บทสะทอ้ นทางความคิดในการแกไ้ ขความขัดแย้งโดยสนั ตวิ ิธีตามระบอบประชาธปิ ไตยของกลุ่มผนู้ า Poster เยาวชนในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้ 645 REFLECTION ON THE THOUGHT OF PEACEFUL CONFLICT RESOLUTION BY YOUTH LEADERS IN SOUTHERNMOST BORDER คมวทิ ย์ สุขเสนยี ์1* สไุ ลมาน หะโมะ1 ชัยวัฒน์ โยธี2 อารยา ชินวรโกมล3 และอารีฟ มะเกะ3 Khomvit Suksenee1*, Sulaiman Hamoh1, Chaiwat Yotee2, Araya Chinnawongkumon3 and Arif Maket3 บทคัดย่อ บทความนม้ี ีวัตถปุ ระสงค์เพื่อสะท้อนความคิดของกลมุ่ เยาวชนใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ ในมิตขิ องปญั หาความ รนุ แรงและแนวทางการแก้ไขปญั หาความขัดแย้งโดยสันติวิธี ซ่งึ สาระสาคญั ดังกลา่ วเปน็ ขอ้ มลู จากกิจกรรมปฏบิ ัติการของกลุ่ม ผูน้ าเยาวชนโดยใชฐ้ านคิดทางการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยข้ันพ้ืนฐานในการขบั เคลอ่ื นกิจกรรมการเรยี นรู้เพ่ือสะท้อน และแกไ้ ขปัญหา โดยกลมุ่ เยาวชนได้แสดงความคิดเหน็ ไปในทศิ ทางเดียวกันว่าสภาพปัญหาที่นาไปสู่ความขัดแย้งท่ีเกิดขึ้นใน ชมุ ชนแบง่ ออกได้เปน็ 2 ด้านหลักคอื ดา้ นสงั คมและดา้ นเศรษฐกจิ โดยด้านสังคมได้แก่ ปัญหายาเสพติด ปญั หาอคติสงั คมพหุ วฒั นธรรม ปัญหาสอื่ ปญั หาทศั นคตเิ รอื่ งการศกึ ษา เปน็ ต้น และในด้านเศรษฐกจิ ไดแ้ ก่ ปัญหาราคายางตกตา่ ประชาชนไมม่ ี อาชีพ เป็นตน้ สว่ นแนวทางในการแกไ้ ขปญั หาโดยสันติวธิ ีนน้ั ควรยดึ หลักการประชาธิปไตยใน 2 ด้านสาคัญ คอื หลกั เหตผุ ล และ หลักการมีสว่ นร่วม โดยกลมุ่ เยาวชนได้เสนอแนะเพิม่ เตมิ ให้กาหนดเป็นยทุ ธศาสตร์สาคัญดังนี้ 1. ยุทธศาสตรด์ า้ นการ ระงบั ความรนุ แรง 2. ยทุ ธศาสตร์การป้องกนั ยาเสพติด 3. ยุทธศาสตรด์ า้ นการปอ้ งกนั 4. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการส่งเสรมิ สุขภาพ และ 5. ยุทธศาสตร์ด้านการศกึ ษา คาสาคัญ : ปัญหาความรุนแรง, ความขดั แย้ง, สันติวิธี, ระบอบประชาธปิ ไตย, ชายแดนภาคใต้ Abstract This article aims to study refection on the thought of youth leader group in the southernmost border in terms of conflict problem and a way conflict resolution by peaceful mean which were all significant based on action activities of youth leaders through democratic government based and learning derived activity learning to reflect the problem. With youth leader group have shown the idea problem to conflicts happened in community in the same way as following 2 points. First point was be society involved drugs problem social attitude problem culture media problem and educational attitude problem. Second 1 อาจารย์หลกั สตู รรฐั ศาสตรบัณฑิต คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา 2 ดร., อาจารยห์ ลักสูตรรัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ยะลา 3 อาจารยห์ ลักสูตรรัฐศาสตรบณั ฑิต คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ยะลา * Corresponding author, E-mail: [email protected]
point was be economy involved rubber decreasing problem and unemployment. As for the way of resolution conflict by peaceful mean based on principle of democracy two main points as following reasonable principle and participation principle. With youth leader group suggested the main strategies this following as Conflict strategic, Defend against drug strategy, Health supporting strategy, and Educational strategy Keywords : Peaceful means, youth leader group , conflict problems, democracy system and resolution Poster 646
1. บทนา Poster ท่ามกลางสถานการณค์ วามไมส่ งบในพืน้ ที่จงั หวัดชายแดนภาคใต้อันประกอบไปดว้ ยจงั หวัดปัตตานี ยะลา นราธวิ าส 647 และบางสว่ นของจงั หวัดสงขลา ท่ีปะทขุ ึ้นในปี พ.ศ. 2547 นับวนั ยิง่ เพมิ่ ความรนุ แรง และขยายพน้ื ทมี่ ากขนึ้ ไดส้ ะทอ้ นรากเหงา้ ของปญั หาท่ีส่ังสมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึง่ ลกั ษณะของปัญหาดังกล่าวมีความซับซอ้ นและมีความเชือ่ มโยงกบั ปัญหาอ่ืน ๆ ในหลายมิติ โดยประชาชนจานวนมากได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม อันนามาซึ่งผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สนิ ของประชาชนทกุ กล่มุ ในพนื้ ที่ รวมท้งั มผี ลกระทบและความสญู เสยี ท่ีเกดิ ข้ึนในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งนบั เปน็ กลมุ่ เปา้ หมายที่ มคี วามอ่อนแอทส่ี ุด ขณะทป่ี ัจจุบนั ท้งั หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนยังไมส่ ามารถแกป้ ัญหาได้ การท่ที ้ังฝ่ายรฐั และฝ่ายท่ี เห็นต่างจากรฐั รวมทั้งรัฐบาลมาเลเซีย ได้รเิ รม่ิ กระบวนการสันตวิ ิธสี ูส่ นั ติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการหันมาพดู คุย หรอื เจรจา ถือวา่ เป็นการตัดสนิ ใจที่ถูกตอ้ ง กลา้ หาญและน่าชมเชย สร้างความหวังแก่ประชาชนในพ้ืนท่ี เพราะการแกป้ ญั หา โดยสันติวิธีเป็นหนทางเดียวที่สามารถนาไปสู่สันติภาพทแ่ี ท้จริง อิสมาอีลลตุ ฟีย์ จะปะกียา มีความเห็นว่า ภาคส่วนต่าง ๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ภาครฐั ภาคการเมอื ง ภาคประชาสังคม ภาคธุรกจิ ภาคประชาชนทกุ ศาสนาและชาติพันธท์ ั่วประเทศ โดยเฉพาะ อย่างย่งิ พี่น้องมุสลมิ จาเป็นต้องรบี ตอบรับหรือขานรับ ร่วมมอื และสนับสนนุ ทนั ที เมอ่ื การพูดคุย หรือ การเจรจาเพอื่ สนั ตภิ าพ ถูกเรียกร้องหรือริเริ่ม แม้นการริเร่ิมหรือการเรียกร้องจะมาจากฝ่ายท่ีเหน็ ต่างจากเราก็ตาม (อิสมาอีลลุตฟีย์ จะปะกียา, (2560: 2) กลา่ วได้วา่ การใช้สันตวิ ิธมี ีเหตุผลสาคญั ตรงที่ว่า เปน็ วธิ กี ารทีน่ า่ จะมกี ารสูญเสยี น้อยทสี่ ุด ทง้ั ระยะส้นั ระยะยาวท่ัง รปู ธรรมและนามธรรม ผดิ กับการใชค้ วามรนุ แรง ซ่ึงทกุ ฝ่ายอ้างวา่ เปน็ วธิ ีการสดุ ท้าย ซ่งึ บางกรณสี ามารถบรรลผุ ลในระยะส้ัน เป็นรูปธรรมชัดเจน แต่หากความขัดแย้งดารงอยู่เพียงแต่ถูกกดไว้ โอกาสท่ีจะเกิดความรุนแรงในระยะยาวย่อมมีอยู่ ส่วนในทางนามธรรม เช่น ความเขา้ ใจอนั ดี ความสามัคคปี รองดองนน้ั ย่อมเกิดขนึ้ ไดย้ ากด้วยวิถคี วามรุนแรง ทง้ั น้ีสนั ติภาพใน กลมุ่ เยาวชนกม็ คี วามสาคัญ มกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรู้เรือ่ งสนั ติภาพร่วมกัน ในกลมุ่ ท่เี ปน็ นักศกึ ษา หรอื กลมุ่ เยาวชนทไ่ี มไ่ ด้อยู่ ในระบบการศึกษาทีเ่ ป็นทางการ ทัง้ นก้ี ารอยรู่ ว่ มกันเป็นพหุสังคมของคนในพนื้ ที่ประกอบไปดว้ ยความแตกต่างหลากหลายทั้ง เพศ วฒั นธรรม ศาสนา และช่วงวัย ซ่ึงทุกส่วนล้วนแล้วแต่มคี วามสาคัญและโหยหาความสงบสุขด้วยกันทง้ั สิ้น เยาวชนก็เป็นอกี กล่มุ หนึ่งทม่ี ีความ พยายามเคล่อื นไหวทางความคิดเกย่ี วกบั เรื่องความไม่สงบและการใชค้ วามรนุ แรงในสถานการณ์ดงั กล่าว หากแตพ่ ลังเสยี งของ เดก็ และเยาวชนอาจจะไมม่ ีพลังพอทจี่ ะทาให้เกิดการเปลยี่ นแปลง แต่เสยี งของเดก็ และเยาวชนก็เป็นมิตหิ นง่ึ ท่ีมคี วามสาคัญท่ี สงั คมมิอาจจะละเลยไปได้ ดังนนั้ บทความนจ้ี ึงต้องการสะท้อนแนวคิดของกล่มุ เยาวชนใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ ท่ีต้องการ เปลง่ เสียงให้สงั คมไดร้ ับทราบถึงปัญหาและแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยกลมุ่ เยาวชนสะท้อนถึงกระบวนการแกไ้ ขปัญหา แบบสนั ตวิ ิธีตามระบอบประชาธิปไตย 2. มิติความรนุ แรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณค์ วามไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย หรือ ไฟใต้ เปน็ ความขดั แยง้ ที่กาลงั ดาเนินอยใู่ นภาคใต้ ของประเทศไทย เร่ิมจากการปล้นอาวุธปืนคร้ังใหญ่จากกองพันพัฒนาท่ี 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ค่ายปิเหลง็ อาเภอเจาะไอร้อง จังหวดั นราธวิ าส เมอ่ื 4 ม.ค. 2547 เปน็ การเรมิ่ ต้นของความรุนแรงนานารูปแบบทั้งการกราด ยิง วางระเบดิ ทาลายสาธารณปู โภคฯ ใน 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ - ยะลา ปตั ตานี และนราธวิ าส รวมกบั 4 อาเภอในจังหวดั สงขลา โดยทัว่ ๆ ไปหากจะกลา่ วถงึ “ความรุนแรง” กอ็ าจมองกันได้หลายมติ ิ ซึ่งความรุนแรงเป็นการทาให้เกดิ ความเสยี หาย ต่อชีวิตและทรัพย์สิน อาจจะเกดิ จากธรรมชาติ อบุ ตั เิ หตุ หรือจากนา้ มอื มนุษย์กไ็ ด้ ส่วนในอกี ความหมายหน่งึ ความรนุ แรงคือ สิ่งท่ีมาสกัดก้นั ศักยภาพของชวี ติ ซง่ึ อาจจะอยใู่ นลกั ษณะของ การใชกาลงั คกุ คามหรือทารายเพื่อควบคุมหรอื ครอบครองบุคคล
หรือทรัพยสิน (อนุช อาภาภิรม, 2547: 11) ส่วนมิติความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้น้ันเกิดขึ้นในหลายมิติอาทิ การใชก้ าลังเข้ากระทา การข่มขู่ทารา้ ยจิตใจ หรอื แม้กระทงั่ การเจตนาบิดเบอื นประวัตศิ าสตร์เพือ่ ประโยชน์ หากแต่บทความ ของ วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์ (ออนไลน์) เร่ือง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้นตอของปัญหา ประวัติศาสตร์ท่ีไม่ตรงกัน และ ทางออกที่มากกว่าแค่การเจรจา ความตอนหน่ึงได้เสนอถึง การรับรู้ประวตั ิศาสตร์ท่ีไม่ตรงกัน ของคน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใตไ้ วอ้ ยา่ งนา่ สนใจ โดยบทความดังกล่าวได้วิเคราะห์ให้เหน็ ถึงบริบทความเป็นมาและมีมิติของปัญหา โดยมปี ระเดน็ หน่ึงท่ี ผู้เขียนเห็นด้วยเปน็ อยา่ งยิง่ ว่าเป็นปัจจัยสาคัญของการเกิดความรุนแรงทยี่ ืดเย้ือยาวนาน น่ันคือประเด็นของการศึกษาดา้ น Poster ประวตั ิศาสตร์ เป็นเรอ่ื งแปลกเปน็ อย่างยิ่งว่าคนในพื้นท่ี3จังหวัดชายแดนภาคใตก้ ลับไม่ได้รบั รู้ประวัตศิ าสตร์พื้นถ่ินที่แท้จริง 648 ขอ้ มูลทร่ี ับรรู้ ับทราบสบื ตอ่ กันมาเปน็ ข้อมูลที่ถกู บิดเบอื นและยากที่จะหาตาราท่ีเชื่อถือไดอ้ ย่างสนิทใจ หากแตม่ าในระยะหลัง เม่ือไม่ก่ีปีมาน้ีเองมีงานชิ้นหน่ึงซึ่งเขียนโดย ศาสตราจารย์ ดร.ครองชัย หัตถา (2552). เรื่องประวัติศาสตร์ปัตตานี สมยั อาณาจกั รโบราณถึงการปกครอง 7 หัวเมือง ซึ่งเปน็ งานเขยี นท่ีรื้อฟน้ื ตามรอยประวัติศาสตร์ชายแดนใตแ้ ละถอื เป็นการ เปิดโลกข้อมูลการศึกษาประวัตศิ าสตร์ 3 จงั หวัดชายแดนภาคใตส้ มยั ใหม่อยา่ งน่าสนใจ ด้วยบริบททกี่ ลา่ วมาอาจเปน็ เหตุผล สาคัญประการหน่งึ ท่ีทาให้บรบิ ทความรุนแรงในพืน้ ที่ไมเ่ คยสงบลง 3. สังคมประชาธปิ ไตยกับการแกไ้ ขปัญหาโดยสนั ตวิ ิธี ความขัดแย้งเป็นเรื่องปก ติขอ งม นุษย์ โ ดยเฉ พ าะอย่ างย่ิ งสั ง คมประชา ธิปไตย ท่ีประช าช นมีสิทธิมีเ สียง ใ น ก า ร แสดงออกในสงั คม เม่ืออยู่รวมกันสองคนขึน้ ไปย่อมจะมคี วามขัดแย้งในมติ ิต่าง ๆ ในแง่หน่งึ แม้กระท่งั มนุษย์ตัวคนเดยี วก็จะมี ความขัดแย้งในตัวในการตัดสนิ ใจ เช่น ตื่นเชา้ คดิ อยากจะอยูก่ บั บา้ น แตน่ ึกอกี ทีก็อยากจะออกไปนอกบ้าน คดิ วนไปวนมาผล สดุ ทา้ ยตอ้ งตัดสนิ ใจว่าจะออกนอกบ้านหรอื ไม่ออกนอกบ้าน นีค่ อื ความขดั แย้งที่เกิดขน้ึ ในปัจเจกบุคคล แตเ่ มอ่ื ประกอบด้วย คนสองคนขึ้นไปมิติความขดั แย้งก็จะขยายกวา้ งขน้ึ จะมีความขัดแยง้ ในดา้ นตา่ ง ๆ หลายดา้ นตง้ั แต่ดา้ นรูปธรรมและนามธรรม เช่น การแบ่งปันอาหารไม่เท่ากันซ่งึ เปน็ เรื่องรูปธรรม หรือนามธรรม เช่น การแบ่งปันไม่เท่ากนั ขัดกับความยตุ ิธรรม ก็จะ นาไปสู่ความขัดแยง้ ทงั้ ส้นิ (ลิขติ ธีรเวคิน, 2559) ทงั้ น้หี ากมองบริบทความขัดแย้งในสังคมประชาธปิ ไตยในปจั จบุ นั ส่วนหนึ่ง ของความขดั แย้งอาจมาจากไม่มเี วทีทจ่ี ะให้ประชาชนมานง่ั พูดจากนั หลายครัง้ ทเี่ รามองถึงเวทีการทาประชาพิจารณ์ ซงึ่ กน็ บั ได้ว่าน่าจะเป็นไปตามหลักการประชาธปิ ไตย หากแตผ่ ลลพั ธ์กลับส่งผลใหเ้ กดิ ความขัดแยง้ กันมากขึ้น เนือ่ งจากเปน็ เวทีแห่ง การโต้เถียงกนั (Debate) ซ่งึ ม่งุ ท่จี ะเอาชนะคะคานกนั และพยายามท่จี ะพิสจู นว์ า่ อีกฝ่ายเปน็ ฝ่ายผิด ดังนัน้ เวทีใด ๆ ก็ตามไม่ ควรจะเป็นการโต้เถยี งกนั หากแต่ควรใช้เวทีประชาเสวนา (Citizen Dialogue) ซงึ่ มงุ่ เน้นการฟังกันและกันอย่างตั้งใจ เชญิ ชวนให้ชาวบ้านเข้ามารว่ มกันคิดถึงประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นท่ีสนใจของชุมชน ดังนั้น ทุกฝ่ายท่ีเปน็ ผู้เก่ียวข้องรวมทัง้ ชาวบา้ น จะต้องหันหน้ามาน่ังพดู คยุ กัน ไมเ่ ผชิญหนา้ กนั รว่ มคิดร่วมแก้ปัญหากัน (วนั ชัย วฒั นศพั ท์, ออนไลน)์ หากเรามองทบทวนถงึ เหตุการณ์ความขดั แยง้ และความรุนแรงในพ้ืนที่ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ กพ็ อจะมองเห็นได้ ว่าการสรา้ งพื้นทีข่ องการเจรจาหรอื พูดคุยกันนัน้ มีพอสมควร หากแต่ฝ่ายรัฐมักเลอื กใช้ยุทโธปกรณ์ในการปราบปรามแกไ้ ข ปัญหา เวทีหรอื พื้นทขี่ องการพูดคุยนัน้ ถอื เปน็ ความสาคญั และจาเป็นอยา่ งยิ่งในการสรา้ งความเข้าใจตอ่ กันในทุก ๆ สังคมหรือ ทกุ ระดบั โดยเฉพาะอย่างยิง่ เวทีของเยาวชนเพราะเยาวชนสามารถสร้างบรรทดั ฐานใหม่ให้สังคมได้ ซึง่ หากสร้างหรือส่งเสริม โดยการให้เยาวชนได้มีเวทใี นการปรึกษาหารอื กจ็ ะเป็นการหนนุ เสรมิ และเอาชนะปัญหาความขัดแยง้ ด้วยสันติวิธี ทัง้ นี้รายงาน ผลของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (2549: 17) ได้ศึกษาการเอาชนะความรุนแรงด้วยพลังสมานฉันท์ โดยการวเิ คราะหค์ วามรนุ แรง แบบวินจิ ฉยั โรค (diagnosis) โดยใชแ้ นวคดิ “ชัน้ ความรนุ แรง” เพ่อื วิเคราะห์แยกแยะปจั จยั ของ ความรนุ แรงท้ังในระดบั บุคคล ระดบั โครงสรา้ ง และระดับวฒั นธรรม (โดยคณะกรรมการอสิ ระเพ่ือความสมานฉันทแ์ ห่งชาติ
(กอส) ได้เน้นวิเคราะห์ปัจจัยชั้นโครงสร้างและชั้นวัฒนธรรมเป็นสาคัญ) และการพยากรณ์โรค (prognosis) และเสนอ Poster มาตรการแก้ไข โดยแบง่ ตามระดับช้ันความรุนแรงเช่นกัน จึงอาจกล่าวได้ว่ามีทั้งการเสนอสันติวิธีในระดับบคุ คล ( direct nonviolence) สันตวิ ธิ รี ะดับโครงสรา้ ง (structural nonviolence) และสันติวธิ ีระดับวฒั นธรรม (cultural nonviolence) 649 4. การสะท้อนปญั หาความรนุ แรงของกล่มุ เยาวชนในพ้นื ที่ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ศูนย์เรียนรู้การขจัดความขัดแย้งโดยสันติวิธีบนพื้นฐานความหลากหลายของสังคมพหุวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏยะลา ไดจ้ ดั กจิ กรรมเผยแพรค่ วามรูเ้ ร่ืองความขัดแย้งและกระบวนการแกป้ ญั หาโดยสันติวิธี ซึง่ ในกิจกรรมได้กาหนดให้ กลุ่มเยาวชนสะท้อนความคิดภายใตห้ ัวข้อ “สภาพปัญหาความขัดแย้งในชุมชนปัจจุบัน” กระบวนการเร่มิ ต้นด้วยการสร้าง ความพร้อมและผอ่ นคลายความกดดันให้กบั สมาชิกเยาวชนด้วยกิจกรรมสันทนาการ ร้องเพลงรว่ มกัน เพื่อสร้างบรรยากาศ ความร่วมมือ และมีการปรบมือไปพร้อม ๆ กันและได้ทาการแบ่งกล่มุ พร้อมด้วยแจกกระดาษและปากกาสีให้ทุกกลมุ่ ได้ สะท้อนความคิดผ่านภาพวาดและการเขียนบรรยายความรู้สึก สภาพปัญหาในชุมชนของตนเอง โดยผลงานของแต่ละกลมุ่ สามารถสะท้อนปัญหาใหเ้ หน็ ได้อย่างน่าสนใจดงั นี้ ทมี่ า : รายงานผลโครงการแผ่ยแพร่ความรู้ด้านสันติวิธีแก่นาเยาวชน ของศูนย์การเรียนรู้ขจัดความขัดแย้งโดยสันติวธิ ีฯ มหาวิทยาลยั ราชภฎั ยะลา: 2559 กล่มุ ท่ี 1 สะทอ้ นถงึ ปญั หายาเสพติด สาเหตแุ รกเกดิ จาก ผู้ปกครอง เช่น บดิ าจะเปน็ คนนายาเสพติดเขา้ มาในบ้านคน แรก ได้แก่ บุหร่ี เปน็ ต้น สาเหตุท่สี อง เดก็ และเยาวชน ขาดโอกาสทจี่ ะไปเรยี นต่อ ทาให้เกิดปญั หาว่างงาน นาไปสกู่ ารเสพยา เสพติด และอาชญากรรมต่าง ๆ สาเหตทุ สี่ าม การเขา้ มาของยาเสพติดในพนื้ ที่อาจจะเกดิ จากเจา้ หน้าทร่ี ัฐบางส่วน และปัญหา ผลประโยชน์ สาเหตุเกดิ จากความต้องการตาแหน่ง และเงนิ เดือนในระดับสงู ขึน้ ทาให้มีการชว่ งชิงอานาจ และผลประโยชนข์ อง ตนเอง กลมุ่ ที่ 2 สะท้อนถึง ปญั หาสอ่ื โทรทัศน์ และสื่อออนไลน์ สาเหตุบางส่วนเกดิ จาก ละคร และส่อื ออนไลน์ท่ีฉายภาพ ให้เห็นพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ความอิจฉาริษยาของนางร้าย การชสู้ าว คลิปวีดีโอลามก สอนในทางท่ีไม่ดี เป็นการใช้สังคม ออนไลน์ ท่ีผดิ ๆ กลุ่มท่ี 3 สะท้อนถึง ความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ซึ่งประกอบด้วยหลายศาสนาได้แก่ พุทธ และอิสลาม คริสต์ เป็นตน้ การปลูกฝังของครอบครวั เปน็ ฐานรากท่ีสาคัญ ท่ีจะสรา้ งอคติ ในการมองสงั คมในแนวทางทถี่ กู ต้อง และปญั หาความ ไม่เท่าเทียมกัน ระบบการศึกษา โรงเรียนมัธยมต้นและปลาย และมหาวิทยาลัยในสถาบันต่าง ๆ ยังมีความเหล่ือมล้ากัน ของผู้บรหิ ารไม่ไดส้ ร้างความเทา่ เทยี มกนั มีระบบฝากเขา้ ทางาน ระบบฝากเข้ามาเรียนในสถาบันต่าง ๆ ไมไ่ ด้ใชค้ วามสามารถ กันจริง ๆ
กลุ่มท่ี 4 ได้สะท้อนถึง ปัญหาสภาพแวดล้อมในชมุ ชน ปญั หาผู้นาศาสนาถูกทาร้าย ได้แก่ โตะ๊ อหิ มา่ ม และพระ ทาใหเ้ กดิ ความขดั แย้งระหว่างศาสนาปัญหาผู้นาชุมชนไมซ่ ื่อสัตย์เขยี นโครงการหารายได้เข้าตัวเอง ไม่ใชเ่ ปน็ การแกป้ ัญหา อยา่ งแทจ้ รงิ เพราะคนจนไมม่ เี สยี ง ไมม่ ีใครรบั ฟงั ไมม่ ผี ลประโยชน์ใด ๆ ความไมซ่ ื่อสัตยข์ องเจา้ หนา้ ทรี่ ัฐ ทาหนา้ ที่ไมช่ ัดเจน จริง ๆ แทนทต่ี ้องมาดแู ลประชาชน บางหน่วยงานกลบั รงั แกประชาชน และใชค้ าพูดทีไ่ ม่สภาพ และปัญหาราคายางตก มีเงิน ไม่เพียงพอท่ีจะใช้ไปโรงเรียนส่งผลกระทบตอ่ การเล่าเรียนของเดก็ กลุ่มท่ี 5 ได้สะท้อนถึง ปัญหาทเ่ี กดิ จากครอบครัวและชุมชน ปัญหาทศั นคตเิ ร่ืองการศกึ ษา เกดิ จากครอบครวั และ Poster ชมุ ชน จะไม่คอ่ ยสนใจทางการศึกษา เพราะเหตุผลทางการศึกษา ไม่มีคา่ นิยมส่งลูกไปเรียน เมือ่ ไมม่ กี ารศึกษาทาให้ว่าง แล้ว 650 พาไปจบั กลมุ่ ติดยาเสพติด นาไปเกเร ปญั หาความขดั แย้งในกลุ่มวัยรุ่น ชอบทะเลาะกัน สาเหตเุ กดิ จาก ต่างสถาบันทาให้มี ความแตกต่างในความคิด ทถ่ี ูกปลูกฝักจากสถาบนั ตา่ ง ๆ อาจจะผ่านรนุ่ พี่ หรอื ผู้ท่ีเกี่ยวข้อง และปญั หาเด็กแว้น สรา้ งความ ราคาญให้กับพ่อแม่ และประชาชน จากบทสะทอ้ นของกลมุ่ เยาวชนทั้ง 5 กลมุ่ แสดงให้เห็นไดว้ า่ กลุ่มเยาวชนมีมุมมองของปัญหาความรนุ แรงท่ีเกิดขึ้น คอื ปัญหาทางดา้ นสังคม มากกวา่ ปัญหาทางเศรษฐกิจ เชน่ ปญั หายาเสพตดิ ปญั หาอคติสังคมพหุวัฒนธรรม ปัญหาสอื่ ปญั หา ความขัดแยง้ ในกลุ่มวัยรุ่น ปญั หาความไมเ่ ท่าเทยี มกัน ปัญหาผลประโยชน์ ปัญหาทศั นคตเิ รื่องการศึกษา ปัญหาการยิงผู้นา ศาสนา ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหลา่ น้ีคือความเปน็ จริงท่รี ฐั อาจมองผ่าน โดยกลมุ่ เยาวชนมีมมุ มองทีน่ ่าสนใจว่า การแกแ้ กไ้ ขปญั หา ของภาครัฐเสมือนอาการเกาไมถ่ กู ที่คัน มักใหเ้ จ้าหนา้ ทที่ างการมาแกไ้ ขปัญหาเพียงมิตเิ ดยี ว เช่น ให้ผ้นู าชุมชนจัดการแต่ผู้นา ชุมชนก็ไม่มคี วามซอ่ื ตรงและไม่ซื่อสัตย์รวมถึงเจ้าหน้าท่ีของรัฐด้วย ซึ่งนบั ได้ว่าเปน็ ปญั หาท่ีรัฐควรนามาพิจารณา และแกไ้ ข ปญั หาในอนาคตต่อไป ทม่ี า : รายงานผลโครงการแผ่ยแพร่ความรดู้ า้ นสันติวธิ แี ก่นาเยาวชน ของศนู ย์การเรยี นรขู้ จัดความขัดแยง้ โดยสนั ติวิธฯี มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ยะลา: 2559 5. แนวทางการแก้ไขปญั หาโดยสันติวิธีโดยเยาวชนในพ้ืนท่สี ามจงั หวัดชายแดนภาคใต้ โดยกจิ กรรมถอดความรู้เกยี่ วกบั สันติวิธีในพื้นท่สี ามจังหวัดชายแดนภาคใต้จากกลมุ่ เยาวชนใน 3 จงั หวดั ชายแดน ภาคใตไ้ ดก้ าหนดหวั ข้อคาถามวา่ “เราจะอยูร่ ว่ มกันอย่างไรให้มีความสุข” ซ่ึงกลุ่มเยาวชนไดแ้ สดงความเหน็ ดงั น้ี กล่มุ ท่ี 1 สะทอ้ นวา่ “อยากใหท้ กุ ศาสนารว่ มมอื เพ่อื คุยกนั เพ่อื พัฒนาหมูบา้ นาในด้านต่าง ๆ เช่นดา้ นยาเสตติด และ จะต้องมผี นู้ าดใี นหม่บู า้ นและในหมคู่ วรปลอดยาเสพตดิ ” กลุ่มท่ี 2 สะท้อนวา่ “ความปรารถนาท่ีจะให้เกิดข้ึนในอนาคต สิง่ แรกคือ การให้ชมุ ชนน้นั เป็นชมุ ชนทป่ี ราศจากยา เสพติด หากพูดถึงยาเสพติดแล้ว อาจหมายถึงตัวตน้ เหตทุ ี่ให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ในชุมชน เมื่อชุมชนปราศจากยาเสพตดิ แลว้ ชุมชน เพราะฉะนั้นยาเสพติดควรจะหมดไปจากชุมชน เมื่อชุมชนปราศจากยาเสพติดแล้วสถาบันครอบครัวที่อยู่ในชมุ ชน จะเกดิ ความสงบสขุ ครอบครัวจะมคี วามอบอ่นุ มากขนึ้ ทาใหช้ มุ ชนนา่ อย่มู ากข้นึ ”
กลุ่มท่ี 3 สะท้อนว่า “1) ส่งเสริมสถานท่ีในชายแดนใต้เป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีมีคุณภาพ 2) สังคมพหุวัฒนธรรม Poster 3)ส่งเสริมการศึกษาให้เทา่ เทียมกนั 4) ส่งเสรมิ ให้เยาวชนใหเ้ รียนรู้ 5) สง่ เสรมิ ใหเ้ ยาวชนรักกนั 6) ครอบครัวอบอนุ่ และเป็นหู เป็นตา” 651 กลุ่มที่ 4 สะท้อนว่า ส่ิงที่ต้องการใหเ้ ปน็ ในอนาคตมีดังนี้ 1) การศึกษาท่ีดี โดยท่ีเรานาความรทู้ ี่มคี วามรูไ้ ปพัฒนา โรงเรียนและชุมชนและสอนให้เยาวชนมีจิตสานึกที่ดี 2) การดาเนินชีวิต เราจะดาเนินชีวิตด้วยความพอเพียงไม่ฟุ่มเฟอื ย และดาเนินชีวติ ตามแบบเข้าใจซ่ึงกันและกนั 3) การกีฬา โดยเราจะเล่นกฬี าเพื่อทจ่ี ะให้ไม่ยงุ่ เกย่ี วกับยาเสพติด และทาให้ สุขภาพแข็งแรง กลุ่มท่ี 5 สะท้อนวา่ “เมือ่ มีปัญหาจะไมใ่ หค้ นต่างถน่ิ มาช่วยแกป้ ัญหาอาจทาใหค้ นในชุมชนแก้ไขปัญหากันเองโดยยดึ หลักของการศึกษา เมอื่ เราศึกษาแล้วควรนาสิ่งท่ีเราศึกษามาสรา้ งความปลอดภยั ในชุมชน เชน่ สรา้ งอนามยั เพ่ือให้ดแู ลรกั ษา ชมุ ชนบา้ นเรา อยากใหช้ มุ ชนเราเป็นต้นแบบใหก้ บั ชมุ ชนอืน่ โดยการแกไ้ ขปัญหาด้วยตัวเราเพราะจากการศึกษาท่เี คยศกึ ษามา แก้ปญั หาด้วยตนเองโดยยดึ หลกั การศกึ ษา ความรู้” ท้งั นี้ผลจากการสนทนาในกจิ กรรมกลมุ่ เยาวชนทง้ั 5 กล่มุ ได้เสนอว่าควรมกี ารกาหนดเป็นยุทธศาสตร์การแก้ปญั หา ความขัดแยง้ ในชุมชนในพ้นื ท่สี ามจงั หวัดชายแดนภาคใต้ 5 ดา้ น คือ 1) ยทุ ธศาสตร์ด้านป้องกันความรนุ แรง 2) ยุทธศาสตรก์ าร ปอ้ งกนั ยาเสพตดิ 3) ยทุ ธศาสตร์ ดา้ นการป้องกันและพฒั นาเยาวชน 4) ยทุ ธศาสตรด์ ้านการสง่ เสริมสุขภาพ 5) ยุทธศาสตรด์ ้าน การศึกษา 6. สรปุ จากการทากิจกรรมรว่ มกันถอื ไดว้ า่ เปน็ การเปิดพืน้ ท่ีโดยใชห้ ลักประชาธปิ ไตย กล่าวคือกลุ่มเยาวชนได้ฝึกทกั ษะการ คิดวิเคราะห์และการปรึกษาหารอื ซึ่งเป็นวิธีที่ส่งเสรมิ การแก้ปญั หาแบบสันติวิธีตามระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงสะท้อนหลัก ประชาธิปไตยในมิติสาคัญคอื ด้านการมีสว่ นร่วม ด้านสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค กลา่ วคอื ทุกคนร่วมกันข้อคิดเห็นได้ อยา่ งอสิ ระเสรอี ย่างเท่าเทยี มกัน หากแตต่ อ้ งอย่บู นหลกั ของเหตผุ ลที่สมควร นอกจากน้ันเยาวชนทุกคนนอกจากจะเป็นผู้พูด หรือผู้เสนอที่ดีแล้วทุกคนยงั ตอ้ งเป็นผู้ฟังท่ดี ีดว้ ย คือทกุ คนจะตอ้ งฟังเหตุผลซ่ึงกันและกัน ซึง่ เรอ่ื งของการฟงั นี้ถือเป็นทักษะที่ สาคัญของบคุ คลที่จะไม่นาพาไปสู่ความขดั แย้ง และความสาคญั อกี ประการหน่ึงซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักสาคัญทจ่ี ะเป็นการหนุน เสริมวธิ ีการสนั ติวิธีคือ หลักนิตธิ รรม กล่าวคือ ทุกคนตอ้ งยอมรบั ในกตกิ าของกลุ่มและกตกิ าของการอยรู่ ว่ มกนั ดว้ ยความสงบ และจากกิจกรรมกลุ่มเยาวชนได้สะทอ้ นสภาพปัญหาในชุมชนของตนเองว่าส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาทางด้านสังคม ซ่ึงอาจจะ แตกต่างจากรัฐที่มองปัญหาด้านเศรษฐกิจมากวา่ ด้านสังคม โดยด้านสังคมควรมีพื้นที่เปดิ กว้างไปถึงชุมชนซึ่งเปน็ ฐานราก กล่าวได้ว่าในมิติของการใหพ้ ื้นท่ีพูดคุยและการรับฟังความคิดเห็นน้ันจะเป็นการหนุนเสรมิ วิธีการแก้ไขปัญหาโดยสันตวิ ธิ ี โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ถา้ หากมุ่งเน้นไปท่เี ยาวชนก็จะสามารถเปน็ แปลงสงั คมความขดั แยง้ สู่ความสงบสขุ ได้ 7. เอกสารอา้ งอิง คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ. (2549). เอาชนะความรุนแรงด้วยพลังสมานฉันท์. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการอิสระเพือ่ ความสมานฉันทแ์ ห่งชาติ (รายงาน กอส.), สบื คน้ จาก https://chaisuk.wordpress.com /2007/07/19/summary-nrc-report/ ครองชยั หตั ถา. (2552). ประวัติศาสตรป์ ัตตานี สมัยอาณาจกั รโบราณถงึ การปกครอง 7 หวั เมือง. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั
ลิขิต ธีรเวคิน. (2559). ความขัดแย้งและการแก้ปัญหาในสังคมมนุษย์. สืบค้นเม่ือ 8 กรกฎาคม 2561, จาก http://www.siamrath.co.th/web/?q=%E0%B8% วชิรวิชญ์ กิติชาติพรพัฒน์. (2559). 3 จังหวัดชายแดนใต้ ต้นตอของปัญหา ประวัติศาสตร์ที่ไม่ตรงกัน และทางออกท่ี มากกว่าแค่การเจรจา. สบื คน้ เมอ่ื 1 กรกฎาคม 2561, จาก https://themomentum.co/momentum-feature- missing-history/ วันชัย วฒั นศัพท.์ (). การจัดการความขดั แย้งดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี. สืบคน้ เมอ่ื 6 กรกฎาคม 2561, จาก Poster http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=%E0%B8 652 อนุช อาภาภิรม. (2547). “ความรนุ แรงทว่ั โลกกับความเปราะบางของเศรษฐกจิ ไทย”. เกษตรกรรมธรรมชาติ ฉบับที่ 5 อิสมาอลี ลตุ ฟีย์ จะปะกยี า. (2560). สนั ตวิ ธิ ีหนทางสสู่ นั ติภาพที่แท้จรงิ [เว็บบล็อก]. สืบค้นเมอ่ื 6 กรกฎาคม 2561, จาก http://www.ihrp.mahidol.ac.th/index.php/blog/entry/2013-05-18-04-28-45
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: