บทท่ี 7 ประชาธปิ ไตย “ประชาธิปไตย” ในปัจจุบนั เป็ นคาที่ทนั สมยั มีนยั เป็ นไปในทางบวกอนั เป็ นท่ียอมรับกนั อยา่ งเป็ น สากล กล่าวคือ เม่ือพูดถึงประชาธิปไตยนานาประเทศมกั ให้การยอมรับ กนั วา่ ประเทศท่ีใช้ประชาธิปไตย เป็นเคร่ืองประกอบการปกครองแลว้ น้นั ถือไดว้ า่ เป็นรัฐที่ดีงาม มีความเจริญ และกา้ วหนา้ ความหมายเกย่ี วกบั ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยในลกั ษณะของการปกครองรูปแบบหน่ึงน้นั จากอดีตจนถึงปัจจุบนั อาจพิจารณา ประชาธิปไตยไดเ้ ป็ น 2 กระแสหลกั ๆ กล่าวคือ ประชาธิปไตยโบราณ (ancient) หรือมีช่ือเรียกอีกอยา่ งวา่ ประชาธิปไตยทางตรง ซ่ึงมีลักษณะที่โดดเด่นในเรื่องของการให้สิทธิกับประชาชนในการเสนอแนะ เรื่องราวตา่ งๆท่ีเป็นเรื่องของสาธารณะไดโ้ ดยตรงในสภา กล่าวคือ ทุกคนที่เป็ นพลเมืองของรัฐสามารถเขา้ ไปนง่ั ในสภาได้ อีกกระแสหน่ึงต่อมาก็คือ ประชาธิปไตยสมยั ใหม่ (modern democracy) ซ่ึงภายใตก้ าร เติบโตของประชาธิปไตยสมยั ใหม่ก็มีชื่อเรียกดว้ ยกนั หลากหลายตามแต่พฒั นาการในแต่ละช่วงยคุ แต่ท้งั น้ี ยงั คงจัดอยู่ในกลุ่มของประชาธิปไตยสมยั ใหม่ ชื่อเรียกภายใต้กระแสประชาธิปไตยสมัยใหม่ เช่น ประชาธิปไตยตวั แทน ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม ประชาธิปไตยทางออ้ ม เป็นตน้ ความหมายต่าง ๆ ของประชาธิปไตยท่ีเกิดข้ึน อาจแบ่งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ความหมายแคบ กบั ความหมายกวา้ ง สาหรับความหมายแคบ ถือวา่ ประชาธิปไตยเป็ นเพียงรูปการปกครองแบบหน่ึงเท่าน้นั แต่มีลกั ษณะพิเศษ คือ ประชาชนในแต่ละประเทศมีสิทธิ อานาจ และโอกาสที่จะเขา้ ควบคุมกิจการทางการ เมืองของชาติ หรือประชาชนมีอานาจปกครองตนเอง1 ส่วนในความหมายกวา้ ง จรูญ สุภาพ ได้รวบรวม แนวคิดของนกั คิดคนสาคญั ไดแ้ ก่ Rodee, Anderson และ Christol ไดใ้ หค้ วามหมายของประชาธิปไตยวา่ คือ ปรัชญาของสังคมมนุษย์ หรือวถิ ีชีวิตที่ยึดถืออุดมคติและหลกั การบางประการท่ีกาหนดแบบแผนแห่ง พฤติกรรมระหวา่ งมนุษยใ์ นสงั คม ในกิจการทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วฒั นธรรม โดยมุ่งถึงวิถีชีวติ ของ มนุษยต์ ามแบบของประชาธิปไตย เช่น ในกิจการทาง-การเมืองก็ตอ้ งให้ประชาชนแต่ละคนมีส่วนในการ กาหนดนโยบายในการปกครองบา้ นเมือง 1 จรูญ สุภาพ, (2518), หลกั รัฐศาสตร์ภาคพิสดาร, หนา้ 321.
Maciver2 ยืนยนั ว่าประชาธิปไตยเป็ นท้งั รูปการปกครองและวิถีชีวิต ประชาธิปไตยท้งั สองดา้ น จะตอ้ งดาเนินไปดว้ ยกนั Lindsay3 (อา้ งถึงใน จรูญ สุภาพ, 2518, หนา้ 323) กล่าววา่ ประชาธิปไตยเป็ นรูปการปกครองอยา่ ง หน่ึง แต่ได้เน้นว่าเป็ นรูปแบบที่มีความพิเศษกว่าการปกครองแบบอื่นตรงที่เปิ ดโอกาสให้ประชาชน ดาเนินการร่วมกัน แต่พร้อมกนั น้ันบุคคลแต่ละคนก็ยงั มีเสรีภาพท่ีจะดารงชีวิตไปตามแนวทางท่ีตน ปรารถนา Laski4 นกั รัฐศาสตร์ชาวองั กฤษไดใ้ หค้ วามหมายประชาธิปไตยในมุมมองท่ีน่าสนใจวา่ เน้ือแทข้ อง ประชาธิปไตยก็คือ ความ-ปรารถนาของมนุษยท์ ่ีจะยอมรับนบั ถือและรักษาไวซ้ ่ึงความสาคญั ของตนเอง รวม ตลอดถึงความเสมอภาคระหวา่ งบุคคลในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อีกท้งั ประชาธิปไตยในทศั นะ ของ Laski ยงั แบง่ ไดเ้ ป็น 2 แนวทาง คือ มองประชาธิปไตยในฐานะเป็ นการปกครองรูปหน่ึง และในฐานะ ท่ีเป็ นวิธีการดารงชีวิตในสังคมแบบหน่ึง ซ่ึงในความเป็ นจริงความหมายท้งั สองน้ีก็ยงั คงปะปนหรือ เกี่ยวพนั กันอยู่มากจากแนวคิดของ Laski ดังกล่าวน้ีมีความสอดคล้องกับ Dewey5 ที่เห็นว่ามุมมอง ประชาธิปไตยแบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 ลกั ษณะเช่นเดียวกนั คือ แบบการปกครอง และแบบ-วถิ ีชีวติ หากแต่แบบ วิถีชีวิตมีความสาคญั กว่าแบบแรก เพราะแบบวิถีการดาเนินชีวิตน้นั จะส่งผลให้การปกครองสมบูรณ์ข้ึน และประสบความสาเร็จ ซ่ึงในการให้ความหมายประชาธิปไตยในแบบวิถีชีวิตของ Dewey ยงั สะทอ้ นให้ เห็นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมนุษย์ 3 ประการ ซ่ึงส่งผลต่อการปกครอง นนั่ ก็คือ (1) การเคารพซ่ึงกนั และกนั คือ การเคารพในสิทธิเสรีภาพในการกระทาและความคิดของผอู้ ื่น (2) การแบ่งปัน ร่วมมือ ประสานงาน รับ อาสาทางานตามความสามารถ มีความคิดเห็นหรือมติและยอมรับในมติส่วนรวม (3) มีความเช่ือมนั่ ต่อกนั ดว้ ยวถิ ีแห่งปัญญา และการทากิจกรรมดว้ ยความเตม็ ใจ จากท่ีกล่าวมาตามแนวคิดของ Laski และ Dewey ในการใหค้ วามหมายของประชาธิปไตยวา่ มิไดม้ ี ความหมายวา่ เป็นการปกครองเพยี งอยา่ งเดียวเทา่ น้นั หากแตก่ าร-ใหค้ วามหมายของความเป็นประชาธิปไตย ควรคานึงถึงแง่มุมของวิถีชีวิตด้วยเป็ นสาคญั ท้ังน้ี เพราะการตอบสนองซ่ึงวิถีชีวิตของประชาชนมี ความสาคญั มากกว่ารูปแบบการ-ปกครองท่ีเคร่งครัดตายตวั ท้งั น้ี นักคิดท้งั สองท่านมีมุมมองในการให้ ความหมายประชาธิปไตยในการนิยามตอ้ งให้ความสาคญั กบั วิถีชีวิตดว้ ย ดงั น้นั การที่จะส่งเสริมใหเ้ ป็ นการ 2 เพงิ่ อา้ ง, หนา้ 322. 3 เพง่ิ อา้ ง, หนา้ 323. 4 เพง่ิ อา้ ง, หนา้ 322. 5 Dewey. (2013). Democracy and Education.
ปกครองที่ดีน้นั จะตอ้ งตอบสนองวถิ ีชีวติ ไดด้ ว้ ย ซ่ึงจากความหมายของประชาธิปไตยท่ีไดก้ ล่าวไปวา่ เป็ นท้งั การปกครองและวถิ ีชีวติ จะสะทอ้ นใหเ้ ห็นไดจ้ ากแนวคิดประชาธิปไตย แนวความคดิ เกยี่ วกบั ประชาธิปไตย ประชาธิปไตย (democracy) มีจุดเร่ิมตน้ ที่เอเธนส์ในยุคกรีกโบราณ ซ่ึง democracy มีรากศพั ทม์ า จาก “demokratia” ในภาษากรีก ซ่ึงมีความหมายแปลวา่ การปกครองโดยประชาชน6 ซ่ึง“demokratia” เป็ น การนาคาในภาษากรีก 2 คามาผสมกนั คือ demos ซ่ึงแปลว่า ประชาชน และ cratein หรือ kratos แปลว่า การปกครอง ดงั น้นั ดว้ ยรากศพั ทด์ ้งั เดิมจึงแปลวา่ การปกครองโดยประชาชน7 การปกครองโดยประชาชนมีนยั ท่ีน่าสนใจในการตีความอย่างยิ่ง ซ่ึงในการกล่าวว่าปกครองโดย ประชาชนมิไดห้ มายความวา่ จะใหป้ ระชาชนทุกคนในรัฐเป็ นผปู้ กครองท้งั หมดในคราวเดียวกนั หากแต่นยั ของรากศพั ท์ที่วา่ การปกครองโดยประชาชนน้นั เป็ นการพยายามที่จะสื่อถึง การปกครองที่ใหค้ วามสาคญั กบั ขอ้ ตกลงในการท่ีจะอยู่ร่วมกนั ยอมรับกฎเกณฑ์ในการปกครองร่วมกนั ของคนในสังคม และขอ้ ตกลง ร่วมกนั น้นั ก็ตอ้ งเป็ นขอ้ คิดเห็นท่ีมาจากประชาชนส่วนรวม น่ันคือ การให้ประชาชนได้ร่วมแสดงความ คิดเห็น มีการเปิ ดพ้นื ท่ีใหป้ ระชาชนเสนอแนะส่ิงท่ีตนตอ้ งการที่ตอบสนองกบั วถิ ีชีวติ ในการพิจารณาถึงเส้นทางของประชาธิปไตยคงจะปฏิเสธไม่ไดท้ ี่จะตอ้ งมีการกล่าวถึงรูปแบบการ ปกครองของนครรัฐเอเธนส์ ในสมยั กรีกโบราณซ่ึงกล่าวได้ว่าเอเธนส์น้ันมีรูปแบบการปกครองแบบ ประชาธิปไตยท่ีเป็นแมแ่ บบของชาวกรีกสมยั โบราณ8 ซ่ึงประชาธิปไตยในนครรัฐเอเธนส์ มีลกั ษณะเด่นใน การใหส้ ิทธิกบั ประชาชนในการมีส่วนร่วมทางการปกครองโดยทางตรง ซ่ึงลกั ษณะเด่นของประชาธิปไตย แบบเอเธนส์น้นั ก็เป็นท่ีมาของการเรียกประชาธิปไตยแบบเอเธนส์วา่ ประชาธิปไตยทางตรง ซ่ึงก็เป็ นท่ีนิยม เรียกกนั ตอ่ มา แนวความคดิ เกยี่ วกบั ประชาธิปไตยโบราณ ประชาธิปไตยโบราณหรือประชาธิปไตยทางตรงในนครรัฐเอเธนส์เกิดข้ึนเมื่อประมาณปี 508-507 ก่อนคริสตกาล ซ่ึงนครรัฐเอเธนส์น้นั มีพ้ืนท่ีเพียง 2,500 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 40,000 6 Ernest Barker, 1980, pp.160-162 7 Andrew Heywood, 2000, p.129 8 วชิ ยั ตนั ศิริ, 2548, หนา้ 57
คนเท่าน้นั โดยมีรูปแบบการปกครองซ่ึงให้พลเมืองมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงผา่ นสภาประชาชน ใน การเขา้ ร่วมประชุมในสภาน้นั ก็เพ่ือพิจารณาตดั สินกิจการสาธารณะดว้ ยตนเอง9 กล่าวคือ สภาประชาชน ประกอบดว้ ยราษฎรชายอายยุ ส่ี ิบปี ข้ึนไปทุกคน ซ่ึงมีอยปู่ ระมาณ 20,000 – 30,000 คน ส่วนราษฎรหญิงและ เด็กอายุต่ากว่าย่ีสิบปี น้นั ไม่มีสิทธิทางการเมือง สภาประชาชนเป็ นเจา้ ของอานาจอธิปไตยของนครรัฐ ถือ เป็นสภานิติบญั ญตั ิ โดยทาหนา้ ท่ีออกกฎหมาย ควบคุมและอภิปรายเกี่ยวกบั การบริหารและการต่างประเทศ โดยปรกติสภาประชาชนจะประชุมกนั ปี ละประมาณ 10 – 40 คร้ังแลว้ แต่ความจาเป็ น ซ่ึงโดยทว่ั ไปมกั มี ผสู้ มคั รใจเขา้ ร่วมประชุมราว 6,000 – 7,000 คน เท่าน้นั 10 ท้งั น้ีกระบวนการคดั เลือกสมาชิกสภาประชาชนท่ี กล่าวมาจะกระทาดว้ ยวิธีการจบั ฉลาก เพ่ือความเสมอภาค และนอกจากการมีส่วนร่วมในสภาประชาชน แลว้ ยงั มี สภาห้าร้อย (Council of the five Hundred) ที่ให้พลเมืองไดม้ ีส่วนร่วมโดยตรงอีกดว้ ย กล่าวคือ สภาหา้ ร้อยจะทาหนา้ ท่ีเป็นคณะกรรมการจดั เตรียมระเบียบวาระการประชุม ควบคุมดูแลการปฏิบตั ิงานของ เจา้ หน้าที่บริหารงาน ดูแลการเงิน การคลงั การจดั เก็บภาษี ถือไดว้ า่ สภาห้าร้อยเป็ นองคก์ รที่ทาหนา้ ท่ีดา้ น การบริหารงานประจาในระหวา่ งสมยั ประชุมสภา11 กล่าวไดว้ า่ สภาห้าร้อยเป็ นเสมือนสถาบนั บริหารของ นครรัฐที่ประกอบดว้ ยสมาชิก 500 คน จากการจบั ฉลากของราษฎรชายอายุ 30 ปี ข้ึนไปทุกคนที่ยงั ไม่เคยทา หนา้ ท่ีน้ีถึงสองคราว (คราวละหน่ึงปี ) โดยการจบั ฉลากดงั กล่าวน้นั แบ่งไปตามเผา่ พนั ธุ์ของชาวกรีก12 ซ่ึงกระบวนการคดั เลือกสมาชิกสภาหา้ ร้อยของสังคมกรีกจะแบ่งพลเมืองออกเป็ น 10 เผา่ แต่ละเผา่ เลือกตวั แทน 50 คน โดยวธิ ีจบั ฉลาก รวมแลว้ ก็มี 500 คน โดยสภาหา้ ร้อยเป็ นองคก์ รที่ตอ้ งประชุมบ่อยคร้ัง ฉะน้นั วิธีการคือใชว้ ธิ ีการหมุนเวยี น โดยกาหนดให้กลุ่มผแู้ ทน 50 คนจากแต่ละเผา่ ไดท้ าหน้าที่กนั กลุ่มละ เดือนเศษๆของแต่ละปี 10 กลุ่ม 500 คน จึงครบหน่ึงปี พอดี ประธานในที่ประชุมก็คดั เลือกกนั โดยการจบั ฉลาก จากน้นั บทบาทที่สาคญั ต่อไปของพลเมือง คือเขา้ ไปมีส่วนร่วมในศาลลูกขุน (Court of Jury) ซ่ึงมี จานวนศาลดงั กล่าวมากมาย และมีลูกขนุ ท่ีไดร้ ับการเลือกโดยจบั ฉลากจากหมู่บา้ นท้งั หมดของนครรัฐ ซ่ึงมี 100 หมู่บา้ น และจานวนลูกขนุ แต่ละปี จะมีประมาณ 6,000 คน ที่เลือกกนั มาแต่ละปี ส่วนผใู้ ดจะเขา้ ไปเป็ น ลูกขนุ ของศาลใด กข็ ้ึนอยกู่ บั การจบั ฉลาก ศาลลูกขุนดงั กล่าว มีภาระหนา้ ที่กวา้ งขวาง ไม่เพียงแต่ตดั สินคดี ความเท่าน้นั แต่ยงั ทาหนา้ ที่ นิติบญั ญตั ิและการบริหารอีกดว้ ย เช่น การควบคุมตรวจสอบผบู้ ริหาร ศาล ลูกขุนตรวจสอบคุณสมบตั ิของผทู้ ่ีจะเขา้ ไปบริหาร เช่น ตรวจดูวา่ เขาผนู้ ้นั ปฏิบตั ิหนา้ ที่ทางศาสนาหรือไม่ 9 ไชยนั ต์ ไชยพร, 2547.,หนา้ 8 10 วิสุทธ์ิ โพธิแท่น, 2554, หนา้ 10 11 บูฆอรี ยหี มะ, 2554, หนา้ 103 12 วิสุทธ์ิ โพธิแท่น, เพงิ่ อา้ ง
มีหน้ีสินหรือไม่ ได้รับใช้ประเทศด้านการเป็ นทหารหรือไม่ รวมท้งั ตรวจสอบด้านการเงิน และการ ดาเนินงานของผูบ้ ริหาร เม่ือครบวาระแลว้ ตรวจดูบญั ชีเงินต่างๆ เป็ นตน้ ท้งั น้ีในส่วนของการบริหาร ตาแหน่งที่สาคญั ที่สุด คือ ตาแหน่งนายพลท้งั สิบและตาแหน่งผูด้ ูแลด้านงบประมาณการคลงั ซ่ึงไม่ใช้ วิธีการจับฉลากแต่ใช้การเลือกต้งั จากสภาประชาชน เพราะเป็ นตาแหน่งท่ีต้องการผูเ้ ช่ียวชาญและ ประสบการณ์เฉพาะ และสามารถไดร้ ับการเลือกต้งั ซ้าๆไดอ้ ีก หากเป็ นที่ยอมรับและไวว้ างใจของสภา ประชาชน นายพลท้งั สิบน้ีไม่ไดม้ ีอานาจหนา้ ท่ีเฉพาะการทหารเท่าน้นั แต่ยงั มีหนา้ ท่ีดา้ นการต่างประเทศ และมีอิทธิพลต่อสภาห้าร้อย และสมชั ชาพลเมือง ประธานของคณะนายพลท้งั สิบ อานาจหน้าที่ดงั กล่าวน้ี อาจกล่าวไดว้ า่ ทาหนา้ ท่ีคลา้ ยๆกบั นายกรัฐมนตรีในรูปแบบการปกครองประชาธิปไตยสมยั ใหม่13 ซ่ึงกระบวนการประชาธิปไตยในเอเธนส์ มีกระบวนการที่สาคญั ที่แสดงให้เห็นไดจ้ ดั เจนคือ การมี ส่วนร่วมทางตรงในการปกครองตนเอง นนั่ คือพลเมืองเอเธนส์ท่ีมีคุณสมบตั ิตามหลกั เกณฑ์จะมีสิทธิที่จะ เขา้ ไปน่ังในสภาเพื่อแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะเรื่องราวต่างๆท่ีมีเหตุผลของตนเพื่อประโยชน์ สาธารณะ ซ่ึงกระบวนการดงั กล่าวน้ีเป็ นกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของพลเมืองท้งั สิ้น ท้งั น้ีในการปกครองตนเองดงั กล่าวน้นั มีการดาเนินการเป็ นไป ในลกั ษณะของการหมุนเวยี นผลดั กนั ไปเป็ น องคป์ ระชุมของสภาประชาชนในแต่ละปี ซ่ึงเป็ นสิ่งที่สนองต่อหลกั การประชาธิปไตยในเรื่องความเสมอ ภาคเป็นอยา่ งมาก เพราะทุกคนมีโอกาสเขา้ ไปนง่ั ในสภาอนั ถือไดว้ า่ เป็ นกระบวนการปกครองที่สาคญั และ ภายใตห้ ลกั การปกครองท่ีเท่าเทียมกนั น้นั ยงั จะมีการผลดั เปลี่ยนกนั ในการเขา้ ไปทาหนา้ ท่ีในสภา ซ่ึงก็มี กระบวนการท่ีเสริมสร้างความเสมอภาคในโอกาส โดยการกระทากนั ภายใตว้ ิธีการจบั ฉลาก ย่งิ เป็ นสิ่งตอก ย้าให้เห็นถึงสิทธิและความเท่าเทียมกนั ในโอกาสของพลเมือง อีกท้งั ใครที่ถูกจบั สลากให้มีสิทธ์ิเขา้ ร่วม ประชุมสภาแลว้ ก็จะถูกตดั สิทธิในคราวต่อ ๆ ไปเพือ่ ใหเ้ กิดการหมุนเวยี น จากส่วนน้ีแสดงใหเ้ ห็นถึงความ เขม้ ขน้ ของหลกั การความเสมอภาคของความเป็ นพลเมือง โดยไม่จาเป็ นตอ้ งวางหลกั เกณฑ์เร่ืองคุณสมบตั ิ ใด ๆ ไม่วา่ จะเป็ นเรื่องการศึกษาและความอาวุโส หากแต่อาศยั หลกั เกณฑข์ องความเป็ นพลเมือง คือ หน่ึง ตอ้ งเป็นเพศชาย สอง มีบิดาเป็นคนเอเธนส์และ สาม มีอายตุ ้งั แตส่ ิบแปดปี ข้ึนไป14 ประชาธิปไตยโบราณหรือประชาธิปไตยทางตรงท่ีเกิดข้ึนในนครรัฐกรีก ซ่ึงมีลกั ษณะเด่นดงั ที่ กล่าวไป ซ่ึงดูเหมือนจะเป็นการสนองตอบต่อหลกั การประชาธิปไตยตามความหมายของรากศพั ทก์ ็คือ การ 13 วชิ ยั ตนั ศิริ, อา้ งแลว้ . 14 A.H.M. Jones อา้ งถึงใน ไชยนั ต์ ไชยพร, 2547, หนา้ 8.
ปกครองโดยประชาชน เพราะกระบวนการที่กล่าวไปเป็ นการท่ีพลเมืองไดเ้ ขา้ มามีส่วนร่วมทางการเมือง โดยตรง ไม่วา่ จะเป็ นการพิจารณากิจการสาธารณะ หรือ การพิจารณาผบู้ ริหาร การพิจารณากฎหมาย เป็ น ตน้ ซ่ึงกระทาไดโ้ ดยพลเมืองเอเธนส์เอง วิธีการที่ประชาธิปไตยทางตรง ในเอเธนส์เลือกใชเ้ พ่ือสร้างความ เทา่ เทียมในโอกาสน้นั เป็ นการใชว้ ธิ ีการจบั ฉลาก ซ่ึงก็ถือไดว้ า่ เป็ นกระบวนการท่ีสร้างความเท่าเทียมและ สร้างความเสมอภาคในโอกาสได้เป็ นอย่างดี ท้งั น้ีก็เป็ นการดีสาหรับการปกครองเพราะพลเมืองก็ได้ สะทอ้ นสิ่งท่ีตนอยากท่ีจะได้อยากที่จะเป็ น ซ่ึงลกั ษณะดงั กล่าวน้ี อาจเรียกได้ว่าเป็ นการปกครองตนเอง (Self government) คือทาเอง เลือกกนั เองเป็นการตกลงกนั ในสภาโดยไมผ่ า่ นตวั แทน ซ่ึงวธิ ีการการปกครอง แบบน้ีมีขอ้ ดีคือ โดยหลกั การพลเมืองท่ีเขา้ ประชุมมีสิทธิเสมอกนั ในการอภิปราย ไดเ้ สนอส่ิงท่ีตอ้ งการได้ โดยตรงตามเจตนาของตน โดยไม่ผิดเพ้ียนไปจากเจตนารมณ์เพราะสามารถเสนอไดโ้ ดยตรงไม่ตอ้ งผา่ น ตวั แทน ซ่ึงหากตอ้ งผ่านตวั แทนก็จะตอ้ งผ่านกระบวนการสื่อสารอีกทอดหน่ึง ซ่ึงอาจทาให้เจตนารมณ์ ด้งั เดิมของพลเมืองเปลี่ยนแปลงไปได้ หากแต่พิจารณาอีกแง่มุมหน่ึงแลว้ ประชาธิปไตยแบบโบราณหรือ ประชาธิปไตยทางตรงที่กล่าวมาน้ี มีจุดอ่อนในเร่ืองของการปฏิบตั ิอยู่พอสมควร กล่าวคือ หากมีจานวน ประชากรมากและพ้ืนท่ีมีขนาดกวา้ งใหญ่แลว้ ก็จะทาให้กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองมีปัญหามาก เพราะหากให้พลเมืองทุกคนไดม้ ีส่วนร่วมในทางการเมือง แมน้ ว่าจะใชว้ ิธีการจบั ฉลากเพื่อสร้างความเท่า เทียมแล้วก็ตาม จานวนของพลเมืองก็ยงั มีมากอยู่ดี และอีกประการหน่ึงที่สาคญั ที่สะท้อนถึงปัญหา ประชาธิปไตยแบบโบราณก็คือ การหนุนเวียนกันเขา้ มาสู่สภาในระยะเวลาอนั ส้ัน (หากประชากรยิ่งมี จานวนมากระยะเวลาในการอยูใ่ นสภาก็ย่ิงส้ัน) ก็มกั ไม่ไดท้ าประโยชน์อะไรกบั รัฐเท่าที่ควร ประกอบกบั หลกั เกณฑเ์ ร่ืองความรู้ก็เป็นส่วนสาคญั ในการปกครองอีกส่วนหน่ึงดว้ ย หากหมุนเวียนคนท่ีไม่มีความรู้เขา้ มาก็จะไม่เกิดประโยชน์กบั รัฐ ประชาธิปไตยทางตรงแบบโบราณ มีลกั ษณะเป็ นการปกครองตนเองโดยพิจารณาในแง่มุมของ ความเสมอภาคเท่าเทียมเป็ นสาคญั และตอ้ งกล่าวไดว้ า่ ประชาธิปไตยแบบน้ีมีความเสมอภาคเท่าเทียมใน โอกาส มีเสรีภาพในการนาเสนอ ตามความหมายของประชาธิปไตยที่กล่าวไวใ้ นเบ้ืองตน้ ที่ว่าเป็ นการ ปกครองโดยประชาชน และสะทอ้ นถึงความสัมพนั ธ์ทางสังคม สิทธิเสรีภาพและวิถีชีวิต แต่หากพิจารณา ในทางปฏิบตั ิ ประชาธิปไตยทางตรงแบบเอเธนส์ถือไดว้ า่ ปฏิบตั ิไดย้ ากกบั รัฐชาติสมยั ใหม่
ประชาธิปไตยสมัยใหม่หรือประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน จุดกาเนิดประชาธิปไตยสมยั ใหม่ ในช่วงกลางศตวรรษท่ี 16 ไดเ้ กิดปรากฏการณ์ที่สาคญั ของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง (political movement) กลุ่มหน่ึงในองั กฤษ ซ่ึงกล่าวไดว้ ่าเป็ นขบวนการทางการเมืองสมยั ใหม่กลุ่มแรกท่ีมีแนวคิด ออกไปในทางประชาธิปไตย โดยเฉพาะการมีรัฐบาลแบบตวั แทน ซ่ึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองน้ีรู้จกั กนั ในนาม “นักต่อสู้เพ่ือความเท่าเทียม”15 โดยนัยของความเท่าเทียมกนั ของขบวนการน้นั มุ่งเน้นไปที่การ ยกเลิกความ-แตกตา่ งทางฐานะชนช้นั ระหวา่ งขนุ นางและสามญั ชนเป็นสาคญั และท้งั น้ีเป็นกลุ่มเคลื่อนไหว ทางการเมืองกลุ่มแรกท่ีเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญ โดยกาหนดเน้ือหาสาคญั ในการปกป้ องพิทกั ษ์สิทธ์ิ พลเมืองจากการคุกคามของอานาจรัฐอย่างเป็ นลายลกั ษณ์-อกั ษร ซ่ึงจากจุดน้ีกล่าวไดว้ ่าพวกเขาเป็ นกลุ่ม แรกที่มีแนวคิดไปในทางสมยั ใหม่และยงั แสดงออกถึงเรื่องสิทธิในแบบสมยั ใหม่อีกดว้ ย เช่น การพิทกั ษ์ ปกป้ องสิทธ์ิมิใหม้ ีการทรมานเพือ่ เคน้ คาสารภาพ ซ่ึงแตเ่ ดิมในยโุ รปสมยั น้นั ถือไดว้ า่ เป็ นวธิ ีการท่ีทากนั เป็ น ปกติในกระบวนการยตุ ิธรรม และการมีเสรีภาพในความเชื่อ การโตแ้ ยง้ และการ-เรียกร้องใหม้ ีสิทธิในการมี ตวั แทนทางกฎหมายหรือทนายในคดีความ หรือสิทธิในความเสมอภาคทางกฎหมาย ซ่ึงในสมยั น้นั สิทธิที่ สาคญั มากอีกประการหน่ึง คือ สิทธิเสรีภาพในส่ิงพิมพ์ เพราะช่วงแรกของประชาธิปไตยสมยั ใหม่ สื่อ ส่ิงพิมพถ์ ือเป็นกลไกสาคญั ที่ขาดไมไ่ ดใ้ นประชาธิปไตยสมยั ใหม่แบบตวั แทน ซ่ึงเหตุผลดงั กล่าวเหล่าน้ีทา ให้ “นักต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม” ได้ชื่อว่าเป็ นบิดาแห่งทฤษฎีประชาธิปไตยสมยั ใหม่ขบวนการทาง การเมือง ท่ีเรียกวา่ ขบวนการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียม มีเป้ าหมายการ-เคล่ือนไหวต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกนั แต่หากพจิ ารณาถึงนยั ที่สาคญั อนั หน่ึงที่ตอ้ งกล่าวกนั ก็คือ ในการเคล่ือนไหวทางการเมืองของขบวนการน้นั แมจ้ ะมีหลกั การที่จะเรียกร้องความเท่าเทียมให้กบั สังคม ถา้ หากพิจารณาโดยผิวเผินแลว้ มีลกั ษณะเสมือน ระบอบ-ประชาธิปไตยในปัจจุบนั หากแต่ในความเป็ นจริงเจตนาของขบวนการการต่อสู้เพ่ือความเท่าเทียม ในสมยั น้นั ไม่ไดม้ ีความหมายไปในทิศทางท่ีจะเรียกร้องให้มีระบอบ-ประชาธิปไตย ท้งั น้ีเพราะในสมยั น้นั ดว้ ยคาและความหมายของประชาธิปไตย (democracy) ในความเขา้ ใจของขบวนการต่อสู้เพ่ือความเท่าเทียม น้ัน ประชาธิปไตย หมายถึง รูปแบบการปกครองท่ีเลวท่ีสุด ซ่ึงอาจเป็ นเพราะผลพวงจากมุมมองของ Aristotle ที่มีต่อประชาธิปไตย ท่ีกล่าวถึงรูปแบบการปกครองแบบประชาธิปไตยวา่ มีท้งั ดีและเลว ซ่ึงจาก มุมมอง Aristotle มีอิทธิพลต่อความคิดของคนในยุคกลางและช่วงตน้ สมยั ใหม่ โดยแนวคิดดงั กล่าวไดถ้ ูก ตีความ ผา่ นทาง Thomas Aquinas นกั คิดทาง-การเมืองยุคกลางท่ีกล่าววา่ ประชาธิปไตย คือ รูปแบบของ อานาจมหาชนท่ีคนช้นั ล่างธรรมดา กดขี่คนรวยดว้ ยกาลงั ของคนส่วนใหญ่ ซ่ึงผลที่ตามมาก็คือ มหาชนท้งั มวลไดเ้ ป็ นทรราชยแ์ บบหน่ึง16 15 Wooton อา้ งถึงใน ไชยนั ต์ ไชยพร, 2547, หนา้ 12 16 Skinner อา้ งถึงใน ไชยนั ต์ ไชยพร, 2547, หนา้ 11
ซ่ึงจากที่ Thomas Aquinas กล่าวน้นั เป็ นสิ่งที่ส่ือถึงไดว้ า่ ประชาธิปไตยเป็ นทรราชยข์ องฝงู ชนที่ไร้ ระเบียบ จากที่ Thomas Aquinas กล่าว แสดงให้เห็นไดว้ า่ แนวคิดประชาธิปไตยในช่วงกลางศตวรรษที่ 12 ยงั คงมีมุมมองยดึ โยงกบั ประชาธิปไตยแบบโบราณ โดยขอ้ กงั วลในมุมมองการปกครองแบบประชาธิปไตย โบราณ นน่ั กค็ ือประเด็นการใหส้ ิทธิกบั คนจานวนมากจะกลายเป็นทรราชยข์ องฝงู ชน หากจะกล่าวไปแลว้ ก็ เป็ นขอ้ สังเกตที่น่าสนใจ เพราะหากว่าการปกครองที่ให้ความสาคญั กบั สิทธิของคนหมู่มากเพียงประเด็น เดียวน้นั สังคมก็คงจะมีความยงุ่ ยากในการปกครองอยพู่ อสมควร กล่าวคือ หากเม่ือมีการลงมติในการท่ีจะ ทากิจการสาธารณะใด ๆ น้นั ฝ่ ายท่ีเป็นเสียงขา้ งมากยอ่ มชนะและนาพาประโยชน์สู่กลุ่มตนเสมอไป ดงั น้นั หากมุ่งเพียงแต่ผลของเสียงขา้ งมากเพียงอย่างเดียวก็จะทาให้สังคมน้ันเป็ นทรราชย์ เสียงข้างมาก ดงั ท่ี Aquinas ไดก้ ล่าวไว้ เร่ืองท่ีน่า ขบคิดในประเด็นน้ีก็คือ หากเกิดผลของมติจากเสียงขา้ งมากของคนหมู่มาก ในสังคมเป็ นสิ่งท่ีผิดกฎหมายแลว้ เมื่อไดร้ ับการรับรองจากมหาชนจานวนมากในสังคมน้นั จะมีขอ้ ปฏิบตั ิ กนั อย่างไร โดยเฉพาะอย่างย่ิงแลว้ สังคมใดท่ีมีคนจนเป็ นจานวนมากในสังคมก็ยิ่งมีความเส่ียงที่จะเป็ น ทรราชยเ์ สียงขา้ งมากสูงข้ึน ท้งั น้ีเพราะคนจนมกั มีความทะเยอทะยานอยากที่จะผลกั ตนเองให้พน้ จากชน ช้นั แห่งความจน ดงั น้นั เมื่อมาอยรู่ วมกนั เพ่ือกิจกรรมของตนแลว้ อาจกลายเป็ นฝงู ชนท่ีไร้ระเบียบยากต่อ การควบคุม อีกท้งั เมื่อได้เป็ นผูป้ กครองแล้วผลของความทะเยอทะยานอยากก็จะทาให้มีการแสวงหา ผลประโยชนใ์ ส่ตนและพวกพอ้ งเป็ นสาคญั อีกดว้ ย ซ่ึงจากประเด็นท่ีกล่าวไปเป็ นส่ิงที่หวนั่ เกรงและเป็ นขอ้ กงั วลของการจากดั ความประชาธิปไตย ดงั น้นั ในสมยั กลางศตวรรษที่ 16 จึงยงั ไม่มีการปรากฏระบอบ ประชาธิปไตยมาใชใ้ นการปกครอง ประชาธิปไตยในปัจจุบัน ในการอธิบายประชาธิปไตยสมยั ใหม่มกั เป็ นท่ีนิยม นารากศพั ทด์ ้งั เดิมของประชาธิปไตยที่เกิดข้ึน ในสมยั กรีกที่วา่ เป็ นการปกครองโดยประชาชน มาอธิบายและ มกั มีการถูกเชื่อมโยงกบั สุนทรพจน์เกทที เบอร์ก (Gettysburg) ของ อบั บราฮมั ลินคอลน์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ในการกล่าวสดุดีทหาร ท่ีเมืองเกตตีสเบอร์ก (Gttysburg) เม่ือ ค.ศ. 1863 ท่ีเมืองเกททีเบอร์ก โดยลินคอล์นได้ยกย่องรัฐธรรมนูญ อเมริกนั ในฐานะที่เป็ น “การปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” จากการอธิบาย ประชาธิปไตยดงั กล่าว ไดเ้ กิดขอ้ ถกเถียงท่ีเป็ นประเด็นน่าสนใจอยา่ งยิ่งวา่ สุนทรพจน์ที่ลินคอล์นกล่าวเป็ น การอธิบายประชาธิปไตยสมยั ใหม่หรือไม่ ซ่ึงจากจุดน้ีมีประเด็นท่ีน่าสงั เกต กล่าวคือในสุนทรพจน์ดงั กล่าว ลินคอล์น มิได้เอ่ยถึงประชาธิปไตยเลยแมแ้ ต่คร้ังเดียวและข้อความ “การปกครองของประชาชน โดย ประชาชน เพื่อประชาชน” น้ีน่าจะเป็ นโวหารท่ีลินคอล์นถอดความจากความเห็นของประธานศาลที่ชื่อ
จอห์น มาแชล (John Marshall) ที่มีตอ่ คดีระหวา่ ง M’ Culloch กบั รัฐ Maryland ในปี ค.ศ. 181917 ถึงกระน้นั ก็ตามในอีกศตวรรษต่อมา สุนทรพจน์ท่ีลินคอล์นกล่าว เป็ นที่รู้จกั กนั อย่างแพร่หลายมากที่สุด และได้ กลายเป็ นนิยามที่สาคญั ของคาวา่ ประชาธิปไตยที่ทาให้คนทว่ั ไปเชื่อว่านิยามของประชาธิปไตย คือ การ ปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ประชาธิปไตยแบบนครรัฐเอเธนส์อยไู่ ดร้ ะยะเวลาหน่ึงในประวตั ิศาสตร์การเมือง หลงั จากหมดยคุ เอเธนส์รุ่งเรืองก็เขา้ สู่ยุคจกั รวรรดิโรมนั รูปแบบการปกครองเน้นหนกั ไปใน ทางการใชอ้ านาจ ในมธั ยม สมยั เป็ นช่วงเวลาแห่งระบบศกั ดินา(feudalism) แนวคิดประชาธิปไตยไม่เคยดบั สิ้นไป ในประวตั ิศาสตร์ องั กฤษมีเรื่องราวเกี่ยวกบั แมกนา คาร์ตา้ (Magna Carta) ซ่ึงแปลตามตวั อกั ษรวา่ “อคั รสาร” หรือ “มหา เอกสาร” ซ่ึง พระเจา้ จอห์นที่ 1 ถูกขุนนางองั กฤษบงั คบั ให้ทรงลงพระนาม ท้งั น้ี เพราะขนุ นางเหล่าน้นั ไม่ พอใจท่ีเก็บภาษีสูงเพอื่ การสงครามและขนุ นางไม่ไดร้ ับโอกาสในการบริหารบา้ นเมือง แมกนา คาร์ตา้ มีผล คร้ังแรกในปี ค.ศ.1215 (พ.ศ.1758) คือประมาณ 800 ปี มาแลว้ มี 63 มาตรา สาระสาคญั คือ 1) กษตั ริย์ องั กฤษจะไมล่ ะเมิดสิทธิของบรรดาขนุ นาง ภายใตร้ ะบบศกั ดินา 2) มุ่งคุม้ ครองความเช่ือและการปฏิบตั ิทาง ศาสนา 3) ใหส้ ิทธิในการปกครองแบบเทศบาล อีกประมาณ 500 ปี ตอ่ มา คือ ในปี ค.ศ.1689 รัฐสภาองั กฤษเห็นชอบการประกาศใช้ พระราชบญั ญตั ิ หรือบทบญั ญตั ิแห่งสิทธิ(Bill of Rights) บทบญั ญตั ิแห่งสิทธิน้ี 1) ไม่ให้ กษตั ริยม์ ีอานาจในการยกเลิก กฎหมาย 2) ใหม้ ีการเลือกต้งั โดยเสรี 3) กาหนดสิทธิของราษฎร18 อน่ึง มีบทบญั ญตั ิแห่งสิทธิในสหรัฐอเมริกาดว้ ย แต่มีข้ึนภายหลงั ขององั กฤษ 102 ปี คือ มีข้ึนในปี ค.ศ.1791 ใชศ้ พั ทอ์ ยา่ งเดียวกนั ประชาธิปไตยแบบโดยออ้ มเร่ิมมีใชใ้ น ประเทศองั กฤษประมาณ 300 ปี มาแลว้ และมีการใชใ้ นสหรัฐอเมริกาประมาณ 200 ปี มาแลว้ ประชาธิปไตยแบบออ้ มหรือแบบมีผแู้ ทนแตกต่างจากคานิยามของอบั ราฮมั ลินคอลน์ ไปบา้ งใน ส่วนท่ีเป็นองคป์ ระกอบประการท่ีสองของคานิยามประชาธิปไตยแบบโดย ออ้ ม กล่าวคือ แทนท่ีจะเป็ นการ ปกครองของประชาชนโดยประชาชนและเพ่ือประชาชน ครบถว้ น แต่มีสภาพดงั น้ี 1) เป็ นรัฐบาลของ ประชาชน 2) เป็นรัฐบาลโดยผแู้ ทนของประชาชน 3) เป็นรัฐบาลเพอ่ื ประชาชน 17 Hansen, อา้ งถึงใน ไชยนั ต์ ไชยพร, 2547, หนา้ 23. 18 The Concord Desk Encyclopedia, อา้ งถึงในจิรโชค วรี ะสย, สุรพล ราชภณั ฑารักษ,์ สุรพนั ธ์ ทพั สุวรรณ, 2551,หนา้ 277-278.
รูปแบบรัฐบาลประชาธิปไตยหรือแบบมีผแู้ ทน เป็นดงั น้ี นโยบาย (ผบู้ ริหาร) ................ เส้นจุดไข่ปลา หมายความว่า ประชาชนยงั อาจติดต่อกับผูบ้ ริหารระดับสูง โดยตรง ผแู้ ทน ผแู้ ทน เสน้ ทึบ หมายถึง การมอบอานาจผา่ นผแู้ ทน ประชาชน ลกั ษณะของประชาธิปไตยแบบตวั แทนในทางปฏบิ ตั ิ นกั วิชาการแนวเศรษฐศาสตร์ ชื่อ แอนโทนี่ ดาวส์19 (Anthony Downs, An Economic Theory of Democracy. New York: Harper and Row, 1957, pp.23-24.) ระบุ 8 ลกั ษณะของประชาธิปไตยในทางปฏิบตั ิ โดย จิรโชค วรี ะสย ไดท้ าการเรียบเรียงใหม่เพอ่ื ความเขา้ ใจ ดงั ต่อไปน้ี 1) มีพรรคการเมืองเขา้ บริหาร พึงมีพรรคการเมืองอยา่ งนอ้ ย 1 พรรค หรือ มากกวา่ 1 พรรค เขา้ บริหารงานเป็นรัฐบาล โดยผา่ นกระบวนการ “เลือกต้งั ” โดยเสียงมหาชน 2) มีการเลือกต้งั ตามระยะเวลา มีการเลือกต้งั ตามวาระ เช่น กาหนดไวภ้ ายใน 2 ปี 4 ปี หรือ 5 ปี เป็นตน้ 3) ปวงประชามีสิทธิหยอ่ นบตั รลง พลเมืองมีสิทธิในการออกเสียง ไดแ้ ก่ ใหส้ ิทธิ ในการ เลือกต้งั ผทู้ ่ีบรรลุนิติภาวะซ่ึงเป็ นผทู้ ี่อยอู่ าศยั อยา่ งถาวรของประเทศ และเป็ นผทู้ ี่มี สติสัมปชญั ญะสมบูรณ์ เป็นผทู้ ี่ปฏิบตั ิตนอยใู่ นกรอบแห่งกฎหมาย 19 Anthony Downs, An Economic Theory of Democracy,อา้ งถงึ ในจิรโชค วรี ะสย, สุรพล ราชภณั ฑารักษ,์ สุรพนั ธ์ ทพั สุวรรณ, 2551,หนา้ 278-279.
4) แสดงความจานงได้ 1 บตั ร ผูม้ ีสิทธิออกเสียงเลือกต้งั สามารถใชส้ ิทธิออกเสียง ได้ 1 เสียงเท่าน้นั (one man one vote) ในการเลือกต้งั คร้ังหน่ึง ๆ ขอ้ กาหนดน้ีไม่ตอ้ งการใหม้ ีการใชส้ ิทธิหลาย คร้ังในการเลือกต้งั หนเดียวกนั คือ ไม่ ใหม้ ี “การเวยี นเทียน” คือ วนเวยี นลงคะแนนเกินกวา่ 1 คร้ัง 5) รัฐบาลโดยเสียงสนบั สนุนจากผแู้ ทน รัฐบาลจดั ต้งั ข้ึนโดยพรรคการเมืองพรรค ใดพรรค หน่ึงหรือหลายพรรคร่วมกนั ซ่ึงไดร้ ับการสนบั สนุนจากเสียงในรัฐสภาเป็ นส่วนใหญ่ย่อมมีสิทธิในการ จดั ต้งั รัฐบาลจนกระทงั่ ถึงการเลือกต้งั คร้ังต่อไปตราบเท่าท่ีรักษาเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ไวไ้ ด้คงเป็ น รัฐบาลตอ่ ไป 6) ไม่แคน้ แมก้ ารแพค้ ะแนนเสียง พรรคที่เป็ นฝ่ ายปราชยั มี “สปิ ริต” ที่ไม่ พยายามกีดกนั พรรคการเมือง(หน่ึงหรือมากกวา่ หน่ึงพรรคที่เขา้ ร่วมกนั )ซ่ึงไดร้ ับชยั ชนะในการ เลือกต้งั ท่ีไดจ้ ดั ต้งั รัฐบาล ตอ้ งไม่ใชว้ ธิ ีการท่ีผดิ กฎหมายหรือโดยการใชก้ าลงั อาวธุ อนั ละเมิด กติกาประชาธิปไตย 7) ไม่บ่ายเบี่ยงจากดั สิทธิทางการเมือง รัฐบาลจะตอ้ งไม่พยายามจากดั กิจกรรม ทางการ เมืองของพลเมืองยกเวน้ ในกรณีท่ีมีความวนุ่ วายเกิดข้ึน 8) ส่งเสริมเร่ืองการแข่งขนั จะตอ้ งมีพรรคการเมืองอยา่ งนอ้ ยสองพรรคเขา้ แข่งขนั กนั เพ่ือ การไดม้ าซ่ึงอานาจในการจดั ต้งั เป็นรัฐบาลในการเลือกต้งั ทุกคร้ัง
เอกสารอ้างองิ จรูญ สุภาพ. (2518). หลกั รัฐศาสตร์ ภาคพิสดาร แนวทฤษฎีและประยกุ ต์. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพไ์ ทยวฒั นา พานิช. จิรโชค วรี ะสย, สุรพล ราชภณั ฑารักษ,์ สุรพนั ธ์ ทพั สุวรรณ. (2551). รัฐศาสตร์ท่ัวไป. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพม์ หาวทิ ยาลยั รามคาแหง. ไชยนั ต์ ไชยพร. (2547). แนวคิดประชาธิปไตย: ประชาธิปไตยจากโบราณสู่สมยั ใหม่. ใน เอกสารการสอน ชุดวิชาแนวคิดทางการเมืองและสังคม (หน่วยที่ 8). นนทบุรี: สานกั พิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช. บฆู อรี ยหี มะ. (2554). ความรู้เบือ้ งต้นทางรัฐศาสตร์. สงขลา: มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั - สงขลา, คณะ มนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์, สาขาวชิ ารัฐประศาสนศาสตร์. วชิ ยั ตนั ศิริ. (2548). วิวัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพแ์ ห่ง- จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . วสิ ุทธ์ิ โพธิแทน่ . (2554). แนวคิดพืน้ ฐานของประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ: สถาบนั -พระปกเกลา้ . Berker, E. (1980). The politics of Aristotle. London: Oxford University Press. Dewey, J. (2013). Democracy and education. Retrieved September 11, 2014, from http://www.Democracy%20and%20education,20% byJohnDewey Heywood, A. (2002). Key concepts in politics. London: Macmillan Press.
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: