Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเลือกผู้นำตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตยภายในมหาวิทยาลัย

การเลือกผู้นำตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตยภายในมหาวิทยาลัย

Published by sulai8444, 2019-08-15 09:25:03

Description: การเลือกผู้นำตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตยภายในมหาวิทยาลัย

Search

Read the Text Version

1 การเลอื กผนู้ าตวั แทนตามระบอบประชาธปิ ไตยภายในมหาวิทยาลยั : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยคลังปญั ญาชายแดนใต้ Selection of democratically elected leaders within the university: A case study of Southern Border Intelligence University ชัยวฒั น์ โยธี, คมวิทย์ สขุ เสนีย์, สไุ ลมาน หะโมะ Chaiwat Yotee, Khomvit Suksanee, Suliman Hamoo บทคดั ยอ่ การวิจัยเร่ืองการเลือกผู้นาตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตยภายในมหาวิทยาลัย : กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยคลังปัญญาชายแดนใต้ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาบริบทการเลือกผู้นาตัวแทนตามระบอบ ประชาธิปไตยภายในมหาวิทยาลัยและเสนอแนะรูปแบบการคัดเลือกผู้นาตัวแทนภายในมหาวิทยาลัยคลัง ปัญญาชายแดนใต้ ผลการวิจยั พบวา่ บรบิ ทการเลอื กผู้นาตวั แทนทงั้ 3 ระดับคือ ประธานหลกั สูตร คณบดี และอธิการบดี มีกระบวนการในการสรรหาคัดเลือกท่ีตอบสนองต่อระบอบประชาธิปไตยเป็นพื้นฐาน โดยการเลือกตาแหน่ง ประธานหลักสูตรเป็นการเลอื กโดยตรงท่ีเน้นให้สมาชิกได้ใช้สิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ ส่วนของการเลือกคณบดี และอธิการบดีแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองระบอบประชาธิปไตยในด้านการมีส่วนร่วม โดยปรากฏในรูปของ การเสนอช่ือบคุ คลและการใช้สทิ ธขิ องตนในข้ันตอนการหยั่งเสียง ท้ังน้ีจากการวิจยั พบวา่ รปู แบบการเลอื กผูน้ า ตัวแทนที่เหมาะสมและตอบสนองต่อระบอบประชาธิปไตยท่ีมากข้ึนอีกทั้งตรงตามความต้องการของสมาชิก ภายในมหาวิทยาลัยคลังปัญญาชายแดนใต้คือ กระบวนการสรรหาคัดเลือกผู้นาแบบหย่ังเสียงโดยเน้นผล ประจักษ์ คาสาคญั : ผู้นาตวั แทน ประชาธิปไตย การหยัง่ เสยี งโดยเน้นผลประจักษ์

2 Abstract Research on the selection of democratically elected leaders within the university: A case study of Southern Border Intelligence University. The objectives of this study were to study the context of the selection of the representative leaders in the democratic way within the university and to propose the model of selecting the representative leaders within the Southern Border Intelligence University. The research found that the context of choosing the three representative leaders, namely the chairman of the program, the dean and the president, had the process of selecting candidates for democracy. By choosing the president of the curriculum, it is a direct choice to give full freedom to the members. The selection of Dean and Chancellor Demonstration represents a participatory democracy. It appears in the form of nominating individuals and exercising their rights in the voting process. From the research, it was found that the pattern of selecting the appropriate representative and responding to the democratic system more and more meet the needs of members within the university. The process of recruiting the leader of the polls with emphasis on results. Key words : Agent democracy Poll with emphasis on results บทนา “ผู้นา”นับได้ว่ามีความสาคัญกับทุกสังคม มีการกล่าวขานกันวา่ องค์กรใดได้ผู้นาท่ีดีที่มีสามารถ เป็น ศูนย์รวมของมวลชนและตอบสนองความต้องการของคนหมู่มากในสังคมได้นั้น ย่อมทาให้สังคมนั้นเกิด ความสุขและความเจริญได้ ด้วยประการหน่ึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนับได้ว่าเป็นสังคมท่ีมีผู้นาตัวแทนอยู่ หลายระดบั นับตัง้ แต่ อธกิ ารบดี คณบดี ประธานหลกั สูตร หัวหนา้ งานในสว่ นต่าง ๆ ทั้งน้ีเม่ือพิจารณาจากองค์ประกอบเชิงโครงสร้าง บทบาทของบุคคลท่ีก้าวข้ึนมาเป็นผู้นาภายใน มหาวิทยาลัยมีอยู่หลายตาแหน่งและหลากหลายบทบาทด้วยกัน หากแต่ความน่าสนใจในประเด็นดังกล่าว น่าจะเป็นเรื่องของท่ีมาของบุคคลท่ีข้ึนมาดารงตาแหน่งต่าง ๆ เหล่านี้ ซ่ึงความสาคัญตรงจุดนี้ทาให้ มหาวิทยาลัยเป็นองค์กรที่ถูกจับจ้องและได้รับความสนใจจากสังคมเสมอมา ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะมหาวิทยาลัย ไดร้ ับการยอมรับจากสงั คมว่าเปน็ สงั คมแห่งปญั ญาชนและผลติ บุคคลเพื่อมารับใช้สังคม ทั้งนี้ความสาคัญของที่มาของผู้นานับเป็นความน่าสนใจในการศึกษา เพราะการที่ได้ผู้นาที่ต้องตรงใจ กบั คนหมู่มากยอ่ มเป็นสิง่ ทีช่ ่วยนาพาองคก์ รและสังคมไปสู่การพฒั นาได้ ของการใช้อานาจบริหารจัดการนั้น จะพบได้ว่าบทบาทของคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยมีบริบทท่ี ละม้ายคล้ายคลึงกับรัฐบาลในระดับชาติ ซ่ึงคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย อันประกอบด้วย อธิการบดีและรองฯ ในตาแหน่งต่าง ๆ มีบทบาทหน้าที่ในการเป็นผู้นาท่ีต้องกาหนดและจัดสรรทรัพยากรส่วนกลางให้กับเหล่า สมาชิกในภาคส่วนต่าง ๆ อย่างเหมาะสม หากแต่ความสาคัญท่ีน่าสนใจประการหน่ึงคือ เร่ืองของการได้มาซึ่ง ตัวผู้นาที่สามารถตอบสนองความต้องการของมวลหมู่สมาชิกได้ ดังน้ันระบบหรือวิธีการในการคัดเลือกให้

3 ได้มาซึ่งผู้นาตวั แทนในสังคมมหาวิทยาลัยก็มคี วามสาคัญตามไปดว้ ย และด้วยคุณสมบตั ิของตวั ผู้นาท่ีสามารถ ตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่และความสอดคล้องตามกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยก็เป็น เรือ่ งสาคญั ที่มิอาจละเลยได้เชน่ เดียวกัน ทั้งน้ีเราอาจจะสังเกตเหน็ ได้ว่าสังคมการเมอื งภายในรั้วมหาวิทยาลัย จะมีบริบทของการใช้อานาจของบุคคลตามตาแหน่งหน้าที่ในหลายส่วนด้วยกันอาทิเช่น อธิการบดี คณบดี ประธานหลักสูตร หัวหน้างาน และหัวหน้าส่วนต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นบริบทแห่งการใช้อานาจในการปกครอง ท้ังส้ิน หากแต่ในกระบวนการในการคัดเลือกตัวบคุ คลยังคงเป็นคาถามเสมอมาว่าบุคคลท่ีเรยี กได้ว่าเป็นผู้นาใน การเขา้ มาใชอ้ านาจนัน้ ควรมีระบบหรอื วธิ ีการในการสรรหาคัดเลือกทีเ่ หมาะสมอย่างไรจงึ จะมีความชอบธรรม และเมือ่ มบี ทบาทในการเปน็ ผู้นาแล้วสามารถตอบสนองความต้องการของคนหมู่มากไดเ้ พยี งไร มหาวิทยาลยั คลังปัญญาชายแดนใต้เป็นมหาวิทยาลัยแหง่ หนึ่งท่ีมีบริบทการสรรหาคดั เลอื กผู้นาตาม โครงสร้างมหาวิทยาลัย ด้วยยังมีองค์ประกอบอีกหลายประการที่ยังเป็นประเด็นที่น่าสนใจถึงวิธีการได้มาซึ่ง ตวั แทน และความสาคัญประการหน่ึงของผู้นาจะต้องสามารถตอบสนองความต้องการของบุคลากรและสังคม ได้ ดงั นน้ั รปู แบบหรอื วิธีการในการสรรหาคดั เลือกตัวแทนจงึ เป็นบริบทที่น่าสนใจเป็นอย่างย่ิงวา่ มหาวิทยาลัย มีบริบทในการคัดเลือกผู้นาตัวแทนเป็นอย่างไร สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยหรือไม่ และจะมีรูปแบบ การสรรหาคัดเลือกอย่างไรให้ได้ผู้นาที่มีคุณภาพและตอบสนองต่อความต้องการของสมาชิกส่วนใหญ่ และอยู่ บนพืน้ ฐานของหลักการประชาธปิ ไตย วตั ถปุ ระสงค์การวิจัย เพอื่ ศึกษาบรบิ ทการเลือกผู้นาตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตยภายในมหาวิทยาลัยและเสนอแนะ รปู แบบการคัดเลอื กผู้นาตวั แทนภายในมหาวทิ ยาลัยคลงั ปัญญาชายแดนใต้ วธิ กี ารดาเนินการวจิ ยั การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) โดยแบ่งการเก็บข้อมูลออกเป็น สองระดับ คือ 1) ข้อมูลระดับปฐมภูมิ (primary data) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลด้วยตัว ผู้วิจัยเองโดยตรง ได้แก่ การวิจัยภาคสนามทั้งการสัมภาษณ์เชิงลึก การศึกษาประวัติศาสตร์จากการบอกเล่า การสงั เกตแบบมีส่วนร่วมและแบบไม่มีส่วนรว่ ม และ 2) ข้อมูลระดับทตุ ิยภูมิ (secondary data) เป็นข้อมูลท่ี ผู้วิจัยเก็บรวบรวมได้จากเอกสารหรือข้อความท่ีมีผู้รวบรวมเอาไว้แล้ว ได้แก่ การศึกษาเอกสาร หนังสือ บทความ วารสารวิชาการ วิทยานิพนธ์ หนังสือพิมพ์ ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงรายงานและบันทึกการ ประชุมต่าง ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิเช่น หนังสือ ตาราท่ีเกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย แนวคิดเกี่ยวกับ การเลือกต้ังและหลักเกณฑ์การเลือกต้ังรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงระเบียบข้อบังคับสภามหาวิทยาลัยว่าด้วย คณุ สมบัติและวธิ ีการสรรหาผู้นาในตาแหน่งต่าง ๆ ผลงานวิจัยว่าด้วยเร่ืองการสรรหาผู้นา บทบาทผู้นา การ ใช้อานาจของผู้นา เป็นต้น ทั้งน้ีอาจเป็นข้อมูลจากส่วนราชการและส่วนบุคคล เช่น วิทยานิพนธ์ ระเบียบของ ทางราชการ เปน็ ต้น

4 วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive หรือ Judgmental Sampling) โดยนักวิจัยมีเหตุผล พเิ ศษบางอย่างในการเลอื กหน่วยใดหน่วยหนึ่งจากประชากรมาเปน็ กลุ่มตัวอย่างในการวจิ ัย (เฉลิมพล ศรีหงษ์ 2551 : 13) การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจงและเข้าไปมี ส่วนร่วมจากผู้ให้ข้อมูล กลุ่มตัวอย่างจากคณาจารย์ภายในมหาวิทยาลัยคลังปัญญาชายแดนใต้โดยแบ่ง กลุ่มเปา้ หมายดงั น้ี 1) กลุ่มอาจารย์เก่า ได้แก่ กลุ่มข้าราชการสายวิชาการ ซ่ึงเป็นผู้ท่ีเคยเก่ียวข้องหรือใช้สิทธิ เลอื กผนู้ าตัวแทนในตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ภายในมหาวทิ ยาลยั มาแล้วไมน่ อ้ ยกว่า 3 ครงั้ 2) กลุ่มอาจารย์รุ่นกลาง – รุ่นใหม่ ได้แก่ กลุ่มพนักงานมหาวิทยาลัยซ่ึงเป็นผู้ที่เคยเกี่ยวข้อง หรือเคยใชส้ ิทธเิ ลือกผนู้ าตัวแทนในตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ภายในมหาวทิ ยาลยั มาแลว้ อย่างนอ้ ย 2 คร้ัง 3) กลุ่มอาจารย์พิเศษผู้ถูกจากัดสิทธิในการเข้ามามีส่วนร่วมในสรรหาคัดเลือกผู้นาตัวแทนใน ตาแหน่งตา่ ง ๆ แตม่ คี วามสนใจในกิจกรรมการเมอื งภายในมหาวทิ ยาลยั ขอบเขตการวจิ ัย 1. ขอบเขตด้านเน้ือหาศึกษาถึงบริบทการสรรหาคัดเลือกผู้นาตัวแทนภายใต้การปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการสังเกตปรากฏการณ์การเลือกผู้นาตัวแทนภายในมหาวิทยาลัยต้ังแต่ พ.ศ. 2548 – พ.ศ. 2559 โดยนาปรากฏการณ์ในเรื่องดังกล่าวมาวิเคราะห์ถึงรปู แบบการเลือกผนู้ าตวั แทนท่ีมคี วามเหมาะสม กบั บรบิ ทของมหาวิทยาลยั คลงั ปญั ญาในชายแดนใต้ 2. ขอบเขตด้านพื้นที่ เป็นการจากัดขอบเขตของการวิจัยอยู่ท่ีมหาวิทยาลัยคลังปัญญาชายแดนใต้ (นามสมมุติ) โดยผวู้ ิจัยเลือกกรณีศึกษาการได้มาของบุคคลที่ก้าวขึ้นมาเป็นผนู้ าใน 3 ระดับคือ ระดับหลักสูตร ระดบั คณะ และระดับมหาวทิ ยาลยั ใน ตาแหน่งประธานหลักสูตร คณบดี และ อธกิ ารบดี ตามลาดบั 3. ขอบเขตของการนาเสนอผลรายงานการวิจัย เน่ืองจากการวิจัยครั้งน้ีเป็นการวจิ ัยภายในองค์กรท่ี บคุ ลากรมปี ฏิสัมพันธ์และมกี ารปฏิบตั ิงานต่อกันดว้ ยความใกลช้ ิด เนื้อหาของการนาเสนอรายงานบางส่วนอาจ เป็นการกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล ซ่ึงอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของบุคคลที่อาจนาไปสู่ความขัดแย้ง ภายในองค์กร ผู้วจิ ัยจงึ ขอสงวนชื่อ-สกลุ จริงของงผู้ให้ข้อมูลทกุ ท่าน และในการนาเสนอรายงานผลการวิจยั จะ ใช้นามสมมุตแิ ทนชอ่ื -สกุลจริงกับผูใ้ หข้ อ้ มลู ทุกทา่ น ผล บริบทการสรรหาคัดเลือกผนู้ าตัวแทนตามระบอบประชาธปิ ไตยภายในมหาวทิ ยาลยั การคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าสู่การเป็นผู้นาในตาแหน่งต่าง ๆ มีบริบทและวิธีการในการคัดเลือกที่ แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับความสาคัญและความเหมาะสมในหลักการตามตาแหน่งต่าง ๆ โดยบาง ตาแหน่งท่ีมีความสาคัญท่ีแสดงถึงบทบาทของการเป็นผู้นาองค์กรสูงอาจต้องใช้กระบว นการในการกล่ันกรอง สรรหาคัดเลือกหลายข้ันตอนด้วยกัน อย่างไรก็ตามในทุกตาแหน่งของการได้มาซึ่งผู้นาตัวแทนสิ่งที่ต้อง พิจารณาและควรคานึงถึงนั้นคือ กระบวนการพน้ื ฐานบนหลกั การประชาธิปไตยซ่งึ เป็นสิ่งทีย่ อมรับกันในสงั คม การเมืองการปกครองโดยทว่ั ไป

5 1. บริบทการสรรหาคัดเลือกบุคคลตาแหน่งประธานหลักสูตร ตามโครงสร้างของการบริหาร จดั การหลกั สตู รประกอบด้วยอาจารยป์ ระจาหลกั สูตรและอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรโดยมกี ารเลือกประธาน หลักสูตร 1 คน และกรรมการอีก 4 คน โดยกระบวนการคัดเลือกดงั กล่าวขึ้นอยูก่ ับกระบวนการภายในของแต่ ละหลักสูตรเอง โดยประธานหลักสูตรจะมีวาระในการดารงตาแหน่ง 2 ปี ทั้งน้ีจากการศกึ ษาพบว่า คณาจารย์ ท้ัง 3 กลุ่มคือ อาจารย์รุ่นเก่า อาจารย์รุ่นกลาง-ใหม่ และอาจารย์พิเศษ ได้สะท้อนถึงบริบทการเลือกบุคคล ขึ้นมาเป็นประธานหลักสูตรอยู่หลายประการ คือ 1. ด้านความอาวุโส 2. ด้านความพร้อมของบุคคล 3. การ สลับหมนุ เวียน 4. การสืบทอดอานาจ และ 5. การยึดอานาจ ทงั้ น้ีกลา่ วได้ว่า บริบทที่ปรากฏชัดที่สดุ คือ การ พิจารณาเลือกจากผู้อาวุโส พิจารณาจากความพร้อมของบุคคล และการหมุนเวียนตามลาดับ ส่วนของการยึด อานาจและสืบทอดอานาจมีเป็นส่วนน้อย โดยวิธีการเลือกประธาน หลักสูตรส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเลือก โดยตรงแบบเปิดเผย คือ การยกมอื โหวตอยา่ งเปิดเผย โดยมบี างหลกั สตู รซ่ึงเปน็ ส่วนนอ้ ยทใ่ี ช้วิธีการลงคะแนน โดยลับและจากัดสิทธิเฉพาะบุคคล ทั้งนี้กล่าวได้ว่า แต่ละหลักสูตรมีบริบทการคัดเลือกบุคคลที่แตกต่างกัน ออกไป โดยแต่ละหลักสูตรจะมีอิสระในการบริหารจัดการของตัวเองเป็นเอกเทศน์ ซ่ึงจากความอิสระในการ บริหารดังกล่าวน้ีส่งผลต่อกระบวนการสรรหาคัดเลือกประธานหลักสูตรด้วยเช่นเดียวกัน ซ่ึงบริบทของการ เลือกประธานหลกั สตู รนนั้ จะเป็นการตกลงกันเองภายในหลกั สูตร 2. บรบิ ทการสรรหาคัดเลอื กผู้นาตาแหน่งคณบดี การสรรหาคณบดีเป็นการสรรหาบุคคลขนึ้ มาเป็น ผู้นาในระดับคณะ การเป็นผูน้ าในตาแหนง่ คณบดนี ั้นมีหลกั เกณฑค์ วบคมุ มากกวา่ ตาแหน่งประธานหลักสูตรอยู่ มาก ซึ่งในหลักเกณฑ์น้ันพิจารณาในทางพฤตินัย ผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นาในตาแหน่งคณบดีจะต้องสารวจ ตนเองให้มีคุณสมบัติครบตามคุณลักษณะคือ 1. มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นท่ียอมรับในสังคม 2. มีความรู้ ความสามารถทางวิชาการ 3. เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม สนใจและเล็งเห็นความสาคัญของกิจการในคณะ 4. สามารถอุทิศเวลาให้แก่กิจการของคณะ 5. มีความรู้ความสามารถด้านบริหารหรอื เคยผา่ นการอบรมหลักสูตร สาหรับผู้บริหาร และในตาแหนง่ คณบดีน้ันมเี กณฑ์การสรรหาในทางทางนิตินัยเป็นข้อบังคับ ซึ่งมีบริบทที่เป็น นัยสาคัญในเบ้ืองต้นคือ สภามหาวิทยาลัยจะทาการแต่งตั้งคณะกรรมการข้ึนมาคณะหน่ึง เรียกว่า “คณะกรรมการสรรหาคณบดีและผู้อานวยการ” ซึ่งประกอบด้วย 1. ผู้แทนสภามหาวิทยาลัยจากผทู้ รงคุณวุฒิ ซง่ึ คดั เลือกกนั เอง จานวนหนึง่ คนเปน็ ประธาน 2. รองอธิการบดีทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจานวนหนึง่ คนเปน็ กรรมการ 3. ผู้แทนจากสภาวิชาการซึ่งคัดเลือกกันเอง จานวนสองคนเป็นกรรมการ 4. ผู้แทนจากสภาคณาจารย์ซึ่ง คัดเลือกกันเอง จานวนสองคนเป็นกรรมการ 5. ผู้แทนสภามหาวิทยาลัยจากคณาจารย์ประจาซ่ึงคัดเลือก กันเองจานวนหนง่ึ คนเป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการดังกล่าวเป็นเสมือนคณะอานวยการให้ได้มา ซึ่งผู้ดารงตาแหน่งคณบดี ซึ่งเหตุแห่งการได้มาน้ันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ 1. การรับสมัคร 2. ให้ บุคลากรภายในคณะเสนอชื่อผู้สมควรดารงตาแหน่ง โดยให้แต่ละคนเสนอรายชื่อได้เพียงหนึ่งช่ือ 3. ให้คณะ กรรมการฯดาเนินการหย่ังเสียงให้ได้รายช่ือผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจานวนไม่เกินห้าช่ือ จากนั้นคณะกรรมการ สรรหาฯรวบรวมรายชื่อและกลั่นกรองให้ได้ผู้เหมาะสมไม่เกินสามช่ือ แล้วจัดทาบัญชีรายชื่อตามลาดับอักษร พร้อมประวัติเสนอต่อสภามหาวิทยาลัย และลาดับสุดท้ายสภามหาวิทยาลัยพิจารณาเลือกและแต่งตั้งบุคคล ตามบญั ชรี ายชอ่ื หนง่ึ คนเปน็ คณบดี

6 จากหลักเกณฑ์ทางพฤตินัยและนิตินัยดังกล่าวทาให้หลักการเลือกคณบดีมีความน่าสนใจ ซึ่งจาก การศึกษาพบว่าคณาจารยท์ ้ัง 3 กลมุ่ มีความสนใจในกระบวนการคัดเลอื กบุคคลเข้าดารงตาแหน่งคณบดี โดย แสดงให้เห็นได้เป็น 2 มิติ คือ 1. มิติด้านคุณสมบัติบุคคล และ 2. มิติด้านกระบวนการในการคัดเลือก โดย 1.มิติด้านคุณสมบัติบุคคล คณาจารย์ท้ัง 3 กลุ่ม มีทัศนะไปในทิศทางเดียวกันว่า 1) พิจารณาด้าน ประสบการณ์และความสามารถเป็นลาดับท่ีสาคัญที่สุด กล่าวคือ คณบดีต้องมีความรู้ความสามารถและ วสิ ยั ทัศน์ ทัง้ นเ้ี พราะคณบดีตอ้ งควบคมุ ปจั จยั หลายด้านในคณะ เชน่ งบประมาณ คน และกิจกรรมต่าง ๆ เป็น ต้น 2) วัยวุฒิ ความอาวุโสเป็นความจาเป็นสาหรับตาแหน่งคณบดี เพราะคณบดีต้องมีการประสานงานกับ หลายฝ่ายการคิดการตัดสินใจในบางเรื่องควรต้องใช้ประสบการณ์ความอาวุโสสร้างความน่าเชื่อถือและการ ยอมรับ 3) คุณธรรมจริยธรรม เป็นส่ิงสาคัญท่ีคณบดีต้องมีเพราะตาแหน่งคณบดีมีความเก่ียวข้องกับ งบประมาณและทรัพยากรมนุษย์ ในประเด็นต่อมาคือ มิติด้านกระบวนการในการคัดเลือกบุคคล โดย หลกั เกณฑ์แลว้ กระบวนการในการเลอื กคณบดีเป็นขอ้ บังคับของมหาวิทยาลยั หากแต่จากการศกึ ษาคณาจารย์ ทั้ง 3 กลุ่มได้ให้ทัศนะในทิศทางเดียวกันว่า ในกระบวนการสรรหาบุคคลจะมีการหย่ังเสียง ซ่ึงคณาจารย์ท้ัง 3 กลุ่มมีความเห็นด้วยกับกระบวนการท่ีเป็นอยู่ หากแตข่ ้อควรพจิ ารณาเพ่ิมเติมในกระบวนการคอื ในหลักเกณฑ์ ควรจะให้ความสาคัญกับคะแนนการหย่ังเสียงสูงสุด กล่าวคือ ควรที่จะต้องถือผลคะแนนการโหวตเป็นข้อควร พิจารณาทส่ี าคัญท่ีสุด เพราะจะแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรม และความเปน็ ประชาธปิ ไตย กล่าวได้ว่าบริบทของการสรรหาคัดเลือกบุคคลเข้ามาดารงตาแหน่งคนบดีในปัจจุบันมีกระบวนการท่ี ซับซ้อนพอสมควร หากแต่ก็มีบริบทของการมีส่วนร่วมของสมาชิกกล่าวคือ มีบริบทของการเปิดโอกาสให้ สมาชิกสามารถเสนอช่ือได้ ซึ่งกระบวนการที่กล่าวมานับเป็นพัฒนาการที่แตกต่างจากการสรรหาคัดเลือก คณบดีเม่ือสิบกว่าปีก่อนท่ีใช้การเลือกต้ังโดยตรงจากบุคลากร โดยหากผู้ใดได้รับคะแนนจากการเลือกสูงสุดก็ ไดเ้ ปน็ คณบดี 3. บริบทการสรรหาคัดเลือกผู้นา ตาแหน่งอธิการบดี โดยกระบวนการสรรหาคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ ตาแหน่งอธิการบดีน้ัน มีลักษณะกฎเกณฑ์คล้ายคลึงกับการสรรหาคณบดี หากแต่บทบาทของผู้ดารงตาแหน่ง อธิการบดีมีบริบทของบทบาทหน้าที่ท่ีกว้างขวางกว่า ทั้งน้ีในกระบวนการคัดเลือกบุคคลขึ้นมาดารงตาแหน่ง นนั้ จะเป็นการตัดสินชี้ขาดโดยคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซ่ึงจากการศึกษาคณาจารยท์ ้ัง 3 กลุ่มใหค้ วาม สนใจการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่การดารงตาแหน่งอธิการบดีเป็น 2 มิติเช่นเดียวกันกับผู้ดารงตาแหน่งคณบดี หากแต่มีปัจจัยความต้องการท่ีแตกต่างกันที่แสดงให้เห็นดังน้ี 1. มิติด้านคุณสมบัติบุคคล คณาจารย์ท้ัง 3 กลุ่ม มที ัศนะไปในทิศทางเดียวกนั ว่า ความสาคัญสูงสุดของผูท้ ่ีจะมาเป็นอธิการบดี คือ 1) วิสัยทศั น์ อธิการบดี ต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ ท้ังน้ีเพราะวิสัยทัศน์จะแสดงถึงความฉลาดของผู้นาในการนาพาองค์กรไปสู่ความ เจริญก้าวหน้าในอนาคต 2) นโยบาย เป็นอีกความสาคัญประการหนึ่งเพราะนโยบายเป็นส่วนสาคัญที่แสดง ถึงการพัฒนาองค์กรและเป็นส่ิงหนึ่งที่จะเป็นข้อพิจารณาถึงผลกระทบต่อวิถีชีวิตบุคลากร 3) คุณธรรม จริยธรรม เป็นส่ิงสาคัญท่ีผู้นาสูงสุดต้องมีเพราะอธกิ ารบดีเป็นผู้ที่ตอ้ งนาองค์กรและตัดสินใจด้านต่าง ๆ อยา่ ง เปน็ ธรรม 4) วัยวุฒิ ความอาวโุ สหรือประสบการณ์ที่เหมาะสมนบั เป็นความจาเปน็ อย่างสาคัญ ต้องมีวยั วฒุ ิที่ ไมแ่ กไ่ ม่ออ่ นจนเกนิ ไป เพราะจะได้มีหลักคิดท่ที ันยุคทนั สมัย ประการต่อมาคือ 2. มติ ิด้านกระบวนการในการ

7 คัดเลือก ในมิติน้ีคณาจารย์ทั้ง 3 กลุ่มมีทัศนะไปในทิศทางเดียวกัน ซ่ึงมีมุมมองท่ีเหมือนกับการสรรหาหา คณบดีคือ ในกระบวนการสรรหาคดั เลอื กในขั้นการหยั่งเสยี งเมอ่ื กลมุ่ คณาจารยใ์ ช้สิทธเิ ลือกไปแลว้ ในบางคร้งั ผู้ ท่ีได้คะแนนสูงสุดกลับไม่ได้รับเลือกจากกรรมการสภามหาวิทยาลัย ท้ังนี้จึงควรให้ความสาคัญและให้น้าหนัก กับประเด็นตรงจุดนี้เป็นข้อควรพิจารณาในการคัดเลือกให้มากที่สุด จากบริบทท่ีกล่าวมาแสดงให้เห็นได้ว่า ตาแหน่งคณบดีและอธิการบดีมีบริบทในการสรรหาคัดเลือกที่คล้ายคลึงกัน โดยบริบทความสาคัญท่ีทาหน้าที่ ในการขับเคล่ือนหลัก คือ “คณะกรรมการสรรหาฯ”และมี “สภามหาวิทยาลัย” เป็นผู้มีอานาจสูงสุดในการ ตัดสินใจเลือกหรือชี้ขาดบุคคลให้ข้ึนมาดารงตาแหน่ง ท้ังนี้ภายใต้การคัดเลือกผู้นาตัวแทนดังกล่าวมีความ พยายามท่ีจะรักษาฐานประชาธิปไตยในด้านการมีส่วนร่วมอยู่พอสมควร กล่าวคือ การคดั เลือกผู้นาตัวแทนท้ัง 3 ระดับมีการแสดงให้เห็นถึงกระบวนการของการให้สิทธิบุคคลากรภายในมหาวิทยาลัยอยู่พอสมควร ถึง อย่างไรก็ตามบรบิ ทของการสรรหาคัดเลือกผู้นาตัวแทนเหลา่ นี้ก็ยังคงมีความสาคัญตอ่ ระบบการจัดการในภาค ส่วนต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยเพราะบุคคลท่ีก้าวข้ึนมาเป็นผู้นาตัวแทนที่ดารงตาแหน่งน้ันสามารถบ่งชี้ถึง ความก้าวหนา้ ของมหาวิทยาลัย รูปแบบการคดั เลือกผู้นาตัวแทนภายในมหาวทิ ยาลัย จากบริบทที่กล่าวมาแสดงให้เห็นถึงบริบทความต้องการตัวผู้นาในตาแหน่งต่าง ๆ ของคณาจารย์ ซึ่งบริบทดังกล่าวสามารถนามาสู่การเสนอรูปแบบการเลือกตัวผู้นาที่เหมาะสมตามความต้องการของ คณาจารย์และเป็นไปตามหลกั การประชาธิปไตยได้ดงั นี้ คณะกรรมการ สภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการ สภา สภาฯผู้ไดร้ บั ผู้ทรงคุณวุฒิ เลือก ตาแหน่งอธกิ ารบดี การหย่ังเสียงแบบเนน้ ผลประจกั ษ์ ตาแหน่งคณบดี (บุคลากรเลือกโดยกาบัตร 2 ใบ) 1. เลอื กผูไ้ ดร้ บั การเสนอชือ่ -ผูส้ มัคร ประธานหลกั สตู ร หลกั สตู ร 2. เลอื กกรรมการสภาในระบบสัดส่วน เลอื กโดยตรงแบบเสียงส่วนมาก บุคลากรภายในมหาวิทยาลยั (เสนอชือ่ ) ภาพ กระบวนการสรรหาคัดเลือกผ้นู าแบบหย่ังเสียงโดยเน้นผลประจกั ษ์ อภิปรายผล

8 จากบริบทการสรรหาผู้นาตัวแทนภายในมหาวิทยาลัยคลังปัญญาชายแดนใต้ ทั้ง 3 ระดับ แสดงให้ เห็นได้ว่ากระบวนการสรรหาคัดเลือกผู้นามีมิติความเป็นประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน เม่ือพิจารณาจากวิธีการ แสดงใหเ้ ห็นวา่ การเลือกตวั แทนระดับหลักสูตร สมาชกิ สามารถใชส้ ิทธแิ ละเสรีภาพในการเลือกตัวแทนของตน สงู สุด ดว้ ยการเลอื กประธานหลักสูตรสมาชิกจะได้แสดงออกซึ่งสิทธิของตนเองโดยตรงในทุกข้ันตอน นับต้ังแต่ การเสนอช่ือ การเลือกตัวแทนโดยตรง และการใช้ผู้แทน ซึ่งตรงจุดนี้จะสะท้อนถึงสิทธิเสรีภาพตามระบอบ ประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ จากความสาคัญดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทัศนะของ จรูญ สุภาพ (2518, หนา้ 321) ท่ีได้กระชับนิยามของประชาธิปไตยไว้อย่างน่าสนใจวา่ ประชาธิปไตยเป็นเพียงรปู การปกครองแบบ หน่ึงเท่าน้ัน แต่มีลักษณะพิเศษ คือ ประชาชนในแต่ละประเทศมีสิทธิ อานาจ และโอกาสที่จะเข้าควบคุม กิจการทางการเมืองของชาติ หรือประชาชนมีอานาจปกครองตนเอง ซึ่งจากนิยามนี้เป็นเสมือนการตอกย้าให้ เห็ น ถึงค วามส าคัญ ข องการเลื อก ตัว แท น ใน ระดับ ห ลั กสู ต รท่ี ต้อ งคานึ งถึงห ลั กสิ ท ธิเส รีภ าพ ต าม ระบ อ บ ประชาธิปไตยอยา่ งสูงสุด เพราะหลกั สูตรแต่ละหลักสูตรภายในมหาวิทยาลัยก็เปรียบเสมือนหมบู่ ้านหรือสังคม ขนาดเลก็ ที่รากฐานท่ีสาคัญของการปกครองและการพัฒนามหาวิทยาลัย ท้ังน้ีหากให้ความสาคัญถึงการเลือก ตัวแทนในระดับหลักสูตรแล้วน้ัน ประเด็นที่ควรพิจารณาต่อไปคือ รูปแบบการเลือกตัวแทนท่ีสอดคล้องกับ บริบทความต้องการของหลักสูตร ซ่ึงจากการศึกษาก็แสดงให้เห็นได้ถึงวธิ ีการเลือกผู้นาท่ีมีความสอดคล้องกับ ระบบการเลือกต้ังตามท่ี แอนดรูว์เรย์โนลด์ส, เบน ไรลี, แอนดรูว์เอลลิส (2555 : 41-71) เสนอก็คือ ระบบ เสียงส่วนมาก ซ่ึงระบบนี้มีหลักการที่เรียบง่ายเพราะภายหลงั การลงคะแนนเสยี งและรวมคะแนนแล้ว ผู้สมัคร หรอื พรรคการเมืองท่ีมีคะแนนเสียงมากที่สุดจะได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะ ขณะเดียวกันการเลือกตัวแทน ระดบั คณะและผู้นาสูงสุดของมหาวิทยาลัยทีม่ ีกระบวนการที่ซับซ้อน โดยเม่ือพิจารณาแล้วจะเห็นได้วา่ สิทธิใน การตัดสินใจส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ที่ตัวแทนสภามหาวิทยาลัย หากแต่เม่ือพิจารณาอย่างถ้วนถ่ีแล้วก็สามารถ มองเห็นมิติของฐานประชาธิปไตยอยู่บ้าง ท้ังนี้มิติที่กล่าวถึงน้ีคือ มิติของการมีส่วนร่วม กระบวนการของการ สรรหาคัดเลือกคณบดี และอธิการบดี ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนของการเสนอชื่อและ ข้ันตอนการหยั่งเสียง กล่าวได้ว่า กระบวนการตรงจุดน้ีแม้นว่าสมาชิกของสังคมจะไม่มีสิทธิที่จะเป็นผู้ตัดสินช้ี ขาดผู้ทีจ่ ะมาเป็นผู้นาของตน แต่ก็นบั ได้ว่า กระบวนการสรรหาคัดเลอื กบุคคลข้นึ มาเป็นผู้นาของมหาวทิ ยาลัย คลังปัญญาชายแดนใต้มีฐานของประชาธิปไตยอยู่เป็นลาดับต้น เพราะไม่ได้มีการจากัดสิทธิ ปิดกั้น หรือบีบบ ค้ันให้เสนอช่ือบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดเพ่ือให้เข้ามาเป็นผู้นา ซ่ึงในจุดน้ีมีความสอดคล้องกับหลักการพื้นฐาน ประชาธปิ ไตยขอ้ หนงึ่ ท่ี Ranney (อา้ งในบูฆอรี ยหี มะ, 2554 : 96-97) ไดเ้ สนอไวถ้ งึ หลักการฟงั ความคดิ เห็น ของประชาชน (Popular Consultation) ซึ่งหมายถึง กิจกรรมต่าง ๆ ในทางการเมือง เช่น การกาหนด นโยบาย การตัดสินใจของรัฐบาลมาจากการรับฟังความต้องการ หรือเสียงสะท้อนของประชาชนว่าต้องการ อะไร ไม่ต้องการส่ิงใด ซ่ึงหมายถึงการคานึงถึงเสียงของประชาชนทั้งหลาย ไม่ใช่การตัดสินใจจากความ ต้องการของคนใดคนหน่ึงหรือคนเฉพาะกลุ่ม และเม่ือพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การสรรหาบุคคลเพ่ือมาดารง ตาแหน่งฯ ก็แสดงให้เห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์กับระบบเลือกตั้งตามระบบคะแนนเสียงส่วนมาก โดยมีความ ละม้ายคล้ายกับระบบคะแนนเสยี งเผื่อเลือก ซึ่งเป็นเกณฑ์ระบบย่อยของระบบการใช้เสียงสว่ นมาก เพราะตรง จดุ นี้แสดงให้เห็นถึงคะแนนนิยมจากสมาชิกผู้มีสิทธิเลือกต้ังท่ีได้ทาการเสนอช่ือบุคคลและลงคะแนนหยั่งเสียง ซ่ึงผลของการลงคะแนนเสียงเมื่อนับเสร็จแล้วก็จะเป็นการจัดลาดับผู้ที่ได้คะแนนเสียงจากสูงสุดไปถึงผู้ที่ได้ คะแนนต่าสุด ท้ังน้ีเพื่อเป็นการแสดงถึงค่าคะแนนนิยมและจะเป็นส่วนช่วยหนุนเสริมการตัดสินใจให้กับ กรรมการสภามหาวิทยาลัยไดต้ ดั สินเลือกผ้ทู ่มี ีความเหมาะสมในการดารงตาแหนง่ ต่อไป

9 อย่างไรก็ตามในการสรรหาคัดเลอื กบุคคลขึ้นมาเปน็ ผนู้ าตัวแทนของมหาวทิ ยาลัยคลังปญั ญาชายแดน ใต้นับได้ว่าอยู่บนพ้ืนฐานของหลักประชาธิปไตยข้ันพ้ืนฐานอยู่พอสมควร หากแต่ในประเด็นดังกล่าว การ พัฒนาระบบการสรรหาคัดเลือกบุคคลให้ตอบสนองต่อหลักประชาธิปไตยที่สูงข้ึน และตอบสนองต่อความ ตอ้ งการของสมาชิกในสงั คมยงั สามารถทาได้พอสมควร ซง่ึ ณ ที่นีผ้ วู้ ิจัยขอเสนอรปู แบบการเลือกผู้นาตัวแทนท่ี เรียกวา่ “กระบวนการสรรหาคัดเลือกผู้นาแบบหยั่งเสยี งโดยเน้นผลประจกั ษ์” ซ่งึ แสดงเป็นแผนภาพดังนี้ คณะกรรมการ สภามหาวทิ ยาลยั คณะกรรมการ สภา สภาฯผไู้ ดร้ บั ผู้ทรงคณุ วุฒิ เลอื ก หลกั สตู ร การหยัง่ เสียงแบบเนน้ ผลประจกั ษ์ ตาแหน่งอธกิ ารบดี เลอื กโดยตรงแบบเสียงส่วนมาก (บุคลากรเลือกโดยกาบัตร 2 ใบ) ตาแหนง่ คณบดี 3. เลอื กผู้ไดร้ ับการเสนอชอ่ื -ผู้สมัคร 4. เลือกกรรมการสภาในระบบสัดสว่ น บุคลากรภายในมหาวทิ ยาลัย (เสนอชอ่ื ) ภาพ กระบวนการสรรหาคดั เลือกผ้นู าแบบหย่ังเสียงโดยเน้นผลประจักษ์ ท่มี า : ชยั วฒั น์ โยธี จากการวเิ คราะห์ จากภาพแสดงให้เห็นถึงแบบแผนการเลือกตั้งที่มีความเหมาะสมกับบริบทของมหาวิทยาลัยและมี ความชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ท้ังน้ีเพราะรูปแบบดังกล่าวน้ีเป็นการเสริมสร้างกระบวนการมีส่วน ร่วมและกระบวนการตรวจสอบระบบการปกครองไปในคราวเดียว ด้วยกระบวนการที่เร่ิมจากการเสนอช่ื อ บุคคลท่ีสมาชิกเห็นสมควรให้ดารงตาแหน่งผู้นาในระดับต่าง ๆ ซ่ึงในระดับประธานหลักสูตรผู้วิจัยเสนอให้ใช้ กระบวนการเลือกตัง้ โดยทางตรงและใช้หลักเกณฑ์ของระบบการใช้เสยี งสว่ นมากในการตัดสินช้ีขาดไปในคราว เดยี ว ในส่วนของตาแหนง่ คณบดแี ละตาแหนง่ อธิการบดีผู้วจิ ัยขอเสนอรูปแบบการเลือกต้ังทเ่ี หมือนกัน คือเน้น ตรงกระบวนการหยั่งเสียงแบบเน้นผลประจักษ์ ซ่ึงเป็นการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กล่าวคือสมาชิกขององค์กร จะตอ้ งกาบัตร 2 ใบคือใบท่ี 1 จะเป็นบัตรลงคะแนนเลือกบุคคลผู้ท่ีจะมาดารงตาแหนง่ คณบดี หรือ อธิการบดี สว่ นใบที่ 2 เป็นการเลอื กคณะกรรมการภายในสภามหาวิทยาลัย ซึ่งแต่เดิมคณะกรรมการชดุ นี้จะเป็นผ้ชู ขี้ าดผู้ ได้รับตาแหน่ง หากแต่ตรงจุดนี้ผู้วิจัยมองว่าจะเป็นการโน้มเอียงที่จะนาพาไปสู่ความไม่ชอบธรรมอย่างสาคัญ เพราะหากขั้วอานาจเดิมมีการจัดต้ังคณะกรรการสภาฯที่เป็นพรรคพวกของตนหรือพรอ้ มจะเอื้อประโยชน์ต่อ กันก็จะเป็นการแสดงถึงความไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยและจะนาพาองค์กรไปสู่ความล่มจมได้ โดยง่าย หากแต่ในกระบวนการที่ผู้วิจัยนาเสนอนั้นจะเป็นส่งเสริมการมีส่วนร่วม การคานอานาจและการ ตรวจสอบคณะบุคคลไปในคราวเดียว อีกท้ังยังเป็นการส่งเสริมความเป็นพลเมืองที่เอาใจใส่ในกิจการของ องค์กรอีกด้วย ทั้งน้ีเพราะในการจะเลือกคณะกรรมการสภาฯบุคลากรย่อมต้องศึกษาข้อมูลของผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ละท่านว่ามีความเหมาะสมหรือไม่และจะเป็นบุคคลที่สามารถเอื้อประโยชน์กับผู้ท่ีจะขึ้นมาดารงตาแหน่ง

10 มากน้อยเพียงไร นั่นจึงเป็นบริบทท่ีสาคัญของความเป็นพลเมืองท่ีเอาใจใส่ในกิจการ อีกท้ังในทางปฏิบัติก็จะ เป็นการแก้ปัญหาการสืบต่ออานาจท่ีขาดความชอบธรรมจากขั้วอานาจเก่า เพราะจากกระบวนการจะเป็นการ ยากมากข้ึนท่ีข้ัวอานาจเก่าจะกระทาการล็อกตัวผู้ทรงคุณวุฒิท่ีเป็นพวกเดียวกับตนให้ยกมือเลือกตนเพราะ สัดส่วนของการได้สทิ ธิได้ถูกกระจายไปและคาดเดาได้ยากมากว่าผู้ใดจะได้สิทธินั้น ทั้งน้ีเพราะสิทธิตรงจุดน้ีจะ ถูกมอบให้โดยคนส่วนมากขององค์กรที่เลือกสรรกันมา ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเสริมสร้าง ประชาธิปไตยในองค์กรที่มีความเข้มข้นและชอบธรรมมากย่ิงข้ึน ทั้งน้ีเพราะตาแหน่งคณะบดีและตาแหน่ง อธิการบดีเป็นตาแหน่งที่สาคัญที่ช้ีนาองค์กรได้ อน่ึงจากกระบวนการท่ีผู้วิจัยเสนอนี้โดยนัยสาคัญของประเด็น นี้เป็นความสอดคล้องกับระบบการเลือกต้ังในบริบทของการเป็นตัวแทนแบบสัดส่วนที่ใช้บัญชีรายชื่อตาม แนวคิดของ แอนดรูว์ เรย์โนลด์ส, เบน ไรลี, แอนดรูว์ เอลลิส, 2555 : 41-71) ท่เี สนอเปน็ สาระสาคัญว่า คือ การที่พรรคนาเสนอรายช่ือของผู้สมัครแก่ผู้เลือกต้ัง ในแต่ละเขตเลือกตั้งแบบเขตเดียวหลายเบอร์ ผู้เลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่พรรคการเมอื งพรรคหนึ่ง และพรรคตา่ ง ๆ จะไดร้ ับที่นั่งตามสัดส่วนของส่วนแบ่งคะแนนเสียง ทั้งหมดที่ตนได้รับในเขตเลือกต้ัง หากแต่บริบทตรงนี้แม้จะไม่มีการแบ่งเขตแต่นัยของแนวคิดดังกล่าวนี้ก็ สามารถนามาปรับใช้ให้มคี วามเหมาะสมได้ในทางปฏบิ ตั ิ สรปุ การเลือกผู้นาตัวแทนของมหาวิทยาลัยคลงั ปัญญาชายแดนใต้มีการนาระบบการเลือกต้งั ตามระบอบ ประชาธิปไตยมาใช้ในการสรรหาคัดเลือกบคุ คลทขี่ ้ึนมาเป็นผ้นู าตัวแทนในตาแหนง่ ต่าง ๆ และมีนัยพืน้ ฐานการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอยู่พอสมควรในระดับต้น โดยการเลือกทุกตาแหน่งจะอิงกับหลักเกณฑ์การ เลือกต้ังแบบเสียงส่วนมาก โดยแต่ละตาแหน่งน้ันมีการเลือกใช้ระบบการสรรหาคัดเลือกท่ีแตกต่างกันออกไป ตามคุณลักษณะความสาคัญของตาแหน่ง ซ่ึงได้แก่ ในกระบวนการเลือกประธานหลักสูตร จะสะท้อนถึงระบบ การเลอื กต้งั ทางตรง โดยใช้เสียงส่วนมากเป็นเกณฑ์ในการตดั สินกล่าวคือ เป็นวธิ ีการเลือกท่ีไม่ซับซ้อน ซึ่งอาจ ใช้การยกมือหามติ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย หรือ บางหลักสูตรอาจใช้วิธีการ ลงคะแนนโดยลับ ซ่ึงหากจะกล่าวถึงระบบการเลือกต้ังแบบทางตรงนั้น มักจะไม่ค่อยเกดิ ปัญหาเป็นท่ีสงสัยใน เร่ืองของความชอบธรรม เพราะสังคมเห็นผลประจักษ์ชัดเจน หากแต่ในการสรรหาคัดเลือกคณบดีและ อธิการบดี มีกระบวนการสรรหาคัดเลือกที่ซับซ้อนกวา่ ระบบการคดั เลอื กแบบแรก หากแต่เม่ือพิจารณาแล้วน้ัน ก็อาจกล่าวได้ว่าระบบการเลือกต้ังทั้ง 3 รูปแบบจัดได้ว่าเป็นระบบการเลือกต้ังในตระกูลเดียวกัน คือ ระบบ เสียงส่วนมาก หากแต่การสรรหาตาแหน่งคณบดีและอธิการบดีน้ัน อาจมีเป็นระบบที่ย่อยกว่าซึ่งเรียกว่า “ระบบคะแนนเสียงเผ่ือเลือก” ทั้งนี้เพราะตรงจุดนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงคะแนนนิยมจากสมาชิกผู้มีสิทธิ เลือกตั้งที่ได้ทาการลงคะแนน ซึ่งผลของการลงคะแนนเสียงเม่ือนับเสร็จแล้วก็จะเป็นการจัดลาดับผู้ที่ได้ คะแนนเสียงจากสูงสุดไปถึงผู้ที่ได้คะแนนต่าสุด ท้ังน้ีเพื่อเป็นการแสดงถึงค่าคะแนนนิยมและจะเป็นส่วนช่วย หนนุ เสริมการตดั สนิ ใจใหก้ ับกรรมการสภามหาวิทยาลัยไดต้ ดั สินเลือกผูท้ มี่ ีความเหมาะสมในการดารงตาแหน่ง ต่อไป เอกสารอ้างอิง

11 จรญู สุภาพ. (2518). หลักรัฐศาสตร์ ภาคพสิ ดาร แนวทฤษฎแี ละประยุกต์. กรงุ เทพฯ : สานกั พมิ พ์ไทยวฒั นา พานิช. เฉลิมพล ศรีหงษ.์ (2551). ระเบยี บวิธีวิจัยและการใช้สถิติทางรัฐประศาสนศาสตร์. กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลัย รามคาแหง, โครงการรัฐประศาสนศาสตรม์ หาบัณฑติ บูฆอรี ยหี มะ. (2554). ความรู้เบ้ืองตน้ ทางรัฐศาสตร์. สงขลา : มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สงขลา แอนดรูว์ เรย์โนลด์ส, เบน ไรลี, แอนดรูว์ เอลลิส, (2555). การออกแบบระบบเลือกต้ัง : คู่มือเล่มใหม่ของ International IDEA. นครปฐม : สถาบนั สิทธมิ นษุ ยชนและสนั ตศิ ึกษา มหาวทิ ยาลัยมหิดล