Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปผลการเรียนรู้หลักสูตรเตรียมผู้บริหาร

สรุปผลการเรียนรู้หลักสูตรเตรียมผู้บริหาร

Published by nantarat, 2019-06-17 04:47:39

Description: สรุปผลการเรียนรู้ในแต่ละวัน
โดย ทีมวิชาการ
หลักสูตรเตรียมผู้บริหาร สถาบันพระบรมราชชนก

Keywords: ผู้บริหาร,สบช.

Search

Read the Text Version

รายงานสรุปผลการเรยี นรู้ตลอดหลักสตู ร ของ ผู้เข้ารบั การอบรม หลกั สตู รเตรียมผ้บู รหิ ารในสังกัดสถาบันประบรมราชชนก ประจาปงี บประมาณ 2562 ระหว่างวนั ท่ี 10-14 มถิ นุ ายน 2562 ณ วทิ ยาลัยนักบรหิ ารสาธารณสขุ (หลวงพอ่ เปน่ิ อปุ ถมั ภ์) สถาบนั พระบรมราชชนก สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข

คานา ดว้ ยความตระหนักในการพฒั นากาลงั คนดา้ นสาธารณสุข ของสถาบันพระบรมราชชนก และเป็นการ เตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพทางการบริหารในด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านความรู้ ความสามารถ เจตคติ และทักษะในการบริหารท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตให้กับผู้บริหารในสังกัด สถาบนั พระบรมราชชนก วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุขจึงได้จัดอบรม “หลักสูตรเตรียมผู้บริหารในสังกัดพระ บรมราชชนก ประจาปี 2562 ขึ้น ในระหว่างวันท่ี 10-14 มิถุนายน 2562 ณ วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข (หลวงพอ่ เป่ินอปุ ถมั ภ์) ผู้เข้ารับการอบรม จึงได้มีการจัดทารายงานสรุปผลการเรียนรู้ตลอดหลักสูตรข้ึน เพื่อเป็นส่วนหน่ึง ของการอบรมหลักสตู รเตรยี มผบู้ ริหารในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก ประจาปีงบประมาณ 2562 โดยมีการ สรปุ สาระสาคัญจากการบรรยาย ซ่ึงประกอบด้วย บทสรุปผู้บริหาร และหัวข้อต่างๆ ได้แก่ บริบทและความท้า ทายของอุดมศึกษาไทยในศตวรรษท่ี 21 การพัฒนานิสิตนักศึกษาในศตวรรษที่ 21 นโยบายและแผนการ บรหิ ารงานสถาบนั อุดมศึกษาในปัจจุบัน การพฒั นาและการบรหิ ารหลกั สตู ร เป็นต้น ผู้เข้ารับการอบรมหวังเป็นอย่างย่ิงว่า รายงานฉบับน้ี จะก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านความรู้ และนา ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการวางแผน และการบริหารองค์กรให้ประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ของ หลักสูตร ท้ายสุดนี้ขอขอบพระคุณคณะผู้จัดการอบรม วิทยากร และผู้เข้ารับการอบรมทุกๆ ท่านท่ีทาให้การ อบรมในครัง้ นี้บรรลวุ ัตถุประสงคท์ ุกประการ ผเู้ ขา้ รบั การอบรม 14 มิถนุ ายน 2562 ก

สารบญั หนา้ ก คานา ข สารบญั 1 บทสรุปสาหรบั ผู้บรหิ าร 2 สรปุ สาระสาคัญ 2 4 บริบทและความท้าทายของอุดมศึกษาไทยในศตวรรษที่ 21 6 การพัฒนานิสิตนักศึกษาในศตวรรษท่ี 21 8 นโยบายและแผนการบรหิ ารงานสถาบันอุดมศึกษาในปัจจุบัน 10 การพฒั นาและการบริหารหลักสูตร 12 การบรหิ ารงานวจิ ัยและผลิตผลงานทางวิชาการ 13 การบริหารจดั การในรปู แบบสถาบนั อดุ มศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก 15 อภปิ ราย ประสบการณ์การบริหารองค์กร 17 บรบิ ทและความสาคญั ของกฎหมายท่เี ก่ยี วกับสถาบันอดุ มศึกษา 19 การบริหารความเสย่ี งของสถาบันอุดมศึกษา 20 ตารางการอบรมหลกั สตู รเตรียมผู้บริหารในสังกดั สถาบันพระบรมราชชนก รายนามผูเ้ ข้ารับการอบรมหลักสูตรเตรียมผบู้ ริหารในสงั กัดสถาบนั พระบรมราชชนก ประจาปงี บประมาณ 2562 ข

บทสรุปสาหรบั ผูบ้ ริหาร หลักสตู รเตรยี มผู้บรหิ ารในสงั กดั สถาบันพระบรมราชชนก ประจาปีงบประมาณ 2562 มี วตั ถุประสงค์เพ่อื เตรยี มความพรอ้ มและพัฒนาศักยภาพทางการบริหารในดา้ นความรู้ ความสามารถ เจตคติ และทกั ษะในการบริหารท่เี หมาะสมกบั สถานการณป์ จั จบุ ันและแนวโนม้ ในอนาคตให้กับผ้บู รหิ ารในสังกดั สถาบันพระบรมราชชนก จัดขึน้ ในระหว่างวนั ท่ี 10-14 มิถุนายน 2562 ณ วิทยาลยั นกั บริหารสาธารณสขุ (หลวงพอ่ เปิ่นอปุ ถัมภ์) อาเภอนครชัยศรี จงั หวัดนครปฐม มีผู้เข้ารว่ มอบรมเปน็ ผู้บรหิ ารของวทิ ยาลัยใน สังกัดสถาบนั พระบรมราชชนกและทีมบริหารของสถาบนั พระบรมราชชนก รวม 49 คน สาระสาคญั ของ การอบรมครอบคลุมเร่ือง นโยบายและแผนการบริหารงานสถาบนั อุดมศกึ ษาในปัจจบุ ัน การบริหารจัดการ ในรปู แบบสถาบันอุดมศึกษา สถาบนั พระบรมราชชนก การพฒั นาและการบรหิ ารหลักสตู ร การพัฒนานิสิต นกั ศึกษาในศตวรรษท่ี 21 การบริหารงานวจิ ัยและผลิตผลงานทางวชิ าการ ประสบการณ์การบรหิ ารองค์กร การบริหารความเส่ยี งของสถาบนั อุดมศกึ ษา และบริบทและความสาคัญของกฎหมายทเ่ี กี่ยวกบั สถาบนั อดุ มศกึ ษา คณะผู้เข้าอบรมขอให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการพัฒนาสถาบันพระบรมราชชนก ดงั นี้ 1. สถาบันพระบรมราชชนกควรเร่งพฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการสถาบันอดุ มศกึ ษาใหม้ ีคุณภาพได้ มาตรฐาน โดยใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศท่ที ันสมยั เพ่ือเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การในทกุ กระบวนการ ทงั้ การบริหาร การจัดการศึกษา วจิ ยั และการบริการวิชาการ และสอื่ สารประชาสัมพนั ธ์ให้ผู้บริหารและ บคุ ลากรของสถาบันพระบรมราชชนกมีความรู้ ความเขา้ ใจ และทัศนคตทิ เี่ อ้อื ต่อการปรับเปล่ยี นสกู่ ารเปน็ สถาบันอดุ มศึกษาท่ีมคี วามเป็นเลศิ 2. สถาบันพระบรมราชชนกควรเรง่ สร้างความชัดเจนของสถานะ จุดยืนยทุ ธศาสตร์ ความเป็นเลิศ และอัตตลกั ษณ์ของสถาบันอุดมศกึ ษาเพ่อื มุ่งส่กู ารเป็นสถาบันอุดมศกึ ษาช้นั นา โดยระดมทรพั ยากรจากทุก ภาคสว่ นและภาคเี ครือข่ายเพื่อความสาเรจ็ ในการสร้าง Band ของสถาบันพระบรมราชชนกในเวลา อนั รวดเร็ว 3. สถาบันพระบรมราชชนกควรเรง่ เสรมิ สรา้ งภาพลักษณข์ ององคก์ รอย่างมอื อาชีพผ่านการสื่อสาร หลากหลายชอ่ งทางและการจัดกิจกรรมรับผิดชอบตอ่ สงั คมท้งั ในระดับประเทศและนานาชาตแิ ละยกระดบั สถาบนั สู่สากลจากความรว่ มมือกับสถาบนั ศึกษานานาชาติ 4. สถาบันพระบรมราชชนกควรเร่งพฒั นาหลักสตู รและวธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนท่ีทันสมยั ตอบสนองความต้องการของผู้เรยี นในศตวรรษที่ 21 โดยใชเ้ ทคโนโลยีที่ทันสมยั และเครอื ขา่ ยทางวชิ าชีพ และสงั คมใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาคณุ ภาพบัณฑิต 5. สถาบนั พระบรมราชชนกควรเร่งพัฒนาระบบบริหารจดั การงานวจิ ยั ระเบียบข้อบงั คับ และ เทคโนโลยสี ารสนเทศท่เี อ้ือต่อการบรหิ ารงานวิจัย และสร้างขวญั กาลังใจในการผลิตผลงานวิชาการดว้ ยกล ยุทธท์ ห่ี ลากหลาย 1

สรปุ สาระสาคญั ชื่อเรอื่ ง บริบทและความท้าทายของอุดมศกึ ษาไทยในศตวรรษที่ 21 วทิ ยากร ศ.ดร. นพ. ประสทิ ธิ์ วัฒนาภา สาระสาคญั 1. สถานการณ์การศึกษาระดับอุดมศึกษาในโลกและในประเทศไทยในปัจจุบันน้ันได้รับอิทธิพลจาก การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดความรุนแรงข้ึนเร่ือยๆ ตามลาดับ ทาให้การศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศไทย ต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้แก่ Globalization, Digitization, Disintermediation, and Radicalization or Disruptive Technology 2. ในปัจจุบันพบว่ารัฐบาลสนับสนุนมหาวิทยาลัยลดลง มหาวิทยาลัยในกากับไม่มีตาแหน่งเพ่ิม จานวนนักศึกษาท่ีเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีปริญญาน้ันลดลงเร่ือยๆ การศึกษาทางไกลนั้นได้รับความ นิยมเพิ่มมากขึ้น มีการเติบโตของ Distance Education Universities เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าว กระโดดทุกอย่างและเกิดขึ้นรวดเร็วมากในเรื่องเทคโนโลยีของการสื่อสาร โดย Technology ข้อมูล- ข่าวสาร และ ข้อมูลใน Social Media กลายเป็นเคร่ืองมือในการส่ือสารและการเรียนรู้ท่ีสาคัญในปัจจุบัน โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ Generation Y & Z 3. สถานการณ์ของการอดุ มศึกษาของประเทศไทย พบว่าสถาบันอุดมศึกษามีการแสวงหาเอกลักษณ์ ด้านคุณภาพและความแตกต่าง มีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย (ภายในและภายนอกประเทศ) มีการศึกษา เฉพาะทาง มุ่งผลิตผลงานวิจัย การศึกษาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือศึกษาทางไกล บางครั้งมีการใช้ หลักสูตรต้นแบบจากต่างประเทศ มุ่งเชิงพาณิชย์มากข้ึน โดยสถาบันอุดมศึกษาท่ีแข่งขันไม่ได้ต้องปิดตัว หรอื ควบรวมกจิ การ 4. ลักษณะสาคัญของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มีรูปแบบใหม่ของการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ซึ่ง ประกอบด้วย Authentic Learning, Mental Model Building, Experiential learning, Internal Motivation, Multiple Intelligence, and Social Learning 5. ลักษณะของนักศึกษาในศตวรรษที่ 21 ซ่ึงพบวา่ นกั ศึกษามลี ักษณะตา่ งๆ ดงั ต่อไปน้ี - การมคี วามถนัดในการใช้เทคโนโลยี เรียกว่า “Net-Generation Learners”, “Millennial Students”, “Generation-Y”, หรือ “Digital-Natives” - การมี Interaction กบั Technology มอี ิทธิพลตอ่ กระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษาและพบว่า สง่ ผลต่อผทู้ ่เี กิดกอ่ นปี ค.ศ. 1982 บางสว่ นดว้ ย - เด็กสามารถทาเรอ่ื งหรือสิ่งต่างๆ ได้มากกวา่ 1 เร่ืองหรือ 1 ส่งิ ในเวลาเดียวกนั มีทกั ษะในเรอ่ื ง เทคโนโลยีขอ้ มลู และการส่ือสารมาก - ใช้ Internet เป็น Universal Source of Information ผู้ใหญห่ รอื ครไู ม่ใช่แหล่งข้อมูลอกี ต่อไป เดก็ จงึ เช่อื ขอ้ มูลใน Internet มากกวา่ เช่ือบุคคล 2

- ชอบแสดงความคดิ เหน็ และร้สู ึกดหี ากมีคนฟัง ชอบความมีอสิ ระในการแสดงออกซ่งึ ความคิด ใหม่ๆ หรอื ความคดิ สร้างสรรค์ ชอบทาสง่ิ แปลกๆ ใหม่ๆ ไม่เหมือนคนอืน่ ชอบความโปรง่ ใส ความเสมอภาค - ผใู้ หญ่ผดิ ได้ และควรยอมรับ มีความอดทนตา่ ชอบความยืดหยนุ่ คล่องตัว ไม่ ชอบกฎระเบยี บ - เน้นผลงาน (Output/Outcome) มากกว่าวิธีการหรือกระบวนการ (Process) มีความ กระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น และมีความทะเยอทะยานสูง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ เคารพผู้ใหญ่โดยอัตโนมัติ มีความจงรักภักดี (Loyalty) ต่อองค์กรต่า เมื่อเทียบบุคลากรวัยอ่ืนๆ เปลี่ยนงานงา่ ย หรอื อาจจะเปลย่ี นอาชพี 6. ทิศทางและแนวโน้มการเปล่ียนแปลงของอุดมศึกษาในโลก (Direction and Trend of Changes) (Analysis & Projection) พบว่าเป็นการบริหารจัดการแบบธุรกิจ เพื่อนารายได้กลับมาพัฒนา มหาวิทยาลัย มีการกาหนดบทบาทของมหาวิทยาลัยให้เป็นแหล่งของการเรียนรู้ การปรับหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอนเพื่อเข้ากับการเปล่ียนแปลงของสถานการณ์ท่ีเปล่ียนอย่างรวดเร็ว ทิศทางหรือ แนวทางของการเปล่ียนแปลงของกระบวนการเรียนการสอนท่ีสา คัญคือการเปล่ียนจากลักษณะการเรียน การสอนเดิมทเ่ี รียกว่า Industrial Model of Pedagogy ไปสู่ลักษณะที่เรียกว่า Collaborative Learning และการพยายามนามหาวิทยาลัยเข้าเป็นเครือข่ายกับสถาบันอุดมศึกษาและมีการสร้างความร่วมมือในการ จดั การเรยี นการสอนมากข้นึ 3

ชอ่ื เร่ือง การพฒั นานสิ ติ นกั ศึกษาในศตวรรษท่ี 21 วิทยากร ศาสตราจารย์ พญ. อรพรรณ โพชนุกลู รองอธกิ ารบดฝี ่ายกจิ การนกั ศกึ ษา ม.ธรรมศาสตร์ สาระสาคัญ ความทา้ ทายที่นกั ศึกษาในศตวรรษท่ี 21 ตอ้ งเผชิญ ได้แก่ 1. ความหลากหลายทางดา้ นเช้อื ชาติ วฒั นธรรม ภาษา ความสนใจ ทกั ษะความสามารถ 2. อิสรภาพในหลายมิติ ด้านการแต่งกาย ความคดิ การแสดงออก และการใชช้ วี ติ 3. การเปล่ยี นแปลงทรี่ วดเร็วดา้ นทกั ษะ ความคดิ เทคโนโลยี และรปู แบบองค์กรหรอื ธรุ กิจใหม่ๆ ต้องเข้าใจความแตกต่างของนักศกึ ษา ซ่ึง AI ไม่สามารถทาแทนได้ เนื่องจาก AI ไมม่ ีอารมณ์ ความรสู้ ึก ความคิดสร้างสรรค์ ความมีสติ การคดิ วิเคราะห์ ถึงแม้ในปัจจบุ ันจะมกี ารนา Artificial intelligence (AI) มาใชใ้ นวงการต่างๆ มากข้นึ ก็ตาม ครูจึงต้องมกี ารพัฒนาศักยภาพอยู่ตลอดเวลา สง่ิ หนึ่งคือการสรา้ ง ทักษะเพ่ือรับดิจิตอล 4.0 ดา้ นการวิเคราะห์ข้อมูล ดจิ ิตอล ผปู้ ระกอบการ ทักษะศตวรรษท่ี 21 และ EI (Emotional Intelligence) การปรับหลักสตู รทรี่ องรับการเปล่ียนแปลง การเรียนไมจ่ าเปน็ ต้องอยู่แต่เฉพาะในห้องเรยี น เพราะนักศึกษาสามารถหาความรู้ได้จากสอ่ื ท่มี ใี น internet ดังนั้นการสอนไม่ได้เน้นแต่ความรู้ แต่ควรเน้นให้เกดิ ทักษะ การพฒั นาคุณลักษณะบัณฑิตท่พี งึ ประสงคข์ องมหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ คณุ ลักษณะบัณฑิตที่พงึ ประสงคค์ ือ “GREAT” ประกอบด้วย Global Mindset ทันโลกทันสังคม เทา่ ทนั การเปล่ียนแปลงของโลกในมิตติ ่างๆ นกั ศึกษาตระหนัก ถึงความสาคัญและความจาเป็นท่ีตอ้ งเปิดโลกทศั นใ์ ห้กว้างขวางย่ิงขึน้ สนใจและตดิ ตามปรากฏการณ์ท่ี สาคญั ทางการเมือง เศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรมท่กี าลงั เป็นกระแสทั้งในระดับประเทศ ระดบั ภมู ิภาค อาเซียน และระดบั โลก เพือ่ ใหท้ ันโลก Responsibility มีสานึกรับผดิ ชอบอย่างย่ังยืนตอ่ ตนเอง บุคคลรอบขา้ ง สังคมและส่งิ แวดลอ้ ม มี ความเข้าใจธรรมชาติของสรรพสิง่ ทเี่ ชื่อมโยงกัน และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั ในเรือ่ งการบรโิ ภค การใช้ทรัพยากร Eloquence สื่อสารอย่างสรา้ งสรรคแ์ ละทรงพลงั มีทักษะสนุ ทรียสนทนา มีทกั ษะการคิดอยา่ ง สรา้ งสรรค์ มีการคิดเชิงวิพากษเ์ ป็นองค์ประกอบ สามารถจัดการเนอ้ื หาทีต่ นคิดอย่างเปน็ ระบบเพื่อส่ือสาร ไปยังผรู้ บั ระดบั ต่างๆ Aesthetic Appreciation สุนทรียะในหวั ใจ มีความรใู้ นด้านการดแู ลตนเองในดา้ นการบรโิ ภค อาหาร การออกกาลงั กาย การป้องกนั โรค การจัดการความเครยี ด การสร้างความม่ันคงในอารมณเ์ มอ่ื เผชิญปัญหา Team Leader ทางานกบั ผู้อ่ืนได้ท้ังในบทบาทเปน็ ผู้นา ทางานเป็นทีม ยอมรับความคดิ ทแ่ี ตกตา่ ง กนั ไม่เพิกเฉยต่อความไม่ถูกตอ้ ง ความไม่เปน็ ธรรมในสงั คม โดยเข้าไปช่วยเหลอื อย่างเหมาะสม 4

Spirit of Thammasart จิตวญิ ญาณความเป็นธรรมศาสตร์ เช่อื ม่ันระบบประชาธปิ ไตย สิทธิ เสรีภาพ ยอมรบั ในความแตกตา่ งกัน การปรบั ปรงุ หลักสตู รการเรียนวิชาพ้นื ฐานใหส้ อดคล้องกับกระแสการเปลย่ี นแปลงของโลกทเี่ ปล่ยี น อย่างรวดเรว็ และเนน้ ใหน้ ักศึกษาเกิด GREAT และมีลักษณะเป็นผู้นา ก้าวทันโลกในยคุ ปจั จุบนั ฝกึ ทักษะ ด้านการคดิ วิเคราะหแ์ ละสังเคราะห์อย่างสรา้ งสรรค์ ภายใต้ 3 เสาหลัก ไดแ้ ก่ ทนั โลก ทนั สงั คม (Global Mindset) ทกั ษะชีวิตทางสังคม สนุ ทรยี ะในหวั ใจ สขุ ภาพกายใจ (Soft Skills) และมีจติ วญิ ญาณ ธรรมศาสตร์ มีประชาธปิ ไตย เสรีภาพ เปน็ ธรรม มีจิตอาสา (Spirit of Thammasart) โดยพัฒนาผา่ นการ เรียนรเู้ ชงิ รุก (active learning) โครงการ กจิ กรรมที่มหาวิทยาลัยดาเนนิ การและกิจกรรมของชมรม นักศึกษา ซ่ึงเป็นพ้นื ฐานทสี่ าคญั สาหรบั การเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาก่อนสาเร็จการศึกษา การชว่ ยเหลือนักศึกษาด้านจิตใจ มีบริการทีจ่ ดั ขน้ึ เพ่ือช่วยเหลือนักศึกษาหลายช่องทาง ได้แก่ 1) App: Mind Mood ซ่งึ นกั ศกึ ษา ประเมินตนเองผ่านแบบทดสอบทางจิตวิทยา (รู้) นกั ศึกษาสามารถดูแลตนเองเพ่ือลดปัญหา (ลด) ถา้ จัดการตนเองไม่ได้ก็สง่ ตอ่ เพื่อรบั การชว่ ยเหลอื อย่างเหมาะสม (รับ) 2) การใช้ระบบเครือขา่ ย 3) Call Center 4) Chat Bog นอกจากนย้ี งั มีการประเมินกล่มุ เส่ียงโดยใช้หลักการสอดส่อง ใสใ่ จ และส่งตอ่ รวมถงึ มีระบบอาจารย์ทป่ี รกึ ษาในการดูแลสขุ ภาพจติ โดยการสอดส่องผู้ทมี่ ีกลุม่ เสีย่ ง ใสใ่ จรบั ฟงั สง่ ตอ่ เพ่ือ รบั การรักษา การสร้างเสรมิ สุขภาพนกั ศึกษา สร้างเสรมิ สุขภาพดีและยง่ั ยนื ทัง้ สุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยใชห้ ลกั 4 Es ได้แก่ Eating Exercise Emotion and Environment 5

ช่อื เรือ่ ง นโยบายและยทุ ธศาสตร์การพฒั นาการศึกษาและอุดมศึกษา วทิ ยากร นางสาววัฒนาพร สุขพรต ผูอ้ านวยการสานกั นโยบายและแผนการอดุ มศกึ ษา สาระสาคญั การขับเคลื่อนบริบทโลก แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก (Global Mega Trends) ท่ีมี ผลกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมท้ังอุดมศึกษา ได้แก่ 1) เป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืน 2) สังคมสุขภาพ 3) จานวนผู้สูงอายุเพ่ิมขึ้น 4) การขยายตัวของเมือง 5) ความม่ันคง การโจมตีทาง Cyber การก่อการร้าย 6) การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี Social Network (7) โครงสร้างพื้นฐาน 8) ระบบการจัดการการส่ง สินค้า 9) โลกาภวิ ัตน์ 10) พลังงาน 11) เศรษฐกจิ สเี ขยี ว และ 12) การเปลย่ี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ การขับเคล่ือนบริบทประเทศ ในปี 2561 IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 30 จากทั้งหมด 63 ประเทศ และ WEF ในปี 2560 ประเทศไทยได้รับการจัด อันดับความสามารถในการแข่งขันอยู่อันดับที่ 32 (จาก 137 ประเทศ) และมีผลรวมคะแนนเพ่ิมขึ้น นับเป็นอับดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งน้ีการเพ่ิมอันดับและคะแนนของประเทศไทยและกลุ่ม ประเทศอาเซียนแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่มีแ นวโน้มความสามารถในด้าน ต่างๆ ดีข้ึน นอกจากนี้ยังมีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างประชากรคือ มีจานวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น ร้อยละ 15 และอตั ราการเกิดอย่ทู ี่ 1.6 คน สาหรับพลงั งาน พบวา่ มีก๊าซธรรมชาติสารองอีก 20-30 ปี และ ความต้องการพลังงานจะเพ่ิม 2 เท่า ในอีก 25 ปี ส่วนการวิจัย พบว่า ในปี 2558 มีจานวนนักวิจัยเพียง 13.6: 10,000 คน และงบประมาณวิจัยอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ของ GDP รวมทั้งมีการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ อยา่ งมาก เชน่ Digital Economy การลงทนุ ขนาดใหญท่ างดา้ นคมนาคม สาหรับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประกอบดว้ ย 6 ประเด็น โดยประเทศไทยจะพัฒนาได้ต้องมีความม่ันคง การเกิดความม่ังคั่งและย่ังยืนได้ ต้องขับเคลื่อนด้วยไทยแลนด์ 4.0 ซ่ึงประเทศไทยมีความได้เปรียบท้ังจากความหลากลายเชิงชีวภาพและ ความหลากหลายเชิงวัฒนธรรม นาไปสู่ความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน รวมท้ังรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทยพ.ศ. 2560 มาตรา 65 และ 259 ยังเน้นการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ การติดตามและการ รายงานผลของทุกส่วนราชการ รวมทั้งกาหนดบทลงโทษกับหน่วยงานท่ีไม่ดาเนินการตาม ซึ่งการเข้าใจ เกี่ยวกับ Global Trends บริบทประเทศ นโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี Thailand 4.0 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 การบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูป ประเทศ ป.ย.ป. วาระการปฏิรูป ฯลฯ เป็นภารกิจของทุกส่วนราชการ สาหรับระดับของแผนประกอบด้วย ยทุ ธศาสตรช์ าติ แผนแมบ่ ท 23 ฉบับ แผนปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฯ แผน ความมั่นคง และแผนปฏิบัติการของหน่วยงาน โดยทุกหน่วยงานต้องรายงานผลการดาเนินงานผ่านระบบ สารสนเทศทใ่ี ชต้ ิดตามตรวจสอบ และประเมนิ ผลผา่ นระบบ EMENSCR การขับเคล่ือนบริบทการศึกษา แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ครม. เห็นชอบเมื่อ 14 มีนาคม 2560 ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ และ 5 เป้าหมายคือ การเข้าถึงการศึกษา (Access) ความ เท่าเทียม (Equity) คุณภาพ (Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และตอบโจทย์บริบทท่ีเปล่ียนแปลง (Relevancy) 6

การขับเคลื่อนบริบทอุดมศกึ ษา อดุ มศกึ ษาเป็นกลไกในการขบั เคลือ่ นพัฒนาประเทศ (Engine for growth) เป็นช่วงเวลาและโอกาสสาคัญในการเปลี่ยนแปลงการศึกษาของประเทศ และปฏิรูประบบ อุดมศึกษาบนแนวคิดให้อุดมศึกษาเป็นหัวรถจักรในการปรับการศึกษาท้ังระบบ ประเทศไทยยังมี Publications ค่อนข้างน้อย ควรมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตอย่างมีคุณภาพ โดยเพ่ิมการผลิตบัณฑิตด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และลดด้านสังคม รวมทั้งควรมุ่งพัฒนา 10 ทักษะที่ตลาดแรงงานโลกต้องการ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาท่ีซับซ้อน การคิดเชิงวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการบุคคล การ ทางานร่วมกัน ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) รู้จักประเมินและการตัดสินใจ มีใจรักการบริการ การเจรจา ต่อรอง และมีความยืดหยุ่นทางปัญญา ส่วนมิติการเปลี่ยนแปลงของ University 4.0 มี 4 ประการ ได้แก่ Relevancy การปรับตัวของการผลิตบัณฑิตเข้าสู่ความต้องการที่เหมาะสม Equity โอกาสและความหลาก หลายของผู้รับบริการ การระดมทุนเพอ่ื ความเสมอภาคทางการศึกษา Efficiency การบริหารแบบมืออาชีพ โดยบุคลากรผู้เช่ียวชาญ เข้าใจบริบทสังคมและนาเครื่องมือต่างๆ มาจัดการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ Quality คุณภาพของบัณฑิต คุณภาพของงานวิจัยและนวัตกรรม ระดับการพัฒนาสถาบันสู่ความเป็นเลิศ แนวทางการจัดสรรงบประมาณใช้หลัก Function Based ภารกิจตามหน้าท่ี Agenda Based นโยบาย รัฐบาลและนโยบาย รมว.ศธ. และ Area Based ภารกิจตามพื้นที่ โดย พรบ.งบประมาณปี 2561 จะไม่ให้ ใช้เงิน และผลของการใช้งบประมาณของปีนี้จะเป็นตัวบอกงบประมาณของปีถัดไป งบประมาณอุดมศึกษา สว่ นใหญ่อยู่ที่แผนงานบุคลากรภาครฐั ประมาณ 58% ความสัมพันธ์ของงบประมาณ จานวนนักศึกษาและ จานวนอาจารย์ พบว่า มีแนวโน้มจานวนนกั ศกึ ษาลดลง แต่จานวนอาจารย์เพ่ิมข้ึน ดังน้ันอาจารย์ต้องไปทา พันธกจิ อนื่ ๆ ด้วย แผนอุดมศึกษาระยะยาว 20 ปี มีการจัดระบบอุดมศึกษาใหม่ โดยปรับบทบาทภาครัฐ บูรณาการ ภารกิจและสร้างสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่เอ้ืออานวย ประกอบด้วย โอกาสการเข้าถึงอุดมศึกษาและ ความเป็นธรรม สมรรถนะของบัณฑิต การวิจัย นวัตกรรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยี การสร้างเสริม บุคลากรคุณภาพสูง การบริหารและธรรมาภิบาล ความมั่นคงทางการเงินในระบบอุดมศึกษา ภาคีภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน และ อุดมศึกษาดิจิทัล โดยมี 7 จุดเน้นของ สกอ. ในการขับเคลื่อนการอุดมศึกษา คือ 1) โอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษา 2) บูรณาการกับการศึกษาระดับอ่ืน 3) การพัฒนาคุณภาพ บัณฑิต 4) ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม 5) ธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา 6) เทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือ การศึกษา และ 7) พัฒนาบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา โครงการ/กิจกรรมขับเคล่ือนอุดมศึกษาที่สาคัญ เช่น โครงการผลิตครูเพ่ือพัฒนาท้องถิ่น การปรับยุทธศาสตร์เสริมสร้างสถาบันอุดมศึกษาไทย กฎหมายที่ เก่ียวข้องกับการขับเคลื่อนกระทรวงอุดมศึกษาอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้แก่ พรบ.ปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวงกรม ฉบบั ท่ี พ.ศ. 2562 พรบ. สภานโยบายการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวตั กรรมแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562 พรบ.การอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 พรบ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พรบ.ส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การ วจิ ัยและนวัตกรรม โดยการเปลี่ยนผา่ นของ อว. เพ่ือยกระดับคุณภาพการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรมให้เป็นกลไกสาคัญในการพฒั นาประเทศ 7

ชื่อเร่อื ง การพฒั นาและการบริหารหลักสูตร วทิ ยากร รศ.ดร. บวร ปภัสราทร สาระสาคญั แนวคิดการสรา้ งหลกั สูตร สง่ิ ที่คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรต้องคานงึ ถึงในการสรา้ งหลักสูตรคือบริบทอาชีพ บริบทสถาบนั บริบทชาติ และบรบิ ทโลก บรบิ ทอาชีพ: ตอ้ งคานึงถึงพนั ธกจิ หลักของเราวา่ ต้องการผลติ กาลงั คนดา้ น สขุ ภาพ ที่ไมเ่ นน้ รายได้ หาจุดเด่นของการผลิตของบณั ฑิตคือเรียนในระดบั local แต่สามารถทางานใน ระดบั global ได้ ในปัจจบุ ันผทู้ สี่ ามารถหางานทาได้ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งมีปริญญา แตต่ อ้ งมีทักษะที่จาเป็น ไดแ้ ก่ ทักษะดา้ นสงั คม (Social skills) (44%) และ ทักษะการจดั การ (Resource management skills) (23%) นอกจากนีใ้ นการสร้างบัณฑิตตอ้ งเน้นทักษะท่ี Artificial Intelligence (AI) ไม่สามารถทดแทนได้ ได้แก่ ความฉลาดทางสังคม (Social Intelligence) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และความสามารถในการ รับรู้และจดั การกบั ปัญหาได้ (Perception and Manipulation) บรบิ ทสถาบนั : เปา้ หมายของการผลติ คือ ใหบ้ ณั ฑติ เป็นนักปฏบิ ัติ มากกวา่ การเปน็ นักวจิ ัย บรบิ ทชาติ: ประเทศไทยมคี วามเหมาะสมในการเป็น Medical Hub บริบทโลก: การทโี่ ลกจะเป็นสงั คมผู้สูงอายุ (Aging society) อิทธพิ ลของภาษา ทักษะการ รู้ดิจิตลั (digital skills) และทักษะศตวรรษท่ี 21 กฎหมายที่เกี่ยวข้องกบั การผลติ บณั ฑติ ประกอบด้วย 1. พระราชบัญญตั ิการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 การควบคมุ และกากบั ดูแลสถาบันอุดมศึกษาจะ กระทาได้เพยี งเท่าทจี่ าเป็นเพ่ือรกั ษาประโยชนข์ องประชาชนหรือประเทศเปน็ สว่ นรวม 2. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง มาตรฐานการอุดมศึกษา พ.ศ. 2561 กาหนดมาตรฐานผูเ้ รยี น ไว้ 3 ดา้ นคือ 1) เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และความรอบรู้ด้านต่างๆ ในการสร้างสัมมาอาชีพ 2) เป็นผ้รู ว่ มสร้างสรรคน์ วตั กรรม มที ักษะศตวรรษท่ี 21 และ 3) เป็นพลเมืองท่เี ขม้ แข็ง มคี วามกลา้ หาญ ทางจรยิ ธรรม 3. ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรื่อง เกณฑม์ าตรฐานหลักสตู รระดับปริญญาตรี พ.ศ. 2558 4. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เร่ือง แนวทางบรหิ ารเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอดุ มศกึ ษา พ.ศ. 2558 5. ประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เร่ืองกรอบมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 6. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอื่ งแนวทางการปฏบิ ัติตามกรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิ ระดบั อุดมศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2552 7. ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรอ่ื งมาตรฐานคุณวฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2554, (พ.ศ. 2561) 8. ประกาศคณะกรรมการการอดุ มศึกษาเร่ือง แนวทางการปฏบิ ัติตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดบั อุดมศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 8

การจัดทาหลักสตู ร การจดั ทาหลักสูตรของอเมริกาตอ้ งมีความสอดคลอ้ งกับแผนของรฐั (state) และต้องมีการสารวจ ความต้องการของสงั คม ความตอ้ งการของวิชาชพี และมกี ารหาข้อมูลความตอ้ งการของตลาดโดยความ ตอ้ งการน้จี ะต้องมี evidence มาสนบั สนนุ โดยการผลติ กาลังคนทม่ี ีคุณภาพตอบสนองความต้องการของ ตลาดน้นั ประกอบด้วย 1. ผ่านหลกั สตู รทยี่ ดื หยุ่น หลากหลาย รู้หลายศาสตร์ 2. ลดช่องวา่ งระหว่าง คณะ 3. เป้าหมายที่คิดร่วมกับผ้ใู ช้ 4. กล่มุ เปา้ หมายทเี่ ปดิ กว้าง เรยี นได้ทกุ ที่ ทุกเวลา และ 5. เน้น การเรยี นรขู้ ้อเท็จจรงิ สถานที่จริง ทางานไดจ้ ริง การออกแบบจัดการปรับปรุงหลักสตู ร มีขนั้ ตอนดงั น้ี 1. สารวจความตอ้ งการของประเทศ สังคม ความต้องการของอาชพี และความต้องการอน่ื ๆ 2. ออกแบบเน้ือหาของหลักสูตร อะไรคือสง่ิ ทคี่ วรรู้ รอู้ ะไรบา้ ง ทาอะไรได้ เปน็ คนอย่างไร และ ทาไมต้องรเู้ ร่ืองน้ีโดยระบุเหตุผลและปรัชญาภายใตส้ ่งิ ทตี่ ้องรู้ มกี ารกาหนดผลลัพธข์ องผู้เรยี น (student outcomes) เอาไว้ เพอื่ ระบสุ ิ่งทผ่ี เู้ รียนถกู คาดหวงั วา่ ตอ้ งรู้ และสามารถทาไดเ้ ม่ือจบการศกึ ษา และ กาหนดผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ (Learning outcomes) เปน็ ขอ้ ความที่บอกส่งิ ทผี่ ู้เรยี นถูกคาดหวงั วา่ จะรู้ เข้าใจ และสามารถทาได้ภายหลังทีผ่ า่ นกระบวนการเรยี นรู้แลว้ 3. ในการกาหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning outcomes: LO) น้นั ผู้ทาตอ้ งหาจุดเน้นของสถาบัน ให้ชัดเจนเพือ่ มากาหนด LO ที่อยากได้ เขยี นวธิ กี ารสอนหรอื เรยี นรู้ และวธิ กี ารประเมินผล LO นน้ั ๆ โดย มี LO ทเ่ี ป็นความรู้ (knowledge) ทักษะ (skills) และ ค่านิยมและทัศนคติ (value and attitude) 4. ในหลักสตู รตอ้ งมกี ารแตกองค์ความรเู้ พื่อใหส้ ามารถประเมินผลและพฒั นาได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดย องค์ความรู้ (body of knowledge) จะแตกยอ่ ยออกมาเป็นสาขาของความรู้ (knowledge area) เปน็ หนว่ ยความรู้ (knowledge unit) 5. เพื่อสรา้ งความมน่ั ใจว่าการเรียนรจู้ ะเป็นไปตามผลการเรียนรทู้ ีก่ าหนดไว้ ต้องมีกระบวนการใน การจดั การและปรบั ปรุงหลกั สตู ร โดยค้นหาวา่ อะไรทีผ่ ู้เรียนต้องการรู้ เข้าใจ และ สามารถทาได้ สอน อย่างมปี ระสิทธภิ าพไดอ้ ย่างไรเพื่อม่นั ใจวา่ ผู้เรยี นทกุ คนเรยี นรู้ เรารู้ได้อย่างไรวา่ ผเู้ รียนเรียนรแู้ ล้ว และเรา จะทาอะไรเมื่อผ้เู รยี นไมเ่ รยี นรหู้ รือเรยี นรูแ้ ล้วก่อนจบการศึกษา โดยกระบวนการน้ีจะเป็น PDCA หมุนไป เร่ือย ๆ จนเกิดความเป็นเลศิ ปญั หาของการพัฒนาและการบรหิ ารหลกั สตู ร 1. ขาดการบูรณาการ เวลาทางานแลว้ ต่างคนตา่ งทา จะเกิดความรว่ มมือกนั ในการทางานอยา่ งไร 2. ไม่สามารถบอกได้วา่ ลูกคา้ คือใคร (นศ. เป็น product ลกู ค้า คือ กระทรวงสาธารณสุข และ องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ) 3. ไม่สามารถบอกได้ว่า outputs และ outcomes คอื อะไร 4. ไม่มีการ closing loop ไม่ได้วดั วา่ วชิ านีส้ อบแลว้ เป็นอย่างไร วัด effectiveness ไม่เป็น 5. ไม่แปลงข้อมลู เป็นสารสนเทศทน่ี าไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ (Information) ได้ 9

ช่ือเร่ือง การบรหิ ารงานวิจัยและผลติ ผลงานทางวิชาการ วิทยากร ผศ.ดร. ปฐมทศั น์ จิระเดชะ สาระสาคัญ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ (มศว.) เดมิ เป็นมหาวทิ ยาลัยด้านการศึกษาท่มี กี ารผลติ ผลงานวิจัย และผลงานทางวิชาการรวมทั้งจานวนนวตกรรมค่อนข้างน้อย ยังมีศักยภาพไม่มากพอในสร้างทุนมนุษยเ์ พ่อื เข้าสวู่ ชิ าชพี คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ (mindset และ will power) ยงั มีไมม่ ากพอ ทาใหไ้ ม่สามารถ เปน็ กลไกสาคัญในการสร้างทุนทางปัญญาและไมส่ ามารถเอื้อใหเ้ กดิ การสรา้ งนวัตกรรมของชาติได้ การบรหิ ารงานวิจัยและผลติ ผลงานทางวิชาการในยุคปัจจุบันมคี วามท้าทายหรือเงือ่ นไขที่ เปลย่ี นแปลงไปหลายประการ ไดแ้ ก่ พลวัตโลกในศตวรรษท่ี 21 Disruptive Technologies High Performance Mobile phone ตลาดแรงงานมคี วามต้องการท่ีเปลี่ยนไป อดุ มศกึ ษาไทยไม่ตอบโจทย์ ประเทศ/โลก ประเทศไทยติดอยูใ่ น Middle-income trap ดงั น้นั เพื่อขบั เคล่ือนให้เกดิ การเปล่ยี นแปลง ไปในทิศทางท่ีสอดคลอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงของโลกและเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ จึงมกี ารกาหนดทิศ ทางการพฒั นาประเทศโดยมุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม สรา้ งมลู ค่าเพิ่ม ยกระดับความสามารถในการแขง่ ขัน การปรับตัวสู่ Data-Driven Economy และเปน็ สังคมเศรษฐกจิ ความร้ยู ุคโลกาวิวฒั น์ (Globalizing Knoeledge-Based Economy) มกี ารปรับนโยบายและเสน้ ทางการผลิตไปสูภ่ าคส่วนท่เี ปน็ การเพิม่ มูลคา่ ของทรพั ยากร (Value-Added Segment) รวมทัง้ การขบั เคลื่อนท่ีมงุ้ เน้นดา้ นผลิตภณั ฑ์และการบริการที่ อาศยั องค์ความรู้และนวตั กรรม (Knowledge-Intensive and Innovotion-Driven Products and Services) ซ่ึงจากการบริหารจดั การวิธีนที้ าให้ มศว.เติบโตแบบก้าวกระโดด ขยบั ranking ขึน้ มาเป็น อันดับ 2 ของประเทศ จาก SCIMAGO ปี 2019 ซ่ึงเกณฑ์ในการพจิ ารณา มาจาก Teaching คณุ ภาพการ สอน, Research ที่ดทู ัง้ ทุนวจิ ัย คณุ ภาพงานวจิ ยั การนาไปใช้ประโยชน์ของงานวจิ ยั รวมถึงการอา้ งอิง ดังนนั้ ในการบรหิ ารงานวจิ ยั และผลิตผลงานทางวิชาการในยุคปัจจุบัน มศว.จงึ ปรับวธิ ีการทางาน ภายใต้การบรหิ ารงานของสถาบนั ยุทธศาสตร์ทางปัญญาและวจิ ัยมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ ทาให้มผี ล การดาเนนิ งานท่พี ัฒนาอย่างก้าวกระโดด และเห็นพัฒนาการทช่ี ัดเจนทง้ั จานวนเงนิ ทนุ สนับสนบั การวิจยั จานวนผลงานวิจยั ทีต่ พี ิมพ์เผยแพร่ และจานวนนวัตกรรม ซึ่งจะเปน็ แนวทางในการนาไปประยกุ ต์ใชก้ บั วทิ ยาลัยต่างๆ ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก ดังนี้ 1. กาหนดเปา้ หมายในการบริหารงานวิจยั และผลติ ผลงานทางวชิ าการให้สามารถตอบโจทยข์ อง ประเทศและโลก คือ 1) เสรมิ สร้างขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศโดยเน้นการพัฒนาการผลติ กาลงั คนคุณภาพสูง ผลติ นวตั กรรมสร้างมูลคา่ เพม่ิ เพ่ือเปล่ียนผา่ นสงั คมไทยส่สู ังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ และเพ่ิมคณุ ค่า (Thailand4.0 : Value –based Economy) โดยใชส้ ถาบันอุดมศึกษาและสถาบันที่ เกีย่ วขอ้ งกับการวจิ ัยและนวตั กรรมเป็นหวั รถจกั รขบั เคล่ือนการพัฒนาประเทศ 2) มหาวิทยาลยั ต้องเนน้ การวจิ ัยมุ่งเปา้ ทาหนา้ ทเี่ ป็นศูนย์บม่ เพาะและ entrepreneur เพอ่ื สร้าง innovation และตอ่ ยอดไปสู่ commercialization ซ่งึ จะทาให้ประเทศไทย หลุดพน้ จากกับดกั กลมุ่ ประเทศรายไดป้ านกลาง 2. กาหนดโครงสร้างในการบริหารงานวจิ ัยและผลติ ผลงานทางวิชาการแบบครบวงจร ได้แก่ 10

2.1 ฝ่ายบริหารจดั การงานวิจยั ท่ีให้ทนุ สนับสนุนการวจิ ัย การตดิ ตามโครงการวิจัย จัดระบบ บรหิ ารจัดการงานวิจยั สง่ เสรมิ และพัฒนาศักยภาพการวจิ ัยโดยจดั ทาโครงการพัฒนาศักยภาพการวจิ ัย มี ศูนยบ์ ริการและให้คาปรึกษาเพอื่ สร้างความเปน็ เลศิ ด้านการวิจยั เชน่ คลนิ ิกวิจัย โดยมกี ารบริหารจัดการใน รปู ของคณะกรรมการชดุ ต่าง ๆ เช่น คณะกรรมการกองทุนสง่ เสริมพฒั นาการวิจยั และนวัตกรรม คณะกรรมการบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม คณะอนกุ รรมการบรหิ ารงานวิจัยเงนิ รายได้ คณะทางานผู้ ประสานงานการดาเนินงานวิจัย 2.2 ฝ่ายบรหิ ารทรัพย์สินทางปัญญา ดาเนนิ การบริหารจัดการทรัพยส์ ินทางปญั ญา เช่น การ ขอรับความคมุ้ ครองทรัพย์สนิ ทางปัญญา การอนญุ าตใหใ้ ช้สทิ ธเิ ทคโนโลยี เป็นต้น การนาผลงานวิจัยองค์ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ การเสรมิ สร้างแนวคดิ อย่างผู้ประกอบการ วจิ ยั เครอื ข่ายอุดมศึกษาภาคกลางตอนบน ทนุ สนบั สนุนการนาเสนอผลงานวจิ ัยในต่างประเทศ ทุนสนับสนุนการตีพิมพผ์ ลงานวิจัยในวารสารวชิ าการ ระดับนานาชาติ ทุนสนบั สนนุ ผลงานทไี่ ด้รบั การรับรองจากกรมทรัพย์สนิ ทางปัญญา และงานดา้ นกฎหมาย 2.3 ฝ่ายจริยธรรมการมาตรฐานการวิจยั บรหิ ารจัดการเกย่ี วกบั งานมาตรฐานจรยิ ธรรมการวจิ ยั ในมนษุ ย์ (Ethics) งานมาตรฐานจรรยาบรรณการดาเนนิ การต่อสัตว์เพ่ืองานทางวิทยาศาสตร์ (สตั วท์ ดลอง) (animals) งานมาตรฐานความปลอดภัยทางชวี ภาพ (Biosafety) งานมาตรฐาน วารสารวิชาการ (Journals) 3. เสรมิ สร้างแรงจงู ใจในการผลติ ผลงานวิจยั และผลติ ผลงานทางวิชาการท่ีชัดเจนตง้ั แต่ต้นน้าถึง ปลายน้า เนน้ การให้รางวลั incentive มากกวา่ การลงโทษ ดังนี้ 3.1 ใหท้ ุนสนับสนุนโครงการวจิ ัยตามระดบั ของการวางแผนเผยแพรผ่ ลงานวิจัย เชน่ ถา้ เป็น งานวิจยั ทต่ี ้องการไปตีพมิ พ์ในฐานข้อมูล SCOPUS ใหท้ นุ ไม่เกนิ 3 แสนบาท TCI ให้ทุนไมเ่ กิน 1 แสนบาท โดยกาหนดให้มกี ารเบกิ จา่ ยเปน็ 2 งวด งวดท่ี 1 ให้รอ้ ยละ 65 ของเงนิ ทุนวิจัยทีไ่ ดร้ ับอนมุ ตั ิ งวดที่ 2 ให้ รอ้ ยละ 35 ของเงนิ ทุนวิจยั ที่ไดร้ ับ ทงั้ น้กี ารเบิกจา่ ยไมต่ อ้ งยนื่ ใบสาคญั รับเงิน แต่ผวู้ จิ ยั ต้องรับผิดชอบเก็บ หลกั ฐานการเงนิ ไวใ้ หส้ ามารถตรวจสอบไดเ้ ป็นระยะเวลา 10 ปี 3.2 ใหท้ ุนสนับสนุนการไปนาเสนอผลงานวิจยั ในตา่ งประเทศ สนบั สนุนเป็นคา่ เดนิ ทาง เช่น ถา้ ไปประเทศในแถบอเมริกา ไม่เกนิ 75,000 บาท ประเทศในยุโรป 65,000 บาท ญี่ปุ่น 45,000 บาท และ ประเทศในเอเชยี อื่นๆ 25,000 บาท 3.3 ใหท้ ุนสนับสนนุ เม่ือได้รบั การตีพิมพ์ในวารสารแล้ว จาแนกตามระดบั ของฐานขอ้ มูล เชน่ ถ้า ได้รบั การตีพิมพ์ในฐานข้อมูล SCOPUS โดยไดร้ ับเงินตามระดบั ควอไทล์ 1 เร่อื งละ 50,000 บาท ควอไทล 2 เรอ่ื งละ 40,000 บาท ควอไทล์ 3 เร่ืองละ 25,000 บาท ควอไทล์ 4 เรื่องละ 20,000 บาท โดยมี คณะกรรมการภายในเป็นคนประเมนิ คุณภาพของงานวิจยั 3 คน สาหรบั ทศิ ทางในการพัฒนานวตกรรมของสถาบันพระบรมราชชนนก (สบช) หรือวิทยาลัยในสังกดั ควรเริม่ ตน้ จากการวิเคราะห์ตนเอง SWOT Analysis เพ่อื ใหร้ ู้จกั ตนเองและหาจดุ เดน่ ของตนเองที่ สอดคลอ้ งกับทิศทางการพัฒนาประเทศแล้วนาไปสูก่ ารกาหนดยุทธศาสตร์การวิจยั ของ สบช. หรอื ของ วิทยาลัยต่อไป 11

ชอ่ื เร่อื ง การบริหารจัดการในรปู แบบสถาบันอดุ มศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก วทิ ยากร นางสุพรรณ กาญจนเจตนี สาระสาคัญ การบรหิ ารจดั การในรูปแบบสถาบันอุดมศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก มี 5 ประเดน็ ได้แก่ 1. โครงสรา้ งองค์กร และโครงสร้างการบริหารจดั การ 2. การบรหิ ารงบประมาณ การเงิน การบญั ชี และ พสั ดุ 3. การบรหิ ารงานบุคคล 4. การบริหารงานวชิ าการ และ 5. การบริหารงานตาแหน่งทางวชิ าการ 1. โครงสร้างองค์กร และโครงสร้างการบริหารจัดการ สภาสถาบันฯ ตามบทเฉพาะกาล โดยมี ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นนายกสภาสถาบัน และได้มีการประชุมสภาสถาบันฯแล้ว 2 คร้ัง มีมติอนุมัติ 2 สานักงาน 1 สภาวิชาการ และมีคณะ 2 คณะ คือ (1) คณะพยาบาลศาสตร์ (2) คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวช ศาสตร์ ทั้งน้ีวิทยาลัยท้ัง 39 วิทยาลัยอยู่ภายใต้สังกัดของคณะ โดยยังไม่ได้กาหนดจานวนของรองคณบดี และรองผู้อานวยการวทิ ยาลัย ส่วนกองงานตา่ งๆของสว่ นกลางยงั ไมไ่ ดร้ ับความเหน็ ชอบจากสภาสถาบัน 2. เงนิ รายได้ วทิ ยาลัยต้องทาแผนการใช้เงินเสนอขออนุมัติต่อสภาสถาบนั และสถาบนั พระบรมราช ชนกจะมีแผนในการกากับตดิ ตามการใชง้ บประมาณต่อไป 3. การบริหารงานบคุ คล - ตามมติ อกพ. กระทรวง เมื่อวันที่ 7 ม.ิ ย.62 เห็นชอบให้โอนข้าราชการจานวน 2,972 คน ใน สงั กัดสถาบนั พระบรมราชชนก สานักงานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ มาเป็นบุคลากรของสถาบันพระบรมราชชนกตาม พระราชบัญญตั ิ มาตรา 61 - ตามมาตรา 62 ให้ข้าราชการที่โอนมาตามมาตรา 61 ที่เป็นบุคลากรทางการศึกษาตาม กฎหมายว่าด้วยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่วนสายสนับสนุน ให้ยังคงเป็นข้าราชการ กระทรวงสาธารณสุข ตามมาตรา 64 - ตามมาตรา 45 ได้นากฎหมายของข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษามาใช้ รวมทั้งอานาจใน การบริหารเปน็ ของสถาบันพระบรมราชชนกโดยแบ่งบุคลากรออกเป็น 3 ระบบ คือ 1) ระบบผู้บริหาร 2) ระบบผู้สอน 3) ระบบบุคลากรด้านวิชาการและสายสนับสนุน ทั้งน้ี ผู้บริหารที่ไม่ใช่ข้าราชการต้องบรรจุ เป็น พกส.ก่อนที่จะข้นึ สูต่ าแหนง่ ทางบริหาร 4. การบริหารงานวชิ าการ โดยเปลีย่ นระบบ QA 5. การบริหารงานตามตาแหนง่ ทางวิชาการ 5.1 การประเมินบุคคลเพ่ือเลื่อนระดับของบุคลากรสายการสอน ยุติการประเมินเพื่อเลื่อนเป็น ชานาญการและชานาญการพิเศษ แต่จะประเมินเข้าสู่ ผศ. รศ. และ ศ. ส่วนสายสนับสนุน (ข้าราชการ) ยังดาเนนิ การประเมินด้วยระดับชานาญการและชานาญการพเิ ศษไดเ้ ชน่ เดมิ 5.2 ผู้อานวยการวิทยาลัย ประเมินเข้าสู่ ผศ. รศ โดยยุติการประเมินระดบั เชี่ยวชาญ ต้ังแต่ 1 มิ.ย. 62 ท้ังน้ี รายละเอียดในการขอ ผศ.ระดับต้น ผศ.ระดบั สงู ยงั ไม่ชัดเจน ตอ้ งเสนอให้สภาสถาบันพจิ ารณาต่อไป 12

ช่ือเรอื่ ง อภปิ ราย ประสบการณ์การบริหารองค์กร วทิ ยากร ผศ.ดร. จริยา วิทยะศภุ ร และ ผศ. นพ. เฉลมิ ชัย บุญยะลพี รรณ สาระสาคญั ประสบการณก์ ารบรหิ ารโรงเรียนพยาบาลรามาธบิ ดี (ผศ. ดร. จรรยา วิทยะศภุ ร) 1. องคก์ รท่ีเกย่ี วข้อง (ระบบการกากับงาน, กฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และประกาศท่ีเก่ยี วขอ้ ง) องค์กรท่เี กี่ยวขอ้ งมที ้ังภายใน ไดแ้ ก่ สกอ. มหาวทิ ยาลัย คณะ ภาควิชา สาขาวชิ า ทาหนา้ ทรี่ บั รอง หลกั สตู ร รบั รองคณุ ภาพสถาบนั และภายนอกองค์กร ไดแ้ ก่ สมศ. รบั รองคณุ ภาพสถาบัน สภาวิชาชีพ รบั รองหลักสตู ร และรับรองคุณภาพสถาบัน รวมถึงการจดั สอบใบประกอบวิชาชพี เพ่ือใหไ้ ด้บุคลากรทาง วชิ าชีพทม่ี ีคุณภาพ ได้มาตรฐานวิชาชีพ สาหรับประสบการณก์ ารบรหิ ารงานโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี มี Keyword สาคญั ๒ คา คือ Autonomy คอื การมีอานาจในการตัดสินใจ มีอสิ ระในการบรหิ ารจดั การ และ Visibility คอื เรือ่ งการบรหิ ารจัดการเชิงโครงสรา้ ง ซึง่ ปัจจุบนั โรงเรียนพยาบาลรามาธบิ ดี มกี าร บรหิ ารเชิงผลงานชัดเจนแต่ยงั ไมช่ ัดเจนเชงิ โครงสรา้ ง เพราะอยภู่ ายใต้การบรหิ ารโครงสร้างของคณะ แพทยศาสตร์ รามาธบิ ดี แต่มีจดุ เดน่ คือเร่ือง การบรกิ ารคนไข้ทด่ี ี เน้นการใหก้ ารบนคลนิ ิก ควบคู่กบั การจดั การศกึ ษา นอกจากน้ีคือเร่ืองของการท่ีรวมถึงคณะแพทย์เปิดโอกาสให้บคุ ลากรโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี สามารถมคี วามคลอ่ งตัวในการทาผลงานทางวชิ าการได้เชน่ เดยี วกบั บคุ ลากรกลุม่ อ่ืนของคณะแพทยศาสตร์ 2. การบรหิ ารงาน นโยบาย ยุทธศาสตร์ ในการบริหารบุคลากรให้ความสาคัญกับการบริหารและพัฒนาคุณภาพตามสมรรถนะของบุคลากร การบริหารใช้แนวทาง Blue Ocean Strategy ได้แก่ 1. การยกเลิก (eliminated) ของบางอย่างท่ีปัจจุบัน ลูกค้าอาจไม่ต้องการ 2. การลด (reduced) การนาเสนอคุณค่าบางอย่างให้ต่าลง เพราะเดิมเราเคยคิด 3. การเพิ่ม (raised) ปัจจัยบางอย่างให้สูงกว่าระดับอุตสาหกรรม และ 4.การสร้าง (created) คุณค่าบาง ประการทไี่ ม่เคยมใี นการนาเสนอในอุตสาหกรรมมาก่อน สร้างนวตั กรรมขึน้ มาใหม่ มีนโยบาย ยุทธศาสตร์ด้านการผลิต ทั้งความร่วมมือกับภายในและภายนอกองค์กร ก่อให้เกิดการ สร้างนวตั กรรมหลกั สูตรใหม่ ได้แก่ หลกั สูตรระยะส้ัน 4 เดือน (มากกว่า 10 หลักสูตร) ปริญญาโททางการ พยาบาลทุกสาขาท่ีมีจุดต่างจากสถาบันอ่ืน ปริญญาเอกนานาชาติท่ีมีจุดต่างจากสถาบันอื่น และวุฒิบัตร APN เทียบเท่าปริญญาเอก และการพฒั นางานดา้ นการวจิ ยั การให้ Reward ในการนาเสนอผลงานวิจัย การบริหารความขัดแย้งในองค์กร ผู้บริหารต้องมีความไวต่อปัญหาและการแก้ปัญหา โดยใช้หลัก เข้าไปจัดการปัญหา : เจรจาด้วยเหตุผล เกิด win-win situation หันหน้าคุยกัน เลี่ยงคาพูดรุนแรง ฟัง อย่างต้ังใจ การหาข้อตกลง มุง่ ประโยชน์สว่ นรวม หาคนกลางเพือ่ การไกล่เกลีย่ และร้จู ักขอโทษใหเ้ ปน็ วเิ คราะห์บรบิ ทองคก์ ร  สมรรถนะองค์  พฒั นาองค์กร  คิดพัฒนาสร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ๆ รวมถึงการท่ีผู้บริหารต้องมีความรู้ และแม่นยาในเร่ืองของกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และประกาศท่ี เกย่ี วข้อง 13

ประสบการณก์ ารบรหิ ารองค์กร: ผศ. นพ. เฉลมิ ชัย บุญยะลพี รรณ (อธกิ ารบดี มศว.) เร่ิมต้นการปฏิบัติงานแพทย์ชนบท ในการทางานกรณีเจอ case วิกฤติพร้อมกัน จะบริหารจัดการ อย่างไร และมีบทบาทในการเป็นคณะกรรมาธิการพิจารณา (ร่าง) พรบ. สบช. จาเป็นต้องพิจารณาความ สมดลุ ของการสอน: การวจิ ัย: บรกิ ารวิชาการ: ทานุฯ ปัญหาการศึกษาปัจจุบันคือการสอนให้เกิดความรู้ แต่ ไม่เกดิ ปัญญา (คือการท่ีผู้เรียนสามารถตอบได้มากกว่าท่ีครูสอน ผู้เรียนสามารถตอบคาถามใหม่ๆได้โดยไม่ ต้องเดา สามารถและกล้าตอบคาถาม แย่งกันตอบ กล้าแสดงออก) ดังน้ันจึงควรปรับการสอนแบบ Teaching เป็น Learning ผู้สอนต้องมี Inspiration ในการสอน และกาหนดเป้าหมายว่าผู้เรียนต้องเกิด Wisdom จากการสอน การสอนจึงควรใช้เทคนคิ การสอนเพอื่ ให้ผูเ้ รียนเกดิ Minimum Basic knowledge กรอบการบรรยาย ความหมาย เหตุผลของการบรหิ าร เน้อื หาสาคญั สรปุ สาระสาคญั การบริหาร คือ การกระทาทุกส่ิงทุกอย่างท่ีดี ท่ีถูกต้อง และจาเป็นเพ่ือให้องค์กรบรรลุเป้าหมายท่ี กาหนดไว้ ผ้บู รหิ าร คอื คนท่มี ีหน้าที่และอานาจเพื่อใหง้ านสาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ ผูน้ ามี ๕ ระดับ  ระดับล่างสุด ต้องเก่งฉลาด ระดบั ๒ ต้องมีปญั ญา ระดับ ๓ ต้องมีนา้ ใจ ระดับ ๔ ตอ้ งมกี ารสร้างคน ระดับ ๕ ผ้นู าทย่ี ิง่ ใหญ่ (ไม่ต้องการเปน็ ผนู้ า แต่ทาทุกอย่างอยา่ งสดุ กาลงั โดยไมม่ ีกเิ ลสตัณหา) องค์กร (มหาวิทยาลยั ) คือ แหล่งจัดการเรียนรรู้ ะดับสูง (Higher Education) มี Autonomy Academic Freedom Social Responsibility “ถา้ การเข้าถึงมหาวทิ ยาลยั ไมม่ ีความเป็นธรรมและทว่ั ถึง ทุกระดับคณุ ภาพท่ีดีขน้ึ ของมหาวิทยาลยั จะเพ่ิมความกว้างและความลึกของความเหลื่อมล้าทางสงั คม” “มหาวทิ ยาลยั จะดาเนนิ การเพอ่ื มาตรฐาน ความเปน็ เลศิ เท่าน้ันไม่ได้ แตต่ ้องเป็นมหาวทิ ยาลยั รับใชส้ งั คม” “คนดสี าคญั กว่าทุกสิ่ง” คุณลกั ษณะนักบรหิ าร - เป็นคนดี (ดา้ นจติ ภาพ ปญั ญาภาพ) - เป็นคนเก่ง (คิดบวก คิดถึงส่วนรวม>ส่วนตน คิดถึงหน้าท่ี > สิทธิ เสรีภาพ รับฟัง>ส่ังการ เข้าใจ ผอู้ ่นื >ให้ผ้อู ื่นอดทนเรา) - หน้าที่ ทักษะท่ีต้องมี (SST=Success Story Technic) เรื่องที่ดีสาเร็จของคนอ่ืนด้วยความ สนุกสนาน เหมาะสมให้ผู้อ่ืนฟัง ฝึกให้ตนเองและทุกคนเป็นนักเล่าเร่ือง Story telling การทา BAR (Before Action Review) AAR (After Action Review) การฝึกสุนทรียสนทนา Dialogue การสร้างพลัง เครือข่าย Social network การสรา้ งแรงบนั ดาลใจ (Inspiration) ตัวอยา่ งวิธกี าร/โครงการ ของบ การจดั การเรียนการสอน เชน่ - ให้ดูภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจ  Ex. หนังเร่ือง Coach carter สอนให้รักการเรียน I’m Sam สอนใหร้ ักพอ่ After Shock etc.  ของบสร้าง Theater room - ลดการดูถูกคนดูถูกงาน  โครงการสร้างหลักสูตรการสร้างทัศนคติเชิงบวก เช่น โครงการ อธกิ ารบดลี ้างหอ้ งน้า etc. 14

ช่ือเรอื่ ง บรบิ ทและความสาคัญของกฎหมายท่เี ก่ียวกับสถาบันอดุ มศกึ ษา วทิ ยากร ศาสตราจารย์ ดร. สรุ พล นิติไกรพจน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาระสาคญั ระดับความเป็นอิสระของสถาบันอุดมศกึ ษาของรัฐ มี 5 ระดบั ได้แก่ 1. มหาวิทยาลัยในกากับ เช่น จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ เป็นต้น มหาวทิ ยาลยั สว่ นใหญ่ในปัจจบุ ันอยู่ในระดบั นี้ 2. มหาวิทยาลัยในระบบราชการ 3. สถาบนั อดุ มศกึ ษาเฉพาะทางในสงั กดั กระทรวง 4. สถาบันอดุ มศึกษาของเหล่าทัพ 5. หน่วยงานจดั การศกึ ษาระดับอดุ มศึกษาของส่วนราชการ เชน่ สัตวแพทย์ของกรมปศุสตั ว์) เปน็ อุดมศึกษาเฉพาะเร่ืองบางเร่ืองท่ีอยู่ในสังกดั ของกระทรวง มี สถาบันบัณฑติ พฒั นศลิ ป์ สถาบนั พระบรมราชชนก จากเดมิ อยู่ในกล่มุ 5 ของระดับความเป็นอิสระของสถาบนั อุดมศกึ ษาของ รัฐ ปัจจุบันอย่ใู นระดบั ท่ี 3 คือสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางในสงั กดั กระทรวงสาธารณสุข ขอ้ จากดั ของสถาบนั พระบรมราชชนก ในฐานะสว่ นราชการของกระทรวงสาธารณสขุ  การขาดความก้าวหน้าในสายงานทางวิชาการ  การไม่มฐี านะเปน็ สถาบันการศึกษาท่ีจะจดั การศึกษาได้ด้วยตนเอง  การไม่มีแนวนโยบายทางการศึกษาท่ตี อ่ เนื่องและยดื หยนุ่ ปรบั ตัวได้  การไมม่ ีระบบงบประมาณ การเงนิ และบุคลากรที่เปน็ อิสระในการจดั การศึกษา ความเปล่ียนแปลงทีจ่ ะเกดิ ขึ้นจากการเปน็ สถาบนั อุดมศึกษาเฉพาะทางในสงั กดั กระทรวงสาธารณสขุ 1. การเปน็ นิติบุคคลทม่ี ีอานาจหน้าทตี่ ามกฎหมายเฉพาะ (ตามมาตรา 4 ให้สถาบนั พระบรมราช ชนกเปน็ สถาบนั อุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพท่จี ดั การศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษาตามกฎหมาย ว่าด้วยการศกึ ษาแห่งชาติ มฐี านะเป็นนิตบิ คุ คลและเป็นสว่ นราชการตามกฎหมายว่าด้วยวธิ กี ารงบประมาณ อย่ใู นสังกัดกระทรวงสาธารณสขุ ) 2. ความเปน็ อิสระในทางงบประมาณและการเงนิ และการบริหารบุคลากร (ตามมาตรา 14 วรรค สุดท้าย “บรรดารายไดแ้ ละผลประโยชนข์ องสถาบัน รวมท้ังผลประโยชนท์ เ่ี กิดจากท่ีราชพัสดุ เบ้ยี ปรับ ท่ี เกดิ จากการผดิ สัญญาลาศึกษา และเบี้ยปรบั ทีเ่ กิดจากการผิดสญั ญาการซ้ือทรัพย์สนิ หรอื สัญญาจ้าง ทาของ ทดี่ าเนินการโดยใชง้ บประมาณ ไมเ่ ปน็ รายได้ทีต่ ้องนาสง่ คลงั เปน็ รายได้แผ่นดินตามกฎหมาย วา่ ด้วยเงิน คลงั กฎหมายว่าดว้ ยวนิ ัยการเงินการคลังของรัฐ หรือกฎหมายอืน่ ”) 15

3. การมสี ภามหาวทิ ยาลยั ที่เปน็ องค์คณะบุคคลเปน็ ผูบ้ รหิ ารงาน (ตามมาตรา 19 ท่รี ะบหุ น้าท่แี ละ อานาจของสภาสถาบัน) 4. การกาหนดหลกั สูตรและอนมุ ัติปริญญาเอง 5. ความสัมพนั ธ์กับกระทรวงสาธารณสุขที่กาหนดไว้ในกฎหมาย 16

ชอื่ เรอ่ื ง การบรหิ ารความเส่ียงของสถาบันอดุ มศึกษา วทิ ยากร นายธรรญา สขุ สมัย ผู้อานวยการศูนยบ์ ริหารจดั การความเสยี่ ง มหาวทิ ยาลยั มหิดล สาระสาคัญ ระบบบรหิ ารความเสยี่ งเปน็ กระบวนการท่ีได้รบั การปฏบิ ัตโิ ดยคณะกรรมการ ผบู้ รหิ าร และบุคลากร เพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในการกาหนดยุทธศาสตร์ และวางแผนขององค์กรในทุกระดับ บ่งช้ีเหตุการณ์ท่ีอาจ เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อองค์กร และสามารถจัดการความเส่ียงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับเพ่ือให้ได้รับความ ม่ันใจอย่างสมเหตุสมผลในการบรรลุวัตถุประสงค์ ดาเนินการตามกรอบแนวคิด COSO : Enterprise Risk Management integration Framework (2004) ซ่ึงมีการพัฒนาสู่ Enterprise Risk Management integrating with Strategy and Performance (2017) ซ่ึงมีความแตกต่างกับรูปแบบเดิม คือ เปลี่ยน กระบวนการบริหารความเสย่ี งจากการเป็นจุดเริ่มต้น เปน็ เพยี งแหลง่ ขอ้ มูลท่ีส่งให้ผบู้ ริหารนาไปพจิ ารณาใช้ เป็นการนาเอาพันธกิจ วิสัยทัศน์ คุณค่าหลักขององค์กร การกาหนดกลยุทธ์ และการกาหนดวัตถุประสงค์ ทางธรุ กิจมาเปน็ ขอ้ มูลตั้งต้น (Input) เพอื่ ปอ้ นเขา้ สู่กระบวนการออกแบบ จัดวางกระบวนการบริหารความ เสี่ยง โดยมีผลลัพธ์เดียวกับกิจการคือ ผลประกอบการของกิจการที่บรรลุผลสาเร็จ บนเกณฑ์ความเส่ียงท่ี ยอมรบั ได้ กรอบเวลาการบริหารความเสี่ยงครอบคลุมในทุกระยะของการบริหารจัดการโดยรวม 5 ระยะของ การดาเนินงานปกติ คือ ระยะท่ี 1 ERM Governance and Culture การสร้างกลไกการบริหารความเส่ียง เป็นส่วนหน่ึงของคุณค่าหลักของกิจการ ระยะที่ 2 ERM Strategy and Objective Setting การแทรก เป้าหมายความเสี่ยงไว้ในระดับคู่ขนานกับการกาหนดกลยุทธ์และวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ระยะท่ี 3 ERM Performance and Risk in Execution การดาเนินกจิ กรรมการบริหารความเสีย่ งท่ีกากับความเส่ียงท่ีจะมี ผลกระทบต่อผลประกอบการของกิจการและความเสี่ยงส่วนที่ยังเกินเกณฑ์ท่ียอมรับได้ ระยะที่ 4 ERM Information, Communication and Reporting เปน็ การสื่อสารเพื่อสนับสนุนข้อมูลสารสนเทศท่ีจาเป็น ในการบริหารความเสี่ยง และแก้ไขปรับปรุงตามการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี ระยะท่ี 5 Monitoring ERM Performance เป็นการติดตาม ประเมนิ สรุปผลและบทเรียนเพ่ืออธบิ ายผลประกอบการของกจิ การ ระบบการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย 1) กาหนด objective setting ที่สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ระดับองค์กร 2) Event identification โดยระบุเหตุการณ์ความเสี่ยงที่เช่ือมโยงกับการบรรลุ วัตถุประสงค์ ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกความเส่ียงหรือปัญหา 3) Risk Assessment โดยการประเมิน Impact และ Likelihood 4) Risk response โดยเลือกวิธีการตอบสนองความเสี่ยงท่ีเหมาะสม ได้แก่ Accept / Reduce / Avoid / Share และ 5) Monitoring โดยติดตามประเมินผลทุกข้ันตอนของการ บรหิ ารความเส่ยี ง และรายงานผลการบริหารความเสย่ี ง การระบุความเสี่ยง (Event identification) ประกอบด้วย 1) ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk) พิจารณาวิสัยทัศน์/ยุทธศาสตร์/พันธกิจหลักขององค์กร (Core Activity) ได้แก่ การศึกษา การวิจัย การบริการวชิ าการ การบรกิ ารสขุ ภาพ ซ่ึงควรพิจารณาเป็นทั้ง Risk และ Opportunity 2) ความเส่ียงด้าน การเงนิ (Financial Risk) ใหม้ องในมิตทิ ่เี ปน็ Strategic โดยพิจารณาจากยุทธศาสตรข์ ององค์กรท่ีเกี่ยวข้อง 17

กับสภาพคล่องทางการเงิน ความมั่นคงทางการเงิน ความอยู่รอดขององค์กร 3) ความเสี่ยงด้านการ ดาเนินงาน (Operational Risk) ให้พิจารณาความเส่ียงของระบบปฏิบัติการหลักขององค์กร ระบบงาน สนบั สนุน เชน่ งานทรพั ยากรบุคคล งานการเงนิ /บัญชี/พัสดุ 4) ความเส่ียงด้านการปฏิบัติตามกฏระเบียบ (Compliance Risk) กฏหมาย/กฎระเบียบ/ข้อบังคับ ท่ีกี่ยวข้องกับการดาเนินงานพันธกิจต่างๆของส่วน งาน หากไมป่ ฏบิ ตั ติ ามอาจส่งผลกระทบในระดบั รุนแรงและกระทบต่อชื่อเสียงภาพลักษณ์ของส่วนงานและ มหาวิทยาลัย การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) จะประเมินในเร่ืองของโอกาสเกิด (Likelihood) คือ ความถี่ของการเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยงในอดตี และโอกาสท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต และ ประเมินผลกระทบ (Impact) คือความรุนแรงของเหตุการณ์ความเสี่ยงที่หากเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบในด้านต่างๆ โดย พิจารณาผลกระทบใน 4 ด้านได้แก่ ด้านประสิทธิผล ด้านความเสียหายทางการเงิน ด้านชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และด้านความปลอดภยั การตอบสนองความเส่ียง (Risk Response) ประกอบด้วย 4 วิธี ได้แก่ 1) การยอมรับ (Accept) หมายถงึ ยอมรับความเสยี่ งท่ีเกิดจากการปฏิบัติงานภายใต้ระดับความเส่ียงที่องค์กรสามารถยอมรับได้ เช่น กาหนดงบประมาณสาหรับรองรับเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือการติดตามเฝ้าระวังเป็น ประจา 2) การลด (Reduce)หมายถึง การดาเนินการเพ่ิมเติมเพ่ือลดโอกาสเกิดหรือผลกระทบของความ เส่ียงให้อยู่ในระดับท่ียอมรับได้เช่น กาหนดนโยบายและวิธีการปฏิบัติงานใหม่ การเพิ่มการควบคุม การ ฝึกอบรมเพิ่มทักษะ การปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน 3)การร่วมจัดการ (Share) โดยแบ่งความเส่ียง บางส่วนกับุคคลหรือองค์กรอ่ืนเช่น การทาประกันภัย การร่วมทุนหาพันธมิตร 4) การหลีกเล่ียง (Avoid) เป็นการตัดสินใจยกเลกิ การดาเนนิ การ หลีกเลี่ยงโครงการหรือกิจกรรมท่ีก่อให้เกิดความเส่ียงโดยตัองมั่นใจ ว่าการดาเนินการโดยรวมจะยังบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่องค์กรได้กาหนดไว้เช่น ปรับเปล่ียนบางเป้าหมาย ปรับเปล่ยี นบางนโยบายหยดุ บางกิจกรรม กิจกรรมการควบคุมประกอบด้วย 1) การควบคุมแบบป้องกัน (Preventive Control) เป็นการ ดาเนินการหรือควบคุมท่ีเหมาะสมซ่ึงจัดไว้ล่วงหน้าเพ่ือลดโอกาสเกิดของผลลัพธ์/ผลกระทบที่ไม่ดี 2)การ ควบคุมแบบค้นพบ (Detective Control) เป็นการดาเนินการหรือควบคุมเพ่ือค้นหาสาเหตุเมื่อความ ผิดพลาดหรือส่ิงผิดปกติได้เกิดข้ึนแล้ว 3)การควบคุมแบบแก้ไข(Corrective Control) เป็นการดาเนินการ หรอื การควบคมุ เพื่อแก้ไขความเสียหายหรือลดความเสียหายท่ีเกิดจากความผิดพลาดหรือความผิดปกติ 4) การควบคุมแบบส่งเสริม (Directive Control) เป็นการดาเนินการหรือการควบคุมเพ่ือจูงใจหรือกระตุ้น ใหเ้ กดิ ความสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงค์หรือตามมาตรฐานทีก่ าหนดไว้ ตัวชี้วัดความเสี่ยง KRI (Key Risk Indicator) เป็นเคร่ืองมือสาคัญในการบริหารจัดการความ เสี่ยง ใช้เพื่อติดตามดูแลความเส่ียงและเตือนภัย ควรมีลักษณะเป็นตัวชี้วัดนา ( Leading Indicator) ท่ี สามารถเก็บขอ้ มูล รายงานผล และสะท้อนแนวโนม้ ของการจัดการความเสี่ยงในแต่ละเหตุการณ์ความเสี่ยง แบ่งเป็นตัวช้ีวัดเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เช่น ระดับการเตือน สถิติการร้องเรียน สถิติแนวโน้มการ เกษยี ณของผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น 18

19

รายนามผูเ้ ข้ารับการอบรมหลกั สตู รเตรียมผู้บริหารในสงั กัดสถาบนั พระบรมราชชนก ประจาปงี บประมาณ 2562 ท่ี ชอ่ื สกลุ ตาแหนง่ วิชาการ สถานทีป่ ฏิบัตงิ าน 1 นางสาวสภุ าพร วรรณสันทดั พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี การพิเศษ กรุงเทพ 2 นางสาวกรกนก ลธั ธนันท์ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี การพิเศษ กรุงเทพ 3 นายณรงค์ คาอ่อน พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี การพิเศษ ขอนแก่น 4 นายสรายุทธ นามเมือง พยาบาลวิชาชพี ชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จงั หวดั การพเิ ศษ นนทบรุ ี 5 นางวิไลพร ขาวงษ์ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จังหวดั การพิเศษ นนทบุรี 6 นางสาวสมพร รกั ความสุข พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี การพเิ ศษ 7 นางลดั ดา เหลอื งวัฒน พยาบาลวิชาชีพชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชลบุรี มาศ การพเิ ศษ 8 นายวิสุทธิ์ โนจติ ต์ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี การพิเศษ ชัยนาท 9 นางหทัยรัตน์ บุษยพรรณ พยาบาลวิชาชีพชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี พงศ์ การพิเศษ ชยั นาท 10 นางสาว ศรธี ราพิพฒั น์ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ปรญิ ดา การพิเศษ ชัยนาท จันทร์สขุ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 11 นางนฤมล การพิเศษ ชัยนาท สโรบล พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี 12 นางธณชั ช์นรี การพิเศษ เชียงใหม่ สงิ ห์คา พยาบาลวิชาชพี ชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 13 นางผกาทิพย์ การพิเศษ นครราชสมี า นวนนั ทวงศ์ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี 14 นางวจิ ิตรา การพิเศษ นครราชสีมา 20

ท่ี ชอื่ สกลุ ตาแหนง่ วชิ าการ สถานทป่ี ฏิบัติงาน 15 นางสาว มบี ุญ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี การพเิ ศษ นพรตั นว์ ชิ ิระ ศรวี รรณ วชิ ัยกุล พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 16 นางสุชวี า การพิเศษ นพรตั น์วิชิระ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี พะเยา 17 นางสมยั พร อาขาล การพเิ ศษ พยาบาลวิชาชีพชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ยะลา 18 นางสาวดวงใจ เปลี่ยนบารงุ การพิเศษ พยาบาลวิชาชีพชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี 19 นางรจนารถ ชใู จ การพเิ ศษ พยาบาลวิชาชีพชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบรุ ี 20 นางเยาวลกั ษณ์ มบี ญุ มาก การพิเศษ พยาบาลวิชาชพี ชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา 21 นางสาวมารสิ า สุวรรณราช การพเิ ศษ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สงขลา 22 นางจีระภา นะแส การพเิ ศษ พยาบาลวิชาชีพชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี 23 นางสาว รัชวตั ร์ การพเิ ศษ พยาบาลวิชาชพี ชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สระบุรี ประกรติ การพิเศษ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สระบรุ ี 24 นางสาววารุณี มเี จริญ การพิเศษ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสวรรค์ 25 นางปานทพิ ย์ ปรู ณานนท์ การพิเศษ ประชารักษ์ นครสวรรค์ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนีสวรรค์ 26 นางนภัสวรรณ บญุ ประเสรฐิ การพเิ ศษ ประชารักษ์ นครสวรรค์ พยาบาลวชิ าชพี ชานาญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 27 นางสาวนริ นาท วิทยโชคภิติ การพเิ ศษ สรุ นิ ทร์ คณุ พยาบาลวิชาชีพชานาญ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี การพเิ ศษ สุรินทร์ 28 นางสาวศภุ รดา มั่นยืน 29 นางศรีอุบล อนิ ทรแ์ ป้น 21

ท่ี ชื่อ สกลุ ตาแหน่งวิชาการ สถานที่ปฏบิ ัติงาน พยาบาลวิชาชพี ชานาญ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี 30 นางฤทยั รตั น์ ชดิ มงคล การพเิ ศษ อดุ รธานี วิทยาจารยช์ านาญการ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 31 นางสาว กาบมณี พเิ ศษ อุดรธานี เนตรนภา วทิ ยาจารย์ วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรนธร ตรงั ศรีละออง เภสชั กรชานาญการ วิทยาลยั การสาธารณสุขสิรนธร ตรัง 32 นายอดศิ ักดิ์ ศรีวศิ ิษฐ 33 นางสาว วทิ ยาจารยช์ านาญการ วทิ ยาลัยการสาธารณสุขสิรนธร ราศริ ิ พเิ ศษ พิษณุโลก สุขุมาภรณ์ วทิ ยาจารยช์ านาญการ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรนธร 34 นายสมตระกูล พิษณุโลก วิทยาลัยการสาธารณสุขสริ นธร ยะลา 35 นายธวัชชัย สัตยสมบรู ณ์ วิทยาลัยการสาธารณสุขสริ นธร 36 นายวิชาญ ภิบาล วิทยาจารยช์ านาญการ สุพรรณบุรี 37 นายอิทธพิ ล ดวงจินดา พเิ ศษ วิทยาลยั การสาธารณสุขสริ นธร วทิ ยาจารยช์ านาญการ สพุ รรณบุรี วทิ ยาลัยการสาธารณสุขสริ นธร 38 นายกิตติศักดิ์ หลวงพนั เทา วิทยาจารยช์ านาญการ อุบลราชธานี วทิ ยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทยแ์ ละ 39 นายนิธศิ ธานี วทิ ยาจารย์ชานาญการ สาธารณสุขกาญจนาภเิ ษก 40 นายอนนต์ ละอองนวล พเิ ศษ วทิ ยาลัยพยาบาลศรมี หาสารคาม วทิ ยาจารย์ วทิ ยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบรุ ี 41 นางภรรวษา จันทศิลป์ วทิ ยาจารย์ชานาญการ สีทานนท์ พิเศษ วทิ ยาลยั พยาบาลพระจอมเกลา้ 42 นางสาว สง่ วฒั นายุทธ พยาบาลวิชาชีพชานาญ จงั หวดั เพชรบุรี ทองสวย เกตุอนิ ทร์ การ วทิ ยาลัยพยาบาลพระจอมเกลา้ มุ่งสนิ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ จงั หวัดเพชรบุรี 43 นางปาณสิ รา การพิเศษ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พยาบาลวิชาชพี ชานาญ สรรพสิทธิประสงค์ 44 นางสาววารุณี การพิเศษ พยาบาลวชิ าชีพชานาญ 45 นายสอาด การพเิ ศษ 22

ท่ี ช่ือ สกลุ ตาแหน่งวชิ าการ สถานท่ปี ฏบิ ัติงาน 46 นางสดุ า พงษ์สวา่ ง นักวเิ คราะห์นโยบายและ กองยุทธศาสตร์ แผนชานาญการพเิ ศษ สถาบันพระบรมราชชนก 47 นางหทยั รัตน์ เศรษฐวนิช นักวเิ คราะหน์ โยบายและ กองยุทธศาสตร์ แผนชานาญการ สถาบันพระบรมราชชนก 48 นางนันทรัตน์ ศรีวชิรางกรู นกั วชิ าการศึกษาชานาญ สถาบนั พระบรมราชชนก การพิเศษ 49 พ.ต.ท.หญิง ประเสริฐศรี พยาบาลวิชาชพี ชานาญ วิทยาลยั พยาบาลพระพุทธบาท รุง่ รวี การ สระบรุ ี 23


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook