Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore CAI แบบที่ 4 วิชาวิทยาศาสตร์ ไม่มีเเมโคร

CAI แบบที่ 4 วิชาวิทยาศาสตร์ ไม่มีเเมโคร

Published by paw2429, 2021-09-20 03:31:03

Description: CAI แบบที่ 4 วิชาวิทยาศาสตร์ ไม่มีเเมโคร

Search

Read the Text Version

แ น ะ นา ว ิธี ใ ช้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ แนะนาการใช้ 01 คาส่ังปุ่มต่างๆ 02 ใหผ้ ู้เรีนนนั้ ศกึ ษาจุดประสงค์ ใหผ้ ู้เรียนศกึ ษาวิธีการใช้งาน 03 คลิกท่ีปุ่มโฮม การเรียนรขู้ องบทเรียน ในระบบ 04 เพอ่ื ยอ้ นกลับทห่ี น้าเมนูหลัก 05 เกม เนอ้ื หา คลิกทป่ี ุม่ 3 ขดี เพือ่ ยอ้ นกลับ ไปเลือกเน้ือหาบทเรยี น นกั เรยี นเข้ารว่ มเล่นเกม ภารกิจ ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาหวั ขอ้ ท่ีสนใจตามเน้ือหา พิชิตเหรยี ญ เพื่อฝกึ ทักษะ ของบทเรียน คลิกท่ีปุม่ ลูกศรชข้ี ้ึน เพื่อยอ้ นกลับ หน้าแรกเน้ือหาของเรอ่ ื งนั้นๆ คลิกที่ปุ่มลูกศรชแ้ี นวนอนน้ี เพอ่ื ยอ้ นกลับและหน้าถัดไป คลิกที่ปุม่ น้ี เพอื่ ออกจากระบบ

จุ ดประสงค์การเรยี นรู้ ผเู้ รยี นเขา้ ใจสภาพปญั หาส่ิงแวดล้อม 01 ผเู้ รยี นเขา้ ใจการใชท้ รพั ยากร และทรพั ยากรธรรมชาติ ธรรมชาติอยา่ งรคู้ ณุ ค่า 02 ผูเ้ รยี นเขา้ ใจแนวทางการรกั ษาสมดลุ ของระบบนิเวศในโซ่ 04 03 ผู้เรยี นเขา้ ใจการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ ตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง

เมนูหลัก แ น ะ นา ก า ร ใ ช้ จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ก า ร เ ร ยี น รู้ เ น้ื อ ห า เกม

03 02 04 01 05





























ก า ร ใ ช้ ท รั พ ย า ก ร ป่ า ไ ม้ 1) พยายามใช้วัสดุอ่นื ทดแทนไม้ (หากทาได้) 2) พยายามอย่างระมดั ระวงั ใชเ้ ท่าท่ีจาเปน็ จริงๆ 3) พยายามใชอ้ ย่างค้มุ คา่ คานงึ ถงึ ความประหยดั และ ประโยชน์เป็นที่ต้ัง 4) เม่อื ตดั ไม้ต้องปลูกทดแทนทันที 5) พยายามใช้ทุกสว่ นให้เปน็ ประโยชน์ 6) ควรใชไ้ ม้ท่ปี ลกู งา่ ย โตเรว็

ก า ร ใ ช้ น้า 1) ใช้นา้ อย่างคมุ้ ค่าและประหยัดมากท่ีสุด 2) ไมเ่ ท ทง้ิ ขยะลงในแมน่ ้าลาคลอง 3) นาน้าสุดท้ายของการซักผ้าไปใช้รดต้นไม้ หรือล้างพื้นบริเวณ นอกบา้ น 4) ขณะเปดิ ก๊อกนา้ ไมค่ วรเปดิ แรงเกินไป 5) เมอ่ื ใชน้ า้ แลว้ ควรปดิ กอ๊ กน้าใหส้ นิท อย่าให้มีนา้ หยด 6) ไม่ควรเปิดน้ารองใส่ภาชนะทิ้งไว้ ขณะที่ไปทากิจกรรมอื่น เพราะอาจจะลมื ได้

สั ต ว์ ป่ า ปัจจุบันสัตว์ป่าในประเทศไทยมีปริมาณลดลงมาก ทั้งนี้ เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยและ แหล่งอาหารของสัตว์ป่าถูกทาลาย ดงั นนั้ เราจึงควรชว่ ยกนั อนรุ ักษ์สตั ว์ป่าสามารถทาได้ ดังน้ี 1) ออกกฎหมายคุ้มครองสัตวป์ ่า 2) ไม่ลา่ สัตวใ์ นชว่ งฤดูผสมพันธุ์ 3) ไมท่ าลายป่าซ่ึงเปน็ แหล่งท่ีอยู่อาศัยและแหล่งอาหารของ สัตว์ป่า 4) ชว่ ยกนั รณรงค์ให้ทกุ คนเหน็ ความสาคัญของสตั ว์ป่า 5) ไมล่ ่าสัตว์ด้วยวิธีที่รุนแรง ซึ่งจะทาลายสัตว์อื่นๆ ไปด้วย เชน่ การใชไ้ ฟฟา้ ชอ๊ รต์

อากาศ การอนุรกั ษ์ทรพั ยากรอากาศรวมถงึ การแกไ้ ขปญั หาสรุปได้ดงั นี้ 1) ลดปริมาณมลสารที่ทาให้อากาศเสีย เช่น ฝุ่นละออง และสารพิษ 2) ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก เช่น ไม่เผาป่า ฟางข้าว หรือขยะมูลฝอยเพอื่ ลดปรมิ าณกา๊ ซ คาร์บอนไดออกไซด์ แก้ไข รถควันดา 3) ลดปริมาณก๊าซที่ทาลายชน้ั โอโซน 4) อนรุ กั ษป์ า่ ไม้เพื่อช่วยลดปญั หาอากาศเสยี และวาตภยั

การใชท้ รัพยากรโดยยึดหลกั 4 R 1) ลดปรมิ าณการใช้ (Reduce) เปน็ การใชท้ รพั ยากรให้ นอ้ ยลง ใช้เฉพาะของท่ีจาเป็น และใชไ้ ด้นาน เช่น การใชถ้ ุงผ้าแทน การใชถ้ ุงพลาสตกิ 2) นากลบั มาใช้ซา้ (Reuse) เปน็ การนาสงิ่ ของทใี่ ชแ้ ลว้ คุณภาพดกี ลับมาใช้ซ้าอกี เชน่ การนาถงุ พลาสติกทใ่ี ช้แล้วกลบั มาใช้ ซ้า นาขวดพลาสติก ท่ีใชแ้ ลว้ ไปทาเปน็ แจกนั ใสต่ น้ ไม้ หรือทากระถาง ปลูกต้นไม้ 3) การผลติ ใช้ใหม่ (Recycle) การนาวัสดุท่ีใช้แล้วมาผ่าน กระบวนการแปรรูปและขน้ึ รูปใหม่ เพ่อื จะได้นากลบั มาใช้ใหม่ในรูป แบบเดิม หรอื อาจทาเปน็ ผลิตภัณฑช์ น้ิ ใหม่กไ็ ด้ 4) ซ่อมแซม (Repair) เป็นการนาส่ิงของท่ีเกดิ การชารุด เสยี หายไมม่ ากมาซ่อมแซมใหใ้ ช้ประโยชน์ได้อกี



แนวทางการป้องกนั แก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อมและ ทรพั ยากรธรรมชาติ 1. การปอ้ งกัน หมายถงึ การปอ้ งกันคุม้ ครองทรพั ยากรทีส่ ามารถ เกดิ ขึ้นใหม่ได้เอง เพือ่ ให้มอี ตั ราในการนาทรพั ยากรมาใช้อยู่ในระดบั ทส่ี ามารถเกดิ ขน้ึ มาทดแทนไดท้ ัน 2. การแก้ไขและฟ้นื ฟู การแก้ไข หมายถงึ การดาเนนิ การแกไ้ ขหรือซ่อมแซมทรพั ยากร ทล่ี ดลงหรอื เสอ่ื มสลายของสง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาติ การฟนื้ ฟู หมายถงึ การดาเนินการกับทรัพยากรทลี่ ดลงหรือเสอ่ื ม โทรมใหส้ ามารถฟ้นื คนื กลบั สูส่ ภาพเดิม 3. การอนรุ ักษ์ หมายถึง การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ดว้ ยความฉลาดและใช้อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชนต์ ่อ มนุษยม์ ากทีส่ ุด การอนุรกั ษ์และแก้ไขปญั หาสิ่งแวดล้อม

แนวทางการป้องกันแก้ไขปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มและ ทรพั ยากรธรรมชาติ 3.1 การใช้อย่างยั่งยืน หมายถึง การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ใน ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มในปรมิ าณที่เหมาะสมไมม่ ากเกินไป 3.2 การเก็บกักทรัพยากร หมายถึง การรวบรวมและการเก็บกัก ทรัพยากรทีม่ แี นวโน้มจะเกิดการขาดแคลนในบางชว่ งเวลาไว้ 3.3 การรักษา หมายถึง การดาเนินการกับทรัพยากรที่ลดลงหรือ เสอ่ื มโทรมให้สามารถฟ้ืนคนื กลับส่สู ภาพเดมิ 3.4 การพฒั นา หมายถงึ การพฒั นาปรบั ปรุงสง่ิ ท่ีเป็นอยู่ให้ดขี ึ้น 3.5 การสงวน หมายถึง การเก็บสงวนทรัพยากรไว้ไม่ให้มีการ นามาใช้งาน เนื่องจากทรพั ยากรน้นั กาลังจะหมดหรือสูญส้ินไป 3.6 การแบ่งเขต หมายถึง การจัดแบ่งกลุ่มหรือประเภทของ ทรัพยากรเพื่อใหส้ ามารถดาเนินการอนรุ กั ษ์ไดผ้ ลดีข้ึน การอนุรกั ษ์และแก้ไขปญั หาสง่ิ แวดล้อม

การอนุรกั ษแ์ ละการแกไ้ ขปัญหาป่าไม้ 1. การแก้ไขปญั หาเกยี่ วกับการที่ชาวเขาทาลายป่า และต้นนา้ ลาธาร 2. การแก้ไขปัญหาป่าไม้ในที่ราบ หรือที่เนินซึ่งถูกทาลาย เพื่อทาไร่ พืชผลเศรษฐกจิ 3. ปัญหาการลักตัดไม้ เพื่อทาฟืน เผาถ่าน และทาไม้ออกป้อนความ ต้องการของโรงเล่อื ย 4. การให้การศึกษาอบรมแก่เยาวชนทุกระดับชั้น เพื่อให้ตระหนักถึง ความสาคญั และคณุ ประโยชน์ของทรพั ยากรปา่ ไม้ และทรัพยากรธรรมชาติที่ มีคา่ ทกุ ประเภท 5. รฐั บาลจะต้องปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อการ อนรุ กั ษแ์ ละการแกไ้ ขปญั หาป่าไม้ การอนรุ ักษ์และแก้ไขปัญหาส่งิ แวดล้อม

การอนุรักษ์และการแก้ไขปญั หามลพิษอากาศ 1. ลดสารภาวะมลพษิ ทางอากาศจากแหลง่ กาเนดิ 2. เข้มงวดกับมาตรการลดผลกระทบด้านภาวะมลพิษทางอากาศจาก ภาคอุตสาหกรรม 3. สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการเกษตร โดยนาวัสดุเหลือใช้จากภาค เกษตรมาใช้เปน็ พลังงานเพื่อลดการเผาวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรใน ทโ่ี ลง่ 4. ปรับปรุงระบบการกาจัดขยะมูลฝอยชุมชนให้มีการบริหารจัดการแบบ ครบวงจร ถูกหลักวิชาการ 5. ป้องกันการเกิดไฟป่า ตรวจติดตามปฏิบัติการดับไฟป่า และฟื้นฟู สภาพหลงั เกดิ ไฟป่า 6. ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มาจากธรรมชาติ เช่น พลังงาน แสงอาทติ ย์ การอนุรกั ษ์และแกไ้ ขปญั หาสิ่งแวดล้อม

การอนรุ ักษ์และการแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ 7. ลดการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีสารประกอบของสารที่ทาให้เกิดภาวะ เรอื นกระจก 8. สนับสนนุ ให้มกี ารใช้ระบบการขนส่งทีม่ มี ลพษิ นอ้ ย 9. รณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจอันตรายที่เกิดจากภาวะ มลพษิ ทางอากาศ 10. ปรับปรงุ กฎหมาย เพิม่ ประสิทธิภาพการปฏิบัติตามและการใช้บังคับ กฎหมายดา้ นการจัดการภาวะมลพิษทางอากาศ 11. เผยแพร่ความรู้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับทราบและเข้าใจ เกี่ยวกับความสาคัญของ อากาศบริสุทธิ์และอันตรายที่เกิดจากมลพิษทาง อากาศ การอนุรักษแ์ ละแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม

ก า ร อ นุ รั ก ษ์ แ ล ะ ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ม ล พิ ษ ท า ง นา้ 1. กาหนดค่ามาตรฐานคุณภาพของน้าให้อยู่ในมาตรฐานที่ไม่เป็น อันตรายตอ่ สขุ ภาพ 2. ควบคุมการกาจดั น้าเสียจากแหลง่ กาเนดิ น้าเสยี ต่างๆ 3. ประชาชนควรใหค้ วามรว่ มมือในการอนรุ ักษ์แหล่งน้า โดยไม่ทิ้ง ขยะมลู ฝอย 4. ไมต่ ดั ไม้ทาลายปา่ อันเปน็ แหลง่ ต้นนา้ ลาธาร 5. ลดการใช้สารเคมีตา่ งๆให้น้อยทีส่ ุด 6. ประชาชนควรให้ความร่วมมือกับทางราชการหรือหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาแหล่งน้าหรอื กาจดั น้าเสยี การอนุรักษ์และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม

ก า ร อ นุ รั ก ษ์ แ ล ะ ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า สั ต ว์ ป่ า ถู ก ล่ า 1. การอนรุ ักษ์พ้ืนทส่ี ัตวป์ ่าทล่ี ดจานวนลงในปจั จบุ นั 1.1 กาหนดเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ัตว์ป่า 1.2 กาหนดเขตหา้ มล่าสัตว์ปา่ บางชนิด 1.3 จัดตง้ั อทุ ยานสตั ว์ป่า 2. การอนุรกั ษ์สตั วป์ า่ ทางวชิ าการ 2.1 การตง้ั สถานีวิจัยสัตวป์ ่า 2.2 จดั ตั้งศูนย์เพาะเลย้ี งและขยายพนั ธส์ุ ัตวป์ ่า 2.3 การจดั ตงั้ ศนู ยก์ ารศกึ ษาธรรมชาตแิ ละสตั ว์ปา่ 3. การปอ้ งกันและปราบปราม ทาได้โดย 3.1 การออกกฎหมายหา้ มลา่ สัตว์ป่า 3.2 ควบคุมการค้าสัตว์ปา่ 3.3 การประชาสัมพันธ์ เป็นการส่งเสริมเผยแพร่ด้านความรู้ เพ่ือให้ประชาชน การอนรุ กั ษแ์ ละแก้ไขปญั หาส่งิ แวดล้อม

ก า รแ ก้ไ ข ปั ญ หา ข ย ะ ด้านของเสยี อนั ตราย 1. เร่งรัดให้ท้องถิ่น เทศบาล สุขาภิบาล ทุกแห่ง ทา 1. ควรมีการกาหนดคาจากัดความ เกณฑ์พิจารณา แผนการจัดการขยะมูลฝอย ทั้งในระยะสั้นและ และวิธกี ารกาหนดลักษณะของเสียท่ีเปน็ อันตราย ระยะยาว 2. สนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการของ 2. เรง่ รดั ใหม้ ีการก่อสรา้ งโรงงานกาจัดขยะมูลฝอยให้ เสียอนั ตราย ได้มาตรฐานและมปี ระสทิ ธภิ าพ 3. สนับสนุนให้มีการปลูกฝังทัศนคติและสร้าง 3. ควรมีนโยบายและมาตรการ ค่านิยมของประชาชน ในการร่วมมือป้องกัน 4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการลดปริมาณขยะมูล อันตรายจากการใชว้ ัตถมุ พี ิษ ฝอย 5. การใช้ผลติ ภัณฑท์ มี่ ีอายกุ ารใช้งานนาน 6. ลดการบริโภควัสดุที่กาจัดยาก หรือมีปัญหาต่อ สิง่ แวดล้อม การอนุรักษ์และแกไ้ ขปญั หาส่ิงแวดล้อม

การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

ความรู้ คณุ ธรรม รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ซ่อื สตั ยส์ จุ ริต ขยนั อดทน สตปิ ัญญา แบง่ ปนั ปรชั ญา เศรษฐกจิ /สังคม/สงิ่ แวดลอ้ ม/วฒั นธรรม ของเศรษฐกิจ สมดลุ /พรอ้ มรบั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง พอเพยี ง มภี ูมค้มุ กนั ในตัวทด่ี ี

การใช้ทรัพยากรธรรมชาตติ ามหลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง 1. ยดึ ทางสายกลาง เปน็ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติในปริมาณท่ไี มม่ ากหรอื นอ้ ยเกินไป 2. ความไม่ประมาท เป็นการนาทรัพยากรธรรมชาติไปใช้อย่างเหมาะสมไม่เกินความจาเป็น และตอ้ งมีการสร้างข้นึ ทดแทน 3. ความพอประมาณ เป็นการนาทรัพยากรธรรมชาติมาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งเหมาะสมโดยไม่ใช้ ปริมาณมากเกนิ ความจาเปน็ หรอื ขาดการควบคมุ 4. ความมีเหตุผล เป็นการใช้เหตุผลพิจารณาและตัดสินถึงระดับความพอเพียงจากเหตุ ปัจจยั ท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนผลทีค่ าดว่าจะเกิดจากการกระทาอยา่ งรอบคอบ 5. การเตรียมความพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง เป็นการปรับตนให้สามารถพึ่งพาตนเอง ตามแนวทางปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ซง่ึ จะเปน็ แนวทางทีท่ าให้คนในชมุ ชนมคี วามสามารถ ในการดารงชีวิตอยู่ได้อย่างย่ังยนื พรอ้ มทจ่ี ะเผชิญกบั ความเปลย่ี นแปลงต่างๆ

3 หว่ ง 1. ความพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล 3. ระบบภมู คิ ุ้มกนั ในตัวทดี่ ี คือ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน หมายถึง หมายถงึ การตัดสินใจดาเนินการเรื่อง หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับต่อ ความพอดีตอ่ ความจาเป็น และเหมาะสมกับ ต่าง ๆ อย่างมีเหตุผลตามหลักวิชาการ ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงในด้านตา่ ง ๆ ฐานะของตนเอง สังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้ง หลักกฎหมาย หลักศีลธรรมจริยธรรม และ ไมว่ า่ จะเปน็ ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่น ไม่มากเกินไป วัฒนธรรมที่ดีงาม โดยพิจารณาจากเหตุ และวัฒนธรรม เพื่อให้สามารถปรับตัวและ ไม่น้อยเกินไป และต้องไม่เบียดเบียน ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่ รบั มอื ไดอ้ ย่างทนั ท่วงที ตนเองและผู้อืน่ คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทานั้น ๆ อย่าง รอบร้แู ละรอบคอบ

2 เงื่อนไข 1. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องสร้างเสริม 2. เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วยการฝึกตน ใ ห้เ ป ็น พื้น ฐ า น จ ิต ใ จ ข อ งคน ใ น ช า ติ ให้มีความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ประกอบด้วย ด้านจิตใจ คือการตระหนักใน ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบ คุณธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี ซื่อสัตย์สุจริต ใช้ และความระมัดระวังที่จะนาความรู้ต่าง ๆ สติปัญญาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมใน เหล่านั้น มาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน การดาเนินชีวิต และด้านการกระทา คือมี เพื่อประกอบการวางแผน และในข้ันปฏบิ ัติ ความขยันหมั่นเพียร อดทน ไม่โลภ ไม่ ตระหน่รี ู้จกั แบง่ ปนั และรบั ผดิ ชอบในการอยู่ ร่วมกับผู้อ่นื ในสงั คม

4 มิติ 1. ด้านเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย / เพิ่มรายได้ / ใช้ชีวิตอย่างพอควร / คิดและ วางแผน อยา่ งรอบคอบ / มีภูมิค้มุ กนั / ไมเ่ สี่ยงเกินไป / การเผอ่ื ทางเลือกสารอง 2. ด้านสังคม ช่วยเหลือเกื้อกูล / รู้รักสามัคคี / สร้างความเข้มแข็งให้ ครอบครวั และชมุ ชน 3. ด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและ รอบคอบ / เลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างรู้ค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด / ฟื้นฟู ทรพั ยากรเพ่อื ให้เกิดความย่งั ยืนสงู สดุ 4. ดา้ นวฒั นธรรม รักและเห็นคุณค่าในความเป็นไทย เอกลักษณ์ไทย / เห็น ประโยชน์และคุ้มค่าของภูมิปัญญาไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่น / รู้จักแยกแยะและ เลือกรบั วัฒนธรรมอ่ืน ๆ

โครงการ อั น เ นื่ อ ง ม า จ า ก พ ร ะ ร า ช ดา ริ ท่ี ช่ ว ย แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า ม ล พิ ษ

โครงการบาบัดน้าเสีย บงึ มกั กะสนั โดยใชผ้ ักตบชวา ใช้หลักว่าผักตบชวาที่มีอยู่ทั่วไปนั้น เป็นพืชดูดความโสโครกออกมาแล้วก็ทาให้ นา้ สะอาดขนึ้ ได้ เป็นเครื่องกรองธรรมชาติใช้ พลังงานแสงอาทิตย์และธรรมชาติของการ เติบโตของพชื ...”

โครงการการบาบัดมลพษิ ในนา้ ด้วยการใช้ กังหนั นา้ ชยั พฒั นาเตมิ ออกซเิ จนให้นา้ กังหันชัยพัฒนาเป็นกังหันน้าเพื่อบาบัดน้าเสียด้วยวิธีการ หมุนปน่ั เติมอากาศให้น้าเสยี กลายเปน็ นา้ ดี เพ่อื พัฒนาแหลง่ นา้ แก่ปวงชน สามารถประยุกต์ใช้บาบัดน้าเสีย จากการอุปโภค ของประชาชน น้าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งเพิ่ม ออกซิเจน ให้กับบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้า ทางการเกษตร การบาบัดมลพิษในน้าด้วยการใช้เครื่องกลเติมอากาศ กังหันน้า ชัยพัฒนา ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ ทาใหน้ า้ ใสสะอาดขึ้น ลดกลิ่น เหม็นลงได้มากและมีปริมาณออกซิเจนในน้าเพิ่มขึ้น สัตว์น้า สามารถอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย และสามารถบาบัดความ สกปรกในรูปของมวลสารต่างๆ ให้ลดต่าลง ได้ตามเกณฑ์ มาตรฐานที่กาหนด

โครงการแหลมผกั เบ้ีย-หนองหาร รกั ษ์สง่ิ แวดลอ้ ม โดยส่งน้าเสียผ่านท่อไปยังบ่อบาบัดและในบ่อสุดท้ายจะมี คณะวิจัยตรวจสอบ คุณภาพน้าก่อนส่งต่อส่วนระบบบาบัด รองนน้ั อาศัยการบาบดั โดยธรรมชาติ ประกอบด้วย 1.ระบบบึงชีวภาพ ซึ่งจะปลูกพืชที่สามารถเจริญได้ดีในน้าขัง เสีย ดูดซบั สารพิษและสารอินทรยี ์ได้ เชน่ กก ออ้ เป็นต้น 2.ระบบกรองน้าเสียด้วยหญ้า เช่น หญ้าเนเปีย หญ้าแฝก หญา้ นวลน้อย หญา้ รซู ่ี เปน็ ตน้ โดยจะส่งน้าเสียไปขังในแปลง หญา้ เปน็ ระยะ ๆ 3.ระบบกรองดว้ ยปา่ ชายเลน โดยในพื้นที่ป่าชายเลนจะปลูก โกงกาง แสมขาว เป็นต้น เพื่อให้มีสภาพใกล้เคีย ง ธรรมชาติ น้าทีผ่ ่านปา่ ชายเลนก็จะไดก้ ารบาบดั ตามธรรมชาติ

โครงการแกล้งดิน เร่งกามะถนั ทา ปฏกิ ิริยาไลห่ นา้ ดนิ เปรี้ยว จากปัญหาดินเปรี้ยวในบริเวณป่าพรุที่ถูกน ้าท่วมในจังหวัดนรา ธิวาส เนื่องจากมีสารประกอบไพไรท์ซึ่งมีกามะถันเป็นองค์ประกอบ พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดาริให้ทดลอง “แกล้งดิน”ด้วยการทาให้ดินแห้งและเปียก สลับกันไป เพื่อกระตุ้นให้สารไพไรท์ทาปฏิกิริยากับออกซิเจนแล้วปลดปล่อย กามะถันออกมา ทาให้ดินเปรี้ยวจัดจากนั้นปรับปรุงดินด้วยการใช้น้าร่วมกับปูน มาร์ลหรือปูน ฝุ่นแล้วไถพลิกกลบดิน ความเป็นเบสของปูนจะทาให้ดินซึ่งเปรี้ยว จัดถูกกระตุ้นให้ “ช็อก” จึงปรับสภาพสู่สภาวะปกติ จนกระทั่งเพาะปลูกข้าวได้ การปรับพื้นที่และยกร่อง ก็เป็นวิธีระบายกรดบนหน้าดินอีกทางหนึ่ง ส่วนจะปลูก พชื ชนดิ ใดน้ันตอ้ งปรบั พ้นื ทใ่ี หเ้ หมาะสม เช่น หากจะปลูกข้าวต้องปรับดินให้ลาด เอียงเพื่อให้น้าไหลออก หากจะปลกู ผกั หรือพืชไรอ่ น่ื ใหย้ กร่องและทาคูเพื่อป้องกัน น้าท่วม นอกจากนี้ยังต้องใส่ปูนขาวเพื่อปรับให้ดินเป็นกลาง หรืออาจจะใช้น้าจืด ชะลา้ งกไ็ ดแ้ ต่ใช้เวลานาน

โครงการหญ้าแฝกรากฝังลกึ อนุรกั ษห์ นา้ ดิน ด้วยระบบรากของ “หญ้าแฝก” ที่ฝังลึกไปในดิน ตรง ๆ และแผ่กระจายเหมือนกาแพงจึงช่วยชะลอ ความเร็วของน้าท่ีไหลผ่านหน้าดิน ช่วยเก็บความชุ่มชื้น ของดินไว้และป้องกันการพังทลายของหน้าดิน จึงมีการ นาไปใช้ประโยชน์เพื่อการอนุรักษ์ดิน เช่น ปลูกตาม พื้นที่ลาดชันหรือบริเวณเขื่อนเพื่อป้องกันการกัดเซาะ ของหน้าดิน ปรับปรุงดิน ที่เสื่อมโทรม และยังใช้ปลูก ปอ้ งกนั สารพษิ ปนเปือ้ นลงแหลง่ นา้ เป็นต้น

Loading. . . .

ยินดีด้วย ภารกิจ สา เ ร็จ

ใช่ ไมใ่ ช่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook