วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 1 หน่วยท่ี 1 หลกั จริยธรรมในการปฏิบัตงิ านของผชู้ ่วยพยาบาลในการช่วยเหลอื ดแู ลบุคคลในวัยต่างๆ อาจารยอ์ นุสรณ์ แนน่ อดุ ร เนอื้ หาการเรยี นรู้ - หลักจริยธรรมในการช่วยเหลอื ดูแล - จริยธรรมในการปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล - องค์ประกอบสำคัญในการปฏิบตั ิหน้าทก่ี ารพยาบาล - บทบาทและหนา้ ท่ีของผู้ชว่ ยพยาบาล หลกั จรยิ ธรรมในการช่วยเหลอื ดแู ล การช่วยเหลือดูแล (Caring) เป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ (Instinct) ในการอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ดึกดำ บรรพ์ เช่น การเล้ียงดบู ุตรโดยมารดา การดแู ลชว่ ยเหลือคนทชี่ ่วยเหลือตนเองไม่ได้ หรือการดแู ลคนในภาวะที่ ได้รับบาดเจ็บ การเจ็บป่วย จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งการช่วยเหลอื ดูแลจะเป็นไปตาม ความเชื่อ ความรู้ ความเข้าใจและประสบการณ์ที่ผ่านมา เช่น การตีเกราะเคาะไม้ เพื่อให้วิญญาณชั่วร้ายที่เชื่อว่าทำให้เกิดการ เจ็บป่วยหนีออกจากร่างคนป่วย การฆ่าสัตว์เป็นเครื่องเซ่นสังเวยวิญญาณของภูตผีปิศาจ การใช้ความร้อน ความเย็นและน้ำ ในการบำบัดรักษา การใช้สมุนไพรในการรักษา ด้วยการกิน การทา การใส่บาดแผล เป็นตน้ ส่วนการดูแลช่วยเหลือ เช่น การอุ้ม การยก การพยุง ทั้งต่อเด็ก คนเจ็บป่วย คนชรา หรือคนพิการ เป็นการ ช่วยเหลือกันทุกยุคทุกสมัย ต่อมามีการบำบัดรักษาช่วยเหลือดูแล ที่มีเหตุและผลเชิงวิทยาศาสตร์ จำแนก ออกเปน็ หลายสาขาอาชพี เช่น วชิ าชพี แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และผู้ชว่ ยพยาบาลเป็นต้น การช่วยเหลือดูแลบุคคล มีหลายระดับตามลักษณะเฉพาะของวิชาชีพ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การบรรเทาความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บปว่ ย การช่วยเหลอื เพ่ือให้เกิดความปลอดภยั ความสขุ สบาย และ มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมาะสมกบั สภาพของแต่ละบุคคล การช่วยเหลือดูแลบุคคลในสภาวะต่างๆ เป็นการปฏิบตั ิ โดยตรงต่อชีวิตมนุษย์ ที่มีสิทธิมนุษยชน คือ สิทธิในการมีชีวิตอยู่ (Right to live) สิทธิเสรีภาพ (Right of freedom) และสทิ ธิความเปน็ เจ้าของ (Right of belonging) รวมท้งั คนทุกคนย่อมมีชีวิต จิตใจ มีความรู้สึก มีอารมณ์ มีความเป็นตัวตน มีศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งตน มีความคิด ความเชื่อ มีความรู้ ความคิดความเข้าใจ และประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันแต่ละบุคคลที่ทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองต่อการปฏิบัติการช่วยเหลือดูแล แตกต่างกนั เช่น การผูกยดึ ผปู้ ว่ ย โดยไมช่ ้ีแจงวา่ เปน็ เหตุผลในการบำบัดรักษาผ้ปู ว่ ยหรือญาติอาจฟ้องร้องทาง กฎหมาย ว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของบุคคลได้ และอาจเป็นประเด็นทางจริยธรรม ด้านความสัมพันธ์ ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการได้เช่นกัน ผู้ช่วยพยาบาลจะมีการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้รับบริการ ญาติ ผู้รับบริการและประชาชนทั่วไปอยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีความรู้ ความเข้าใจ หลักกฎหมายและหลักจริยธรรม ในการช่วยเหลือดูแล เพื่อเป็นการควบคุมการปฏิบัติของตนให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย โดยไม่ต้องรับผิดตาม กฎหมาย รวมทั้งดา้ นคุณธรรม จริยธรรมของการปฏิบัติ ซึ่งมีผลกระทบต่อศรัทธา ความเชื่อมั่นของสังคมท่มี ี
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 2 ต่อระบบบริการสุขภาพ สถานบริการ และภาพลักษณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ และผู้เกี่ยวข้องทุก ระดบั ผชู้ ่วยเหลอื ดูแลจะต้องมคี วามรคู้ วามเข้าใจด้านกฎหมายและจรยิ ธรรม เป็นการประกันคุณภาพการดูแล ปอ้ งกนั มิให้ผ้ชู ว่ ยเหลือดูแลกระทำความผดิ ทางกฎหมายและหลักจรยิ ธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย จริยธรรมเป็นหลักของการประพฤตปิ ฏิบตั ิท่ีดีงามของบุคคลทง้ั กาย วาจา และใจ โดยมีพ้ืนฐานมาจาก ประเพณี กฎหมาย ศีลธรรมทางศาสนา ค่านิยม วัฒนธรรม รวมถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ บุคคลที่มีจริยธรรม ย่อมมีการปฏิบัตติ ามหลักทดี่ ีงามของสังคม จริยธรรมกบั วชิ าชีพพยาบาลเปน็ ส่ิงท่มี ีความเก่ียวข้องกับกันจนไม่ สามารถที่จะแยกออกจากกันได้เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องและมีการปฏิบัติกับมนุษย์อยู่ตลอดเวลา สังคมโดยทวั่ ไปจึงมีคาดหวงั ว่านอกจากความรู้ความสามารถในการให้การพยาบาลแล้วนน้ั พยาบาลหรือผู้ช่วย พยาบาลต้องมีจริยธรรมประกอบด้วยเสมอ ดังนั้นผู้ประกอบวิชาชีพนี้จะต้องดำรงชีวิตด้วยความมีคุณธรรม และจรยิ ธรรม (รัตนา ทองแจ่ม และพระครภู าวนาโพธคิ ณุ , 2563) หลักจรยิ ธรรม (ethical principles) สำหรบั การให้การพยาบาล ควรครอบคลุม 6 หลกั การ (แสงทอง ธรี ะ ทองคำ และไสว นรสาร, 2561) คอื 1) การเคารพเอกสิทธหิ์ รือความเป็นอิสระ (Autonomy / self-governing) 2) การทำประโยชน์(Beneficence) 3) การไม่ทำอันตราย (Non-maleficence) 4) ความยตุ ิธรรม (Justice) 5) การบอกความจริง (Veracity / truth telling) 6) ความ ซ่ือสัตย์ /การปกปิดความลบั (fidelity confidentiality) หลกั จรยิ ธรรมเหลา่ นีส้ ามารถใช้เป็นเหตุผลสำหรับการตัดสินใจเชงิ จริยธรรมเม่อื เผชิญประเด็นขัดแย้ง ทางจริยธรรมตา่ งๆไดเ้ ป็นอย่างดี ((แสงทอง ธีระทองคำ และไสว นรสาร, 2561; อรัญญา เชาวลิต และทศั นีย์ นะแส, 2559) 1. การเคารพเอกสิทธิ์หรือความเป็นอิสระ (Autonomy / self-governing) หมายถึง บุคคลมี อิสระในการตัดสินใจเกี่ยวกับเป้าหมายของแต่ละบุคคล ค้านท์ (Kant) นักปรัชญาที่เสนอแนวคิดนี้กล่าวว่า บุคคลเป็นผู้มีเหตุมีผลมีความสามารถในการเลือกตัดสินใจด้วยตัวเองหลักการในข้อนี้สนับ สนุนการเคารพใน การตัดสินใจของผู้ป่วยที่จะเลือกวิถีทางของตนเองตามความเชื่อ และศรัทธา สิทธิที่จะเลือกตัดสินใจด้วย ตนเองได้อสิ ระ โดยไม่มกี ารบังคับ โดยบุคคลในทีมสขุ ภาพตอ้ งให้การยอมรบั แม้ไมเ่ ห็นดว้ ยก็ตาม ตวั อยา่ ง - การไม่รับการรกั ษาท่ยี ดื ความตาย - การเปล่ยี นโรงพยาบาลเพ่ือรับการดแู ลรักษา ข้อยกเว้นในหลกั การนี้คือผูท้ ่ีหยอ่ นความสามารถ เชน่ เด็กเล็ก ผ้ทู มี่ ปี ัญหาสขุ ภาพจติ /จิตเวชบคุ คลไร้ ความสามารถ ผู้ป่วยฉุกเฉนิ ถึงแก่ชวี ติ เพราะขาดอำนาจในการตัดสนิ ใจดว้ ยตนเอง
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 3 2. การทำประโยชน์ (Beneficence) หมายถึง การกระทำในสิ่งทีดีและเป็นประโยชน์ ผู้ช่วย พยาบาลตอ้ งคำนึงถึงประโยชนส์ ูงสดุ ท่ีจะเกดิ แก่ผปู้ ว่ ย ประโยชนใ์ นทีน่ ี้หมายถึงการกระทำที่เป็นประโยชน์บน พื้นฐานทางด้านศีลธรรม จริยธรรมและกฎหมาย โดยบทบาทของผู้ช่วยพยาบาลอยู่บนพื้นฐานในหลัก จริยธรรมข้อนี้คือ การช่วยพยาบาลวิชาชีพกระทำในเรื่อง การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การควบคุมโรค และการฟ้ืนฟูสภาพแก่ผู้รับบริการ โดยหลกั สำคญั ของการทำประโยชนป์ ระกอบด้วย 2.1 การส่งเสรมิ สิง่ ท่ดี ี (do good things) เพ่ือประโยชน์สูงสดุ ของผู้ใชบ้ ริการ ตวั อยา่ ง - ผชู้ ว่ ยพยาบาลชว่ ยปอ้ นอาหารใหผ้ ูป้ ่วย เพือ่ ใหไ้ ด้รับประทานอาหารตรงตามเวลา เนื่องจากญาติยงั ไม่มาเยย่ี ม - การช่วยเชด็ ตัวลดไข้ในผ้ปู ่วย เพื่อป้องกันภาวะชัก - การช่วยพยาบาลวิชาชีพตดิ ตอ่ ประสานงานหนว่ ยงานเพื่อดูแลผู้ป่วย 2.2 การปอ้ งกนั อันตราย (prevent harm) ต่อผู้ใช้บริการ ตวั อย่าง - การยกราวกั้นเตยี งเพื่อป้องกันการพลดั ตกหกลม้ 2.3 การขจัดสิ่งทเ่ี ปน็ อนั ตราย (remove evil or harm) สำคัญมากกวา่ การส่งเสริมสง่ิ ดี ตวั อยา่ ง - การดแู ลสิง่ แวดล้อมใหส้ ะอาด ปลอดภยั เพ่ือป้องกนั การติดเชอ้ื 3. การไม่ทำอันตราย (Non-maleficence) หมายถึง การไม่นำสิ่งที่เป็นอันตรายมาสู่ผู้อื่น ทั้งด้าน ร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งไม่ทำให้ผู้อืน่ เสีย่ งตอ่ อันตราย ประกอบด้วยห้ามฆ่า ห้าม ทำให้ปวด ห้ามจำกัดอิสรภาพ และห้ามทำให้ปราศจากความสุข ทั้งนี้ ลักษณะการดูแลที่ถือวา่ ผิดหลักการน้มี ี องค์ประกอบคือ ผู้ท่ีมีหน้าที่โดยตรง ละเลยต่อหน้าที่ บุคคลได้รับอันตราย และอันตรายนั้นมีสาเหตุจากการ ละเลยหนา้ ที่ ซึ่งสอดคลอ้ งกับหลักกฎหมาย ตวั อยา่ ง - การใช้คำพูดทท่ี ำให้ผ้ปู ว่ ยเครยี ดหรอื กลวั แสดงให้เหน็ ว่า ผ้ชู ่วยพยาบาลกระทำผดิ หลักจรยิ ธรรม การไม่ทำอันตราย 4. ความยุติธรรม (Justice) หมายถึง ความยุติธรรมต่อคนในสังคม โดยรวมไปถึงความยุติธรรม ความเท่าเทียมกันและความเสมอภาคในการได้รับการบริการทางด้านสุขภาพ ในขณะที่การกระทำเพื่อทำให้ เกิดความยุติธรรมในสังคมเป็นเรื่องทีค่ ่อนข้างยากโดยเฉพาะการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์และพยาบาล ที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดความยตุ ิธรรม ดังนั้นผู้ช่วยพยาบาลสามารถเลี่ยงมาใช้หลกั ของความยตุ ิธรรมโดยการ เคารพในสิทธิในการตัดสินใจและทางเลือกในการรักษาของผู้ป่วย จึงจะทำให้ผู้ป่วยได้รับการปฏิบัติอย่าง ยุติธรรมและมสี ่วนรว่ มในการตัดสินใจเกยี่ วกบั การดูแลสุขภาพของตนเอง
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 4 ตัวอย่าง - การจัดเตียงผู้ปว่ ยหนักให้อยู่ใกลพ้ ยาบาล - การดแู ลผูต้ ิดเชื้อเอชไอวีดว้ ยมาตรฐานเดยี วกนั กับผ้ปู ว่ ยอืน่ 5. การบอกความจริง (Veracity / truth telling) หมายถึง การพูดความจริงและไม่โกหกหรือ หลอกลวง บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการบอกความจริง โดยไม่มีการโกหกหลอกลวง เพราะการบอกความ จริงโดยไม่มีการโกหกและหลอกลวงเป็นการแสดงถึงการเคารพความเป็นบุคคล พยาบาลหรือผู้ช่วยมีหนา้ ที่ท่ี ต้องบอกความจริง เพราะการไม่บอกความจริงจะทำให้ผู้ป่วยเกิดความไม่ไว้วางใจในตัวพยาบาลหรือผู้ช่วย และอาจส่งผลถึงสมั พันธภาพในระยะยาว ตัวอยา่ ง - การเขียนบนั ทกึ สัญญาณชีพท่ีได้ปฏิบัตจิ รงิ 6. ความซอ่ื สตั ย/์ การปกปิดความลบั (fidelity / confidentiality) หมายถึง การรักษาสัญญาและ การปกปิดความลับรวมทั้งการรกั ษาความเป็นส่วนตวั ของผู้ป่วยพยาบาลหรือผู้ช่วยมีหนา้ ท่ีหลกั จะตอ้ งมีความ ซื่อสัตย์ในการรักษาคำมั่นสัญญาต่อการท่ีจะให้การดูแลผูป้ ่วยอย่างเต็มที่และปกปิดความลบั ความเปน็ ส่วนตัว ของผู้ป่วย ซงึ่ การปกปิดความลบั นต้ี ้องไม่ทำให้เกดิ ผลเสยี ทั้งต่อตัวผู้ป่วย และต่อผอู้ ืน่ ตวั อย่าง - การไมเ่ ปิดเผยข้อมลู ผปู้ ่วย เชน่ การเจ็บป่วยทางจิต การถกู ขม่ ขนื เพอ่ื นำไปสู่ความไว้วางใจ จรยิ ธรรมในการปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล ประกอบด้วย4 ประการ ((แสงทอง ธีระทองคำ และไสว นรสาร, 2561; วรัฐกานต์ ศวพรวิพธุ , 2559) ได้แก่ 1.การพิทักษส์ ิทธหิ รือการทําหน้าที่แทน (Advocacy) หมายถงึ การที่บุคคลกระทําเพ่ือปกป้องผู้อื่น หรือช่วยใหผ้ ู้อืน่ ได้รับประโยชน์ดังนั้นในการทําหน้าท่ีแทนผู้ป่วย พยาบาลหรือผูช้ ว่ ยจะต้องช่วยผู้ป่วย พิทักษ์ สิทธิของผูป้ ว่ ย และเป็นตัวแทนของผู้ป่วย (surrogates) ในการตัดสนิ ใจ และลงมือกระทาํ เพื่อประโยชน์สูงสุด ของผู้ปว่ ย 2.ความรับผิดชอบ (Accountability / Responsibility) หมายถึง การท่ีผู้ช่วยพยาบาลมีความ รับผิดชอบในการดูแลผู้ป่วยตามขอบเขตที่กฎหมายกําหนด (legal accountability) และมีความรับผิดชอบ ทางจริยธรรม (moral accountability) ซึ่งความรับผิดชอบเหล่านี้ครอบคลุมถึง การหลักจริยธรรมในการ ใหบ้ ริการสขุ ภาพส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันความเจ็บป่วย การฟ้นื ฟสู ภาพ และการบรรเทาความทุกข์ทรมาน นอกเหนือจากความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ป่วยหรือประชาชนแล้ว ผู้ช่วยพยาบาลยังต้องมีความรับผิดชอบต่อ วิชาชพี ตอ่ เพอ่ื นรว่ มงาน ต่อตนเอง และตอ่ สงั คม
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 5 3.ความร่วมมือ (Cooperation) เป็นการมีส่วนร่วมระหว่างบุคลากรในทีมสุขภาพ เพื่อให้การดูแล ผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ แนวคิดทางจริยธรรมนี้เชื่อว่าความร่วมมือจะส่งเสริมการสร้างเครือข่ายที่จะ ให้ความ ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ความร่วมมือยังเป็นแนวคิดของการเสียสละ เพราะเป็นการ แสดงถงึ ความผกู พันของมนษุ ยท์ ่เี กิดจากการทาํ งานและใชเ้ วลารว่ มกบั ผอู้ ่นื 4.ความเอือ้ อาทร (Caring) บทบาทของผู้ช่วยพยาบาลจะต้องอยู่บนพ้ืนฐานของการดูแลท่ีเอ้ืออาทร ซึ่งหมายถึง การที่ผู้ช่วยพยาบาลมีหน้าที่ที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์รวมทั้งการดูแลให้ผู้ป่วยมี ภาวะสขุ ภาพทด่ี ีแนวคดิ จรยิ ธรรมนีม้ ีคณุ ค่าต่อสัมพนั ธภากบั ผปู้ ่วย และสอดคล้องกับหลักจริยธรรมดา้ นการทํา ประโยชน์และการเคารพเอกสิทธิ์ / ความเปน็ อิสระ ปัจจุบันปัญหาการฟ้องร้องที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากสัมพันธภาพที่ห่างเหิน หรือจาก พฤติกรรมของพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลที่แสดงออกไม่เหมาะสม เช่นการพูดเสียงดัง พูดไม่สุภาพ ไม่ให้ เกียรติการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม ขาดความเอื้ออาทร ซึ่งในการปฏิบัติการพยาบาลน้ั น หากเรายึดหลัก ของความเอ้ืออาทร ทําใหเ้ ราเกิดความปราถนาดีอยากให้ผู้ป่วยหายจากความทุกข์ทรมาน มีความเห็นใจ ใส่ใจ ในปัญหาของผูป้ ว่ ย มีไมตรีจิต และยิ้มแย้มใหก้ ําลังใจผู้ป่วย นํามาซึ่งพฤติกรรมการแสดงออกที่เหมาะสม เกิด ปฏสิ มั พนั ธ์และการสอื่ สารทดี่ ีกบั ผปู้ ว่ ยหรอื ญาติ องค์ประกอบสำคัญในการปฏบิ ัติหนา้ ท่ีการพยาบาล 1.ความเอื้ออาทร (caring) ความเอ้อื อาทรเป็นสิ่งสำคัญของความสัมพนั ธ์ระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วย ความเอื้ออาทรคล้ายคลึงกับการทำให้อบอุ่นใจ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งกว่า ความเอื้ออาทรเกิดขึ้นจากการ ตระหนักในคุณค่าของบุคคล ความเข้าใจในชีวิตมนุษย์ และก่อให้เกิดความรู้สึกปรารถนาดีต่อกัน ความรู้สึก เอ้ืออาทรตอ่ กนั ระหว่างบุคคลเป็นความรสู้ ึกท่ียากแก่การอธบิ าย ความปว่ ยไข้ทางรา่ งกายเป็นสง่ิ ทอ่ี าจเกิดจาก หลายสาเหตุเช่นเดียวกับการป่วยไข้ทางใจ การรักษาทางกายต้องอาศัยวิธีการรักษาภายนอก ขณะเดียวกันที่ การรักษาทางใจต้องอาศัยความรู้สึก ความเข้าใจจิตใจของผู้ป่วยอันเป็นผลให้เกิดการปฏิบัติในลักษณะเอ้ือ อาทร คือ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อใส่ใจต่อความรู้สึกของผู้ป่วย การแสดงออกของความเอื้ออาทร คือความอ่อนโ ยน ความเคารพต่อความเป็นตัวของตัวเองของผู้ป่วย ความห่วงใย การปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเอื้ออาทรก่อให้เกิด ความรสู้ ึกคุ้นเคยเปน็ กันเองและอบอุน่ ใจแก่ผปู้ ่วย 2.ความเชื่อถือและไว้วางใจ (trust and confidence) ความรู้สึกเชื่อถือและไว้วางใจ คือ ความรสู้ ึกทเี่ กิดจากตระหนกั หรอื รูว้ ่าในส่วนหนง่ึ ของโลกสว่ นตัวเรานน้ั ไมเ่ ป็นอสิ ระ เราตอ้ งการความชว่ ยเหลือ และในความรู้สึกดังกล่าวมีบุคคลหนึ่งที่เอื้ออาทรต่อเราให้ความอบอุ่นแก่เรา สามารถช่วยเหลือและเป็นมิตร ต่อเรา ความรู้สึกเชื่อถือและไว้วางใจจึงเป็นสิ่งที่ทำให้บุคคลกล้าเปิดเผยเรื่องราวของตน กล้าปรึกษาหารือ และขอความเห็น ในการปฏิบัติหนา้ ที่ของผู้ช่วยพยาบาล ความรู้สึกเชื่อถือ และไว้วางใจที่ผูป้ ่วยมีต่อพยาบาล หรอื ผ้ชู ว่ ยพยาบาล จะช่วยก่อใหเ้ กิดผลดตี อ่ กระบวนการรกั ษาพยาบาล และก่อให้เกดิ ความรว่ มมอื อันดี
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 6 3.ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเรา (empathy) ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่ได้หมายถึงความ เข้าใจ (understanding) อย่างที่เราอธิบายกันในเชิงจติ วิทยาวา่ พฤติกรรมอยา่ งหน่ึงเกิดขึน้ เพราะเหตุใด ต้อง ปฏิบัติอย่างไร แต่ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราหมายถึงการที่เรารู้และยอมรับว่าคนแต่ละคนย่อมมีโลก ส่วนตัวของตัวเอง มีความคิด ความเชื่อ ความรู้สึกของตนเองที่แตกต่างจากคนอื่น มีโลกทัศน์ที่ต่างกัน ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราท่ีมตี ่อผูป้ ่วยกค็ ือ การรับรู้สภาพความรู้สกึ ความคิดของผู้ป่วยเสมือนหนึ่งว่าถา้ เราเป็นตัวผู้ป่วยขณะนั้น เช่น ผู้ป่วยที่มีความเชื่อมั่นศรัทธา และเคร่งครัดต่อศาสนาย่อมจะรู้สึกอึดอัดและ ยากลำบากต่อการที่จะต้องตัดสินใจวางแผนครอบครัว ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราจะช่วยทำให้ ผู้ช่วย พยาบาล ไม่โกรธเคอื งผปู้ ่วยท่อี าจขัดขนื หรือลังเลต่อการปฏิบตั ิตามคำแนะนำ และไม่ดว่ นตัดสนิ ใจแทนผู้ป่วย ทนั ทแี มว้ ่าสิง่ นนั้ จะเปน็ สิ่งท่ีตนเหน็ ว่าดแี ละเหมาะสม 4.ความเหน็ อกเหน็ ใจ (sympathy) ความเห็นอกเหน็ ใจเปน็ การแสดงออกของความรู้สึกทางสังคมท่ี สมบูรณ์ของบคุ คล เมื่อใดก็ตามทบ่ี คุ คลแสดงออกถงึ ความเห็นอกเหน็ ใจซ่งึ กันและกนั แสดงให้เห็นว่าบุคคลน้ัน อยู่ในสภาพของความเจริญทางวัยวฒุ ิ สามารถตระหนักและเข้าใจบุคคลอืน่ ในภาวะของบุคคลเชน่ เดยี วกับตน การแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจคือการรับรู้ในปัญหาของผู้ป่วย การให้ความสนใจ ความเมตตา และการ เข้ามีส่วนร่วมในการหาทางแก้ปัญหาน้ัน อาจมีการโต้แย้งว่าการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ป่วยจะเป็นการ ทำให้ผู้ป่วยยิ่งอ่อนแอและเรียกร้อง การแสดงความเห็นอกเห็นใจจึงมีข้อพึงระวังว่าจะต้องทำให้ผู้ป่วยเกิด ความรู้สึกเขม้ แข็ง อบอุ่น และสามารถเผชญิ ปัญหา ตัดสินใจ วิธีการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมัน่ ใจ ความเห็นอกเห็น ใจที่ถูกต้องคือ การทำให้ผู้ป่วยรูส้ ึกวา่ เขาไม่ได้ถูกทอดทิ้ง มีคนเข้าใจ ให้คำปรึกษาและเปน็ ผู้ใหก้ ำลงั ใจแก่เขา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงผทู้ ่ใี ห้แต่ความช่วยเหลือตามทผ่ี ู้ปว่ ยเรยี กร้อง 5.การใหค้ วามเคารพ (respect) วชิ าชีพพยาบาลตอ้ งพบปะต่อบคุ คลจำนวนมาก ซงึ่ มีความแตกต่าง กันทั้งในด้านชาติวุฒิ และวัยวุฒิ การแสดงความเคารพต่อคุณลักษณะทั้งสามประการของมนุษย์นี้ถือเป็นกฎ ธรรมชาติ (natural law) เป็นสิทธิมนุษยชนที่พึงได้รับและรักษาไว้ ผู้ช่วยพยาบาลให้ความเคารพต่อ คุณลักษณะทั้งสามประการนี้ของผู้ป่วยเท่า ๆ กับการให้ความเคารพต่อตนเอง การสังเกตบุคลิกลักษณะและ ทา่ ทางของผู้ป่วยเป็นแนวทางหนึ่งที่ผูช้ ว่ ยพยาบาลจะสามารถบอกตนเองได้ว่า ตนควรจะใชค้ ำพูด แสดงกิริยา หรือปฏิบตั ิต่อผู้ป่วยอย่างไร เช่น ในสังคมไทยมีธรรมเนยี มประเพณขี องการเคารพอาวุโสหรอื วัยวุฒิ การเรียก ผู้ป่วยด้วยคำนำหน้าที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่พึงระวัง การเรียกผู้ป่วยชนบทที่มีอาวุโสด้วยคำว่า ลุง ป้า น้า อา ย่อมสุภาพและเป็นกันเองกว่าที่เรียกชื่อเฉย ๆ เช่นเดียวกับการเรียกผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ด้วยคำว่า นาย นาง หรอื คุณ ยอ่ มสภุ าพและเหมาะสมกว่าการเรียกช่ือเฉย ๆ หรอื ใช้คำวา่ “เรา” การแสดงความเคารพต่อผู้ป่วยท่ี เป็นพระภิกษุหรือนักบวชศาสนาอื่นเป็นมารยาทอันดี และแสดงออกถึงความเป็นผู้มีจริยธรรมในการให้ความ เคารพต่อภาวะความเป็นมนุษย์ของบุคคล ขณะเดยี วกันพยาบาลกม็ สี ิทธิทจ่ี ะได้รับความเคารพทง้ั สามประการ นี้จากบคุ คลอ่นื เชน่ กัน 6.ความเป็นผู้มีอารมณข์ ัน (humour) ชวี ติ ของมนษุ ยย์ ่อมมีท้งั สุขและทุกข์ผสมผสาน การมีอารมณ์ ขันกอ่ ให้เกิดผลดีต่อสขุ ภาพจติ ช่วยลดความตงึ เครียดและช่วยสร้างบรรยากาศทด่ี ี การรู้จกั มีอารมณ์ขันในการ มองสิ่งต่าง ๆ และเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ทีต่ อ้ งเผชญิ เปน็ ผลดีทง้ั ต่อความรสู้ ึกของพยาบาลเองและของผู้ป่วย แต่พึง
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 7 ระมัดระวังว่าการมีอารมณ์ขันนี้อาจมีผลร้ายต่อผู้ป่วยอย่างมหันต์ ถ้าขาดการมีศิลปะและเป็นไปในทาง ล้อเลียนอันอาจก่อใหเ้ กิดความรู้สึกอับอายและขุ่นเคืองใจแก่ผู้ป่วย เช่นการกล่าวคำล้อเลียนแก่ผูป้ ่วยสตรที ี่มี สามีอายุน้อยกว่าหลายปีว่า “ไงจ๊ะหลานชายมาเยี่ยมแล้วยังวันนี้” “ร้องไห้เก่งเป็นนางเอกละครเชียว” ฯลฯ ความเป็นผมู้ ีอารมณ์ขนั จะช่วยทำให้ผ้ชู ว่ ยพยาบาลและผูป้ ่วยเกิดความรูส้ ึกเป็นกนั เอง ยอมรับและเผชิญความ เป็นจริงทีเ่ กดิ ข้นึ ได้ อารมณ์ขนั จงึ อาจเป็นยาท่ีวเิ ศษสุดสำหรบั ผปู้ ว่ ย ถ้ารูจ้ ักใชใ้ ห้พอเหมาะพอควร บทบาทและหน้าทีข่ องผู้ชว่ ยพยาบาล ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยบุคคลซึ่งช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาล ในความ ควบคุมของผู้ประกอบวชิ าชพี การพยาบาล การผดุงครรภ์ หรือการพยาบาลและการผดงุ ครรภ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ “การช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย” หมายความว่า การกระทำหรือการปฏิบัติต่อผู้ป่วยหรือการช่วยการ พยาบาลตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยบุคคลซึ่งช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาล ในความ ควบคุมของผปู้ ระกอบวชิ าชีพการพยาบาล การผดุงครรภ์ หรอื การพยาบาลและการผดุงครรภ์ “บุคคลซึ่งช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย” หมายความว่า บุคคลที่ผ่านการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตร ผ้ชู ่วยพยาบาลตามข้อบังคบั สภาการพยาบาล ว่าด้วยการรบั รองหลกั สูตรประกาศนยี บตั รผู้ช่วยพยาบาล “สถานพยาบาล” หมายความวา่ สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าดว้ ยสถานพยาบาล “ควบคุม” หมายความว่า การดูแลหรือการกำกับดูแลบุคคลซึ่งช่วยเหลือดูแลผู้ป่วย ต้องทำการ ชว่ ยเหลอื ดูแลผู้ป่วยภายใต้หลักเกณฑว์ ธิ ีการและเง่อื นไข ตามที่กำหนดในระเบยี บฯ ดังนี้ 1. การช่วยเหลอื ดแู ลผู้ป่วย จะกระทำได้เฉพาะ 1.1 ตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอื่ นไขที่กำหนดไวใ้ นระเบียบนี้ 1.2 การกระทำในสถานพยาบาล 1.3 การกระทำทไี่ ด้รับมอบหมาย และอยใู่ นความควบคุมของผู้ประกอบวชิ าชีพการพยาบาล ชั้นหน่ึง การผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง หรอื การพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนงึ่ 2. ให้บุคคลซ่ึงชว่ ยเหลือดูแลผู้ปว่ ย กระทำการชว่ ยเหลอื ดแู ลผู้ป่วยท่ีมอี าการในระยะไม่รุนแรง หรือ ในระยะทไี่ ม่เป็นอนั ตรายได้ ดังน้ี 2.1 การช่วยรบั ผปู้ ว่ ยทีผ่ า่ นการกล่ันกรองและวนิ จิ ฉยั แยกประเภทแลว้ 2.2 การช่วยยา้ ยและจำหน่ายผู้ปว่ ยจากหอผูป้ ว่ ย 2.3 การทำกิจกรรมเพอ่ื การช่วยเหลือดแู ลผปู้ ่วยและการบันทึกรายงาน (1) การสงั เกตอาการทัว่ ไป (2) การวัดอณุ หภมู ิ ชพี จร การหายใจ ความดนั โลหิต (3) การชง่ั น้ำหนักและวดั สว่ นสงู (4) การเตรียมและชว่ ยเหลือในการตรวจร่างกาย (5) การสังเกตและเก็บสง่ิ ส่งตรวจทางห้องทดลอง (6) การเก็บและตรวจหานำ้ ตาลในปัสสาวะ 2.4 การรักษาความสะอาดร่างกายผู้ป่วยและการเช็ดตัว เพ่อื ลดไข้
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 8 2.5 การช่วยเหลอื อุ้ม ยก พยงุ เคล่อื นยา้ ยผปู้ ว่ ยขณะอยู่ในท่ีนอน เปล รถเขน็ เก้าอ้ี หอ้ งนำ้ 2.6 การจดั เตรยี มและให้อาหารผปู้ ่วย 2.7 การชว่ ยเหลือผู้ป่วยในการถ่ายอุจจาระ ปสั สาวะ และ การชำระล้าง 2.8 การทำความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธุภ์ ายนอกของผ้คู ลอดและผ้ปู ่วยนรีเวช 2.9 การใช้ยาทาภายนอก 2.10 การปอ้ งกนั และควบคุมการแพรก่ ระจายของเชอ้ื โรค 2.11 การใหค้ วามรู้ด้านสุขวทิ ยาส่วนบคุ คล 2.12 การทำความสะอาดและจัดส่ิงแวดล้อมของผู้ป่วย เช่น ตู้ เตียง และอุปกรณ์ทางการแพทย์และ การพยาบาล การช่วยเหลือดแู ลผปู้ ่วยท่ีมีอาการในระยะรนุ แรง หรอื ในระยะที่อันตราย หรือการช่วยเหลือนอกจาก ที่กำหนดในระเบียบนี้ ให้กระทำได้เฉพาะกรณีหรือเฉพาะรายและต้องกระทำในลักษณะที่เป็นการช่วย หรือ กระทำรว่ มกับผู้ประกอบวิชาชพี การพยาบาล ช้ันหนง่ึ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบ วชิ าชพี การพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชัน้ หนึง่ นอกจากหน้าท่รี บั ผิดชอบตามระเบยี บฯผู้ชว่ ยพยาบาล ตอ้ ง 1. ปฏิบัตติ ่อบุคคลด้วยการยอมรับในคุณค่าของความเป็นคน 2. ปฏิบัติการดแู ลเบ้อื งต้นแกบ่ ุคคล ทุกชว่ งวัย ด้านการส่งเสริมสขุ ภาพ การปอ้ งกันการเกิด การเจ็บปว่ ย และการฟน้ื ฟูสภาพ ในบุคคลท่ีมีสุขภาพดี และปัญหาสขุ ภาพทไ่ี ม่ซบั ซ้อน 3. ปฏิบตั กิ ารช่วยเหลือดแู ลบคุ คลทเ่ี จบ็ ป่วยภายใต้การนเิ ทศของพยาบาลวิชาชพี 4. ปฏบิ ัตกิ ารช่วยเหลอื ดูแลบุคคลสุขภาพดี และเจบ็ ปว่ ย ด้วยความรับผดิ ชอบ เออ้ื อาทรโดย ยดึ หลกั กฎหมายและจรยิ ธรรม 5. ดำรงตนเป็นสมาชิกที่ดีของทีมสุขภาพตามขอบเขตหน้าที่รับผิดชอบ และเป็นพลเมืองดี ของสงั คม ขอบเขตหนา้ ทขี่ องผชู้ ่วยพยาบาล เป็นผู้ช่วยทําการพยาบาลตามที่พยาบาลวิชาชีพมอบหมายในการดูแลผู้ที่ต้องพึ่งพิงในเรื่องท่ี เกี่ยวข้องกับ สุขอนามัยและส่ิงแวดล้อม ทําหน้าที่ในการพยาบาลที่ไมย่ ุ่งยากซับซ้อนโดยช่วยเหลือผู้ปว่ ยตาม ความต้องการขั้น พื้นฐานในกิจวัตรประจําวัน ป้องกันภาวะแทรกซอ้ น และอันตรายต่าง ๆ สังเกตอาการ วัด สัญญาณชีพ และทําการบันทึกติดตามความเปลี่ยนแปลงของอาการ และอาการแสดงของโรค ช่วยเหลือ แพทยแ์ ละพยาบาล ในการ ตรวจและการรกั ษาพยาบาลต่าง ๆ จัดเตรยี มอุปกรณ์และสิ่งแวดล้อมให้การปฐม พยาบาลในภาวะฉกุ เฉนิ รวมทัง้ ใหก้ ารฟื้นฟสู ภาพตามแผนการรกั ษาพยาบาล (สภาการพยาบาล, 2561) เนื่องจากลกั ษณะของการปฏิบัติการพยาบาลมีขอบเขตกวา้ งขวาง และระดับยากงา่ ยแตกต่างกัน ตามปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการ จึงต้องการการทํางานเป็นทีม ร่วมกับพนักงานให้การดูแลและ ผู้ช่วยพยาบาลที่จะชว่ ยตอบสนองความต้องการของผู้ใชบ้ ริการให้ครบถว้ นมากทส่ี ุด สภาการพยาบาลจึงต้อง กําหนดหลกั เกณฑใ์ นการมอบหมายงานให้กับผูช้ ่วยพยาบาลและพนกั งานให้การดูแล ไว้ดงั น้ี
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 9 การเลือกมอบหมายงานบางอย่างโดยพยาบาลวิชาชีพให้กับผู้ช่วยพยาบาลและพนักงานให้การ ดูแล พยาบาลวชิ าชีพมีหน้าที่รบั ผิดชอบในเรื่องการพยาบาลและคุณภาพของการพยาบาลทีผ่ ูใ้ ช้บริการ ได้รับ ทัง้ หมด การประเมนิ ความต้องการการพยาบาล วางแผนการพยาบาล นําแผนการพยาบาลไปปฏบิ ตั แิ ละ การ ประเมินผล เป็นส่วนประกอบสําคัญและจําเป็นของการปฏิบตั ิการพยาบาลเชิงวชิ าชีพ พยาบาลวิชาชพี อาจ จําเปน็ ตอ้ งมอบหมายงานบางอยา่ งใหก้ บั ผชู้ ่วยพยาบาลและพนักงานให้การดูแล แต่ความรบั ผิดชอบงาน ที่ได้ มอบหมายไปนั้นยังคงตกอยู่กับพยาบาลวิชาชีพ ขอบเขตของการมอบหมาย และการนิเทศอาจ แตกต่างกันขึ้นอยู่ กับความซับซ้อนของระบบบริการ ความซับซ้อนของงาน ทักษะและประสบการณ์ของ ผู้ช่วยพยาบาลและ พนักงานให้การดูแล ตลอดจนภาวะความเจ็บปว่ ย ความสามารถและความตัง้ ใจในการมี ส่วนร่วมในการดูแล ตนเองของผู้ใช้บริการ ถึงแม้ว่าผู้ช่วยพยาบาลและพนักงานให้การดูแลจะทํางานเสริม พยาบาลวชิ าชีพในการ กระทาํ หน้าท่กี ารพยาบาล แตไ่ มใ่ ชท่ าํ งานทดแทนพยาบาลวิชาชีพ ความหมาย/คาํ จํากัดความที่เก่ยี วขอ้ ง มดี ังนี้ ผู้ที่ต้องพึ่งพิง หมายถึง ผู้ป่วยหรือผู้ใช้บริการที่มีข้อจํากัดในการดูแลตนเองในกิจวัตรประจําวัน จาก การเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวและ/หรือข้อจํากัดการเคลื่อนไหว อันเนื่องจากโรค ความ เจบ็ ปว่ ย บาดเจ็บหรือจากความสงู วยั กิจวัตรประจําวัน หมายถึง กิจกรรมต่อไปนี้คือ อาบน้ำ แต่งตัว สวมเสื้อผ้า การรักษาความ สะอาด ของผมช่องปากและฟันและผิวหนังปกติ การจัดเตรียมอาหาร การให้อาหาร การช่วยเคลื่อนไหวข้อ ต่าง ๆ การ ออกกําลังกาย การพลกิ ตะแคงตัว การเคลือ่ นย้าย การขบั ถ่าย การชว่ ยเหลอื ในการให้ยา การวัด อณุ หภมู ิ และ การสงั เกตบันทึกสัญญาณชีพ รวมท้งั อาการตา่ ง ๆ ผใู้ ชบ้ รกิ าร หมายถึง บคุ คลและครอบครวั หรือบคุ คลใกลช้ ดิ สาํ คญั ของผู้ปว่ ย การมอบหมายงาน หมายถึง การมอบหมายหน้าที่แก่ผู้ช่วยพยาบาลและพนักงานให้การดูแลใน การ ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้บริการ ช่วยเหลือพยาบาลและแพทย์ในการปฏิบัติการรักษาพยาบาล การฟืน้ ฟู สภาพ การปอ้ งกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ ภายใต้การกํากบั ดูแลและความรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ เกดิ ขนึ้ ของ พยาบาลวิชาชพี สิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย หมายถึง สถานที่ที่บุคคลที่อาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม อาจเป็นที่บ้าน วัด โรงเรยี น ที่ ทํางานทีซ่ ึง่ ผู้ใชบ้ ริการมีกิจกรรมร่วมกัน อาการเจ็บป่วยคงที่และทํานายได้ หมายถึง สถานการณ์ซึ่งอาการทางคลินิก พฤติกรรมและ ความ ต้องการการพยาบาลของผู้ใช้บริการคงที่ ไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงขึ้นๆลงๆ หรือสามารถคาดการณ์ได้ ทั้งนี้ รวมถึงผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่อยูใ่ นสถานดูแลซ่ึงคาดการณ์ว่าอาการของผูป้ ่วยจะเลวลง นอกเหนือจากน้ี เป็นคํา จํากัดความที่อาการทางคลินิก พฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้บริการอาจเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่ง พยาบาล วิชาชีพจําเปน็ ต้องประเมนิ ปญั หาและความต้องการใหม่ หลักเกณฑ์ท่วั ไปสําหรบั การมอบหมายงาน การมอบหมายงานให้กับผู้ช่วยพยาบาลจะต้องอาศัยหลักปฏบิ ตั ิดงั นี้ 1. กรณที ผี่ ปู้ ่วยรสู้ กึ ตัว ต้องให้ผู้ป่วยมีส่วนรว่ มในการให้ขอ้ มูลและประเมินความต้องการก่อนจะมี การมอบหมายงาน
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 10 2. งานท่ีมอบหมายจะต้องผา่ นการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงขอบเขตของการพยาบาล 3. งานที่มอบหมายจะต้องแน่ใจว่ากระทําแล้วเกิดความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายแก่ ผ้ใู ช้บรกิ าร คาํ นงึ ถึงความต้องการของผูใ้ ชบ้ ริการ ความร้แู ละทักษะของผูช้ ่วยพยาบาล 4. งานที่มอบหมายนนั้ ไมจ่ ําเปน็ ต้องใช้การตัดสินใจในการกระทาํ ยกเว้นในภาวะฉุกเฉนิ 5. พยาบาลจะต้องทําการนิเทศงานแกผ่ ู้ชว่ ยพยาบาลทมี่ อบหมายงาน 6. พยาบาลจะตอ้ งรบั ผิดชอบการกระทําและผลทีจ่ ะตามมาสําหรับงานทไี่ ด้มอบหมายไป ความรับผิดชอบของพยาบาลวชิ าชีพและการนเิ ทศงาน พยาบาลวิชาชีพจะต้องนิเทศงานทุกอย่างที่ได้มอบหมายให้แก่ผู้ช่วยพยาบาลตามหลักเกณฑ์ ตอ่ ไปนี้ 1. การนิเทศงานโดยพยาบาลวิชาชีพ ความถี่และความใกล้ชิดของการนิเทศงาน ขึ้นอยู่กับ ปัจจัย ต่อไปนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงของภาวะเจ็บป่วย ความสามารถ และการได้รับการฝึกฝนของผู้ช่วย พยาบาล และ ลักษณะของงาน ดังน้ี 1.1 ในสถานบริการสุขภาพ ศูนย์ฟื้นฟูสภาพ หรือคลินิก หรือผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน ที่ผู้ใช้บริการ มีอาการเปลี่ยนแปลง และมีพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติงานเป็นประจํา พยาบาลวิชาชีพจะต้องประเมินภาวะ สุขภาพ วางแผน ให้การพยาบาล และประเมินผลผู้ใช้บริการ รวมทั้งจะต้องพร้อมที่จะนิเทศงานผู้ช่วย พยาบาล 1.2 ในสถานพกั พิง เชน่ บ้านพกั ผูส้ งู อายุ วดั เป็นต้น พยาบาลตอ้ งประเมนิ ภาวะสขุ ภาพ วางแผน ให้การพยาบาล และประเมินผลเป็นระยะ ๆ ถ้ามีผู้ใช้บริการที่ภาวะสุขภาพเปลี่ยนแปลง และต้องการ การ พยาบาลที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะ พยาบาลวิชาชีพจะต้องรับผิดชอบในการสอน นิเทศงานแก่ผู้ช่วยพยาบาล ในงานท่มี อบหมายใหใ้ นสถานบริการสขุ ภาพเหลา่ น้ี 1.3 สถานทีท่ ีเ่ ปน็ ทีอ่ ยอู่ าศัยของผู้ใช้บรกิ าร เช่น บา้ น และผใู้ ชบ้ ริการมอี าการคงทไี่ มเ่ ปล่ียนแปลง ความต้องการการดูแลในเรื่องสุขภาพทํานายได้แน่นอน พยาบาลวิชาชีพต้องนิเทศงานเป็นระยะๆ เช่น เมื่อ ไดร้ บั การปรกึ ษาจากผู้ใช้บริการ ครอบครัว หรือผู้ช่วยพยาบาล 2. ถ้าพยาบาลวิชาชีพทํางานร่วมกับผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งมีการมอบหมายงานให้กับผู้ช่วย พยาบาล พยาบาลวิชาชีพจะต้องรับผิดชอบในการนิเทศงานที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการกระทําโดยผู้ช่วย พยาบาลจะเกิด ความปลอดภัย และชแี้ จงแกบ่ ุคลากรที่เกย่ี วขอ้ ง 3. เมื่อพยาบาลได้มอบหมายงานให้กับผู้ช่วยพยาบาล พยาบาลวิชาชีพจะต้องพร้อมที่จะสอน ให้ คําแนะนาํ และเป็นที่ปรึกษาโดยตรง หรอื ผา่ นระบบส่ือสาร หรือเทคโนโลยีตา่ ง ๆ 4. งานการพยาบาลทไี่ ม่ควรมอบหมายใหแ้ ก่ผู้ช่วยพยาบาล*** 4.1 การประเมินภาวะสุขภาพทั้งร่างกายและจิตสังคมของผู้ใช้บริการ ซึ่งต้องการการตัดสินใจ วินจิ ฉัยปัญหาและการบําบัดดูแล การสง่ ต่อหรอื ติดตามผล 4.2 การวางแผนการพยาบาลและการประเมินผลการตอบสนองของผู้ใช้บริการต่อการดูแลท่ี ได้รับ
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 11 4.3 งานเฉพาะทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การนาํ แผนการพยาบาลไปปฏบิ ัติ ซึง่ ต้องการการตัดสนิ ใจ 4.4 การสอนและให้คําปรึกษาเกี่ยวกับสขุ ภาพเพื่อการส่งเสรมิ การเรียนรู้ และช่วยให้ผู้ใช้บริการ รวมทงั้ ครอบครัวได้บรรลุเป้าหมายเก่ยี วกับสุขภาพ 4.5 การบริหารยา รวมทั้งการให้สารน้ำทางหลอดเลอื ดดาํ ยกเวน้ กรณใี นข้อ 3 การให้ยา ดงั กล่าว ตอ่ ไปน้ี งานการพยาบาลที่มอบหมายใหแ้ กผ่ ้ชู ว่ ยพยาบาล 1. งานเฉพาะที่มอบหมายให้ผู้ช่วยพยาบาลกระทําเป็นงานประจําแต่อยู่ภายใต้การนิเทศของ พยาบาลวิชาชีพ ไดแ้ ก่ 1.1 การทาํ หัตถการทไี่ ม่ยุ่งยาก ไมซ่ ับซอ้ น โดยไมท่ าํ ให้เกิดอนั ตรายทันทีถ้าไม่ปฏิบตั ติ าม ข้ันตอน Non-invasive) 1.1.1 การดดู เสมหะในผ้ปู ่วยผูใ้ หญท่ ี่มอี าการคงท่ี 1.1.2 การดูแลผูป้ ่วยทมี่ ี Tracheostomy tube ทม่ี ีอาการคงท่ี 1.1.3 การสวนปัสสาวะทิ้งในผู้ป่วยที่ไม่มีพยาธิสภาพของระบบทางเดินปัสสาวะ/การใส่ ถุงยาง อนามยั เพอื่ รองรับปัสสาวะ 1.1.4 การสวนอจุ จาระผู้ใหญ่และผสู้ งู อายทุ ี่ไมม่ ีพยาธสิ ภาพของระบบทางเดนิ อาหาร ส่วนลา่ ง 1.1.5 การประคบร้อน ประคบเย็นในผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุที่รู้สกึ ตัวดีและสามารถรับความรู้สึกได้ การ เก็บข้อมูล บนั ทกึ และรายงานข้อมูล ตอ่ ไปนี้ 1.2.1 สัญญาณชีพ น้ำหนัก ส่วนสูง ปริมาณน้ำดื่ม และปัสสาวะ การตรวจน้ำตาลใน ปัสสาวะ และตรวจความเขม้ ข้นของเลอื ด 1.2.2 ขอ้ มลู ทีเ่ ปลยี่ นแปลงไปจากเดิมแต่ผา่ นการประเมินจากพยาบาลวิชาชีพแล้ว 1.2.3 การตอบสนองต่อการพยาบาลของผูป้ ่วย 1.2.4 ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สถานการณ์ของส่ิงแวดล้อม 1.2.5 ความคิดเห็นของผใู้ ช้บริการและครอบครัวเก่ียวกับการดูแล 1.2.6 การสงั เกตและเกบ็ ส่งิ สง่ ตรวจทางหอ้ งทดลอง การเก็บและตรวจหาน้ำตาลใน ปสั สาวะ 1.2.7 การรกั ษาความสะอาดรา่ งกายผปู้ ่วยและการเชด็ ตวั เพื่อลดไข้ 2. งานเฉพาะท่ีมอบหมายให้ผู้ช่วยพยาบาลกระทําเปน็ งานประจําซง่ึ ผใู้ ช้บริการมีอาการคงท/ี่ ไมร่ ุนแรง 2.1 การช่วยในการเดิน การจัดทา่ การพลกิ ตวั 2.2 การดแู ลสขุ อนามัย การขับถ่าย การอาบน้ำทารก การเชด็ ตัวลดไข้ 2.3 การใหอ้ าหาร การเตรยี มถาดอาหาร 2.4 การให้อาหารและน้ำทางสายยางสูก่ ระเพาะอาหารและลําไส้ 2.5 การดแู ลในกิจวัตรประจําวัน 2.6 กิจกรรมทางสังคม เชน่ การให้ผู้ปว่ ยเข้ารว่ มกลุ่ม
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 12 2.7 การช่วยเหลือพยาบาลวชิ าชีพให้ผปู้ ่วยเรียนรเู้ รื่องสขุ ภาพ 2.8 การฟื้นฟสู ภาพตามแผนการรกั ษาพยาบาล 2.8.1 การเคล่อื นไหวและการบริหารร่างกาย 2.8.2 การจดั ทา่ พลิกตวั 2.8.3 การบริหารร่างกาย ข้อ และกล้ามเนื้อผู้ป่วย (passive and active exercise) ตาม แผนการรักษาพยาบาล 2.9 การประเมินสภาพของผู้ป่วยโดยใชเ้ ครื่องมือง่ายๆ ได้แก่ อาการเจ็บปวด การพลัดตกหกล้ม ลักษณะผิวหนังที่ผิดปกติ เช่น ลักษณะผิวหนังที่เกิดจากการผกู ยึด ลักษณะผิวหนังที่เสีย่ งต่อการเกิดแผลกด ทับ เปน็ ตน้ 2.10 การดแู ลผ้ปู ่วยท่เี สยี ชวี ติ 2.11 การช่วยฟน้ื คนื ชีพระดบั พื้นฐาน 2.12 การปอ้ งกันและควบคมุ การแพร่กระจายของเชอ้ื โรค 2.13 การทาํ ความสะอาดอวยั วะสบื พนั ธ์ภุ ายนอกของผู้คลอดและผู้ป่วยนรีเวช 2.14 การช่วยรบั ผู้ปว่ ยทผี่ า่ นการกลน่ั กรองและวินจิ ฉัยแยกประเภทแล้ว 2.15 การชว่ ยยา้ ยและจําหนา่ ยผูป้ ่วยจากหอผ้ปู ่วย 2.16 การเตรียมและชว่ ยเหลอื ในการตรวจรา่ งกาย 3. การให้ยา การมอบหมายเกย่ี วกับการให้ยา กระทาํ ได้ในกรณี ตอ่ ไปน้ี 3.1 ในสถานบริการสุขภาพที่จัดให้มีพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติงานเป็นประจํา ได้แก่ สถานพักฟ้ืน ระยะยาว (Long-term care) ซงึ่ พยาบาลวชิ าชพี จะต้องประเมินภาวะสขุ ภาพ วางแผน ให้การพยาบาล และ ประเมนิ ผล ผ้ชู ว่ ยพยาบาลจะต้องได้รับการฝึกฝนเรือ่ งการให้ยาโดยเฉพาะ 3.2 ในสถานที่ที่ผู้ใช้บริการอาศัยอยู่อย่างอิสระ ภาวะการเจ็บป่วยคงที่หรือคาดการณ์ได้และ ผู้ใช้บรกิ ารสามารถมสี ว่ นรว่ มในการดูแลตนเอง พยาบาลวชิ าชพี สามารถมอบหมายให้ผ้ชู ่วยพยาบาลให้ยาแก่ ผปู้ ว่ ย เชน่ ใหย้ าทางปากหรือทางท่อให้อาหาร อมใตล้ ิน้ หรอื ใหย้ าเฉพาะท่ีได้ และผู้ชว่ ยพยาบาลจะตอ้ งได้รับ การฝึกอบรมเรอื่ งการให้ยา อย่างเป็นระบบ โดยพยาบาลวิชาชพี มกี ารนเิ ทศงานอยา่ งน้อยสปั ดาหล์ ะคร้ังหรือ เม่ือมีการปรบั เปลีย่ นยา 3.3 พยาบาลวิชาชีพจะตอ้ งไมม่ อบหมายงานเก่ียวกับการให้ยาต่อไปน้ีไม่วา่ ในกรณีใด 3.3.1 คาํ นวณขนาดของยา พยาบาลวิชาชีพจะตอ้ งเปน็ ผู้คํานวณขนาดยาดว้ ยตนเอง ยกเว้นการ ตวงยาน้ำ การหักเม็ดยา 3.3.2 การเรม่ิ ยาใหม่เปน็ ครัง้ แรก 3.3.3 การฉีดยา 3.3.4 การให้ยาพ่นผา่ นเคร่อื งช่วยหายใจ 3.3.5 รับคาํ ส่งั การใหย้ าจากแพทย์ ทนั ตแพทย์ 3.3.6 การสง่ั ยาให้ผูป้ ว่ ย 4. พยาบาลวิชาชีพต้องไม่มอบหมายงานต่อไปนใี้ หเ้ ปน็ งานประจาํ ของผูช้ ่วยพยาบาล
วิ ช า ห ลั ก ก ฎ ห ม า ย ข อ บ เ ข ต แ ล ะ จ ริ ย ธ ร ร ม ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ห น ้ า | 13 4.1 การทําหตั ถการทต่ี อ้ งอาศัยเทคนิคปลอดเชอื้ หรือหัตถการทอ่ี าจติดเชอ้ื ได้ 4.2 การทาํ หัตถการทต่ี ้องอาศัยเทคนิคปลอดเชอ้ื เชน่ การทําแผลลกึ หรอื แผลไหม้ลกึ 4.3 การทําหตั ถการทีม่ ีความเสี่ยง เชน่ การใส่สายคาเขา้ สูอ่ วัยวะหรือใสส่ ารบางอยา่ งเข้าไป 4.4 การทําแผลลึกๆ ที่ไม่ใช่การให้การพยาบาลฉกุ เฉิน งานการพยาบาลตามขอ้ 4.1 – 4.4 หากจะมอบหมายใหก้ บั ผู้ชว่ ยพยาบาลต้องดําเนินการ ภายใต้ ข้อตกลง ดังนี้ (1) พยาบาลวิชาชีพต้องพิจารณาว่าเกิดความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายกับผู้ใช้บริการ และ ผใู้ ช้บริการรสู้ กึ ปลอดภยั (2) พยาบาลวิชาชีพจะต้องพิจารณาถึงความรู้ ทักษะของผู้ช่วยพยาบาล และต้อง คํานึงถึงความ ปลอดภยั และสวสั ดิภาพของผู้ใช้บรกิ าร (3) พยาบาลวิชาชีพท่ีมอบหมายงานให้กบั ผชู้ ว่ ยพยาบาลจะตอ้ งรับผิดชอบผู้ใชบ้ รกิ าร โดยตรง (4) แม้สถาบันหรือโรงพยาบาลจะว่าจ้างผู้ช่วยพยาบาลแต่พยาบาลวิชาชีพจะต้อง กําหนดข้อ ปฏบิ ัติ (protocol) ในการทํางาน เพื่อการสอน การให้คําแนะนํา และฝึกฝนผชู้ ่วยพยาบาลโดยข้อปฏิบัติต้อง มลี ักษณะ ดงั น้ี (4.1) ข้อปฏบิ ตั จิ ะตอ้ งชใ้ี ห้เหน็ ถงึ ลกั ษณะของงานท่มี อบหมาย (4.2) ความสามารถในการทาํ งานของผู้ช่วยพยาบาล (4.3) กลไกในการประเมินความสามารถของผูช้ ว่ ยพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ เอกสารอ้างอิง แสงทอง ธีระทองคำ และไสว นรสาร. (2561). กฎหมายสำหรับพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ:คณะ แพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี มหาวิทยาลัยมหดิ ล. อรัญญา เชาวลิต, ทัศนีย์ นะแส. (2559). การจัดการศึกษาจริยศาสตร์ในหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต. วารสารพยาบาลสงขลานครนิ ทร์, 36(พเิ ศษ), หน้า 183 – 195. รตั นา ทองแจม่ และพระครภู าวนาโพธิคุณ. (2563). จรยิ ธรรมในการปฏิบัตกิ ารพยาบาล. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาจุฬาขอนแก่น, 7(1), หนา้ 29 – 44. วรัฐกานต์ ศวพรวิพุธ. (2559). มาตรฐานการพยาบาล: กระบวนการพยาบาล และจริยธรรมวิชาชีพ. วารสาร กฎหมายสขภาพและสาธารณสุข, 2(3), หน้า 393 – 400 สภาการพยาบาล. (2561). ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง นโยบายสภาการพยาบาลเกี่ยวกบั กำลงั คนในทมี การพยาบาล. (ออนไลน)์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.tnmc.or.th/images/userfiles/files/003(1).pdf
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: