ความสาคญั ของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ ในสมยั อยธุ ยา
1. ประเภทของหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ แบง่ ได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หลกั ฐานท่ีเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร และหลกั ฐานท่ีไมเ่ ป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร แบง่ ตาม ความสาคญั ไดเ้ ป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ หลกั ฐานชนั้ ตน้ และหลกั ฐานชนั้ รอง
2 หลักฐานทางประวัตศิ าสตรส์ มัยอยุธยา 1. พระราชพงศาวดาร แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ 1.1) พระราชพงศาวดารท่ีผา่ นกระบวนการชาระ 1.2) พระราชพงศาวดารท่ีไมผ่ า่ นกระบวนการชาระ คือ พงศาวดารท่ีใหข้ อ้ มลู ตามท่ีบนั ทกึ ไว้ 2. จดหมายเหตโุ หร 3. จดหมายเหตชุ าวตา่ งชาติ 4. วรรณกรรม 5. หลกั ฐานทางโบราณคดี
จดหมายเหตุลาลูแบร์ หนงั สอื เลม่ นีเ้ ป็นหลกั ฐานชนั้ ตน้ เก่ียวกบั ประวตั ิศาสตรส์ ยามสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา เม่ือ 324 ปีลว่ งมาแลว้ เป็น หลกั ฐานท่ีสาคญั มากเพราะวา่ เขียนโดย ผทู้ ่ีเหน็ เหตกุ ารณแ์ ละเป็นคนฉลาดชา่ งสงั เกต ทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู เก่ียวกบั สงั คมสยาม โดยเฉพาะคนในกรุงศรอี ยธุ ยาท่ีละเอียดอยา่ งไมเ่ คยมีใครทามาก่อน
จดหมายเหตุโหร รายงานหรือบนั ทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนผบู้ นั ทึกอาจเป็นส่วนราชการ รัฐวสิ าหกิจ หรือบุคคลทว่ั ไปกไ็ ด้ เพ่ือบนั ทึกไวส้ าหรับใชอ้ า้ งอิงในอนาคต สถานที่เกบ็ และใหบ้ ริการเอกสารจดหมายเหตุเรียกวา่ หอจดหมายเหตุ
3. การตรวจสอบและประเมินหลกั ฐาน แบง่ เป็น 2 แบบ ไดแ้ ก่ 3.1 การประเมินภายนอก พจิ ารณาจาก 1. อายขุ องหลกั ฐาน 2. ผสู้ รา้ งหรอื ผเู้ ขียนหลกั ฐาน 3. จดุ ม่งุ หมายของหลกั ฐาน 4. รูปเดมิ ของหลกั ฐาน 3.2 การประเมินภายใน การประเมินภายใน คือ พิจารณาสาระ โดยเปรยี บเทียบกบั หลกั ฐานอ่ืน วา่ เหมือนหรอื ตา่ งกนั อยา่ งไร
4. การตคี วามหลักฐาน 4.1 ประเภทของการตีความหลกั ฐาน มี 2 ลกั ษณะ คือ การตีความขนั้ ตน้ ผตู้ ีความควรมีพืน้ ฐานตอ่ ไปนี้ 1) การใชถ้ อ้ ยคาและสานวนโวหาร 2) อทิ ธิพลของทศั นคติ คา่ นิยม และสภาพแวดลอ้ มในชว่ งเวลาท่ีบนั ทกึ หลกั ฐาน 3) จดุ มงุ่ หมายของหลกั ฐาน การตีความขนั้ ลกึ เป็นการตีความเพ่ือหาความหมายท่ีแฝงอยู่ ซง่ึ ไมไ่ ดบ้ อกตรง ๆ
4.2 ขอ้ ควรปฏิบตั ใิ นการตีความหลกั ฐาน 1. ตีความดว้ ยใจเป็นกลาง 2. ตีความในขอบเขตของหลกั ฐาน 3. ตีความตามยคุ สมยั ของหลกั ฐาน 4.3 ความสาคญั ของการตีความหลกั ฐาน การตีความทาใหไ้ ดข้ อ้ มลู ท่ีน่าเช่ือถือ และนาไปเทยี บเคียงกบั เหตกุ ารณท์ ่ีเกิดขนึ้ ในอดตี ไดใ้ กลเ้ คียงท่ีสดุ 4.4 ลกั ษณะของขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการตีความหลกั ฐาน 1. ความจรงิ 2. ขอ้ เทจ็ จรงิ 3. ความคดิ เห็น ความคดิ เหน็ ทางประวตั ิศาสตร์ ตอ้ งเป็นความเหน็ จากผเู้ ช่ียวชาญในสว่ นนนั้ ๆ หากนาไปอา้ งองิ ตอ้ งระบวุ า่ เป็นความคดิ เหน็ ของใคร มีความคดิ เหน็ อยา่ งไร เช่น ความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ศิลาจารกึ ของ ดร.ประเสรฐิ ณ นคร
ประเภทของหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ 1. หลักฐานทจ่ี าแนกตามความสาคัญ หลักฐานชัน้ ต้น( primary sources) หมายถงึ คาบอกเลา่ หรอื บนั ทกึ ของผพู้ บเหน็ เหตกุ ารณห์ รอื ผทู้ ่ี เก่ียวขอ้ งกบั เหตกุ ารณโ์ ดยตรง ไดแ้ ก่ บนั ทกึ การเดินทาง จดหมายเหตุ จารกึ รวมถงึ ส่งิ ก่อสรา้ ง หลกั ฐานทาง โบราณคดี โบราณสถาน โบราณวตั ถุ เชน่ โบสถ์ เจดีย์ วิหาร พระพทุ ธรูป รูปปั้น หมอ้ ไห ฯลฯ
หลักฐานชัน้ รอง( secondary sources) หมายถงึ ผลงานท่ีเขียนขนึ้ หรอื เรยี บเรยี งขนึ้ ภายหลงั จาก เกิดเหตกุ ารณน์ นั้ แลว้ โดยอาศยั คาบอกเลา่ หรอื จากหลกั ฐานชนั้ ตน้ ตา่ งๆไดแ้ ก่ ตานาน วิทยานิพนธ์ เป็นตน้
พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา ฉบบั พระจกั รพรรดิพงศ์ (จาด) เป็นพงศาวดารสยามสมยั อาณาจกั รอยธุ ยา เนือ้ หาเรม่ิ ตงั้ แตแ่ รกสถาปนากรุงศรอี ยธุ ยาจนถงึ ปลายรชั สมยั พระเจา้ ทา้ ยสระ ตน้ ฉบบั เป็นใบลานรวม 17 ผกู เนือ้ หาสว่ นใหญ่คลา้ ยกบั พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยา ฉบบั อ่ืน ๆ ท่ีชาระในสมยั รตั นโกสนิ ทรต์ อนตน้ แตเ่ นือ้ หาตงั้ แตร่ ชั กาลสมเด็จพระนารายณม์ หาราชเป็นตน้ ไป แตกตา่ งจากพงศาวดารฉบบั อ่ืน ๆ มาก สนั นิษฐานวา่ สว่ นนีเ้ ขียนขนึ้ ตงั้ แตส่ มยั ราชวงศบ์ า้ นพลหู ลวง
หลักฐานทใี่ ช้อักษรเป็ นตวั กาหนด หลักฐานทเี่ ป็ นลายลักษณอ์ ักษร (written sources) หมายถึง หลกั ฐานท่ีมีการบนั ทกึ เป็นลาย ลกั ษณอ์ กั ษรบอกเลา่ เร่อื งราวตา่ งๆไดแ้ ก่ ศลิ าจารกึ พงศาวดาร ใบลาน จดหมายเหตุ วรรณกรรม ชีวประวตั ิ หนงั สอื พมิ พ์ วารสาร นิตยสารรวมถงึ การบนั ทกึ ไวต้ ามสิ่งกอ่ สรา้ ง โบราณสถาน โบราณวตั ถุ แผนท่ี หลกั ฐาน ประเภทนีจ้ ดั วา่ เป็นหลกั ฐานสมยั ประวตั ิศาสตร์
หลักฐานทไ่ี ม่เป็ นลายลักษณอ์ ักษร หมายถงึ สิ่งท่ีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ้ ทงั้ หมดท่ีไมเ่ ป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร ไดแ้ ก่ สิ่งก่อสรา้ ง โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปะการแสดง คาบอกเลา่ นาฏศิลป์ ตนตรี จิตรกรรม ฯลฯ
หลักฐานทม่ี นุษยต์ งั้ ใจสร้างขนึ้ หมายถึง หลกั ฐานท่ีมนษุ ยส์ รา้ งขนึ้ เพ่ือใชใ้ นการดารงชีวติ หลักฐานทมี่ ไิ ดเ้ ป็ นผลผลติ ทมี่ นุษยส์ ร้างหรือตงั้ ใจสร้าง หมายถงึ วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ กระบวนการ สืบคน้ เร่อื งราวในอดีตของสงั คมมนษุ ยเ์ รม่ิ ตน้ ท่ีความอยากรูอ้ ยากเหน็ ของผตู้ อ้ งการ ศกึ ษาและตอ้ งการ สอบสวนคน้ ควา้ หาคาตอบดว้ ยตนเอง จากรอ่ งรอยท่ีคนในอดีตไดท้ าไวแ้ ละตกทอดเหลือมาถงึ ปัจจบุ นั
ประวตั ศิ าสตรจ์ ะเกิดขนึ้ ไดด้ ว้ ยองคป์ ระกอบสาคญั ไดแ้ ก่ สงั คมมนษุ ย์ หลกั ฐาน มิติของเวลา และวธิ ีการทาง ประวตั ศิ าสตร์ โดยขนั้ แรกตอ้ งมีเหตกุ ารณห์ รอื พฤตกิ รรมในสงั คมมนษุ ยเ์ กิดขนึ้ แตเ่ น่ืองจากสงั คมมนษุ ย์ เกิดขนึ้ มากวา่ 500,000 ปีมาแลว้ ความจรงิ ในอดตี จงึ ตอ้ งอาศยั รอ่ งรอยหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรซ์ ง่ึ อาจเกิด จากธรรมชาติหรอื อาจเกิดจากส่ิงท่ีมนษุ ยต์ งั้ ใจหรอื อาจไมต่ งั้ ใจจะสรา้ งหลกั ฐานขนึ้ และเม่ือเกิดหลกั ฐานขนึ้ แลว้ ตอ้ งอาศยั นกั ประวตั ศิ าสตรห์ รอื ผทู้ ่ีสนใจศกึ ษาประวตั ศิ าสตรท์ าหนา้ ท่ีรวบรวมตรวจสอบ พจิ ารณา ไตรต่ รอง วิเคราะห์ ตีความ วนิ ิจฉยั และเรยี บเรียงขอ้ เทจ็ จรงิ ท่ีคน้ พบเพ่ืออธิบายเร่อื งราวในสงั คมนนั้ ๆวา่ เกิดขนึ้ เพราะเหตใุ ดและผลของเหตกุ ารณน์ นั้ เป็นอยา่ งไร
อยา่ งไรกต็ ามไมม่ ีผใู้ ดสามารถจาลองอดีตไดอ้ ยา่ งครบถว้ นสมบรู ณฉ์ ะนนั้ เหตกุ ารณท์ ่ีเรียบเรียงขนึ้ เป็น ประวตั ศิ าสตรน์ ี้ จงึ เป็นเร่ืองราวเพียงสว่ นหนง่ึ ของพฤติกรรมมนษุ ยใ์ นอดีตเทา่ นนั้ โดยผูศ้ กึ ษาเหน็ วา่ เหตกุ ารณ์ นนั้ มีความสาคญั ตอ่ สงั คมและควรเรยี นรูถ้ ือเป็นบทเรยี นของอดีตท่ีมีผลถงึ ปัจจบุ นั และอนาคต การสบื คน้ อดีต เพ่ือเขา้ ใจสงั คมปัจจบุ นั และเหน็ แนวทางปฏบิ ตั ใิ นอนาคตคือคณุ คา่ สาคญั ของประวตั ศิ าสตร์
นอกจากนีป้ ระวตั ศิ าสตรย์ งั ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมีความเขา้ ใจความรกั และความภมู ใิ จในชาตขิ องตน เขา้ ใจ ลกั ษณะเฉพาะทางวฒั นธรรมของสงั คมมนษุ ยท์ ่ีอยใู่ นพืน้ ท่ีตา่ งๆกนั และท่ีสาคญั ผศู้ ึกษาประวตั ิศาสตรจ์ ะ ไดร้ บั การฝึกฝนทกั ษะการคิดวเิ คราะหก์ ารแยกแยะขอ้ เทจ็ จรงิ จากขอ้ มลู หลกั ฐานท่ีหลากหลายไดฝ้ ึกฝนการ อา่ น การเขียน การเลา่ เรอ่ื งและการนาเสนออยา่ งมีเหตผุ ลอนั เป็นกระบวนการสรา้ งภมู ิปัญญาอยา่ งแทจ้ รงิ
จดั ทาโดย ชยั ภทั ร เศรษฐกร ม.2/1 เลขท1ี่ 2
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: