คมู่ ือ ขอ้ ควรปฏบิ ตั เิ บ้ืองต้นในการใช้ห้องปฏบิ ตั กิ ารวิทยาศาสตร์ (Basic guidelines for using science laboratories) โดย นางสาวกาญจนา สรุ าภา คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏหมบู่ า้ นจอมบงึ 2565
ข้อควรปฏบิ ตั ิเบอื้ งต้นในการใชห้ อ้ งปฏตั กิ ารวิทยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 1 ข้อควรปฏบิ ัตเิ บอ้ื งตน้ ในการใช้ห้องปฏิบัตกิ ารวทิ ยาศาสตร์ (Basic guidelines for using science laboratories) 1.วตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั ทาคู่มือการทางานในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 1. เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความปลอดภัยต่อเจา้ หนา้ ท่ผี ปู้ ฏิบตั งิ านในห้องปฏบิ ัติการ รวมท้ังผเู้ ย่ียมชม 2. เพือ่ เตรียมอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยใหพ้ อเพียงต่อผปู้ ฏิบัติงานในห้องปฏิบตั กิ าร 3. เพือ่ ลดโอกาสในการสัมผัสตอ่ สารเคมีให้อยู่ในระดับตา่ ท่ีสุด 4. เพอื่ ลดความเสีย่ งจากการเกดิ อบุ ัตภิ ัยสารเคมขี นึ้ ในห้องปฏิบตั ิการ 5. เพื่อปอ้ งกันสิ่งแวดลอ้ มจากมลพษิ สารเคมี และของเสยี ที่เกดิ จากสารเคมอี ันตราย 6. เพื่อให้มีการตรวจสอบความปลอดภยั ในห้องปฏบิ ัตกิ ารอย่างสม่าเสมอ 2.การแต่งกายของเจา้ หน้าที่หอ้ งปฏบิ ัติการ ควรใส่เคร่ืองแต่งกายให้รัดกุม และเหมาะสม ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหลวม ผ้าคลุมผมควรใส่เส้ือกาว แขนยาว ตลอดเวลาท่ีปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการกระเซ็นและปนเป้ือนของสารเคมี ไม่ควรใส่กางเกงขาสั้น หรือ กระโปรง ส้ัน รวมทั้งไม่ควรใส่รองเท้าแตะในการปฏิบัติงาน ไม่ควรสวมเครื่องประดับในระหว่างปฏิบัติงานเพราะอาจได้รับ การปนเปื้อนของสารเคมี เมอื่ ตอ้ งปฏิบตั ิงานกบั สารเคมีอันตรายควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันท่ีเหมาะสม (Personal protective equipment) เช่น เมื่อต้องปฏิบัติงานกับสารเคมีท่ีมีฤทธ์ิกัดกร่อน ควรใส่ถุงมือท่ีเหมาะสม และ สามารถปอ้ งกนั การซึมผ่านของสารเคมนี ั้นได้ ใสแ่ วน่ ตาเพ่ือป้องกันการกระเซน็ ของสารเคมีเข้าตา อย่างไรก็ตามควรถอดถุงมือที่ใส่ระหว่างปฏิบัติงาน เมื่อต้องรับโทรศัพท์เพ่ือป้องกันการปนเปื้อน ของสารเคมี ไปยงั อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งควรถอดเสื้อกาว เมื่อออกจากห้องปฏิบัติการเพ่ือป้องกันการแพร่กระจาย ของสารเคมจี ากห้องปฏิบตั กิ าร 3.อุปกรณ์ปอ้ งกนั ร่างกายส่วนบคุ คล 1. เสอื้ กาวน์ (Laboratory Coat) • เนอื้ ผา้ ทาจากใยฝ้าย / ใยสงั เคราะหท์ ่ีไมต่ ดิ ไฟง่าย • ใชส้ วมทับชุดปกตริ ะหวา่ งปฏบิ ตั ิงาน • ใชป้ ้องกันการกระเดน็ เปือ้ นของสารเคมี
2 ขอ้ ควรปฏิบตั ิเบอื้ งต้นในการใช้หอ้ งปฏัตกิ ารวิทยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) • ตดิ กระดุมเส้อื กาวน์ให้ครบเรียบรอ้ ย • ไมใ่ ส่เส้ือกาวน์ทห่ี ลวมหรอื รัดแน่นเกนิ ไป • ไมใ่ ส่เสื้อกาวน์ทม่ี รี อยฉีกขาด • ควรซักทาความสะอาดเสือ้ กาวนส์ มา่ เสมอ • ถอดเสื้อกาวนอ์ อกทุกครัง้ ทอี่ อกจากหอ้ งปฏิบตั กิ าร 2. ผา้ กันเปอ้ื นสารเคมี (Protective Coat) ที่มา : ไทยวสั ดุ (https://www.thaiwatsadu.com : ค้นเม่อื วันท่ี 9 มิถุนายน 2565) • เนอื้ ผา้ ทาจากหนัง/PVC ท่ีทนต่อสารเคมี • ใช้สวมทับเสอ้ื กาวนอ์ ีกที • ใช้ป้องกนั การกระเดน็ เปอื้ นของสารเคมี • ใชใ้ นการทาความสะอาดสารเคมีที่หก 3. ถงุ มือ (Gloves) ทม่ี า : แลปซสิ เตอร์ (https://www.labsister.com : คน้ เม่ือ วันท่ี 9 มถิ นุ ายน 2565) • เลือกวัสดขุ องถงุ มอื (vinyl, latex, nitrile) ให้เหมาะกับงาน •ถงุ มอื กนั กรด-ดา่ ง สารพษิ •ถงุ มือจับของรอ้ น/เยน็
ขอ้ ควรปฏิบัติเบอ้ื งตน้ ในการใชห้ ้องปฏัติการวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 3 •ถงุ มอื จับของมีคม •ถุงมอื สาหรับงานซักลา้ ง • ตรวจสภาพกอ่ นใช้ทุกครั้ง • กอ่ นถอดถงุ มอื ออกควรล้างมือก่อน • ถอดถงุ มอื กอ่ นออกจากหอ้ งปฏบิ ัติการเสมอ • ขณะใส่ถุงมอื ไมค่ วรจบั ลูกบดิ ประตู โทรศัพท์ ปากกา เปน็ ต้น 4. อุปกรณ์ป้องกนั ตา ท่มี า : worldchemical (https://shop.worldchemical.co.th/ : ค้นเม่ือ วนั ท่ี 9 มิถุนายน 2565) • แวน่ ตานิรภัย (Safety glasses) มเี ลนส์ทที่ นการกระแทก • แวน่ ตากนั ไอระเหย (Goggle) 5. หน้ากากคลมุ หน้า (Face Shield) ที่มา : Safety Glasses (https://www.songkran-safetyglass.com/ : ค้นเมอ่ื วนั ที่ 9 มถิ นุ ายน 2565)
4 ขอ้ ควรปฏบิ ัติเบอ้ื งต้นในการใชห้ อ้ งปฏัติการวิทยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) • ใช้ป้องกันดวงตา และใบหนา้ 6. หนา้ กากป้องกันฝุ่น และไอระเหย (Respiratory mask) • ใช้ปอ้ งกนั ฝ่นุ และไอระเหยทอี่ นั ตรายต่อทางเดินหายใจ • หนา้ กากควรกระชบั พอดีกบั ใบหนา้ • ต้องเลอื กชนิดตัวกรองให้เหมาะสม • เปล่ียนตวักรองตามอายุการใช้งาน • ควรทาความสะอาดอย่างเหมาะสม ตามก่าหนดเวลา 4.ข้อปฏิบัตเิ พอื่ ความปลอดภยั ทัว่ ไป 1 ) ส ว ม แ ว่ น ต า นิ ร ภั ย ( safety glasses) แ ล ะ เ ส้ื อ ค ลุ ม ป ฏิ บั ติ ก า ร ข ณ ะ ท่ า ง า น ภายในหอ้ งปฏิบตั ิการ 2 ) ส ว ม ร อ ง เท้ า ที่ เห ม า ะ ส ม ข ณ ะ ท่ า ป ฏิ บั ติ ก า ร โด ย ส า ม า ร ถ ป ก ป้ อ ง เท้ า ได้ ท้ั ง ห ม ด หา้ มสวมรองเทา้ แตะและรองเทา้ ส้นสงู เกิน 2 นวิ้ 3) รวบผมใหเ้ รยี บร้อย หา้ มใสห่ มวกหรอื ผ้าพนั คอ 4) ห้ามสูบบุหรี่ภายในอาคาร 5) ไมอ่ นุญาตให้เก็บอาหาร รบั ประทานอาหาร ด่ืมนา้่ รวมทั้งกิจกรรมอ่ืนๆ ท่ีเส่ียงต่อการรับสารเคมีเขา้ สู่ รา่ งกายในหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 6) ในขณะทา่ งานภายในห้องปฏิบัตกิ าร อยา่ ปดิ ล็อคประตทู างเข้า-ออกทั้งหมด 7) ตรวจสอบการปิดน้า ไฟ และวาล์วแก๊สทุกครั้งหลังการใช้งาน และตรวจสอบอีกครั้งก่อนออกจาก หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารเพ่ือให้ แนใ่ จว่าน่้า ไฟ และวาล์วแกส๊ ถูกปิดสนทิ 8) การตั้งการทดลองท้ิงไว้โดยไม่มีการเฝ้าระวังต้องมีคาแนะนำระบุไว้ว่าท่าอะไร ติดชื่อและหมายเลข โทรศัพท์ของผู้ทดลอง และบอกอย่างชัดเจนวา่ ให้ท่าอย่างไรเม่ือเกิดเหตฉุ ุกเฉนิ ถ้าเป็นการทดลองที่ตัง้ ข้ามคืนและ มีความเส่ียงสงู ตอ้ งไดร้ บั อนญุ าตจากอาจารยผ์ ู้รบั ผิดชอบกอ่ น 9) ผู้ปฏิบัติงานในหอ้ งปฏิบตั ิการจะต้องทราบข้อมูลเร่ืองความปลอดภยั การป้องกันอนั ตรายจากสารเคมี อันตรายที่อาจเกิด จากการปฏิบัติงาน การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ข้อมูลการจัดการสารอันตรายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ จากเพลิงไหม้ และจากการหก รั่วไหล รวมถงึ การจัดการของเสียท่ีเกดิ ข้นึ 10) ก่อนท่างานกับสารอันตรายหรือสารมีพิษ ควรมีการศึกษาข้อมูลจาก MSDS หรือแหล่งอ้างอิงอื่น และเตรยี มแผนการปอ้ งกันไว้ล่วงหน้า และหากมีขอ้ สงสยั ใดๆ ให้ถามอาจารย์ผู้ดแู ลหรือกรรมการความปลอดภัย
ข้อควรปฏิบตั เิ บอื้ งตน้ ในการใชห้ อ้ งปฏตั ิการวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 5 11) หา้ มท่าการทดลองใดๆ ที่ยังไมไ่ ด้ประเมินความเส่ยี งอยา่ งถีถ่ ว้ น 12) ให้มีการรายงานอุบัติเหตุท่ีเกิดข้ึนทุกครั้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ดูแลห้องปฏิบัติการ และประธาน คณะกรรมการความปลอดภยั เพื่อเป็นข้อมลู ในการป้องการอุบตั เิ หตทุ ่ีอาจจะเกดิ ขึน้ อีก 13) การท้งิ สารเคมตี อ้ งปฏบิ ตั ติ ามขอ้ กา่ หนดในคมู่ ือความปลอดภยั 13) ตรวจสภาพของอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดอย่างสม่าเสมอ อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดที่ไม่ได้ใช้งานต้องปิด สวิตซ์และดึงปล๊ักไฟออก การใช้ตลับต่อสายไฟ ให้ใช้ชนิดรางท่ีมีฟิวส์ส่าหรับตัดไฟเม่ือเกิน 10 Amp และห้ามใช้ อปุ กรณ์ไฟฟา้ เกนิ กาลังของปลก๊ั ไฟ หรือตลบั ตอ่ สายไฟฟา้ 14) รักษาห้องปฏิบัติการให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยต่อการท่างานอยู่ตลอดเวลา คณะกรรมการ ความปลอดภัยจะด่าเนนิ การ ตรวจสอบเปน็ ระยะ โดยอาจไม่จาเป็นตอ้ งแจง้ ใหท้ ราบล่วงหน้า 15) ถอดถุงมือ เสื้อคลุมปฏิบัติการ และล้างมือให้สะอาดก่อนออกจากห้องปฏิบัติการ ความปลอดภัย ในห้องปฏิบตั กิ าร ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์จ่าเป็นต้องมีสิ่งอ่านวยความสะดวกในการทำปฏิบัติการ และเครื่องมือ วิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องแก้ว สารเคมีแก๊สชนิดต่างๆ รวมทั้งแก๊สเชื้อเพลิง อาหารเล้ียงเช้ือ เช้ือจุลินทรีย์ และสัตว์ทดลองส่ิงเหล่าน้ี อาจท่าให้เกิดอันตรายต่อบุคลากร หรือเกิดอุบัติเหตุ ท่ีท่าให้ทรัพย์สิน ของหอ้ งปฏิบัติการเสียหายได้ ถ้าผปู้ ฏบิ ตั ิการขาดความระมัดระวังหรือขาดความรูเ้ กี่ยวกบั อันตรายทอี่ าจเกิดขึ้นได้ จากการท่าปฏิบัติการ จึงควรมีการบริหารจัดการห้องปฏิบัติการ วิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ และมีข้ันตอน การด่าเนินงานท่ีมีแบบแผน เพื่อให้การท่าปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูง แนวปฏิบัติ บางประการท่เี ก่ยี วกบั ความปลอดภัยด้านต่างๆ เปน็ ดังน้ี 1. ความปลอดภัยในการใชอ้ ปุ กรณ์ไฟฟ้า การเกดิ อนั ตรายจากกระแสไฟฟ้า อาจมสี าเหตุมาจากการติดต้ังอุปกรณไ์ ฟฟ้าไม่ถูกต้อง การดูแล ตรวจสอบไม่ทัว่ ถึงและเกิดจากการใช้ อุปกรณ์ไฟฟา้ ในการทาปฏิบัติการ ข้อควรระวังด้านความปลอดภัยในการใช้ อุปกรณ์ไฟฟา้ เปน็ ดังนี้ 1.1การติดตัง้ อุปกรณไ์ ฟฟ้าในห้องปฏิบตั กิ าร 1.)ควรติดตง้ั อุปกรณไ์ ฟฟ้าไว้ในบรเิ วณท่ีอยูห่ า่ งจากน้าหรอื สารไวไฟ 2.)ใช้ฟิวส์ที่มีขนาดเหมาะสมกับการใช้กระแสไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องปฏิบัติการ ไมค่ วรใชฟ้ ิวส์ที่มขี นาดสงู กวา่ กระแสไฟฟ้าท่ีอปุ กรณ์ไฟฟ้าต้องการมากเกินไป 3.)อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดท่ีออกแบบให้มีเต้าเสียบ 3 ขา จะต้องใช้เต้าเสียบนี้ต่อกับเต้ารับที่มี 3 ช่องเท่านั้น เพื่อช่วยป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ลัดวงจร และความเสยี หายกับอปุ กรณ์ไฟฟา้ ชนิดนัน้ 1.2 การดแู ลตรวจสอบ 1.) ตรวจสอบการร่ัวของกระแสไฟฟ้าอย่างสม่าเสมอโดยทดสอบประสิทธิภาพ ของอปุ กรณต์ ดั วงจรไฟฟา้ จากการมีกระแสไฟฟ้าลัดวงจร 2.) ตรวจสอบสายไฟและเต้าเสยี บให้อย่ใู นสภาพเรียบร้อย ถ้าพบวา่ ฉนวนหุ้ม สายไฟฉีก ขาดหรือเต้าเสยี บชารดุ แตกหกั จะตอ้ งเปล่ยี นทนั ที 1.3 การปฏิบัตขิ ณะใชอ้ ปุ กรณ์ไฟฟา้ 1.) ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยความระมัดระวัง เช็ดมือและเท้าให้แห้งทุกครั้งจับต้อง อุปกรณ์ไฟฟา้
6 ขอ้ ควรปฏบิ ัตเิ บอ้ื งต้นในการใช้หอ้ งปฏตั ิการวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 2.) ถ้าต้องใช้สายไฟต่อจากเต้ารับเดียวกันหลายสายหรือจาเป็นต้องใช้ต่อพ่วงกัน ควรเลอื กเตา้ รบั ชนดิ ท่ีมีสวิตช์ เปดิ –ปิด และไม่ตอ่ พว่ งเกิน 2 สาย 3.) ถอดเตา้ เสียบอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ออกจากเตา้ รบั ทุกครั้งที่เลกิ ใชง้ าน 4.) อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดควรมีสัญญาณไฟท่ีแสดงว่าเคร่ืองกาลังทางานอยู่ และถ้าเกิด ความผดิ ปกตใิ นระหวา่ งการใช้งานต้องหยดุ การทางานของอปุ กรณ์น้ันทนั ที 5.) เตาไฟฟ้าตอ้ งมขี ดลวดของเตาไฟฟา้ อยู่ในเบา้ และไม่ชารุดเสียหาย 6.) ตอ้ งเปล่ยี นอปุ กรณ์ไฟฟ้า สายไฟ สวิตช์ และเครอื่ งควบคมุ อุณหภูมิทชี่ า่ รุดทันที 2. ความปลอดภัยในการใชแ้ ก๊สและสารไวไฟ การใช้แกส๊ และสารไวไฟจะต้อง มีวิธีการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษมกี ารซักซ้อมความเข้าใจ กับผู้ใช้อย่างชัดเจน และต้องปฏิบัติตามวิธีการใช้โดยเคร่งครัด การป้องกันอันตรายจากการใช้แก๊ส และสารไวไฟ มีข้อปฏบิ ตั ิดังนี้ 2.1 ไมน่ า่ ถังแก๊สทบี่ บุ เปน็ สนิมหรือร่ัวซมึ มาใช้ในห้องปฏิบตั กิ าร 2.2 สถานท่ีวางถังแก๊สต้องม่ันคงเป็นบริเวณที่อากาศถ่ายเทได้ดี และจะต้องตรวจสอบการร่ัว ของแก๊สเสมอ 2.3 ต้องจดั ทำสัญลักษณเ์ ตือนอนั ตรายของสารไวไฟ และข้อปฏิบัติติดไว้ในสถานที่วางถงั แกส๊ 2.4 ให้ความรู้ในการใช้แก๊ส เช่น ก่อนเปิดวาล์วควรตรวจสอบสภาพของสายแก๊ส และหัวแก๊ส เมอ่ื เลกิ ใชแ้ ล้วตอ้ งปิดวาลว์ กอ่ นปิดเครือ่ งควบคุมความดนั ของแก๊สที่ใชท้ ุกครงั้ 2.5 ต้องแน่ใจว่าแก๊สท่ีนามาใช้ เป็นประเภทเดียวกับที่ระบุไว้ที่ถังแก๊สน้ันและต้องใช้ อุปกรณ์ ควบคุมความดนั แกส๊ ตามมาตรฐานของแก๊สชนิดน้นั ด้วย 2.6 ต้องทำการปฏิบัติการที่ต้องใช้เปลวไฟด้วยความระมัดระวัง และต้องหลีกเล่ียงที่ จะอยู่ใกล้ กับส่งิ ทก่ี อ่ ให้เกดิ ความร้อนหรอื เชอื้ เพลงิ ซ่ึงอาจท่าให้ไฟลุกไหม้ขึน้ 2.7 กรณีเกิดไฟไหม้ ต้องรีบปิดตะเกียงแอลกอฮอล์ หรือท่อแก๊สทุกท่อทันที ปิดถังแก๊ส แล้วนำ สารไวไฟทุกชนิดออกจากบริเวณนัน้ ให้เรว็ ที่สุด 2.8 ต้องมีเครือ่ งดับเพลงิ อยู่ในบรเิ วณทีใ่ ช้ได้งา่ ย และมที างออกฉกุ เฉินท่ีเปดิ ได้ ตลอดเวลา 2.9 เม่ือมีสารติดไฟต้องแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม ถ้าลุกไหม้เล็กน้อยให้ใช้ผ้า เปียกคลุม ส่ิงน้ันไว้ ถ้าเส้ือผ้าลุกติดไฟให้นอนลงกล้ิงตัวกับพื้นหรือใช้ผ้าหนาห่มคลุมทับ และรีบนา ผู้บาดเจบ็ ส่งโรงพยาบาล ทันที 3. ความปลอดภัยจากรังสแี ละไอสารพิษ อนั ตรายจากสารเคมีเป็นสมบัติเฉพาะตัวของสารแต่ละชนิดสารบางชนดิ มีพิษร้ายแรงไอของสาร อาจท่าให้ระคายเคืองต่อดวงตาและ ระบบหายใจ บางชนิดเป็นสารกัมมันตรังสีท่ีท่าลายเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต อาจท่าให้เนื้อเยื่อตายหรือ เปล่ียนแปลงไปจนเกิดเป็นโรคมะเร็งได้ ผู้ท่ีทำปฏิบัติการจึงต้องมีความรู้เก่ียวกับรังสี และไอสารพิษเป็นอย่างดี รู้จักวิธีใช้ อย่างปลอดภัย และมีวิธีป้องกันอันตรายจากสารเหล่าน้ัน ด้วยการป้องกัน อันตรายจากรังสแี ละไอสารพิษ มขี อ้ ควรปฏิบัติดงั น้ี 3.1 การทดลองท่ีมีควันพิษเกิดข้ึน จะต้องใช้ผ้ากรองควันพิษปิดจมูกและปาก ท่าในตู้ดูดควันท่ี อยู่ในบริเวณทอ่ี ากาศถ่ายเทได้สะดวก 3.2 การทดลองท่ีใช้หลอดเลเซอร์เป็นแหล่งก่าเนิดแสง ต้องไม่มองท่ีล่าแสงโดยตรง และควรมี ข้อความเตอื นอนั ตรายติดไว้ทหี่ ลอดเลเซอร์ พรอ้ มทงั้ ตอ้ งช้แี จงถึงวิธีใช้ทีถ่ ูกต้องก่อนการใช้งาน ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ แว่นกนั เลเซอร์
ขอ้ ควรปฏิบตั เิ บอ้ื งต้นในการใช้ห้องปฏัตกิ ารวิทยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 7 3.3 การใช้สารกัมมันตรังสีในการท่าปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ควรเก็บสารกัมมันตรังสี ไว้ใน ปรมิ าณทจี่ าเปน็ ตอ้ งใชเ้ ท่านน้ั และจะต้องขออนุญาตจากหนว่ ยราชการท่คี วบคมุ การใช้สาร กัมมนั ตรังสีดว้ ยพร้อม ท้ังปฏิบัติตามค่าแนะนำอย่างเครง่ ครัด ต้องเก็บสารกัมมันตรังสไี วใ้ นกล่องตะกั่ว ท่ีมีความหนาโดยรอบไม่น้อยกว่า 6 นว้ิ และการหยบิ สารกมั มนั ตรงั สีจะต้องใช้อุปกรณท์ ี่ออกแบบ เฉพาะเท่านั้น 3.4 ขณ ะทดลองเก่ียวกับสารกัมมันตรังสี ผู้ทดลองจะต้องอยู่ไกลจากแหล่งก่าเนิด กัมมันตภาพรังสีมากที่สุดและใช้ เวลาทดลองน้อยที่สุด ผู้ท่ีท่าการทดลองและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมี เครื่องวัดกัมมันตภาพรังสีติดตัวไว้ ตรวจสอบปริมาณรังสีท่ีได้รับตลอดเวลา เพ่ือป้องกันการรับรังสีเกิน มาตรฐาน ความปลอดภัย 3.5 การบัดกรีเพ่ือซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการจะมีไอตะกั่วเกิดขึ้น จึงต้องท่า ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ดี ผู้บัดกรีจะต้องอยู่เหนือลมเพื่อปูองกันการสูดควันตะกั่ว และควรล้างมือให้สะอาด ทกุ คร้งั หลงั จากบดั กรีแลว้ 4. ความปลอดภัยจากเชอ้ื โรค การท่าปฏิบัติการทางชีววิทยาท่ีต้องใช้ พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ในการทดลองสัตว์บางชนิดอาจ นา่ เช้ือโรคคือแพรป่ รสิตบางชนิดสู่คนได้ ดังน้ันจึง ต้องไม่น่าสัตวท์ ี่จะเป็นพาหะนำเช้อื โรคเข้ามาในห้องปฏิบัติการ จุลินทรีย์บางชนิดอาจเป็นอันตราย หรือท่าให้เกิดโรคได้ การทดลองที่ต้องใช้สิ่งต่างๆ ดังกล่าวจึงต้องทำ ดว้ ยความระมดั ระวัง การป้องกนั อันตรายจากเช้ือโรคมีขอ้ ควรปฏบิ ัติดังนี้ 4.1 ตู้เย็นทีใ่ ชใ้ นหอ้ งปฏิบตั กิ าร มคี วามจ่าเป็นส่าหรับการทา่ ปฏิบัตกิ ารทางชีววทิ ยา เป็นอย่างย่ิง เพ่ือใช้เก็บสิ่งท่ีน่ามาทดลองเพื่อการถนอมรักษาให้ คงคณุ ภาพโดยใช้ อุณหภูมิต่า ต้องไม่เก็บอาหารหรือเคร่อื งด่ืม ทใี่ ช้รับประทานไว้กบั สารเหลา่ นี้ 4.2 ใช้วัสดุอุปกรณ์บางประเภทเพียงครั้งเดียว เพื่อป้องกันการติดเชื้อจึงต้องท่าลาย อุปกรณ์ เหล่าน้ันทกุ ครั้งทใี่ ช้แลว้ 4.3 เคร่ืองแก้วท่ีใช้ทดลองเก่ียวกับเชื้อโรค ต้องฆ่าเช้ือด้วยวิธีการท่ีเหมาะสมก่อน น่าไปล้างทำ ความสะอาดจนไม่มีคราบติดคา้ งอยู่ 4.4 อุปกรณ์ทำความสะอาดในห้องปฏบิ ัตกิ าร ต้องไม่เปน็ แหล่งสะสมหรือ แพร่กระจายเชอื้ โรค 4.5 เมื่อท่าปฏิบัติการเสร็จแล้ว ต้องท่าความสะอาดโต๊ะทำปฏิบัติการและอุปกรณ์ ทุกอย่างด้วย สารฆา่ เช้ือโรคท่เี หมาะสม 4.6 ก่อนออกจากหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ตอ้ งลา้ งมอื ดว้ ยสบู่หรอื นา้ ยาฆ่าเชื้อโรคทุกครงั้ 4.7 ควรฉีดวัคซีนปูองกันโรคให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ที่อาจมีการเสี่ยงต่ออันตรายที่เกิด จากเชื้อโรค บางชนดิ (กรณีทไี่ ดร้ ับคาแนะนาหรอื ปรึกษาแพทย์) 5. ความปลอดภยั จากไฟไหม้ การเกิดไฟไหม้ในห้องปฏิบัติการมีสาเหตุได้ หลายประการ เม่ือเกิดไฟไหม้ขึ้นในห้องปฏิบัติการ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักศึกษาเป็นสิ่งแรก อาจารย์ต้องให้นักศึกษาออกจากห้องปฏิบัติการทันที ดึงสัญญาณแจ้งเหตุไฟไหม้ พร้อมกับเรียกให้คนช่วยเหลือโดยกำหนดหน้าที่ให้คนหนึ่งท่าหน้าท่ีตัดวงจรไฟฟ้า ปิดท่อแก๊ส ปิดประตูหน้าต่าง เพ่ือให้อากาศถ่ายเทได้น้อยท่ีสุดและปูองกันการลุกลามไปยังห้องข้างเคียง และให้ อีกคนหน่ึงรีบใช้ เครื่องดับเพลิงดับไฟท่ีลุกไหม้ทันที โดยต้องค่านึงด้วยว่าการใช้เคร่ืองดับเพลิงชนิดไม่เหมาะสม หรือผิดประเภท จะท่าให้การดับไฟไม่ได้ผลและอาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้ด้วย ต้องมีสารเคมีที่ใช้ดับไฟอยู่ ประจำ ห้องปฏิบัติการและมีสภาพการใช้งานได้ดี ผู้ใช้ห้องปฏิบัติการทุกคนต้องมีความรู้เกี่ยวกับวิธีใช้ กลไกการทำงาน ของการดบั ไฟ เพอ่ื ให้สามารถใช้ไดอ้ ย่างถกู ต้อง และเกดิ ประสิทธิภาพสารท่นี ำมาใช้ ดับไฟมดี ังนี้
8 ขอ้ ควรปฏิบตั ิเบอื้ งต้นในการใช้หอ้ งปฏตั ิการวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 5.1 น้า่ น้าเป็นสารท่ีใช้ดับไฟได้อย่างแพร่หลาย ช่วยทำให้เชื้อเพลิงท่ีกำลังลุกไหม้ลดอุณหภูมิลงได้ และไม่มีการลุกไหม้เพ่ิมข้ึนใหม่ น่้าใช้ดับไฟท่ีเกิดจากเชื้อเพลิงประเภทของแข็งได้ดีไม่ ควรใช้น่้าดับไฟท่ีเกิดจาก สารประเภทของเหลวที่ไวไฟ เนื่องจากจะทำให้ของเหลวกระจายออกเปน็ บริเวณกว้าง และของเหลวส่วนท่ีอยู่บน ผวิ นา้ ยงั คงลกุ ไหม้ และทาใหไ้ ฟลกุ ลามตอ่ ไปได้ 5.2 โฟมของคาร์บอนไดออกไซด์ โฟมของคาร์บอนไดออกไซด์ มีลักษณะเป็นฟองท่ีมีสมบัติก้ันอากาศไม่ให้เข้าไปถึง บริเวณท่ีเกิดไฟไหม้ และป้องกันไม่ใหเ้ ช้อื เพลิงท่รี ะเหยเพม่ิ เตมิ ออกมาอีก จึงทำให้เปลวไฟลดลง และดบั ไปในท่ีสุด โฟมของคาร์บอนไดออกไซด์ได้จากปฏกิ ิริยาเคมีของสารแลว้ ได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นผลิตภัณฑ์ และถูกอัด ดว้ ยความดันสงู บรรจุอยู่ในถงั เมือ่ ปล่อยสารออกมาดว้ ยความดนั ท่พี อเหมาะ ก็จะมลี กั ษณะเป็นฟอง 5.ข้อปฏบิ ตั ิเมอื่ เกดิ อบุ ตั เิ หตจุ ากสารเคมหี กรั่วไหล 1. ขอ้ ปฏบิ ัติทว่ั ไปเมอ่ื เกดิ อุบัตเิ หตสุ ารเคมีหกร่วั ไหล 1) ให้กันผูท้ ไ่ี ม่เกี่ยวขอ้ งออกจากบริเวณทม่ี สี ารเคมรี ่ัวไหล 2) แจ้งผู้รบั ผิดชอบหอ้ งปฏิบตั กิ ารให้ทราบทันที 3) บ่งช้ีชนิดของสารที่หกร่ัวไหลและหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยศึกษาข้อควรปฏิบัติและอันตราย จาก MSDS 4) ศึกษาถึงอันตรายที่อาจพึงมีจากกระบวนการหกร่ัวไหลหรือการทำความสะอาด และวางแผน รบั มอื ในกรณเี กิดเหตุฉกุ เฉนิ 5) ทำความสะอาดบริเวณท่ีสารเคมีหกโดยด่วน ถ้าสารเป็นอันตรายมากหรือเกินก ำลัง ความสามารถให้รีบอพยพผู้คนจากบรเิ วณน้ันโดยเร็วทส่ี ุดและแจง้ อาจารยห์ รอื ผ้รู บั ผดิ ชอบทนั ที 6) ผู้ทำความสะอาดต้องใช้อุปกรณ์ปอ้ งกันทเ่ี หมาะสม ข้นึ อยู่กับระดับความเปน็ อนั ตรายของสาร อย่างน้อยท่ีสุดควรจะมีถุงมือยางหนาๆ และเคร่ืองป้องกันระบบทางเดินหายใจ ส่าหรับสารที่ให้ไอพิษจะต้อง สวมหนา้ กากปดิ ตา-จมูก และปาก 7) ถ้ามีการใช้น้ำล้าง ควรระวังการรั่วไหลลงสู่ท่อน้ำท้ิง แต่อย่างไรก็ตามขึ้นกับชนิดของสารเคมี ที่หกด้วย หากเปน็ กรด หรือเบสทผ่ี ่านการสะเทนิ หรอื ทาใหเ้ จือจางแล้ว ก็สามารถปล่อยใหไ้ หลลงส่ทู อ่ น้ำทง้ิ ได้ 8) ควรมีชุดวัสดุดูดซับสำหรับอุบัติเหตุจากสารเคมีหกร่ัวไหล (spill kit) ประจำห้องปฏิบัติการ ซ่ึงควรประกอบด้วยตัว ดูดซับเฉื่อยสารสาหรับสะเทินกรดและเบส ถุงมือยางหนาท่ีตัก และถุงเปล่าสำหรับบรรจุ ของเสยี ท่เี กิดขึ้นจากการจัดการสารเคมที ห่ี กร่ัวไหล 2 กรณีสารหกเป็นของเหลว 1) ใช้ตัวดูดซับเฉ่ือยท่ีเหมาะสม เช่น chemical-adsorbent spill pillows, vermiculite หรือ ทรายแมว (cat litter) ชนิดไม่ใส่สารดับกลิ่น เมื่อดูดซับแล้วต้องปฏิบัติกับตัวดูดซับเหล่านี้เสมือนว่าเป็นของเสีย อันตราย โดยกวาดหรือ โกยลงภาชนะสำหรับเก็บของเสียอันตรายที่เหมาะสม อย่าใช้น้ำล้างของเหลวจนกว่าจะ แน่ใจว่าผลที่จะตามมาคอื อะไร
ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิเบอื้ งตน้ ในการใช้ห้องปฏัติการวิทยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 9 2) ถ้าเป็นกรดให้สะเทินด้วยโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO3) หรือโซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) ถ้าเป็นเบสแก่ให้สะเทินด้วยกรดซิตริก (citric acid) ใช้กระดาษ pH ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารละลาย มีความเป็นกลางก่อนกำจดั ท้งิ 3) หากตัวทาละลายอินทรีย์ไวไฟหกเป็นบริเวณกว้าง ให้ปิดแหล่งกำเนิดไฟหรือตู้อบบริเวณ ใกล้เคียงเพ่อื ปอ้ งกันการ ลกุ ติดไฟ 3 กรณีสารหกเป็นของแข็ง 1) สารท่ีเป็นอันตรายมาก เช่น ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยารุนแรงหรือระเบิดได้ ให้ปฏิบัติตามคำ แนะนาใน MSDS อย่าง เครง่ ครัด 2) หากสารไม่เป็นสารอันตรายมาก เช่น เกลือของโลหะที่ไม่เป็นพิษ ให้เก็บกวาดรวบรวม ตามปกติ 4 ข้อปฏบิ ัตทิ ั่วไปเพอื่ ปอ้ งกนั อุบตั เิ หตุจากสารเคมีหกรัว่ ไหล 1) ตรวจสอบภาชนะบรรจุสารเคมีเสมอเมื่อเส่ือมสภาพให้เปล่ียนภาชนะแล้วทาลายภาชนะทิ้ง ตามความเหมาะสม 2) การเคลื่อนย้ายขวดสารเคมีเป็นระยะทางใกล้ๆ (ในบริเวณห้องปฏิบัติการ) ให้ใช้มือข้างหน่ึง จับที่คอขวดและมีมืออีกข้างหนึ่งรองท่ีก้นขวด หรือใช้ภาชนะรองรับที่เหมาะสมบรรจุขวดสารเคมี ดังรูปท่ี 1 อย่าจบั ขวดสารเคมีทคี่ อขวด หรือห้ิวทห่ี ูเพราะขวดอาจจะหลน่ ลงมาได้ รูปท่ี 1 แสดงการเคลือ่ นยา้ ยสารเคมีระยะทางใกลๆ้ 3) ในการขนย้ายสารเคมีในระยะทางไกล (ออกนอกบริเวณห้องปฏิบัติการ หรือจากสโตร์เคมี) จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลและภาชนะท่ีเหมาะสม (เช่น ถังสแตนเลส หรือถังพลาสติกที่สามารถเบิกได้ จากสโตร์) มาใสข่ วดสารเคมี เพ่ือป้องกันการหกร่ัวไหลระหว่างการขนย้ายทุกคร้งั ห้ามใช้ตะกรา้ เน่ืองจากหากเกิน การแตกของขวดสารจะเกิดการร่ัวไหลได้ หากมีโอกาสท่ีขวดจะกระทบกระแทกกันต้องใช้วัสดุกันกระแทก ที่เหมาะสมด้วย 4) ภาชนะที่เป็นสเตนเลสควรใช้กับสารเคมีที่ไม่กัดกร่อน เช่น ตัวทำละลายอินทรีย์ ในขณะท่ี ภาชนะทเี่ ป็นพลาสตกิ ให้ ใช้กับสารเคมที ี่กดั กร่อนเชน่ กรด 5) หากมีสารเคมีเป็นจำนวนมากต้องใช้รถเข็นช่วยในการขนย้ายร่วมกับตะกร้าที่แข็งแรง อย่าวางขวดสารเคมบี นรถเข็นโดยตรง และควรมีการเตรยี มพรอ้ มสำหรับกรณเี กดิ เหตุหกร่ัวไหล 6) การถ่ายเทสารเคมีในปริมาณมากๆ ให้ทำในตู้ดูดควัน วางแผนล่วงหน้าและเตรียมพร้อม ตลอดเวลาว่าถา้ เกดิ การหกรั่วไหลขนึ้ จะทำอยา่ งไร หลีกเลยี่ งการถ่ายเทสารไวไฟใกลแ้ หล่งกาเนดิ ไฟ
10 ขอ้ ควรปฏิบตั เิ บอ้ื งต้นในการใช้หอ้ งปฏตั ิการวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 7) ไม่ถ่ายเทสารจากขวดบรรจสุ ู่ภาชนะปากแคบโดยตรง ให้เทผ่านกรวย บกี เกอร์หรอื ภาชนะอ่ืน ที่เหมาะสม 8) มี SDS ของสารเคมีต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง และเตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลพร้อมท้ังอุปกรณ์ ทำความสะอาดอยู่ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเสมอเพื่อจะสามารถหยิบใช้ได้ทันทว่ งทีเม่ือเกิดเหตุฉุกเฉนิ 6.ข้อปฏิบัติเมือ่ เกิดอบุ ตั เิ หตตุ ่อตวั บคุ คล 1. ข้อปฏบิ ัตทิ ว่ั ไปเพื่อหลีกเลีย่ งอุบตั ิเหตตุ อ่ ตัวบุคคล 1) ผู้รับผิดชอบห้องปฏิบัติการพึงจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้ เพยี งพอและเหมาะสมกบั จำนวนผู้ที่เกยี่ วข้องและระดับความเป็นอันตรายของงานที่ทำ 2) สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับระดับอันตรายของงานที่จะทำเสมอ ได้แก่ แว่นตานิรภัยหรอื goggles เสื้อคลุมปฏิบัติการ รองเท้าที่ปดิ มิดชิด หากผมยาวควรรวบผมให้เรียบร้อย และถุงมือ ท่ีเหมาะสมกับความเป็นอันตรายของสาร (ตรวจสอบ MSDS) โดยทั่วไปหากเป็นการทำงานในห้องปฏิบัติการเคมี ควรใช้ถุงมือชนิดไนไตรล์ (nitrile gloves) ท่ที นต่อการซึมผ่านของตัวทำละลายได้ดกี ว่าถุงมือยาง (rubber/latex gloves) ท่ีใช้ทางการแพทย์ 3) การปฏิบัติงานท่ีเกี่ยวข้องกับแก๊สหรือสารระเหยท่ีเปน็ พิษหรือมีกลิ่นเหม็นต้องทำในตดู้ ูดควัน และสวมหนา้ กากปอ้ งกันแกส๊ หรอื สารระเหย 4) ไม่สวมเสือ้ คลมุ ปฏบิ ัตกิ ารและถุงมือไปยังพนื้ ที่ซ่ึงไมเ่ ก่ยี วข้องกบั การทำงาน เชน่ ลิฟต์โดยสาร 5) ห้ามเกบ็ รับประทานอาหารหรอื เครื่องด่ืมในห้องปฏบิ ัติการ และหา้ มใช้อุปกรณ์เครื่องแกว้ ใน หอ้ งปฏิบตั ิการสาหรบั ใสอ่ าหารและเคร่อื งดืม่ 6) อยา่ ท้งิ สิง่ ของเกะกะบริเวณอา่ งนา้ ถึงเวลาจาเปน็ จะต้องใช้จะได้มที วี่ ่าง 7) ไมอ่ นุญาตให้ทางานตามลาพงั นาเด็กหรือสตั ว์เลีย้ งเขา้ มาในหอ้ งปฏิบัตกิ าร 8) ลา้ งมอื ทุกครัง้ ก่อนออกจากห้องปฏบิ ัติการ 2 ข้อปฏิบตั เิ มอ่ื ถูกแก้วบาด 1) พยายามเข่ียเศษแก้วทม่ี องเหน็ ชัดเจนออกจากบริเวณแผล 2) ห้ามเลือดโดยใช้น้าแข็งประคบกดท่ีเส้นเลือดหรือรัดที่บริเวณเส้นเลือดท่ีนาไปสู่บาดแผล ระวงั อย่ารดั นานเกนิ ไป 3) ทำความสะอาดแผลและใสย่ า ปดิ ปากแผลให้มิดชิด 4) หากแผลใหญ่หรือเลือดไม่หยุดให้นำส่งหน่วยอนามัยหรอื แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลจุฬาฯ โดยเร็ว 3 ข้อปฏิบตั เิ ม่อื ถกู ของร้อนหรือไฟลวก 1) แช่น้าเย็นจัดหรือปดิ แผลด้วยผ้าชุบน้าจนหายอาการปวดแสบปวดรอ้ น 2) ทำยาข้ผี ึ้งสาหรบั ไฟไหม้ และนา้ รอ้ นลวก 3) หากเกดิ บาดแผลไฟลวกขนาดใหญใ่ ห้นาส่งสถานีอนามัย จุฬาฯ หรือแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาล จุฬาฯ โดยเร็ว 4 ข้อปฏบิ ัตเิ มอ่ื สารเคมีหกรดผวิ หนงั 1) ถอดเสื้อผ้าบริเวณท่ีเป้อื นสารเคมอี อกโดยเรว็ 2) เชด็ หรอื ซบั สารเคมีท่ีหกรดออกใหม้ ากที่สุดโดยเรว็
ข้อควรปฏบิ ตั เิ บอื้ งตน้ ในการใชห้ อ้ งปฏัตกิ ารวิทยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 11 3) กรณีสารละลายน้ำแต่ไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำ ล้างบริเวณท่ีสารหกรดด้วยน้าไหลปริมาณมากๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที หรือจนแน่ใจว่าชาระล้างสารออกหมดแล้ว หากสารไม่ละลายน่้าให้ล้างด้วยสบู่ ใชอ้ ย่างน่้า ท่อี ยู่ใกล้ท่ีสดุ 4) หากทราบว่าสารที่หกรดคืออะไร ให้ดำเนินการต่อไปตามข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละสาร ตาม SDS หรอื ตามแนวทาง ขา้ งลา่ ง ในกรณีท่ีรนุ แรงควรพบแพทยท์ ันที **กรณที ราบชนดิ สารทห่ี กรดผวิ หนัง 1) ในกรณีกรด ล้างน้ำเปล่าปริมาณมากๆ ข้อควรระวัง : ในกรณีกรดซัลฟิวริกเข้มข้นหกรด ตอ้ งทำการเชด็ หรอื ซับออกด้วยผ้าให้ไดม้ ากที่สุดก่อนการลา้ งด้วยน้ำเปลา่ ปริมาณมากๆ 2) ในกรณีเบสล้างน้ำเปล่าปริมาณมากๆ 3) ส่าหรับฟีนอล ล้างน้ำเปล่าปริมาณมากๆ แล้วค่อยใช้กลีเซอรีนอ่ิมตัวด้วยโบรมีนทำ ถ้าฟีนอล หกรดปรมิ าณมากอาจมีอาการไตวาย (อนั ตรายถงึ ชีวิต) ให้รบี สง่ โรงพยาบาลทนั ที 4) สำหรับกรดไฮโดรฟลูออริก ท่าให้เกิดแผลที่เจ็บปวดมาก กรดเจือจางจะเห็นผลช้ากว่า ควรหลีกเล่ียงการใช้ถ้าเป็นไปได้ ห้องปฏิบัติการท่ีใช้กรดชนิดน้ีควรเตรียมติดต่อสถานพยาบาลไว้ล่วงหน้าในกรณี เกิดเหตุฉุกเฉิน การปฐมพยาบาล เบื้องต้นให้ลา้ งดว้ ยน้่ามากๆ และนวดด้วย calcium gluconate gel 2 % และ ต้องพบแพทยใ์ นทกุ กรณีที่เกิดการหกรดร่างกายไมว่ ่าจะเพยี งเลก็ นอ้ ยกต็ าม 5 ข้อปฏิบตั ิเมื่อสารเคมกี ระเด็นเขา้ ตา 1) ล้างตาทันทีโดยใช้อ่างล้างหน้า หรือด้วยน้ำไหลปริมาณมาก ขณะล้างตาต้องพลิกเปลือกตา และกลอกตาไปมาเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาทีหรอื จนแน่ใจว่าชำระสารออกหมดแล้ว ในกรณีสารเคมกี ระเด็นเข้า ตา ห้ามสะเทนิ ดว้ ยสารละลายกรดหรือเบสโดยเด็ดขาด 2) นำส่งโรงพยาบาลโดยเรว็
12 ขอ้ ควรปฏบิ ัติเบอ้ื งต้นในการใชห้ ้องปฏัตกิ ารวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 6 ข้อปฏบิ ัตเิ มื่อสดู แกส๊ ทีเ่ ป็นพษิ 1) นำผู้ประสบอุบัติเหตุออกจากบริเวณอันตรายทันที ผู้ช่วยเหลือต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ตนเอง ได้แก่เคร่ืองช่วยหายใจ เป็นต้น แก๊สพิษบางชนิดเช่น CO, HCN, NO, COCl2 และ SO2 ซึมเข้าผิวหนังได้ จึงตอ้ งสวมชดุ ป้องกันทีเ่ หมาะสมด้วย 2) ปลดเสื้อผา้ ใหห้ ลวม ให้ออกซิเจนถา้ ทำได้ 3) ถ้าหมดสติ ควรให้นอนคว่า และตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหน่ึง เพื่อป้องกันโคนลิ้นกีดขวาง ทางเดนิ หายใจ และสังเกตว่าหยุดหายใจหรือไม่ 4) ถ้าหยุดหายใจ ให้ผายปอด ไม่ควรใช้วิธี mouth-to-mouth โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือสูดแก๊ส HCN เนื่องจากผู้ ช่วยเหลอื มีโอกาสไดร้ บั พิษสูง 5) นำสง่ โรงพยาบาลท่ใี กล้ท่สี ดุ โดยดว่ น
ข้อควรปฏบิ ตั เิ บอื้ งตน้ ในการใชห้ อ้ งปฏตั ิการวทิ ยาศาตร์ (Basic guidelines for using science labboratories) 13 เอกสารอา้ งอิง 1. สุขาดา ไชยสวัสดิ์. 2555. เอกสารประกอบการอบรมวิธีการท่างานอย่างถูกต้อง และความปลอดภัย ในห้องปฏิบัติการ. ศูนย์ก่าจัดการด้านพลังงาน และส่ิงแวดล้อมความปลอดภัย และอาชีวอนามัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล่า้ ธนบุรี. 2. วารสารวทิ ยาศาสตรบ์ ริการ . (2557). ความสา่ คัญของการไดร้ บั การรับรอง ความสามารถ สว่ นบุคคลสา่ หรับการจดั การสารเคมีในห้องปฏบิ ตั ิการ เคมีในหอ้ งปฏิบัติการ เขา้ ถึงขอ้ มูลได้ จาก : http://lib3.dss.go.th/fulltext/dss_j/2557_62_194_P20-22.pdf (วันท่ีสืบค้น 9 มิถุนายน 2565) 3. งานอนรุ กั ษ์ และวิจัย กลมุ่ งานสัตวแพทย์ อนรุ ักษ์ และวิจยั ฝ่ายบริหารจดั การสัตว์ สานกั งาน เชยี งใหมไ่ นท์ ซาฟารี. (ม.ป.พ). ค่มู ือการท่างานในห้องปฏิบตั ิการ.
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: