Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐกิจการเกษตรอาสา

เศรษฐกิจการเกษตรอาสา

Published by 6032040039, 2017-07-19 00:26:14

Description: ความรู้มากเว่อร์

Search

Read the Text Version

สำ�นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรงุ เทพมหานครhttp://www.oae.go.th e-mail : [email protected] โทร.0-2561-2870 แฟกซ์ 0-2561-2870

คมู่ อืเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.)ตลาดน�ำ ทำ�เกษตรดี มคี วามยง่ั ยืน ศนู ย์สารสนเทศการเกษตร ส�ำ นักงานเศรษฐกิจการเกษตร Office of Agriculture Economics

ค�ำ น�ำส�ำ นักงานเศรษฐกิจการเกษตร มภี ารกิจหลกั และมีหน้าท่ีในการเก็บ รวบรวมข้อมูล จัดทำ�และเผยแพร่ข้อมูลด้านเศรษฐกิจการเกษตรอยา่ งตรงไปตรงมา ไมม่ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ใดๆ เพอื่ น�ำ เสนอผบู้ รหิ ารและผใู้ ชท้ วั่ ไปประกอบการจดั ท�ำ นโยบาย มาตรการชว่ ยเหลอื เกษตรกรใหม้ รี ายได้ ความเปน็อยทู่ ด่ี ขี น้ึ อยา่ งยง่ั ยนื เศรษฐกจิ การเกษตรอาสา ถอื เปน็ บคุ ลากรทส่ี �ำ คญั ของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรในการประสานงาน และปฏบิ ตั หิ นา้ ทเ่ี พอื่ งานราชการในทอ้ งถน่ิ ทว่ั ประเทศไทย ปจั จบุ นั มสี มาชกิ เศรษฐกจิ การเกษตรอาสาเพิ่มขึ้นเปน็ จ�ำ นวนมาก เพอ่ื ตอบสนองการขับเคลอ่ื น การพฒั นาการเกษตรของไทยให้มีประสิทธิภาพอย่างย่ังยืน เข้าถึงสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันทว่ งที สง่ ผลดีตอ่ การบรหิ ารราชการดา้ นการเกษตร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร และองคก์ รเกษตรกร คู่มือเศรษฐกิจการเกษตรอาสา(ศกอ.) ถูกจัดทำ�ข้ึนเพ่ือแจกแจงรายละเอียด และเสริมความรู้แก่สมาชิกเศรษฐกจิ การเกษตรอาสา ในการเพ่ิมศกั ยภาพการทำ�งานในทอ้ งที่ คณะผู้จัดทำ�หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ท้ังในด้านการทำ�งาน การนำ�ข้อมูลไปใช้และสร้างความเข้าใจให้แก่เศรษฐกิจการเกษตรอาสา ไดเ้ ปน็ อย่างดี ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำ�นักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

สารบญั หนา้คำ�นำ� 1. คณุ สมบตั ิและบทบาทหนา้ ท่ีของเศรษฐกจิ การเกษตรอาสา 4 1.1 คุณสมบตั ิของเศรษฐกจิ การเกษตรอาสา 4 1.2 การคดั เลอื กเศรษฐกิจการเกษตรอาสา 5 1.3 บทบาทและหนา้ ทข่ี องเศรษฐกจิ การเกษตรอาสา 5 2. ความสำ�คัญและการใชป้ ระโยชน์ของขอ้ มลู สถติ ิ 6 2.1 ประโยชนต์ อ่ การตดั สนิ ใจของเกษตรกร 6 2.2 ประโยชนใ์ นการวางแผนพฒั นาการเกษตร 6 2.3 ประโยชนใ์ นการก�ำ หนดนโยบายการเกษตร 7 2.4 ประโยชนใ์ นการช่วยแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ เก่ยี วกับภยั ธรรมชาติ 7 2.5 ประโยชน์ในการติดตามและประเมนิ ผล 7 2.6 ประโยชนใ์ นการพยากรณ์ขอ้ มูล 73. การจดั ท�ำ ขอ้ มลู สารสนเทศการเกษตรของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร 8 3.1 ปรมิ าณการผลิต 8 3.2 ตน้ ทุนการผลิต 9 3.3 ราคา 9 3.4 การพยากรณ ์ 9 3.5 ภาวะเศรษฐกิจสงั คม และครัวเรือนเกษตรกร 9 3.6 การใช้ท่ดี นิ ทางการเกษตร 10 3.7 ข้อมลู เชงิ พื้นท ี่ 10

หนา้4. การไดม้ าของข้อมูล 11 4.1 ส�ำ มะโน 11 4.2 การสำ�รวจด้วยตวั อยา่ ง 12 4.3 การทะเบยี น 15 4.4 การรายงานข้อมลู 16 4.5 การพยากรณ์ 175. การจัดท�ำ ขอ้ มลู สารสนเทศของส�ำ นักงานเศรษฐกิจการเกษตร 19 5.1 การสำ�รวจปรมิ าณการผลิต 19 5.2 การจัดท�ำ ข้อมูลตน้ ทุนการผลติ 25 5.3 การพยากรณ ์ 35 6. หลกั เกณฑใ์ นการใชข้ อ้ มลู สถติ ิ 39 6.1 ค�ำ จ�ำ กดั ความและคำ�นยิ าม 39 39 6.2 การจดั จำ�แนกขอ้ มูล 39 6.3 ระเบียบวธิ ีสถติ ิ 40 6.4 คาบเวลาท่ีข้อมลู อ้างถึง 40 6.5 คุ้มรวม 7. การเผยแพรข่ ้อมูล 41 7.1 เอกสารเผยแพร ่ 41 7.2 เวบ็ ไซต ์ 42 7.3 การให้บริการข้อมลู ผ่านตู้ KIOSK 43 7.4 กระดานเศรษฐีเกษตรกรมโี อกาส OAE-RCMO 45 7.5 การติดตอ่ ขอรับบรกิ ารขอ้ มูล 48ภาคผนวก 49

1. คุณสมบตั แิ ละบทบาทหนา้ ทีข่ องเศรษฐกิจการเกษตรอาสา สำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตร เป็นหน่วยงานราชการ อยู่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มภี ารกจิ เกยี่ วกบั การเสนอแนะนโยบาย มาตรการและวางแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ รวมทง้ั จัดทำ�และให้บริการข้อมลูขา่ วสารดา้ นเศรษฐกจิ การเกษตรอยา่ งถกู ตอ้ ง เพอื่ ใหเ้ กษตรกรมคี ณุ ภาพชวี ติทดี่ ี มีผลผลติ สมบูรณ์ สามารถแขง่ ขนั กับตา่ งประเทศได้ จากภารกจิ ทกี่ ลา่ วมาขา้ งตน้ ท�ำ ใหส้ �ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรจ�ำ เปน็ตอ้ งไดร้ บั ความรว่ มมอื ในการด�ำ เนนิ งานเพอ่ื ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคจ์ ากหนว่ ยงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงข้อมูลพื้นฐานในส่วนภูมิภาคเพ่ือให้การดำ�เนินงานเป็นไปได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ส�ำ นักงานเศรษฐกจิ การเกษตรจำ�เป็นตอ้ งไดร้ บั ความร่วมมือจากเกษตรกร ผ้มู ีศกั ยภาพในท้องถิน่ เพอื่ เป็นตวั แทนในการดำ�เนนิ งาน ตามท้องท่ี ท่ีอยใู่ นถิ่นฐานของเกษตรกรเหล่านั้น จงึ ได้มีการแตง่ ตงั้ เศรษฐกิจการเกษตรอาสาข้ึน เศรษฐกจิ การเกษตรอาสา หมายถงึ เกษตรกรหรอื บคุ คลทไี่ ดร้ บั การคดัเลอื กหรอื สมคั รใจเขา้ มาเปน็ อาสาสมคั รภายใตห้ ลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขทสี่ �ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรก�ำ หนด เพอ่ื เปน็ เครอื ขา่ ยในการชว่ ยเหลอื การปฏบิ ตั งิ านของสำ�นักงานเศรษฐกจิ การเกษตร เรียกโดยย่อวา่ “ศกอ.”1.1 คุณสมบัติของเศรษฐกจิ การเกษตรอาสา เพ่อื ให้ได้มาซงึ่ ศกอ. ท่มี ศี กั ยภาพในทอ้ งทีน่ ้นั ๆ จงึ ต้องมีการกำ�หนดคุณสมบตั ิ เพอ่ื ใหไ้ ด้ ศกอ. ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ในการจัดตัง้ อย่างแทจ้ ริงคณุ สมบตั ขิ องเศรษฐกจิ การเกษตรอาสามดี งั ต่อไปน้ี 1) มสี ญั ชาตไิ ทย 2) มอี ายตุ ัง้ แตส่ บิ แปดปีบรบิ ูรณข์ ึ้นไป 3) มีความสมัครใจและรักที่จะทำ�งานเปน็ เศรษฐกิจการเกษตรอาสา 4) มีความรูอ้ ่านออกเขียนได้ 5) มมี นษุ ยส์ มั พนั ธท์ ดี่ ี มคี วามเสยี สละ บ�ำ เพญ็ ตนเพอื่ สว่ นรวมเปน็ ทตี่ งั้มคี วามสนใจและตงั้ ใจที่ จะปฏบิ ตั งิ านตามบทบาท หนา้ ที่ และ ความรบั ผดิ ชอบของเศรษฐกิจการเกษตรอาสา 6) ตอ้ งผ่านการปฐมนิเทศ 4

1.2 การคดั เลือกเศรษฐกิจการเกษตรอาสา เมอ่ื ไดผ้ ปู้ ระสงคจ์ ะสมคั ร ศกอ. แลว้ จ�ำ เปน็ ตอ้ งท�ำ การพจิ ารณาคดั สรรรับสมัครตามระเบยี บทางราชการ โดยผูส้ มคั รจะต้องดำ�เนนิ การคดั เลอื ก ซึ่งคณุ สมบตั ิของเศรษฐกิจการเกษตรอาสา คือ 1) ผมู้ คี ณุ สมบตั ติ รงตามทกี่ �ำ หนดไวข้ า้ งตน้ ยนื่ ใบสมคั รตอ่ ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิการเกษตรท่ี 1-12 ตามวนั เวลา ตามประกาศของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร 2) ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรจะพจิ ารณาความเหมาะสม ตามหลกั เกณฑ์วธิ กี าร หรอื เงอ่ื นไขทก่ี �ำ หนด 3) ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร จะประกาศรายชอื่ ผไู้ ดร้ บั การคดั เลอื กเปน็ เศรษฐกจิ การเกษตรอาสาตามหลกั เกณฑ์ หรอื วธิ กี ารทสี่ ำ�นกั งานเศรษฐกจิการเกษตรกำ�หนด1.3 บทบาท หน้าที่ และความรับผดิ ชอบของเศรษฐกิจการเกษตรอาสา เมอ่ื ผสู้ มคั ร มคี ณุ สมบตั ไิ ดผ้ า่ นขบวนการคดั เลอื กเขา้ เปน็ ศกอ. แลว้ ศกอ.จะตอ้ งผา่ นขน้ั ตอนการอบรมและการประชมุ ตา่ งๆ เพอ่ื ใหท้ ราบถงึ ความจ�ำ เปน็ และความส�ำ คญั ในการด�ำ เนนิ งานของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ซงึ่ รายละเอยี ดการอบรมตา่ งๆ นน้ั ทางส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรจะจดั การอบรมพบปะและแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร ร่วมท้ังชีแ้ จง้ นโยบายทมี่ ีการเคล่อื นไหวอย่ตู ลอดเวลา ใหแ้ ก่ศกอ. ทราบเป็นระยะ เพ่ือให้การทำ�งานร่วมกนั ระหวา่ งสำ�นกั งานเศรษฐกจิการเกษตรและ ศกอ. เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สามารถตอบสนองนโยบายจากทางราชการไดท้ นั ทว่ งที อย่างไรกต็ าม ศกอ. มบี ทบาทและหนา้ ที่ต่อการพฒั นาการเกษตรของไทยอยา่ งมาก เปน็ การสนบั สนนุ การท�ำ งานของทางราชการไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ซง่ึเศรษฐกจิ การเกษตรอาสา มีบทบาท หน้าทแี่ ละความรับผิดชอบ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ส�ำ รวจขอ้ มูลการเกษตร 2) รายงานภาวะการผลิต การตลาด และราคาสินคา้ เกษตรในพนื้ ท่ี 3) รายงานสถานการณก์ ารผลติ ทางการเกษตรในพ้นื ท่ี 4) เผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์บทบาท ภารกิจ ของสำ�นกั งาน 5) ปฏบิ ัติงานตามท่ีสำ�นักงานมอบหมาย 5

2. ความสำ�คัญและการใชป้ ระโยชน์ของข้อมูลสถติ ิ ขอ้ มลู สถติ ิ หมายถงึ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ ตวั เลข สญั ลกั ษณ์หรือข้อความโดยเก็บบันทึกไว้ ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมนุษย์เรียนรู้การเก็บขอ้ มลู สถติ มิ าต้งั แตอ่ ดตี เช่น การจดบันทึกช่วงเวลาทีฝ่ นตก ระดับน้ําขน้ึ นํ้าลงเปน็ ตน้ ข้อมูลการเกษตรถือเปน็ ข้อมูลสถิตชิ นิดหนงึ่ ท่ีครอบคลุมสาระในเรอื่ งการเกษตรท้ังหมด ไมว่ ่าจะเป็นสถานการณก์ ารผลิต ปริมาณการผลิตตน้ ทนุ การผลติ ราคาสนิ คา้ ภาวะการตลาด ความตอ้ งการใชภ้ ายในภายนอกประเทศ สภาพดินฟา้ อากาศ หรือภัยธรรมชาติ แหล่งทรัพยากรธรรมชาติภาวะเศรษฐกิจและสังคม เทคโนโลยี ที่เป็นความรู้ทางการผลติ แนวโน้มการผลิตประโยชนแ์ ละความส�ำ คญั ของข้อมูลการเกษตร ได้แก่2.1 ประโยชน์ตอ่ การตัดสินใจของเกษตรกร เกษตรกรสามารถน�ำ ขอ้ มลู ทางดา้ นการเกษตรเปน็ ตวั ชน้ี �ำ ในการตดั สนิ ใจได้ว่าควรจะผลิตสินค้าเกษตรชนิดใดที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุด ข้อมูลดา้ นการเกษตรยงั สามารถใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการตอ่ รองราคากบั พอ่ คา้ เปรยี บเทยี บราคาและต้นทนุ ของสนิ คา้ เกษตรแต่ละชนดิ ทใ่ี ห้ผลตอบแทนสงู กวา่ ไดอ้ ีกด้วย2.2 ประโยชนใ์ นการวางแผนพฒั นาการเกษตร แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ เปน็ แผนแมบ่ ทใหญใ่ นการพฒั นาประเทศ ซึ่งประกอบด้วย แผนย่อยอีกมากมาย ท้ังภาคการเกษตรและนอกการเกษตรทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด หรืออาจลงลึกถึงระดับทอ้ งถน่ิ ต�ำ บล โดยก�ำ หนดกิจกรรม เพอ่ื ความเหมาะสมกับทรัพยากรทม่ี ีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กบั เกษตรกรและประเทศชาติ ในการวางแผนพัฒนาการเกษตรดังกล่าวจำ�เปน็ ตอ้ งมขี ้อมลู พน้ื ฐานในแต่ละพน้ื ที่ 6

2.3 ประโยชนใ์ นการกำ�หนดนโยบายการเกษตร เพ่อื ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดตอ่ ประชาชน ในด้านการเกษตร จำ�เป็นต้องมีการกำ�หนดนโยบายทางการเกษตร ให้สอดคลอ้ งกับสถานการณ์และความจ�ำ เปน็ สง่ิ ส�ำ คญั ทใี่ ชใ้ นการก�ำ หนดโยบายกค็ อื ขอ้ มลู การเกษตร เพราะนโยบายต่างๆ ขน้ึ อยกู่ ับการเปล่ียนแปลงของเนื้อท่ี ผลผลติ ตอ่ ไร่ อันมผี ลตอ่ เน่ืองมาจากสภาพดินฟ้าอากาศ ราคาในการกำ�หนดนโยบายดงั กล่าว ปจั จุบนั ภาครฐัใหค้ วามส�ำ คญั โดยจัดตัง้ คณะกรรมการนโยบายเพ่อื ดูแลในรายละเอียดของสินคา้ เกษตรแตล่ ะชนดิ มากมาย เช่น คณะกรรมการนโยบายและมาตรการชว่ ยเหลอื เกษตรกร (คชก.) และคณะกรรมการนโยบายขา้ วแหง่ ชาติ (กขช) เปน็ ตน้2.4 ประโยชนใ์ นการช่วยแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าเก่ยี วกับภยั ธรรมชาติ สภาพดินฟา้ อากาศ ทีเ่ กดิ ความผิดปกติ เชน่ ฝนแลง้ นา้ํ ท่วม โรคแมลงระบาด น�ำ ความสญู เสยี มาสเู่ กษตรกรผผู้ ลติ ดงั นนั้ หนว่ ยงานเกย่ี วขอ้ งทม่ี หี นา้ ท่ีแก้ไขปัญหา ท้งั ภาครฐั และเอกชน จ�ำ เป็นตอ้ งรับรปู้ ัญหาเฉพาะหน้าเหล่าน้ีและรบี เขา้ มาด�ำ เนนิ การชว่ ยเหลอื แกไ้ ขใหท้ นั ทว่ งที รฐั บาลจ�ำ เปน็ ตอ้ งมหี นว่ ยงานทรี่ บั ผดิ ชอบ เพอื่ เกบ็ รวบรวม และรายงานขอ้ มลู เกยี่ วกบั ความเสยี หาย ใหร้ วดเรว็ทนั ต่อเหตกุ ารณเ์ สมอ2.5 ประโยชนใ์ นการติดตามและประเมนิ ผล เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงคก์ ารด�ำ เนนิ งานแผน หรอื นโยบายการเกษตรจ�ำ เปน็ ตอ้ งมกี ารตดิ ตามและประเมนิ ผลอยา่ งใกลช้ ดิ ซง่ึ จำ�เปน็ ตอ้ งมกี ารรวบรวมข้อมูลสถิตติ า่ งๆ เพ่ือประกอบการศกึ ษาน้นี อกจากจะใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการติดตามประเมินผลโครงการท่ีกำ�ลังดำ�เนินการแล้ว ยังสามารถนำ�ไปใช้ประกอบการกำ�หนดโครงการใหมๆ่ ที่มลี ักษณะคล้ายกนั2.6 ประโยชนใ์ นการพยากรณ์ เพ่ือให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ� จำ�เป็นต้องมีการเก็บข้อมูลสถิตยิ อ้ นหลงั เปน็ ระยะเวลานาน หากมขี อ้ มูลท่ีถกู ตอ้ งสะสมไว้เป็น 7

ระยะเวลานานมากเทา่ ใด กย็ งิ่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการพยากรณข์ อ้ มลู การเกษตรมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามเทคนิคท่ีใช้ในการพยากรณ์มีหลายวิธีซ่ึงข้อมูลการเกษตรในแต่ละประเภทจะเหมาะสมกับวิธีการพยากรณ์ที่แตกต่างกันนอกจากประโยชน์ท่ีได้กล่าวมาแล้วข้างต้นข้อมูลสถิติยังเป็นท่ีต้องการและใช้กันอย่างกว้างขวาง ในวงการธุรกิจเพื่อให้การดำ�เนินธุรกิจมีโอกาสประสบความสำ�เร็จไม่ว่าจะเป็นการวางแผนด้านการผลิต การตลาด การโฆษณาการกำ�หนดราคาสินค้าหรือบริการให้เหมาะสมกับกำ�ลังซื้อ และสภาวะการแขง่ ขนั จะตอ้ งอาศัยการศกึ ษาและวิเคราะห์ขอ้ มูลสถิตติ า่ งๆ3. การจดั ท�ำ ข้อมูลสารสนเทศการเกษตร ของส�ำ นักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยศูนย์สารสนเทศการเกษตร และส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 1-12 มกี ารจดั ท�ำ ขอ้ มลู สารสนเทศการเกษตรเพื่อเผยแพรต่ อบสนองความต้องการของผ้ใู ช้ ตามหลักวชิ าการทางสถติ ิและเศรษฐศาสตร์ทีเ่ หมาะสมได้แก่3.1 ปริมาณการผลิต ศนู ยส์ ารสนเทศการเกษตรจดั ท�ำ สถติ ขิ อ้ มลู การผลติ สนิ คา้ เกษตรทสี่ �ำ คญัท้งั พืช ปศุสัตว์ และประมง โดยในแตล่ ะชนิดสนิ คา้ จะมรี ายการขอ้ มลู ทส่ี �ำ คญัเช่น การผลติ พืชจะมเี นอื้ ทีเ่ พาะปลูก เน้อื ท่ีเกบ็ เก่ยี ว เน้อื ทย่ี นื ตน้ เนื้อท่ใี หผ้ ล 8

ผลผลติ ผลผลติ ตอ่ ไร่ การเกบ็ เกยี่ วผลผลติ รายเดอื น แยกตามระบบชลประทานสว่ นปศสุ ตั วจ์ ะมจี �ำ นวนตวั ณ วนั ท่ี 1 มกราคม ปรมิ าณการผลติ อตั ราการเกดิอตั ราการใหไ้ ข่ อตั ราการให้นม เป็นตน้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลในระดบัจังหวดั ยกเว้นขา้ วนาปี ขา้ วนาปรงั มันสำ�ปะหลังโรงงาน ขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์ยางพารา ปาล์มน้ํามัน ทมี่ ีข้อมูลในระดบั อำ�เภอ3.2 ต้นทุนการผลติ การค�ำ นวณตน้ ทนุ การผลติ มหี ลายวธิ ี ส�ำ หรบั ตน้ ทนุ การผลติ ของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ใชว้ ธิ กี ารทางเศรษฐศาสตร์ โดยพชื จะเปน็ ตน้ ทนุ การผลติตามปเี พาะปลกู สว่ นตน้ ทนุ การผลติ ปศสุ ตั วจ์ ะมขี อ้ มลู ตน้ ทนุ การผลติ เปน็ รายเดอื น3.3 ราคา ราคาเป็นข้อมูลสารสนเทศท่ีสำ�คัญซึ่งผู้ใช้โดยทั่วไปให้ความสนใจเป็นลำ�ดบั ตน้ ๆ เพราะสามารถนำ�ไปใช้ประโยชน์ไดห้ ลายด้าน ราคาท่สี ำ�นกั งานเศรษฐกิจการเกษตรจดั ทำ�เปน็ การเก็บรวบรวมราคา ซง่ึ มี 2 ประเภท ได้แก่ราคาทเ่ี กษตรกรขายไดข้ องสนิ คา้ เกษตรทสี่ �ำ คญั รายสปั ดาห์ จากการรายงานของสำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี1-12 และราคารายวันในตลาดสำ�คัญนอกจากน้ยี ังจดั ทำ�ดัชนีราคาสนิ คา้ เกษตร และดชั นีผลผลติ สินค้าเกษตรด้วย3.4 การพยากรณ์ เพื่อให้การคาดคะเนข้อมูลล่วงหน้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การพยากรณจ์ งึ เปน็ วธิ ที จี่ ะใหไ้ ดข้ อ้ มลู ดงั กลา่ ว ส�ำ หรบั การพยากรณข์ องส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรเปน็ การพยากรณเ์ ชงิ ปรมิ าณ หาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิทตี่ ้องการทราบ (เช่น เนื้อท่ีเพาะปลูก ผลผลิตต่อไร่) กับปัจจัยอืน่ ทมี่ ีผลตอ่ส่ิงนัน้ โดยท�ำ การพยากรณป์ รมิ าณการผลิตพืช และปศุสัตว์ ท่ีปริมาณการผลิตสำ�คญั รวม 25 ชนิด ทุกไตรมาส (3 เดอื น)3.5 ภาวะเศรษฐกิจสังคมและครัวเรอื นเกษตร เป็นขอ้ มลู พ้นื ฐานของครวั เรือนเกษตร เช่น รายได้ – รายจา่ ยทางการเกษตร รายได้ – รายจา่ ยของครวั เรอื นเกษตร หนี้สนิ – ทรัพยส์ นิ เปน็ ต้น 9

ข้อมูลสารสนเทศเหล่าน้ีจะทำ�ให้ทราบข้อมูลพ้ืนฐานทางเศรษฐกิจ ลักษณะการผลิต โครงสร้างรายได้ – รายจ่ายของครัวเรือนเกษตร ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในการกำ�หนดนโยบาย – มาตรการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม3.6 การใช้ท่ดี ินทางการเกษตร (Land Use) เป็นข้อมูลท่ีมีความสำ�คัญเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการทรัพยากรส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร มกี ารจดั ท�ำ ขอ้ มลู สารสนเทศ การใชป้ ระโยชนใ์ นทด่ี นิ รายจงั หวดั เปน็ รายปี โดยน�ำ ภาพถา่ ยทางอากาศและขอ้ มลู จากดาวเทยี มมาประยกุ ตก์ ารแปลภาพเพอื่ หาเนอ้ื ทท่ี างการเกษตรและการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิทางการเกษตร แลว้ น�ำ ขอ้ มลู ดงั กลา่ วมาวเิ คราะหร์ ว่ มกบั ขอ้ มลู ทางสถติ ทิ ม่ี อี ยู่3.7 ข้อมลู เชงิ พื้นท่ี ศนู ยส์ ารสนเทศการเกษตร ไดน้ ำ�เอาขอ้ มลู เชงิ พนื้ ทมี่ าใชต้ ง้ั แตป่ ี 2529ซึง่ นอกจากจะสามารถแสดงใหเ้ ห็นถึงขอ้ มูลทช่ี ดั เจนในเชงิ ภูมิสารสนเทศแล้วปัจจุบันเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมีความก้าวหน้าสามารถประยุกต์ใช้กับงานดา้ นสถิตไิ ดห้ ลายด้าน เช่น พนื้ ทีเ่ พาะปลูก/ยืนต้น พชื ทีส่ �ำ คัญ การตดิ ตาม/ตรวจสอบสถานการณภ์ ยั พบิ ตั ิ การตดิ ตามสถานการณก์ ารเพาะปลกู พชื ทส่ี �ำ คญัเป็นต้น ในปัจจุบันสำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตรกำ�ลังดำ�เนินการโครงการพยากรณผ์ ลผลติ ข้าวโดยใชเ้ ทคโนโลยีภูมิสารสนเทศคือ ข้อมูลจากดาวเทยี มซึง่ เปน็ การประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มูลเชิงวทิ ยาศาสตรร์ ว่ มกบั วิธกี ารทางสถิติ 10

4. การได้มาของขอ้ มูล ปจั จยั ส�ำ คญั ในการด�ำ เนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู คอื ระยะเวลาคา่ ใชจ้ า่ ยในการด�ำ เนนิ งานรวมทงั้ จ�ำ นวนบคุ ลากร โดยทวั่ ไปการด�ำ เนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เปน็ กระบวนการทตี่ อ้ งใชร้ ะยะเวลาและเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยสงู นอกจากนมี้ กั จะตอ้ งใชบ้ คุ ลากรเป็นจำ�นวนมากดว้ ย ดังน้นั ในการเก็บรวบรวมข้อมลู ท่ีสำ�คญั ๆ และมขี อบเขตกวา้ งขวาง จงึ เปน็ ความรบั ผดิ ชอบของรฐั บาลเปน็ ผเู้ กบ็ รวบรวมและพิมพเ์ ผยแพรข่ อ้ มูลดังกล่าว การไดม้ าหรอื การเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยท่วั ไปมี 5 วิธไี ด้แก่ 4.1 ส�ำ มะโน (Census) 4.2 การสำ�รวจดว้ ยตัวอยา่ ง (Sample survey) 4.3 การทะเบียน (Registration) 4.4 การรายงาน (Reporting System) 4.5 การพยากรณ์ (Forecasting)4.1 สำ�มะโน (Census) เปน็ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากหนว่ ยแจงนบั ทกุ หนว่ ยหรอื จากประชากรทกุ คน ทอ่ี ยใู่ นคมุ้ รวม ค�ำ วา่ คมุ้ รวม หมายถงึ หนว่ ยทเ่ี ปน็ ผใู้ หค้ �ำ ตอบเกย่ี วกบัขอ้ มลู ทกุ หนว่ ยรวมกนั การส�ำ มะโนเกษตรกจ็ ะท�ำ การแจงนบั ครวั เรอื นเกษตรทุกครัวเรือนในประเทศไทยการทำ�สำ�มะโนเป็นงานท่ีต้องใช้กำ�ลังคนและงบประมาณจำ�นวนมาก โดยทัว่ ไปจะดำ�เนนิ การ 5 ปีหรอื 10 ปี ตอ่ คร้ัง ขอ้ ดีของการท�ำ ส�ำ มะโน ไดแ้ ก่ 1) ได้ข้อมูลครบถว้ น แสดงรายละเอียดของข้อมลู เป็นเขตภมู ิศาสตรท์ ่ีเล็กท่สี ุดได้ 2) เปน็ ขอ้ มูลหลัก ซึ่งน�ำ ไปช่วยในการวางแผนเก็บข้อมูลสถติ อิ ืน่ ๆ ขอ้ เสยี ของการท�ำ สำ�มะโน ไดแ้ ก่ 1) สนิ้ เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยมาก 2) ไมส่ ามารถทำ�ไดท้ กุ ปี จึงทำ�ใหข้ ้อมลู ไมต่ อ่ เน่ืองกัน 3) ปรมิ าณงานมาก ท�ำ ให้ยากต่อการบริหารงาน คุณภาพข้อมลู อาจหยอ่ นลงไปบ้าง 4) ลา่ ชา้ ในการประมวลผล 11

4.2 การสำ�รวจด้วยตวั อย่าง (Sample survey) หมายถึง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเพียงบางส่วนของประชากรซ่งึ เปน็ การประหยดั ทง้ั เวลาและคา่ ใช้จา่ ยในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู การเลอื กตัวอย่างจากประชากรทำ�ได้หลายวิธี แต่ละวิธีก็จะมีหลักเกณฑ์เพ่ือท่ีจะให้ได้ตวั อย่างท่ีเปน็ ตวั แทนท่ดี ขี องประชากร ค�ำ วา่ ตัวแทนทด่ี ี หมายถงึ ตัวอย่างท่ีถูกเลือกมาควรจะประกอบไปด้วยลักษณะต่างๆ ของประชากรครบถ้วนเพราะการสรปุ ผลตอ้ งอ้างองิ ถงึ ประชากร ขอ้ ดขี องการสำ�รวจด้วยตวั อยา่ ง 1) มคี วามถกู ต้องแม่นย�ำ มากขึน้ 2) พจิ ารณาจากประชากรแลว้ พบวา่ ไมส่ ามารถดำ�เนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดค้ รอบคลมุ อาทริ ะยะทางทห่ี า่ งไกลหรอื อนั ตราย มเี วลาทจ่ี �ำ กดั เปน็ ตน้ 3) ประหยัดเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำ�มาสรุปผลได้รวดเร็วมากข้ึนหรือประหยัดการใช้งบประมาณในการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีมีค่อนข้างจ�ำ กดั 4) เน่อื งจากการใชก้ ล่มุ ตัวอยา่ งจะมจี �ำ นวนน้อยกว่าประชากร ท�ำ ใหม้ ีเวลาทจี่ ะศกึ ษาและเก็บขอ้ มลู ท่ีมีรายละเอยี ดไดช้ ดั เจนมากข้ึน 5) นำ�ผลการวิเคราะหม์ าใช้ประโยชนไ์ ด้สอดคล้องกบั เหตุการณ์ 6) สามารถสรปุ ผลอ้างอิงไปส่ปู ระชากรได้ สว่ นขอ้ จ�ำ กดั ของการศกึ ษาหรอื วจิ ยั ทศ่ี กึ ษาจากประชากรมขี อ้ จ�ำ กดั ดงั นี้ 1) ใช้ระยะเวลานานในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 2) ใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายจ�ำ นวนมากในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 3) ใชแ้ รงงานคนจำ�นวนมาก 4) ไดข้ อ้ มูลทมี่ ีความคลาดเคลื่อนเนือ่ งจากมีจ�ำ นวนมาก 5) เปน็ ขอ้ มลู ทไ่ี มล่ กึ ซงึ้ และไมช่ ดั เจนเนอื่ งจากมปี ระชากรจ�ำ นวนมากแต่มเี วลาที่จำ�กัด 6) ผลการวิจัยไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงท่ีจะสามารถน�ำ ผลไปใชป้ ระโยชน์ได ้ 12

ขนั้ ตอนในการดำ�เนินการส�ำ รวจดว้ ยตัวอยา่ ง (Sample Survey) อาจแบ่งได้4 ขั้นตอน ดงั นี้ 1) การเตรียมงานและวางแผน (Planning) เป็นการดำ�เนินงานเก่ียวกับการกำ�หนดวัตถุประสงค์ของการสำ�รวจให้สอดคล้องกับนโยบายจากผู้บริหาร การกำ�หนดแผนแบบการเลือกตัวอย่างก�ำ หนดแบบสมั ภาษณ์ จดั ท�ำ กรอบตวั อยา่ ง ก�ำ หนดจ�ำ นวนตวั อยา่ งสมุ่ ตวั อยา่ งตลอดจนจัดทำ�บญั ชรี ายชื่อตัวอยา่ ง รวมท้ังการสร้างแบบสอบถาม 2) การเกบ็ รวบรวมข้อมลู (Collecting) การเก็บข้อมูลตัวอย่างนั้น จะเลือกวิธีการเลือกตัวอย่างท่ีเหมาะสมและมขี นาดตวั อยา่ งทเ่ี พยี งพอ เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทม่ี คี ณุ ภาพ ไมโ่ นม้ เอยี งไปทางใดทางหนึง่ พนกั งานภาคสนาม หรือผูท้ ี่เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ควรได้รับการอบรมเกีย่ วกับวธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูล และขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ านท่ถี กู ตอ้ งโดยผู้เก็บรวบรวมข้อมูลควรทำ�ความเข้าใจข้อคำ�ถามในแบบสอบถามทั้งหมดอย่างละเอียด โดยตรวจสอบคุณภาพของข้อมูลท้ังในขณะที่อยู่ในงานสนามและหลังปฏบิ ัตงิ านสนาม 3) การประมวลผล (Processing & Analysis) เปน็ การน�ำ ขอ้ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมไดจ้ ากกลมุ่ ตวั อยา่ งหรอื จากประชากรการวจิ ยั มาจ�ำ แนกเพอ่ื ตอบประเดน็ ปญั หาการวจิ ยั หรอื ทดสอบสมมตฐิ านการวจิ ยั ให้ครบทกุ ขอ้ หากเปน็ ขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณหรอื เปน็ ตวั เลขผวู้ จิ ยั จะใชว้ ธิ กี ารทางสถติ ิสรุปประมวลผลแต่ถ้าเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพผู้วิจัยจะใช้วิธีการสรุปความหรือสังเคราะห์ข้อความอย่างไรก็ตามในการประมวลผลจะพบความคลาดเคล่ือนจากการสำ�รวจหลายประการ เช่น พนักงานเกบ็ ข้อมูลสร้างขอ้ มูลเทจ็ ประชากรผตู้ กเปน็ ตวั อยา่ งไมย่ อมตอบขอ้ ถาม (Nonresponse bias) ประชากรผู้ตกเปน็ ตวั อยา่ งให้คำ�ตอบทไี่ มต่ รงกบั ความเช่อื ท่แี ทจ้ ริงของตน (Response bias) คำ�ถามท่ใี ช้ (Wording of questions) ไมว่ ่าจะเป็นภาษาทีใ่ ช้ การเรยี งล�ำ ดบั ขอ้ ค�ำ ถาม จ�ำ นวนค�ำ ถามและตวั เลอื ก ลว้ นมผี ลกระทบตอ่ ผลส�ำ รวจท้งั สนิ้ 13

4) การนำ�เสนอผลการส�ำ รวจ และจดั ทำ�รายงาน (Presenting &Reporting) เป็นการนำ�เสนอและสรุปผลข้อมูลท่ีผ่านการวิเคราะห์แล้ว ในรูปของตาราง แผนภูมิ ข้อความ คำ�อธิบาย เพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ให้เป็นที่น่าสนใจและง่ายต่อการทำ�ความเข้าใจ ในการเผยแพร่ผ่านสอื่ ต่างๆ ภาพท่ี 1 ขัน้ ตอนการสำ�รวจขอ้ มลู 14

4.3 การทะเบียน (Registration) วิธีน้ีโดยมากประชาชนเป็นผู้ให้ข้อมูลตามกฎหมายโดยการบันทึกข้อมูลลงในทะเบียน การทะเบยี น เป็นการเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากระบบทะเบียนท่มี ีลกั ษณะคลา้ ยกบั การรวบรวมขอ้ มลู จากรายงานหรอื เอกสารตรงทเ่ี ปน็ ผลผลติของงานบรหิ ารการปฏบิ ตั งิ านแตต่ า่ งกนั ทข่ี อ้ มลู เปน็ ขอ้ มลู ทนี่ �ำ มาจากเอกสารการทะเบียนซ่ึงเป็นระบบการเก็บข้อมูลที่มีความต่อเน่ืองมีการปรับแก้หรือเปลยี่ นแปลงแกไ้ ขตามสถานภาพของผใู้ หข้ อ้ มลู ขอ้ มลู ทเ่ี กบ็ โดยวธิ กี ารทะเบยี นน้ีจะมีข้อมูลจำ�กัดตามข้อรายการท่ีมีอยู่ในทะเบียนเท่านั้นระบบทะเบียนเป็นระบบคอ่ นข้างใหญ่ ขอ้ ดขี องการทะเบยี น ไดแ้ ก่ สนิ้ เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย เพราะเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเฉพาะส่วนประมวลผลและการเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นสามารถทำ�ได้บ่อยและได้ข้อมูลต่อเน่ืองและสามารถประมวลข้อมูลแยกตามหน่วยบริหารย่อยหรือเขตภมู ภิ าคได้ ขอ้ เสียของการทะเบยี น ได้แก่ รายการของข้อมลู จำ�กัด และโดยปกติข้อมูลมีคุณภาพไม่ดีนัก เพราะมีความผิดพลาดในข้อมูลเบื้องต้นในทะเบียนขอ้ มูล หรอื ขอ้ มลู ไม่ทันสมัยหรอื ขาดความครบถ้วนการขนึ้ ทะเบียนเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไดจ้ ัดทำ�โครงการจัดทำ�ทะเบยี นเกษตรกรเพื่อจัดทำ�ฐานขอ้ มลู ของเกษตรกรทว่ั ประเทศทุกสาขาอาชพี มารวมไว้ ณ จดุเดยี วกนั พรอ้ มตดิ ตง้ั อปุ กรณค์ อมพวิ เตอรเ์ ชอื่ มโยงฐานขอ้ มลู ระหวา่ งหนว่ ยงานตา่ งๆ ทง้ั ในระดบั สว่ นกลางและระดบั ภมู ภิ าค ซงึ่ ฐานขอ้ มลู นจ้ี ะมปี ระโยชนต์ อ่ภาครัฐท่ีจะใช้จำ�แนกเกษตรกรตามกลุ่มเป้าหมายในการดำ�เนินการช่วยเหลือท่ถี ูกต้อง รวดเรว็ และมปี ระสิทธภิ าพ นอกจากนจ้ี ะมีขอ้ มลู ท่นี �ำ ไปใชใ้ นการกำ�หนดนโยบายแผนงาน การจดั การดา้ นการผลติ การตลาด และสวัสดิการแก่เกษตรกร 15

ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับจากการด�ำ เนินงาน 1)  ประโยชนต์ อ่ ภาครฐั สามารถใชฐ้ านขอ้ มลู ในการก�ำ หนดนโยบาย แผนงาน และการจดั การ ดา้ นการผลติ การสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การใช้ปัจจยั การผลิต การตลาดและราคาสนิ ค้าเกษตร จ�ำ แนกเกษตรกรเปน็ กลมุ่ เปา้ หมายในการด�ำ เนนิ มาตรการตา่ งๆไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ชดั เจน รวดเรว็ และมีประสิทธิภาพ ใชต้ ดิ ตามและประเมนิ ผล การด�ำ เนนิ งานตามมาตรการโครงการ 2) ประโยชนต์ ่อเกษตรกร เกษตรกรจะไดร้ บั ความสะดวกในการรบั บรกิ ารจากภาครฐั เชน่ความช่วยเหลอื เกษตรกรหลังน้าํ ทว่ ม เป็นตน้ เกษตรกรสามารถใชบ้ ตั รประจำ�ตัวประชาชนที่บรรจุขอ้ มูลของตนเองเพือ่ ขอรบั สทิ ธปิ ระโยชนต์ ่าง ๆ ตามทร่ี าชการกำ�หนด การวางแผนของภาครัฐมคี วามถกู ตอ้ งและเหมาะสม จากการใชฐ้ านขอ้ มูลตามโครงการทม่ี ีข้อมลู ทนั สมยั เปน็ ปัจจุบนั อันเป็นผลให้ปัญหาเรือ่ งความแปรปรวนของราคาสนิ คา้ เกษตรนอ้ ยลงสง่ ผลดตี อ่ เกษตรกร4.4 การรายงานขอ้ มลู (Reporting System) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากรายงานเปน็ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากรายงานท่ีท�ำ ไวห้ รอื จากเอกสารประกอบการท�ำ งาน ทสี่ ามารถน�ำ มาประมวลเปน็ ยอดรวมข้อมูลสถิติได้ วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานของหน่วยงานต่างๆ นับว่าเปน็ วธิ กี ารรวบรวมขอ้ มลู สถติ โิ ดยไมต่ อ้ งสน้ิ เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยในการด�ำ เนนิ งานมากนัก ค่าใช้จ่ายที่ใช้ส่วนใหญ่ก็เพื่อการประมวลผล พิมพ์แบบฟอร์มต่างๆตลอดจนการพิมพ์รายงาน วิธีการน้ีใช้กันมากท้ังในหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน ข้อดขี องการรายงาน ได้แก่ สนิ้ เปลอื งค่าใชจ้ า่ ยนอ้ ย เพราะเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนประมวลผลและการเผยแพร่ข้อมูลเท่าน้ันสามารถทำ�ได้บ่อยและได้ข้อมูลต่อเนื่องสามารถประมวลข้อมูลแยกตามหน่วยบริหารย่อยหรือเขตภูมภิ าคได้ 16

ขอ้ เสยี ของการรายงาน ไดแ้ ก่ รายการของขอ้ มลู จ�ำ กดั เพราะตอ้ งรวบรวมตามแบบรายงาน ความไมค่ รบถว้ นของรายงาน อาจจะท�ำ ให้ข้อมูลมคี วามผดิ พลาดหรือประมวลยอดขอ้ มลู ล่าชา้ นอกจากนกี้ ารรายงานอาจจะผดิ พลาดในกรณที ่ีผู้รายงานไมใ่ ห้ความสำ�คญั กับงาน ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรไดก้ ำ�หนดรายงานราคาสนิ คา้ เกษตรเปน็2 ประเภท ได้แก่ 4.4.1 ราคาที่เกษตรกรขายไดท้ ี่ไร่นา เป็นการเก็บรวบรวมขอ้ มลูณ แหล่งผลิตของเกษตรกร เช่น ไรน่ ายงุ้ ฟาร์ม ปากบอ่ ของเกษตรกรเป็นต้น โดยจัดเก็บรวบรวมทุกสัปดาห์ โดยมีสัปดาห์อ้างอิงคือวันจันทร์ถึงวนั อาทิตย์ และมวี นั อ้างอิงขอ้ มลู ราคาคอื วนั จนั ทร์ในแต่ละสัปดาห์ เศรษฐกจิการเกษตรอาสา (ศกอ.) จะเกบ็ รวบรวมราคาจากอ�ำ เภอทเี่ ปน็ แหลง่ ผลติ สง่ ให้สำ�นักงานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 1-12 เพ่อื ทำ�ขอ้ มูลรายจงั หวัดและสง่ ต่อให้ศูนย์สารสนเทศการเกษตร ภายในวนั อังคาร ก่อน 12.00 น.เพื่อคำ�นวณค่าเฉลี่ยระดบั ภาคและประเทศต่อไป 4.4.2 ราคารายวนั ณ ตลาดกลางหรอื ตลาดสำ�คญั เปน็ การเก็บรวบรวมราคา ณ แหล่งรับซ้ือ เฉพาะสินค้าที่มักจะมีปัญหาทางด้านราคาและเกี่ยวข้องกับเกษตรกรจำ�นวนมาก เก็บรวบรวมจากจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิต เลอื กรา้ นคา้ หรือแหลง่ รบั ซอื้ ที่พรอ้ มจะใหค้ วามรว่ มมือท�ำ การจดั เกบ็ ทกุวันทำ�การและเปน็ แหล่งทเ่ี ชอ่ื ถือได้ ส�ำ นักงานเศรษฐกิจการเกษตรท่ี 1-12จะสอบถามราคาจากร้านค้าหรือแหล่งรับซ้ือและรายงานให้ศูนย์สารสนเทศการเกษตร ทกุ วนั ท�ำ การ กอ่ น 10.00 น.พรอ้ มเหตผุ ลการเปลยี่ นแปลงราคา4.5 การพยากรณ์ (Forecasting) คือการคาดการณ์ส่ิงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต ข้อมูลปัจจบุ นั และจากประสบการณ์ เพอื่ ให้ทราบถงึ แนวโน้มการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคตและทำ�ให้สามารถทจี่ ะวางแผนหรอื กำ�หนดนโยบายเพ่อื ใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงคไ์ ด้ 17

การพยากรณ์ท่ีทำ�กันโดยทัว่ ไปมีอยู่ 3 วธิ ี คือ 1) พยากรณ์โดยอาศัยประสบการณ์และความชำ�นาญ วิธีนี้นิยมใช้กนั มากเน่ืองจากไมต่ อ้ งมหี ลกั เกณฑท์ แ่ี นน่ อนเพยี งแตอ่ าศัยประสบการณแ์ ละความรคู้ วามช�ำ นาญทางดา้ นนี้ ตลอดจนเขา้ ใจในปญั หาของเรอ่ื งทจ่ี ะพยากรณ์อย่างไรก็ตามการพยากรณ์ด้วยวิธีนี้สามารถใช้ได้ในกรณีท่ีมีการดำ�เนินงานในขอบเขตขนาดเล็กเท่าน้ัน อน่ึงการพยากรณ์ด้วยวิธีน้ีแม้จะเป็นวิธีที่ง่ายแตม่ โี อกาสผดิ พลาดไดม้ ากในกรณที ผ่ี พู้ ยากรณไ์ มม่ ปี ระสบการณห์ รอื ขาดความรู้ความช�ำ นาญเกีย่ วกับเรือ่ งทจี่ ะท�ำ การพยากรณ์ 2) พยากรณโ์ ดยอาศยั เหตกุ ารณแ์ ละหลกั ฐานบางอยา่ ง การพยากรณ์ด้วยวิธีน้ี มักมีการอภิปรายประกอบหลักฐานกันอย่างกว้างขวาง แล้วสรุปหาข้อยุติหลักฐานเหล่านี้อาจเป็นหลักฐานทางนิติศาสตร์ ทางการเมืองทางเศรษฐกจิ และสังคม 3) การพยากรณท์ างสถติ ิ เปน็ การพยากรณโ์ ดยใชข้ อ้ มลู สถติ ทิ เ่ี รยี กวา่ขอ้ มูลอนกุ รมเวลาหรอื ขอ้ มูลยอ้ นหลงั หลายๆ ปีเป็นเคร่ืองมือ การพยากรณ์โดยวิธีน้ีจะต้องศึกษาถึงพฤติการณ์ของเรื่องน้ันๆ ท่ีเคยเกิดขึ้นในอดีตว่ามีลักษณะอย่างไรเสียก่อน แล้วจึงทำ�การพยากรณ์ข้อมูลอนุกรมเวลาจะบอกให้ทราบถึงพฤติการณ์ดังกล่าว เช่น การพยากรณ์ผลผลิตทางการเกษตรปริมาณการขายระดับราคาสินค้า ฯลฯ เป็นต้น การพยากรณ์ทางสถิติจะทำ�ได้ต่อเมื่อพฤติการณ์ท่ีเกิดข้ึนในอดีตมีความแปรผันตามปกติ แต่ถ้ามีความผนั แปรผิดปกตมิ าก จะท�ำ ใหค้ ่าพยากรณม์ ีความคลาดเคลอื่ นจากความเปน็ จรงิ มากเชน่ กนั อยา่ งไรกต็ ามคา่ ทพ่ี ยากรณไ์ ดน้ เี้ ปน็ เพยี งคา่ ประมาณเทา่ นนั้ ทงั้ นเ้ี พราะการพยากรณท์ างสถติ ติ ง้ั อยบู่ นสมมตุ ฐิ านทว่ี า่ “สงิ่ อนื่ ไมเ่ ปลยี่ นแปลง” นน่ั ถอื วา่เหตกุ ารณอ์ นื่ ๆ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ในชว่ งเวลาของการพยากรณเ์ หมอื นกนั กบั ทเี่ กดิ ขน้ึในชว่ งเวลาท่ีแลว้ ๆ มา แต่ความเป็นจรงิ มไิ ดเ้ ป็นเชน่ น้นั เพราะเหตกุ ารณ์ที่จะเกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลาของการพยากรณน์ า่ จะคลา้ ยคลงึ กบั เหตกุ ารณท์ เี่ พง่ิ เกดิ ขนึ้เมอ่ื เรว็ ๆ นี้มากกวา่ เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เมื่อนานมาแล้วยิง่ กวา่ นัน้ ในขณะทจ่ี ะทำ�การพยากรณห์ ากบังเอญิ ไปอยใู่ นวฏั จกั ร (Cycle) ทเ่ี ศรษฐกจิ ก�ำ ลงั รุ่งเรอื ง 18

ถงึ ขีดสุด (Peak) คา่ ทพ่ี ยากรณ์ไดจ้ ะสูงกวา่ ความเปน็ จรงิ เพราะปกตวิ สิ ยัของเศรษฐกจิ ในช่วงเวลาถดั ไปจะเร่ิมตกตาํ่ (Contraction) และในทางตรงข้าม ถ้าอย่ใู นวฏั จักรทีเ่ ศรษฐกจิ กำ�ลังตกต่ําถึงที่สุด (Trough) คา่ ทพ่ี ยากรณ์ไดก้ จ็ ะตา่ํ กวา่ ความเป็นจรงิ เพราะปกตวิ ิสัยของเศรษฐกจิ ในช่วงเวลาถัดไปจะเริม่ ฟนื้ ตัวดีขึ้น (Expansion) อยา่ งไรก็ตามแมก้ ารพยากรณ์ทางสถิตจิ ะมขี อ้ จำ�กดั ในการใช้อยูม่ ากแต่เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั วธิ กี ารพยากรณท์ ง้ั สองวธิ ที ก่ี ลา่ วมาแลว้ การพยากรณท์ างสถิติถือว่ามีหลักการและวิธีการท่ีดีกว่าเพราะนอกจากจะต้องใช้ความรู้ความชำ�นาญและประสบการณ์เก่ียวกับเร่ืองที่จะพยากรณ์เหมือนกับสองวิธีท่ีกล่าวแล้วการพยากรณท์ างสถติ ิยังมีข้อมูลซึ่งแสดงถงึ เหตกุ ารณ์ต่างๆ ท่ีเกิดขน้ึ ในอดตี เปน็ เครอ่ื งชแี้ นวทางพยากรณ์ นอกจากนนั้ ขอ้ มลู เหลา่ นยี้ งั ชว่ ยใหส้ ามารถคำ�นวณได้ว่าขอบเขตความผิดพลาดจากความเป็นจริงและสามารถเช่ือถือได้มากน้อยเพียงไรอีกด้วย ดังน้ันการพยากรณ์ทางสถิติจึงนับว่าเป็นเครื่องมือที่สำ�คัญและมีความจำ�เป็นต่อการกำ�หนดนโยบายเพื่อวางแผนงานบางอย่างทั้งของรัฐบาลและเอกชน5. การจดั ท�ำ ขอ้ มลู สารสนเทศของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร การจดั ท�ำ ขอ้ มลู ของส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร โดยศนู ยส์ ารสนเทศการเกษตร ได้ทำ�การจดั ทำ�ข้อมูลสารสนเทศการเกษตรเพอื่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริหาร เพ่ือประกอบการตัดสินใจ กำ�หนดมาตรการ และนโยบายทางการเกษตรของประเทศ อกี ท้ังยงั น�ำ เสนอขอ้ มลู การเกษตรทีเ่ ปน็ประโยชน์ แกบ่ คุ คลทว่ั ไป ทง้ั ภายนอกและภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดงั ต่อไปนี้5.1 การสำ�รวจปรมิ าณการผลติ 1) การส�ำ รวจโดยใช้รายช่อื หม่บู ้านเป็นกรอบตัวอย่างการสำ�รวจผลผลิตสินค้าเกษตรจะใช้วิธีการสำ�รวจตัวอย่างโดยการสัมภาษณ์เกษตรกรด้วยเทคนิคการสุ่มตัวอย่างเป็นแบบแบ่งพวกสองขั้นตอน (Strati- 19

fied Two-stage Sampling) แผนการส�ำ รวจจะเริ่มจากการนำ�กรอบตวั อย่างได้แก่รายช่ือหมู่บ้านจากทุกจังหวัดท้ังประเทศ มาจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่หรือพวก (Stratum) ตามขนาดเนอื้ ทเ่ี พาะปลกู เพอ่ื ใหไ้ ดต้ วั แทนของประชากรหรอืเกษตรกรผู้ถอื ครองที่ดนิ การเกษตรทกุ ๆ ขนาดเน้ือที่ แล้วท�ำ การสุม่ หม่บู า้ นตัวอยา่ งจากทกุ พวก โดยทีแ่ ตล่ ะหมู่บ้านจะมโี อกาสถกู สมุ่ เทา่ ๆ กนั หมู่บา้ นตัวอย่างจะสง่ บัญชรี ายช่ือเพือ่ ทำ�การนับจดทุกครัวเรอื นทท่ี ำ�การปลูกพชื นั้นๆหรือรายช่ือผู้ถือครอง ผู้ปลูกพืชในอาณาเขตของหมู่บ้านตัวอย่างให้ครบทุกราย จากน้นั จะท�ำ การสุ่มครัวเรือนในหม่บู ้านตวั อยา่ ง โดยท่ีทุกครวั เรอื นมีโอกาสในการถกู สมุ่ เท่าๆ กนั ตัวอย่างเชน่ ขา้ วนาปี กรอบตัวอยา่ ง คอื หมู่บา้ นทมี่ ีการเพาะปลกูขา้ วนาปี ทงั้ ในและนอกเขตชลประทาน จากนน้ั แต่ละหม่บู ้านจะถกู แบ่งย่อยออกไปตามขนาดเนอ้ื ทเี่ พาะปลกู ขา้ วของหมบู่ า้ น เมอื่ เลอื กไดห้ มบู่ า้ นตวั อยา่ งแล้ว เจ้าหนา้ ท่สี ำ�รวจจะเขา้ ไปนบั จดรายชอ่ื ครัวเรอื นผู้ปลกู ขา้ วในปเี พาะปลูกทีต่ อ้ งการสำ�รวจ เพ่อื น�ำ มาสรา้ งเป็นกรอบตัวอย่างในระดบั หมู่บ้าน และเพอ่ืน�ำ ไปใชส้ มุ่ เลอื กครัวเรอื นตัวอย่างต่อไป การนบั จดจะตอ้ งนบั จดครวั เรอื นผปู้ ลกู ตามค�ำ นยิ าม เชน่ เปน็ เกษตรกรผปู้ ลกู ขา้ วในปเี พาะปลกู ทที่ ำ�การสำ�รวจ โดยปลกู ตง้ั แต่ 1 ไรข่ ้นึ ไป และเนอ้ื ที่ปลกู ท่นี บั จดจะตอ้ งอยภู่ ายในหมู่บ้านตัวอยา่ งนั้นเทา่ นั้น สำ�หรับการกำ�หนดขนาดตัวอย่าง ขึ้นอยู่กับ จำ�นวนเจ้าหน้าท่ีสำ�รวจระยะเวลา และงบประมาณที่มี ในกรณีข้าวนาปี ขนาดตัวอย่างประมาณ4,000-5,000 หม่บู า้ น หมบู่ า้ นละ 6 ครัวเรอื น เม่อื ได้ขอ้ มูลจากการสำ�รวจแลว้ จะนำ�มาประมวลผล วเิ คราะห์ และสรุปผล เปน็ เนื้อท่ีเพาะปลูก ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่เป็นรายอำ�เภอ นอกจากนี้มีรายละเอียดอื่นในระดับจังหวัดเช่น ชนิดข้าว พันธ์ุข้าว จำ�นวนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้ ปริมาณการเก็บเก่ียวผลผลติ เปน็ รายเดอื น เนอ้ื ทแี่ ละผลผลติ จ�ำ แนกตามในและนอกเขตชลประทานเป็นตน้ การวดั คา่ ความคลาดเคลอ่ื น ใชว้ ดั จากคา่ ความแปรปรวนของตวั ประมาณจะข้ึนอยู่กับหน่วยวัดข้อมูล หากข้อมูลเป็นตัวเลขจำ�นวนมากๆ ค่าความแปรปรวนจะมีค่ามากด้วย เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงนิยมวัดความแม่นยำ� 20

ของคา่ ประมาณดว้ ย “คา่ สมั ประสทิ ธ์ขิ องความแปรปรวน” (Coefficient ofVariation หรอื C.V.) หากคา่ CV มคี า่ นอ้ ยแสดงวา่ มคี วามคลาดเคลอื่ นของคา่ ประมาณนอ้ ยหรอืมีความแม่นยำ�สูง โดยท่วั ไปจะกำ�หนดใหค้ ่า CV ไมค่ วรมคี า่ เกนิ รอ้ ยละ 10จึงถือว่าใช้ได้ ตัวอยา่ งเช่น ในการสำ�รวจเนื้อทเ่ี พาะปลูกและผลผลิตของข้าวนาปรี ะดบั ประเทศ ปเี พาะปลกู 2541/42 ถึง 2554/55 พบว่าค่า CV มีค่าอยู่ระหวา่ งร้อยละ 3 ถงึ 4 แสดงให้เห็นวา่ ค่าประมาณท่ไี ดม้ ีความคลาดเคลอ่ื นตาํ่ หรือมคี วามแม่นยำ�สงู ภาพที่ 2 การเลอื กตัวอย่างแบบมชี ั้นภมู ิ 2) การส�ำ รวจโดยใช้พืน้ ที่หนว่ ยสุ่มเปน็ กรอบตัวอย่าง (Area FrameSampling Survey) การสำ�รวจโดยวิธีนี้แตกต่างจากวิธีแรกคือใช้พื้นท่ีเพาะปลูกเป็นกรอบตัวอย่างในการสำ�รวจแทนการใช้บัญชีรายช่ือ ซ่ึงเป็นการนำ�เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (Geo-information : GI) มาประยกุ ตใ์ ชโ้ ดยจำ�แนกพ้นื ที่เพาะปลกูจากขอ้ มลู ดาวเทยี มมาจดั ท�ำ เปน็ กรอบตวั อยา่ งและในการส�ำ รวจภาคสนามใช้ขอ้ มลู ดาวเทยี มรายละเอยี ดสงู หรอื ภาพถา่ ยทางอากาศและ GPS เปน็ อปุ กรณ์ในการน�ำ ทางเขา้ จดุ ส�ำ รวจทถี่ กู ตอ้ ง เพอื่ ท�ำ การวดั เนอื้ ทสี่ ง่ิ ทป่ี กคลมุ ดนิ ทงั้ หมดในพน้ื ที่จุดส�ำ รวจ 21

3) การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ผลผลติ ตอ่ ไร่โดยวธิ ีการต้งั แปลงทดสอบผลผลติ(Crop Cutting Survey) เปน็ เทคนคิ ทส่ี �ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรน�ำ มาใชเ้ พอื่ พฒั นาการจดั ท�ำสถิติสารสนเทศซึ่งการสำ�รวจแบบสุ่มตัวอย่างเช่นเดียวกันแต่เป็นการจัดเก็บในเร่อื งของผลผลติ ต่อไรโ่ ดยใชก้ ารเก็บเก่ยี วผลผลติ ในแปลงของเกษตรกรมาคำ�นวณหาผลผลิตต่อไรแ่ ทนการสมั ภาษณเ์ กษตรกร วธิ ีนเี้ ป็นวธิ ที ่ีดีวิธหี น่งึ ในการประมาณ ผลผลิตต่อไร่ได้อย่างเป็นระบบและมีความเทีย่ งตรงสงู (HighDegree of Validity) การสำ�รวจด้วยวิธีนี้เป็นการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากแปลงเพาะปลูกพืชของเกษตรกรตัวอยา่ ง โดย 1 แปลงตัวอยา่ ง เก็บเกีย่ วผลผลิตจำ�นวน 2 จุดในแต่ละจุดมีขนาด 1 ตารางเมตร ในกรณีของข้าวนาปี ข้าวนาปรังและถั่วเหลือง หรือเก็บเกยี่ วผลผลิตตามความยาวของแถว 3 เมตร ต่อจดุ สำ�รวจในกรณีของมันส�ำ ปะหลัง อ้อยโรงงาน และข้าวโพดเล้ยี งสตั ว์ คา่ ประมาณผลผลติ ตอ่ ไรท่ ไี่ ดจ้ ะสงู กวา่ ความเปน็ จรงิ เพราะในทางปฏบิ ตั ิการเกบ็ เกยี่ วผลผลติ พชื ของเกษตรกรยอ่ มมผี ลผลติ ทตี่ กหลน่ เหลอื อยใู่ นแปลงประกอบกบั ในแปลงเพาะปลกู พชื สว่ นใหญจ่ ะมพี น้ื ทบ่ี างสว่ นทไี่ มส่ ามารถปลกู พชืได้ ดังนนั้ เพื่อใหข้ อ้ มูลทีไ่ ดส้ ะท้อนขอ้ เท็จจรงิ มากย่ิงข้นึ จ�ำ เปน็ จะต้องทำ�การส�ำ รวจในเรอื่ งทเ่ี ก่ยี วข้องดว้ ย คอื ❖ การส�ำ รวจเนื้อที่ทไ่ี ม่ไดป้ ลูก เพื่อหาสดั สว่ นของเนื้อทีท่ ป่ี ลกู ได้จริง เน่ืองจากในแปลงเพาะปลกู พืชจะมพี ้นื ท่บี างสว่ นทไ่ี มส่ ามารถปลกู พืชได้เช่น คันนา หนองนํา้ บ่อนาํ้ ไมย้ นื ต้น จอมปลวก หา้ งนา เป็นต้น ❖ การสำ�รวจผลผลิตตกหล่น เพื่อคำ�นวณหาปริมาณผลผลิตที่ตกหลน่ จากการเกบ็ เกย่ี ว เนอื่ งจากในการเกบ็ เกยี่ วผลผลติ ไมว่ า่ จะดว้ ยแรงงานคนหรอื เครื่องจักร กจ็ ะมีผลผลิตทีต่ กหลน่ ในแปลง ขั้นตอนในการดำ�เนินงานจัดเก็บข้อมูลผลผลิตต่อไร่โดยวิธีการต้ังแปลงทดสอบผลผลิตมี 3 ขน้ั ตอน ดงั น้ี ❖ การเตรยี มงานดา้ นวชิ าการ - จดั ท�ำ กรอบตวั อยา่ ง โดยใชห้ มบู่ า้ นทป่ี ลกู พชื ในการส�ำ รวจปรมิ าณการผลิตปีลา่ สุดเป็นหนว่ ยขนั้ สมุ่ ปฐมภูมิ 22

- ก�ำ หนดจำ�นวนตัวอย่าง โดยพิจารณาจากเน้อื ท่ปี ลูกของจังหวดั - กำ�หนดขนาดตัวอย่างในแต่ละจังหวัด โดยอาศัยความน่าจะเป็นท่ีไม่เท่ากันตามขนาดของหน่วยตัวอย่าง (Probability proportionalto size) ใหไ้ ดข้ นาดตัวอยา่ งตามทีต่ อ้ งการ การสมุ่ เลอื กตวั อยา่ ง จะใช้วธิ กี ารสมุ่ เลอื กแบบ 2 ขน้ั ตอน คือ ขนั้ ตอนที่ 1 สมุ่ ตวั อยา่ งจากจำ�นวนหมบู่ า้ นตวั อยา่ งทงั้ หมด โดยใช้สดั สว่ นของความนา่ จะเปน็ ในการสมุ่ ตวั อยา่ งตามขนาดเนอ้ื ทป่ี ลกู ของหมบู่ า้ น(Probability Proportional Sampling to size: PPS) ข้ันตอนท่ี 2 สุ่มเลือกครัวเรือนตัวอย่างที่ปลูกพืช โดยวิธีการสุ่มอย่างเป็นระบบ (Systematic Random Sampling) ทีป่ ระยกุ ตเ์ ป็นตารางสุ่มส�ำ เรจ็ รปู ทสี่ ะดวกในการปฏบิ ตั งิ านเพอื่ ใหไ้ ดค้ รวั เรอื นตวั อยา่ งทใ่ี ชใ้ นการตง้ั แปลงทดสอบผลผลติ ต่อไร่ ❖ การปฏบิ ัตงิ านภาคสนาม เพื่อจัดเก็บข้อมูลผลผลิตต่อไร่ในพ้ืนที่ตัวอย่างซ่ึงแตกต่างกันออกไปในแตล่ ะชนดิ สนิ คา้ - ตรวจพนื้ ทแี่ ปลงตวั อยา่ งเพอ่ื ใหท้ ราบถงึ ลกั ษณะทางกายภาพและระยะเวลาท่ีพชื จะสามารถเกบ็ เกยี่ วได้ และก�ำ หนดเวลาในการจดั เก็บขอ้ มูล - สุ่มเลือกจุดสำ�รวจ (Sample Spot) จ�ำ นวน 2 จดุ โดยใชว้ ธิ ีการสมุ่ ตัวอยา่ งที่เรียกวา่ เทคนคิ การเดิน 30 ก้าว - กำ�หนดกรอบท่ีจะทำ�การเก็บเกี่ยว(Crop Cutting Frame)หาระยะการปลกู โดยการวัดความยาวระหวา่ งต้นและแถว ซงึ่ ใช้ความยาว 3เมตรต่อแถว หรือใช้กรอบ (Frame) ขนาด 1 เมตร x 1 เมตร - เกบ็ เกี่ยวผลผลติ ภายในกรอบ Sample Spot ภายใน 1 ตารางเมตรของขา้ วนาปี ขา้ วนาปรงั และถวั่ เหลอื งเปน็ ตน้ จากนน้ั จงึ ท�ำ การนวด และ/หรอื ท�ำ ความสะอาดผลผลติ และน�ำ ผลผลติ ทไี่ ดไ้ ปท�ำ ใหแ้ หง้ โดยการตาก หรอือบ หรอื เก็บผลผลติ ในแถวตัวอยา่ งตามขนาดความยาว 3 เมตรต่อแถวของมนั ส�ำ ปะหลงั อ้อยโรงงาน และขา้ วโพดเลี้ยงสตั ว์ หลงั จากทต่ี ากหรอื อบผลผลติ ตามระยะเวลาทก่ี ำ�หนดแลว้ จงึ น�ำ ผลผลติ ไปชง่ั นาํ้ หนกั และวดั ระดบั ความชน้ื ส�ำ หรบั พชื บางชนดิ เชน่ ขา้ ว ขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว์เป็นต้น จากน้ันจึงนำ�ผลท่ีได้มาทำ�การประมาณค่าผลผลิตต่อไร่วิเคราะห์และสรุปผลการสำ�รวจ 23

4) การประมาณคา่ ผลผลติ ตอ่ ไร่ กรณขี า้ วนาปี ขา้ วนาปรงั และถวั่ เหลอื ง จากนา้ํ หนกั ผลผลติ ทเี่ กบ็ เกยี่ วได้ในแปลงของเกษตรกรจ�ำ นวน 2 จุด นำ�ไปค�ำ นวณหาคา่ เฉลยี่ ตอ่ ตารางเมตรแล้วนำ�ไปค�ำ นวณผลผลติ ต่อ 1 ไร่ โดยคณู ด้วย 1600 ตารางเมตร (1600ตารางเมตร เท่ากบั 1 ไร)่ ส่วนมนั ส�ำ ปะหลงั อ้อยโรงงาน และขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ ให้วัดระยะของแถวจ�ำ นวน 3 แถว (2 รอ่ ง) เพอ่ื นำ�ไปคำ�นวณผลผลติต่อไร่ ซ่ึงค่าประมาณผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรแต่ละรายที่เป็นตัวอย่างในจงั หวดั นน้ั ไปค�ำ นวณหาคา่ ผลผลติ ต่อไรใ่ นระดับคจมู อืงั เศรหษฐวกจิ กัดารเตกษตอ่ รอไาสปา (ศ กอ.)   จุดเริ่มตนมุมขวาบ น ปลายนวิ้ เทากา วท่ี เดิน 30 30 กาว จุดสํารวจที่ 2   กรอบ 1 เดิน 30 ม. X 1 ม. กาว เดิน 30 กรอบ 1 จุดสํารวจที่ 1 กาว ม. X 1 ม. ท่1ี   เดิน 30 ปลายนว้ิ เทากา วที่ 30 ภกาจา พุดวเทรมิ่ี 3ตน แมมุสลดางซตาวั ยอยางการปฏิบัติงานสาํ รวจผลผลติ ตอ ไรข องขาว มอืจดุ สํารวจและตน ทขี่ ดุ   แถวที่ 3     ￿￿￿￿&￿ 2 ￿￿￿￿&￿ 1 แถวที่ ￿￿￿￿￿￿￿(￿ 3￿￿￿￿ 30 ￿￿￿ ￿ ￿￿￿￿￿&1   2   Iระยะ 3 เมตร   แถวที่ 1   ภาพที่ 4ภาแพสทด่ี 4งตแัวสดองยตา่ัวองยกาางกราปรปฏฏบิ บิ ตัตั งิงิ าานนสําสรวำ�จรผวลจผผลิตลตผอลไริตข อตง่อมนัไรสําข่ ปอะงหมลงั ันส�ำ ปะหลงั5.2 การจดั ทาํ ขอมลู ตนทุนการผลิต สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตรมีการจัดทําขอมูลตนทุนการผลิตของพืชจํานวน 34 ชนิด ปศสุ ัตว 524ชนดิ และประมง 4 ชนดิ มีหลักการในการจัดทําขอ มลู ตนทนุ การผลติ คอื เปนตน ทุนทางเศรษฐศาสตรโดยคิดจากคา ใชจายทกุ กิจกรรมการผลติ ทั้งท่เี ปน เงนิ สด และไมเ ปน ตัวเงิน เทาทใ่ี ชจ รงิ ในชว งเวลาการผลิตรวมคา เสยี โอกาสหรอื ดอกเบีย้ เงนิ ลงทนุ โดยใชคาเฉล่ยี จากตัวอยา งซึ่งถว งนํา้ หนกั ดว ยพื้นท่ีหรือผลผลติ

5.2 การจัดท�ำ ขอ้ มูลตน้ ทนุ การผลติ สำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตรมีการจัดทำ�ข้อมูลต้นทุนการผลิตของพืชจำ�นวน 34 ชนิด ปศุสัตว์ 5 ชนดิ และประมง 4 ชนดิ มีหลกั การในการจดั ทำ�ขอ้ มลู ต้นทนุ การผลิต คือ เป็นตน้ ทนุ ทางเศรษฐศาสตร์ โดยคิดจากค่าใช้จ่ายทกุ กจิ กรรมการผลติ ทั้งทเี่ ปน็ เงนิ สด และไมเ่ ป็นตัวเงนิ เท่าทีใ่ ชจ้ ริงในช่วงเวลาการผลิต รวมค่าเสยี โอกาสหรอื ดอกเบย้ี เงินลงทุน โดยใช้ค่าเฉล่ยีจากตวั อยา่ งซ่งึ ถ่วงนาํ้ หนกั ดว้ ยพนื้ ทห่ี รอื ผลผลิต 5.2.1 แนวคดิ ในการจดั ทำ�ข้อมูลต้นทนุ การผลิต ❖ เปน็ ตน้ ทนุ ทางเศรษฐศาสตรเ์ ปน็ การคดิ คา่ ใชจ้ า่ ยทกุ กจิ กรรมการผลติทง้ั ท่ีเป็นเงินสด และไม่เปน็ เงนิ สด (การประเมนิ ) ที่เกษตรกรได้ใชจ้ า่ ยจริงในชว่ งเวลาการผลติ ซึง่ เปน็ ค่าใช้จา่ ย ณ ไรน่ า รวมทัง้ คดิ คา่ เสยี โอกาสเงนิลงทนุ ด้วย ❖ เปน็ ต้นทุนการผลิตเฉล่ยี ท่ีไม่ใชร่ ายใดรายหนึง่ เป็นการคดิ คา่ ใช้จา่ ยของเกษตรกร ทใี่ ชใ้ นกจิ กรรมการผลติ ตลอดชว่ งการผลติ หรอื รนุ่ ของการผลติโดยถว่ งนํา้ หนกั ด้วยพน้ื ท่ีเพาะปลูก ❖ แนวคดิ ในการจัดทำ�ตน้ ทนุ การผลติ ดงั นี้ มนั ส�ำ ปะห1ล)งั หมวดพชื ไรท่ ม่ี ฤี ดกู าลหรอื รนุ่ การผลติ เชน่ ขา้ ว ขา้ วโพดเลย้ี งสตั ว์ ถวั่ ตา่ งๆ เปน็ ตน้ มแี นวคดิ การจดั ท�ำ ตน้ ทนุ การผลติ ตามแนวคดิ หลกัแนวคิดในการจดั ทำ�ขอ้ มลู ต้นทุนการผลิตขา้ งตน้ 2) หมวดพชื ไรท่ ีม่ ีอายุ ไดแ้ ก่ อ้อยโรงงาน และสบั ปะรดโรงงานแนวคิดในการจัดทำ�ต้นทุนการผลิตจะต่างกับพืชไร่ทั่วไป คือปลูกครั้งเดียวสามารถไว้ตอ/ต้นหรือหน่อ เก็บเกี่ยวได้มากกว่า 1 รอบ และสามารถสอบถามค่าใช้จ่ายเมื่อเริ่มปลูกจนถึงเก็บเก่ียวได้ในแต่ละปีหรือรอบ สำ�หรับวธิ ีการคำ�นวณ จะมีคา่ ใช้จา่ ยบางรายการ คือ คา่ จา้ งแรงงานในการเตรียมดนิ ค่าแรงงานปลกู และคา่ พันธุ์ ท่ีตอ้ งนำ�มาคิดเฉลยี่ ใหใ้ นแต่ละรอบปีทมี่ ีการเก็บเก่ียวผลผลิตของพืชชนิดน้ัน ซ่ึงโครงสร้างต้นทุนการผลิตจะเหมือนกบั พชื ไร่ชนดิ อื่นๆ ท่มี อี ายุเพยี งปีเดียวหรอื ฤดกู าลเดียว 25

3) หมวดไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ เปน็ พชื ทปี่ ลกู ครง้ั เดยี วสามารถยนื ตน้ และให้ผลผลติ ไดห้ ลายปี การคดิ ตน้ ทนุ เฉพาะปที ใี่ หผ้ ลผลติ อยา่ งเดยี วจะท�ำ ใหไ้ ดข้ อ้ มลูไมค่ รบถว้ น เพราะกอ่ นทจ่ี ะเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ได้ เกษตรกรตอ้ งลงทนุ ในกจิ กรรมตา่ งๆ ได้แก่ การเตรยี มดิน การปลูก และการบำ�รุงรักษาจนกวา่ จะให้ผลผลิตดังนนั้ การคดิ ต้นทุนการผลิตไมผ้ ลไม้ยนื ตน้ จงึ แบ่งออกเปน็ 2 ชว่ ง ดงั น้ี 3.1) ต้นทุนก่อนให้ผลผลิต เป็นการนำ�ค่าใช้จ่ายท้ังหมดที่เกิดข้ึนตง้ั แตป่ แี รกถงึ ปกี อ่ นใหผ้ ลผลติ แลว้ น�ำ ไปกระจายเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยตอ่ ปใี นทกุ ชว่ งอายทุ ีใ่ ห้ผลผลติ 3.2) ตน้ ทนุ ช่วงใหผ้ ลผลติ เป็นการนำ�ค่าใชจ้ ่ายทั้งหมดที่เกดิ ขึ้นทกุกิจกรรมต้ังแตป่ ีที่เรม่ิ ใหผ้ ลผลิตจนถึงส้นิ อายุขัย ดังนั้น ต้นทุนรวมต่อไร่ตอ่ ปี ของไมผ้ ลไม้ยืนต้น จึงเท่ากบั ต้นทุนกอ่ นให้ผลผลติ ตอ่ ไร่ บวกดว้ ยต้นทนุ ชว่ งให้ผลผลิตตอ่ ไร่ 4) หมวดปศสุ ตั ว์ ได้แก่ สุกร ไก่เนอ้ื ไก่ไข่ โคขนุ โคนม เปน็ ตน้ต้นทุนการผลิตของผลผลิต ปศุสัตว์ชนิดต่างๆ ของเกษตรกรคือต้นทุนของผลผลิตปศุสัตว์ที่ยังอยู่ในฟาร์มของเกษตรกรค่าใช้จ่ายท่ีนำ�มาคิดเป็นต้นทุนการผลิตจะต้องครอบคลุมต้ังแต่เร่ิมต้นทำ�การเล้ียงจนกระท่ังโตได้ขนาดและน้ําหนักตามความต้องการหรือสามารถให้ผลผลิตตามมาตรฐานกำ�หนดจงึ จะสามารถนำ�มาค�ำ นวณเป็นตน้ ทนุ การผลติ ได้ 5) หมวดประมง ไดแ้ ก่ กงุ้ ทะเลเพาะเลยี้ ง ปลากระพง ปลานลิ เปน็ ตน้ตน้ ทนุ การผลติ ของผลผลติ ประมง คอื เปน็ ตน้ ทนุ การผลติ ในฟารม์ หรอื บอ่ ของเกษตรกร คา่ ใชจ้ า่ ยทนี่ �ำ มาค�ำ นวณตน้ ทนุ การผลติ คลอบคลมุ ตง้ั แตก่ ารเตรยี มบอ่การปล่อยพันธุ์กุ้ง/ปลาลงบ่อจนกระท่ังโตได้ขนาดและน้ําหนักท่ีต้องการแล้วเกบ็ ผลผลิตออกจ�ำ หนา่ ย (ปดิ บ่อ) อนึ่ง หากลงทุนแล้วไม่มีผลผลิตหรือผลเสียหายหมดก็จะไม่สามารถคำ�นวณหาต้นทุนของผลผลิตได้จะมีแต่เพียงค่าใช้จ่ายตามกิจกรรมการผลิตเทา่ นั้นดังน้ันจึงไม่นบั เปน็ ตน้ ทนุ การผลิต 5.2.2 การกำ�หนดระเบยี บวธิ ีส�ำ รวจ การสำ�รวจต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรทุกชนิดจะดำ�เนินการสำ�รวจด้วยวิธีสัมภาษณ์เกษตรกรตัวอย่าง โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง(Purposive Sampling Method) ในแหล่งผลิตส�ำ คญั ของแต่ละจังหวัดตาม 26

ชนิดสินค้าน้ันๆ ท่ัวประเทศสาเหตุท่ีต้องใช้การเลือกตัวอย่างแบบเจาะจงมีเหตผุ ล ดงั น้ี 1) ข้อมูลท่ีต้องจัดเก็บครอบคลุมทุกข้ันตอนการผลิตจึงมีข้อมูลจำ�นวนมาก และใชเ้ วลาในการสอบถามนาน 2) เกษตรกรตอ้ งเตม็ ใจและให้ความร่วมมือในการใหข้ อ้ มลู เปน็ อยา่ งดี 3) มีการแบ่งขนาดเนื้อที่เพาะปลูกหรือตามขนาดการเลี้ยงของแต่ละชนิดสินค้าที่สำ�รวจโดยกระจายจำ�นวนตัวอย่างตามขนาดเน้ือที่ตามขนาดการเลย้ี งหรอื ขนาดฟารม์ เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทเ่ี ปน็ ตวั แทนของเกษตรกรครอบคลมุทุกประเภทของตัวอย่าง 4) แบง่ ตามชว่ งอายุของพชื ที่สำ�รวจ เชน่ ไมผ้ ล ไมย้ นื ตน้ โดยกระจายจ�ำ นวนตวั อยา่ งแตล่ ะชว่ งอายเุ พอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ครบทกุ ชว่ งอายสุ �ำ หรบั การวเิ คราะห์ตน้ ทนุ ถา้ เปน็ พชื ไร่ แบง่ ตามฤดกู าลของพชื ทสี่ �ำ รวจ เชน่ เปน็ พชื รนุ่ ฝน รนุ่ แลง้เป็นตน้ 5.2.3) โครงสรา้ งตน้ ทนุ การผลติตารางท่ี 1 แสดงโครงสรา้ งตน้ ทุนการผลิต หนว่ ย : บาท/ไร1. ต้นทนุ ผนั แปร XXXX 1.1 ค่าแรงงาน XX 1.2 ค่าวสั ดุ XX 1.3 ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทนุ XX2. ต้นทนุ คงที่ XXXX XX คา่ เชา่ ทด่ี นิ /คา่ เสอ่ื มฯ/คา่ เสยี โอกาสอปุ กรณฯ์ และอน่ื ๆ XXXX3. ต้นทุนรวม XX4. ตน้ ทนุ รวมต่อหน่วย XX5. ผลผลติ ตอ่ ไร 27

1) ตน้ ทนุ ผนั แปร หมายถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลติ ทส่ี ามารถเปลยี่ นขนาดตามการใชป้ ัจจยั เพอ่ื เปลีย่ นแปลงขนาดของผลผลิต ประกอบดว้ ย 1.1) ค่าแรงงาน ดา้ นพชื อาทิ ค่าจ้างเตรียมดิน ค่าจา้ งในการปลกูดแู ลรกั ษา เกบ็ เกยี่ วหรอื คา่ แรงงานในการเลยี้ งส�ำ หรบั ปศสุ ตั ว์ ไดแ้ กก่ ารผสมอาหารการขนอาหารเตรียมและให้อาหาร-นํ้าทำ�ความสะอาดโรงเรือนให้ยารักษาโรคทำ�วคั ซีนดูแลรักษาค่าแรงงานในการรีดนมโค เป็นต้น 1.2) ค่าวัสดุอาทิ คา่ พนั ธ์ุ คา่ ปยุ๋ ยาปราบวชั พืช/ศตั รพู ชื คา่ น้ํามันเช้ือเพลิงท่ีใช้กับเคร่ืองจักรกลการเกษตรที่ดำ�เนินการในกิจกรรมการผลิตพชื นั้น โดยเกษตรกรด�ำ เนินการเองไมไ่ ดจ้ า้ ง ค่าวัสดกุ ารเกษตรและวัสดุส้นิเปลอื ง ค่าซอ่ มแซมอปุ กรณก์ ารเกษตรของเกษตรกรเอง กรณีของปศุสัตว์ จะประกอบดว้ ย คา่ พันธสุ์ ัตว์ คา่ อาหารสัตว์ คา่ ยาป้องกนั และรักษาโรค ค่านาํ้มันเช้ือเพลิงค่าวสั ดุสน้ิ เปลือง และ คา่ ซอ่ มแซมโรงเรอื นอุปกรณ์ 1.3) ค่าเสียโอกาสเงนิ ลงทนุ โดยคิดจากตน้ ทุนผนั แปรและใช้อตั ราดอกเบีย้ เงนิ กูด้ ังน้ัน คา่ เสียโอกาสเงินลงทนุ หมายถึง ค่าใชจ้ ่ายที่เกิดจากการประเมินการลงทุนในมูลค่าปัจจัยผันแปรท้ังหมดในช่วงหรือรุ่นการผลิตหนึ่งๆซ่ึงมูลค่าปัจจัยท่ีนำ�มาใช้ในการผลิต ต้องเสียโอกาสที่จะนำ�ไปใช้ในกิจกรรมอืน่ ๆเช่น ฝากธนาคาร หรอื ให้กู้ยืม 2) ตน้ ทนุ คงท่ี หมายถงึ ค่าใชจ้ ่ายในการผลิตแตล่ ะชว่ ง หรอื ร่นุ การผลิตหนึง่ ๆ เป็นการผลิตระยะสน้ั ปัจจัยที่ใชป้ ระกอบการผลติ จงึ มีสภาพคงท่ีปัจจัยเหล่านี้จึงไม่สามารถเปล่ียนแปลงขนาดการผลิตได้ ไม่ว่าจะมีการผลิตมากหรอื ผลิตน้อย หรือไมม่ ีการผลิตเลยก็ตาม ปัจจยั การผลิตชนิดนีจ้ ะยงั คงมอี ยู่ และเป็นคา่ ใช้จา่ ยซ่งึ ไมส่ ามารถเปลย่ี นแปลงได้ทนั ที ประกอบดว้ ย 2.1) คา่ เชา่ ทด่ี นิ /คา่ ใชท้ ด่ี นิ แมไ้ มม่ กี ารเชา่ (เปน็ ทดี่ นิ ของเกษตรกร)ก็ต้องประเมินคา่ เช่าให้กบั เกษตรกรเจา้ ของที่ดนิ ด้วย 2.2) คา่ เสอื่ มราคาอปุ กรณก์ ารเกษตร เปน็ การคดิ คา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี กดิ ขนึ้จากการประเมนิ โดยกระจายมลู ค่าของทรัพย์สนิ ทซี่ ้ือไวใ้ ช้งานไปสแู่ ต่ละช่วงการผลติ ตา่ งๆ ตลอดอายุการใชง้ านของทรพั ย์สนิ น้ัน และแสดงมลู คา่ ไมเ่ ปน็เงินสดโดยใชว้ ธิ คี �ำ นวณแบบเสน้ ตรง (Straight Line Method) คือเฉลีย่ เท่า 28

กนั ทกุ ปตี ลอดอายกุ ารใชง้ านในกรณปี ศสุ ตั วก์ ต็ อ้ งน�ำ มาค�ำ นวณคา่ เสอื่ มราคาด้วยเชน่ กนั ได้แก่ โคนม 2.3) ค่าเสียโอกาสเงินลงทุนอุปกรณก์ ารเกษตร (อายใุ ช้งาน 1 ปีขึ้นไป) เป็นการคดิ ค่าใชจ้ ่ายทีป่ ระเมินขึน้ จากการนำ�เอาทรพั ยส์ ินตา่ งๆ เช่นเครอื่ งมอื อปุ กรณก์ ารเกษตร โรงเรอื น สงิ่ กอ่ สรา้ ง มาคดิ คา่ เสยี โอกาสทจ่ี ะได้รบั ผลตอบแทนจากการน�ำ อปุ กรณก์ ารเกษตรไปใชใ้ นกจิ กรรมอนื่ ๆ ซง่ึ อตั ราคา่เสยี โอกาสทใ่ี ชป้ ระเมนิ นนั้ จะใชเ้ ปน็ อตั ราดอกเบยี้ เงนิ กใู้ นกรณปี ศสุ ตั วก์ ต็ อ้ งนำ�มาค�ำ นวณค่าเสยี โอกาสดว้ ยเชน่ กันได้แก่ โคนม อนึ่ง ในการคำ�นวนคา่ เสอื่ มและคา่ เสยี โอกาสเงนิ ลงทนุ อปุ กรณก์ ารเกษตร ตอ้ งเปน็ ขอ้ มลู ชดุ เดยี วกนั และในกรณที มี่ กี ารจา่ ยคา่ จา้ งแรงงานทไี่ ดร้ วมเครอื่ งมอื อปุ กรณก์ ารเกษตรไปแลว้จะไมน่ ำ�เครอ่ื งมอื นัน้ มาคดิ คา่ เส่อื มราคา และค่าเสียโอกาสอีก เพราะเทา่ กบัเป็นการคิดซ้ำ�ซ้อน 2.4) ต้นทุนการผลิตก่อนใหผ้ ล เปน็ รายการหน่งึ ในโครงสร้างตน้ ทนุ การผลติ เฉพาะไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ เปน็ การคดิ คา่ ใชจ้ า่ ยทง้ั หมดตง้ั แตเ่ ตรยี มดนิ จนถงึ ก่อนเกบ็ เกี่ยวผลผลิตได้เปน็ ครงั้ แรก 3) ตน้ ทนุ รวม หมายถงึ คา่ ใชจ้ า่ ยหรอื มลู คา่ การใชป้ จั จยั การผลติ ในทางเศรษฐศาสตรท์ งั้ ประเภทปจั จยั ผนั แปรและปจั จยั คงทที่ นี่ �ำ มาใชใ้ นการประกอบการผลติ เพอื่ ใหก้ ารผลติ ด�ำ เนนิ การไปจนสน้ิ สดุ ขบวนการผลติ ในชว่ งเวลาหรอืรุน่ การผลติ หนึ่งๆ ท่ีกำ�หนดหรือต้นทนุ การผลิต เท่ากับ ต้นทนุ ผนั แปร บวกด้วย ตน้ ทุนคงท่ี นั่นเอง 4) ตน้ ทนุ รวมตอ่ หนว่ ย หมายถงึ ตน้ ทนุ การผลติ หารดว้ ย ผลผลติ ตอ่ ไร่มีหนว่ ยเปน็ ตัน หรือกโิ ลกรัม อนึ่ง ในการคำ�นวณต้นทุนการผลิตปศุสัตว์จะมีบางรายการที่เป็นผลพลอยไดจ้ ากการเล้ยี งสตั ว์ สามารถนำ�มาคำ�นวณเปน็ รายได้จากการเลี้ยงปศสุ ตั วช์ นดิ นนั้ ๆ ไดแ้ ก่ มูลค่าสัตวป์ ลดระวาง มลู สตั ว์ ถงุ อาหาร โดยจะนำ�รายการดงั กล่าวมาหักออกจากต้นทนุ การผลติ ท้งั หมด (คา่ ใช้จา่ ย) - มูลคา่ สัตว์ปลดระวางหมายถึงราคาตวั สตั ว์ทใ่ี ช้งานหรือให้ผลผลติมาระยะหนงึ่ แลว้ ปลดระวางหรอื คดั ออกขายเนอื่ งจากใหผ้ ลผลติ ไมค่ มุ้ คา่ ใชจ้ า่ ยเชน่ แมไ่ กไ่ ข่ 29

- ผลพลอยไดจ้ ากการเลยี้ งสตั ว์ หมายถงึ ผลผลติ รองทไี่ มใ่ ชผ่ ลผลติ หลกัจากการเลย้ี งปศสุ ตั วช์ นดิ นน้ั เชน่ มลู สตั วท์ ข่ี ายไดข้ องรนุ่ นนั้ ๆ ถงุ อาหารสตั ว์เปน็ ตน้ 5.2.4 การวเิ คราะหข์ อ้ มูลตน้ ทุนการผลิต ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ด�ำ เนนิ การส�ำ รวจขอ้ มลู การเปลย่ี นแปลงอัตราค่าจ้างแรงงานและราคาวัสดุในแหลง่ ผลิตทีส่ ำ�คญั ปลี ะ 4 คร้งั สำ�หรับด้านพืช หรอื เปน็ รายไตรมาส ในเดือน มนี าคม มิถนุ ายน กันยายน และธันวาคม ส่วนด้านปศุสัตว์และประมงมีการสำ�รวจข้อมูลเป็นรายเดือนเพ่ือน�ำ ขอ้ มูลมาประกอบการวเิ คราะหข์ ้อมูลตน้ ทนุ การผลิต เพ่อื ให้สอดคล้องกับขอ้ เทจ็ จรงิ ในพื้นทแี่ ละเพอ่ื เผยแพรต่ ่อไป 5.2.5 กระดานเศรษฐี เพอ่ื เกษตรกรไทย วตั ถปุ ระสงค์: เพ่อื เปน็ เครื่องมอื ส�ำ หรบั เกษตรกร ใช้คำ�นวณต้นทุนผลตอบแทนในการผลติ สนิ คา้ เกษตรของตนเอง ดว้ ยตนเอง งา่ ย และรวดเร็ว แนวคดิ : เกษตรกรมที ด่ี นิ หนง่ึ แปลง ผลติ สนิ คา้ เกษตรชนดิ หนงึ่ และบนั ทกึค่าใชจ้ ่ายในแตล่ ะขัน้ ตอนการผลิต ทัง้ ค่าจา้ งคา่ แรง คา่ วสั ดุ ต้งั แตเ่ ตรียมดนิจนถงึ เกบ็ เกย่ี วผลผลติ จนไดผ้ ลผลติ และน�ำ ไปขาย เกษตรกร สามารถค�ำ นวณรายไดห้ รอื ผลตอบแทนจากการผลติ นน้ั ไดด้ ว้ ยตนเอง และสามารถวเิ คราะหไ์ ดว้ า่สินค้าท่ีตนผลิตในพนื้ ท่นี ั้นเหมาะสม และไดผ้ ลตอบแทนดหี รอื ไมเ่ มอ่ื เทียบกับการผลติ สินค้าชนดิ อ่นื ขน้ั ตอนวธิ กี าร: ❖ ระบุชนิดสินค้าที่จะคำ�นวณต้นทุน และผลตอบแทนการผลิตในช่องชนดิ สินค้า ❖ ขอ้ ก. ระบุพื้นท่ีเพาะปลกู แปลงที่จะค�ำ นวณ โดยระบุจ�ำ นวน(ไร)่ และให้ระบวุ ่าเป็นท่ีดนิ ของตนเอง หรือที่เช่า ❖ ขอ้ ข. ระบุผลผลติ ท่ีเกบ็ เกย่ี วได้ในแปลงนี้ถ้าเกบ็ เกี่ยวแล้ว หรอืถ้ายังไม่ถึงกำ�หนดเก็บเก่ียวให้ใช้ผลผลิตในฤดูกาลผลิตที่ผ่านมาเป็นตัวแทนโดยต้องระบหุ นว่ ยว่าเปน็ ตัน หรือ กิโลกรัม 30

❖ ข้อ ค. ระบุราคาท่ีเกษตรกรขายได้จากผลผลิตท่ีเก็บเก่ียวได้ในแปลงนัน้ โดยระบดุ ว้ ยว่า ขายไดร้ าคาเทา่ ไร (บาทตอ่ หนว่ ย) บาทต่อตนัหรอื บาทตอ่ กโิ ลกรมั กรณใี ชผ้ ลผลติ ฤดกู าลผลติ ทผี่ า่ นมากใ็ หใ้ ชร้ าคาทขี่ ายได้ตอนนั้น ❖ การบนั ทกึ ค่าใชจ้ า่ ยของแปลงผลผลิตนนั้ ขอ้ 1 ใหจ้ ดบนั ทกึ ค่าแรง/ค่าจ้าง ทดี่ �ำ เนินการในแตล่ ะ ขั้นตอนการผลิต ทั้งค่าแรงเตรียมดินค่าแรงปลูก ดูแลรักษา ใสป่ ุ๋ย ฉดี พน่ ยาสารเคมีปอ้ งกัน/ปราบ วัชพืชศัตรูพืช ตรวจดูแลแปลงเหมารวมท้ังฤดูกาล ผลิตรวมท้ังคา่ แรงเก็บเก่ยี วผลผลิต เม่อื รวมคา่ แรง ทกุ รายการในวงเลบ็ 1 ถงึ 6 จะไดค้ า่ แรงรวม ทงั้ หมด ของแปลงผลิตน้นั ใส่ไวใ้ นชอ่ งรวม (บาท) ข้อ 2 ใหจ้ ดบนั ทกึ คา่ วสั ดุ ทใ่ี ชจ้ รงิ ในแปลงนน้ั ทง้ั คา่ พนั ธ์ุ ปยุ๋ เคมี ปุ๋ยอินทรยี ์ มูลสัตว์ สารเคมี ค่าซ่อมแซม อปุ กรณท์ มี่ ไี วใ้ ชใ้ นแปลงผลติ นนั้ ถา้ กจิ กรรมใดมกี าร จา้ งโดยผู้รบั จา้ งนำ�เครื่องจกั รมาเองคิดค่าจ้างเหมา จะไม่ถอื ว่าใช้เครอื่ งจกั รนน้ั ค่าวัสดุสิน้ เปลอื งทใ่ี ชใ้ น กจิ กรรมการผลิตในแปลงนั้น อาทิ รองเทา้ ถงุ มอื หมวก ฯลฯ สว่ นคา่ ใชจ้ า่ ยอนื่ ๆ เชน่ คา่ อาหารเครอื่ ง ด่ืมเล้ียงแขก เป็นต้น เม่ือรวมค่าวัสดุทุกรายการ ในวงเลบ็ 1 ถงึ 7 จะไดค้ า่ วสั ดรุ วมของแปลงผลติ นน้ั (บาท) ข้อ 3 การคำ�นวณค่าเสียโอกาส จากเงนิ ลงทนุ ของตนเอง จากแนวคดิ ทวี่ า่ หากเกษตรกรไมไ่ ดน้ �ำ มาผลติ สนิ คา้ นนั้ และเอาไปใชจ้ า่ ยลงทนุ ทางอนื่ กจ็ ะไดผ้ ลตอบแทน จากเงินลงทุนนั้นคำ�นวณได้โดยนำ�ผลรวมค่าใช้จ่าย ในข้อ 1 และขอ้ 2 คณู ด้วย ระยะเวลาหรือจำ�นวน เดอื นทเี่ พาะปลกู จนเกบ็ เกย่ี ว คณู ดว้ ย อตั ราดอกเบยี้ เงนิ กตู้ ่อปี 31

ขอ้ 4 คา่ เชา่ ทดี่ นิ คดิ คา่ เชา่ ตอ่ ฤดกู าลผลติ ถา้ เปน็ ทดี่ นิ ของ ตน้ เองใหค้ ดิ เปน็ คา่ ใชท้ ด่ี นิ โดยประเมนิ เทยี บเคยี งกบั ค่าเช่าทมี่ กี ารเชา่ กนั ในพื้นท่ี ข้อ 5 กรณีไม้ผล ไม้ยืนต้น การคำ�นวณต้นทุนการผลิต เฉลี่ยต่อปี จะคำ�นวณได้จากปีท่ีให้ผลผลิตแล้วโดย จะนำ�ต้นทุนเฉล่ียก่อนให้ผล(ต่อไร่) ท่ีคำ�นวณจาก ตน้ ทุนคา่ ใช้จ่ายต้ังแต่ปปี ลกู จนถงึ ปีกอ่ น ใหผ้ ลผลติ ทั้งค่าเตรียมดินขุดหลุม ค่าต้นพันธุ์ ค่าปลูก ค่า ดูแลรักษาตลอดช่วงจนถึงปีก่อนให้ผลผลิตที่เป็น คา่ กลางของ สศก. ตามแตล่ ะชนดิ สินค้า คูณดว้ ย เน้ือที่ปลูกแปลงน้ัน (เพ่ือลดข้ันตอนและความยุ่ง ยากในการคำ�นวณของเกษตรกร) ซึ่งถ้าเป็นพืชไร่ จะไม่ต้องค�ำ นวณ ในส่วนนีเ้ พราะคา่ ใชจ้ ่ายเสร็จสน้ิ ในแตล่ ะฤดกู าลผลติ ข้อ 6 ตน้ ทนุ รวมทงั้ แปลง (บาท) เปน็ ผลรวมจากคา่ ใชจ้ า่ ย ใน ข้อ 1 ถงึ ขอ้ 5 กรณีข้าว พืชไร่ ให้คำ�นวณ รวมเฉพาะ ข้อ 1 ถึง ขอ้ 4 ขอ้ 7 ต้นทนุ ต่อไร่ (บาท) คำ�นวณโดยนำ�ผลรวมตน้ ทนุ ทงั้ แปลงใน ขอ้ 6 หารดว้ ย ขอ้ ก ข้อ 8 ตน้ ทนุ ตอ่ หนว่ ย ค�ำ นวณโดยน�ำ ผลรวมตน้ ทนุ ทงั้ แปลง ใน ข้อ 6 หารดว้ ย ขอ้ ข ถา้ ระบผุ ลผลติ ใน ข้อ ข เป็นตนั หรอื เปน็ กโิ ลกรมั ต้นทุนตอ่ หนว่ ยในขอ้ นี้ก็ จะเปน็ บาทตอ่ ตนั หรือบาทต่อกโิ ลกรมั ตามลำ�ดับ ขอ้ 9 รายไดต้ อ่ ไร่ (บาท) ค�ำ นวณโดย นำ�รายได้รวมทั้ง แปลงท่ีได้จาก ข้อ 10 หารด้วย ขอ้ ก ขอ้ 10 รายไดร้ วมทง้ั แปลง (บาท) ค�ำ นวณไดโ้ ดย น�ำ ผลผลติ ใน ขอ้ ข คูณด้วย ราคา ใน ขอ้ ค 32

ขอ้ 11 ผลตอบแทนท้ังแปลง (บาท) คำ�นวณได้โดย น�ำ ราย ไดร้ วมทงั้ แปลงใน ขอ้ 10 ลบดว้ ย ตน้ ทนุ ทงั้ แปลง ใน ข้อ 6 ขอ้ 12 ผลตอบแทนตอ่ ไร่ (บาท) ค�ำ นวณไดโ้ ดย น�ำ รายได้ ต่อไร่ใน ข้อ 9 ลบดว้ ย ต้นทนุ ต่อไรใ่ น ขอ้ 7ทา่ นอยู่ในสถานะใด ผลตอบแทนจากการลงทนุ ทีค่ ำ�นวณได้ จากกระดานเศรษฐี ในข้อ 11ผลตอบแทนต่อไร่ หรือ ขอ้ 12 ผลตอบแทนท้งั แปลง สามารถวเิ คราะห์ได้ดงั น้ี ➲ ถ้าผลตอบแทน เป็น บวก แสดงว่า การผลิตสินค้าน้ัน มกี ำ�ไร ทา่ นจะเป็นเศรษฐี ➲ ถ้าผลตอบแทน เป็น ลบ แสดงว่า การผลิตสินค้านั้นขาดทุน ท่านมโี อกาสจะยากจน ➲ ถ้าผลตอบแทน คงที่ แสดงว่า รายจ่ายเท่ากับรายได้ ท่าน ยังพอจะพัฒนาให้มีกำ�ไรได้ 33

34

5.3 การพยากรณ์ งานพยากรณ์ผลผลิตการเกษตร เป็นงานตามนโยบายของสำ�นักงานเศรษฐกจิ การเกษตร เพอ่ื ใหผ้ บู้ รหิ ารและผใู้ ชท้ วั่ ไปมขี อ้ มลู ส�ำ หรบั การวางแผนตลอดจนกำ�หนดนโยบายทางการค้า เป้าหมายการส่งออก นโยบายการผลติ เป็นตน้ เนื่องจากการส�ำ รวจขอ้ มูลการเกษตรในแต่ละปีเพาะปลกู ศูนย์สารสนเทศการเกษตรจะด�ำ เนนิ การในระยะเวลาทม่ี กี ารเพาะปลกู ไปแลว้ ประมาณรอ้ ยละ 40 หรอื ในระยะเก็บเกีย่ ว ผลสำ�รวจจงึ มกั ลา่ ช้าไมท่ ันความต้องการดงั นน้ั จงึ จ�ำ เปน็ ตอ้ งท�ำ การพยากรณข์ อ้ มลู ลว่ งหนา้ ทงั้ พชื และปศสุ ตั วใ์ นรายละเอยี ดท่เี กีย่ วขอ้ ง ไดแ้ ก่ เน้ือท่ีเพาะปลูก ผลผลิตต่อไร่ ผลผลติ จ�ำ นวนตัวและปรมิ าณการผลติ ปศสุ ัตว์ โดยจดั ทำ�เปน็ ระดับจงั หวัด รายไตรมาส ซง่ึ ในแตล่ ะไตรมาสอาจมกี ารปรบั คา่ พยากรณบ์ า้ งตามสถานการณท์ เ่ี ปลย่ี นแปลงไปเชน่ สภาพดนิ ฟ้าอากาศ ปรมิ าณนํ้าฝน ราคา นโยบายภาครัฐ เปน็ ต้น 1) วธิ กี ารพยากรณ์ ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรใชข้ อ้ มลู หรอื ตวั แปรที่มีผลกระทบต่อการเพ่ิมข้ึนหรอื ลดลงของผลผลิตต่อไร่ หรือเนื้อที่เพาะปลกูซ่ึงต้องใช้สถิติข้อมูลย้อนหลัง รวม 20 ปี ข้อมูลเหล่าน้ีประกอบด้วยปรมิ าณนาํ้ ฝนจากกรมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา ราคา ณ ไรน่ า นโยบายภาครฐั และเอกชนพนั ธขุ์ า้ ว การบ�ำ รงุ รกั ษา สภาพภมู อิ ากาศและภยั ธรรมชาติ เพอื่ หาปรมิ าณและรปู แบบความสมั พนั ธก์ บั ผลผลติ ตอ่ ไร่ แลว้ น�ำ มาสรา้ งสมการพยากรณท์ างสถติ ิ ขอ้ มลู ผลผลติ ตอ่ ไรแ่ ละเนอื้ ทเี่ พาะปลกู ทนี่ �ำ มาใชใ้ นการพยากรณเ์ ปน็ข้อมลู จากผลการสำ�รวจ โดยการส�ำ รวจใช้วิธีการสัมภาษณ์เกษตรกร และวธิ ีการตั้งแปลงทดสอบผลผลติ (Crop Cutting) ซ่ึงเปน็ ข้อมลู จากการเกบ็ เกย่ี วผลผลติ จริงในนาขา้ วของเกษตรกร จากท้ังแปลงทมี่ ีผลผลิตสงู และตํ่า น�ำ มาคำ�นวณเป็นค่าเฉล่ียของผลผลิตต่อไร่ในระดับจังหวัด และเป็นข้อมูลท่ีได้รับความเหน็ ชอบแลว้ จากคณะกรรมการพฒั นาคณุ ภาพขอ้ มลู ดา้ นการเกษตร ซงึ่ประกอบดว้ ยผแู้ ทนจากกรมสง่ เสรมิ การเกษตร กรมการขา้ ว กรมชลประทานกรมวชิ าการเกษตร กรมสง่ เสริมสหกรณ์ 35

2) การวิเคราะห์ค่าพยากรณ์ เม่ือได้ค่าพยากรณ์ด้วยวิธีการคำ�นวณจากสมการพยากรณ์แล้ว สำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตรยังได้มีการสำ�รวจภาวะการผลติ ในแหลง่ ผลติ ส�ำ คญั โดยวธิ กี ารสมั ภาษณ์เกษตรกร เพือ่ นำ�มาปรับค่าพยากรณใ์ ห้ใกล้เคยี งกบั ความเป็นจริงในพ้ืนที่มากข้ึน 3) การพิจารณาข้อมูลพยากรณ์ก่อนการเผยแพร่ เมื่อได้คา่ พยากรณ์แล้ว ศูนย์สารสนเทศการเกษตรจะส่งผลพยากรณ์เบ้ืองต้นให้แก่สำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1-12 หรือหน่วยงานในท้องถิ่น เพ่ือให้ข้อคิดเห็นหากไมเ่ ห็นด้วย จะดำ�เนนิ การปรับค่าพยากรณอ์ ีกครง้ั หนง่ึ แลว้ จึงน�ำ เสนอในท่ีประชุมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านการเกษตรเพ่ือพิจารณาก่อนการเผยแพร่ 4) การปรบั ค่าพยากรณร์ ายไตรมาส ส�ำ นกั งานเศรษฐกิจการเกษตรจะมกี ารตดิ ตามสถานการณก์ ารผลติ และจะปรบั คา่ พยากรณเ์ ปน็ รายไตรมาสหากพบว่ามีสถานการณ์เปล่ียนแปลงที่มีผลกระทบต่อค่าพยากรณ์อย่างมีนัยส�ำ คญั เนอ่ื งจากในชว่ งไตรมาสแรกทพี่ ยากรณเ์ ปน็ ชว่ งทเ่ี กษตรกรยงั ไมเ่ รมิ่ เพาะปลกู ขา้ ว จะพยากรณ์ภายใต้สมมติฐานวา่ สภาพภมู อิ ากาศปกติ หลังจากนน้ัในระหวา่ งฤดปู ลกู และเก็บเก่ียว หากเกษตรกรประสบภยั แลง้ ภาวะฝนทงิ้ ชว่ งอุทกภยั แมลงหรือศตั รพู ชื ระบาด ทำ�ใหต้ ้นข้าวเสยี หาย เก็บเก่ียวผลผลิตได้นอ้ ยลง ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร จะปรบั ลดคา่ ผลผลติ ต่อไรล่ ง โดยใช้สมการพยากรณ์ทางสถิติ และใช้ข้อมูลจากการสำ�รวจภาวะการผลิตรวมทั้งข้อมูลประกอบอ่ืนๆ แล้วนำ�ผลพยากรณ์ท่ีปรับใหม่ของแต่ละไตรมาสสง่ ใหห้ นว่ ยงานในพน้ื ทใี่ หข้ อ้ คดิ เหน็ และน�ำ เสนอคณะกรรมการพฒั นาคณุ ภาพขอ้ มลู ดา้ นการเกษตรเพอ่ื พจิ ารณา กอ่ นการเผยแพร่ เชน่ เดยี วกบั ไตรมาสแรก 5) การส�ำ รวจภาวะการผลติ สนิ คา้ เกษตรแบบเรง่ ดว่ น (Rural RapidAppraisal) ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ส�ำ รวจภาวะการผลติ สนิ คา้ เกษตรโดยการสมั ภาษณเ์ กษตรกร จากจดุ สงั เกตทเ่ี ปน็ แหลง่ ผลติ ทสี่ �ำ คญั เพอื่ น�ำ ขอ้ มลูทไี่ ดม้ าวเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารผลติ สนิ คา้ เกษตรใหถ้ กู ตอ้ งแมน่ ย�ำ และน�ำ มาใชอ้ ธิบายทิศทางการเพมิ่ ขึน้ หรอื ลดลงของเนอื้ ทเี่ พาะปลูก เน้ือที่ใหผ้ ล และผลผลติ ตอ่ ไร่ รวมท้งั เหตผุ ลและสภาพการผลิตตา่ งๆ ที่มีแหลง่ อา้ งอิง ซึ่งการ 36

สำ�รวจดังกล่าวใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการติดตามสถานการณ์การผลติ และระบพุ กิ ดั ของจดุ สงั เกตทจี่ ะตอ้ งตรวจสอบเปน็ ประจ�ำ เพอ่ื เปรยี บเทยี บสภาพการเปล่ียนแปลงของพน้ื ท่ี 6) ความแม่นยำ�ของค่าพยากรณ์ การตรวจสอบความถกู ต้อง แม่นยำ�ของผลพยากรณส์ �ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร. ไดเ้ ปรยี บเทยี บผลการพยากรณ์กับผลการสำ�รวจ ตัง้ แต่ปเี พาะปลูก 2530/31 ถงึ 2554/55 ในระดบัประเทศ เปน็ รายไตรมาส พบวา่ ผลพยากรณข์ องเนอื้ ทเ่ี พาะปลกู และปรมิ าณผลผลิตรวมทั้งประเทศ ปรากฏวา่ รอ้ ยละความคลาดเคล่ือนมคี ่าอยู่ระหว่างร้อยละ 2 ถึง รอ้ ยละ 10 เท่านน้ั 37

สํานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร. ไดเปรียบเทยี บผลการพยากรณกับผลการสํารวจ ตั้งแตป เพาะปลกู 2530/31ถึง 2554/55 ในระดับประเทศ เปน รายไตรมาส พบวาผลพยากรณของเนอื้ ที่เพาะปลกู และปรมิ าณผลผลติรวมท้งั ประเทศ ปรากฏวา รอยละความคลาดเคลื่อนมีคา อยรู ะหวางรอ ยละ 2 ถงึ รอ ยละ 10 เทา น้นัรวบรวมข้อมูลและสถติ ยิ ้อนหลงั ผลการสํารวจขอ้ มลู  ปรมิ าณนําฝน ปรมิ าณนําในเขอื น รายเดอื น  ราคาสนิ คา้ เกษตร  ผลการสํารวจภาวะการผลติ  นโยบายภาครฐั และเอกชน  ภาพถ่ายดาวเทยี ม ยปต้อน้นรทมิหนุ กาลาณงั รผลนติ ํา ฝนและสถติ ิสร้างสมการพยากรณ์ ปรับค่าพยากรณ์ เมอื มี สถานการณ์เปลยี นแปลง ภัยธรรมชาติ ฝนแลง้ อทุ กภัย วาตภัย ฯ  การเปลยี นแปลงนโยบาย  การสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน ฯลปฯรมิ าณนาํ ฝนและสถติ ิย้อนหลงัวเิ คราะห์ผลพยากรณ์ ส่ งผลพยากรณ์ ให้ หน่ วยงาน ในท้องถนิ พจิ ารณา เผยแพร่ข้อมูลภภาาพพทท่ี ี่ 44 ขขัน้ ั้นตตออนนกากราพรยพายการณกรขณอ ม์ขูล้อมลู 30 38

6. หลักเกณฑใ์ นการใช้ขอ้ มูลสถติ ิ ในการใชข้ อ้ มลู สถติ จิ �ำ เปน็ จะตอ้ งศกึ ษาภมู หิ ลงั หรอื ความเปน็ มาของขอ้ มลูสถติ ทิ จี่ ะน�ำ มาใชเ้ พื่อสามารถตดั สินใจไดว้ ่าจะใช้ขอ้ มูลใดหรอื เชอ่ื ถอื ขอ้ มูลทมี่ ีอยู่มากน้อยเพียงใดการใช้ข้อมูลสถิติ มีหลักเกณฑ์ที่ผู้ใช้ข้อมูลควรพิจารณาดังน้ี6.1 ค�ำ จ�ำ กดั ความและค�ำ นิยาม (Definition and Concept) ในการผลิตข้อมูลจำ�เป็นต้องกำ�หนดความหมายหรือคำ�จำ�กัดความหรือคำ�นิยามของคำ�ท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อให้รู้ขอบเขตของข้อมูลสถิติซ่งึ ข้อมูลสถติ ิเรือ่ งเดยี วกนั อาจแตกต่างกนั ไดเ้ นื่องมาจากคำ�นิยาม /คำ�จ�ำ กดัความทใ่ี ชไ้ มเ่ หมอื นกนั เชน่ ค�ำ วา่ “ รายได้ “ อาจหมายถงึ รายไดท้ เี่ ปน็ ตวั เงนิอยา่ งเดยี ว หรอื รายไดท้ เี่ ป็นท้งั ตวั เงนิ และทไ่ี ม่เปน็ ตวั เงิน เป็นตน้6.2 การจัดจำ�แนกข้อมูล (Classification) เป็นการจัดประเภทข้อมูลตามลักษณะของข้อมูล การจัดจำ�แนกข้อมูลควรเป็นไปตามมาตรฐานสากล เชน่ การจดั จ�ำ แนกตามอาชีพ อตุ สาหกรรมการศึกษา อายุ เป็นตน้ ขอ้ มูลสถติ ิในเรอ่ื งเดียวกนั ถา้ มกี ารจำ�แนกข้อมูลที่เปน็ มาตรฐานเดยี วกนั จะสามารถเปรียบเทยี บกนั ได้6.3 ระเบียบวิธีสถติ ิ (Statistical Methodology) เป็นระเบียบวิธีการผลิตข้อมูล เช่นวิธีการสำ�รวจซึ่งต้องอาศัยระเบียบวิธีการสุ่มตัวอย่าง สำ�หรับแผนแบบการสุ่มตัวอย่างหรือการเลือกตัวอย่างมหี ลายวธิ ี และแตล่ ะวธิ จี ะท�ำ ใหไ้ ดค้ า่ ประมาณ (ผลการส�ำ รวจ) ทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปดงั นน้ั ขอ้ มลู ในเรอื่ งเดยี วกนั ถา้ ใชร้ ะเบยี บวธิ แี ตกตา่ งกนั ขอ้ มลู สถติ แิ ละผลการสำ�รวจจะแตกต่างกนั ตามไปด้วย 39

6.4 คาบเวลาที่ข้อมลู อ้างถึง (Reference period) ในการจัดทำ�สถิติคาบเวลาที่ข้อมูลอ้างถึงมีความสำ�คัญมาก เพราะจะทำ�ให้ทราบวา่ ขอ้ มูลสถติ ทิ ร่ี วบรวมไดเ้ ป็นของชว่ งเวลาใด หรืออ้างอิงขณะใดเชน่ คาบเวลาท่ขี ้อมลู อ้างถึงของสถิตจิ �ำ นวนประชากรของโครงการสำ�มะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2553 คือ วนั ที่ 1 เมษายน 2553 ทงั้ น้คี าบเวลาทข่ี ้อมลู อ้างถงึ กบั คาบเวลาทเ่ี ก็บรวบรวมขอ้ มลู อาจแตกต่างกนั หรอื เป็นช่วงเวลาเดยี วกันกไ็ ด้6.5 คุ้มรวม (Coverage) ในการจัดทำ�สถิติจำ�เป็นต้องกำ�หนดคุ้มรวม เพื่อให้ผู้ใช้ข้อมูลได้ทราบถงึ ขอบเขตของขอ้ มลู วา่ ครอบคลมุ แคไ่ หน เช่น ค้มุ รวมของครวั เรอื นเกษตรโครงการสำ�รวจการเปล่ียนแปลง ทางการเกษตร พ.ศ. 2554 หมายถึงครัวเรือนเกษตรที่มีเนื้อที่เพาะปลูกต้ังแต่ 2 ไร่ข้ึนไป หรือเลี้ยงปศุสัตว์ตามประเภทหรอื จำ�นวนที่กำ�หนด หรอื มีรายไดต้ ่อปีจากการขายผลิตภณั ฑ์เกษตรตงั้ แต่ 6,000 บาทข้ึนไป เปน็ ต้น 40

7. การเผยแพร่ขอ้ มูล สำ�นักงานเศรษฐกิจการเกษตรโดยศูนย์สารสนเทศการเกษตร มีการเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ในหลายรูปแบบ ได้แก่7.1 เอกสารเผยแพร่ (Hard Copy) ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรไดร้ วบรวมจดั ท�ำ สารสนเทศตา่ งๆ เปน็ เอกสารเพอ่ื เผยแพรแ่ กผ่ ใู้ ชข้ อ้ มลู เปน็ ประจ�ำ เอกสารดงั กลา่ วไดแ้ ก่ สถติ กิ ารเกษตรแหงประเทศไทย สารสนเทศเศรษฐกิจการเกษตรรายสินค้า คำ�นยิ ามขอ้ มูลสถติ ิการเกษตร ปฏทิ ินการผลิตสนิ คา้ เกษตรทส่ี ำ�คัญ ตวั ชี้วดั เศรษฐกจิ การเกษตรของประเศไทย โดยสามารถติดต่อขอรับเอกสารที่สนใจได้ท่ีส่วนปฏิบัติการขอ้ มลู การเกษตร ศูนยส์ ารสนเทศการเกษตร (ฟรี) หรอื ดาวนโ์ หลดเอกสารบนเวบ็ ไซด์ www.oae.go.th คาำ นยิ ามขอ้ มูลสถติ กิ ารเกษตร เอกสารสถติ กิ ารเกษตร เลขท่ี 405 คำ�นยิ าม ข้อมูลสถติ กิ ารเกษตร ศูนยส์ ารสนเทศการเกษตร ศนู ยส์ ารสนเทศการเกษตร สำานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร สำานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เอกสารสถติ กิ ารเกษตร เลขท่ี 405 http://www.oae.go.thสถติ กิ ารเกษตรแห่งประเทศไทย คำ�นิยามข้อมูลสถติ ิการเกษตรสารสนเทศเศรษฐกิจการเกษตรรายสนิ คา้ ตวั ช้ีวัดเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศไทย 41

7.2 เว็บไซต์ เผยแพรข่ อ้ มลู สารสนเทศตา่ งๆ ผา่ นทางเวบ็ ไซตข์ องส�ำ นกั งานเศรษฐกจิการเกษตร www.oae.go.th โดยสามารถสืบค้นข้อมูลท่ีมีรายละเอียดและข้อมูลย้อนหลังได้มากกว่าเอกสารที่จัดพิมพ์เผยแพร่ นอกจากนี้ยังสามารถขอข้อมลู เพิม่ เติมโดยส่งอเี มลลม์ าที่ [email protected] หรือ www.oae.go.thเมนู ถาม-ตอบ 42

7.3 การให้บริการข้อมลู ผ่านตู้ KIOSK หรือตู้บริการข้อมูลเพ่ือเกษตรกรในแบบระบบหน้าจอสัมผัส (TouchScreen) เพอื่ เผยแพรบ่ รกิ ารขอ้ มลู ขา่ วสารนโยบายมาตรการดา้ นการเกษตรที่มปี ระสทิ ธภิ าพรวดเรว็ กระจายอยา่ งทวั่ ถงึ ในระดบั ทอ้ งทใ่ี หเ้ กษตรกรรบั ทราบข้อมูลและสามารถนำ�ข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจรวมทั้งสามารถสอื่ สารไดส้ องทางระหวา่ งเกษตรกรกบั ภาครฐั โดยมงุ่ หวงั ใหเ้ กษตรกรมคี วามรู้เปรยี บเสมอื นอาวธุ ทางปญั ญาในโลกปจั จบุ นั ในระยะแรกไดร้ ว่ มมอื กบั ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ติดตง้ั ตู้ Kiosk ท่สี าขาของธนาคาร ขอ้ มลู ทีใ่ ห้บรกิ าร ได้แก่ 1) ราคาสินค้าเกษตร ทั้งพืช ปศุสัตว์และประมง เป็นข้อมูลราคาที่เกษตรขายได้ ณ ไรน่ า ราคารายวนั ที่ตลาดกลาง ราคา F.O.B. และราคาตลาดลว่ งหน้า 43

2) ตน้ ทุนการผลิต 3) การผลติ สนิ คา้ เกษตร น�ำ เสนอปรมิ าณการผลติ สถานการณก์ ารผลติและการตลาด 4) ภาวะเศรษฐกิจสังคมครัวเรือนและแรงงาน นำ�เสนอข้อมูลเก่ียวกับการถือครองและการใช้ที่ดนิ รายได้ รายจ่าย หนี้สิน ทรพั ย์สินของครัวเรือนเกษตร 5) ทะเบียนเกษตรกร แสดงรายละเอียดในภาพรวม ได้แก่ จำ�นวนผูข้ ้นึทะเบียน เน้ือทีเ่ พาะปลกู ในระดบั ตำ�บล อำ�เภอ จงั หวดั รวมทัง้ เกษตรกรยังสามารถตรวจสอบความถกู ต้องของขอ้ มูลทะเบียนรายบคุ คลได้ 6) ความรแู้ ละขา่ วสารการเกษตร ไดแ้ กค่ วามรดู้ า้ นเทคโนโลยกี ารเกษตรข่าวด่วน ขา่ วเตือนภยั ทั้งในรปู แบบขอ้ ความและคลิปวดี โี อ 7) ข้อมูลมาตรการและนโยบายภาครฐั 44

  คู่มือเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.)77..44ก ระกดารนะเดศราษนฐีเเกศษรตรษกรฐมีเโี กอกษาสตOรAกEรRมCีโMอOกาส OAE-RCMO 11)) กกระาดรานจเศดั รกษฐาเีรกษกตารรกรคมำ�โี อนกวาสณสตาํ หน้ รับทผนุ ูไม Lสo�ำgiหnรับผไู้ ม่ Login 35 45

  คูม่ ือเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.)ถถัดัดไไป แผนที่ คามาตรฐาน 36 46

  คูม่ ือเศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) 22)) กกราะดราจนดัเศกรษาฐรเี กกษาตรรคกรำ�มนโี อวกณาสตสน้าํ หทรับนุ ผู Lสoำ�giหnรบั ผู้ Login เรม่ิ ใชง านครั้งแรก เคยใชงาน 37 47

7.5 การตดิ ตอ่ ขอรับบรกิ ารขอ้ มูล 1) ผรู้ บั บรกิ ารสามารถตดิ ตอ่ โดยตรงไดท้ ่ี สว่ นปฏบิ ตั กิ ารขอ้ มลู การเกษตรศนู ยส์ ารสนเทศการเกษตร ส�ำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร ภายในมหาวทิ ยาลยัเกษตรศาสตร์ ถนนพหลโยธนิ เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900 2) ผรู้ บั การตดิ ตอ่ ทางโทรศพั ท์ หมายเลข 0-2561-2870 3) ผรู้ บั บรกิ ารตดิ ตอ่ ทาง E-mail : [email protected]หรอื www.oae.go.thเมนู ถาม-ตอบ 48


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook