Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 2

บทที่ 2

Published by 174ed00077, 2020-12-27 13:03:17

Description: บทที่ 2

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เรื่อง ความจาเป็นในการมองเห็นชอ่ งทางการประกอบอาชพี การมองเห็นช่องทางการประกอบอาชีพ เป็นการศึกษากระบวนการผลิต กระบวนการ ตลาด และอื่นๆ ที่ เก่ียวข้อง และนํามาพิจารณาว่าอาชีพน้ีจะสามารถยึดมาเป็นอาชีพของตนเอง ได้หรือไม่ ดังน้ันการ มองเห็นช่อง ทางการประกอบอาชพี เท่ากบั การมีวสิ ัยทัศน์กว้างไกล จะทาํ ให้สามารถลดความเสย่ี งในการ ประกอบอาชีพในอนาคต ได้ โอกาสและความสามารถทจ่ี ะนาํ มาประกอบอาชีพได้ก่อนผอู้ ื่น เป็นหวั ใจสําคัญของการประกอบอาชีพ หากผู้ ประกอบอาชีพตามที่ตลาดต้องการและเป็นอาชีพท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะน้ัน ย่อมทําให้มีโอกาสประสบ ความสําเรจ็ สามารถพัฒนาตนเองให้มองเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพได้ คอื 1. ความชํานาญจากงานที่ทําในปัจจุบัน จะเป็นแหล่งความรู้ ความคิด ท่ีจะช่วยให้มองเห็นโอกาส ในการ ประกอบอาชีพได้มาก เช่น บางคนมีความชํานาญทางด้านการทําอาหาร ตัดเย็บเส้ือผ้า ซ่อมเ คร่ืองใช้ไฟฟ้าต่อท่อ นาํ้ ประปา ช่างไม้ ช่างปูกระเบื้อง ช่างทาสี ฯลฯ ซ่ึงสามารถนําความชํานาญดังกล่าวมาพัฒนาและประกอบอาชีพได้ บางคนทํางานท่ีโรงงานตัดเย็บเสอ้ื ผ้า เมอื่ กลับมาภมู ิลาํ เนาเดิมของตนเอง กน็ ําความรู้ความสามารถและความชํานาญ มาใช้เป็นชอ่ งทางการประกอบอาชพี ของตนเองได้ 2. ความชอบความสนใจส่วนตัว เป็นอกี ทางหนงึ่ ทช่ี ่วยใหม้ องเหน็ ชอ่ งทางโอกาสในการประกอบอาชีพ บาง คนชอบประดิษฐ์ดอกไม้ บางคนชอบวาดรูป ทําให้บุคคลเหล่านี้พัฒนางานที่ชอบ ซึ่งเป็นงานอดิเรกกลายเป็นอาชีพ หลัก ทาํ รายไดเ้ ปน็ อย่างดี 3. การฟังความคิดเห็นจากแหล่งต่าง ๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคล เป็นแหล่งความรู้และ กอ่ ใหเ้ กิดความคดิ ริเรมิ่ เปน็ อย่างดี ในบางครั้งเรามีความคดิ แล้ว และได้พูดคยุ กบั บุคคลต่าง ๆ จะช่วยให้การวิเคราะห์ ความคดิ ชัดเจนข้นึ ชว่ ยให้มองไปข้างหนา้ ได้อย่างรอบคอบกอ่ นที่จะลงมอื ทํางานจรงิ 4. การศึกษาค้นคว้าจากหนงั สือ นิตยสาร หนงั สอื พิมพ์ การดูวีดีทศั น์ ฟงั วทิ ยุ ดรู ายการโทรทัศน์จะช่วยให้ เกดิ ความรู้และความคิดใหม่ ๆ 5. ข้อมูล สถิติ รายงาน ข่าวสารจากหน่วยราชการและเอกชน รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศใน การมองหาช่องทางในการประกอบอาชีพ ผู้ที่จะมองหาอาชีพ พัฒนาอาชีพ ควรให้ความสนใจข้อมูลต่าง ๆ ในการ ตดิ ตามเหตกุ ารณ์ใหท้ ัน แลว้ นํามาพิจารณา ประกอบการตัดสนิ ใจประกอบอาชพี

ใบงาน ความจาเป็นในการมองเหน็ ชอ่ งทางการประกอบอาชพี ใหผ้ ้เู รยี นแสดงความคิดเหน็ ตามประเด็น คือ “การมองเหน็ ชอ่ งทางการประกอบอาชพี มคี วามจําเป็นจริง หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด” แล้วให้ผเู้ รยี นบนั ทึกสรปุ ผลตามความเขา้ ใจของตนเอง ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................................................

เฉลย เรอ่ื ง ความจาเป็นในการมองเหน็ ช่องทางการประกอบอาชพี ให้ผ้เู รยี นแสดงความคดิ เหน็ ตามประเดน็ คือ “การมองเหน็ ช่องทางการประกอบอาชีพ มคี วามจาํ เป็นจรงิ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด” เฉลย มคี วามจําเป็น เพราะ โอกาสและความสามารถที่จะนาํ มาประกอบอาชีพไดก้ ่อนผู้อน่ื เป็นหัวใจสําคัญของการประกอบอาชีพ หาก ผูป้ ระกอบอาชพี ตามที่ตลาดตอ้ งการและเปน็ อาชีพท่ีเหมาะสมกับสถานการณใ์ นขณะน้นั ยอ่ มทําใหม้ โี อกาสประสบ ความสาํ เรจ็ สามารถพฒั นาตนเองใหม้ องเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพได้ คอื 1. ความชํานาญจากงานที่ทําในปัจจุบัน จะเป็นแหล่งความรู้ ความคิด ที่จะช่วยให้มองเห็นโอกาส ในการ ประกอบอาชีพได้มาก เช่น บางคนมีความชํานาญทางด้านการทําอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า ซ่อมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าต่อท่อ นาํ้ ประปา ชา่ งไม้ ช่างปกู ระเบ้อื ง ช่างทาสี ฯลฯ ซ่ึงสามารถนําความชํานาญดังกล่าวมาพัฒนาและประกอบอาชีพได้ บางคนทาํ งานที่โรงงานตดั เย็บเส้ือผา้ เมือ่ กลับมาภมู ิลําเนาเดมิ ของตนเอง กน็ าํ ความรู้ความสามารถและความชํานาญ มาใช้เป็นช่องทางการประกอบอาชพี ของตนเองได้ 2. ความชอบความสนใจส่วนตัว เป็นอีกทางหน่ึงที่ช่วยให้มองเห็นช่องทางโอกาสในการประกอบอาชีพ บาง คนชอบประดิษฐ์ดอกไม้ บางคนชอบวาดรูป ทําให้บุคคลเหล่านี้พัฒนางานที่ชอบ ซ่ึงเป็นงานอดิเรกกลายเป็นอาชีพ หลกั ทํารายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 3. การฟังความคิดเห็นจากแหล่งต่าง ๆ พูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกับบุคคล เป็ นแหล่งความรู้และ ก่อใหเ้ กดิ ความคิดรเิ ร่มิ เปน็ อย่างดี ในบางคร้ังเรามคี วามคดิ แลว้ และได้พดู คยุ กบั บุคคลต่าง ๆ จะช่วยให้การวิเคราะห์ ความคิดชดั เจนขึ้น ชว่ ยใหม้ องไปขา้ งหน้าไดอ้ ย่างรอบคอบกอ่ นทีจ่ ะลงมอื ทาํ งานจริง 4. การศกึ ษาค้นควา้ จากหนงั สอื นติ ยสาร หนังสอื พิมพ์ การดวู ดี ีทัศน์ ฟงั วทิ ยุ ดูรายการโทรทัศน์จะชว่ ยให้ เกดิ ความร้แู ละความคิดใหม่ ๆ 5. ข้อมูล สถิติ รายงาน ข่าวสารจากหน่วยราชการและเอกชน รวมทั้งแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศใน การมองหาช่องทางในการประกอบอาชีพ ผู้ที่จะมองหาอาชีพ พัฒนาอาชีพ ควรให้ความสนใจข้อมูลต่าง ๆ ในการ ตดิ ตามเหตกุ ารณใ์ หท้ ัน แล้วนํามาพจิ ารณา ประกอบการตัดสนิ ใจประกอบอาชพี

แบบทดสอบก่อนเรียน 1.ขอ้ ใดไมใ่ ช่โอกาสประสบความสาํ เรจ็ พัฒนาตนเองให้มองเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพได้ ก. ความชาํ นาญจากงานทท่ี ําในปจั จุบัน ข.ความชอบความสนใจส่วนตวั ค.การฟงั ความคิดเหน็ จากแหลง่ ต่าง ๆ ง. ปจั จัยการผลิต 2. ขอ้ ใดเปน็ ผลดีของการประกอบอาชพี ข. มีผู้คนใหค้ วามนับถอื ก. มรี ายไดเ้ ลี้ยงตนเองและครอบครวั ง. มีชอื่ เสยี งโด่งดัง ค. มีสินค้าออกสู่ทอ้ งตลาด 3. ข้อใดไมใ่ ช่หลักเกณฑ์ของแนวความคดิ ทางการตลาด ก. แผนการตลาด ข. ยอดขาย ค. กาํ ไร ง. ลกู คา้ 4.การสํารวจตนเองก่อนเลอื กประกอบอาชีพ มปี ระโยชนอ์ ย่างไร ก. ทําใหม้ ีเพอ่ื นรว่ มงานมาก ข. ทําให้มรี ายได้สงู ค. ทําใหม้ คี วามรับผดิ ชอบต่องาน ง. ทาํ ให้ได้ทาํ งานที่ชอบและมคี วามถนดั 5.การเลอื กประกอบอาชพี ในขอ้ ใดไม่เหมาะสมสําหรบั การตัดสินใจเลอื กประกอบอาชพี ก. ความชอบ ข. ความนิยมของสงั คมในการประกอบอาชพี ค. ความสามารถ ง. ความสนใจ หรอื ความถนัด

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 1.ง 2. ก 3. ก 4.ง 5. ข

แบบทดสอบหลงั เรยี น 1.ข้อใดไม่ใช่โอกาสประสบความสาํ เรจ็ พัฒนาตนเองใหม้ องเหน็ โอกาสในการประกอบอาชีพได้ ก.ปจั จัยการผลติ ข.ความชอบความสนใจส่วนตัว ค.การฟังความคิดเห็นจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ง. ความชาํ นาญจากงานทีท่ าํ ในปัจจุบัน 2. ข้อใดเปน็ ผลดีของการประกอบอาชีพ ข. มีสินคา้ ออกส่ทู ้องตลาด ก. มีชอื่ เสยี งโด่งดงั ง. มรี ายได้เล้ียงตนเองและครอบครวั ค. มีผคู้ นให้ความนับถือ 3. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หลักเกณฑ์ของแนวความคดิ ทางการตลาด ก. ลกู ค้า ข. แผนการตลาด ค. กาํ ไร ง. ยอดขาย 4.การสํารวจตนเองก่อนเลือกประกอบอาชพี มปี ระโยชน์อย่างไร ก.ทาํ ให้มีรายไดส้ ูง ข. ทําให้มีเพอื่ นรว่ มงานมาก ค. ทําให้ไดท้ าํ งานทชี่ อบและมคี วามถนัด ง. ทาํ ให้มีความรบั ผิดชอบตอ่ งาน 5.การเลอื กประกอบอาชพี ในข้อใดไม่เหมาะสมสําหรบั การตัดสนิ ใจเลอื กประกอบอาชพี ก. ความชอบ ข. ความสามารถ ค. ความสนใจ หรือความถนัด ง. ความนยิ มของสงั คมในการประกอบอาชพี

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 1. ก 2. ง 3.ข 4. ค 5.ง

ใบความรู้ เรื่อง ความเป็นไปได้ในการเข้าสอู่ าชีพ ความเปน็ ไปได้ในการเข้าส่อู าชพี ของบคุ คลท่วั ไป ควรคํานงึ ถงึ ปจั จัยต่อไปน้ี 1.การจัดการการผลติ การจดั การการผลิต เปน็ การเตรียมความพรอ้ มในการผลติ สินค้าหรือการบริการ โดยการวางแผนเพื่อเตรยี ม ความพร้อมในกจิ กรรมการผลิต เชน่ การจดั หาวัตถุดิบ แผนการใชแ้ รงงาน แผนการใช้เงินทนุ เพ่ือให้การผลิตสินคา้ / บริการตา่ ง ๆ เปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ คือ ต้นทุนต่ําและรายไดส้ ูง ได้สนิ คา้ ท่ีมีคุณภาพตรงตามความตอ้ งการของ ตลาด การจดั การการผลิตเน้นไปที่การทาํ แผนต่าง ๆ แผนที่ดีนั้นจะตอ้ งผา่ นการทดลองหรือ ผ่านการปรับเพ่ือให้ได้ แผนที่ดที ่ีสดุ เม่ือไดแ้ ผนแล้วจึงนําไปผลติ สินค้า/บรกิ าร แผนท่ีจาเปน็ ต่อการผลติ สนิ คา้ ไดแ้ ก่ 1. แผนการเลือกผลิตสินค้าโดยศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวกับสินค้า ได้แก่ ความต้องการของผู้บริโภค จํานวนผู้ขาย จํานวนผู้ผลิต เพื่อนํามาใช้เป็นข้อมูล ในการผลิตสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตต้องคํานึงถึง มิฉะนั้นสินค้าที่ ผลิตออกมาจะไมเ่ ปน็ ไปตามความตอ้ งการของลูกคา้ จะทําให้เกิดความสูญเสียขึ้น เมื่อสินค้าถูกผลิตขึ้นมาแล้ว สินค้า บางชนิดอาจมกี ารทดลอง แล้วนาํ ไปตรวจสอบกับลูกค้าใหท้ ดลองใช้หรือทดลองชิม เพ่ือดูความพอใจของลกู ค้า 2. แผนการเลือกทําเลท่ีตั้ง หมายถึง แหล่งท่ีตั้งที่จะประกอบอาชีพ การเลือกทําเล ควรให้เหมาะสมกับ ลักษณะของอาชีพ อาชีพบริการ เช่น ร้านขายอาหาร ร้านเสริมสวย ต้องเลือกทําเลที่อยู่ในแหล่งชุมชน โรงงาน อุตสาหกรรมน้ําตาล ก็มักต้งั อยูใ่ นแหลง่ ที่มวี ัตถดุ ิบอยา่ งไรกต็ ามการเลือกทําเล ควรพิจารณาระบบการขนส่งดว้ ย 3. แผนการใช้แรงงาน แรงงานในท่ีน้ีหมายถงึ ทงั้ กําลังคนและการใชเ้ คร่ืองจกั ร เคร่อื งมอื ต่าง ๆ โดยพจิ ารณา จากแผนการผลิต และจํานวนสินค้าท่ีจะผลิต เพื่อจะได้จัดเตรียมแรงงานไว้ให้พร้อมในช่วงท่ีต้องการ เช่น ช่วงเกี่ยว ขา้ ว100 ไร่ ในเดือนพฤศจิกายนของทกุ ปี จะต้องใชท้ งั้ แรงงานคนและเคร่อื งจักรกต็ ้องเตรียม แรงงานให้พร้อมในช่วง เดือนพฤศจกิ ายน 4. วางแผนการใช้ทุนในการกําหนดจํานวนสินค้าน้ันต้องพิจารณาฐานทางการเงินของผู้ผลิตด้วย แม้ว่าจะ คาดคะเนความตอ้ งการของตลาดได้ แต่ถา้ ไมม่ เี งินทุน กไ็ มเ่ กิดประโยชนอ์ ยา่ งใด อาจแกไ้ ขได้โดยไปกู้ยืมเงินท่ีต้องเสีย ดอกเบย้ี ซึ่งจะต้องเพม่ิ เป็นตน้ ทนุ ของการผลติ หรือหาปัจจยั การผลติ ทดแทนปัจจัยที่มีราคาแพง แต่ต้องระวังในเรื่อง ของคุณภาพของสินค้าด้วย

5. วางแผนกําหนดจํานวนการผลิต เมื่อทําแผนการผลิตเรียบร้อยทุกด้านแล้ว ให้พิจารณาว่าจะผลิตสินค้า จํานวนเท่าใด แรกเริ่มการผลิตอาจผลิตจํานวนน้อย แล้วค่อย ๆ ทยอยเพิ่มจํานวนการผลิต โดยมีการปรับแผนการ ผลติ ตลอดเวลา 6. ประมาณการผลตอบแทนท่ีได้จากการผลิตสินค้า เม่ือวางแผนการผลิตสินค้า ต้ังแต่เลือกทําเลท่ีต้ังการใช้ แรงงาน การใชท้ ุน การกําหนดจํานวนการผลติ เรียบร้อยแลว้ ลองทําแผนประมาณผลตอบแทนทคี่ าดวา่ จะได้จากการ ผลิตสินคา้ ในครั้งนี้ โดยอาจลองนาํ ข้อมูลใส่ในบญั ชรี ายรบั -รายจา่ ย กระบวนการผลิตเป็นการนําปัจจัยการผลิตสู่การปฏิบัติ เพื่อผลิตสินค้าตามแผนการจัดการการผลิต โดย นํามาจดั ทาํ แผนปฏิบัติลงสู่การปฏิบัติตามลําดับก่อน-หลัง ซ่ึงเป็นข้ันตอนสําคัญ และอาจมีการปรับเปลี่ยนแผนตาม สถานการณน์ ั้นๆ เพ่ือจะหลกี เลีย่ งความเสีย่ งที่อาจจะตามมา เช่น อาชีพการเกษตรมักจะเสี่ยงต่อสภาพดินฟ้าอากาศ ราคาขนึ้ ลงของสนิ คา้ จํานวนสนิ คา้ ทผี่ ลิตออกมามีจํานวนมาก ดังน้ัน ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการผลิตกับผลผลิต อาจ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ เม่ือเพิ่มปัจจัยการผลิตเข้าไปจะทําให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แต่บางครั้งความสัมพันธ์ ระหว่างปจั จยั การผลติ กบั ผลผลิตอาจไมไ่ ปในทศิ ทางเดยี วกัน เมือ่ เพิม่ ปจั จัยการผลติ หลักเข้าไป จะทําให้ผลผลิตลดลง นา่ จะเป็นอาชีพการเกษตร ถึงแม้จะเพิ่มปัจจัยการผลิต ผลผลิตท่ีได้อาจไม่ได้เพ่ิมตามปัจจัยการผลิตท่ีเราเพ่ิมเข้าไป เนอ่ื งจากอาชพี การเกษตรนัน้ เกษตรกรไม่สามารถควบคุมสภาพดินฟ้าอากาศได้ บางปี ฝนตกมากทําให้นํ้าท่วม หรือ ฤดแู ลง้ แล้งมากกว่าทกุ ปี ดงั น้ันแนวทางในการแกไ้ ขสาํ หรบั อาชพี เกษตร เชน่ 1. ศึกษาสภาพดินฟ้าอากาศ ศึกษาข้อมูลจากพยากรณ์ของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ มักจะได้ยินคําเตือนบ่อย ๆ เช่น ปีนี้ห้ามทํานาปรังในบางพื้นท่ี เน่ืองจากนํ้าน้อย ดังน้ันอาจใช้วิธีหลีกเลี่ยง โดยหันมาปลูกพชื ทีม่ อี ายสุ ้นั ๆ แทนการปลูกข้าว 2. เกษตรกรควรปลูกพชื หลากหลายชนดิ และอายพุ ืชแตกต่างกัน เพ่ือให้มผี ลผลติ ออกมาอย่างตอ่ เนื่อง ทําให้ ลดการเสี่ยงลงได้ 3. มีการประกันราคาพชื ผลทางการเกษตร ซึ่งจะทาํ ให้เกษตรกรขายผลผลิตไดใ้ นราคาท่ีแน่นอน 2. การจัดการการตลาด การจัดการด้านตลาด หมายถึง การวิเคราะห์ การวางแผน การปฏิบัติงาน และการควบคุมการดําเนินงาน การตลาดจากผ้ผู ลิตถงึ ผู้บริโภค โดยมีผลประโยชน์จากการแลกเปลยี่ นกับกลมุ่ ผูซ้ ้อื หนา้ ท่ีการตลาด เป็นกิจกรรมการตลาดท่ีทาํ ให้สินค้าหรือบรกิ ารเคลื่อนยา้ ยจากผผู้ ลิตไปยงั ผบู้ รโิ ภค โดยวธิ ี ต่าง ๆ เช่น 1. การแลกเปลี่ยน โดยการซ้ือ-การขาย 2. การกระจายสินค้าเก่ียวข้องกับการขนสง่ การเก็บรกั ษา 3. การอํานวยความสะดวกทางการตลาด เช่น ข้อมูลทางการตลาด ข้อมูลเกี่ยวกบั ผบู้ รโิ ภค

วิวฒั นาการของการตลาด การตลาดสมยั กอ่ นมุ่งการผลิตใหม้ ีประสิทธิภาพ โดยไมส่ นใจผบู้ ริโภค ไมส่ นใจว่า ผ้บู รโิ ภคจะตอ้ งการสนิ ค้า นนั้ หรือไม่ ซง่ึ เปน็ สมยั ทม่ี ีค่แู ข่งขนั นอ้ ย จึงทําให้ผู้ผลิตประสบความสาํ เรจ็ แต่ยุคปัจจบุ ันมีการแข่งขันสงู จึงต้องให้ ความสําคญั กับลกู ค้า โดยจะตอ้ งศกึ ษาความต้องการของผู้บริโภควา่ ต้องการสินคา้ อะไร อย่างไร ราคาเท่าไหร่ ซื้อ สะดวกไหม แลว้ จงึ ทาํ การผลิตใหต้ รงกบั ความต้องการ การแขง่ ขันทางการตลาด นอกจากจะศึกษาขอ้ มูลของกลุ่มลกู คา้ และข้อมูลของค่แู ขง่ แล้ว จะต้องมกี ารแขง่ ขันดา้ นอ่ืน ๆดว้ ย ไดแ้ ก่ 1. สินค้าหรอื บริการ สินค้าตอ้ งมีคุณภาพถกู ใจผู้บริโภค มปี ระโยชนต์ อ่ การนําไปใช้ 2. ราคาหรือราคาสนิ ค้าต้องเหมาะสมกับคุณภาพ ไมต่ ั้งราคาเกินความจรงิ และตอ้ งพิจารณาจาก ราคาของคแู่ ข่งดว้ ยไม่สูงและไม่ตาํ่ เกินไป 3. ชอ่ งทางการจาํ หน่าย พิจารณาว่าจะจําหน่ายอย่างไร โดยทางใดสินคา้ จงึ จะถงึ ผู้บริโภคได้อยา่ งปลอดภัย และยังคงคุณภาพ เช่น บรกิ ารถึงบา้ นผ่านการขายตรง หรือขายปลีกทางอินเทอรเ์ น็ต 4. การส่งเสรมิ การขาย เป็นกรรมวิธีการขายท่ีสามารถดึงดูดใจให้ลูกค้า เช่น การลด แลก แจกแถม หรือให้ ลองเอาสนิ ค้าไปใช้ก่อน หรือขายควบกับสินคา้ ชนดิ อนื่ ๆ การโฆษณาตา่ ง ๆ ข้อมูลที่ใชใ้ นการตดั สนิ ใจทางการตลาด 1. ข้อมูลผบู้ รโิ ภค ต้องรู้วา่ ผู้บรโิ ภคมรี สนิยมอยา่ งไร และมีอํานาจในการซื้อมากน้อยเพยี งใด 2. ข้อมลู คู่แขง่ ต้องรู้วา่ ค่แู ขง่ ขนั เป็นใคร ขายอะไร จดุ เดน่ ของสนิ ค้า กาํ ลังทําอะไร ถึงข้ันใดถ้าสามารถมี ข้อมลู ผูบ้ รโิ ภคและขอ้ มลู คูแ่ ข่งขนั มากเท่าไรกส็ ามารถตัดสินใจไดถ้ กู ต้อง การคิดตน้ ทุนการผลติ การคิดตน้ ทนุ การผลิต นิยมคิดตน้ ทนุ ในรอบปี หรือตอ่ รอบการผลติ ข้ึนอยู่กับลกั ษณะของผลผลิต การคดิ ต้นทนุ การผลติ ใหพ้ จิ ารณาทั้งตน้ ทุนทใี่ ชไ้ ปในลักษณะเงนิ สดและท่ไี มเ่ ป็นเงินสดซง่ึ ประกอบด้วย ต้นทนุ ผันแปร 1. ต้นทนุ ผันแปรท่ีเป็นเงนิ สด 1.1 คา่ วัสดุ อุปกรณ์ในการประกอบอาชพี เช่น วสั ดุอุปกรณ์อาชีพการเกษตร เช่น ปุ๋ยพันธ์ุพชื พันธ์ุสตั ว์ ค่า นํ้ามันและคา่ แรงซ่อมเคร่ืองจกั ร วัสดุ อปุ กรณใ์ นอาชีพรับจ้างซักรีดเสอ้ื ผ้า เช่น ผงซกั ฟอก นาํ้ ยาซกั แหง้ 1.2 ค่าจ้างแรงงาน เปน็ ค่าจ้างแรงงานในการผลิต เช่น ค่าแรงซ่อมเครื่องจักรคา่ แรงงานไถดนิ คา่ จา้ งลูกจ้าง ในรา้ นอาหาร 1.3 ค่าเช่าท่ีดนิ เป็นค่าเช่าที่ดนิ ในการประกอบธุรกจิ เช่น ค่าเช่านา 1.4 คา่ เสยี โอกาสของเงินทุน หมายถึง ค่าชดเชยท่ีเจ้าของธุรกิจนําเงินสดของตนไปลงทุนแทนการได้รับเมื่อ นําเงินน้ีไปฝากธนาคารก็จะได้ดอกเบ้ียแทน ดังนั้นการคิดต้นทุนก็ให้ใช้อัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจําของธนาคาร พาณิชยป์ ี น้ัน ๆ

1.5 ค่าใชจ้ า่ ยอ่ืน ๆ ที่นอกเหนอื จากขอ้ 1.1-1.4 2. ต้นทุนผันแปรที่ไม่เปน็ เงนิ สด ไดแ้ ก่ 2.1 ค่าแรงงานในครัวเรือน เป็นแรงงานในครัวเรือน ส่วนใหญ่ธุรกิจในครอบครัวไม่ค่อยมีการนําแรงงานมา คดิ เปน็ ตน้ ทนุ จงึ ไม่ทราบตน้ ทนุ ที่แทจ้ รงิ การคดิ ค่าแรงในครวั เรอื นใหค้ ดิ ในอัตราคา่ แรงงานในท้องถนิ่ น้ัน ๆ 2.2 ค่าเสียโอกาสของท่ีดิน กรณที ่ีเจ้าของกจิ การมที ี่ดินเปน็ ของตนเอง การคิดตน้ ทนุ ให้คิดตามอัตราคา่ เช่า ที่ดินในทอ้ งถิ่นหรือบรเิ วณใกลเ้ คยี ง ต้นทนุ คงท่ี 1. ตน้ ทนุ คงทีท่ เ่ี ป็นเงนิ สด เปน็ จาํ นวนเงนิ ท่ตี ้องจา่ ย เปน็ ค่าดอกเบ้ียเงนิ กู้ เพ่อื นํามาใช้ในการทาํ ธุรกิจ 2. ต้นทุนท่ไี ม่มีเงินสด ไดแ้ ก่ ค่าเส่ือมราคาของอุปกรณ์ อาคาร โรงเรียน หมายถึง การเส่ือมของเคร่ืองจักร อปุ กรณต์ ่าง ๆ อาคาร โรงเรือน ท่ีลดลงตามอายุการใช้งาน การคิดต้นทุนจะคิดจากการเฉล่ียจํานวนเงินท่ีซ้ือไป เช่น ซื้อรถไถนามา1 คัน ราคา 10,000 บาท ก็คิดว่าจะใช้ได้ 5 ปี ดังนั้นค่าเส่ือมราคาเท่ากับ 10,000 หาร 5 ต้องเสียค่า เส่ือมราคาของรถไถนาปี ละ 2,000 บาท กใ็ ห้นําไปคดิ เปน็ ต้นทนุ การผลติ ทกุ ๆ ปี ใน 5 ปี รายได้จากการประกอบอาชีพ เป็นรายได้ที่เกดิ จากการขายผลผลติ /บรกิ าร อาจจะเปน็ รายได้ที่ทยอยการได้รบั ควรคิดเปน็ รายไดใ้ นรอบปี หรือช่วงการผลิตเช่นเดยี วกับการคิดตน้ ทนุ การพิจารณาจุดคุ้มทนุ จุดคุ้มทุนหมายถงึ ปริมาณการขายที่ทําให้มรี ายได้ท้ังหมดเท่ากับต้นทุนทง้ั หมดพอดี ซงึ จะไม่มีกําไรหรอื ขาดทนุ วิธีพิจารณาจดุ คมุ้ ทนุ มีดังน้ี 1. มีขอ้ มูลการลงทุนของปจั จยั การผลิตต่าง ๆ 2. มขี อ้ มูลรายได้จากการขายผลผลิต/บรกิ าร 3. นําขอ้ มลู ทั้งต้นทุนและรายไดจ้ ากการขายผลผลติ มาลงบัญชีรายรับ-รายจ่าย กจ็ ะ ทราบวา่ คุ้มทุนหรือได้ กาํ ไร หรอื ขาดทุน ราคาผลผลิต/บริการ ราคาผลผลติ /บรกิ าร อาจแปรผนั ไปตามราคาของปจั จยั การผลิต เช่น อาชพี เสริมสวย ราคาบริการอาจจะ ปรบั ไปตามราคาของนา้ํ ยาต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นการตัดผม ซึงกจ็ ะไมค่ อ่ ยมีการปรับตวั บอ่ ย ๆแตร่ าคาของผลผลิตทาง การเกษตรอาจจะมีการปรับตวั บ่อย ดงั นี้ 1. ปัจจัยการผลิต ราคาผลผลิตขน้ึ อยู่กบั ราคาปัจจยั การผลิต เมื่อปัจจยั การผลิตสงู ขึ้น ราคาผลผลิตกต็ อ้ ง สูงขน้ึ ตามไปด้วย ซ่งึ แบง่ เปน็ 2 ชนิด คอื

1.1 ปัจจัยผันแปร หมายถงึ ปัจจยั ที่ใชแ้ ล้วหมดไป เชน่ ปุ๋ย สารกาํ จัดศตั รู พืชแรงงานทม่ี ีราคาเปลย่ี นแปลง ไดใ้ นระยะเวลาส้ัน มขี ้ึน มลี ง 1.2 ปจั จยั คงที่ หมายถึง ปัจจัยการผลติ ท่ีราคาไม่เปล่ียนแปลงในระยะส้ัน และมอี ายุการใชง้ านไดน้ าน เชน่ เคร่อื งจกั ร คา่ เช่าท่ีดิน 2. ความสามารถในการจัดการของเจ้าของกิจการ โดยพยายามลดตน้ ทุนการใช้ ปัจจยั ในการผลติ ท่ีฟุ่มเฟือย และเกนิ ความจาํ เป็น เชน่ ลดการใช้ปยุ๋ ลงบ้าง ก็ไม่ทําให้ผลผลติ ลดลง หรือในกรรมวิธีการผลติ อาจใช้สิ่งทดแทนกันได้ เชน่ ใช้เศษพชื เปน็ อาหารสตั ว์แทนการซ้อื อาหารสัตวส์ าํ เร็จรูป 3. ราคาขายผลผลิต ราคาขายไมแ่ นน่ อน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตรจะมผี ลกระทบมากถ้ามีผลผลิต มากราคาผลผลิตก็ตกตํ่าดังน้ัน ควรมีวธิ ีแก้ไข เช่น ผลิตใหอ้ อกนอกฤดกู าลหรือผลิตใหอ้ อกในชว่ งเทศกาล หรอื นําไป แปรรูปเปน็ การเพิม่ มูลค่า ปัญหาและอุปสรรค ผู้ประกอบการจะตอ้ งศกึ ษาและคาดการณล์ ่วงหนา้ วา่ อาจจะมีปญั หาและอปุ สรรคใด เพื่อการเตรียม หาทางออกในการแก้ปญั หาโดยเร็ว เช่น ฝนแลง้ ตอ้ งเตรยี มนํ้าจากทใ่ี ด เงนิ ทนุ ไมพ่ อเพียงจะจัดหามาทดแทนได้ อยา่ งไร ราคาพชื ผลตกตํ่าจะใช้วธิ กี ารถนอมผลผลิตหรือไม่ ความม่ันคงในการประกอบอาชีพ เป็นการศึกษาแนวโนม้ ความตอ้ งการของผ้บู รโิ ภค ความเป็นไปได้ในการขยายตลาด

ใบงานท่ี 2 เร่อื ง ความเปน็ ไปไดใ้ นการเข้าสอู่ าชพี 1. แผนการเลือกทาํ เลทีต่ ง้ั หมายถึง …...……………………………………………………………………………………………………………………………..………………………....................................... ............................................................................................................................. ....................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................................................ ....... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ใหน้ กั ศกึ ษาอธิบายกระบวนการผลติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………….……………………………………………………………………………………………………………………….. 3.หน้าที่การตลาดมีวิธใี ดบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………4 4. ข้อมูลท่ีใชใ้ นการตดั สินใจทางการตลาดมอี ะไรบา้ งจงอธบิ าย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. วิธีพจิ ารณาจุดคุ้มทุนมีก่ีวิธีอะไรบ้างพร้อมอธบิ าย …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เฉลยใบงานท่ี 2 เรอื่ ง ความเปน็ ไปได้ในการเข้าสอู่ าชีพ 1. แผนการเลอื กทาเลทต่ี ้ังหมายถึงแหลง่ ที่ตัง้ ทีจ่ ะประกอบอาชพี การเลอื กทาํ เลควรให้เหมาะสมกับลักษณะ ของอาชพี อาชพี บริการ เช่น รา้ นขายอาหาร รา้ นเสรมิ สวย ต้องเลือกทําเลทอี่ ยู่ในแหล่งชมุ ชน โรงงาน อตุ สาหกรรมน้ําตาล กม็ กั ตั้งอยูใ่ นแหลง่ ทม่ี วี ัตถุดิบอยา่ งไรก็ตามการเลอื กทําเล ควรพิจารณาระบบการขนส่ง ดว้ ย 2. กระบวนการผลิต เป็นการนาํ ปัจจยั การผลติ สกู่ ารปฏิบตั ิ เพื่อผลิตสนิ ค้าตามแผนการจัดการการผลติ โดย นาํ มาจัดทาํ แผนปฏิบตั ิลงสู่การปฏิบัติตามลาํ ดบั ก่อน-หลงั ซึง่ เป็นข้ันตอน สําคัญ และอาจมกี ารปรบั เปลย่ี น แผนตามสถานการณน์ ้นั ๆ เพื่อจะหลีกเล่ยี งความเสีย่ งท่ีอาจจะตามมา เช่น อาชพี การเกษตรมักจะเสย่ี งตอ่ สภาพดินฟ้าอากาศ ราคาขนึ้ ลงของสนิ ค้า จํานวนสินค้าที่ผลิตออกมามจี ํานวนมากดังนั้น ความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งปจั จัยการผลติ กบั ผลผลิตอาจ เป็นไปในทศิ ทางเดียวกนั คือ เมื่อเพ่ิมปัจจัยการผลิตเข้าไปจะทาํ ให้ ผลผลิตเพม่ิ ขึน้ แต่บางครัง้ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปัจจยั การผลติ กบั ผลผลติ อาจไมไ่ ปในทศิ ทางเดยี วกนั เมอ่ื เพ่มิ ปัจจัยการผลติ หลักเขา้ ไป จะทําให้ผลผลิตลดลงน่าจะเป็นอาชพี การเกษตรถงึ แม้จะเพม่ิ ปัจจัยการผลติ ผลผลติ ทไี่ ด้อาจไมไ่ ด้เพม่ิ ตามปจั จยั การผลติ ที่เราเพิ่มเข้าไป เนื่องจากอาชีพการเกษตรน้ัน เกษตรกรไม่ สามารถควบคมุ สภาพดินฟา้ อากาศได้ บางปีฝนตกมากทาํ ใหน้ ํา้ ทว่ ม หรอื ฤดูแลง้ แล้งมากกวา่ ทุกปี 3. หนา้ ท่ีการตลาด 1. การแลกเปลย่ี น โดยการซื้อ-การขาย 2. การกระจายสินค้าเก่ียวข้องกับการขนส่ง การเก็บรักษา 3. การอาํ นวยความสะดวกทางการตลาด เชน่ ข้อมลู ทางการตลาด ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ผู้บรโิ ภค 4. ขอ้ มลู ทใ่ี ชใ้ นการตัดสินใจทางการตลาด 1. ขอ้ มูลผบู้ รโิ ภค ตอ้ งรู้วา่ ผ้บู รโิ ภคมรี สนิยมอย่างไร และมีอํานาจในการซอ้ื มากน้อยเพียงใด 2. ขอ้ มลู คแู่ ข่ง ตอ้ งรู้ว่าคแู่ ข่งขนั เปน็ ใคร ขายอะไร จดุ เดน่ ของสินค้า กําลงั ทําอะไร ถงึ ข้ันใดถ้าสามารถมี ขอ้ มูลผู้บรโิ ภคและข้อมลู คู่แขง่ ขนั มากเท่าไรก็สามารถตดั สนิ ใจไดถ้ กู ต้อง. 5. วธิ ีพิจารณาจดุ คุ้มทุนมี3วธิ ี 1. มีข้อมูลการลงทนุ ของปัจจยั การผลิตต่าง ๆ 2. มขี ้อมูลรายได้จากการขายผลผลิต/บรกิ าร 3. นําข้อมูลทง้ั ต้นทนุ และรายไดจ้ ากการขายผลผลิตมาลงบญั ชีรายรบั -รายจ่าย ก็จะทราบวา่ คมุ้ ทนุ หรอื ได้ กาํ ไรหรือขาดทนุ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. แผนการเลอื กทําเลทตี่ ง้ั หมายถงึ ขอ้ ใด ข.กฎหมาย ระเบยี บและข้อบงั คับ ก. แหล่งทต่ี ง้ั ท่จี ะประกอบอาชพี ง.ความปลอดภัยและสะดวกในการขนสง่ ค.การให้บริการด้านการประปา ไฟฟ้า โทรศพั ท์ 2. การจัดการดานตลาด หมายถึง ขอ้ ใด ก. การวิเคราะห การวางแผน ข. การปฏิบตั งิ าน และการควบคุม ค. การวิเคราะห การวางแผน การปฏิบตั งิ าน ง. การวเิ คราะห การวางแผน การปฏิบัตงิ าน และการควบคมุ 3.ขอ้ ใดคือขอมูลท่ีใชในการตัดสนิ ใจทางการตลาด ข.ขอมลู คูแขง ก. ขอมลู ผูบรโิ ภค ง.ไม่มีขอ้ ใดกล่าวถูก ค. ขอ้ มลู ผบู รโิ ภคและขอ้ มูลคู่แข่ง 4.จดุ คมุ้ ทนุ คอื อะไร ก. ระดับยอดขายที่เทา่ กบั คา่ ใชจ้ า่ ยทงั้ หมดของกจิ การ หรอื จดุ ที่ไมม่ ผี ลกําไรหรอื ขาดทุน ข. ระดบั ยอดขายท่มี ากกว่าคา่ ใชจ้ ่ายทง้ั หมดของกจิ การ หรือจุดท่ีธุรกิจมีผลกําไร ค. ระดับยอดขายทีน่ ้อยกว่าค่าใช้จ่ายท้งั หมดของกิจการ หรอื จดุ ทธ่ี ุรกจิ ขาดทนุ ง. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก 5.ข้อใดคือต้นทนุ คงที ข. คา่ วตั ถดุ บิ ก. คา่ ขนส่ง ง. ค่าไฟฟ้า ค. ค่าเช่าโรงงาน

เฉลย 1. ก 2.ง 3.ค 4.ก 5.ค

1. แผนการเลือกทําเลทต่ี ัง้ หมายถึง ข้อใด แบบทดสอบหลงั เรยี น ก. กฎหมาย ระเบียบและขอ้ บังคับ ค. ความปลอดภยั และสะดวกในการขนส่ง ข. แหลง่ ทต่ี ง้ั ท่ีจะประกอบอาชพี ง.การใหบ้ รกิ ารด้านการประปา ไฟฟา้ โทรศัพท์ 2. การจัดการดานตลาด หมายถงึ ขอ้ ใด ก. การวเิ คราะห การวางแผน การปฏิบัติงาน ข. การวิเคราะห การวางแผน ค. การวเิ คราะห การวางแผน การปฏิบัตงิ าน และการควบคมุ ง. การปฏิบตั ิงาน และการควบคมุ 3.ข้อใดคือขอมูลที่ใชในการตัดสนิ ใจทางการตลาด ก. ขอ้ มลู ผูบริโภคและข้อมูลคูแ่ ข่ง ข.ขอมลู ผูบรโิ ภค ค. ขอมูลคูแขง ง.ไมม่ ขี ้อใดกลา่ วถกู 4.จดุ คมุ้ ทุนคอื อะไร ก. ระดับยอดขายท่นี ้อยกวา่ ค่าใช้จ่ายท้งั หมดของกจิ การ หรือจุดทธี่ รุ กจิ ขาดทุน ข. ระดับยอดขายท่ีเท่ากับค่าใชจ้ ่ายทัง้ หมดของกิจการ หรือจุดทีไ่ ม่มีผลกําไรหรือขาดทุน ค. ระดับยอดขายทม่ี ากกวา่ ค่าใช้จา่ ยทั้งหมดของกจิ การ หรอื จุดท่ธี รุ กิจมีผลกาํ ไร ง. ไม่มีข้อใดถูก 5.ขอ้ ใดคือตน้ ทุนคงที ข. ค่าขนส่ง ก. ค่าไฟฟ้า ง. คา่ เช่าโรงงาน ค. ค่าวัตถุดบิ

เฉลย 1.ข 2.ค 3.ก 4.ค 5.ง

ใบความรู้ท่ี 3 เรือ่ ง การลาดับอาชพี และเหตผุ ล เป็นขน้ั ตอนการปฏบิ ัตกิ ารในอาชพี ท่ีจะตอ้ งใชอ้ งคค์ วามรทู้ ย่ี กระดบั คุณคา่ เพอ่ื มาใช้ปฏิบัติการจงึ เปน็ กระบวนการของการทาํ งานที่เร่ิมจากการนาํ องค์ความรู้ท่ีจดั ทําในรปู ของคมู่ อื คุณภาพหรอื เอกสารคู่มือดาํ เนินงานมา ศกึ ษาวิเคราะหจ์ ัดระบบปฏิบัตกิ ารจัดปจั จยั นําเข้าดําเนินการทํางาน ตามข้นั ตอนและการควบคุมผลผลติ ให้มคี ุณภาพ เปน็ ไปตามขอ้ กาํ หนด ดําเนนิ การตรวจสอบหาข้อบกพร่องในการทาํ งาน ปฏบิ ัติแก้ไขข้อบกพรอ่ งเป็นวงจรอยา่ ง ตอ่ เนอ่ื ง และมีการปรบั ปรงุ พัฒนาเอกสารคูม่ อื ดําเนนิ งานไปเปน็ ระยะ ๆ ก็จะทาํ ให้การปฏบิ ตั กิ ารในกิจกรรมอาชีพ ประสบความสําเรจ็ สู่ความเขม้ แข็ง มนั่ คง ย่ังยืน ตามกรอบความคิดน้ี 1. การปฏบิ ัตกิ ารใช้ความรู้ โดยใช้วงจรเดม็ ม่งิ เปน็ กรอบการทํางาน - P - Plan ด้วยการทาํ เอกสารคู่มอื ดาํ เนินงาน (ซงึ่ ไดม้ าจากกจิ กรรมยกระดับความรู้) มาศึกษาวเิ คราะห์จดั ระบบปฏบิ ัติการที่ประกอบดว้ ยกิจกรรมข้ันตอน และผ้รู บั ผิดชอบกําหนดระยะเวลาการทํางานกําหนดปจั จัยนําเข้า ดาํ เนินงานให้สามารถทํางานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ - D - Do การปฏบิ ัตกิ ารทํางานตามระบบงานทจ่ี ัดไวอ้ ย่างเครง่ ครัด ควบคมุ การผลิตให้เสียหายน้อยท่ีสุด ได้ผลผลติ ออกมามีคณุ ภาพเปน็ ไปตามข้อกําหนด - C - Check การตรวจสอบหาขอ้ บกพร่องในการทํางานโดยผู้ปฏิบัตกิ ารหาเหตผุ ลของการเกดิ ขอ้ บกพรอ่ งและจด บันทึก - A - Action การนาํ ข้อบกพร่องทีต่ รวจพบของคณะผปู้ ฏบิ ตั กิ ารมารว่ มกันเรียนรหู้ าแนวทางแก้ไขขอ้ บกพรอ่ ง จน สรุปไดผ้ ลแล้วนาํ ขอ้ มูลไปปรบั ปรุงเอกสารคมู่ อื ดาํ เนนิ งานเปน็ ระยะ ๆ กจ็ ะทําให้องคค์ วามรู้สูงขึ้นโดยลําดับ แลว้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพของธุรกิจ ประสบผลสําเรจ็ นําไปสคู่ วามเข้มแขง็ ยัง่ ยืน 2. ทุนทางปัญญา ผลจากการนําองค์ความรู้ไปใช้ มกี ารตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และปฏบิ ตั ิการแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งเป็น ระยะ ๆ อย่างต่อเนอ่ื งท่ผี ลทําใหอ้ งค์ความรู้สงู ข้นึ เปน็ ลําดบั จนกลายเป็นทนุ ทางปัญญาของตนเอง หรือของชมุ ชนท่ี จะเกิดผลตอ่ ธุรกจิ ดงั น้ี - องคค์ วามร้สู ามารถใชส้ รา้ งผลผลติ ท่ีคนอืน่ ไมส่ ามารถเทียบเคยี งได้ และไม่สามารถทาํ ตามได้จงึ ไดเ้ ปรยี บทางการ แขง่ ขนั - การเปลย่ี นแปลงยกระดับคณุ ภาพผลผลิตอย่างตอ่ เน่อื ง ทําให้ลกู คา้ เชื่อม่ัน ภกั ดีตอ่ การทําธรุ กิจรว่ มกนั - เปน็ การสรา้ งทุนทางมนุษยผ์ ูร้ ว่ มงานได้เรียนรู้บริหารระบบธุรกจิ ด้วยตนเอง สามารถเกดิ ภูมิปญั ญาในตวั บคุ คล ทํา ให้ชุมชนพรอ้ มขยายขอบขา่ ยอาชพี ออกสู่ความเป็นสากล 3. ธุรกิจสูค่ วามเข้มแข็งยั่งยนื การจัดการความรู้ทําใหอ้ งค์ความรูส้ งู ข้นึ โดยลาํ ดับ การขยายของอาชีพจงึ เปน็ การ ทํางานท่มี ภี ูมิคมุ้ กนั โอกาสของความเสี่ยงในดา้ นต่าง ๆ ตํา่ ลง ดงั น้นั ความน่าจะเป็นในการขยายอาชีพจึงประสบ

ความสําเรจ็ คอ่ นข้างสูง เพราะมกี ารจัดการความรู้ ยกระดับความรูน้ าํ ไปใชแ้ ละปรบั ปรงุ แกไ้ ขเป็นระยะ ๆ อยา่ ง ตอ่ เนอื่ ง จงึ สง่ ผลทําใหธ้ ุรกิจเข้มแข็ง ยงั่ ยืนได้ เพราะรจู้ ักและเข้าใจตนเองตลอดเวลา การจัดทาแผนปฏบิ ัติการ (P) การจัดทาํ แผนปฏบิ ัตกิ ารทางอาชพี เป็นการดาํ เนินการที่มีองค์ประกอบรว่ ม ดงั นี้ 1. เหตกุ ารณห์ รือขน้ั ตอนการทํางาน ซง่ึ จะบอกว่าเหตกุ ารณ์ใดควรทาํ พร้อมกนั หรอื ควรทําทีหลงั เป็นการลําดบั ข้ันตอนในแต่ละกิจกรรมให้เป็นแผนการทํางาน 2. ระยะเวลาที่กาํ หนดว่าในแต่ละเหตกุ ารณ์จะใชเ้ วลาได้ไมเ่ กินเทา่ ไร เพอื่ ออกแบบการใช้ปัจจยั ดําเนินงานให้สัมพันธ์ กนั 3. ปัจจัยนําเข้าและแรงงาน เป็นการระบุปัจจัยนําเข้าและแรงงานในแต่ละเหตุ การณ์ว่าควรใช้เท่าไรการจัดทํา แผนปฏิบัติการทางอาชีพ มักจะนิยมใช้ผังการไหลของงานมาใช้ออกแบบการทํางานให้มองเห็นความสัมพันธ์ร่วม ระหวา่ งเหตกุ ารณ์ ระยะเวลา ปัจจัยนําเข้าและแรงงานจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้จัดการได้ขับเคล่ือนการทํางานสู่ ความสําเรจ็ ได้ ดังนัน้ ในการออกแบบแผนปฏบิ ตั งิ าน จาํ เปน็ ตอ้ งใช้องค์ความรู้ที่สรุปได้ในรูปของเอกสารข้ันตอนการ ทาํ งานมาคดิ วิเคราะหแ์ ละสรา้ งสรรค์ใหเ้ กิดแผนปฏิบัตกิ าร ตวั อยา่ ง วิธดี าํ เนินการจดั ทําแผนปฏบิ ตั ิการพฒั นาคณุ ภาพดินไร่ทนเหนอ่ื ย 1. ศกึ ษาวเิ คราะหอ์ งคค์ วามรเู้ กี่ยวกบั ข้นั ตอนการพัฒนาคณุ ภาพดิน มกี จิ กรรมท่ีจะต้องทาํ 5 กจิ กรรม ประกอบด้วย 1. การตรวจสอบวเิ คราะหค์ ณุ ภาพดนิ ผลการวเิ คราะหพ์ บว่ามีเหตทุ ี่จะตอ้ งทํา และเกยี่ วขอ้ ง ดงั น้ี - เก็บตวั อย่างดนิ - ส่งตวั อยา่ งดินใหก้ องเกษตรเคมี กรมวชิ าการเกษตรวิเคราะห์ - รอผลการวเิ คราะห์ - ศกึ ษาผลวเิ คราะห์วางแผนตัดสินใจกาํ หนดพชื ที่ต้องผลติ 2. การไถพรวนหน้าดนิ ผลการวิเคราะหพ์ บว่ามเี หตุการณ์ท่ีจะตอ้ งทาํ และเกี่ยวข้อง ดงั น้ี - ไถบกุ เบิกดว้ ยผ่าน 3 ระยะ - ไถแปรดว้ ยผ่าน 7 ระยะ - ไถพรวนใหด้ นิ ละเอยี ดดว้ ยโรตาร่ี 3. การเพม่ิ อนิ ทรียวัตถใุ หก้ บั ดิน ผลการวเิ คราะห์พบวา่ มีเหตุการณ์ท่ีจะตอ้ งทํา และเกยี่ วข้อง ดงั นี้ - การหว่านปุย๋ หมกั - หวา่ นเมลด็ ป๋ยุ พืชสด - บาํ รุงรักษาปุ๋ยพืชสดและวชั พืชให้งอกงาม - ไถพรวนสบั ปยุ๋ พชื สดใหข้ าดคลกุ ลงดนิ 4. การหมักสังเคราะห์ดิน ผลการวเิ คราะหพ์ บว่ามีเหตกุ ารณ์ท่ีจะตอ้ งทําและเก่ียวข้อง ดงั น้ี - ใหจ้ ุลินทรยี ์เร่งการย่อยสลาย

- ตรวจสอบการย่อยสลาย 5. การสร้างประสิทธภิ าพดนิ ผลการวิเคราะห์พบวา่ มีเหตกุ ารณ์ทจี่ ะต้องทําและเกย่ี วข้อง ดงั นี้ - ใสจ่ ุลินทรียไ์ มโครโลซา่ เพื่อยอ่ ยหินฟอสเฟต สร้างฟอสฟอรัสใหก้ บั ดนิ - จัดรอ่ งคลมุ หน้าดนิ ดว้ ยฟางข้าวเพอื่ ปอ้ งกันความรอ้ น รักษาความชื้นและการเคลอ่ื นยา้ ยธาตอุ าหารในดิน 2. วเิ คราะห์ปริมาณงาน ลักษณะงาน กาํ หนดการใชเ้ ครือ่ งจักรกล ปจั จยั การทํางานและแรงงาน 3. วเิ คราะหง์ านกําหนดระยะเวลาของความสําเร็จของแตล่ ะเหตุการณ์ และสรปุ ระยะเวลาทง้ั หมดของกระบวนการ การทางานตามแบบแผนปฏบิ ัติการ (D) การทาํ งานตามแผนปฏิบัตกิ ารของผู้รบั ผิดชอบ ยังใชว้ งจรเดม็ ม่ิง เชน่ เดยี วกนั โดยเรม่ิ จาก P : ศกึ ษาเอกสารแผนปฏิบตั กิ ารให้เขา้ ใจอยา่ งรอบคอบ D : ทําตามเอกสารข้นั ตอนใหเ้ ปน็ ไปตามข้อกําหนดทกุ ประการ C : ขณะปฏบิ ตั กิ ารต้องมกี ารตรวจสอบทกุ ขั้นตอนใหเ้ ป็นไปตามขอ้ กาํ หนด A : ถ้ามีการทําผิดขอ้ กาํ หนด ตอ้ งปฏิบัติการแก้ไขใหเ้ ป็นไปตามข้อกําหนด การตรวจสอบหาขอ้ บกพร่อง (C) เป็นข้ันตอนที่สําคัญของการปฏิบัติการใช้ความรู้ สร้างความเข้มแข็ง ยั่งยืน โดยมีรูปแบบการตรวจติดตาม ข้อบกพร่องดังนี้ 1. การจัดทารายการตรวจสอบ ด้วยการให้ผู้จดั การและคนงานรว่ มกันวเิ คราะห์เอกสารแผนปฏิบัติการ และทบทวนร่วมกับประสบการณ์ ท่ี ใช้แผนทาํ งาน วา่ ควรมีเหตุการณ์ใดบ้างท่ีควรจะให้ความสําคัญเพ่ือการตรวจสอบแล้วจัดทําเอกสารรายการตรวจดัง ตวั อยา่ งน้ี ตวั อย่าง เอกสารรายการตรวจและบันทกึ ข้อบกพรอ่ ง กจิ กรรม พฒั นาคณุ ภาพดนิ ไร่ทนเหน่ือย สาํ หรับปฏบิ ัตกิ ารตง้ั แต่ วนั ท่ี 5 ธันวาคม 2551 ถงึ วันที่ 30 มกราคม 2552 รายละเอยี ดปฏิบัตกิ ารณ์ 3.3(2) = หว่านเมล็ดป๋ยุ พืชสดแลว้ คลกุ เคล้าจุลินทรยี ์ไรโซเปย้ี มไร่ละ 20 กก. 3.3(3) = ให้นํ้าผสมจุลินทรยี ์อยา่ งเจอื จางกบั ปุ๋ยพชื สดวันเวน้ วัน 3.4(1) = ให้จุลนิ ทรยี ์เรง่ การย่อยสลาย (พด1 + พด2) ไปพร้อมกับน้าํ วนั เว้นวนั เปน็ เวลา 15 วนั 3.5(1) = ใชจ้ ุลินทรียไ์ มโครโลซ่าเพือ่ ย่อยสลายหินฟอสเฟรส คลุกลงดนิ ทีย่ ่อยสลายแลว้ 3.5(2) = จดั รอ่ งปลูกผักคลุมหนา้ ดินด้วยฟางขา้ ว 2. ปฏบิ ัตกิ ารตรวจสอบ การปฏิบตั ิการตรวจสอบทํา 2 ข้ันตอน คือ

2.1 ตรวจสอบหาข้อบกพร่องของเอกสารแผนปฏิบัติการ เป็นการดําเนินงานร่วมกันระหว่าง ผู้จัดการกับ คนงานว่าการที่คนงานได้ปฏบิ ตั กิ ารศึกษาเอกสารแผนและปฏิบัติตามกิจกรรมในทุกเหตุการณ์ได้ ครบคิดว่ากิจกรรม เหตกุ ารณ์ใด มีข้อบกพรอ่ งทคี่ วรจะได้แกไ้ ข 2.2 ตรวจสอบภาคสนาม เปน็ การทาํ งานร่วมกันระหวา่ งผจู้ ัดการกับคนงาน เพื่อตรวจหาข้อบกพร่อง ในการ ดําเนินงาน รว่ มกนั คดิ วเิ คราะหร์ ะบสุ ภาพทเี่ ป็นปัญหา และแนวทางแก้ปัญหา กิจกรรม : ตัวอย่าง เอกสารบันทึกข้อบกพร่องการดําเนินงานพัฒนาคุณภาพดินไร่ทนเหน่ือย ปฏิบัติการ ระหวา่ งวนั ท่ี 5 ธนั วาคม 2551 ถึงวนั ท่ี 30 มกราคม 2552 3. การประเมนิ สรปุ และเขยี นรายงานผล เป็นข้นั ตอนการนําผลการตรวจติดตามตลอดรอบผลการผลิตเกษตรอินทรีย์ไปประเมินความรุนแรง ของข้อบกพร่อง ว่าเกิดผลมาจากอะไรเป็นส่วนใหญ่ แล้วดําเนินการปฏิบัติการแก้ไขข้อบกพร่องท้ังองค์ความรู้ และปัจจัยนําเข้า ดําเนนิ งาน ดงั ตวั อยา่ ง การปฏบิ ัตกิ ารแก้ไขและพัฒนา (A) เปน็ กิจกรรมต่อเนื่องจากกจิ กรรมการตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และกําหนดแนวทางแก้ไข ข้อบกพร่องโดยมีกําหนด ระยะเวลา เมือ่ ถึงกาํ หนดเวลาจะต้องมกี ารติดตามผลว่าไดม้ ีการปฏบิ ตั ิการแกไ้ ขข้อบกพร่อง ตามแนวทางที่กําหนดไว้ หรอื ไม่เกิดผลอย่างไร โดยมขี นั้ ตอนการดาํ เนนิ งานดังนี้ 1. ตรวจติดตามเอกสารสรุปประเมนิ ผลการศกึ ษา 2. เชญิ คณะผรู้ บั ผดิ ชอบแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งมาประชมุ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ เสนอสภาพปญั หาขอ้ บกพรอ่ ง ปัจจยั ทีส่ ่งผลตอ่ ความบกพรอ่ งและการแก้ไข 3. ผ้รู บั ผิดชอบตรวจตดิ ตามและผ้รู บั ผิดชอบแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งเข้าศึกษาสภาพจรงิ ของการดาํ เนินงาน แล้ว สรปุ ปจั จยั ที่เปน็ เหตุและปัจจยั สนับสนุนการแกไ้ ข 4. นาํ ขอ้ มลู ที่ได้นําสูก่ ารปรบั ปรุงแก้ไขพัฒนาเอกสารองค์ความรู้ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสูงยิ่งข้ึนบทสรุปการขยาย ขอบข่ายอาชีพเพือ่ สรา้ งความเขม้ แขง็ ยั่งยนื ใหก้ บั ธรุ กิจ จําเปน็ จะต้องดาํ เนนิ งานอยา่ งเป็นระบบไม่ใชท่ ําไปตามที่เคย ทํา ดังน้ันการจัดการความรู้เป็นเรื่องสําคัญของทุกคนที่ประกอบอาชีพ จะขยายช่องทางการประกอบอาชีพออกไป จาํ เปน็ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. เป็นบุคคลที่ทาํ งานบนฐานข้อมลู ซงึ่ จะต้องใช้ความรูด้ ้านต่าง ๆ เขา้ มาบูรณาการร่วมกันท้ังระบบของ อาชีพ 2. ต้องใชก้ ระบวนการวจิ ัยเป็นเครื่องมอื นน่ั คอื เราจะต้องตระหนกั เห็นปัญหาต้องจัดการความรูห้ รอื ใช้ แก้ปัญหา จัดการทดลองสว่ นน้อย สรปุ องค์ความรู้ใหม้ นั่ ใจ แลว้ จงึ ขยายกิจกรรมเข้าสู่การขยายขอบข่ายอาชพี ออกไป 3. ตอ้ งเป็นบคุ คลทม่ี คี วามภูมิใจในการถา่ ยทอดประสบการณก์ ารเรยี นรแู้ ลกเปลยี่ นเรียนรู้สรา้ งองคค์ วามรใู้ ห้ สูง ส่งเป็นทนุ ทางปญั ญาของตนเอง ชมุ ชนได้

ใบงานท่ี 3 เร่อื ง การลาดบั อาชีพและเหตผุ ล 1. วงจรเด็มม่ิง คือ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 2. จงอธิบายความหมายของคําต่อไปนี้ - P-Plan ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... - D – Do ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... C – Check ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... -A – Action ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... 3. การจัดทาํ แผนปฏิบตั กิ ารทางอาชพี เปน็ การดําเนนิ การทม่ี ีองค์ประกอบร่วมอะไรบ้าง ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... 4.การปฏิบตั ิการตรวจสอบทาํ ได้ก่ีขน้ั ตอน คืออะไรบ้าง ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... 5.การประเมินสรปุ และเขียนรายงานผล คือ ............................................................................................................................................................................... ...............................................................................................................................................................................

เฉลยใบงาน เรอื่ ง การลาดับอาชีพและเหตผุ ล 1.วงจรเด็มม่ิง คือ แนวคิดการพฒั นาการทาํ งานเพอ่ื ควบคมุ คุณภาพงานให้มีการพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง พฒั นา มาจากแนวคดิ ของ วอล์ทเตอร์ ซวิ ฮารท์ (Walter Shewhart) นกั สถิตใิ นงานอุตสาหกรรม ต่อมาแนวคิดน้ีเรมิ่ เป็นท่ี รู้จกั กนั มากขึ้นเมอื่ เอดวารด์ เดมมิ่ง (W.Edwards Deming) นักจดั การบรหิ ารคณุ ภาพ ได้นาํ เสนอและเผยแพรใ่ ช้ เปน็ เคร่ืองมือสาํ หรับการปรบั ปรุงกระบวนการทาํ งานของพนักงานภายในโรงงานให้ดขี ้นึ ซึ่งจะใช้ในการคน้ หาปัญหา อุปสรรคในขน้ั ตอนการทาํ งานโดยพนักงาน จนเปน็ ท่รี ู้จกั กันในช่ือว่า วงจรเด็มมง่ิ หรอื วงจร PDCA 2. จงอธบิ ายความหมายของคําต่อไปนี้ PLAN เปน็ การวางแผนงาน ขัน้ ตอนนเ้ี ราต้องนํางานท้งั หมดทีเ่ รารบั ผดิ ชอบอยู่ มาจัดเรียงลาํ ดบั ความสําคญั กําหนดวัตถปุ ระสงคข์ องงาน และเปา้ หมายในการทาํ งาน ซึ่งควรจะจดั เตรยี มเปน็ เอกสารไว้ มวี ธิ กี ารและขัน้ ตอนการ ทาํ งาน ซ่งึ อาจจะจัดทําเปน็ เอกสารขั้นตอนและวิธีการทํางานเอาไว้ อาจจะมีระยะเวลาทีใ่ ช้ในการทํางาน ผูร้ ับผิดชอบ ผูต้ รวจสอบ ถ้าการทํางานน้นั มผี ูร้ ว่ มทํางานหลายคนแตใ่ นกรณีทเี่ ราเตรยี มแผนงานของตนเองสว่ นตัวไว้สาํ หรบั การ ทาํ งานและพัฒนางานของตนเองก็จําเปน็ ต้องมกี ารวางแผนดว้ ย ซ่งึ ควรจะมีเอกสารกํากับ หรอื อาจจะใช้สมุดบนั ทึก ไดอารี่ ฯลฯ ทจ่ี าํ เป็นในการวางแผนการทาํ งาน มีการจดั ลาํ ดับความสําคญั ของงาน งานไหนทํากอ่ น งานไหนทาํ ทีหลงั และควรมแี ผนสาํ รองสาํ หรบั งานที่เขา้ มาแทรกตามทไี่ ด้วางแผนไวว้ า่ จะจัดการอย่างไร เพือ่ ให้การทาํ งานไมต่ ดิ ขัด และ ทนั ตอ่ เวลา รวมไปถึงงานท่ีไดม้ คี ณุ ภาพตามเวลาทก่ี ําหนดดว้ ย DO เปน็ การทํางานตามแผนงานที่ได้วางไว้ ขนั้ ตอน วธิ กี าร ลําดับงานที่เรากาํ หนดไวใ้ น PLAN ก็นํามาปฏิบัติ โดยทาํ การศกึ ษาถงึ วธิ ีการทด่ี ีทสี่ ดุ ในการทาํ งานนั้นๆ เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ และทํางานได้ผลดีท่ีสุด หรืออาจจะมี การอบรมงานเหล่าน้ันเพือ่ ความเขา้ ใจในการปฏบิ ตั แิ ล้วลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการทํางานที่ได้วางแผนไว้ ใน ระหว่างการทํางานควรจะมีเก็บข้อมูลท่ีจําเป็น ท่ีสําคัญต่างๆ เอาไว้ เพื่อประโยชน์ในการทํางานคร้ังต่อไปด้วย หรือ เพื่อจดบันทกึ ทเี่ ปน็ ขอ้ บกพรอ่ งของงานเอาไว้ เพ่ือนําไปแกไ้ ข ปรับปรงุ การทํางานในครั้งต่อไป CHECK ตรวจสอบการทํางานท่ไี ด้ทําไปแล้ว (จาก DO) ว่าเป็นไปตามท่ีเราตอ้ งการหรอื ไม่ หรอื ตาม มาตรฐานท่เี ราได้กําหนดไว้ อาจจะใชเ้ คร่ืองมอื ชว่ ยในการตรวจสอบ เช่น เคร่อื งมอื ต่างๆ ผลการทาํ งานเมอ่ื เทียบกับ งานคร้งั กอ่ น เปน็ ต้น ในการตรวจสอบโดยทั่วไปได้แก่ ระยะเวลาตามเป้าหมาย คณุ ภาพของงานท่ีออกมา วธิ กี ารหรอื ข้นั ตอนการทํางาน ซง่ึ การตรวจสอบการทํางานควรจะมกี ารจดบันทึกในรปู แบบตา่ งๆ ไว้ เช่น สมดุ บันทกึ เอกสารการ ตรวจสอบ คอมพิวเตอร์ เป็นตน้ เพอื่ ใหง้ า่ ยในการปรบั ปรุง และแกไ้ ขในการทํางานครงั้ ตอ่ ไป

ACTION หากมีขอ้ บกพรอ่ งที่เกิดข้ึนจากการตรวจสอบ CHECK ก็ควรจะหาวิธีการและข้ันตอนในการแก้ไข ทันที หรอื ตามระยะเวลาท่ีกาํ หนดไว้ โดยทําการคน้ หาสาเหตุท่ีเกิดขึ้น และใช้วิธีการแก้ไขท่ีดีที่สุดในการทําการแก้ไข เพ่ือไม่ให้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เกิดขึ้นซ้ําอีกและควรมีวิธีการพัฒนาปรับปรุงงาน หรือระบบงานน้ัน ถึงแม้ว่าการ ตรวจสอบจะไม่เกิดข้อบกพร่องเราก็ควรจะมีวิธีการพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ เพ่ือให้งานน้ันเกิดประสิทธิภาพท่ีดี กว่าเดิมเม่ือมีข้อบกพร่อง หรือต้องการจะพัฒนาปรับปรุงการทํางานให้ดีขึ้นกว่าเดิม เราก็ควรจะมีการวางแผนใหม่ (PLAN) โดยอาจจะปรับปรงุ จากแผนการทํางานเดิม เพ่ือให้ได้งานที่ดีข้ึน และมีการพัฒนาต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นไปตาม หลักการของวงจรเดม่ิง คือ มีการวางแผนงาน PLAN ปฏิบัติตามแผนท่ีวางไว้ DO ตรวจสอบการทํางานที่ปฏิบัติ CHECK ทาํ การแก้ไขข้อบกพร่องหรอื พัฒนาให้ดีข้ึน ACTION ก็จะมาทําการวางแผนใหม่ นําไปปฏิบัติ ตรวจสอบ .... เป็นอย่างน้ีต่อเน่ืองกันไปไม่มีที่สิ้นสุด ก็จะทําให้งาน หรือระบบงานน้ันดีขึ้น ซ่ึงจะทําให้ช่วยลดต้นทุน ลดเวลาการ ทาํ งาน คุณภาพงานท่ีดขี ้ึนตอ่ เน่ือง และยงั ชว่ ยใหพ้ นกั งานมขี วญั กําลงั ใจที่ดใี นการทํางานอกี ด้วย 3. การจัดทําแผนปฏบิ ัติการทางอาชพี เปน็ การดาํ เนินการที่มอี งค์ประกอบรว่ มอะไรบา้ ง 1. เหตุการณ์หรือขนั้ ตอนการทํางาน ซง่ึ จะบอกวา่ เหตุการณ์ใดควรทําพรอ้ มกนั หรือควรทาํ ทีหลังเป็นการ ลาํ ดบั ข้นั ตอนในแต่ละกจิ กรรมให้เป็นแผนการทาํ งาน 2. ระยะเวลาที่กาํ หนดว่าในแตล่ ะเหตกุ ารณจ์ ะใชเ้ วลาได้ไมเ่ กินเท่าไร เพ่ือออกแบบการใช้ปัจจัยดําเนินงานให้ สมั พนั ธ์กนั 3. ปัจจัยนําเข้าและแรงงาน เป็นการระบุปัจจัยนําเข้าและแรงงานในแต่ละเหตุการณ์ว่าควรใช้เท่าไรการ จัดทําแผนปฏิบัติการทางอาชีพ มักจะนิยมใช้ผังการไหลของงานมาใช้ออกแบบการทํางานให้มองเห็นความสัมพันธ์ ร่วมระหว่างเหตกุ ารณ์ ระยะเวลา ปัจจยั นาํ เข้าและแรงงานจะชว่ ยใหผ้ ้ปู ฏิบัตงิ านและผู้จัดการได้ขับเคลื่อนการทํางาน สู่ความสําเร็จได้ ดังนั้น ในการออกแบบแผนปฏิบัติงาน จําเป็นต้องใช้องค์ความรู้ท่ีสรุปได้ในรูปของเอกสารข้ันตอน การทํางานมาคิดวิเคราะหแ์ ละสร้างสรรคใ์ ห้เกิดแผนปฏบิ ตั กิ าร 4. การปฏิบตั ิการตรวจสอบทําไดก้ ่ี ขัน้ ตอน ตอบ 2 ขน้ั ตอน คือ 4.1 ตรวจสอบหาข้อบกพร่องของเอกสารแผนปฏิบัติการ เป็นการดําเนินงานร่วมกันระหว่าง ผู้จัดการกับ คนงานวา่ การทค่ี นงานได้ปฏิบัตกิ ารศึกษาเอกสารแผนและปฏิบัติตามกิจกรรมในทุกเหตุการณ์ได้ ครบคิดว่ากิจกรรม เหตุการณ์ใด มีข้อบกพร่องทีค่ วรจะได้แก้ไข 4.2 ตรวจสอบภาคสนาม เป็นการทาํ งานร่วมกันระหว่างผูจ้ ดั การกับคนงาน เพ่ือตรวจหาข้อบกพร่อง ในการ ดําเนินงาน รว่ มกนั คิดวิเคราะห์ระบุสภาพท่ีเป็นปัญหา และแนวทางแก้ปญั หา 5.การประเมินสรุปและเขยี นรายงานผล คือ เปน็ ขนั้ ตอนการนาํ ผลการตรวจติดตามตลอดรอบผลการผลติ ไปประเมินความรนุ แรงของขอ้ บกพร่อง ว่าเกิดผลมาจาก อะไรเปน็ สว่ นใหญ่ แลว้ ดําเนินการปฏบิ ัตกิ ารแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งท้งั องคค์ วามรู้ และปจั จยั นาํ เขา้ ดําเนนิ งาน

แบบทดสอบก่อนเรยี น 1.ใครเปน็ ผ้เู ผยแพร่วงจรเด็มมงิ่ ให้เป็นทร่ี ู้จกั กนั มากขนึ้ ข. เอดวาร์ด เดมมงิ่ ก. วอล์ทเตอร์ เดมมง่ิ ง. เอดวาร์ด ซวิ ฮาร์ท ค. วอลท์ เตอร์ ซิวฮาร์ท 2.วงจรเด็มมง่ิ ประกอบด้วยก่ีขัน้ ตอน ข. 3 ข้นั ตอน ก. 2 ข้นั ตอน ง. 5 ขั้นตอน ค. 4 ข้ันตอน 3. การปรับปรุงดาํ เนนิ การให้เหมาะสมตามผลการประเมิน ตรงกับข้อใด ก. Plan ข. Do ค. Check ง. Action 4.ปฏิบัตติ ามแผน ตรงกบั ข้อใด ข. Do ก. Plan ง. Action ค. Check 5.การปฏิบตั ิการตรวจสอบทําได้กี่ ข้ันตอน ข. 3 ขน้ั ตอน ก. 2 ขัน้ ตอน ง. 5 ข้นั ตอน ค. 4 ข้นั ตอน

เฉลย 1.ข 2. ค 3.ง 4.ข 5.ก

แบบทดสอบหลังเรียน 1.ใครเป็นผู้เผยแพร่วงจรเดม็ ม่ิงให้เปน็ ท่รี ู้จกั กันมากขนึ้ ข. วอล์ทเตอร์ เดมม่งิ ก. เอดวาร์ด เดมมิง่ ง. วอลท์ เตอร์ ซิวฮาร์ท ค. เอดวารด์ ซิวฮาร์ท 2.วงจรเด็มมงิ่ ประกอบดว้ ยก่ีขัน้ ตอน ข. 4 ข้ันตอน ก. 5 ข้นั ตอน ง. 2 ข้ันตอน ค. 3 ขัน้ ตอน 3. การปรบั ปรุงดาํ เนินการใหเ้ หมาะสมตามผลการประเมิน ตรงกบั ขอ้ ใด ก. Do ข. Plan ค. Action ง. Check 4.ปฏบิ ัติตามแผน ตรงกับขอ้ ใด ข. Action ก. Check ง. Do ค. Plan 5.การปฏบิ ัติการตรวจสอบทาํ ไดก้ ่ีขนั้ ตอน ข. 4 ขั้นตอน ก. 5 ขน้ั ตอน ง. 2 ขัน้ ตอน ค. 3 ข้ันตอน

เฉลย 1.ก 2. ข 3.ค 4.ง 5.ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook