Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผู้นำนันทนาการ

ผู้นำนันทนาการ

Published by 945sce00472, 2020-05-31 23:50:52

Description: ผู้นำนันทนาการ

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ ผู้นานันทนาการเบื้องต้น ผู้นานันทนาการ (Recreation Leader) หมายถึง บุคคลท่ีมีหนา้ ท่ีจดั การบริการแนะนาช่วยเหลือให้บุคคล หรือหมู่คณะไดเ้ ลือกกิจกรรมนนั ทนาการที่จะเขา้ ร่วมตามตอ้ งการ ตามความสนใจของแต่ละบุคคลใหเ้ ขาไดร้ ับ ความพอใจ ความสุขเพลิดเพลินจากกิจกรรม นันทนาการน้ัน ส่วนศิลปะการเป็ นผู้นาทางนันทนาการ (Leadership in Recreation) น้นั หมายถึง ศิลปะ หรือวธิ ีการต่าง ๆ ท่ีผนู้ านนั ทนาการจะนาไปใชเ้ พ่ือให้ผูเ้ ขา้ ร่วม ไดร้ ับ ประสบการณ์มีความพึงพอใจ มีทศั นคติและมีความสนใจในกิจกรรมนนั ทนาการ ความสาคัญของผู้นานันทนาการ ผูน้ านันทนาการมีความสาคัญต่อการนันทนาการมาก นอกจาก มีหน้าท่ีดงั กล่าวแล้ว จะต้องมีหน้าที่ให้การระวงั รักษาความปลอดภยั แก่ผูเ้ ขา้ ร่วม และจะตอ้ งเป็ นผูจ้ ดั การ วางโครงการ เป็ นผูส้ อนให้เจา้ หน้าที่วิทยาการและนิเทศในดา้ นนนั ทนาการ จึงกล่าวไดว้ า่ ผูน้ าเปรียบประดุจ หัวใจของนันทนาการก็ว่าได้ ฉะน้ันผูน้ านันทนาการจึงต้องเรียนรู้วิธีการศิลปะต่าง ๆ ของการเป็ นผูน้ า นนั ทนาการเพื่อประโยชนส์ ูงสุดของบุคคลที่เขา้ ร่วมกิจกรรมนนั ทนาการ จุดมุง่ หมายของการเป็นผนู้ านนั ทนาการ คือ การใหค้ าแนะนา ใหบ้ ริการ ดูแล และทาให้กิจกรรมนนั ทนาการใน ยามวา่ งเป็ นที่น่า สนใจแก่ผูร้ ่วมกิจกรรม แต่ตอ้ งไม่ใชว้ ิธีการบงั คบั หลกั ของผูน้ านนั ทนาการ ผนู้ านนั ทนาการ จะตอ้ งมีหลกั การที่สาคญั ๆ ในการดาเนินการเพ่ือใหป้ ระสบความสาเร็จในการจดั งานดงั น้ี 1. ผนู้ านนั ทนาการจะตอ้ งเห็นความสาคญั ของนนั ทนาการวา่ เป็ นส่ิงที่จาเป็ นของ ชีวิตอยา่ งหน่ึงในอนั ที่จะช่วยพฒั นาคุณภาพชีวติ ให้มีความสุข ดงั น้นั จะตอ้ งเขา้ ใจถึงวิธีการ เลือกกิจกรรมนนั ทนาการเพ่ือช่วยใน การพฒั นาคุณภาพชีวติ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม 2. ผนู้ านนั ทนาการจะตอ้ งเขา้ ใจและยอมรับในเร่ืองความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ของสมาชิกภายในกลุ่ม และตอ้ งหาวธิ ีการดาเนินงานเพ่ือใหส้ อดคลอ้ งกบั ความจาเป็ นตาม สภาพดงั กล่าว 3. ผูน้ านนั ทนาการจะตอ้ งเขา้ ใจถึงเร่ืองราวของการเล่นและการพกั ผ่อน ตลอดจน เห็นคุณค่าของท้งั สองอยา่ งน้ีเพื่อจะช่วยใหก้ ารจดั ดาเนินงานไดต้ อบสนองส่ิงเหล่าน้ีไดถ้ ูกตอ้ ง 4. ผนู้ านนั ทนาการจะตอ้ งคอยติดตามการดาเนินงานตามโครงการอยา่ งใกลช้ ิด โดยตลอด เพ่ือให้ทราบ ถึงกระบวนการต่าง ๆ วา่ มีผลอยา่ งไรต่อสมาชิก เพือ่ จะไดป้ รับปรุง แกไ้ ขต่อไป นอกจากน้ียงั จะช่วยใหท้ ราบวา่ การดาเนินงานน้นั เป็นไปตามเป้าหมายมากนอ้ ย เพยี งใด

5. ผนู้ านนั ทนาการจะตอ้ งดาเนินงาน โดยใชเ้ คร่ืองมือและวสั ดุอุปกรณ์ และทรัพยากร ท่ีมีอยูใ่ หด้ ีที่สุด หรือใหเ้ ตม็ ประสิทธิภาพมากที่สุด 6. ผูน้ านนั ทนาการจะตอ้ งพยายามหาวิธีการดาเนินงานโดยลดการแข่งขนั ซ่ึงกนั และกนั ควรเน้นให้ สมาชิกไดท้ างานร่วมกนั มากกวา่ การแก่งแยง่ ชิงดี 7. ผนู้ านนั ทนาการจะตอ้ งใชค้ วามระมดั ระวงั เป็ นกรณีพิเศษ ถา้ หากวา่ การดาเนินงาน กิจกรรมน้นั เป็ น การเปลี่ยนแปลงวฒั นธรรมของสังคมที่เห็นวา่ ไม่สมควร ผนู้ าจะตอ้ งรู้วธิ ีประยกุ ต์ กิจกรรมตา่ ง ๆ เพื่อใหเ้ กิดการ เปลี่ยนแปลงดงั กล่าว 8. ผนู้ านนั ทนาการควรตอ้ งศึกษาคน้ ควา้ ถึงเรื่องราวเกี่ยวกบั วฒั นธรรมทางสังคม และควรนามาปลูกฝัง เพื่อใหส้ มาชิกไดร้ ับส่ิงดงั กล่าว ซ่ึงจะส่งผลต่อการอยรู่ ่วมกบั สงั คมตอ่ ไป 9. ผูน้ านนั ทนาการควรหาทางส่งเสริมให้ชุมชนช่วยเหลือสนบั สนุนในการจดั บริการ ทางนนั ทนาการ แก่คนที่มีความบกพร่องทางกาย และการจดั กิจกรรมต่าง ๆ ทางนนั ทนาการ ควรจะตอ้ งหาทางป้องกนั การเกิด ปัญหาตา่ ง ๆ ท่ีอาจเกิดข้ึนดว้ ย 10. ผูน้ านันทนาการที่สามารถประสบความสาเร็จในการจดั ดาเนินงานไดน้ ้ันจะตอ้ งเป็ นผูท้ ่ีมีความ รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี กลา้ ทาและทดลองหรือคน้ หาขอ้ มูลตา่ ง ๆ เพ่ือใหไ้ ด้ รายละเอียดท่ีเป็ นจริงในสังคม ซ่ึงเป็ น ประโยชนใ์ นการจดั ทาโครงการใหบ้ รรลุตามความเป็นจริง และความตอ้ งการ กิจกรรมกลุ่มสมั พนั ธ์ เป็นกิจกรรมเพื่อสร้างความคุน้ เคยระหวา่ งบุคคลหรือระหวา่ ง องคก์ ร รวมท้งั เพื่อ การทางานเป็ นทีมและเพ่ือการสังเกตพฤติกรรมของบุคคลหรือกลุ่ม ตลอดจน การจดั ฝึ กอบรมของหน่วยงาน ต่าง ๆ ท้งั ของภาครัฐและเอกชน ซ่ึงกิจกรรมกลุ่มสัมพนั ธ์เป็ นการสร้างความคุน้ เคยให้กบั สมาชิกผูเ้ ขา้ รับการ อบรม มีความจาเป็ นอย่างยิ่งสาหรับการ จดั ฝึ กอบรมแต่ละคร้ัง เพราะเป็ นการกระตุ้นให้ผูเ้ ข้าอบรมกล้า แสดงออกมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามวตั ถุประสงค์ของการฝึ กอบรม และจะทาให้การดาเนินการ ฝึ กอบรมเป็ นไปด้วยความราบร่ืน นอกจากน้ันเป็ นการเตรียมความพร้อมให้กับผูเ้ ข้าอบรม และเป็ นการ เสริมสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อการบริหารงานในกลุ่มหรือองคก์ ร ความหมายของกลุ่มสัมพนั ธ์ หมายถึง 1. กิจกรรมที่ทาใหก้ ลุ่มไดเ้ รียนรู้ถึงพฤติกรรม ทศั นคติ และการเขา้ ใจคน 2. กิจกรรมที่ทาใหก้ ลุ่มเรียนรู้วธิ ีแกไ้ ขปัญหา พฒั นาตนเอง เกิดการยอมรับจากผอู้ ื่น 3. การเรียนรู้ปฏิกิริยาภายในกลุ่ม และกระตุน้ ใหบ้ ุคคลเกิดการเปล่ียนแปลงเพ่อื การอยรู่ ่วมกนั ในสังคม

4. การใชก้ ระบวนการกลุ่มนามาเป็นแนวทางทาใหเ้ กิดความร่วมมือที่ดีต่อการพฒั นาองคก์ ร ประโยชน์ของการจัดกจิ กรรมกล่มุ สัมพนั ธ์ 1. เพอื่ ใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อยา่ งเตม็ ที่ 2. การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้จากกิจกรรม จะช่วยใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมรู้จกั และสนใจตวั เองดียง่ิ ข้ึน 3. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมสนุกสนาน ไม่เกิดความรู้สึกวา่ ถูกสอนและสามารถเรียนรู้ได้ ในระยะเวลาอนั ส้นั 4. เป็นแนวทางในการพฒั นาบุคลากร และการรู้จกั แกป้ ัญหาท้งั ส่วนตนและส่วนรวม 5. ช่วยใหเ้ กิดทศั นคติท่ีดีตอ่ กนั มีความเขา้ ใจ เห็นใจกนั ลดการขดั แยง้ 6. ช่วยส่งเสริมใหก้ ารทางานรวมพลงั กนั เป็นทีมไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 7. ช่วยให้ผลงานเป็ นไปตามเป้าหมายและได้มาตรฐานเป็ นการเสริมสร้างพลงั ขององค์กร โดยบุคลากรที่มี ประสิทธิภาพ 8. ช่วยส่งเสริมในการพฒั นาการดา้ นร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และผอ่ นคลาย ความตึงเครียด นันทนาการ (Recreation) คือ กิจกรรมที่สมคั รใจทาในยามวา่ ง เพ่ือให้เกิดความเพลิดเพลิน ผอ่ นคลายความตึง เครียดท้งั ร่างกายและจิตใจ นนั ทนาการ การเล่น และความสนุกสนาน ไม่สงวนไวแ้ ต่มนุษย์ แต่พบไดใ้ นสัตว์ เกือบทุกชนิด การเล่นช่วยพฒั นาทกั ษะต่าง ๆ โดยเฉพาะทกั ษะการเคล่ือนไหวในส่ิงมีชีวติ วยั เยาว์ การเป็ นผู้นาเกม ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั เกม เกม เป็ นกิจกรรมที่เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายและเป็ นการเล่นที่ดีจะตอ้ งได้รับการอธิบายแนะนา และสาธิตให้เด็กยอมรับเพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจในการเล่นอยา่ งถูกวธิ ี ยอมปฏิบตั ิตาม กฎ กติกาและร่วมเล่นกนั อยา่ งมีระเบียบแบบแผนแต่ที่สาคญั คือ การเล่นเกมตอ้ งทาใหเ้ ด็กเกิดความสนุกสนาน ร่าเริง และช่วยเสริมสร้าง สุขภาพทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คม ไปพร้อม ๆ กนั ดว้ ย เกม เป็ นกิจกรรมที่นามาใช้เพื่อความสนุกร่ืนเริง ผอ่ นคลายอารมณ์ เป็ นกิจกรรมนอก แบบที่สามารถ นามาประยกุ ตด์ ดั แปลงใชใ้ หเ้ หมาะกบั โอกาส เวลา หรือช่วงจงั หวะท่ีอานวยให้ ซ่ึงกิจกรรมน้นั ๆ สามารถนามา ประยกุ ตด์ ดั แปลงจดั ใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีการแสดงออก โดยมุ่งหมาย เพ่ือใหเ้ กิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน ตลอดจน ได้รับทกั ษะต่าง ๆ ที่สามารถนาไปสู่การพฒั นา ในด้านต่าง ๆ ท้ังด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา

ความหมายของเกม เกม หมายถึง กิจกรรมการเล่นท่ีมีกฎ กติกาง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อนสามารถ เปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม เพอื่ ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์หรือสิ่งแวดลอ้ มน้นั ๆ โดยมี จุดประสงคเ์ พื่อความ สนุกสนานเพลิดเพลิน ความสาคญั ของเกม 1. ทาใหม้ ีจิตใจสดชื่น แจ่มใส เบิกบาน สนุกสนาน ร่าเริง และสมองปลอดโปร่งไมเ่ คร่งเครียด 2. ทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง มีสมรรถภาพที่ดี 3. มีอารมณ์มน่ั คง และสามารถปรับตวั เขา้ กบั สังคมได้ 4. ทาใหเ้ กิดความเชื่อมนั่ ในตนเองกลา้ แสดงออกในทางท่ีถูกตอ้ งและอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งสนั ติสุข 5. ทาใหเ้ กิดการกระตุน้ ดา้ นปฏิภาณไหวพริบในการเล่น คิดอยา่ งสร้างสรรคแ์ ละ แกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ไดด้ ี 6. ทาใหเ้ กิดพฒั นาการดา้ นภาวะผนู้ าและเป็นผตู้ ามท่ีดี 7. ทาใหเ้ กิดการชื่นชอบและช่ืนชมในภูมิปัญญาไทย วฒั นธรรม และประเพณีทอ้ งถ่ิน 8. ทาใหเ้ กิดทกั ษะพ้นื ฐานท่ีดีที่สามารถนาไปใชใ้ นการเล่นกีฬาใหญไ่ ดด้ ี คุณสมบตั เิ ฉพาะของผ้นู านันทนาการ ผนู้ านนั ทนาการท่ีดีควรมีลกั ษณะท่ีพึงปรารถนาดงั ตอ่ ไปน้ี 1. รู้สึกและเขา้ ใจในคุณค่าของชีวติ และเกียรติของบุคคล 2. เขา้ ใจในความสนใจและความตอ้ งการของสมาชิกท่ีเขา้ ร่วมกิจกรรมนนั ทนาการ 3. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของความร่าเริงในชีวติ และศิลปะการดาเนินชีวติ 4. พร้อมที่จะบริการกิจกรรมนนั ทนาการแก่บุคคลที่เขา้ ร่วม 5. กระตือรือร้นในหนา้ ที่การงาน 6. มีทกั ษะในกิจกรรมนนั ทนาการ 7. มีอารมณ์มนั่ คง อดทน อดกล้นั ไม่เคร่งเครียด 8. มีอารมณ์ขนั ยมิ้ แยม้ แจม่ ใสเสมอ 9. สุภาพ เรียบร้อย พดู จาดี บุคลิกภาพเหมาะสม 10. ไม่จูจ้ ้ีจุกจิกในเรื่องเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ 11. มีสุขภาพพลานามยั ดี 12. มีลกั ษณะเป็นมิตรตอ่ คนทว่ั ไป 13. ยตุ ิธรรมไม่ลาเอียง

14. มีความเช่ือมนั่ ตนเอง 15. มีความสามารถในการปรับตวั เขา้ กบั สงั คมไดด้ ี 16. เป็นประชาธิปไตย เขา้ ใจ เห็นใจผอู้ ื่น 17. เขา้ ใจหลกั การบริการและการจดั การ 18. หมนั่ ศึกษาหาความรู้อยเู่ สมอ ประโยชน์ของเกม ประโยชนข์ องการเล่นเกมก่อใหเ้ กิดประโยชนใ์ นดา้ นต่าง ๆ หลายดา้ น ไดแ้ ก่ ร่างกาย อารมณ์ สังคม และจิตใจ ดงั น้ี 1. สร้างความสนุกสนานผอ่ นคลายความตึงเครียด 2. เสริมสร้างทกั ษะการปรับตวั ในการมีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกนั 3. ส่งเสริมการเคล่ือนไหวทางร่างกายที่ถูกตอ้ ง 4. เสริมสร้างทกั ษะทางการกีฬา ทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง 5. ช่วยส่งเสริมและพฒั นาสมองในดา้ นไหวพริบการแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ 6. ช่วยส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม โดยการเล่นตามกฎ กติกา 7. สร้างแรงจูงใจกระตุน้ ในดา้ นการเตรียมความพร้อมของร่างกายและสมอง 8. เสริมสร้างสัมพนั ธภาพในสงั คม 9. ครูสามารถนาวิธีการเล่นมาใช้ในการนาเขา้ สู่บทเรียน หรือประกอบการเรียนต่าง ๆ เพื่อเป็ นแรงกระตุน้ เสริมสร้างความเขา้ ใจวชิ าต่าง ๆ ใหง้ ่ายข้ึน การเป็ นผ้นู าเพลงนันทนาการ ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั เพลงนนั ทนาการ การร้องเพลงเป็ นวธิ ีการเรียนรู้ตามธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั อีกอยา่ งหน่ึง ของมนุษย์ ซ่ึงทาใหเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจโดยง่าย เพราะเพลงเป็นบทประพนั ธ์ที่ผสมผสาน ลีลา จงั หวะ ทานอง ซ่ึงมีความไพเราะ น่าฟัง น่าร้อง ทาให้เกิดอารมณ์สนุกสนานและ เกิดความปลอดโปร่งใน จิตใจ

หลกั และวธิ ีการสอนเพลง 1. ผสู้ อนมีความมนั่ ใจในตนเอง - ตอ้ งจาจงั หวะและทานองเพลงไดด้ ี - ตอ้ งจาเน้ือร้องได้ - ตอ้ งฝึกหดั ร้องและไดท้ ดลองฝึกมาแลว้ - จดจาทา่ ทางประกอบของเพลงไดแ้ มน่ ยา 2. ผสู้ อนจะตอ้ งร้องใหฟ้ ังก่อน - เพ่อื ใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมไดฟ้ ังทานอง จงั หวะ เน้ือร้อง หรือจบั เคา้ เพลงท่ีร้องใหไ้ ดก้ ่อน - ควรร้องใหฟ้ ังก่อน 1-2 เที่ยว 3. ผสู้ อนควรใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมร้องตามทีละวรรค - ควรจะสอนเพลงเป็นวรรคส้ัน ๆ ก่อน 4. ผสู้ อนใหส้ ญั ญาณในการร้องเพลงก่อน เพ่ือใหท้ ุกคนไดเ้ ร่ิมร้องเพลงอยา่ งพร้อมเพรียงกนั - อาจจะใชก้ ารนบั ปรบมือ ฟังสญั ญาณมือข้ึน-ลง 5. ผสู้ อนตอ้ งควบคุมจงั หวะเพลงไดด้ ี - จงั หวะเพลงเป็ นสิ่งสาคญั มาก - ใชเ้ คาะพ้ืนหรือปรบมือเป็ นการใหจ้ งั หวะ 6. ผสู้ อนตอ้ งเลือกเพลงท่ีมีจงั หวะง่าย 7. เวลาร้องควรออกเสียงพอดี อยา่ ออมเสียงหรือตะเบง็ เสียงใหร้ ้องเตม็ เสียงและใหถ้ อ้ ยคาที่ชดั เจน เทคนิคการเป็ นผ้นู าร้องเพลง 1. แมน่ เน้ือร้อง 2. แม่นทานอง 3. เสียงร้องชดั 4. ชดั สายตา 5. มีท่าทางดี 6. มีเทคนิคหลากหลาย

ข้นั ตอนการนาร้องเพลง 1. บอกชื่อเพลง 2. ร้องเพลงใหฟ้ ังก่อน 1 เท่ียว 3. สอนใหร้ ้องตามทีละวรรค 2-3 เท่ียว 4. สอนร้องพร้อมกนั 5. ใหใ้ ส่จงั หวะปรบมือ/กลอง/อ่ืน ๆ ไปดว้ ย 6. สอนทา่ ทาง (ถา้ มี) 7. ใชเ้ ทคนิคพเิ ศษอ่ืน ๆ บา้ ง การสอนร้องเพลงลกั ษณะอ่ืนๆ เน่ืองจากเพลงมีหลายประเภท ร้องในโอกาสแตกต่างกนั และตามวตั ถุประสงคข์ อง การร้องเพลง เช่น ร้องในพิธี เขา้ ประจาหมูย่ วุ กาชาด การถวายราชสดุดี เพลงสยามมานุสติ ประกอบบทเรียนการอยูค่ ่ายพกั แรม หรืออาจเป็ น การร้องเพลงเพ่ือการประกวด ดงั น้นั ครูผสู้ อน ตอ้ งวางแผนการสอนเพลงใหส้ อดคลอ้ งกนั ซ่ึงใชว้ ธิ ีเลือกสอน เพลง 4 ลกั ษณะ คือ 1. การสอนร้องเพลงเด่ยี ว เป็ นการสอนให้ผูเ้ รียนร้องเพลงเพียงคนเดียวเป็ นรายบุคคลและมีเสียงเดียว ซ่ึงจะ ใช้ในกรณีที่ ตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนไดแ้ สดงศกั ยภาพการร้องเพลงอยา่ งเตม็ ท่ี 2. การสอนร้องหมู่ เป็ นการสอนให้ผเู้ รียนร่วมร้องเพลงต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป อาจเป็ นการร้องเสียงเด่ียว หรือร้องประสาน เสียงก็ได้ ซ่ึงจะใชใ้ นกรณีท่ีตอ้ งการให้ผูเ้ รียนไดร้ วมพลงั เสียงให้เกิดความ ครึกคร้ืน เกิดความสามคั คีในหมู่ คณะ หรือเพื่อให้เกิดความไพเราะอนั เกิดจากความสลบั ซับซ้อน และหลากหลายของโนต้ ดนตรีท่ีเรียกวา่ การ ประสานเสียงนน่ั เอง อน่ึง ลกั ษณะการสอนเพลงเพื่อฝึ กทกั ษะการฟัง การร้อง และเกิดการแข่งขนั ผสู้ อน อาจ ใชว้ ธิ ีร้องไล่กนั รอบวง เพื่อใหเ้ กิดความแปลกใหมไ่ ม่จาเจ 3. การสอนร้องเพลงประกอบดนตรี เป็ นการสอนให้ผเู้ รียนร้องเพลงประสานไปกบั เสียงดนตรีเพ่ือให้ผูเ้ รียนรู้จงั หวะ ของเพลงอาจสอน ร้องเพลงเดี่ยว ร้องเพลงหมู่ หรือร้องเพลงหมู่ประสานเสียงก็ได้ ท้งั น้ี ครูผูส้ อน ตอ้ งมีความรู้พ้ืนฐานดนตรี และ สามารถใชเ้ คร่ืองดนตรีง่าย ๆ ช่วยควบคุมจงั หวะ

4. การสอนร้องเพลงประกอบท่าทาง เป็นการสอนใหผ้ เู้ รียนร้องเพลง และมีการเคล่ือนไหวร่างกายไปตามจงั หวะ คาร้อง และทานองเพลง เพ่ือสร้างบรรยากาศเป็ นกนั เอง และกระตุน้ ให้ผูเ้ รียนคิดท่าทางประกอบเอง อย่างสร้างสรรค์ เช่น การสอน เลียนแบบสัตว์ การสอนใหร้ ู้จกั นิ้วมือ และรู้จกั ใชล้ ีลาทา่ ทาง ที่สวยงาม กจิ กรรมเตรียมความพร้อม เป็ นกิจกรรมง่ายๆ ท่ีทุกคนทาได้ มุ่งเน้นในเรื่องของสมาชิกและดึงดูดความสนใจให้ ทุกคนเขา้ ร่วม กิจกรรม ทาให้ผูเ้ ขา้ รับการอบรมไดเ้ กิดความตื่นตวั กระตือรือร้น สนุกสนาน คร้ืนเครง สร้างบรรยากาศแห่ง มิตรภาพ เป็ นการเตรียมความพร้อมทางดา้ นร่างกาย จิตใจ และ อารมณ์ของสมาชิกท่ีจะเขา้ ร่วมกิจกรรมอื่น ๆ อีกต่อไป ความสาคญั ของกิจกรรมเตรียมความพร้อม ในช่วงตน้ ชว่ั โมงของการเรียนการสอน หรือการฝึ กอบรม เราอาจจดั ให้มีกิจกรรมท่ีใช้ ระยะเวลาส้ัน ๆ สัก 3-5 นาที ท่ีจะรวมความสนใจของทุก ๆ คนให้มาอยูท่ ี่ผูส้ อน หรือวทิ ยากร เน่ืองจากบางคร้ังเมื่อผเู้ รียนมานงั่ ในช้นั เรียนแลว้ ก็อาจจะยงั คุยกนั อยหู่ รือทากิจกรรมส่วนตวั เช่น คุยโทรศพั ท์ นงั่ หลบั เหม่อลอย ดงั น้นั ก่อนการบรรยาย หรือเขา้ สู่เน้ือหาสาระ เราอาจใชว้ ธิ ีการ ต่าง ๆ ท่ีจะทา ให้แต่ละคนหยุดพฤติกรรมส่วนตวั เสียก่อนให้มาทากิจกรรมกลุ่มตามท่ีผูส้ อน หรือวิทยากรเลือกนามาใช้กบั ผูเ้ รียน เพ่ือกระตุน้ ปลุกเร้าให้ต่ืนตวั สร้างความครึกคร้ืน คืนความคึกคกั ให้เกิดความสดชื่นกระปร้ีกระเปร่า และพร้อมที่จะร่วมเรียนรู้ หรือปฏิบตั ิกิจกรรม ตา่ ง ๆ ในทานองตรงขา้ ม ถา้ เราละเลยที่จะรวมความสนใจก่อนก็ อาจทาใหเ้ กิดปัญหาในการ ส่ือสารท้งั ผูพ้ ูดและผูฟ้ ัง ซ่ึงกิจกรรมเหล่าน้ี อาจเรียกวา่ กิจกรรมเตรียมความพร้อม หรือกิจกรรม สร้างบรรยากาศก่อนเรียน ท่ีท่านจะตอ้ งเลือกและนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ หมาะกบั เพศ วยั สถานภาพ สถานที่ ช่วงเวลาของวนั เช่น เช้า สาย บ่าย เย็น และระยะเวลาท่ีจะอานวยให้ รวมท้งั ต้องเป็ นกิจกรรมท่ี เหมาะสมกบั ตวั ผนู้ ากิจกรรมเองดว้ ยกิจกรรมสร้างความสนใจน้ี ถา้ ใชก้ บั เด็ก ปฐมวยั จะเรียกวา่ การเก็บเด็ก ซ่ึง ไดแ้ ก่ การตบมือ การส่งเสียงร้อง การกระโดด การร้องเพลง การมีปฏิกิริยาหรือเคล่ือนไหว และตอบสนองต่อ คาพูดของผูน้ ากิจกรรม เป็ นตน้ กิจกรรมเหล่าน้ี อาจใชเ้ ม่ือผูเ้ รียนเร่ิมขาดความสนใจ หรือช่วงเวลาง่วงเหงา หาวนอนอีกก็ได้

ตัวอย่างกจิ กรรมเตรียมความพร้อมได้แก่ 1. กิจกรรมการฟังอยา่ งมีสติ 2. กิจกรรมตบมือรวมความสนใจ 3. กิจกรรมตบมือเสียงรถไฟ 4. กิจกรรมตบมือตามสญั ญาณมือ 5. กิจกรรมตบมือรวมพลงั 6. กิจกรรมตบมือแปรงฟัน 7. กิจกรรมตบมือมหาสนุก 8. กิจกรรมตบมือเห็นดว้ ย 9. กิจกรรมตบมือลอยฟ้า 10. กิจกรรมตบมือแพะกบั แกะ 11. กิจกรรมตบมือ-กระทืบเทา้ 12. กิจกรรมยกมือส่งเสียง 13. กิจกรรมพร้อม-เฮ้ 14. กิจกรรมฝนตก-ฟ้าร้อง-ฟ้าผา่ 15. กิจกรรมอ่ี-อา้ -อุย้ -โอย้ 16. กิจกรรมไอโ้ ตง้ ไอแ้ จ้ และแมไ่ ก่ 17. กิจกรรมตบมือใหจ้ งั หวะ การใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ ความรู้เกี่ยวกบั เครื่องดนตรี การจดั กิจกรรมนนั ทนาการเพื่อให้เกิดความสนุกสนานคร้ืนเครง จาเป็ น อยา่ งยิ่ง ตอ้ งมี เครื่องดนตรีประกอบจงั หวะเป็ นสาคญั ดงั น้นั ผูน้ านนั ทนาการจาเป็ นตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจ และสามารถใชเ้ คร่ืองมือประกอบจงั หวะไดเ้ ป็ นอย่างดี ซ่ึงเครื่องมือดงั กล่าวอาจมีไม่มากชิ้น แต่ทุกชิ้นตอ้ ง ผสมผสานกนั ไดอ้ ยา่ งลงตวั โดยเคร่ืองดนตรีที่จาเป็นตอ้ งใชใ้ นกิจกรรมนนั ทนาการมีดงั น้ี กลองคองกา (Conga) หรือกลองทอมบา คือ กลองหน้าเดียวขึงด้วยหนังสัตว์ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 11 นิ้ว ตวั กลองทาดว้ ยไมโ้ ดยนามาขุดหรือใชแ้ ผน่ ไมต้ ดั เป็ น รูปทรงกลอง คาดดว้ ยโลหะไวโ้ ดยรอบ แลว้ ยึดดว้ ยหมุดโลหะความสูงประมาณ 30 นิ้ว แต่ละใบ จะมีเสียงต่างกนั ตามขนาดของกลาง ต้งั อยบู่ นขาต้งั

3 ขา ที่ต้งั กลองคู่ (ขาเดียว) ปกติใช้ อย่างต่า2 ใบ ใชป้ ลายนิ้ว ฝ่ ามือ หรือไม้ ตีกลอง ตีสลบั กนั ตามลีลาจงั หวะ ของเพลง ฉิ่ง คือ เครื่องดนตรีไทยประเภทตีชนิดหน่ึง ทาดว้ ยทองเหลืองหล่อหนา 1 ชุดจะมี 2 ฝา แต่ละฝาเจาะรู ตรงกลาง สาหรับร้อยเชือก เพอ่ื ใชจ้ บั ฉิ่งมี 2 ชนิด คือ ฉิ่งวงป่ี พาทย์ และฉิ่งวง เคร่ืองสายมโหรี สังเกตไดจ้ ากฉิ่ง วงปี่ พาทยน์ ้นั จะมีขนาดใหญ่กว่า การตีจะใช้ขอบของฝาขา้ งหน่ึง กระทบกบั อีกฝาขา้ งหน่ึง แลว้ ยกข้ึนจะเกิด เสียงเบาดงั “ฉิ่ง” เราเรียกวา่ จงั หวะเบา จากน้นั ใชฝ้ า ฉิ่งประกบกนั จะเกิดเป็ นเสียงหนกั ดงั “ฉบั ” เราเรียกเสียง น้นั ว่า จงั หวะตก คือ เป็ นเสียงสิ้นสุด จงั หวะ ดงั น้นั การเรียกเคร่ืองดนตรีชนิดน้ี เป็ นการเรียกช่ือตามเสียงที่ เกิดข้ึนนนั่ เอง ฉาบ คือ เครื่องตีประกอบจงั หวะ รูปร่างคลา้ ยจาน ทาดว้ ยโลหะ ลกั ษณะคลา้ ยฉ่ิง แต่บางกวา่ และใหญ่ กว่ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 เซนติเมตร เรียกว่า ฉาบเล็ก และเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 เซนติเมตร เรียกว่า ฉาบใหญ่ ใช้ตีควบคู่กบั เคร่ืองดนตรีอื่น ๆ ในขณะทากิจกรรม เพ่ือเนน้ จงั หวะของห้อง เพลงใหช้ ดั เจน ทาใหเ้ กิดความสนุกสนานเร้าใจยงิ่ ข้ึน แทมบุรีน (Tambourine) หรือเรียกอีกช่ือวา่ Riqqs หรือ Riq คือ เครื่องตี กระทบจงั หวะ ประกอบดว้ ย ขอบกลม ซ่ึงอาจทาดว้ ยไม้ พลาสติก หรือโลหะเหมือนขอบกลอง ขนาดเล็กรอบ ๆ ขอบติดแผน่ โลหะประกบ กนั 2 แผน่ หรืออาจติดดว้ ยลูกกระพรวนเป็ นระยะ ๆ ใชเ้ ขยา่ หรือแทมบุรีนบางชนิดจะขึงดว้ ยหนงั เหมือนกลอง 1 ดา้ น อาจใชฝ้ ่ ามือตีที่หนงั กไ็ ด้ ทกั ษะความรู้เรื่องดนตรี นกั นนั ทนาการจะตอ้ งมีทกั ษะความรู้ความสามารถในดา้ นดนตรีเป็นพ้นื ฐานเบ้ืองตน้ ดงั น้ี 1. ทานองเพลง (Melody) คือ ผลท่ีไดจ้ ากการนาเอาเสียง ซ่ึงมีความสูงหรือต่ายาวหรือส้ันดงั หรือค่อย และเสียงซ่ึงมีคุณภาพตา่ ง ๆ กนั มาเรียบเรียงดว้ ยวิธีการและคุณลกั ษณะ ต่าง ๆ กนั ไป ดงั น้นั ทานองเพลงแต่ละ เพลงจะมีลกั ษณะเฉพาะของมนั เอง 2. จงั หวะของเพลง (Rhythm) คือ ช่วงทานองที่เกิดข้ึนในห้องเพลงของดนตรี ซ่ึงอาจจะมีท้งั ชา้ และเร็ว ข้ึนอยกู่ บั เน้ือร้อง นกั ดนตรีจะตอ้ งทาความเขา้ ใจและแยกแยะ ท่วงทานองของผปู้ ระพนั ธ์เพลงน้นั ๆ ได้ จงั หวะหลกั ที่ใชใ้ นกิจกรรมนนั ทนาการมี 3 จงั หวะ คือ

2.1 มาร์ช (March) เป็นเพลง 2 จงั หวะ แสดงถึงความองอาจ กลา้ หาญ ใชส้ าหรับ เพลงปลุกใจ และเพลงเดินแถว 2.2 ชะ ชะ ช่า (Cha Cha Cha) เป็นเพลงเร็วจงั หวะแบบ 4/4 หมายถึง ใน 1 ห้อง เพลงจะมีเสียง หนกั 4 จงั หวะ เป็ นเพลงประเภทลาตินอเมริกนั (Latin American) โดยดดั แปลง มาจากจงั หวะแมมโบ้ (Mambo) 2.3 ราวง เป็ นจงั หวะทานองทางดนตรีในเพลงพ้ืนเมืองไทยมีจงั หวะท่ีสนุกสนาน เร้าใจ และ ง่ายต่อการฟัง การใช้เครื่องดนตรีประกอบจังหวะ เครื่องดนตรีประกอบจงั หวะ เป็ นส่วนสาคญั ที่จะทาให้การจดั กิจกรรมนนั ทนาการ ประสบผลสาเร็จ เกิดความสนุกสนานคร้ืนเครง ดงั น้ัน ผูน้ านันทนาการจาเป็ นอย่างยิ่งที่จะตอ้ ง มีความรู้ ความเขา้ ใจ และใช้ เครื่องมือประกอบจงั หวะไดเ้ ป็นอยา่ งดี เครื่องมือประกอบจงั หวะที่จาเป็ นสาหรับการจดั กิจกรรมนันทนาการ ประกอบด้วย กลอง ฉ่ิง ฉาบ แทมโบรีน เป็นตน้ การใช้เคร่ืองดนตรีประเภทตี กลองเป็ นเคร่ืองมือในการเคาะจงั หวะ จงั หวะดนตรีท่ีใช้ในการจดั กิจกรรมนันทนาการ มากที่สุด มี 3 จงั หวะ คือ จงั หวะมาร์ช จง้ หวะชะ ชะ ช่า และจงั หวะราวง วิธีการฝึ ก ให้จดั กลองออกเป็ น 2 ใบ ซ่ึงมีขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ซ่ึงกลองขนาดเล็ก จะมีเสียงสูง กลองขนาดใหญจ่ ะมีเสียงต่า การใหจ้ งั หวะเพลงแบบง่าย โดยไม่จาเป็นตอ้ งมีความรู้เกี่ยวกบั โนต้ ดนตรี สามารถ ฝึกในจงั หวะต่าง ๆ ได้ ซ่ึงในที่น้ี จะใชค้ าวา่ “เลก็ ” หมายถึง ตีกลองใบเลก็ และคาวา่ “ใหญ”่ หมายถึง ตีกลองใบ ใหญ่ และเคร่ืองหมาย--แทนการเวน้ ช่องการตีกลองแตล่ ะคร้ัง จังหวะมาร์ช เลก็ _ใหญ่_เล็ก_ใหญ่_เล็ก_ใหญ่ (เวน้ จงั หวะ) เล็ก_ใหญ่_เล็ก_ใหญ่_เล็ก_ใหญ่ ตีกลอง ใบเลก็ และใบใหญ่สลบั กนั 3 คร้ัง แลว้ เวน้ 1 จงั หวะ ซ่ึงจะทาให้เสียงของกลองท้งั สองใบ ประสานกนั ไดเ้ ป็นเสียง ดงั น้ี โป้ง_ช่ึง_โป้ง_ช่ึง_โป้ง_ช่ึง (เวน้ จงั หวะ) โป้ง_ช่ึง_โป้ง_ช่ึง_โป้ง_ช่ึง_

จังหวะราวง เล็กเลก็ เลก็ _ใหญ_่ ใหญ่_เลก็ เลก็ เล็ก_ใหญ_่ ใหญ_่ ตึกลองใบเล็กติดต่อกนั 3 คร้ัง แลว้ ตีกลองใบใหญ่ 2 คร้ัง ซ่ึงจะไดเ้ สียงกลอง ดงั น้ี โป้งโป้งโป้ง_ช่ึง_ช่ึง_โป้ง โป้งโป้ง_ช่ึง_ช่ึง_ จงั หวะ ชะ ชะ ช่า ใหญ่ใหญ่_เล็กเล็กใหญ่_ใหญ่_ใหญ่_เล็กเล็กใหญ่ ตีกลองใบใหญ่สองคร้ัง ติดต่อกนั เวน้ 1 จงั หวะ แลว้ ตีกลองใบเลก็ 2 คร้ัง ใบใหญ่ 1 คร้ัง จะไดเ้ สียงกลอง ดงั น้ี ช่ึงช่ึง_โป้งโป้งช่ึง_ช่ึงช่ึง_โป้งโป้งช่ึง_ ส่วนการใชเ้ คร่ืองประกอบจงั หวะอื่น ๆ น้นั ทาไดไ้ ม่ยาก โดย จะตอ้ งใหจ้ งั หวะลงกบั เสียงกลอง อยา่ งไรก็ตามการใชเ้ คร่ืองประกอบจงั หวะเป็ นทกั ษะท่ีตอ้ งอาศยั การฝึ กฝน บ่อย ๆ จึงจะทาใหก้ ารใชเ้ ครื่องประกอบจงั หวะน้นั เป็ นไปอยา่ งอตั โนมตั ิ ไม่ติดขดั และเมื่อมีทกั ษะ หรือฝึ กจน คล่องแคล่วแลว้ กส็ ามารถเพม่ิ ลูกเล่น หรือจงั หวะส่ิงท่ีเป็นเทคนิคอ่ืน ๆ เขา้ ไปไดอ้ ีก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook