Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติวันลอยกระทง

ประวัติวันลอยกระทง

Published by krittikarn.888, 2018-11-19 03:32:17

Description: ประวัติวันลอยกระทง

Search

Read the Text Version

ประเพณีไทยอนั ดีงามท่ีสบื ทอดตอ่ กนั มานนั้ ล้วนแตกตา่ งกนั ไปตามความเชื่อ ความผกู ผนั ของผ้คู นตอ่ พทุ ธศาสนาและการดารงชีวิตที่ประสานกบั ฤดกู าลและธรรมชาติอย่างชาญฉลาดของชาวบ้าน ในแตล่ ะท้องถ่ินทว่ั แผน่ ดนิ ไทย เช่น ภาคเหนือประเพณีบวชลกู แก้วของคนใต้หรือชาวไทยใหญ่ท่ีจงั หวดั แม่ฮ่องสอน ภาคอีสานประเพณีบญุ บงั้ ไฟของชาวจงั หวดั นครศรีธรรมราช อารยธรรมไทยยงั นามาซง่ึ การทอ่ งเท่ียว เป็ นท่ีรู้จกั และประทบั ใจแก่ชาติอ่ืนนบั เป็ นมรดกอนั ลา้ คา่ ที่เราคนไทยควรอนรุ ักษ์และสบื สานให้ยง่ิ ใหญ่ตลอดไป

ที่มาของวนั ลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงนนั้ ไมม่ ีหลกั ฐานระบแุ น่ชดั วา่เร่ิมตงั้ แตเ่ มื่อใด แตเ่ ช่ือวา่ ประเพณีนีไ้ ด้สบื ตอ่ กนั มายาวนานตงั้ แตส่ มยั สโุ ขทยั โดยในรัชสมยั พอ่ ขุนรามคาแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนีว้ า่ “พิธีจองเปรียญ” หรือ “การลอยพระประทีป” และมีหลกั ฐานจากศลิ าจารึกหลกั ท่ี 1 กลา่ วถงึ งานเผาเทียนเลน่ ไฟวา่เป็นงานร่ืนเริงท่ีใหญ่ที่สดุ ของกรุงสโุ ขทยั ทาให้เชื่อกนัวา่ งานดงั กลา่ วนา่ จะเป็ นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน

วนั ลอยกระทง ในสมยั ก่อนนนั้ พธิ ีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 ได้ทรงสนั นิษฐานวา่ พธิ ีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จดัขนึ ้ เพ่ือบชู าเทพเจ้า 3 องค์ คอื พระอิศวร พระนารายณ์และพระพรหม ตอ่ มาได้นาพระพทุ ธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จงึ ให้มีการชกั โคม เพือ่ บชู าพระบรมสารีริกธาตุและลอยโคมเพ่ือบชู ารอยพระบาทของพระพทุ ธเจ้า

ก่อนท่ีนางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจฬุ าลกั ษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคดิ ค้นประดษิ ฐ์กระทงดอกบวั ขนึ ้ เป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดงั ปรากฏในหนงั สอื นางนพมาศท่ีวา่ “ครัน้ วนั เพ็ญเดอื น 12 ข้าน้อยได้กระทาโคมลอย คดิตกแตง่ ให้งามประหลาดกวา่ โคมสนมกานลั ทงั้ ปวงจึงเลอื กผกาเกษรสีตา่ ง ๆ มาประดบั เป็ นรูปกระมทุ กลีบบานรับแสงจนั ทร์ใหญ่ประมาณเทา่ กงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสสี ลบั ให้เป็นลวดลาย…”

เม่ือสมเดจ็ พระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารคทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทยั จงึ โปรดให้ถือเป็นเย่ียงอยา่ ง และให้จดั ประเพณีลอยกระทงขนึ ้ เป็ นประจาทกุ ปี โดยให้ใช้กระทงดอกบวัแทนโคมลอย ดงั พระราชดารัสที่วา่ “ตงั้ แตน่ ีส้ ืบไปเบอื ้ งหน้า โดยลาดบั กษตั ริย์ในสยามประเทศถงึ กาลกาหนดนกั ขตั ฤกษ์วนั เพ็ญเดอื น 12 ให้ทาโคมลอยเป็นรูปดอกบวัอทุ ศิ สกั การบชู าพระพทุ ธบาทนมั มทานทีตราบเทา่กลั ปาวสาน” พธิ ีลอยกระทงจงึ เปล่ียนรูปแบบตงั้ แตน่ นั้เป็ นต้นมา

ประเพณีลอยกระทงสบื ตอ่ กนั เร่ือยมา จนถงึ กรุงรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้น สมยั รัชกาลท่ี1 ถงึ รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานวุ งศ์ตลอดจนขนุ นางนิยมประดษิ ฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชนั กนั ซง่ึ ต้องใช้แรงคนและเงินจานวนมาก พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี 4 ทรงเหน็ วา่ เป็นการสนิ ้ เปลอื ง จงึ โปรดให้ยกเลกิ การประดิษฐ์กระทงใหญ่แขง่ ขนั และโปรดให้พระบรมวงศานวุ งศ์ทาเรือลอยประทีปถวายองค์ละลาแทนกระทงใหญ่ และเรียกช่ือวา่ “เรือลอยประทีป” ตอ่ มาในรัชกาลท่ี 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื น้ ฟพู ระราชพธิ ีนีข้ นึ ้ มาอีกครัง้ ปัจจบุ นั การลอยพระประทปี ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงกระทาเป็นการสว่ นพระองค์ตามพระราชอธั ยาศยั

ภาคเหนือตอนบน นิยมทาโคมลอย เรียกว่า “ลอยโคม” หรือ “วา่ วฮม”หรือ “ว่าวควนั ” ทาจากกระดาษบางๆ กระดาษท่ีใช้ทาวา่ ว แล้วสมุ ควนัข้างใต้ให้ลอยขนึ ้ ไปในอากาศอยา่ งบลั ลนู ประเพณีของชาวเหนือนี ้เรียกว่า “ย่ีเป็ง” หมายถงึ การทาบญุ ในวนั เพ็ญเดอื นย่ี(ซง่ึ นบั วนั ตามแบบล้านนา ตรงกบั วนั เพ็ญเดือนสบิ สองในแบบไทย)– จงั หวดั เชียงใหม่ มีประเพณี “ยี่เป็ง” เชียงใหม่ ในทกุ ๆ ปี จะมีการจดังานขนึ ้ อยา่ งย่ิงใหญ่ตระการตา และมีการปลอ่ ยโคมลอยขนึ ้ เต็มท้องฟ้ า– จงั หวดั ตาก จะลอยกระทงขนาดเลก็ ทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกว่า“กระทงสาย”– จงั หวดั สโุ ขทยั ขบวนแห่โคมชกั โคมแขวน การเลน่ พลตุ ะไล ไฟพะเนียง

ภาคอีสาน ในอดีตมีการเรียกประเพณีลอยกระทงในภาคอสี านวา่ สิบสองเพง็ หมายถึงวนั เพญ็ เดือนสบิ สองซง่ึ จะมีเอกลกั ษณ์แตกต่างกนัออกไป เช่น– จงั หวดั ร้อยเอด็ มีชื่องานประเพณีวา่ “สมมานา้ คืนเพง็ เสง็ ประทปี ”ตามภาษาถ่ินมีความหมายถงึ การขอขมาพระแมค่ งคา ในคืนวนั เพญ็ เดือนสิบสอง การประกวดประทีปโคมไฟและกระทงอนั สวยงาม มีการจาลองแหห่ วั เมืองสาเกตนุ ครทงั้ 11 หวั เมือง– จงั หวดั สกลนคร ในอดตี จะมกี ารลอยกระทงจากกาบกล้วย ลกั ษณะคล้ายกบั การทาปราสาทผงึ ้ โบราณ เรียกงานนีว้ า่ เทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน สบิ สองเพง็ ไทสกล– จงั หวดั นครพนม จะตกแตง่ เรือแล้วประดบั ไฟ เป็นรูปตา่ งๆ เรียกวา่“ไหลเรือไฟ” โดยเฉพาะท่จี งั หวดั นครพนมเพราะมีความงดงามและอลงั การท่ีสดุ ในภาคอีสาน

ภาคกลาง มีการจดั ประเพณีลอยกระทงขนึ ้ ทวั่ ทกุ จงั หวดั– กรุงเทพมหานคร จะมีงานภเู ขาทอง เป็นรูปแบบงานวดัเฉลมิ ฉลองราว 7-10 วนั ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในชว่ งหลงั วนั ลอยกระทง– จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา มีการจดั งานประเพณีลอยกระทงกรุงเกา่ ขนึ ้ อยา่ งยง่ิ ใหญ่บริเวณอทุ ยานประวตั ศิ าสตร์พระนครศรีอยธุ ยา ภายในงานมีการจดั แสดงแสง สี เสยี งอยา่ งงดงามตระการตา

ภาคใต้ อยา่ งที่อาเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา ก็มีการจดังานอยา่ งย่งิ ใหญ่ นอกจากนนั้ ในจงั หวดั อ่ืนๆ ก็จะจดั งานวนัลอยกระทงด้วยเชน่ กนันอกจากนีใ้ นแตล่ ะท้องถ่ินยงั อาจมีประเพณีลอยกระทงท่ีแตกตา่ งกนั ไป และสืบทอดตอ่ กนั เรื่อยมา

เพลงราวงวนั ลอยกระทงแตง่ โดยครูแก้ว อจั ฉริยกลุ ผ้ใู ห้ทานองคอื ครูเอือ้ สนุ ทรสนาน แหง่ สนุ ทราภรณ์ ซงึ่ ครูเอือ้ ได้แตง่ เพลงนีต้ งั้ แต่ ปี พ.ศ.2498 ขณะที่ได้ไปบรรเลงเพลงท่ีบริเวณคณะบญั ชีมหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ และมีผ้ขู อเพลงจากครูเอือ้ ครูเอือ้ จงึ นงั่ แตง่ เพลงนีท้ ี่ริมแมน่ า้ เจ้าพระยา ในระยะเวลาเพียงครึ่งชว่ั โมงจงึ เกิดเป็นเพลง “ราวงลอยกระทง” มีเนือ้ ร้องว่า วนั เพญ็ เดอื นสบิ สอง นา้ นองเตม็ ตลงิ่เราทงั้ หลายชายหญิง สนกุ กนั จริง วนั ลอยกระทงลอย ลอยกระทง ลอย ลอยกระทง ลอยกระทงกนั แล้วขอเชิญน้องแก้วออกมาราวง ราวงวนั ลอยกระทง ราวงวนั ลอยกระทงบญุ จะสง่ ให้เราสขุ ใจ บญุ จะสง่ ให้เราสขุ ใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook