไมก้ างเขน อนั แสดงใหเ้ ห็นถึงความรักอนั บริสุทธ์ิ คริสตศ์ าสนาจึงเป็นศาสนาที่เนน้ ความรักท้งั ต่อพระเป็นเจา้ และตอ่ มนุษยท์ ุกคน ซ่ึงหลกั ความรักน้ีมีปรากฏในหลกั คาสอนและ พระคมั ภีร์ท่ีเผยแผช่ ีวประวตั ิและเรื่องราวการ ทาอศั จรรยช์ ่วยเหลือเพื่อนมนุษยข์ องพระเยซู จนกระทงั่ พระองคส์ ิ้นพระชนมบ์ นไมก้ างเขน และทรงกลบั คืนพระชนมชีพ

หน้าทข่ี องคริสต์ศาสนิกชน คริสตศ์ าสนาในประเทศไทยมี ๒ นิกายหลกั ไดแ้ ก่ นิกายโรมันคาทอลิก • เป็นนิกายเก่าแก่ทส่ี ุดในศาสนาคริสต์ ประมุข สูงสุด คือ พระสนั ตะปาปา มีศูนยก์ ลางอานาจอยทู่ ่ี สานกั วาติกนั ใชภ้ าษาละตินเป็นภาษากลางทาง ศาสนา นิกายโปรเตสแตนต์ • เป็นนิกายทแ่ี ยกตวั ออกมาจากคริสตจกั ร โรมนั คาทอลิก โดยมาร์ติน ลูเทอร์และ ผสู้ นบั สนุน ในช่วงที่คริสตจกั รคาทอลิกเกิด ปัญหาข้ึนมากมาย ท้งั สองนิกายมีหลกั ปฏิบตั ิท่ีแตกต่างกนั ออกไปบา้ งในดา้ นพิธีกรรม และนกั บวช แตก่ ย็ ดึ ถือปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ีของคริสตศ์ าสนิกชน

การแสดงออกถงึ ความเชื่อความศรัทธาในพระเป็ นเจ้า ชาวคริสตท์ ้งั นิกายโรมนั คาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนตจ์ ะแสดงความเช่ือ ความศรัทธาน้ีโดยการประกอบพิธีกรรม นิกายโรมันคาทอลกิ • เรียกพิธีกรรมน้ีว่า “พธิ ีมิสซาบชู าขอบพระคุณ” ซ่ึง มีเป็นประจาทกุ วนั แต่จะเนน้ การร่วมบูชามิสซาใน วนั อาทติ ย์ เนื่องจากเป็นวนั หยดุ ท่คี ริสตศ์ าสนิกชน ส่วนใหญจ่ ะว่างจากการประกอบกิจการงาน นิกายโปรเตสแตนต์ • มีพิธีท่ีเรียกวา่ “พธิ ีนมสั การ” และยดึ มน่ั ใน พระวจนะจากคมั ภีร์ไบเบิลเป็นแนวทางในการ ดาเนินชีวิต

การรับศีลศักด์สิ ิทธ์ิ พระศาสนจกั รนิกายโรมนั คาทอลิกกาหนดศีลศกั ด์ิสิทธ์ิไว้ ๗ ประการ ดงั น้ี

การบารุงศาสนจักร การบารุงศาสนจกั ร คือ การช่วยเหลือกิจการของคริสตจกั ร โดยการบริจาค ทรัพยต์ ามกาลงั ความสามารถของคริสตศ์ าสนิกชนเพื่อบารุงและเผยแผศ่ าสนา

วนั สาคัญของคริสต์ศาสนา คริสตศ์ าสนาทุกนิกายมีวนั สาคญั ทางศาสนาที่เหมือนกนั และแตกตา่ ง กนั บา้ ง บางคร้ังอาจเรียกชื่อต่างกนั เท่าน้นั แตแ่ ก่นแทค้ วามสาคญั น้นั มีความ คลา้ ยคลึงกนั วนั สาคญั ทางคริสตศ์ าสนา โดยทวั่ ไป เช่น การไปประกอบศาสนา ท่ีโบสถท์ ุกวนั อาทิตย์ วนั อีสเตอร์ วนั คริสตม์ าส เป็นตน้ วนั สาคญั ทางคริสตศ์ าสนา ชาวคริสตจ์ ะไปประกอบ พิธีกรรมกนั ที่โบสถ์

วนั อาทิตย์ของทุกสัปดาห์ วนั อาทิตยข์ องทุกสปั ดาห์ เป็นวนั สาคญั ที่สืบทอดความเชื่อมาจากศาสนายดู าย เรียกวา่ “วนั สะบาโต” ถือเป็นวนั บริสุทธ์ิ เนื่องจากชาวคริสตเ์ ชื่อวา่ วนั อาทิตยเ์ ป็น วนั หยดุ พกั ผอ่ นท่ีควรงดทากิจการงาน และ ตอ้ งไปประกอบกิจทางศาสนาร่วมกนั ที่ โบสถ์ วนั อาทิตยเ์ ป็นวนั ที่คริสตศ์ าสนิกชนตอ้ งไปประกอบกิจ ทางศาสนาที่โบสถ์

วนั อสี เตอร์ วนั อีสเตอร์ และวนั สมโภชปัสกา อยใู่ นช่วงวนั ที่ ๒๑ มีนาคม – ๒๕ เมษายน ของทุกปี เป็นวนั สาคญั ท่ีสืบเนื่องมาจากการ สิ้นพระชนมข์ องพระเยซู และเม่ือพระเยซู ทรงกลบั เป็นข้ึนมา ชาวคริสตจ์ ึงฉลองการคืน พระชนมชีพของพระเยซู วนั อีสเตอร์ยงั เป็นวนั แห่งการ ระลึกถึงเหตุการณ์ท่ีพระเจา้ ทรงนาชาว อิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียปิ ต์ วนั อีสเตอร์เป็นวนั ระลึกถึงวนั เป็นข้ึนมาจากความตาย ขององคพ์ ระเยซู

วนั คริสต์มาส วนั คริสตม์ าส เป็นวนั สมโภช การประสูติของพระเยซู ตรงกบั วนั ที่ ๒๕ ธนั วาคม ของทุกปี ชาวคริสตถ์ ือเป็นชว่ งเวลา แห่งความช่ืนชมยนิ ดี และจะมีการจดั งาน เฉลิมฉลองกนั อยา่ งยงิ่ ใหญ่ วนั คริสตม์ าสเป็นวนั แห่งการเฉลิมฉลองวนั ประสูติ ของพระเยซู

๓. วถิ กี ารดาเนินชีวติ ของผู้นับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาอิสลามไม่ไดเ้ ป็นเพียงแคศ่ าสนา แตเ่ ป็นระบอบการดาเนินชีวติ ต้งั แต่เกิด จนตาย เป็นระเบียบวนิ ยั ท่ีครอบคลุมทุกอยา่ งของชีวติ ท้งั ในดา้ นความคิดและความ ประพฤติ ซ่ึงแสดงออกดว้ ยการปฏิบตั ิที่เคร่งครัด สะทอ้ นใหเ้ ห็นความศรัทธาอนั ยง่ิ ใหญ่ ท่ีมีต่อองคอ์ ลั ลอฮเ์ พียงองคเ์ ดียวเท่าน้นั ซ่ึงจะดาเนินชีวติ โดยยดึ หลกั ปฏิบตั ิ ๕ ประการ คือ การปฏบิ ตั ติ น การละหมาด การถือศีลอด การบริจาค การเดนิ ทางไป ซะกาต ประกอบพธิ ีฮัจญ์

การปฏบิ ตั ติ น การที่จะเขา้ สู่ความเป็นมสุ ลิมท่ีสมบูรณ์ ตอ้ งมีการปฏิญาณตนตามขอ้ ความ ในคมั ภีร์อลั กุรอานท่ีเป็นหวั ใจของชาวมุสลิมทุกคน คือ “ไม่มพี ระเจ้าอื่นใดนอกจากอลั ลอฮ์องค์เดยี ว และแท้จริง ท่านศาสดา มุฮัมมดั เป็ นเราะซูล (ศาสนทูต ผู้นาโองการ) ของอลั ลอฮ์”

การละหมาด การละหมาด หรือ “นมาซ” มาจากภาษา อาหรับ แปลวา่ “การขอพร” การละหมาด คือ การ นมสั การ การแสดงความเคารพต่อพระเจา้ ท้งั ร่างกาย และจิตใจ ความมุ่งหมายของการละหมาด

ศาสนาอสิ ลามส่งเสริมความสะอาด ศาสนาอิสลามส่งเสริมความสะอาด เพราะถือวา่ ความสะอาดเป็นส่วนหน่ึงของ ศรัทธา มสุ ลิมทุกคนจะตอ้ งสะอาดต้งั แตภ่ ายนอกคือร่างกาย จนถึงภายในคือจิตใจ จึงตอ้ ง ชาระร่างกายและส่ิงสกปรกตามศาสนบญั ญตั ิก่อน หรือลา้ งมือก่อน น้าที่ใชช้ าระตอ้ งสะอาด เส้ือผา้ ท่ีสวมใส่เขา้ เฝ้าพระเจา้ กต็ อ้ งสะอาดเรียบร้อย ผหู้ ญิงตอ้ งแตง่ ตวั มิดชิด เปิ ดไดเ้ ฉพาะใบหนา้ และฝ่ ามือ ส่วนผชู้ ายตอ้ งไม่ใหผ้ มปรก หนา้ ผาก โดยมีการใส่หมวกลกั ษณะตา่ งๆ เช่น กะปิ เยาะ ซอเกาะก์ ตะกียะห์ เป็นตน้

การละหมาด การละหมาด เป็นการปฏิบตั ิท่ีมีรูปแบบกฎเกณฑต์ ามที่ศาสดาไดก้ าหนดไว้ มุสลิมทุกคนจะตอ้ งปฏิบตั ิตามจนกระทง่ั วนั สุดทา้ ยของชีวติ โดยตอ้ งปฏิบตั ิวนั ละ ๕ เวลา

การถือศีลอด การถือศีลอด หมายถึง การงดเวน้ จากการบริโภคอาหาร เคร่ืองดม่ื การร่วมสงั วาส การละจากการทาชว่ั ท้งั ทางกาย วาจา และใจ ต้งั แตเ่ วลารุ่งอรุณ จนถึงดวงอาทิตยต์ ก ผทู้ ี่บรรลุศาสนภาวะ คือ อายุ ๑๕ ปี ทุกคนมีหนา้ ท่ีตอ้ งปฏิบตั ิ แต่มีขอ้ ยกเวน้ สาหรับบุคคลบาง ประเภท ไดแ้ ก่ คนชรา คนป่ วย หญิงมี ครรภห์ รือหญิงท่ีใหน้ มแก่ทารก หญิง ขณะมีประจาเดือนหรือหลงั คลอด บุคคลที่ใชแ้ รงกายทางานหนกั และ บุคคลท่ีอยใู่ นระหวา่ งเดินทาง การถือศีลอดทาให้รู้จกั สภาพอนั แทจ้ ริงของผทู้ ่ี อตั คดั ขดั สน และเกิดความเห็นอกเห็นใจกนั

เดือนเราะมะฎอน ในรอบปี หน่ึง มสุ ลิมทุกคนจะตอ้ งถือ ศีลอดคนละ ๑ เดือน คือ ในเดือนที่ ๙ นบั ตาม ฮิจเราะห์ศกั ราช ท่ีเรียกวา่ “เดือนเราะมะฎอน” ชาวมุสลิมจะตอ้ งต่ืนข้ึนรับประทาน อาหารเชา้ ต้งั แต่ก่อนดวงอาทิตยข์ ้ึน เมื่อดวง อาทิตยข์ ้ึนแลว้ ตอ้ งงดรับประทานอาหารและน้า กระทง่ั ดวงอาทิตยต์ ก การถือศีลอดเป็นการฝึกฝนร่างกายและจิตใจใหม้ ีความอดทน ใหร้ ู้จกั ความ หิวโหย ไดเ้ ขา้ ใจเห็นใจคนยากจน รู้จกั การช่วยเหลือเผ่ือแผ่ ท้งั น้ีการถือศีลอดยงั ถือเป็น การทดสอบความศรัทธาและความยาเกรงที่มุสลิมมีตอ่ พระเป็นเจา้ และยงั ทดสอบและ ฝึกฝนความซื่อสตั ยข์ องบุคคลที่ถือศีลอดดว้ ย

การบริจาคซะกาต ซะกาต แปลว่า การทาใหบ้ ริสุทธ์ิ การทาใหห้ มดมลทิน ซะกาต หมายถงึ ทานท่บี งั คบั ให้ ผมู้ ี รายไดใ้ นรอบ ๑ ปี ซ่ึงมีรายไดถ้ ึงจานวนที่ กาหนดไว้ ตอ้ งจ่ายหรือบริจาคทรัพยส์ ินใหแ้ ก่ คนท่ีมีสิทธิรับบริจาคตามอตั ราทีก่ าหนด โดยทว่ั ไป คือ ต้งั แต่ ร้อยละ ๒.๕ - ๒๐ ต่อปี การจา่ ยซะกาตเป็นอีกหนา้ ท่ีหน่ึงที่สาคญั ของ บรรดามุสลิมในการรับผดิ ชอบสงั คม การบริจาคซะกาตเป็นการขดั เกลาจิตใจของผบู้ ริจาคใหบ้ ริสุทธ์ิ ใหล้ ดความ ตระหนี่เห็นแก่ตวั ไมใ่ หล้ ะโมบ ใหม้ ีความเอ้ือเฟ้ื อเผ่ือแผ่ และถือไดว้ า่ การบริจาค ซะกาตเป็นการช่วยลดปัญหาสงั คม

บุคคลท่มี สี ิทธิรับบริจาคซะกาตมี ๘ ประเภท

การเดนิ ทางไปประกอบพธิ ีฮัจญ์ ฮัจญ์ แปลวา่ “การม่งุ ไปสู่หรือการไปเยอื น” ซ่ึงหมายถึง การเดินทางไป ประกอบศาสนกิจ ณ วหิ ารกะอบ์ ะฮห์ รือบยั ตุลลอฮ์ ท่ีนครมกั กะฮ์ ประเทศ ซาอุดีอาระเบีย พิธีฮจั ญก์ ระทาในเดือนท่ี 2 ของทุกปี นบั ตามปฏิทินอิสลาม มสุ ลิมทว่ั โลก จะเดินทาง ไปประกอบพิธีร่วมกนั ที่สถานท่ีแห่งน้ีแห่งเดียว ซ่ึงใชเ้ วลาประมาณ ๒ อาทิตย์ โดยบงั คบั เฉพาะบุคคลท่ีมีความ สามารถเท่าน้นั คือ ความสามารถทางกาย ทรัพยส์ ิน และความปลอดภยั ในการเดินทาง และตอ้ งไดร้ ับการยนิ ยอมจากบุคคลใน ครอบครัวก่อน

สถานท่ปี ระกอบพธิ ีฮัจญ์ วหิ ารกะอบ์ ะฮ์ ต้งั อยใู่ จกลางเมืองมกั กะฮ์ ประเทศซาอดุ ีอาระเบีย วิหารกะอบ์ ะฮต์ ้งั อยใู่ จกลางเมือง มกั กะฮ์ ชาวอาหรับถอื ว่าท่ีแห่งน้ีเป็นใจกลาง ของโลก เป็นจุดศูนยก์ ลางของทกุ ทวีป สะดวก แก่การเดินทางมาของมุสลมิ ทวั่ โลก อลั ลอฮท์ รงบญั ชาใหท้ ่านศาสดา และอสิ มาอลิ บตุ รชายร่วมกนั สร้าง “บยั ตุลลอฮ”์ แปลว่า บา้ นของอลั ลอฮข์ ้ึนมา เพ่อื ใชเ้ ป็น สถานทแ่ี สดงความเคารพจงรักภกั ดีต่อพระองค์ คุณสมบตั ิของมุสลิมท่ีสามารถประกอบพิธีฮจั ญไ์ ด้ คือ มีศรัทธาอยา่ งแทจ้ ริง มีสุขภาพและสติปัญญาสมบูรณ์ มีทรัพยส์ ินเพียงพอสาหรับการเดินทาง ไดป้ ระกอบพิธี ละหมาด ถือศีลอด และบริจาคซะกาตครบถว้ นแลว้

ความมุ่งหมายของการประกอบพธิ ีฮัจญ์ เพื่อสร้างสมั พนั ธภาพ และภราดรภาพระหวา่ ง เพื่อแสดงความศรัทธา ทีม่ ีต่ออลั ลอฮ์ ชาวมุสลิมทวั่ โลก เพ่ือฝึ กฝนและทดสอบ เพอื่ ฝึกการสารวมตน ความอดทน และทดสอบคุณธรรม ในการเสียสละ เพอื่ แสดงวา่ มุสลิมทกุ คน เทา่ เทียมกนั ในสายตา ของอลั ลอฮ์

ข้อห้ามอ่ืนๆ ของมสุ ลมิ นอกจากหลกั ปฏิบตั ิ ๕ ประการแลว้ มสุ ลิมยงั มีขอ้ หา้ มอื่นๆ ในการดาเนิน ชีวติ ขอ้ หา้ มที่สาคญั เช่น

๔. วถิ กี ารดาเนินชีวติ ของผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ขอ้ ปฏิบตั ิในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มีท้งั ที่เป็นขอ้ ปฏิบตั ิเฉพาะสาหรับวรรณะ และขอ้ ปฏิบตั ิรวม ขอ้ ปฏิบตั ิที่ตอ้ งประพฤติปฏิบตั ิท่ีสาคญั คือ ข้อปฏิบัตสิ าหรับ พธิ ีสังสการ หรือ การบูชาเทวะ วรรณะ พธิ ีประจาบ้าน

ข้อปฏิบัตสิ าหรับวรรณะ ขอ้ ปฏิบตั ิ การแต่งงาน จะแต่งงานกบั คนนอกวรรณะไม่ได้ แต่ชายทีอ่ ยใู่ นวรรณะพราหมณ์ แต่งงานกบั หญิงวรรณะอืน่ ได้ ส่วนหญิงทเ่ี ป็นพราหมณ์จะแต่งงานกบั ชายวรรณะ อน่ื ไม่ได้ ใครฝ่ าฝืนกฎจะตอ้ งถูกประณามหรือตดั ขาดจากวรรณะ อาหารการกนิ มีขอ้ กาหนด เช่น คนในวรรณะต่าจะปรุงอาหารใหค้ นวรรณะสูง รับประทานไม่ได้ พราหมณ์ไม่กินเน้ือสตั ว์ คนต่างวรรณะจะรับประทานอาหาร ร่วมกนั ไม่ได้ เป็นตน้ อาชีพ การประกอบอาชีพถูกกาหนดไวส้ าหรับคนวรรณะต่างๆ ใครอยวู่ รรณะใด ตอ้ งทาอาชีพน้นั สถานทอ่ี ยู่ ในกฎเดิมจะหา้ มมีถ่นิ ฐานอยนู่ อกเขตประเทศอนิ เดีย และหา้ มเดินเรือ ในทะเล แต่ปัจจุบนั ไม่ค่อยถือกนั

พธิ ีสังสการหรือพธิ ีประจาบ้าน พิธีสงั สการหรือพิธีประจาบา้ นเป็นพิธีที่ผทู้ ่ีประสงคจ์ ะเป็นฮินดูตอ้ งทา และ คนในวรรณะพราหมณ์ กษตั ริย์ แพศย์ ยกเวน้ ศูทร ตอ้ งผา่ นพิธีสงั สการก่อน จึงจะนบั วา่ เป็นผบู้ ริสุทธ์ิ พิธีประจาบา้ นในปัจจุบนั นิยมทากนั เพียง ๔ พิธี คือ

พธิ ียชั โญปวตี พิธียชั โญปวตี คือ พิธีคลอ้ งดา้ ย ศกั ด์ิสิทธ์ิ เป็นพิธีสาหรับเดก็ ชายทุกคนท่ีเกิดใน ๓ วรรณะ ไดแ้ ก่ พราหมณ์เมื่ออายคุ รบ ๕ ปี กษตั ริยเ์ มื่ออายคุ รบ ๘ ปี และแพศยเ์ ม่ืออายคุ รบ ๑๖ ปี สาหรับผชู้ ายในวรรณะพราหมณ์ จะตอ้ งเขา้ พิธีน้ี เพื่อการเป็นพราหมณ์โดย สมบูรณ์ หนา้ ท่ีของพราหมณ์ คือ การสง่ั สอนศิลปวทิ ยาการ ผทู้ ่ีไมใ่ ช่พราหมณ์ จะ สอนไม่ได้ พิธีน้ีเรียกวา่ “อปุ นยนั ” แปลวา่ การเขา้ สู่ทศั นะใหม่ เป็นการมอบตนเป็น ศิษย์ โดยจะคลอ้ งดา้ ยศกั ด์ิสิทธ์ิเรียกวา่ “ยชั โญปวตี ” พิธีน้ีเป็นการประกาศตนเป็น พรหมจารี (ผศู้ ึกษาศาสนา) หรือเป็นพราหมณ์โดยสมบูรณ์

การบูชาเทวะ แต่เดิมศาสนาพราหมณ์มีเทพเจา้ ผสู้ ร้างโลกเป็นผยู้ งิ่ ใหญ่องคเ์ ดียว คือ พระพรหม ตอ่ มาหลงั พุทธกาล เมื่อศาสนาพราหมณ์ไดก้ ลายเป็นศาสนาฮินดู กไ็ ด้ มีลทั ธิท่ีเรียกวา่ “ตรีมรู ติ” ซ่ึงเป็นการขยายจากเทพผสู้ ร้างองคเ์ ดียวเป็น ๓ องค์ คือ พระพรหม คือ ผู้สร้างโลก พระวษิ ณุ หรือพระนารายณ์ พระศิวะ คือ เทพผู้ทาลาย และจกั รวาล คือ ผ้เู ป็ นเทพผ้รู ักษา ได้ทาลายโลกเมื่อเกดิ ปัญหา และค้มุ ครองโลก จากน้นั กส็ ร้างโลกขนึ้ มา ใหม่

๕. ความแตกต่างของการดาเนินชีวติ ของศาสนิกชนศาสนาต่างๆ มูลเหตุของการเกดิ ศาสนา จากมูลเหตุท่ีทาใหเ้ กิดศาสนา เราอาจแบ่งประเภทของศาสนาไดเ้ ป็น ๒ ประเภท คือ ศาสนาที่นบั ถือ ศาสนาท่ไี ม่นบั ถือ พระเจ้า พระเจ้า

ศาสนาที่นบั ถือพระเจ้า ศาสนาท่ีนบั ถือพระเจา้ เรียกรวมๆ วา่ เทวนิยม เป็นศาสนาที่เช่ือวา่ พระเจา้ เป็นผสู้ ร้างโลก สร้างสรรพส่ิงในจกั รวาล และสร้างกฎเกณฑใ์ หแ้ ก่ธรรมชาติ แบ่งเป็ น เอกเทวนิยม • เป็นศาสนาท่ีนบั ถือพระเจา้ องคเ์ ดยี ว เช่น คริสตศ์ าสนา ศาสนาอิสลาม ศาสนาสขิ เป็นตน้ พหุเทวนิยม • เป็นศาสนาท่ีนบั ถือพระเจา้ หรอื เทพเจา้ หลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู เป็นตน้

ศาสนาทีไ่ ม่นบั ถือพระเจ้า ศาสนาท่ีไมน่ บั ถือพระเจา้ เรียกรวมๆ วา่ อเทวนิยม เช่น พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ไม่เช่ือวา่ มีพระเจา้ สร้างโลกและบนั ดาลคุณและโทษใหแ้ ก่มนุษย์ แต่เช่ือวา่ ส่ิงท้งั หลายเป็นผลจากการกระทาของตนเอง

จุดหมายปลายทางของชีวติ มนุษยท์ ุกคนไมต่ อ้ งการความทุกข์ และปรารถนาที่จะไดค้ วามสุข แต่มนุษยไ์ ม่รู้ วา่ อะไรคือความสุขที่แทจ้ ริง จึงทาใหเ้ กิดพระศาสดาของแต่ละศาสนาข้ึน เพอ่ื ประกาศ ความสุขที่แทจ้ ริงแก่มวลมนุษย์ พร้อมท้งั เสนอแนวทางปฏิบตั ิเพื่อจะนาไปสู่เป้าหมายอนั เป็น ความสุขที่แทจ้ ริง

สัญลกั ษณ์ของความสุขทีแ่ ท้จริงของแต่ละศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู การไดอ้ ยเู่ ป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกลมกลนื กบั พรหม พระพทุ ธศาสนา ถอื วา่ พระนิพพานเป็นทส่ี ุดของการประพฤติปฏิบตั ิธรรม คริสต์ศาสนา การมีชีวติ นิรันดรอยใู่ นอาณาจกั รของพระเจา้ บนสวรรค์ ศาสนาอสิ ลาม การอยกู่ บั อลั ลอฮใ์ นสวรรค์

คาสอนเกย่ี วกบั ชีวติ ในโลกในแต่ละศาสนา ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่ือว่ามีการเวียนว่ายตายเกิด ชีวติ ในโลกมีหลายคร้ัง พระพทุ ธศาสนา เช่ือเรื่องการเวยี นวา่ ยตายเกิด คริสต์ศาสนา ไม่เช่ือเร่ืองการเวยี นว่ายตายเกิด เชื่อว่าชีวติ ในโลกน้ีมีคร้ังเดียว ศาสนาอสิ ลาม เชื่อว่าชีวติ ในโลกน้ีมีเพียงคร้ังเดียว ไม่มีการเวยี นวา่ ยตายเกิด

๖. วธิ ีการยอมรับวถิ ีการดาเนินชีวติ ของคนในแต่ละศาสนาในประเทศ พระพุทธศาสนามีหลกั คาสอนที่ชื่อวา่ “ฆราวาสธรรม ๔” หลกั น้ีสามารถนามาใช้ เป็นแนวทางปฏิบตั ิสาหรับการอยรู่ ่วมกบั ผทู้ ี่นบั ถือศาสนาอ่ืน และช่วยใหย้ อมรับ วถิ ีการ ดาเนินชีวติ ของคนในศาสนาอ่ืนท่ีแตกต่างไปจากตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมทาใหอ้ ยรู่ ่วมกนั ได้ อยา่ งสนั ติสุข มีดงั น้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook