หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๒ ตัวเรำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๑ ปจั จยั กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๒ ปัจจัยที่จำเป็นต ร โดยชแี้ จงวา่ ให้ หมู่ ๑ เปน็ หมเู่ นือ้ สตั ว์ ไข่ นม และถ หมู่ ๒ เป็นหม่ขู า้ ว แปง้ น้าตาล เผือก ม หมู่ ๓ เปน็ ผักต่าง ๆ หมู่ ๔ เปน็ ผลไมต้ ่าง ๆ หมู่ ๕ เปน็ ไขมนั และน้ามันจากพชื และส เพือ่ สะดวกกบั การทาเครอ่ื งหมายลงในตาราง เม่อื นกั เรีย ๒๓. (ในชวั่ โมงถัดไป) เม่อื นกั เรียนจาแนกหมู่อาหารแลว้ หน้าชั้นเรยี น ๒๔. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ ราย โดยครอู าจใชแ้ นว ๒๔.๑ ใน ๑ วัน นักเรียนรับประทานอาหารครบ ของตนเอง) ๒๔.๒ ถ้านกั เรียนรับประทานอาหารไม่ครบ ๕ หมู่ จะมผี สมบรู ณ์ ไม่มีพลังงานในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ปร ๒๔.๓ อาหารเก่ียวข้องกับการเจรญิ เติบโตหรือไม่ อย ๒๕. นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายแลว้ บนั ทึกประโยชน์ที่ไดร้ ๒๖. นกั เรยี นตอบคาถามหลังจากทากจิ กรรม หน้า ข้นั สรปุ (๑๐ นำที ๒๗. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปได้วา่ อาหารหลกั มี ๕ ห เจริญเติบโตแข็งแรง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ห หมู่ผักตา่ ง ๆ ช่วยใหร้ ่างกายตา้ นทานโรค
ยทจี่ ำเป็นต่อกำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชวี ติ ๑๕๖ ตอ่ กำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของเรำ รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๗ ช่วั โมง ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๒ ถั่วต่าง ๆ มนั สัตว์ ยนทาได้ จึงใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ จาแนกหมู่อาหารรว่ มกัน ว ครใู ห้นักเรยี นนาเสนอผลการจาแนกอาหารของกลุม่ ตนเอง วคาถามต่อไปนี้ บ ๕ หมู่หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ผลอยา่ งไรต่อการเจริญเติบโต ของร่างกาย (ร่างกายไมแ่ ข็งแรง ประจาวัน) ย่างไร (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) รับจากอาหารที่ตนเองรบั ประทานในใบงาน หนา้ ๘๑ ๘๒ หมู่ ได้แก่ หมเู่ นือ้ สตั ว์ ไข่ นม และถ่วั ตา่ ง ๆ ช่วยใหร้ า่ งกาย หมู่ข้าว แป้ง น้าตาล เผือก มัน ให้พลังงานแก่ร่างกาย
หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ ตวั เรำ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑ ปัจจยั กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๒ ปัจจัยที่จำเปน็ ร ๒๘. ครใู หน้ ักเรยี นฝึกร้องเพลงอาหาร ๕ หมู่ เพลงอาหารหลกั ๕ หมู่ หมู่หนง่ึ กินเนื้อ นม ไข่ ถว่ั เมลด็ ชว่ ยให้เติบ หมู่สอง ขา้ ว แป้ง เผือกมัน และน้าตาล จะให หมู่สามกินผกั ตา่ งๆ สเี ขยี ว เหลืองบ้าง มวี ิตา หม่สู ีก่ นิ ผลไม้ สารอาหารมากมายกินเป็นอา หม่หู ้าอย่าไดล้ ืมกิน ไขมันท้ังส้ินให้อบอุน่ ร่า จดั ทาเพลงโดย ครูฐติ ิรัตน ชัว่ โมงที่ ๖-๗ ขั้นนำ (๑๐ นำท)ี ๒๙. ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนดูรูปคนท่ีกา แนวคาถามดังนี้ ๒๙.๑ มปี จั จัยอะไรบ้างทจ่ี าเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตข ๒๙.๒ มีปัจจยั อะไรบา้ งทีจ่ าเป็นตอ่ การดารงชีวติ ของ ข้นั สอน (๑๐๐ นำที) ๓๐. ครูให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรมและจุดประสงค และการดารงชีวิตของเรามีอะไรบา้ ง หน้า ๘๓ จากนน้ั ค ๓๐.๑ นกั เรียนจะเรียนเร่อื งอะไร (ปจั จยั ท่ีจาเป็นต่อก ๓๐.๒ นักเรียนจะเรยี นด้วยวิธีการใด (อา่ นใบความรู้)
ยทีจ่ ำเป็นต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชีวติ ๑๕๗ นต่อกำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ิตของเรำ เวลำ ๗ ชว่ั โมง รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๒ บโตแข็งขนั ห้พลัง ตามิน าจิณ างกาย น์ ทองนุ่น าลังรับประทานอาหาร ด่ืมน้า แล้วถามนักเรียนโดยใช้ ของมนุษย์ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) งมนุษย์ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) ค์ในใบกิจกรรมที่ ๓ ปัจจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโต ครถู ามคาถามดังต่อไปนี้ การเจรญิ เติบโตและการดารงชีวติ ของมนุษย์) )
หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๒ ตวั เรำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๑ ปจั จยั กลุม่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๒ ปจั จัยที่จำเป็น ร ๓๐.๓ นกั เรียนเรยี นแลว้ จะทาอะไรได้ (สรปุ เกยี่ วกับป ๓๑. นกั เรียนอ่านวิธที าในใบกจิ กรรมที่ ๓ และครตู รวจ ๓๑.๑ ในกิจกรรมข้อ ๑ ต้องทาอย่างไรบ้าง (ช่วย และการดารงชีวติ ของมนุษย์) ๓๑.๒ นักเรียนต้องทาอะไรต่อ (อ่านใบความรู้และร่ว และการดารงชีวติ ของมนุษย)์ ๓๑.๓ ในกิจกรรมข้อ ๓ ต้องทาอย่างไรบ้าง (อา่ นเหต ปจั จยั ท่ีจาเปน็ ตอ่ การดารงชีวิตของคนในเหมือง) ครอู า ๓๒. เม่ือนักเรียนเข้าใจขั้นตอนการทากิจกรรมแล้ว คร ร่วมกันสรุปว่ามีปัจจัยอะไรบ้างท่ีจาเป็นต่อการเจริญ ใบงาน ๐๓ ปจั จัยที่จาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตและกา ๓๓. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายโดยครใู ช้แนวค ๓๓.๑ ปัจจัยทจี่ าเป็นตอ่ การเจริญเติบโตและการดา ๓๓.๒ อาหารจาเปน็ ตอ่ มนุษย์อย่างไร (อาหารชว่ ย ๓๓.๓ นา้ จาเป็นตอ่ มนษุ ย์อยา่ งไร (ช่วยให้ร่างกาย ๓๓.๔ เราใช้แก๊สอะไรในการหายใจ (แกส๊ ออกซิเจ ๓๓.๕ อากาศจาเป็นตอ่ มนษุ ยอ์ ย่างไร (เราใช้อาก ๓๔. ครูให้ความหมายเพ่ิมเติมของคาว่าการดารงชีวิต ชีวิตรอดจนส้ินอายุขัย การเจริญเติบโตคือกระบวนกา และการทางานของโครงสร้างน้นั
ยทจี่ ำเป็นต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ๑๕๘ นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชีวติ ของเรำ รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๗ ชั่วโมง ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๒ ปจั จัยที่จาเป็นต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิตของมนษุ ย์) จสอบความเข้าใจจากการอา่ นโดยใช้แนวคาถามดังนี้ ยกันคิดว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโต วมกันสรุปว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโต ตกุ ารณ์เหมืองถล่มในชลิ ี และเขยี นแผนผังความคิดเก่ียวกับ าจอธิบายวิธกี ารเขยี นแผนผังความคิดใหน้ ักเรียนเข้าใจ รูให้นักเรียนทากิจกรรมข้อท่ี ๑ แล้วให้อ่านใบความรู้และ ญเติบโตและการดารงชีวิตของมนุษย์ และบันทึกลงใน ารดารงชีวติ ของมนษุ ย์ หนา้ ๘๘ คาถามต่อไปนี้ ารงชีวติ ของมนุษย์ ได้แก่อะไรบ้าง (อาหาร นา้ และอากาศ) ยใหใ้ ห้ร่างกายเจริญเตบิ โตอย่างสมบูรณ์ แข็งแรง) ยทางานไดป้ กติ) จน) กาศในการหายใจตลอดเวลา) ต และการเจริญเติบโต การดารงชีวิต คือการดารงอยู่ให้มี ารเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท้ังในด้านโครงสร้าง
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ ตัวเรำ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑ ปจั จัย หน่วยย่อยท่ี ๒ ปจั จัยที่จำเป็น กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ ๒ ร ๓๕. ครูให้นักเรียนร่วมกันอ่านใบความรู้ เร่ืองเหตุการ เปดิ AR เป็นส่ือเสรมิ ใหน้ กั เรยี นดเู พอื่ ทาความเข้าใจเ ใหม้ ากขึ้น ๓๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายโดยครูใช้แนวคาถา ๓๖.๑ เหตุการณ์เหมอื งถล่มท่ีประเทศชิลีเนื่องจากสา ๓๖.๒ คนงานติดอยุ่ในอโุ มงค์กคี่ น (๓๓ คน) ๓๖.๓ คนในเหมืองต้องการอะไรบ้างเพื่อการดารงชีว ๓๖.๔ จากเหตกุ ารณเ์ หมืองถล่มมีปัจจัยอะไรบ้างทีจ่ ๓๗. นักเรียนร่วมกันอธิบายเกี่ยวกับแผนผังความคิดป ลงในใบงาน ๐๓ หนา้ ๙๐ และนาเสนอ ๓๘. นกั เรียนตอบคาถามหลงั จากทากิจกรรม หน้า ๘๙ ขน้ั สรปุ (๑๐ นำท)ี ๓๘. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่าปัจจัยที่จาเป็นต นา้ และอากาศ ๓๙. นกั เรยี นทาใบงาน ๐๔ แบบฝึกหดั เร่ืองปัจจยั ที่จาเป
ยท่ีจำเป็นต่อกำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชีวิต ๑๕๙ นตอ่ กำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชวี ิตของเรำ รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๗ ชวั่ โมง รณ์เหมืองถล่มที่ประเทศชิลี หน้า ๘๖-๘๗ และครูสามารถ ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี เก่ียวกบั ปัจจยั ทจี่ าเปน็ ต่อการดารงชีวติ ของคนในเหมือง ามต่อไปน้ี าเหตุใด (แผน่ ดินไหว) วิต (อาหาร น้า และอากาศ) จาเป็นต่อการดารงชีวิตของมนุษย์ (อาหาร น้า และอากาศ) ปัจจัยท่ีจาเป็นต่อการดารงชีวิตของคนในเหมือง และบันทึก ๙ ต่อการเจริญเติบโตและการดารงชีวิตของมนุษย์คือ อาหาร ปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชีวิตของเรา หน้า ๙๑-๙๒
๑๖๐ แบประเมินดำ้ นคุณธรรม แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๑ ปัจจัยท่ีจำเปน็ ต่อกำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชีวติ ช่ือผูป้ ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ ……………………………………………………………………………........................…………….. ชือ่ กลุ่มรบั กำรประเมนิ …………………………………………………………….........................…………………….…………… ประเมนิ ผลคร้ังท่ี…………………....…….. วนั ……………..…. เดอื น …….............…..………. พ.ศ. ……...….……....... เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………………..............................………………. ท่ี ลักษณะ/พฤติกรรมบง่ ช้ี ระดบั พฤติกรรม คะแนนทไ่ี ด้ เกิด = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐ ๑. มงุ่ ม่นั ในการทางาน ๒. มคี วามซื่อสัตย์ตอ่ ตนเอง ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔. มวี นิ ยั รวมคะแนนที่ได้ทัง้ หมด = …………… คะแนน คณุ ลกั ษณะตามจุดประสงค์ด้านคณุ ธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๖๑ แบบประเมนิ ดำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ในกำรทำกจิ กรรม แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๑ ปัจจยั ทจ่ี ำเป็นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ติ เกณฑ์การประเมินมดี ังนี้ ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ สงิ่ ที่ประเมนิ คะแนน การสงั เกต การจาแนกประเภท การวดั การจัดกระทาและส่ือความหมายขอ้ มูล การลงความเหน็ จากข้อมูล รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ ทกั ษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑) การสงั เกต ใช้ตาในการรวบรวมข้อมูล ใช้ตาในการรวบรวมข้อมูล ไม่สำมำรถใช้ตาในการ เกย่ี วกับการเจรญิ เตบิ โตได้ เกี่ยวกับการเจริญเติบโตได้ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ด้วยตนเองโดยไม่เพ่ิมความ จำกกำรชี้แนะของครหู รือผู้อ่ืน การเจริญเติบโตได้ ถึงแม้ คิดเหน็ จะได้รับคาแนะนาจาก ผอู้ น่ื การจาแนก จัดอาหารเข้าหมู่อาหารได้ จัดอาหารเข้าหมอู่ าหารได้ ไม่สำมำรถจัดอาหารเข้า ประเภท ดว้ ยตวั เอง โดยอำศัยคำแนะนำของครู หมู่อาหารได้ ถึงแม้จะ หรอื ผ้อู ืน่ ได้รับคาแนะนาจากผู้อ่ืน การวัด สามารถใช้เครื่องมือในวัดส่วนสูง สามารถใช้เคร่ืองมือในการวัด ไม่สำมำรถสามารถใช้ และช่งั น้าหนกั ได้อยา่ งถกู ต้อง ส่วนสูงและช่ังน้าหนักได้อย่าง เคร่อื งมอื ในวดั ส่วนสูงและ ด้วยตัวเอง ถูกต้องโดยอำศัยคำแนะนำ ชั่งน้าหนักได้อย่างถูกต้อง ของครหู รอื ผู้อนื่ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนา จากผอู้ ืน่ การจัดกระทา นาเสนอแผนผังความคิดปัจจัย นาเสนอแผนผังความคิดปัจจัย ไม่สำมำรถนาเสนอ และส่ือ ที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโต ที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโต แผนผังความคดิ ปัจจยั ท่ี ความหมายข้อมลู และดารงชีวิตของมนุษย์ให้ และดารงชีวติ ของมนษุ ยใ์ ห้ผู้อื่น จาเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โต
๑๖๒ ทกั ษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑) การลงความเหน็ ผู้อ่นื เข้าใจง่ายและชัดเจนด้วย เข้าใจง่ายและชัดเจนโดยอำศัย และดารงชวี ิตของมนุษย์ จากข้อมูล ตัวเอง คำแนะนำของครูหรือผู้อนื่ ให้ผู้อื่นเขา้ ใจงา่ ยและ ชดั เจน ถงึ แม้จะไดร้ บั คาแนะนาจากผู้อน่ื เพิ่มเติมความคิดเห็นเก่ียวกับ เพ่ิมเติมความคิดเห็นเก่ียวกับ ไม่สำมำรถเพิม่ เตมิ ความ ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ ก า ร ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ ก า ร คดิ เห็นเกี่ยวกับการ ดารงชีวิตของมนุษย์ได้อย่างมี ดารงชีวิตของมนุษย์ได้อย่างมี เจริญเติบโตและการ เหตุผลด้วยตัวเองหรือจาก เหตุผลโดยอำศัยคำแนะนำ ดารงชวี ติ ของมนุษยไ์ ด้ ความร้หู รอื ประสบการณเ์ ดมิ ของครหู รอื ผู้อืน่ อย่างมีเหตผุ ล ถึงแมจ้ ะ ไดร้ บั คาแนะนาจากผู้อ่ืน
เฉลยใบงำน ๑๖๓ บนั ทึกตำมข้อมลู ในสมดุ บนั ทกึ ตำมข้อมูลในสมดุ สุขภำพประจำตัว สุขภำพประจำตวั บนั ทกึ ตำมท่ีวดั และชั่งได้
๑๖๔ นำ้ หนกั (กิโลกรมั ) ทำแผนภูมิแทง่ ตำมข้อมูลท่ีบันทึกไว้ ๖ เดอื นผ่ำนมำ ๓ เดือนผ่ำนมำ ปจั จุบนั เวลำ ส่วนสงู (เซนตเิ มตร) ทำแผนภูมิแทง่ ตำมข้อมูลท่ีบันทกึ ไว้ ๖ เดือนผำ่ นมำ ๓ เดือนผ่ำนมำ ปจั จุบนั เวลำ
๑๖๕ ตอบตำมข้อมูลจรงิ ตอบตำมขอ้ มูลจรงิ สว่ นสงู และน้ำหนกั จะเพิ่มข้ึน ร่ำงกำยของมนุษย์ มกี ำรเจรญิ เติบโต วัดไดจ้ ำกสว่ นสูงและน้ำหนักทเี่ พม่ิ ข้นึ
๑๖๖ บันทกึ ตำมกำรทำกิจกรรมของนักเรียน บนั ทกึ ตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรียน บนั ทึกตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรยี น
๑๖๗ บนั ทกึ ตำมกำรรบั ประทำนอำหำรของนกั เรียน ข้ำวไข่เจยี ว ขำ้ ว ไข่ น้ำมนั
๑๖๘ บันทกึ ตำมกำรรบั ประทำนอำหำรของนกั เรยี น
๑๖๙ บันทกึ ตำมกำรรบั ประทำนอำหำรของนกั เรยี น
๑๗๐ ในแต่ละวนั เรำควรรับประทำนอำหำรให้ครบ ๕ หมู่ เพรำะแต่ละหมู่มีประโยชน์กับร่ำงกำย ดงั น้ี หมู่เนือ้ สตั ว์ ไข่ นม และถ่วั ตำ่ งๆ ชว่ ยใหร้ ำ่ งกำยเจริญเตบิ โตแขง็ แรง และซ่อมแซม ส่วนท่สี ึกหรอ หมู่ขำ้ ว แปง้ นำ้ ตำล เผือก มัน ชว่ ยใหพ้ ลงั งำนแกร่ ำ่ งกำย หมผู่ กั ตำ่ ง ๆ ชว่ ยใหร้ ำ่ งกำยตำ้ นทำนโรคไดด้ ี หมู่ผลไม้ตำ่ ง ๆ ช่วยในกำรขับถำ่ ย เสรมิ สร้ำงร่ำงกำยให้แขง็ แรง หูมไุ ขมันและนำ้ มันจำกพชื และสัตว์ ชว่ ยพลังงำนแก่ร่ำงกำย ช่วยให้ร่ำงกำยอบอ่นุ
๑๗๑ บันทกึ ตำมกำรบนั ทกึ ของนักเรียน บันทกึ ตำมกำรบนั ทึกของนกั เรียน บันทกึ ตำมกำรบนั ทึกของนกั เรยี น ถ้ำรบั ประทำนอำหำรไม่ครบ ๕ หมู่ จะส่งผลใหร้ ำ่ งกำยไมเ่ จรญิ เตบิ โต ไมแ่ ข็งแรง และไมม่ ีพลังงำนในกำรทำกิจกรรมต่ำง ๆ ในชีวิตประจำวัน
๑๗๒ ปจั จัยที่จำเปน็ ต่อกำรดำรงชีวิตและกำรเจริญเติบโตของมนุษย์ คือ อำหำร น้ำ และอำกำศ โดยเรำรับประทำนอำหำรท่ีมีประโยชน์ เพอื่ จะช่วยใหร้ ่ำงกำยเจรญิ เตบิ โตอยำ่ งสมบรู ณ์ และแข็งแรง เรำด่ืมน้ำสะอำดเพอ่ื ให้รำ่ งกำยทำงำนไดป้ กติ และเรำต้องหำยใจตลอดเวลำ
๑๗๓ มนุษย์ต้องกำร อำหำร น้ำ และอำกำศ เพ่อื กำรเจรญิ เตบิ โต และกำรดำรงชวี ิต คนในเหมอื งตอ้ งกำร อำหำร นำ้ และอำกำศ เพ่อื กำรดำรงชวี ิต ปัจจัยทีจ่ ำเป็นต่อกำรเจริญเติบโต และกำรดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ อำหำร น้ำ และอำกำศ
๑๗๔ อำหำร ปัจจยั ที่จำเป็นตอ่ กำรดำรงชีวติ ของคนในเหมือง น้ำ อำกำศ
๑๗๕
๑๗๖ บรเิ วณในภำพมสี ภำพอำกำศน่ำอยู่ เพรำะอยใู่ นทโ่ี ล่งแจง้ มอี ำกำศถ่ำยเทได้สะดวก น้ำมีควำมสำคญั กบั ร่ำงกำยของเรำ เรำควรดม่ื น้ำสะอำดวนั ละประมำณ ๒ ลิตร เพอ่ื ให้รำ่ งกำยทำงำนไดป้ กติ
๑๗๗ หนว่ ยย่อยท่ี ๒ กำรตอบสนองตอ่ ส่ิงเรำ้ ของเรำ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๒ ช่ือหน่วย ตัวเรำ จำนวนเวลำเรยี น ๔ ชว่ั โมง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ๒ แผน ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำระสำคญั ของแผน ร่างกายมนุษยส์ ามารถตอบสนองต่อแสง อุณหภมู ิ การสมั ผสั และอื่นๆ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ชี้วัด มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ ทางานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชีวิตของ ตนเองและดูแลส่งิ มชี ีวติ ตัวชว้ี ดั ว ๑.๑ ป. ๒/๔ ทดลองและอธิบายรา่ งกายของมนุษย์สามารถตอบสนองต่อแสง อณุ หภูมิ และการสัมผสั มำตรฐำน ว ๘.๑ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รู้วา่ ปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติท่ีเกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือท่ีมีอยู่ใน ชว่ งเวลานนั้ ๆ เขา้ ใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิ่งแวดล้อมมีความเก่ยี วข้องสัมพันธ์กนั ตัวช้วี ดั ว ๘.๑ ป. ๒/๑ ตงั้ คาถามท่ีเกีย่ วกับเรื่องทีจ่ ะศกึ ษาตามท่ีกาหนดใหห้ รือตามความสนใจ ว ๘.๑ ป. ๒/๒ วางแผนการสังเกต สารวจตรวจสอบ ศึกษาค้นคว้า โดยใช้ความคิดของตนเอง และของครู ว ๘.๑ ป. ๒/๓ ใช้วสั ดุอุปกรณใ์ นการสารวจตรวจสอบ และบันทกึ ผลดว้ ยวิธงี า่ ย ๆ ว ๘.๑ ป. ๒/๔ จดั กล่มุ ข้อมูลท่ีได้จากการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๕ ตง้ั คาถามใหม่จากผลการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๖ แสดงความคิดเหน็ ในการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๗ บนั ทึกและอธบิ ายผลการสังเกตสารวจตรวจสอบอยา่ งตรงไปตรงมาโดยเขียนภาพ แผนภาพ หรือคาอธิบาย ว ๘.๑ ป. ๒/๘ นาเสนอผลงานดว้ ยวาจาใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจกระบวนการและผลของงาน
๑๗๘ ลำดบั กำรนำเสนอแนวคดิ หลักของหนว่ ยย่อยที่ ๒ กำรตอบสนองตอ่ ส่ิงเรำ้ ของเรำ ร่างกายของมนุษยม์ ีการตอบสนองตอ่ แสง อณุ หภูมิ การสัมผัส และอืน่ ๆ โครงสรำ้ งของหน่วยย่อยท่ี ๒ กำรตอบสนองตอ่ สิ่งเรำ้ ของเรำ . หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ชื่อหน่วยย่อย จำนวนแผน ชอื่ แผนกำรจดั กำร จำนวนชัว่ โมง เรียนรู้ ๔ หนว่ ยการเรยี นรู้ ๑ หน่วยย่อยท่ี ๒ ๑ ตัวเรา การตอบสนอง ๒. การตอบสนอง ตอ่ ส่ิงเร้าของเรา ตอ่ สิง่ เรา้ ของเรา
๑๗๙ คำชี้แจงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ กำรตอบสนองตอ่ สิ่งเร้ำของเรำ เวลำ ๔ ชัว่ โมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคญั ของแผน รา่ งกายของมนษุ ย์มกี ารตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ การสัมผัส และอ่นื ๆ ๒. ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติมในกำรนำไปใช้ (ใหร้ ะบสุ ง่ิ ทต่ี ้องกำรเน้นหรือขอ้ สงั เกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ) ในเรื่องต่อไปนี้ คือ ๒.๑ ขอบข่ำยเน้อื หำ ร่างกายของมนษุ ย์สามารถตอบสนองต่อสิง่ เร้าตา่ ง ๆ ส่ิงเร้าคือส่ิงท่ีมากระตนุ้ ให้แสดงพฤติกรรมออกมา เช่น แสง อณุ หภูมิ การสัมผัส และการตอบสนองต่อส่ิงเร้าเป็นพฤติกรรมท่ีแสดงออกเม่ือมสี ิง่ มากระตนุ้ การท่คี นเรา มกี ารตอบสนองต่อสงิ่ เรา้ บางอยา่ งมปี ระโยชนต์ ่อมนษุ ย์ชว่ ยใหร้ อดพน้ จากอนั ตราย ๒.๒ จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม คำ่ นิยม) (ถ้ำม)ี จดุ ประสงค์ด้ำนควำมรู้ อธบิ ายการตอบสนองต่อแสง อุณหภมู ิ การสมั ผสั และอ่ืน ๆ ของมนุษย์ จุดประสงคด์ ้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสังเกต ๒. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล จดุ ประสงค์ด้ำนคณุ ธรรม ๑. มคี วามมุ่งม่ันในการทางาน ๒. ซอื่ สตั ย์ต่อตนเอง ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ ๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ ๑) กำรเตรียมตวั ของครู นักเรยี น (กำรจัดกลมุ่ ) (ถ้ำมี) การจดั กลุ่ม โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่มละ ๔-๖ คน ๒) กำรเตรียมสือ่ วัสดุอุปกรณ์ ของครู นักเรยี น (ถำ้ มี) ส่ิงที่ครูตอ้ งเตรยี ม คือ ๒.๑ บัตรภาพธารนา้ แข็ง น้าพรุ ้อน แสงอาทิตย์ มะยม ขา้ วผัด ขยะ ฟ้าแลบ ๒.๒ ก้อนนา้ แข็ง ๒.๓ นกหวดี ๒.๔ นาฬิกาปลกุ
๑๘๐ ๓) เตรียมใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถำ้ ม)ี ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การตอบสนองต่อส่ิงเรา้ ของเรา ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรือ่ งการตอบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ ของมนุษย์ ๒.๔ วดั ผลประเมนิ ผล (ถำ้ ม)ี ๑) วธิ ีกำรวัดผลประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ ๑.๑ สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม ๑.๒ สงั เกตด้านคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม ๒) วิธกี ำร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ๒.๑ เคร่ืองมือและเกณฑ์ในกำรประเมนิ ดำ้ นควำมรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดงั น้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เคร่อื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดงั น้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครื่องมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินด้ำนคณุ ธรรม สงั เกตคุณลกั ษณะดา้ นคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมินดา้ นคุณธรรม (ดงั แนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดงั น้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบก่อนเรียน หลงั เรยี น แบบฝกึ หัด กอ่ นเรยี น หลังเรยี น ทาแบบฝกึ หัดในใบงานหลงั เรยี น ๓. อ่ืน ๆ ....................................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................................................
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ ตัวเรำ แนวทำงกำรจัดกจิ กรรม กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ เรอื่ ง ก รำ ขัน้ นา แนวการจดั ขัน้ สอน ขน้ั สรปุ ครเู ร้าความสนใจของนักเรียน โดยคร วดั และประเมินผล ครตู รวจสอบความรเู้ ดิมเกี่ยวกบั การต รว่ มกันทากิจกรรมที่ ๑ เรามีการตอบ อภิปรายและนาเสนอเรื่องการตอบสน ทาใบงาน ๐๑ การตอบสนองตอ่ สง่ิ เร ร่วมกันสรุปเกยี่ วกับการตอบสนองตอ่ ทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่ืองการต ประเมนิ จากการตอบคาถาม ประเมนิ จากการทากจิ กรรมในชน้ั เรยี ประเมินจากการทาแบบฝึกหัด
มกำรเรียนรขู้ องแผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ ๑๘๑ กำรตอบสนองต่อสง่ิ เร้ำของเรำ ำยวิชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชว่ั โมง นประถมศึกษำปที ่ี ๒ ดกจิ กรรมการเรยี นรู้ รูเป่านกหวีดหรือเปดิ เสียงนาฬิกาปลุกใหเ้ กิดเสยี งดงั ตอบสนองตอ่ สิ่งเร้าของมนุษย์ บสนองต่อสง่ิ เรา้ อย่างไร นองต่อสงิ่ เรา้ ของเรา ร้าของเรา อสงิ่ เร้าของมนษุ ย์ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าของมนุษย์ ยน
หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๒ ตัวเรำ แผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ่ี ๒ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยที่ ๒ ก รำยวิชำ วิทยำ ขอบเขตเนื้อหำ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ชั่วโมง) ต่อสร่าิ่งเงรก้าาตยว่าขิทงอยๆงำมศสนง่ิำุษเสรยต้า์สรคา์ ือมสาริง่ ทถตีม่ อากบรสะนตอุ้นง ให้แสดงพฤติกรรมออกมา เช่น แสง ชว่ั โมงที่ ๑-๒ ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๖ อุณหภูมิ การสัมผัส และการตอบสนอง ขั้นนำ (๕ นำที) ต่อสิ่งเร้าเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกเม่ือ มีสิ่งมากระตุ้น การท่ีคนเรามีการ ๑. ครูเร้าความสนใจของนักเรียน โดยครูเป่านกห ตอบสนองตอ่ สิ่งเร้าบางอย่างมปี ระโยชน์ ตอ่ มนุษย์ช่วยให้รอดพ้นจากอนั ตราย พฤตกิ รรมเด็ก แลว้ ว่าเหตุการณท์ เ่ี กิดขึน้ นักเรียนรูส้ จุดประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ ๒. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยให้นักเรีย อธิบายการตอบสนองตอ่ แสง อุณหภูมิ โดยครูต้ังคาถามจากส่ิงท่ีเกิดข้ึนในชีวิตประจาวัน การสัมผัส และอน่ื ๆ ของมนษุ ย์ ให้ตอบทลี ะคน จดุ ประสงคด์ ำ้ นทักษะกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์ ๒.๑ ถ้าเดนิ ใจลอยอยู่ แลว้ แม่มาตะโกนเรยี กเสียง ๑. การสงั เกต ๒.๒ ถ้าถูกปหู นบี มอื นักเรียนจะทาอย่างไร ๒. การลงความเหน็ จากข้อมูล ๒.๓ ถา้ โดนสุนัขเหา่ นกั เรยี นจะทาอยา่ งไร ๒.๔ ถา้ ใกล้ถงึ เวลาพักเทย่ี ง แล้วมกี ลนิ่ อาหารโชย ๒.๕ การแสดงอาการต่างๆ โดยไม่รู้ตัวเรียกว (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ) โดยครเู ขยี นคาตอบข ขน้ั สอน (๑๐๐ นำท)ี ๓. ครูทบทวนความรู้นักเรียนว่า การแสดงพฤติกรรมต่าง แสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา เม่อื มสี ภาพแวดล้อมภายนอ “ส่ิงเร้า” ครูย้อนกลับไปถามคาถามเดิมในข้อ ๒ ในแต โดยครเู ขียนคาตอบลงบนกระดาน
๑๘๒ ๒ กำรตอบสนองต่อสิ่งเรำ้ ของเรำ เวลำ ๔ ช่ัวโมง กำรตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้ำของเรำ ชนั้ ประถำมศึกษำปีท่ี ๒ ำศำสตร์ ๖ ส่ือ / แหลง่ เรียนรู้ ๑. นกหวีด วีดหรือเปิดเสียงนาฬิกาปลุกให้เกิดเสียงดัง ครูสังเกต ๒. นาฬิกาปลุก สึกอย่างไร ตนเองและเพ่ือนๆ แสดงออกอยา่ งไร ๓. กอ้ นน้าแข็ง ยนตอบคาถามเก่ียวกับการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของมนุษย์ ๔. บัตรภาพธารน้าแขง็ นา้ พรุ ้อน หรือสถานการณ์ใกล้ตัวนักเรียน แล้วสุ่มเรียกนักเรียน แสงอาทติ ย์ มะยม ข้าวผดั ฟ้าแลบ งดงั นกั เรยี นจะรสู้ ึกอยา่ งไร ภำระงำน / ชนิ้ งำน ๑. การบันทึกผลกิจกรรม ยมา นกั เรยี นจะรสู้ ึกอย่างไร ว่าอะไร และอาการต่าง ๆ ที่แสดงออกเรียกว่าอะไร ในใบกิจกรรม ของนกั เรียนบนกระดาน ๒. การทาแบบฝกึ หัด ๆ โดยไม่ทันรู้ตัวเหล่าน้ีเรียกว่า “การตอบสนอง” ซึ่งคนเราจะ วธิ ีกำรประเมนิ อก มากระต้นุ เราเรียกสง่ิ ท่ีมากระตนุ้ ให้เกิดการตอบสนองน้ีว่า ๑. การตอบคาถามในใบกจิ กรรม ต่ละข้อว่า อะไรคือส่ิงเร้า อะไรคือการตอบสนองต่อส่ิงเร้า ๒. การตอบคาถามในชั้นเรยี น ๓. สังเกตดา้ นคณุ ธรรมขณะ ทากจิ กรรม
หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ ตัวเรำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยท่ี ๒ ก จุดประสงคด์ ้ำนคณุ ธรรม รำยวชิ ำ วิทยำ ๑. มซอื่คี สววาัตทิ มยยม์ตำุ่ง่อศมตำน่ั สนใตเนอรกง์ ารทางาน ๔. ครูชวนนักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจดุ ประสงค์ใ ๒. หน๔้า.๑๙๔นักจเารกียนนั้นเรคยี รนูใชเร้คือ่ างถอาะมชไดรน้ั งั ป(ตกร่อาะรไถปตมนอศี้บกึ สษนำอปงตที ่อ่ี ๖ส ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔.๒ นักเรียนเรยี นด้วยวธิ ีการใด (สงั เกต) ๔.๓ นกั เรยี นเรยี นแลว้ จะทาอะไร (อธิบายการตอ ๔. มีวนิ ัย ๕ ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทาในใบกิจกรรมท่ี ๑ ข้อ กจิ กรรม เมือ่ แน่ใจแล้วจึงใหน้ กั เรียนลงมือทากจิ กรร ๖. นกั เรยี นจัดกลุ่ม กลมุ่ ละประมาณ ๔-๕ คน เพอื่ ทา ลงในใบงาน ๐๑ การตอบสนองตอ่ สงิ่ เร้าของเรา หน ๗. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี น ห ใชแ้ นวคาถามดังน้ี ๗.๑ เม่อื นาก้อนน้าแข็งแตะบนแขนเพ่ือน สิง่ เรา้ คอื อะ ตอบสนองต่อสิง่ เร้านัน้ (สิง่ เร้าคอื การสัมผัสดว้ ยกอ้ นน ที่ผวิ หนงั บรเิ วณทส่ี มั ผัสนา้ แขง็ มีการลุกต้ังขึน้ สว่ นของร ๗.๒ เม่ือจ้ีเอวเพื่อนขณะเพื่อนเผลอ สิ่งเร้าคืออะไร ตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้น (ส่ิงเร้าคือ การสัมผัสการตอบ ร่างกายท่ีตอบสนองหรือทาหน้าทีร่ ับความร้สู กึ คอื ผวิ ห
๑๘๓ ๒ กำรตอบสนองต่อส่งิ เร้ำของเรำ เวลำ ๔ ช่ัวโมง กำรตอบสนองต่อส่ิงเร้ำของเรำ ชนั้ ประถำมศึกษำปที ี่ ๒ ำศำสตร์ ในใบกิจกรรมที่ ๑ เรามีการตอบสนองต่อส่ิงเรา้ อย่างไร เกณฑ์กำรประเมนิ ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หดั ๖ส่งิ เรา้ ของมนุษย์) ได้ถูกต้องด้วยตนเอง อบสนองตอ่ ส่ิงเรา้ ของมนุษย)์ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ๑-๔ และครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอนการทา - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน รม - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ากจิ กรรมท่ี ๑ เรามกี ารตอบสนองอย่างไร แล้วบันทึกผล ๒. มีทกั ษะกระบวนการ น้า ๙๗-๙๘ หลังจากน้นั ชว่ ยกนั อภปิ รายผลการกจิ กรรม โดยครอู าจ ทางวิทยาศาสตร์ขณะทากิจกรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ะไร เราตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างไร และรา่ งกายส่วนใดที่ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน นา้ แข็งทเี่ ย็น การตอบสนองคือ เพ่อื นยกแขนหนี หรือเสน้ ขน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน รา่ งกายที่ตอบสนองหรือทาหน้าที่รับความรู้สึก คือ ผิวหนัง ๓. จุดประสงค์ด้านคุณธรรม ร เพื่อนตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างไร และร่างกายส่วนใดท่ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน บสนองคือการขยับตัวหนีหรือสะดุ้งหรือหัวเราะ ส่วนของ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน หนงั ) - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๒ ตัวเรำ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ กำ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยท่ี ๒ ก วิทยำศำสตร์ รำยวิชำ วิทยำ ๗.๓ เมื่อใช้มอื ปิดตาประมาณ ๒-๓ นาที แล้วหันห เครอื าตเพอบื่อนสนหอรี่ตงตาล่องส่ิงหเรรา้อื อเอยา่ามงไอืชรปน้ั ดิแปลตระาะรถส่ามว่งศกนึกาขยษอสงำ่วรป่านีทงใี่กด๖าท ขั้นสรปุ (๑๐ นำท)ี ๘. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งเร้าที่มนุษย์ตอบ การสัมผสั ดว้ ยการจเ้ี อว และแสง และเม่อื มนุษย์ไดร้ หรือแตกต่างกนั และส่วนของรา่ งกายที่ไดร้ ับสิ่งเร้าเ ชัว่ โมงที่ ๓-๔ ข้ันนำ (๑๐ นำท)ี ๙. ครูทบทวนความรู้ท่ีเรียนมาแล้วโดยให้นักเรียนสังเ ข้าวผัด ฟ้าแลบ แล้วถามนักเรียนว่า เมื่อเจอเหตุก สิ่งเร้าท่ีทาให้มีพฤติกรรมนั้น ส่วนของร่างกายในกา ประสบการณ์ แตค่ รูคอยฟงั เหตุผลและแกไ้ ขคาตอบ ขั้นสอน (๙๕ นำท)ี ๑๐. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทาข้อ ๕-๗ แล้วตรวจสอบค ของแสนดี หน้า ๙๕-๙๖) แล้วอธิบายสิง่ เรา้ การตอบสน ๑๑. ครใู หน้ ักเรียนอ่านเรอ่ื ง วันหยดุ ของแสนดดี ว้ ยวิธกี ๑๒. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า จากเรื่องวันห อย่างไร และส่วนของร่างกายท่ีใช้รับรู้สิ่งเร้าคืออะไร ( ร่างกายท่ีใชร้ บั รสู้ ง่ิ เรา้ คอื ตา)
ำรตอบสนองตอ่ สิ่งเรำ้ ของเรำ ๑๘๔ กำรตอบสนองตอ่ ส่ิงเร้ำของเรำ ำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ช้นั ประถำมศึกษำปที ่ี ๒ หน้าออกไปทางสนามกลางแจ้งท่ีมีแสงจ้า สิ่งเรา้ คอื อะไร ๖าทยี่ตทอี่ตบอสบนสอนงอตง่อหสรง่ิ ือเรท้าานห้ันนา้ (สท่งิี่รเับรา้คควอืามแรสสู้ งึกกคาือรตตอาบสนอง บสนอง ได้แก่ การสัมผัสด้วยน้าแข็งที่เย็น (อุณหภูมิ) รบั ส่ิงเร้าเหมือนกนั อาจมีการตอบสนองตอ่ สิ่งเรา้ เหมือน เช่น ผวิ หนงั ตา เป็นต้น เกตบัตรภาพ เช่น ธารน้าแข็งน้าพุร้อน แสงอาทิตย์ มะยม การณ์ในรูป นักเรียนจะมีพฤติกรรมอย่างไร อะไรคือ ารตอบสนองต่อสิ่งเร้าคืออะไร ครูให้นักเรียนตอบตาม บที่ถูกต้อง ความเข้าใจว่านักเรียนต้องทาอะไรบ้าง (อ่านเร่ือง วันหยุด นองต่อส่งิ เร้า และส่วนของร่างกายที่ใชร้ ับรู้สง่ิ เร้า) การอา่ นท่ีเหมาะสม หยุดของแสนดี สิ่งเร้าคืออะไร มีการตอบสนองต่อส่ิงน้ัน (เช่น ส่ิงเร้า คือแสง ตอบสนองโดยการหรี่ตา และส่วนของ
แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๒ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๒ ตัวเรำ หน่วยย่อยท่ี ๒ ก กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ รำยวิชำ วิทยำ วิทยำศำสตร์ ๑๓. ครใู ห้นกั เรียนทากิจกรรมขอ้ ๖-๗ แลว้ นาเสน๒อ ๑๔. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ ราย โดยครอู าจใชแ้ ๑๔.๑ เเมม่ืออ่ื เถหกู น็ สเนุ พัขื่อวน่ิงกไลินก่ ขวอชดงัน้เปปรรี้ยะวถมๆศกึ ษำปที ี่ ๖ ๑๔.๒ ๑๔.๓ เม่อื ไดย้ ินเสียงประทัด จากสถานการณ์ ๑๕ อยา่ งไร และส่วนใดของรา่ งกายที่ใช้รับรู้สิ่งเร้า ครอู า สถานการณ์ ส่งิ เรา้ เมอ่ื ถูกสุนขั ว่งิ ไล่กวด สุนัข เมอ่ื เห็นเพอ่ื นกิน อาหารท่มี รี สเปรย้ี ว ของเปรี้ยว ๆ เม่ือไดย้ ินเสียงประทัด เสยี งประทัด ๑๕. นกั เรยี นบนั ทกึ ผลลงในใบงาน หนา้ ๙๙ ๑๖. นกั เรียนตอบคาถามหลงั จากทากิจกรรมหน้า ๑ ขัน้ สรุป (๑๕ นำท)ี ๑๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ได้วา่ ร่างกายของมน เช่น สุนัข รสชาติอาหารท่ีเปร้ียว และส่วนของร่า พฤตกิ รรมต่าง ๆ เม่ือได้รับสิง่ เรา้ ๑๘. นักเรียนทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองการตอ
๒ กำรตอบสนองต่อส่งิ เร้ำของเรำ ๑๘๕ กำรตอบสนองตอ่ ส่ิงเรำ้ ของเรำ เวลำ ๔ ชั่วโมง ำศำสตร์ ชั้นประถำมศกึ ษำปที ี่ ๒ ๒อ แนวคาถามดังนี้ ๖ ๕.๑-๑๕.๓ ส่งิ เรา้ คอื อะไร มีการตอบสนองต่อสงิ่ เร้าน้ัน าจทาตารางบนกระดานและบันทึกคาตอบดงั นี้ การตอบสนองต่อสิ่งเรา้ สว่ นของร่างกาย ที่ใชร้ ับรู้สง่ิ เรา้ วง่ิ หนี ขา นา้ ลายไหล ลิ้น เอามือปิดหู หู ๑๐๐ นุษย์มีการตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ การสัมผัส และอ่ืน ๆ างกาย เช่น ตา ผิวหนัง หู ล้ิน ใช้รับรู้ส่ิงเร้า และแสดง อบสนองตอ่ สง่ิ เร้าของเรา หนา้ ๑๐๑
๑๘๖ สื่อประกอบกำรจดั กำรเรียนกำรสอน เรื่องกำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำของเรำ
บตั รภำ
๑๘๗ ำพธำรนำ้ แขง็
บตั รภำพ
๑๘๘ พน้ำพรุ อ้ น
บตั รภำพแสงอ
อำทติ ย์ ๑๘๙
บตั รภำพ
๑๙๐ พมะยม
บตั
๑๙๑ ตรภำพขำ้ วผดั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266