วิชาการบัญชีเบื้องต้น หน่วยที่ 1

บทท่ี 1 ความรู้ท่วั ไปเกยี่ วกบั การบญั ชี

บญั ชี

เนอ้ื หาทจ่ี ะเรยี น 1. ประวัติและความเปน็ มาของการบญั ชี 2. ความหมายของบญั ชี 3. จดุ ประสงค์ของการบญั ชี 4. ประโยชนข์ องขอ้ มูลทางบัญชี 5. รปู แบบธุรกิจและรูปแบบกจิ การ

1. ประวัตแิ ละความเปน็ มาของการบัญชี การบญั ชี แบ่งออกเป็น 3 ยคุ ตามระยะเวลาท่ีเปล่ยี นแปลงดังนี้ 1. ยุคก่อนระบบบญั ชีคู่ เกดิ ข้นึ ก่อน ค.ศ. 3000 ปี จนถึงศตวรรษท่ี 13 มกี ารจดบนั ทึกขอ้ มลู ทางบญั ชีเนอ่ื งจากการ ลงทุนในการค้าสภาพเศรษฐกิจและการเมอื งจากระบบการแลกเปลย่ี นมาเป็นระบบการซือ้ ขาย และมีการพัฒนาทาง เทคโนโลยีการจัดบันทกึ ข้อมูลทางบญั ชีในยคุ นไี้ ดจ้ ดบันทึกไว้บนแผน่ ขผ้ี ึ้ง 2. ยุคระบบบัญชีคู่ (Double Entry Book - keeping) ในปลายศตวรรษที่ 13 ในยคุ นมี้ กี ารลงทุนทางการคา้ ในรปู ของการค้าร่วม หรอื หา้ งหนุ้ ส่วนเริ่มมีการกอ่ ตง้ั ธนาคารมีเรอื ใบในการขนส่งสนิ คา้ และมีการพิมพ์หนังสอื ลงในกระดาษ ค.ศ. 1202 ได้คน้ พบการจัดบันทกึ บญั ชตี ามหลกั บัญชีค่ทู สี มบรู ณช์ ุดแรก ทีเ่ มืองเจนวั ประเทศอติ าลี ในปี ค.ศ. 1340 ซึ่งเปน็ ศูนย์กลางทางการค้า ต่อมาในศตวรรษท่ี 15 อิตาลเี รมิ่ เส่อื มอานาจลงศนู ย์การค้าได้เปลี่ยนไปยงั ประเทศในยโุ รป เชน่ สเปน โปรตเุ กส และเนเธอร์แลนดก์ ารบนั ทึกขอ้ มูลทางบญั ชีในยคุ นี้ไดม้ กี ารหาผลการดาเนินงานเมอื่ สิน้ งวดบัญชี 3. ยุคปัจจุบันในศตวรรษที่ 20 มกี ารปฏวิ ัติอุตสาหกรรมทาให้ความต้องการทางบญั ชีมีมากขึน้ และวตั ถุประสงค์ ของข้อมูลทางบัญชีเปลีย่ นไปจากเดมิ ผู้บรหิ ารเป็นผใู้ ชข้ ้อมลู มาเปน็ ผ้ลู งทุนเจ้าหน้ี และรฐั บาลเปน็ ผู้ใช้ขอ้ มูลทางการบญั ชี การเงินได้

2. ความหมายของบญั ชี การบัญชี (Book Keeping) หมายถึง การจดบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการรับ - จ่ายเงิน หรือส่ิงของที่กาหนดมูลค่าเป็นเงินไว้เป็นหลักฐาน ไวใ้ นสมุดบัญชีอย่างสมา่ เสมอ จัดแยกประเภทต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบถกู ต้อง ตามหลกั การ และแสดงผล การดาเนินงาน และฐานะการเงินของกิจการในระยะเวลาหน่ีงได้ เพ่ือให้เป็นประโยชน์ต่อการดาเนินงาน ตลอดจนการวิเคราะห์ผลการ ดาเนนิ งานนนั้ ซงึ่ การบญั ชีน้เี ปน็ ส่วนหน่ึงของวิชาการบัญชี (Accounting)

3. จดุ ประสงคข์ องการบญั ชี 1. เพ่ือจดบันทึกรายการค้าต่างๆที่กิดขึ้นโยเรียงลาดับก่อนหลังและ จาแนกประเภทของรายการค้าไว้อยา่ งสมบูรณ์ 2. เพ่ือให้การจดบันทึกรายการค้าน้ันถูกต้อง เป็นตามหลักการบัญช และตามกฎหมายวา่ ด้วยการบญั ชี 3. เพื่อแสดงผลการดาเนินงานในรอบระยะเวลาหน่ึง และแสดงฐานะ การเงนิ ของกิจการในระยะเวลาหน่ึง

4. ประโยชนข์ องข้อมลู ทางบัญชี 1. ชว่ ยให้เจ้าของกจิ การสามารถ ควบคุมดูแล รกั ษาสนิ ทรพั ย์ของกิจการได้ 2. ช่วยให้ทราบผลการดาเนินงานของกิจการในระยะเวลาใดเวลาหน่ึงว่ามีผลกาไรหรือขาดทุน เป็นจานวนเงินเท่าใด 3. ช่วยให้ทราบฐานะทางการเงินของกิจการ ณ วันใดวันหน่ึง ว่ามีสินทรัพย์หนี้สินและส่วนของ เจ้าของเปน็ จานวนเงินเท่าใด 4. ข้อมูลทางการบัญชีเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารช่วยในการกาหนดนโยบายในการวางแผนและ ช่วยในการตัดสนิ ใจต่าง ๆ ในการบริหารงานได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 5. ข้อมูลทางบัญชีที่จดบันทึกไว้ สามารถช่วยในการตรวจสอบหาข้อผิดพลาดในการดาเนินงาน ได้

5. รูปแบบธุรกจิ และรูปแบบกจิ การ 5.1 รปู แบบธุรกจิ ในการดาเนินธุรกิจหรือประกอบกิจการค้าสามารถจัดแบ่งรูปแบบของธุรกิจ ตามลักษณะของกิจกรรมในการจัดหารายได้ โดยแบ่งตามเกณฑ์ผลิตภัณฑ์ คือ 1. ธรุ กจิ บริการ 2. ธุรกจิ พาณิชยกรรม 3. ธุรกิจอตุ สาหกรรม

5. รปู แบบธุรกิจและรปู แบบกิจการ 5.2 รูปแบบกจิ การ การประกอบธุรกิจประเภทตา่ ง ๆ ไมว่ ่าจะเปน็ การผลิต การจาหน่วยสินคา้ หรือบรกิ าร สามารถดาเนนิ การได้ 3 รูปแบบ ดังนี้ 1. กจิ การเจา้ ของคนเดียว 2. หา้ งหนุ้ ส่วน มี 2 ประเภท 2.1 หา้ งห้นุ สว่ นสามัญ 2.2 ห้างหนุ้ ส่วนจากัด 3. บริษทั จากดั มี 2 ประเภท 3.1 บรษิ ทั เอกชน จากัด 3.2 บริษัท มหาชน จากดั นอกจากจากรปู แบบธุรกจิ 3 ประเภทข้างต้นแลว้ ยงั อาจดาเนนิ ธุรกิจไดใ้ นรปู แบบอน่ื ๆ ได้อกี คือ 1. กิจการรว่ มค้า 2. สหกรณ์ 3. รฐั วสิ าหกจิ

แบบฝึกหดั บทท่ี 1 1. การบัญชแี บ่งเปน็ ก่ยี ุค ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง 2. จงบอกความหมายของบัญชี 3. จงบอกจุดประสงค์ของการบัญชี 4. จงบอกประโยชน์ของข้อมูลทางบัญชี 5. จงบอกรูปแบบธรุ กจิ ประกอบด้วย กป่ี ระเภทอะไรบา้ ง 6. จงบอกรปู แบบกจิ การ ประกอบด้วย ก่ปี ระเภทอะไรบา้ ง 7. จงยกตัวอย่างธุรกิจบริการ 3 ตวั อยา่ ง 8. จงยกตวั อย่างธรุ กจิ พาณชิ ยกรรม 3 ตวั อย่าง 9. จงยกตวั อยา่ งธรุ กจิ อุตสาหกรรม 3 ตวั อยา่ ง 10. หา้ งหุน้ สว่ น มกี ่ีประเภท อะไรบา้ ง