วรรณคดี นางสาว ชนติ รา สายพรรณ์ เลขที 21 ปวช. 3/12
วรรณคดี วรรณคดี หมายถึง หนังสือหรือวรรณกรรมทีไดร้ บั ยกยอ่ งวา่ แต่งดี มีการใช้ศิลปะในการแต่ง มี เนอื หารูปแบบเหมาะสมมลี กั ษณะเดน่ ในการใช้ถ้อยคําภาษา สามารถยกระดบั จิตใจให้สูงขนึ ให้คณุ คา่ ดา้ น ตา่ ง ๆ เชน่ คณุ คา่ ทางดา้ นสังคม คณุ คา่ ทางอารมณ์ หรือความรสู้ กึ ซาบซึงแกผ่ อู้ ่าน สามารถใชเ้ ปนแบบ ฉบับอ้างอิงได้ ไมว่ ่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็เปนทยี อมรบั หรือเปนทียกย่องของผู้อ่านเสมอ เชน่ เสภา เรืองขุนชา้ ง ขนุ แผน ลลิ ิตพระลอ วรรณคดไี ทยแบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญๆ่ ดังนี
1.วรรณคดไี ทยแบง่ ตามลกั ษณะคาํ ประพันธ์ 1.1 วรรณคดรี ้อยกรอง แบ่งย่อยๆ ตามชนดิ คาํ ประพันธ์ เช่น ร่าย โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน นอกจากนี คาํ ประพันธ์เหล่านยี ังแยกย่อยได้อกี เช่น กลอน แบง่ เปนกลอนบทละคร กลอนเสภา และกลอนเพลงยาว เปนต้น ตัวอย่างวรรณคดีทีแต่งเปนกลอน เช่น บทละครเรอื งรามเกียรติ เสภาขนุ ชา้ งขนุ แผน และ เพลงยาวถวายโอวาทของสุนทรภู่ เปนต้น วรรณคดีทีแต่งดว้ ยโคลง เช่น โคลงทวาทศมาส และเรอื งที แต่งด้วยคําประพันธป์ ระเภทฉนั ท์ เชน่ สามคั คีเภทคําฉันท์ ยังมีการนาํ คําประพันธ์หลายชนิดมาแตง่ ปนกัน เช่น แตง่ โคลงปนร่าย เรียกว่า ลลิ ิต เชน่ ลลิ ติ พระลอ และแต่งกาพย์ปนโคลง เรียกว่า กาพย์หอ่ โคลง เช่นกาพยห์ ่อโคลงธารประพาสทองแดง เปนต้น
2.วรรณคดไี ทยแบ่งตามประโยนชห์ ลกั หรอวตั ถปุ ระสงค์หละกของเรอง 2.1 วรรณคดีประเภทบนั เทงิ คดี คอื หนังสือทีมุ่งให้ความเพลิดเพลนิ แกผ่ อู้ ่านเปนหลกั วรรณคดีการ แสดงทังหลาย เช่น บทละคร บทพากย์หนงั บทโขน ตลอดจนนทิ าน นยิ าย นวนยิ าย และเรอื งสัน นับ เปนวรรณคดีบันเทิงคดที ังสิน วตั ถปุ ระสงค์ของผแู้ ต่ง คือทําใหผ้ ู้อ่านเกิดความสนุกเพลดิ เพลนิ ใจ 2.2 วรรณคดีประเภทสารคดี คือ เรืองทมี ุ่งให้ความรู้หรอื ความคดิ เหน็ ทเี ปนประโยชนส์ ําคัญ เช่น วรรณคดีทมี เี นอื หาสอนใหผ้ ้อู า่ นเลือมใสในศาสนาเรืองทีสดุดพี ระเกยี รติยศของพระมหากษัตริยพ์ ระองคใ์ ด พระองคห์ นึง วรรณคดที ีผูแ้ ต่งมงุ่ ให้เปนเรืองสอนใจ วรรณคดที ใี หค้ วามร้เู รืองประเพณีหลักการต่างๆ เรืองทีบนั ทึกเหตุการณท์ างประวตั ิศาสตร์ หนงั สือประเภทชีวประวตั ิและอตั ชีวประวตั ิ บทความในหนังที แสดง ความคดิ เห็นเรอื งต่างๆ ตลอดจนบทความแนะนําแหล่งทอ่ งเทียวทีสําคัญๆ
วรรณคดีทีไดร้ ับยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรใหเ้ ปน “ยอดของหนงั สอื ” ตงั แตส่ มยั รัชกาลที 6 เปนตน้ มา มีดังตอ่ ไปนี 1. ประเภทลิลิต ไดแ้ ก่ ลลิ ิตพระลอ 2. ประเภทฉันท์ ได้แก่ สมทุ รโฆษคําฉนั ท์ 3. ประเภทกาพย์ ไดแ้ ก่ มหาชาตกิ ลอนเทศน์ 4. ประเภทความเรียงนทิ าน ได้แก่ สามกก๊ ฉบบั เจา้ พระยาพระคลัง (หน) 5. ประเภทกลอนสภุ าพ ไดแ้ ก่ เสภาเรือง ขนุ ชา้ งขนุ แผน 6. ประเภทบทละครรํา ไดแ้ ก่ อเิ หนา 7. ประเภทบทละครพูด ได้แก่ หวั ใจนักรบ 8. ประเภทความเรียงอธิบาย ได้แก่ พระราชพิธสี บิ สองเดือน
9. ประเภทบทละครพูดคาํ ฉนั ท์ ไดแ้ ก่ มทั นะพาธา 10. ประเภทกวนี ิพนธ์ ได้แก่ พระนลคําหลวง 11. ประเภทกาพยเ์ หเ่ รอื ไดแ้ ก่ กาพย์เหเ่ รอื ของเจา้ ฟาธรรมาธิเบศร์ 12. ประเภทกลอนนทิ าน ไดแ้ ก่ พระอภยั มณี 13. ประเภทบทละครรอ้ ง ได้แก่ สาวเครอื ฟา 14. ประเภทนิราศ ได้แก่ นิราศนรนิ ทร์
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: