Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ประกอบขององค์การ

องค์ประกอบขององค์การ

Published by ram.poowadol101, 2017-07-03 22:14:43

Description: องค์ประกอบขององค์การ

Keywords: องค์ประกอบขององค์การ

Search

Read the Text Version

59 9) ร่วมมือกบั มหาวทิ ยาลยั ในการผลิตครูสหกิจศึกษาและพฒั นาบุคลากรโดยการศึกษาตอ่ ระดบั สูงข้ึนควบคูก่ บั การปฏิบตั ิงาน ใหไ้ ดร้ ับคุณวฒุ ิสอดคลอ้ งกบั สายงานที่รับผดิ ชอบ 2) ยุทธศาสตร์ ส่งเสริมศาสนศึกษา ใหค้ วามสาคญั กบั การส่งเสริมและพฒั นาการศึกษาดา้ นศาสนศึกษาท่ีเทา่ เทียมโดยเฉพาะดา้ นพุทธศาสนาและอิสลามศึกษา ดงั น้ี 1) ส่งเสริมการศึกษาอสิ ลามศึกษา 1) ใหส้ ถานศึกษาและศนู ยก์ ารศึกษาอิสลามประจามสั ยดิ (ตาดีกา) ไดร้ ับการพฒั นาการจดั การเรียนการสอนตามหลกั สูตรอิสลามศึกษา พร้อมท้งั พฒั นาใหผ้ สู้ อนไดม้ ีโอกาสศึกษาต่อในระดบั ที่สูงข้ึน 2) พฒั นาสถาบนั ศึกษาปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามให้สอดคลอ้ งกบั อตั ลกั ษณ์ของปอเนาะและความตอ้ งการของโตะ๊ ครู พร้อมท้งั พฒั นาทางกายภาพแลพฒั นาผเู้ รียนใหม้ ีทกั ษะวชิ าชีพและมีความรู้สายสามญั อยา่ งนอ้ ยระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 3) ส่งเสริมการใชน้ วตั กรรมการสอนอลั กุรอานท่ีหลากหลาย เช่นวธิ ีกรออาตีอิกเราะฮ หรือวธิ ีอื่น ๆ ในศนู ยก์ ารศึกษาอิสลามประจามสั ยดิ (ตาดีกา) สถาบนั ศึกษาปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 4) พฒั นาหลกั สูตรการเรียนการสอนอิสลามศึกษาต้งั แตร่ ะดบั ปฐมวยัจนถึงระดบั อุดมศึกษาใหเ้ ป็นเอกภาพและไม่ซ้าซอ้ น 5) จดั ต้งั ศูนยพ์ ฒั นาครูและบุคลากรอิสลามศึกษาในสถาบนั อุดมศึกษาพ้นื ท่ีเพ่ือเป็ นศูนยก์ ลางในการพฒั นาบุคลากรดา้ นอิสลามศึกษา โดยใหส้ ถาบนั อุดมศึกษาที่เปิ ดสอนอิสลามศึกษาเป็นเครือข่ายในการพฒั นา 6) เร่งสร้างระบบการเทียบโอนนกั เรียนท่ีจบการศึกษาระดบั อิสลามศึกษาตอนปลายกบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เพอ่ื ใหส้ ามารถเขา้ ศึกษาต่อในระดบั อุดมศึกษาได้ 7) จดั ต้งั หน่วยงานพฒั นาอิสลามศึกษา ท้งั ระดบั เขตตรวจราชการและระดบั เขตพ้นื ท่ีการศึกษา โดยมีการบริหารงานในรูปของคณะกรรมการท่ีมีความรู้ทางศาสนาอิสลามจากทุกภาคส่วน ทาหนา้ ที่เสนอแนะนโยบาย พฒั นาหลกั สูตร วจิ ยั พฒั นาบุคลากรพฒั นาส่ือ นวตั กรรม และจดั ทาระบบสารสนเทศทางอิสลามศึกษา ตลอดจนนิเทศ ติดตาม และประเมินผลดา้ นอิสลามศึกษา

60 8) พฒั นาบุคลากรอิสลามศึกษาในสถานศึกษาของรัฐ ศูนยก์ ารศึกษาอิสลามประจามสั ยดิ (ตาดีกา) และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามทุกประเภท เขา้ สู่ระบบการออกใบประกอบวชิ าชีพผสู้ อนอิสลามศึกษา 9) ปรับการอุดหนุนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สถาบนั ศึกษาปอเนาะ ศูนยก์ ารศึกษาอิสลามประจามสั ยดิ (ตาดีกา) ใหม้ ีประสิทธิภาพ ท้งั การอุดหนุนงบประมาณครูและสื่ออุปกรณ์การศึกษา พร้อมท้งั สนบั สนุนใหเ้ กิดความร่วมมือครูสอนอิสลามศึกษาและครูสอนสายสามญั กลุ่มสาระขาดแคลน ระหวา่ งสถานศึกษาของรัฐกบั โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาสวายสามญั และศาสนา 10) จดั ระบบเทียบโอนและการสอบเทียบความรู้อิสลามศึกษาทุกระดบั เพอ่ืเพิ่มโอกาสในการเขา้ ศึกษาต่อ 11) พฒั นาระบบนิเทศดา้ นอิสลามศึกษา และศึกษานิเทศกใ์ หม้ ีความรู้ความเขา้ ใจดา้ นอิสลามศึกษา 12) พฒั นาระบบสุขาภิบาลในสถาบนั ศึกษาปอเนาะ เพื่อใหม้ ีคุณภาพชีวติ ที่ดีข้ึน เช่น ใหม้ ีแหล่งน้าด่ืมสะอาด 13) ยกยอ่ งเชิดชูเกียรติโตะ๊ ครู ผสู้ อนอิสลามศึกษาในปอเนาะ และสถาบนัศึกษาปอเนาะตน้ แบบการเรียนการสอนในระดบั พ้นื ที่และระดบั ชาติ 2) ส่งเสริมการศึกษาพุทธศาสนาและศาสนาอ่นื 1) สนบั สนุนการเรียนการสอนพุทธศาสนาและศาสนาอื่นตามความเชื่อท่ีถูกตอ้ งสาหรับนกั เรียนท่ีนบั ถือศาสนาพทุ ธหรือศาสนาอื่น ท้งั ในสถานศึกษาของรัฐ เอกชนและองคก์ รศาสนาต่าง ๆ 2) สนบั สนุนการศึกษาแก่พระภิกษุ สามเณร และนกั เรียนในโรงเรียนพระปริยตั ิธรรมแผนกสามญั สานกั เรียนพระปริยตั ิธรรม- บาลี และศูนยส์ ่งเสริมพระพุทธศาสนาวนั อาทิตย์ 3) สนบั สนุนการจดั การศึกษาของสงฆใ์ นระดบั อุดมศึกษาใหม้ ีความเขม้ แข็งสามารถผลิตบณั ฑิตทางพระพุทธศาสนาในทอ้ งถิ่นและพ้ืนที่ใกลเ้ คียงไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 4) พฒั นาบุคลากรครู ครูพระ พระธรรมทูต และบุคลากรศาสนาอ่ืน ใหม้ ีความรู้ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ศาสนศึกษา รวมท้งั มีความสามารถในการใชภ้ าษาถ่ินและภาษาต่างประเทศเพือ่ การส่ือสารตามความเหมาะสม 5) ปรับปรุงระเบียบ หลกั เกณฑใ์ นการจดั และการอุดหนุนงบประมาณสาหรับสถานศึกษาของพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบใหเ้ หมาะสมกบั สภาพพ้นื ท่ี

61 6) ส่งเสริมใหอ้ งคก์ รศาสนา มีส่วนร่วมในการจดั การศึกษาอยา่ งจริงจงั โดยจดั ใหม้ ีผแู้ ทนองคก์ รศาสนาไดเ้ ขา้ ไปใหค้ วามรู้ดา้ นศาสนาในสถานศึกษา 3) ยุทธศาสตร์ เสริมสร้างโอกาสการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวติ ใหค้ วามสาคญั กบั การเสริมสร้างโอกาสในการรับการศึกษา ต้งั แตก่ ารศึกษาปฐมวยั จนถึงระดบั อุดมศึกษาตามศกั ยภาพใหแ้ ก่เดก็ และเยาวชนทุกกลุ่ม ท้งั เดก็ ทวั่ ไป เด็กยากจนเดก็ ดอ้ ยโอกาส และเดก็ พกิ าร ตลอดจนจดั การศึกษาท่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการและเสริมสร้างศกั ยภาพที่มีความโดดเด่นในพ้นื ท่ี ดงั น้ี 1) กระจายโอกาสสู่ทุกกลุ่มเป้ าหมาย 1) ขยายการจดั การศึกษาระดบั ปฐมวยั ใหม้ ากข้ึน ดว้ ยการส่งเสริมและสนบั สนุนการจดั การศึกษาของศนู ยอ์ บรมเด็กก่อนเกณฑใ์ นวดั มสั ยดิ และชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเขา้ เรียนระดบั ประถมศึกษา โดยความร่วมมือท้งั ภาครัฐ เอกชนและองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น 2) จดั การเรียนการสอนใหเ้ ด็กและเยาวชนทุกคนไดเ้ รียนจบการศึกษาภาคบงั คบั รวมถึงสารวจเด็กและเยาวชนท่ีไม่จบการศึกษาภาคบงั คบั เพ่ือเร่งดาเนินการขยายการจดั การการศึกษาภาคบงั คบั กลุ่มท่ีขาดโอกาสดงั กล่าว รวมท้งั จดั ครูอาสาเขา้ ไปสอนวชิ าสามญั ใหแ้ ก่ผเู้ รียนในสถาบนั ศึกษาปอเนาะที่ไมจ่ บการศึกษาภาคบงั คบั 3) จดั ต้งั และพฒั นาสถานศึกษารองรับเดก็ ยากจน เดก็ ดอ้ ยโอกาส และเดก็พิการ โดยขยายโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษและโรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง พร้อมจดั ต้งั เครือข่ายเดก็ ดอ้ ยโอกาสในชุมชนโดนเชื่อมโยงขอ้ มูลเดก็ ดอ้ ยโอกาสกบั องคก์ รทุกภาคส่วน 4) ยกระดบั การศึกษาใหแ้ ก่ประชากรวยั แรงงานใหพ้ ้นื ฐานความรู้ระดบัมธั ยมศึกษาตอนตน้ และการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพ ท้งั น้ี ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั และสถาบนั อาชีวศึกษา ตลอดจนวทิ ยาลยั ชุมชนในพ้ืนที่ควรเขา้ มามีบทบาทและมีส่วนร่วมอยา่ งสาคญั ในการดาเนินการ 5) จดั ระบบการบริการการเรียนรู้ท้งั สายสามญั และสายอาชีพ เพ่ือบริการแก่ประชาชนที่ขาดโอกาสในพ้ืนท่ีห่างไกล เช่น การจดั หน่วยความรู้เคล่ือนที่ชุมชน ช่างชุมชน การฝึกอบรมอาชีพระยะส้ัน เป็นตน้ 6) สร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวติ ที่เอ้ือต่อวถิ ีชีวติ และความเป็ นอยขู่ องประชาชน เช่น เทียบโอนความรู้และประสบการณ์เทียบระดบั การศึกษา

62 7) เร่งรัดแกป้ ัญหาเด็กขาดโอกาสการศึกษาในระบบ เน่ืองจากปัญหาครอบครัว การออกกลางคนั หรือเดก็ ท่ีไดร้ ับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไมส่ งบในรูปแบบตา่ ง ๆ ดว้ ยการจดั การศึกษาในรูปแบบท่ีเหมาะสม 8) สนบั สนุนเงินอุดหนุนคา่ ใชจ้ ่ายรายหวั ใหผ้ เู้ รียนท่ีไมจ่ บการศึกษาภาคบงั คบั ในสถาบนั ปอเนาะท่ีเขา้ เรียนตามหลกั สูตรบูรณาการการศึกษานอกโรงเรียน 9) ปรับระบบการบริหารจดั การทุนการศึกษาใหม้ ีประสิทธิภาพ และเชื่อมโยงกนั ทุกระดบั เพอ่ื เพ่มิ โอกาสในการศึกษาอยา่ งมีประสิทธิผล 2) เสริมสร้างโอกาสการศึกษาระดบั อดุ มศึกษา 1) กาหนดมาตรการจูงใจใหน้ กั เรียนตา่ งวฒั นธรรมไดเ้ ขา้ ศึกษาต่อสถาบนั การศึกษาในเขตพฒั นาพเิ ศษจงั หวดั ชายแดนใต้ รวมท้งั ส่งเสริมใหน้ กั เรียนในพ้นื ท่ีเขา้ศึกษาต่อสถาบนั อุดมศึกษาภูมิภาคอ่ืน ท้งั ในและตา่ งประเทศ 2) พฒั นาสถาบนั อุดมศึกษาใหม้ ีความเขม้ แข็งทางวชิ าการ มีความหลากหลายในสาขาวชิ าท่ีจาเป็นตอ่ การพฒั นาพ้ืนท่ีและมีอิสระในการบริหารงานยง่ิ ข้ึน และใหม้ ีมาตรการส่งเสริมสถาบนั อุดมศึกษาอื่นในพ้นื ท่ีใหม้ ีความพร้อมดา้ นโครงสร้างพ้ืนฐานในการขยายคณะวชิ าหรือสาขาวชิ าเพื่อรองรับนกั เรียน นกั ศึกษาท่ีเพิม่ ข้ึนดว้ ย 3) ใหส้ ถาบนั อุดมศึกษาในพ้ืนท่ีขยายสาขาอิสลามศึกษาและสาขาอ่ืน ท่ีสอดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ การประกอบอาชีพ และการพฒั นาอาชีพ พร้อมท้งั ใหม้ ีการส่งคณาจารย์ศึกษาตอ่ สาขาเฉพาะ การแลกเปลี่ยนบุคลากรและนกั ศึกษา รวมถึงการใชท้ รัพยากรร่วมกนั ของมหาวทิ ยาลยั ท้งั ในประเทศและต่างประเทศใหเ้ ป็ นเครือข่ายซ่ึงกนั และกนั 4) ส่งเสริมใหส้ ถาบนั อุดมศึกษามีบทบาทในการพฒั นาองคค์ วามรู้เพ่ือสร้างสงั คมสมานฉนั ทแ์ ละสันติสุข 5) ส่งเสริมและสนบั สนุนใหว้ ทิ ยาลยั ชุมชนจดั การศึกษาท่ีตอบสนองและสอดคลอ้ งกบั ระบบการศึกษา การประกอบอาชีพ และวถิ ีชีวติ และใหส้ ถาบนั อุดมศึกษาในพ้นื ที่จดั ระบบใหผ้ สู้ าเร็จการศึกษาระดบั อนุปริญญาจากวทิ ยาลยั ชุมชนสามารถศึกษาต่อในระดบัปริญญา 6) สนบั สนุนใหส้ ถาบนั อุดมศึกษาในพ้ืนที่มีนโยบายในการรองรับนกั เรียนท่ีมีความสามารถพเิ ศษ และเพอ่ื พฒั นาองคค์ วามรู้ในการเช่ือมโยงการพฒั นาศกั ยภาพพิเศษของพ้ืนท่ีรวมท้งั การพฒั นาเครือขา่ ยความร่วมมือกบั สถาบนั อุดมศึกษาอื่น ๆ ท้งั ในและนอกพ้นื ที่ ในการประสานส่งเสริมการจดั และพฒั นาคุณภาพการอุดมศึกษา

63 7) พฒั นาและเพิ่มประสิทธิภาพเครือขา่ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพ่ือเชื่อมโยงระหวา่ งสถาบนั อุดมศึกษาและสถาบนั การศึกษาในพ้ืนท่ีใหส้ ามารถนามาใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 3) ส่งเสริมการศึกษานักเรียนกล่มุ พเิ ศษ 1) สนบั สนุนการศึกษาแก่เดก็ พิการ เด็กดอ้ ยโอกาสและนกั เรียนนกั ศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพยใ์ หส้ ามารถศึกษาต่อตามศกั ยภาพของตนเอง 2) จดั ทุนการศึกษาแก่เดก็ ที่มีคะแนนผลสมั ฤทธ์ิทางการศึกษาสูง ใหเ้ รียนอยา่ งนอ้ ยจบปริญญาตรี 3) สนบั สนุนเงินอุดหนุนปัจจยั พ้นื ฐานแก่นกั เรียนในโรงเรียนมธั ยมศึกษาประจาตาบล 4) จดั โควตาและทุนการศึกษาใหน้ กั เรียนการศึกษาข้นั พ้นื ฐานไดเ้ ขา้ ศึกษาในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงท้งั สายสามญั และสายอาชีพ ท้งั ในและนอกพ้นื ท่ี 5) จดั โควตาและทุนการศึกษาใหน้ กั เรียนท่ีมีภูมิลาเนาอยใู่ นเขตพฒั นาพิเศษจงั หวดั ชายแดนใตไ้ ดศ้ ึกษาต่อระดบั อุดมศึกษา ท้งั ในและนอกพ้ืนที่ในสาขาท่ีตอ้ งการ 4) ยทุ ธศาสตร์ ส่งเสริมการศึกษาเพอื่ สร้างอาชีพและการมีงานทา จะเร่งสร้างโอกาสทางการศึกษาวชิ าชีพ ส่งเสริมค่านิยมดา้ นอาชีพ ตลอดจนสร้างความเป็นเลิศทางวชิ าชีพ โดยใชจ้ ุดแขง็ ดา้ นศาสนาและกายภาพในภูมิภาคตอบสนองความตอ้ งการของผเู้ รียน ตลาดแรงงานในพ้นื ที่ นอกพ้นื ที่ และในประเทศโลกมุสลิม ดงั น้ี 1) พฒั นาอาชีพกล่มุ เป้ าหมายพเิ ศษ 1) ส่งเสริมบทบาทอาชีวศึกษาในการพฒั นาอาชีพใหแ้ ก่กลุ่มเยาวชน/ กลุ่มวยั รุ่นใหม้ ากข้ึน พฒั นาอาชีพกลุ่มเป้ าหมายพิเศษโดยใหส้ ถาบนั อาชีวศึกษาเขา้ มามีบทบาทในการจดั รวมท้งั ร่วมกบั กศน. ในการจดั การศึกษาเพ่อื ยกระดบั การศึกษาของแรงงานใหม้ ีความรู้ระดบัมธั ยมศึกษา 2) ใหส้ ถานศึกษาดา้ นอาชีวศึกษา จดั การเรียนการสอนระดบั ปวช. และปวส. ใหน้ กั เรียนของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามท่ีจบการศึกษาช่วงช้นั ที่ 3 หรือ 4 หรือเทียบเท่า และกาลงั ศึกษาในระดบั อิสลามศึกษาตอนปลาย โดยจดั แบบคู่ขนานเรียนวชิ าชีพควบคู่ไปพร้อมกบั การเรียนปกติในสถานศึกษา ส่วนวชิ าสามญั จากการศึกษาข้นั พ้นื ฐานหรือหลกั สูตรการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ใหใ้ ชว้ ธิ ีเทียบโอน

64 3) พฒั นาทกั ษะอาชีพใหแ้ ก่ผเู้ รียนในสถาบนั ศึกษาปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใหเ้ กิดทกั ษะวชิ าชีพ และสามารถประกอบอาชีพพ้ืนฐานในชุมชนตลาดแรงงานท้งั ในพ้นื ที่และประเทศโลกมุสลิมได้ 4) พฒั นาทกั ษะอาชีพใหเ้ ยาวชนและสตรีในพ้นื ท่ีเป้ าหมายเฉพาะตามขอ้ เสนอแนะของหน่วยงานความมนั่ คง 5) จดั สรรทุนการศึกษาในสายอาชีพในสถาบนั อาชีวศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสในการพฒั นาอาชีพและการมีงานทา 6) พฒั นาอาชีพทอ้ งถิ่นจากฐานภูมิปัญญาและอาชีพด้งั เดิมใหม้ ีความโดดเด่นโดยอาจนาเทคโนโลยวี ชิ าชีพเขา้ มาร่วมในการพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ ของชุมชน 7) ส่งเสริมและสนบั สนุนใหส้ ถานศึกษาอาชีวศึกษา รวมถึงวทิ ยาลยั ชุมชนบริหารจดั การโดยชุมชนมีส่วนร่วม และเป็ นกลไกในการพฒั นาทกั ษะอาชีพ และการมีงานทาตามความตอ้ งการและการแกไ้ ขปัญหาของชุมชน 2) เสริมสร้างโอกาสการศึกษาด้านอาชีพ 1) ประสานความร่วมมือกบั กระทรวงแรงงานและหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งในการผลิตและพฒั นากาลงั คน ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการแรงงานในระดบั จงั หวดั ระดบั กลุ่มจงั หวดั และระดบั ชาติ โดยคณะกรรมการบริหารความร่วมมือและผลิตกาลงั คนอาชีวศึกษาระดบัจงั หวดั 2) ปลุกฝังคา่ นิยมดา้ นอาชีพแก่นกั เรียนทุกระดบั ช่วงช้นั การศึกษา พร้อมท้งัสร้างแรงจงู ใจใหน้ กั เรียนศึกษาตอ่ ในสาขาวชิ าที่ขาดแคลน โดยใหม้ ีทุนการศึกษา มีรายได้ระหวา่ งเรียนและสามารถพฒั นาใหเ้ ป็ นผปู้ ระกอบการได้ 3) การจดั การเรียนการสอนใหม้ ีความยดื หยนุ่ ที่สอดคลอ้ งกบั บริบทของภมู ิสงั คมและไดค้ ุณภาพมาตรฐานการอาชีวศึกษา 4) ส่งเสริมสถานศึกษาทุกประเภทของรัฐและเอกชนท่ีมีความพร้อมเปิ ดการเรียนการสอนสายวชิ าชีพให้แก่นกั เรียนและเยาวชน โดยความร่วมมือกบั สถานศึกษาอื่นท่ีจดัการศึกษาดา้ นอาชีพ 5) ส่งเสริมใหส้ ถานศึกษาสงั กดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้จดั ต้งั ศูนยบ์ ริการวชิ าชีพอาชีวศึกษาเพื่อชุมชน รวมถึงยกระดบั ศนู ยซ์ ่อมสร้างเพ่อื ชุมชนใหเ้ ป็นศนู ยบ์ ริการวชิ าชีพดงั กล่าว 6) ยกระดบั สถานศึกษาวชิ าชีพใหเ้ ป็นสถาบนั ความเป็นเลิศเฉพาะทางวชิ าชีพท่ีสอดคลอ้ งกบั อาชีพและทรัพยากรในพ้นื ท่ี

65 3) พฒั นาทกั ษะด้านอาชีพ 1) ส่งเสริมการศึกษาเพ่ือสร้างอาชีพในครัวเรือนใหแ้ ก่ประชาชนในทอ้ งถิ่นให้สามารถเป็นผปู้ รกกอบการรายยอ่ ยในพ้นื ท่ีใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการและผลิตภณั ฑช์ ุมชนในทอ้ งถิ่น 2) ยกระดบั สถานศึกษาวชิ าชีพใหเ้ ป็นสถาบนั ความเป็นเลิศเฉพาะทางวชิ าชีพที่สอดคลอ้ งกบั อาชีพและทรัพยากรในพ้ืนที่ 4) ส่งเสริมความร่วมมือกบั สถานประกอบการ 1) ใหส้ ถาบนั การศึกษาท่ีสอนดา้ นอาชีพร่วมมือกบั สถานประกอบการปรับและพฒั นาหลกั สูตรวชิ าชีพ ฝึกทกั ษะอาชีพใหส้ อดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ ค่านิยม ความตอ้ งการของตลาดแรงงานและการพฒั นาตามพลวตั ของโลก 2) ประสานความร่วมมือกบั สถานประกอบการและคณะกรรมการอิสลามประจาจงั หวดั ในการจดั การศึกษาเกี่ยวกบั การผลิตวตั ถุดิบสาหรับประกอบอาหารฮาลาลใหแ้ ก่นกั เรียนนกั ศึกษาและประชาชนในพ้นื ที่ 4.3 ปัญหาการจัดการศึกษาในเขตพฒั นาพเิ ศษจังหวดั ชายแดนภาคใต้ หน่วยงานตา่ ง ๆ ช่วยกนั ดาเนินงานเพ่ือแกไ้ ขปัญหาตา่ ง ๆ ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และปัญหาบางอยา่ งไดร้ ับการคล่ีคลาย แต่ยงั คงมีปัญหาหลายดา้ นที่ตอ้ งสานตอ่ และเร่งแกไ้ ข ท้งั น้ี สามารถประมวลปัญหาทางการศึกษาได้ 6 ประการ ไดแ้ ก่ 1) คุณภาพการศึกษา รายงานการติดตามดา้ นคุณภาพการศึกษา พบวา่ นกั เรียนในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ในช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนจากการทดลองของสานกั ทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ต่ากวา่ ร้อยละ 50 และส่วนใหญต่ ่ากวา่ ค่าเฉล่ียของประเทศ เมื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติข้นั พ้ืนฐาน (O-Net) ระหวา่ งปี การศึกษา 2550 และ 2551 พบวา่วชิ าท่ีคะแนนเพม่ิ ข้ึนมากกวา่ ที่ค่าเฉล่ียระดบั ประเทศเพ่มิ ข้ึน ไดแ้ ก่ วชิ าคณิตศาสตร์ อยา่ งไรกต็ ามวชิ าอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีคะแนนลดลงมากกวา่ ที่คา่ เฉลี่ยของประเทศลดลง โดยเฉพาะวชิ าภาษาไทยนอกจากน้ี ผลการประเมินคุณภาพภายนอก พบวา่ โรงเรียนขนาดเลก็ ประมาณ 200 แห่ง ไมผ่ า่ นการรับรองของสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา พบวา่ ส่วนหน่ึงมีผลมาจากการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ทาใหน้ กั เรียนและครูไม่มีความปลอดภยั ในการมาเรียน-สอนท้งั น้ี การเผาโรงเรียนทาใหก้ ารจดั การศึกษาไม่ต่อเน่ือง เนื่องจากไม่สามารถจดั การเรียนการสอนได้

66ครบถว้ นตามตารางเรียน ผลการสารวจนกั เรียนในช่วงช้นั 1 (ประถมศึกษาปี ที่ 3) ในปี 2550 พบวา่เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ถึง 11,073 คน คิดเป็ นร้อยละ 30.82 จากสภาพในพ้ืนที่พบวา่ เด็กมุสลิมส่วนหน่ึงตอ้ งการมีทกั ษะภาษาตา่ งประเทศโดยเฉพาะภาษาอาหรับ ปัญหาดา้ นคุณภาพยงั มาจากการที่เดก็ ส่วนหน่ึงออกจากโรงเรียนสามญั ไปเขา้เรียนปอเนาะ ท้งั ๆ ท่ีการจดั การศึกษาปอเนาะไมม่ ีการจดั ทาเป็นหลกั สูตรที่ชดั เจน จึงไมส่ ามารถเทียบโอนไดก้ บั หลกั สูตรพ้นื ฐานแตล่ ะช่วงช้นั ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายอนุญาตให้ครูขอยา้ ยออกจากพ้นื ที่ได้ มีผแู้ สดงความจานงขอยา้ ยออกเป็ นจานวนมากประมาณ 1,500 คน ในรอบ 3 ปี ซ่ึงร้อยละ 70 ของคนกลุ่มน้ีสอนวชิ าหลกั 4 วชิ าไดแ้ ก่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ ทาใหเ้ กิดภาวะการขาดแคลนครูอยา่ งมากในทุกพ้นื ที่ แมว้ า่ รัฐจะเปิ ดโอกาสใหม้ ีการจา้ งครูอตั ราจา้ ง แตค่ วามรู้และประสบการณ์ของครูอตั ราจา้ งยงั มีไมม่ ากพอ จึงส่งผลต่อคุณภาพการจดั การศึกษา ปัญหาดงั กล่าวไดส้ ่งผลกระทบตอ่ โรงเรียนเอกชนดว้ ย เน่ืองจากครูในโรงเรียนเอกชนส่วนหน่ึงลาออกไปสมคั รเขา้ ทางานในโรงเรียนของรัฐ 2) การศาสนศึกษา ผเู้ รียนในสถานศึกษาปอเนาะไม่สามารถเทียบโอนวุฒิได้ เน่ืองจากสถานศึกษาปอเนาะเนน้ การเรียนคมั ภีร์อลั กุรอา่ น และภาษาอาหรับเพื่อใหเ้ ขา้ ใจความหมายในพระคมั ภีร์รวมถึงแนวทางการดารงชีวติ ซ่ึงแนวทางและวธิ ีการสอนไมม่ ีการกาหนดตายตวั ข้ึนกบั โตะ๊ ครู เป็นหลกั ดงั น้นั ปอเนาะส่วนใหญ่จึงไม่มีหลกั สูตรแน่นอน และไม่มีการวดั ผลท่ีเป็นระบบ ซ่ึงผลทาให้ผเู้ รียนที่จบจากสถานศึกษาปอเนาะส่วนใหญต่ อ้ งไปศึกษาตอ่ ดา้ นศาสนาในตา่ งประเทศ เช่น อิยปิ ต์อยา่ งไรก็ตาม นกั ศึกษาท่ีไปศึกษาตอ่ ยงั ต่างประเทศ เมื่อจบการศึกษากลบั มาแลว้ มกั ไมส่ ามารถหางานทาไดใ้ นภายในประเทศ เน่ืองจากรัฐบาลไทยยงั ไม่ไดร้ ับรองคุณวุฒิจากสถาบนั การศึกษาต่าง ๆเหล่าน้นั เม่ือไปทางานเป็นครูในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามกม็ กั ไดร้ ับเงินเดือนในอตั ราที่ต่ากวา่ และไมเ่ ป็นไปตามคุณวฒุ ิท่ีไดร้ ับ 3) ความไม่ปลอดภัยในการเดินทาง นกั เรียนในพ้นื ที่ส่วนใหญย่ ากจนจึงไม่สามารถเดินทางไปโรงเรียนของรัฐได้และจากสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใตท้ าใหร้ ถประจาทางไม่มีกาหนดเวลาท่ีแน่นอน อยา่ งไรก็ตาม พบวา่ โรงเรียนเอกชนส่วนใหญม่ ีบริการรถรับส่งครอบคลุมทุกพ้นื ท่ี

67 4) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ เน่ืองจากโรงเรียนประมาณ 1 ใน 3 ของโรงเรียนในพ้ืนท่ีเป็นโรงเรียนขนาดเลก็ ที่มีนกั เรียนนอ้ ยกวา่ 120 คน และกระจายอยใู่ นพ้นื ที่ห่างกนั รวมท้งั ยงั พบวา่ โรงเรียนส่วนใหญ่ในพ้นื ท่ียงั ขาดปัจจยั พ้ืนฐานดา้ นเทคโนโลยี และปัจจยั อ่ืนท่ีจาเป็น นอกจากน้ี ในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใตท้ ่ีมีความแตกตา่ งกนั ทาใหก้ ารทางานไมม่ ีเอกภาพท้งั ทางศาสนา วฒั นธรรม ภาษา ทาใหม้ ีหลายหน่วยงานเขา้ มาดูแล เพ่อื แกไ้ ขปัญหาเป็นรายกรณี ซ่ึงปรากฏวา่ แมก้ ารดาเนินงานไดม้ ีการประสานงานจนประสบผลสาเร็จในระดบั หน่ึง แตใ่ นขณะเดียวกนั การกระทาดงั กล่าวกส็ ร้างปัญหาใหมข่ ้ึนมาดว้ ย นอกจากน้ี การที่สานกั บริหารงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนไม่มีหน่วยงานในส่วนภมู ิภาคท่ีดูแลรับผดิ ชอบโรงเรียนเอกชนโดยตรง แมต้ ามเจตนารมณ์ของพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ จะไดก้ าหนดใหส้ านกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาดูและบูรณาการการศึกษาท้งั รัฐและเอกชนในพ้นื ที่ แต่สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาตอ้ งมีภารกิจหลายดา้ น โดยเฉพาะการดูแลส่งเสริม สนบั สนุนโรงเรียนในสงั กดั สพฐ. ซ่ึงมีจานวนมากอยแู่ ลว้ จ่ึงไมส่ ามารถดูแลการศึกษาเอกชนไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึงและจดั สรรบุคลากรมาดูแลสถานศึกษาเอกชนไดเ้ พยี ง 3-5 คนเท่าน้นั ส่งผลทาใหโ้ รงเรียนเอกชนทวั่ ไป โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สถานศึกษาปอเนาะ และศนู ย์การศึกษาอิสลามประจามสั ยดิ ขาดการดูแลใหค้ าแนะนาช่วยแกป้ ัญหาท่ีเกิดข้ึนอยา่ งเพียงพอและทนั การณ์ อยา่ งไรกต็ าม ปัจจุบนั ไดร้ ับการแกไ้ ขแ้ ลว้ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเม่ือวนั ท่ี 21เมษายน 2552 ไดม้ ีมติเห็นชอบใหจ้ ดั ต้งั สานกั งานการศึกษาเอกชนจงั หวดั ใน 5 จงั หวดัไดแ้ ก่ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตลู และจดั ต้งั สานกั งานการศึกษาเอกชนอาเภอใน3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และ 4 อาเภอในจงั หวดั สงขลา รวม 37 อาเภอ และรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ นายจุรินทร์ ลกั ษณวศิ ิษฏ์ ไดเ้ ปิ ดสานกั งานเม่ือวนั ท่ี 10 พฤษภาคม 2552 5) ระบบการอุดหนุนและสนับสนุนด้านงบประมาณ การอุดหนุนรายหวั นกั เรียนสายสามญั พบวา่ ก่อใหเ้ กิดปัญหากบั สถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ไดแ้ ก่ 1) ความไม่เท่าเทียมในการอุดหนุน โดยโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่เป็นมลู นิธิ ไดร้ ับการอุดหนุนร้อยละ 100 ในขณะที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามอื่น ๆ ไดร้ ับการอุดหนุนร้อยละ 70 ซ่ึงในความเป็นจริงแมอ้ ุดหนุนร้อยละ 100 ตามอตั ราที่กาหนดกไ็ ม่เพียงพออยู่แลว้ 2) ก่อใหเ้ กิดความเหล่ือมล้าระหวา่ งบุคลากรภายในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามของครูที่สอนวชิ าสามญั และครูท่ีสอนศาสนาอยา่ งเดียว เน่ืองจากรัฐอุดหนุนโรงเรียนที่สอน

68ควบวชิ าสามญั ดว้ ยคา่ ใชจ้ า่ ยรายหวั ผเู้ รียน แตไ่ มไ่ ดใ้ หก้ ารอุดหนุนสาหรับครูผสู้ อนศาสนาเพิม่ เติมโดยใหใ้ ชง้ บประมาณร่วมกนั แมว้ า่ ในทางปฏิบตั ิโรงเรียนจะพยายามจดั สรรใหค้ รูท่ีสอนศาสนาดว้ ย แต่หลายแห่งไดร้ ับการอุดหนุนงบประมาณนอ้ ย ในขณะท่ีโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอยา่ งเดียวจะไดร้ ับการอุดหนุนครูผสู้ อนตามขนาดโรงเรียนเท่าน้นั แสดงใหเ้ ห็นถึงความไม่เท่าเทียมกนัในการอุดหนุน การอุดหนุนด้านกายภาพ การอุดหนุนดา้ นกายภาพใหแ้ ก่สถานศึกษาปอเนาะ ไม่สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของปอเนาะบางแห่ง เช่น งบประมาณที่อุดหนุนไม่เพียงพอต่อการปรับปรุงโครงสร้างพ้ืนฐาน อาทิ หอ้ งน้า ระบบระบายน้า รวมถึงสาธารณณูปโภคและสุขอนามยัอ่ืน ๆ การอดุ หนุนงบพฒั นาบุคลากร ในอดีตท่ีผา่ นมามีการส่งขา้ ราชการในสังกดัสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนส่วนหน่ึงเขา้ ไปช่วยสอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และปัจจุบนั ขา้ ราชการเหล่าน้นั ยงั คงปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอยใู่ นโรงเรียน แต่เน่ืองจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารในส่วนกลาง โดยสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนปรับเปลี่ยนไปเป็นสานกั บริหารงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชนภายใตก้ ารดูแลของสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา ไดร้ ับงบพฒั นาบุคลากรมาจานวนหน่ึง จึงจาเป็นตอ้ งจดั สรรให้บุคลากรในสงั กดั โดยตรงก่อน ทาใหไ้ มค่ ่อยเหลือถึงขา้ ราชการในสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนที่ช่วยสอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ส่งผลใหบ้ ุคลากรเหล่าน้นั ขาดโอกาสในการพฒั นาตนเอง อนั เป็นผลเสียต่อการพฒั นาคุณภาพการศึกษา การตรวจสอบการอดุ หนุนงบประมาณ แมป้ ัจจุบนั ระบบการตรวจสอบจะดีข้ึนกวา่ เดิม ดว้ ยการตรวจสอบเลขประจาตวั ประชาชน แตใ่ นทางปฏิบตั ิระบบการตรวจสอบการอุดหนุนยงั มีจุดอ่อนอีกมาก เพราะไม่มีการตรวจสอบระหวา่ งปี วา่ จานวนนกั เรียนในขณะน้นั ตรงกบั จานวนนกั เรียน รายงาน ณ วนั ที่ 10 มิถุนายน ของปี น้นั หรือไม่ มีการออกกลางคนั หรือไม่จานวนเท่าใด นอกจากน้ี แมม้ ีการตรวจสอบเลขประจาตวั ประชาชน 13 หลกั แต่เนื่องจากในทางปฏิบตั ิมีการต้งั ช่ือและนามสกุลท่ีซ้ากนั จานวนมาก แต่ไม่มีการตรวจสอบรายช่ือเทียบกบั เลขประจาตวั ประชาชน 13 หลกั วา่ มีตวั ตนจริงหรือไม่ 6) การส่งเสริมความรู้วชิ าสามัญและการส่งเสริมอาชีพ การส่งเสริมสนบั สนุนให้เด็กเรียนวชิ าสามญั ที่ไม่สอดคลอ้ งกบั ความเชื่อและวถิ ีชีวติ ทาใหไ้ มไ่ ดร้ ับการยอมรับ เพราะพอ่ แม่ไทยมุสลิมและเดก็ มีความเชื่อและศรัทธาในการเรียนศาสนาแบบด้งั เดิมมากกวา่ เพราะฉะน้นั ควรมีการทบทวนนโยบายและมาตรการส่งเสริมการเรียนวชิ าสามญั ท่ีบูรณการอยา่ งสมดุลกบั ศาสนา สภาพแวดลอ้ มที่เปลี่ยนแปลงไป รวมท้งั การสนบั สนุน

69ให้ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เขา้ มาสอนเสริมวชิ าสามญั ใหแ้ ก่เดก็ และเยาวชนในสถาบนั ศึกษาปอเนาะ เพ่อื จะไดม้ ีวฒุ ิสามารถศึกษาตอ่ ระดบั สูงได้ การที่รัฐพยายามส่งเสริมสนบั สนุนวชิ าการอาชีพ ดว้ ยการส่งเสริม สนบั สนุนให้ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เขา้ ไปสอนและฝึกอาชีพใหก้ บั นกั เรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามน้นั ปรากฏวา่ บางอาชีพไมต่ รงตามความตอ้ งการและไม่สอดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ และสภาพปัจจุบนั ของทอ้ งถิ่น และการแนะนาอาชีพซ้า ๆ กนั ทุกปี เช่นการทาขนม การตดั ผม การเยบ็ ผา้ เป็นตน้ ทาเป็นแลว้ ไมม่ ีประโยชน์ เพราะขาดความรู้เรื่องการตลาด ซ่ึงเป็นส่ิงจาเป็นควบคู่กนั หากเป็นไปไดค้ วรเนน้ อาชีพที่เด็ก ๆ สนใจ เช่น อิเลก็ ทรอนิกส์ การซ่อมคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั สภาพปัจจุบนัสรุปข้อเทจ็ จริงและสถานการณ์ปัจจุบนั จากสภาพปัจจุบนั และปัญหาขา้ งตน้ สรุปขอ้ เทจ็ จริงและสถานการณ์ปัจจุบนั ได้ดงั น้ี 1) การจดั การศึกษาในเขตพฒั นาพเิ ศษจงั หวดั ชายแดนภาคใตม้ ีสภาพท่ีแตกต่างจากพ้ืนท่ีอ่ืนและมีอตั ลกั ษณ์ ท้งั ดา้ นวถิ ีชีวติ ภาษา ศาสนาและวฒั นธรรม มีการจดั การศึกษาในรูปแบบท่ีหลากหลาย มีสถานศึกษาหลายประเภท หลายสงั กดั การดาเนินงานไม่มีเอกภาพ ผลการดาเนินงานที่ผา่ นมาพบวา่ นกั เรียนในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนต่าโดยนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน จากการทดสอบของสานกั ทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ ต่ากวา่ ร้อยละ 50 และต่ากวา่ ค่าเฉล่ียของประเทศและผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติข้นั พ้ืนฐาน (O-NET) ระหวา่ งปี การศึกษา 2551ของช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6ต่ากวา่ ค่าเฉลี่ยของประเทศทุกวชิ า รวมท้งั ผลการสารวจนกั เรียนในช่วงช้นั ท่ี 1 (ประถมศึกษาปี ท่ี 3)ในปี 2550 พบวา่ เด็กอา่ นไม่ออก เขียนไมไ่ ด้ ถึงร้อยละ 30.82 2) ผลการประเมินคุณภาพภายนอก โดยสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา พบวา่ โรงเรียนขนาดเลก็ ประมาณ 200 แห่ง ไมผ่ า่ นการับรอง นอกจากน้ี พบวา่มีปัญหาการออกกลางคนั สูง และอตั ราการเรียนต่อท้งั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย รวมท้งั อุดมศึกษาต่ากวา่ ค่าเฉลี่ยของประเทศ 3) ในดา้ นการศึกษาศาสนศึกษาในพ้ืนที่จงั หวดั ชายแดนภาคใตป้ ระชากรส่วนใหญร่ ้อยละ 80 เป็นชาวมุสลิม แมว้ า่ รัฐจะใหก้ ารสนบั สนุนส่งเสริมการเรียนการสอนอิสลามศึกษาท้งั ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชนมาโดยตลอด แตป่ ัญหาที่พบคือ ความหลากหลายของสถาบนั ท่ีสอนศาสนา และไมม่ ีระบบการเทียบโอนการศึกษาสามญั กบั การศึกษาอิสลามศึกษานกั ศึกษา

70บางส่วนจึงไปศึกษาตอ่ ในสถาบนั อุดมศึกษาในต่างประเทศซ่ึงเนน้ ดา้ นศาสนา และการเรียนการสอนในสถาบนั ปอเนาะยงั แตกต่างท้งั ดา้ นคุณภาพมาตรฐานการเรียนรู้การเรียนการสอนข้ึนกบั โตะ๊ครูเป็ นหลกั 4) การสนบั สนุนส่งเสริมการศึกษาเอกชน ประชาชนส่วนใหญน่ บั ศาสนาอิสลามมีวถิ ีชีวติ ยดึ มนั่ กบั หลกั ศาสนา เนน้ การเรียนศาสนาควบคู่วชิ าสามญั สดั ส่วนผเู้ รียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามากกวา่ โรงเรียนของรัฐในอตั รา 70 : 30 แต่สานกั บริหารงานคณะกรรมการศึกษาเอกชนไม่มีหน่วยงานในส่วนภูมิภาคดูแลรับผดิ ชอบโดยตรง สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาไม่สามารถดูแลการศึกษาเอกชนไดอ้ ยา่ งทวั่ ถึง จากผลการทดสอบทางการศึกษา O-NET ระดบัมธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ในปี การศึกษา 2546 พบวา่ นกั เรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามได้คะแนนเฉล่ียเพยี งร้อยละ 30 ในขณะที่นกั เรียนในโรงเรียนของรัฐไดค้ ะแนนเฉล่ีย ร้อยละ 35 5) ในดา้ นการอุดหนุนของรัฐใหแ้ ก่โรงเรียนเอกชนในรูปคา่ ใชจ้ ่ายรายหวัอุดหนุนเงินเดือนครูเฉพาะวิชาสามญั ไม่รวมถึงครูสอนศาสนา ทาใหเ้ กิดความเหล่ือมล้าระหวา่ งบุคลากรภายในโรงเรียน โรงเรียนขนาดเล็กไดร้ ับการอุดหนุนงบประมาณไม่เพียงพอต่อการพฒั นาคุณภาพ และระบบการตรวจสอบ ติดตามการอุดหนุนยงั ไม่มีประสิทธิภาพเทา่ ท่ีควร 6) ความปลอดภยั ของคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นปัญหาใหญ่ท่ีส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการจดั การศึกษา สภาพโรงเรียนที่ถูกเผาหรือทาลายกวา่ 200แห่ง ครู บุคลากร นกั เรียน นกั ศึกษาที่บาดเจบ็ หรือเสียชีวิตกวา่ 300 คน เป็ นปัจจยั ท่ีทาให้คณะครูเสียขวญั กาลงั ใจไมก่ ลา้ มาสอนตามปกติ โรงเรียนตอ้ งปิ ดชวั่ คราวทุกคร้ังที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงในพ้นื ท่ีใกลเ้ คียงเฉล่ีย 30-40 วนั หรือร้อยละ 20 ของเวลาเรียนต่อปี รวมถึงความไมป่ ลอดภยั ในการเดินทาง ส่งผลต่อคุณภาพการเรียนการสอนใหย้ ง่ิ ตกต่าลงสานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2552: 1-33)5. โรงเรียนยอดนิยมระดบั มัธยมศึกษาในสามจังหวดั ชายแดนภาคใต้ 5.1 ความหมายของโรงเรียนยอดนิยม สถานศึกษาของรัฐบาลระดบั มธั ยมศึกษา ที่มีผลการทดสอบระดบั ชาติข้นัพ้ืนฐาน (O-NET) สูงเป็นอนั ดบั 1 และ 2 ของจงั หวดั มียอดสมคั รเขา้ ศึกษาตอ่ ในระดบั ช้นัมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 และช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 สามปี ยอ้ นหลงั อยใู่ นอนั ดบั 1 และ 2 ของจงั หวดั และนกั เรียนที่สาเร็จช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 สามารถสอบเขา้ ศึกษาต่อในระดบั อุดมศึกษาของรัฐบาลท่ีมีช่ือเสียงไดเ้ ป็นจานวนมากท่ีสุดของจงั หวดั

71 5.2 หลกั พจิ ารณาโรงเรียนยอดนิยม เป็นโรงเรียนท่ีมีคุณภาพ เป็ นองคก์ รแห่งการเรียนรู้ เป็ นท่ียอมรับ ยกยอ่ งน่าเชื่อถือ และเป็นท่ีไวว้ างใจ ในทุก ๆ ดา้ น จากผปู้ กครอง นกั เรียน และชุมชนไม่วา่ จะในดา้ นการจดั การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ มีสภาพแวดลอ้ มเอ้ือต่อการเรียนรู้ นกั เรียนสามารถสอบเขา้เรียนตอ่ ในระดบั มหาวทิ ยาลยั และคณะท่ีมีชื่อเสียง การไดร้ ับรางวลั ตา่ ง ๆ มากมาย ท้งั รางวลั ของผบู้ ริหาร คณะคุณครูและนกั เรียนเป็นประจาทุกปี ความประพฤติของนกั เรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่มีความประพฤติเรียบร้อย มุง่ มานะที่จะใฝ่ เรียน ใฝ่ รู้อยเู่ ป็ นประจา รวมถึงการมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและมีผลการสอบระดบั ชาติข้นั พ้ืนฐาน(O-NET) ของนกั เรียนในช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 และมธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ในแตล่ ะปี สูงกวา่ โรงเรียนอื่น ๆ หรือเป็นโรงเรียนยอดนิยมในการสมคั รเขา้ศึกษาต่อของนกั เรียนซ่ึงโรงเรียนเหล่าน้ีจะมียอดสมคั รเขา้ ศึกษาต่อในแต่ละปี การศึกษาจานวนมากแตโ่ รงเรียนไม่สามารถรับนกั เรียนที่มาสมคั รเขา้ ศึกษาตอ่ ไดท้ ้งั หมด เนื่องจากสาเหตุหลายประการเช่น การไม่เพยี งพอของห้องเรียน การขาดแคนครูผสู้ อน จึงจาเป็นตอ้ งมีการสอบแข่งขนั เพ่ือคดั เลือกรับเฉพาะนกั เรียนท่ีมีความรู้ ความสามารถจริง ๆ จึงจะเขา้ ศึกษาตอ่ ในโรงเรียนยอดนิยมเหล่าน้ีได้ 5.3 การพฒั นาโรงเรียนยอดนิยม การพฒั นาโรงเรียนยอดนิยมจะตอ้ งพฒั นาตามกระบวนการพฒั นาองคก์ ารโดยมีการพฒั นาในเรื่อง การวนิ ิจฉยั เบ้ืองตน้ เป็น การวเิ คราะห์โครงสร้าง หนา้ ที่ของโรงเรียน การจดัองคก์ ารอยา่ งเป็นระบบ ปรับปรุงข้นั ตอนในการปฏิบตั ิงาน การจดั สายบงั คบั บญั ชาให้เหมาะสมและการควบคุมงานอยา่ งต่อเนื่อง การเก็บรวบรวมขอ้ มูลที่เกี่ยวกบั โรงเรียนอยา่ งเป็ นระบบและทนั สมยั และสามารถนามาใชไ้ ดอ้ ยา่ งสะดวก รวดเร็ว การตรวจสอบขอ้ มลู การตรวจสอบและวเิ คราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกบั โครงสร้าง หนา้ ที่ของโรงเรียนควรตรวจสอบอยา่ งรอบคอบ สร้างบรรยากาศท่ีดีในการทางาน ตอ้ งมีการวางแผนปฏิบตั ิงานไวล้ ่วงหนา้ เพื่อดาเนินงานใหบ้ รรลุเป้ าหมายท่ีต้งั ไว้ ควรมีการสร้างทีมงาน ท้งั ทีมงานถาวรและทีมงานชว่ั คราว เพื่อปฏิบตั ิงานอยา่ งตอ่ เนื่อง มีการสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกลุ่ม ใหท้ างานร่วมกนั อยา่ งมีความสุข และมีการสร้างสมั พนั ธ์ภาพท่ีดีตอ่ กนั ของผรู้ ่วมงาน ตอ้ งมีการประเมินผลและติดตามผล ความกา้ วหนา้ ของงานเปรียบเทียบผลงาน ดาเนินงานเป็นระยะ ๆ เพือ่ ใหท้ ราบถึงปัญหา อุปสรรค เพื่อรายงานผล ไปยงัหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งเพอื่ ช่วยในการพฒั นาโรงเรียนยอดนิยมไปสู่ความ เป็นเลิศทางวชิ าการรวมถึงการพฒั นาดา้ นอื่น ๆ ทุกดา้ นใหม้ ีความพร้อมเพ่อื เป็นโรงเรียนยอดนิยมของนกั เรียนและผปู้ กครองตลอดไป

72 5.4 ภูมิหลงั ของโรงเรียนยอดนิยม โรงเรียนยอดนิยมระดบั มธั ยมศึกษาในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ซ่ึงมีจานวนท้งั หมด 6 โรงเรียนไดแ้ ก่ โรงเรียนในจงั หวดั ยะลา คือ โรงเรียนสตรียะลา และโรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา โรงเรียนในจงั หวดั ปัตตานี คือ โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกลู และโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จงั หวดั ปัตตานี โรงเรียนในจงั หวดั นราธิวาส คือ โรงเรียนนราธิวาส และ โรงเรียนนราสิกขาลยั 5.4.1 ผลการทดสอบระดบั ชาตขิ ้นั พนื้ ฐาน (O-NET)ของปี การศึกษา 2552 ช่วงช้นั ท่ี 3 (ม.3) และช่วงช้นั ที่ 4 (ม.6) จะเป็นคะแนนเฉล่ียระดบั โรงเรียนจากวชิ าท้งั หมด 8 วชิ าไดแ้ ก่ วชิ าภาษาไทย สงั คมศึกษา ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ และการงานอาชีพและเทคโนโลยี ซ่ึงผวู้ จิ ยั ไดข้ อขอ้ มูลจากโรงเรียนยอดนิยมในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ผวู้ จิ ยั ขอสรุปคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนยอดนิยมโดยขอเสนอเป็ นภาพดงั น้ี 45 คา่ เฉลย่ี จานวน 8 วชิ า ชนั้ ม.3 34.91 40 41.08 35 35.98 36.45 30 35.31 32.25 25 20 15 10 5 0โรงเรยี นสตรยี ะลาโรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จงั หวดัยะลาโรงเรยี นเดชะปัตตนยานกุ ลูโรงเรยี นเบญจมราชทู ศิโรงเรยี นนราธวิ าสโรงเรยี นนราสกิ ขาลยั

73ภาพประกอบ 2 แผนภูมิกราฟแสดงคะแนนเฉล่ียผลการทดสอบระดบั ชาติข้นั พ้ืนฐาน (O-NET)ของนกั เรียนช่วงช้นั ที่ 3 (ม.3) ปี การศึกษา 2552 ของโรงเรียนยอดนิยมท้งั 6 โรงเรียนในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ จากภาพประกอบ 2 พบวา่ คะแนนเฉล่ียของผลการทดสอบระดบั ชาติข้นั พ้นื ฐาน(O-NET)ช่วงช้นั ที่ 3 (ม.3)ของโรงเรียนท้งั 6 โรงเรียน ปรากฏวา่ โรงเรียนคณะราษฎรบารุงจงั หวดั ยะลา มีคะแนนเฉล่ียสูงสุด คือ 41.08 คะแนน รองลงมาเป็นของโรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี มีคะแนนเฉล่ีย 36.45 คะแนน ส่วนคะแนนเฉล่ียของโรงเรียนนราสิกขาลยั จงั หวดันราธิวาส มีคะแนนเฉล่ียต่าสุด คือ 32.25 คะแนน 40 คา่ เฉลย่ี จานวน 8 วชิ า ชนั้ ม.6 39.05 35 37.31 30 36.2 36.48 25 33.69 32.07 20 15 10 5 0โรงเรยี นสตรยี ะลาโรงเรยี นคณะราษฎรบารงุ จังหวัดยะลาโรงเรยี นเดชะปัตตนยานุกลูโรงเรยี นเบญจมราชทู ศิโรงเรยี นนราธวิ าสโรงเรยี นนราสกิ ขาลัยภาพประกอบ 3 แผนภมู ิกราฟแสดงคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบระดบั ชาติข้นั พ้ืนฐาน(O-NET)ของนกั เรียนช่วงช้นั ที่ 4 (ม.6) ปี การศึกษา 2552 ของโรงเรียนยอดนิยมท้งั 6 โรงเรียนในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้

74 จากภาพประกอบ 3 พบวา่ คะแนนเฉล่ียของผลการทดสอบระดบั ชาติข้นั พ้นื ฐาน(O-NET)ช่วงช้นั ที่ 4 (ม.6)ของโรงเรียน 6 โรงเรียน ปรากฏวา่ โรงเรียนสตรียะลา จงั หวดั ยะลามีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด คือ 39.05 คะแนน รองลงมาเป็นของโรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลามีคะแนนเฉล่ีย 37.31 คะแนน ส่วนคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนนราสิกขาลยั จงั หวดั นราธิวาส มีคะแนนเฉล่ียต่าสุด คือ 32.07 คะแนน 5.4.2 ยอดผู้สมคั รเข้าศึกษาต่อของโรงเรียนยอดนิยมระดบั มธั ยมศึกษาในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 และมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ของแตล่ ะโรงเรียนจานวน 6 โรงเรียน ซ่ึงส่วนใหญ่ยอดสมคั รจะมากกวา่ ยอดที่โรงเรียนสามารถรับเขา้ ศึกษาต่อได้ ต้งั แต่ปี การศึกษา 2551 – 2553 และเป็นยอดจานวนนกั เรียนท้งั หมดของแต่ละโรงเรียนในปัจจุบนั ดงั รายละเอียดดงั ตาราง 1ตาราง 1 ยอดผสู้ มคั รเขา้ ศึกษาต่อของนกั เรียนมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 และมธั ยมศึกษาปี ที่ 4 และจานวน นกั เรียนท้งั หมดในปัจจุบนั ของโรงเรียนยอดนิยมในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ยอดสมัครในแต่ละปี (คน) ปัจจุบนั จานวน นักเรียนท้งั หมด จังหวดั / โรงเรียน ปี การศึกษา ปี การศึกษา ปี การศึกษา 2551 2552 2553 (คน)ยะลา สตรียะลา ม.1 ม.4 ม.1 ม.4 ม.1 ม.4 1,907 คณะราษฎรบารุง 2,500 520 192 490 249 450 237ปัตตานี 535 372 643 423 566 502 2,947 เดชะปัตตนยานุกลู 2,472 เบญจมราชูทิศ 768 572 641 650 565 672 523 545 550 568 562 565 2,354นราธิวาส 2,200 นราธิวาส 411 562 491 585 472 636 นราสิกขาลยั 475 503 461 475 417 411

75 จากตาราง 1 พบวา่ ยอดสมคั รเขา้ ศึกษาตอ่ ของปี การศึกษา 2551 ท้งั ช้นัมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 และช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 4 โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกลู มยี อดสมคั รมากท่ีสุด คือ 768และ 572 คน ตามลาดบั ปี การศึกษา 2552 และปี การศึกษา 2553 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 โรงเรียนคณะราษฎรบารุง จงั หวดั ยะลา มีจานวนยอดผสู้ มคั รมากที่สุด คือ 643 และ 566 คน ตามลาดบั ส่วนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกลู มียอดสมคั รมากท่ีสุด คือ 650 และ 672 คนตามลาดบั และจานวนนกั เรียนท้งั หมดในปัจจุบนั ของแต่ละโรงเรียน พบวา่ โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกลู จงั หวดั ปัตตานี มีจานวนนกั เรียนมากที่สุด คือ 2,947 คน และโรงเรียนสตรียะลา มีจานวนนกั เรียนนอ้ ยสุด คือ 1,907งานวจิ ัยทเ่ี กี่ยวข้อง ในการวจิ ยั เรื่อง กระบวนการพฒั นาองคก์ ารของโรงเรียนยอดนิยมระดบัมธั ยมศึกษาในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ผวู้ จิ ยั ไดศ้ ึกษางานวจิ ยั ท่ีเก่ียวขอ้ งและมีความสมั พนั ธ์ดงั น้ี วลิ าวลั ย์ ไพโรจน์ (2540 : บทคดั ยอ่ )ไดท้ าการศึกษาวจิ ยั การบริหารงานในโรงเรียนมธั ยมศึกษา สังกดั กรมสามญั ศึกษา จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา พบวา่ ผบู้ ริหารมีการปฏิบตั ิงานโดยรวมและทุกงานในระดบั ปานกลาง อาจารยท์ ่ีประสบการณ์ในการทางานต่างกนัมีความคิดเห็นต่อการบริหารโรงเรียนของผบู้ ริหารโรงเรียนโดยรวมแตกตา่ งกนั และมีความคิดเห็นแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ ที่ระดบั .05 ในการบริหารงานวชิ าการ งานธุรการ งานบริการงานบริหารทวั่ ไป และอาจารยท์ ่ีสอนในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกนั มีความคิดเห็นต่อการบริหารโรงเรียนของผบู้ ริหารโรงเรียนโดยรวมไมแ่ ตกต่างกนั แต่มีความคิดเห็นแตกตา่ งกนัอยา่ งมีนยั สาคญั .05 ดา้ นการบริหารวชิ าการและงานธุรการ ประพนั ธ์ ทา้ วพนั แดง (2541 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การปฏิบตั ิงานตามกระบวนการพฒั นาองคก์ ารของผบู้ ริหารโรงเรียนประถมศึกษาจงั หวดั นราธิวาส ตามทศั นะของผบู้ ริหารและครู – อาจารยใ์ นโรงเรียนประถมศึกษา ผลการวจิ ยั พบวา่ การปฏิบตั ิงานตามกระบวนการพฒั นาองคก์ ารของผบู้ ริหารโรงเรียนประถมศึกษาจงั หวดั นราธิวาสกระบวนการพฒั นาโดยภาพรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง เมื่อพจิ ารณาเป็นรายข้นั ปรากฏวา่ ข้นั การวนิ ิจฉยั เบ้ืองตน้ ข้นั การวางแผนปฏิบตั ิการและข้นั การสร้างความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกลุ่มอยใู่ นระดบัมาก ส่วนข้นั อื่น ๆ อยใู่ นระดบั ปานกลาง ผลการเปรียบเทียบการปฏิบตั ิงานตาม

76กระบวนการพฒั นาองคก์ ารของผบู้ ริหารโรงเรียนประถมศึกษาจงั หวดั นราธิวาส ตามทศั นะผบู้ ริหารและครู – อาจารย์ ในโรงเรียนประถมศึกษา ที่มีประสบการณ์ในตาแหน่งและขนาดโรงเรียนท่ีปฏิบตั ิงานต่างกนั ปรากฏวา่ ในภาพรวมและรายข้นั ไม่แตกต่างกนั ประยรู ธรรมสิทธิเวท (2544 : 78) ไดท้ าการศึกษาเก่ียวกบั พฤติกรรมการสร้างทีมงานท่ีเป็นจริงและคาดหวงั ของผบู้ ริหารโรงเรียนมธั ยมศึกษา สงั กดั กรมสามญั ศึกษาเขตการศึกษา 12 ซ่ึงประกอบดว้ ยบทบาทที่สมดุล วตั ถุประสงคท์ ี่ชดั เจนและเป้ าหมายที่เห็นพอ้ งตอ้ งกนั การเปิ ดเผยต่อกนั และการเผชิญหนา้ เพื่อแกป้ ัญหา การสนบั สนุนและความไวว้ างใจตอ่ กนัความร่วมมือและใชค้ วามขดั แยง้ ในทางสร้างสรรค์ กระบวนการปฏิบตั ิงานท่ีชดั เจน ภาวะผนู้ าที่เหมาะสม การทบทวนการปฏิบตั ิงานอยา่ งสม่าเสมอ การพฒั นาตนเองความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกลุ่มการสื่อสารท่ีดี จากการศึกษา พบวา่ พฤติกรรมการสร้างทีมงานที่เป็นจริงของผบู้ ริหาร โดยรวม3 รูปแบบการทางานเป็นทีม อยใู่ นระดบั ปานกลาง พฤติกรรมการสร้างทีมงานท่ีคาดหวงั โดยรวมอยใู่ นระดบั มากที่สุด พฤติกรรมการสร้างทีมงานที่เป็นจริงของผบู้ ริหารโรงเรียน จาแนกตามสถานภาพ จาแนกตามอายุราชการ และจาแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมไมแ่ ตกตา่ งกนัพฤติกรรมการสร้างทีมงานที่คาดหวงั ของผบู้ ริหาร จาแนกตามสถานภาพ และขนาดโรงเรียนไม่แตกต่างกนั ส่วนการจาแนกตามอายรุ าชการ แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ (p < .05)พฤติกรรมการสร้างทีมงานท่ีเป็นจริงของผบู้ ริหาร แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ (p < .05) ทรงยศ โดดเดี่ยว (2545 : บทคดั ยอ่ )ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การศึกษาสภาพการใช้กระบวนการพฒั นาองคก์ ารของโรงเรียนประถมศึกษา สังกดั สานกั งานการประถมศึกษาจงั หวดันครราชสีมา ผลการศึกษาพบวา่ ผบู้ ริหารและครูผสู้ อนมีทศั นะต่อสภาพการใช้กระบวนการพฒั นาองคก์ ารโดยรวมและรายดา้ นทุกดา้ นอยใู่ นระดบั มาก โดยดา้ นที่มีค่าเฉล่ียมากที่สุดคือ ดา้ นการตระหนกั รับรู้ปัญหา ดา้ นท่ีมีคา่ เฉลี่ยนอ้ ยที่สุดคือ ดา้ นการตรวจวินิจฉยั ปัญหาองคก์ าร ผบู้ ริหารและครูผสู้ อนมีทศั นะต่อสภาพการใชก้ ระบวนการพฒั นาองคก์ ารโดยรวมและรายดา้ นทุกดา้ นแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 โดยผบู้ ริหารมีทศั นะต่อสภาพการใชก้ ระบวนการพฒั นาองคก์ ารสูงกวา่ ครูผสู้ อน ผบู้ ริหารในโรงเรียนท่ีมีขนาดแตกตา่ งกนั มีทศั นะตอ่ สภาพการใชก้ ระบวนการพฒั นาองคก์ ารโดยรวมและรายดา้ นทุกดา้ นไมแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 ครูผสู้ อนในโรงเรียนท่ีมีขนาดแตกตา่ งกนั มีทศั นะต่อสภาพการใช้กระบวนการพฒั นาองคก์ ารโดยรวมและรายดา้ นทุกดา้ นไมแ่ ตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 ผบู้ ริหารและครูผสู้ อนในโรงเรียนที่มีขนาดแตกตา่ งกนั มีทศั นะตอ่ สภาพการใช้กระบวนการพฒั นาองคก์ ารโดยรวมและรายดา้ นทุกดา้ นไม่แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05

77 ณรงค์ ศรีละมุล (2546 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การปฏิบตั ิงานตามกระบวนการบริหารงานบุคลากรของผบู้ ริหารสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน ในจงั หวดั ยะลา ผลการวจิ ยัพบวา่ การปฏิบตั ิงานตามกระบวนการบริหารงานบุคลากรของผบู้ ริหารสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐานในจงั หวดั ยะลา โดยภาพรวมมีการปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั มาก เมื่อพิจารณาเป็ นรายดา้ น พบวา่ ทุกดา้ นมีการปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั มากเช่นกนั โดยการปฏิบตั ิงานในดา้ นการธารงรักษาบุคลากรมีการปฏิบตั ิงานสูงสุด และรองลงมา ไดแ้ ก่ดา้ นการประเมินผลการปฏิบตั ิงานของบุคลากรดา้ นการสรรหาบุคลากรดา้ นการพฒั นาบุคลากร ตามลาดบั ผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีมีประสบการณ์ทางการบริหารตา่ งกนั มีการปฏิบตั ิงานตามกระบวนการบริหารงานบุคลากรแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั.05โดยผบู้ ริหารสถานศึกษาที่มีประสบการณ์ทางการบริหารต้งั แต่ 5 ปี ข้ึนไปมีการปฏิบตั ิงานตามกระบวนการบริหารงานบุคลากรสูงกวา่ ผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีมีประสบการณ์ทางการบริหารต่ากวา่5 ปี ผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ปฏิบตั ิงานในสถานศึกษาท่ีมีขนาดต่างกนั มีการปฏิบตั ิงานตามกระบวนการบริหารงานบุคลากรแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05โดยผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีปฏิบตั ิงานในสถานศึกษาขนาดใหญ่ มีการปฏิบตั ิงานตามกระบวนการบริหารงานบุคลากรสูงกวา่ ผบู้ ริหารสถานศึกษาที่ปฏิบตั ิงานในสถานศึกษาขนาดเลก็ นิตยา มงั วอ (2547 : บทคดั ยอ่ ) การสร้างทีมงานของผบู้ ริหารสถานศึกษาข้นัพ้นื ฐานจงั หวดั ฉะเชิงเทรา ผลการวจิ ยั สรุปไดด้ งั น้ี ปัญหาการสร้างทีมงานของผบู้ ริหาร โดยรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง เมื่อพจิ ารณาเป็ นรายดา้ นอยใู่ นระดบั ปานกลางทุกดา้ น เปรียบเทียบปัญหาการสร้างทีมงานของผบู้ ริหาร จาแนกตามประสบการณ์ในการทางานโดยภาพรวมและรายดา้ นแตกตา่ งกนั ยกเวน้ ดา้ นวตั ถุประสงคท์ ่ีชดั เจนและเป้ าหมายท่ีเห็นพอ้ งตอ้ งกนั เปรียบเทียบปัญหาการสร้างทีมงานของผบู้ ริหาร จาแนกตามวฒุ ิการศึกษาโดยภาพรวมและรายดา้ น ไม่แตกตา่ งกนั ดารงค์ กนั ธิมูล (2549 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาองคก์ ารของสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาเชียงใหม่ เขต 3 ผลการวจิ ยั พบวา่ ผบู้ ริหารสถานศึกษามีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การพฒั นาองคก์ ารระดบั ปานกลาง และในรอบ 3-5 ปี มีการเปลี่ยนแปลงดา้ นโครงสร้างการบริหารงานมากท่ีสุด ในการเปลี่ยนแปลงน้นั ประสบความสาเร็จเป็นบางส่วน และส่วนมากมาจากโรงเรียนดาเนินการเอง โดยเริ่มจากความร่วมมือของทุกฝ่ ายท่ีเกี่ยวขอ้ ง ซ่ึงเกิดจากการตระหนกั รับรู้ปัญหาของโรงเรียนร่วมกนั และสภาพการใช้กระบวนการพฒั นาองคก์ ารท้งั 5 ข้นั ตอนในภาพรวมสถานศึกษามีการปฏิบตั ิอยา่ งสม่าเสมอมากท่ีสุด ยกเวน้ ในข้นั การรวบรวมขอ้ มลู และวนิ ิจฉยั ปัญหา และข้นั การดาเนินการตามแผนเพอื่ การเปลี่ยนแปลงองคก์ ารซ่ึงมีการปฏิบตั ิเป็นบางคร้ัง

78 ชลลดา คาศิริ (2549 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวิจยั เรื่อง การสร้างทีมของผบู้ ริหารสถานศึกษาโรงเรียนมธั ยมศึกษาตามทรรศนะของรองผอู้ านวยการสถานศึกษา และครูผสู้ อนในโรงเรียนมธั ยมศึกษา สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ผลการวจิ ยั พบวา่ปัญหาการสร้างทีมของผบู้ ริหารโดยรวมและรายดา้ นอยใู่ นระดบั ปานกลาง การเปรียบเทียบปัญหาการสร้างทีมโดยรวมและรายดา้ นแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ท่ีระดบั .05 ยกเวน้ ดา้ นวตั ถุประสงคท์ ี่ชดั เจน และเป้ าหมายที่เห็นพอ้ งตอ้ งกนั แตกตา่ งกนั อยา่ งไม่มีนยั สาคญั ทางสถิติ เยาวนุช หละเขียว (2550 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ยั เร่ือง การปฏิบตั ิงานตามกระบวนการพฒั นาองคก์ ารของผบู้ ริหารโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษานราธิวาสเขต 1 ผลการวจิ ยั พบวา่ การปฏิบตั ิงานตามกระบวนการพฒั นาองคก์ ารของผบู้ ริหาร โดยภาพรวมมีการปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั มาก โดยข้นั การวนิ ิจฉยั เบ้ืองตน้ มีการปฏิบตั ิงานสูงสุด และรองลงมาไดแ้ ก่ข้นั การวางแผนการปฏิบตั ิงาน ข้นั การสร้างทีมงาน ข้นั การสร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกลุ่ม ข้นัรวบรวมขอ้ มูล และข้นั ตรวจสอบขอ้ มูลตามลาดบั ผลการเปรียบเทียบตามประสบการณ์ทางดา้ นการบริหาร และขนาดโรงเรียนที่มีความแตกตา่ งกนั โดยภาพรวมไมแ่ ตกต่างกนั เนรัญชลา หล่าอุดม (2552 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่อง การพฒั นาองคก์ ารในภาวะความไม่สงบของผบู้ ริหารสถานศึกษา ตามทศั นะ ของขา้ ราชการครูในสถานศึกษาสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษานราธิวาส เขต 3 ผลการวจิ ยั พบวา่ การพฒั นาองคก์ ารของผบู้ ริหาร โดยภาพรวม มีการปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั ปานกลาง โดยข้นั การวนิ ิจฉยั เบ้ืองตน้ มีการปฏิบตั ิงานสูงสุด อยใู่ นระดบั มาก ผลการเปรียบเทียบตามประสบการณ์ทางดา้ นการบริหาร ในภาพรวมและรายดา้ นไมแ่ ตกต่างกนั ขา้ ราชการครูท่ีปฏิบตั ิงานในสถานศึกษาท่ีมีขนาดตา่ งกนั มีทศั นะตอ่ การพฒั นาองคก์ ารในภาวะความไมส่ งบของผบู้ ริหารสถานศึกษา ในภาพรวมแตกต่างกนัอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 สาหรับขา้ ราชการครูท่ีมีท่ีต้งั สถานศึกษาตา่ งกนั มีทศั นะตอ่การพฒั นาองคก์ ารในภาวะความไม่สงบของผบู้ ริหารสถานศึกษาในภาพรวมแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติที่ระดบั .05 อบั ดุลเร๊าะมนั หะยปี ะดอเฮง (2552 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ยั เรื่องประสิทธิภาพการวางแผนการบริหารการเปล่ียนแปลงของผบู้ ริหารสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ผลการวจิ ยั พบวา่ ระดบั ประสิทธิภาพการวางแผนการบริหารการเปล่ียนแปลงของผบู้ ริหารสถานศึกษา สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ โดยภาพรวมและรายดา้ นอยใู่ นระดบั มาก โดยดา้ นการกาหนดเป้ าหมายในการเปลี่ยนแปลง มีคา่ เฉล่ียสูงสุด ส่วนดา้ นการคาดการณ์ผลกระทบ มีคา่ เฉลี่ยต่าสุด ส่วนผลการเปรียบเทียบ จาแนกตามตาแหน่ง โดยภาพรวมและรายดา้ นไมแ่ ตกต่างกนั ยกเวน้ ดา้ นการกาหนด

79เป้ าหมายในการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 เม่ือจาแนกตามประเภทสถานศึกษา โดยภาพรวมแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ีระดบั .05 เม่ือจาแนกตามวทิ ยฐานะและประสบการณ์ในการทางาน โดยภาพรวมและรายดา้ นไมแ่ ตกตา่ งกนั สาหรับขอ้ เสนอแนะการวางแผนการบริหารการเปล่ียนแปลงของผบู้ ริหารสถานศึกษา คือ ควรกาหนดเป้ าหมายในการเปล่ียนแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั งบประมาณ วสิ ยั ทศั น์ กลยทุ ธ์ บุคลากร กฎหมายนโยบายของสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐานและสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ควรให้บุคลากรร่วมกนั กาหนดแนวทางความตอ้ งการการเปล่ียนแปลง พิจารณานโยบายหลกั เป็นสิ่งจาเป็นก่อนเลือกการเปลี่ยนแปลง มีการประเมินทุกข้นั ตอนในการดาเนินงานการเปล่ียนแปลง ส่งเสริมและกระตุน้ ใหค้ รูเขา้ มามีส่วนร่วมใหม้ าก กาหนดบทบาทของแต่ละคนใหช้ ดั เจน และจดั ทาแผนปฏิบตั ิใหร้ องรับแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาและตวั บ่งช้ีมาตรฐานการประกนั คุณภาพการศึกษา สรุปจากงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งพบวา่ การพฒั นาองคก์ ารที่ไดผ้ ลดีและประสบความสาเร็จ ไดน้ ้นั ตอ้ งไดร้ ับความร่วมมือและร่วมใจจากทุกคนทุกฝ่ ายในองคก์ ารเป็ นอยา่ งดีและถือวา่ ทุกคนเป็นผทู้ ่ีมีความสาคญั ในการร่วมคิด ร่วมตดั สินใจ ร่วมปฏิบตั ิในกิจกรรมต่าง ๆขององคก์ ารอนั จะนาไปสู่เป้ าหมายและวตั ถุประสงคท์ ่ีมุ่งหวงั ไวร้ ่วมกนั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook