ÇÔ¸ÊÕ Í¹áºº ¸ÃÃÁªÒµÔ (Natural Approach)
ÇÔ¸ÊÕ Í¹áºº¸ÃÃÁªÒµÔ (NATURAL APPROACH) การสอนภาษาเพือให้ผู้เรยี นเรยี นรูอ้ ย่างเปน ธรรมชาติ มีจุดมุ่งหมายเพือให้ผู้เรยี นภาษา อังกฤษระดับเรมิ ต้น มีกระบวนการเรยี นรู้ อย่างเปนธรรมชาติในบรรยากาศทีผ่อนคลาย ผู้เรยี นซึมซับความรู้ โดยไม่รูต้ ัวโดยไม่ลืมไป ว่ากําลังเรยี นอยู่
แนวคดิ วิธธี รรมชาติ (The Natural Approach) ทคี ราสเชนและ เทอร์เรล (Krashen & Terrell, 1983) ไดพ้ ัฒนาขึนโดยยดึ ทฤษฎีการเรียนรู้ภาษาทสี อง (second language acquisition theory) ของคราสเชน (Krashen, 1987 ) นนั เปนวิธีทใี ช้สําหรบั พัฒนาทกั ษะการสือสารเบืองต้น เปนรายบคุ คลในด้านทกั ษะการ พูด ซงึ เปนวิธที ชี ่วยให้ผเู้ รยี นใชภ้ าษาสือสาร ได้ตามธรรมชาติ มีหลักการทีสําคัญดังตอ่ ไปนี คือผ้เู รยี นตอ้ งมีความเขา้ ใจ (comprehension) ก่อนทีจะสามารถแสดงออก (production) จากการทผี ูเ้ รยี นมคี วามเข้าใจในสิงทไี ด้ฟง อย่างเพียงพอ ทีจะนาํ ไปสู่การพูดไดอ้ ยา่ งดี แล้วผ้เู รียนจะ ตอ้ งไดร้ ับตัวปอนหรือขอ้ มูลทีเขา้ ใจได้ (comprehensible input) โดยทผี ้สู อนจะต้องเปนผ้ชู ว่ ย ให้ผู้เรียนมคี วามเขา้ ใจ ตลอดเวลา อกี ทังการแสดงออกของผเู้ รยี นจะคอ่ ยๆเกิดขึน
ผู้เรียนจะไมถ่ ูกบงั คบั ใหพ้ ูดจนกวา่ จะพรอ้ ม ซงึ ผูเ้ รียนสามารถใชท้ า่ ทาง ใน การตอบสนองคาํ ถามของผู้สอนในขันแรก จากนนั อาจตอบสนองโดยใชค้ ํา คําเดยี วหรือวลีสันๆ จนกระทงั ใชค้ ําพูดทซี บั ซอ้ นตามลาํ ดบั นอกจากนีในการ แสดงออกของผเู้ รยี น จะไม่ไดร้ บั การแก้ไขคําพูดทีผดิ หากสามารถสือสารได้ และในหลกั สูตรทีใชจ้ ะมีจดุ ประสงค์ เพือการสือสาร การสอนจะไมเ่ นน้ การ สอนโครงสรา้ ง แต่จะเปนการสอนตามหัวขอ้ หรือสถานการณท์ เี ปนการใช้ ภาษาตามหน้าที กจิ กรรมทีใช้ในชนั เรยี นจะต้องเปนกิจกรรม ทีมุ่งเนน้ ให้ผู้ เรยี นได้รับรูแ้ ละชว่ ยลดแรงต้านทางความรูส้ ึก (lowering affective filter) ต้องเปนเรอื งทีอย่ใู นความสนใจของผู้เรยี น อีกทงั ชว่ ยกระตุ้นใหผ้ ้เู รยี นแสดง ความคดิ เหน็ ความต้องการ อารมณ์ และความรู้สึก โดยทผี ้สู อนตอ้ งจดั สภาพ แวดล้อมเพือให้ผเู้ รียนลดความวิตกกงั วล และยังช่วยให้ผู้เรยี นมีความสัมพันธ์ ทดี ีต่อกันอกี ด้วย
§Ò¹Ç¨Ô ÑÂàÃÍè× § ¡Òþ²Ñ ¹Ò·¡Ñ ÉСÒþٴÀÒÉÒ꤄ ¡ÄÉ ¢Í§¹Ñ¡àÃÂÕ ¹ÃдºÑ ª¹éÑ »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»·Õè1 ·¨èÕ ´Ñ ¡Òà àÃÕ¹ÃâÙ ´Âãªá¹Ç¤´Ô ÇÔ¸¸Õ ÃÃÁªÒµÔ
à¹éÍ× ËÒ·èãÕ ªã ¹¡ÒÃÇ¨Ô Ñ เนือหาทีใช้ในการทดลองครงั นี ผู้วิจัยใช้เนือหาตามหลักสูตร การศึกษาขันพืนฐานพุทธศักราช 2551 และหลักสูตรของโรงเรยี นผดุงราษฎร์ ชันประถมศึกษาปที 1 กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) แบ่งออกเปนเรอื งต่างๆดังนี 1. Body 2. Color 3. Number 4. Animal
ÇÔ¸Õ´íÒà¹Ô¹¡ÒÃÇԨѠวิธีดาํ เนินการวิจัยมี 3 ขันตอน ตามแนวคิควิธีธรรมชาติ ของคราสเชนและเทอรเ์ รล (Krashen & Terrell, 1983) ดังนี
1.¢¹Ñé ¹íÒàʹÍ(PRESENTATION) เปนขันตอนของการนาํ เข้าสู่บทเรยี น ครูผู้สอนจะมีบทบาทมาก ในขันตอนนี โดยครูผู้สอนจะเปนผู้สรา้ งบรรยากาศ ภายในห้องเรยี น เพือไม่ให้นักเรยี นเกิด ความวิตกกังวล จากนันครูผู้สอนเปนผู้ ให้ตัวปอนเข้าทีมีความหมายกับ นักเรยี น เพือเปนการให้เนือหา โครงสรา้ งของภาษา คําศัพท์ และการ สือความหมาย เพือแสดงจุดมุ่งหมาย ของครูผู้สอน ให้นักเรยี นได้ทราบว่า นักเรยี นกําลังจะได้เรยี นเกียวกับอะไร
2. ¢¹éÑ ¡Òý¡ ½¹ (PRACTICE) ในขันตอนนีนักเรยี นจะเข้ามามีบทบาทมากขึน หลังจากที ได้รบั ตัวปอนเข้าทีเข้าใจจากครูผู้สอน ในปรมิ าณทีเพียงพอ ต่อการสรา้ งภาษาพูดแล้วโดยครูผู้สอนจะใช้อุปกรณ์หรอื กิจกรรมต่างๆ เพือช่วยในการฝกทักษะการพูด เช่นเกม รูปภาพ บัตรคํา การต์ ูน เครอื งเล่นเทป เปนต้น เพือช่วย ส่งเสรมิ การสอน และเพือสรา้ งความเข้าใจให้กับนักเรยี น เพิมมากขึน
3. ¢é¹Ñ ¡ÒÃãªÀÒÉÒ (Production) ในขนั ตอนนเี ปนขนั ตอนทีนกั เรยี น รว่ มกันทํา กิจกรรมทีต้องอาศัยการตอบคําถามต่างๆ โดยที คําถามเหล่านนั เกียวขอ้ งกับสงิ ทีไดเ้ รยี นมา หรอื อาจจะมกี ารจดั กิจกรรมทีมกี ารพูดเขา้ มาเกียวขอ้ ง ซงึ กิจกรรมต่างๆนี มุง่ เนน้ ทีจะชว่ ยสรา้ งความ เขา้ ใจในการเรยี นรภู้ าษา เพอื ทีนกั เรยี นจะสามารถ นาํ ความรทู้ ีได้ ไปพฒั นาความสามารถในการพูด ภาษาเปาหมายต่อไป
ÊÃ»Ø áÅÐÍÀ»Ô ÃÒ¼Å
ÊÃ»Ø áÅÐÍÀÔ»ÃÒ¼Šประการแรกผู้สอนทําการสอนโดยเรมิ จากการสอน เรอื งที ง่ายก่อนและใช้สือการสอนต่างๆ เช่นรูปภาพ เพลง เกมและ สิงของต่างๆ เพือช่วยเพิมความเข้าใจให้กับนักเรยี น ผู้สอนมี การออกเสียง เพือให้นักเรยี นเกิดความเคยชินหลังจากนันจึง เพิมความยากของตัวปอนเข้า ให้สูงกว่าความรูป้ จจุบันของ นักเรยี นอยู่เล็กน้อย ผ่านการสอนคําศัพท์ วลี และ ประโยค อย่างง่ายโดยนาํ ความรูด้ ้านคําศัพท์ มาประยุกต์ใช้กับการ เรยี น กิจกรรมการเรยี นการสอนข้างต้นสอดคล้องกับ สมมติฐานด้านตัวปอนเข้า (the input hypothesis) ของ แนวคิควิธีธรรมชาติ (Krashen&Terrell, 1983)
ประการทีสองผสู้ อนไดน้ าํ เกม นทิ าน เพลง และกิจกรรมต่าง ๆ มาชว่ ยใหน้ กั เรยี นเกิดความสนกุ สนาน และก่อใหเ้ กิดแรงจูงใจใน การเรยี นเชน่ การนาํ เกม \"simon Says\" มาชว่ ยสอนในเรอื ง Body ซงึ ใหพ้ ูดวา่ \"Simon Says\"“ Touch your nose \"ซงึ เปนการสอน ประโยคคําสงั ใหแ้ ก่นกั เรยี นทางอ้อม ยงิ ไปกวา่ นนั การเล่นเกมอยา่ ง ง่าย ทีเดก็ สามารถทําไดจ้ ะชว่ ยเพมิ ความมนั ใจของนกั เรยี นซงึ สอดคล้อง กับสมมติฐานการกลันกรองทางจติ ใจ (the affective Filter hypothesis) นกั เรยี นจะสามารถเรยี นภาษาทีสองไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ ถ้านกั เรยี นมแี รงจูงใจในการเรยี นมคี วามมนั ใจใน ตนเองและปราศจากความวติ กกังวล (Krushen&Terrell, 1983)
ผลการศึกษาหลังการจดั การเรยี นรพู้ บวา่ ระดบั ทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนกั เรยี นอยูใ่ น ระดบั ดคี ิดเปนรอ้ ยละ 75.63 จากผลของระดบั ทักษะการพูดทีออกมาเปนทีนา่ พอใจอยา่ งยงิ
¨´Ñ ·Òí â´Â ¹Ò§ÊÒÇ »Â ¹ªØ ÇÒ§âµ ÃËÊÑ 205 ¹Ò§ÊÒÇ à¾ç ¹ÀÒ ËÅÒ Ç§È ÃËÑÊ207
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: