สรปุ หนว่ ยท่ี 2 พุทธประวตั ิ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยา่ ง และชาดก
พุทธประวัติ เรื่องราว หรอื ประวตั ิของ พระพทุ ธเจ้าตง้ั แต่ประสตู ิ จนถงึ ปรินิพพาน
พทุ ธประวตั ิ พทุ ธประวตั จิ ากพระพทุ ธรปู ปางต่างๆ 1. ปางมารวิชยั • แสดงใหเ้ หน็ ถงึ เหตุการณ์ตอนท่พี ระพทุ ธองคท์ รงปราบพญามารทม่ี าขดั ขวาง โดยการ บบี มวยผมบนั ดาลใหเ้ กดิ กระแสน้าไหลทว่ มกองทพั พญามารจนพา่ ยแพไ้ ปในท่สี ดุ • เป็นปางทน่ี ิยมสรา้ งกนั มากทส่ี ุด
พทุ ธประวตั ิ พทุ ธประวตั จิ ากพระพทุ ธรปู ปางตา่ งๆ 2. ปางลีลา • แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์หลงั จากพระพุทธองค์เสด็จข้นึ ไปจาพรรษา ณ สวรรค์ชนั้ ดาวดงึ ส์ เพ่อื แสดงธรรม ก็เสด็จลงมาจากสวรรค์ ด้วยลลี าอนั งดงามและน่าเล่ือมใส ศรทั ธา • เป็นพระพทุ ธรปู ปางทม่ี คี วามออ่ นชอ้ ยมากทส่ี ดุ
พทุ ธประวตั ิ พทุ ธประวตั จิ ากพระพทุ ธรปู ปางตา่ งๆ 3. ปางปฐมเทศนา • แสดงใหเ้ หน็ ถงึ เหตุการณ์หลงั จากตรสั รแู้ ลว้ พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธมั มจกั กปั ปวตั ตน สตู ร แก่ปัญจวคั คยี ์ ซง่ึ เป็นเครอ่ื งหมายแหง่ การประกาศพระพทุ ธศาสนาเป็นครงั้ แรก
พทุ ธประวตั ิ พทุ ธประวตั จิ ากพระพทุ ธรปู ปางต่างๆ 4. ปางประจาวนั เกิด • สงั คมไทยเป็นสงั คมชาวพุทธ ส่วนใหญ่นับถอื พระพุทธศาสนา มคี ตคิ วามเช่อื และนับถอื ในเร่ืองของการ บชู าพระประจาวนั เกดิ ของตนนอกเหนือไปจากการเคารพบชู าพระพุทธรปู ทวั่ ๆ ไป โดยเชอ่ื ว่าถ้าไดบ้ ูชา พระประจาวนั เกดิ กจ็ ะยงิ่ ทาใหเ้ กดิ ความเป็นสริ มิ งคลแกต่ นเองมากขน้ึ
ประวตั ิพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา พระอญั ญาโกณฑญั ญะ ประวตั ิ • เดมิ ชอ่ื โกณฑญั ญะ เกดิ ในตระกลู พราหมณ์ • เป็นพราหมณ์ทม่ี าทานายพระลกั ษณะของเจา้ ชายสทิ ธตั ถะหลงั ประสตู ไิ ด้ ๕ วนั โดยทานายว่า “เจ้าชาย น้อยนี้ ต่อไปจะเสดจ็ ออกผนวชและได้เป็นศาสดาเอกของโลกแน่นอน” • ภายหลงั เม่อื พระพุทธเจา้ ตรสั รแู้ ลว้ โกณฑญั ญะฟังธรรมจน (ดวงตาเหน็ ธรรม) และทลู ขออปุ สมบทเป็น พระสงฆร์ ปู แรกในพระพทุ ธศาสนา คณุ ธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เป็นผมู้ ปี ระสบการณ์มาก มคี วามรอบรทู้ งั้ ทางโลกและทางธรรม • เป็นคนรกั สนั โดษ ชอบชวี ติ สงบ • ทาตนเป็นแบบอยา่ งทด่ี ใี นดา้ นความประพฤติ • เป็นผเู้ หน็ การณ์ไกล
ประวตั ิพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา พระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี ประวตั ิ • เม่อื พระนางประชาบดีโคตมที ูลขอบวช ทาให้พระพุทธเจ้าทรงวางหลกั ปฎิบตั ิครุธรรม ๘ ประการ สาหรบั สตรผี จู้ ะมาบวช • พระนางประชาบดโี คตรมที รงยนิ ดปี ฏบิ ตั ติ ามครุธรรม ๘ ประการ จงึ ไดร้ บั การอุปสมบท ออกผนวชเป็น ภกิ ษุณรี ปู แรกในพระพทุ ธศาสนา คณุ ธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เป็นผมู้ คี วามตงั้ ใจแน่วแน่หรอื แรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ ์เมอ่ื ตงั้ ใจกระทาอะไรแลว้ จะไมล่ ะความพยายามงา่ ยๆ • เป็นผมู้ คี วามอดทนสงู ยง่ิ • เป็นผมู้ คี ารวธรรมอยา่ งยงิ่ มคี วามเคารพ น้อมรบั ฟังและปฏบิ ตั ติ ามอยา่ งว่างา่ ย
ประวตั ิพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา พระเขมาเถรี ประวตั ิ • ระยะแรกมิได้ฝักใฝ่ ในพระพุทธศาสนา ทรงหลงใหลในพระรูปสมบัติของตนเอง จึงไม่ยอมเข้าเฝ้า พระพทุ ธเจา้ • พระเจา้ พมิ พสิ ารทรงหาอบุ าย โดยใหก้ วแี ตง่ ชมความงามของพระวหิ ารเวฬุวนั จนในทส่ี ุดพระนางเขมาก็ ไดร้ บั ฟังธรรมจากพระพทุ ธเจา้ จงึ ทลู ขอบวชและบรรลุอรหตั ผล คณุ ธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เป็นผมู้ ปี ัญญามาก จนกระทงั่ ไดร้ บั การยกย่องจากพระพุทธเจา้ ว่าเป็นเลศิ กว่าผอู้ น่ื ไดร้ บั การแต่งตงั้ เป็น พระอคั รสาวกิ าเบอ้ื งขวาฝ่ายภกิ ษุณี • เป็นผมู้ ปี ฏภิ าณ มไี หวพรบิ ทด่ี ี
ประวตั ิพทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา พระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชประวตั ิ • ก่อนนนั้ นับถอื นักบวชนอกพระพุทธศาสนา ต่อมานับถอื พระพุทธศาสนา เพราะเหน็ จรยิ วตั รอันงดงาม ของพระสงฆ์ • พระเจา้ ปเสนทโิ กศลทรงมคี วามมนั่ คงในพระรตั นตรยั และเคารพต่อพระพทุ ธเจา้ อยา่ งยงิ่ ทุกครงั้ ทเ่ี ขา้ เฝ้า จะอภวิ าทหรอื กราบอยา่ งนอบน้อม คณุ ธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • ทรงมนั่ คงในพระรตั นตรยั • ทรงรกั ษาความมนั่ คงของพระพทุ ธศาสนาอยา่ งดยี ง่ิ • ทรงมพี ระทยั กวา้ ง ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของคนอน่ื • ทรงยอมรบั ผดิ และพรอ้ มจะแกไ้ ข
ศาสนิกชนตวั อย่าง หมอ่ มเจา้ หญงิ พนู พสิ มยั ดศิ กุล พระประวตั ิ • ทรงเป็นผมู้ คี วามสนพระทยั ในพระพทุ ธศาสนาอยา่ งยง่ิ • ทรงมคี วามรใู้ นพระธรรมอยา่ งลกึ ซง้ึ เชน่ และทรงบรรยาย หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาทัง้ ในประเทศและ ต่างประเทศอยเู่ สมอ • ทร ง นิ พ น ธ์ ห นั ง สือ ศ า ส น คุ ณ เ ป็ น ห นั ง สือ ส อ น พระพทุ ธศาสนาแกเ่ ดก็ คุณธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • ทรงเป็ นอบุ าสิกาที่เคร่งครดั ทรงมคี วามเชอ่ื มนั่ ในหลกั การของพระพุทธศาสนาและเล่อื มใสศรทั ธาในพระรตั นตรยั อยา่ งมนั่ คง • ทรงเป็ นพหสู ตู ทรงศกึ ษาภาษาบาลอี ยา่ งจรงิ จงั จนใหท้ รงศกึ ษาพระพทุ ธศาสนาไดแ้ ตกฉาน • ทรงเป็ นแบบอย่างของพลเมืองดี ทรงจงรกั ภกั ดแี ละพทิ กั ษ์รกั ษาสมบตั ลิ ้าค่าของชาติ ผลงานพระนิพนธ์ต่างๆ ของพระบดิ าไดบ้ รจิ าคใหก้ บั ทางรฐั บาล เพอ่ื เกบ็ ไวเ้ ป็นสมบตั ชิ าตใิ หป้ ระชาชนไดศ้ กึ ษา
ศาสนิกชนตวั อย่าง ศาสตราจารยส์ ญั ญา ธรรมศกั ดิ ์ ประวตั ิ • ดารงตาแหน่งนายกพุทธสมาคมแห่งปะเทศไทย • เป็นประธานองคก์ ารพุทธศาสนิกสมั พนั ธแ์ หง่ โลกยาวนานถงึ ๑๕ ปี • ถอื ไดว้ ่าทา่ นเป็นบคุ คลทม่ี คี ุณูปการแก่องคก์ ารพทุ ธศาสนาอยา่ งยง่ิ คณุ ธรรมทค่ี วรถอื เป็นแบบอยา่ ง เป็นผใู้ ฝ่ รใู้ ฝ่ ศึกษา พระพทุ ธศาสนาและปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งเคร่งครดั าสนาและปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งเครง่ ครดั เป็นผมู้ ีความกตญั ญกู ตเวที ตอบแทนพระคณุ ผมู้ พี ระคณุ ทเ่ี ลย้ี งดมู า เป็ นผซู้ ่ือสตั ยส์ จุ ริต เขา้ รบั ราชการกย็ ดึ มนั่ ในคณุ ธรรมจนปรากฏแก่สายตาของสงั คม
ชาดก นันทิวิสาลชาดก • เรอ่ื งเล่าประกอบและมตี วั ละคร ทเ่ี รยี กวา่ “นิทานชาดก” ใชใ้ นการเทศนาธรรม เพอ่ื ใหแ้ งค่ ดิ คตธิ รรมใน การดาเนนิ ชวี ติ ❖ ชาดกเรอ่ื งนันทิวิสาลชาดก พระโพธสิ ตั วเ์ กดิ มาเป็น โค ชอ่ื นนั ทวิ สิ าล ❖ พราหมณ์ไดเ้ ลย้ี งดโู คนนั ทวิ สิ าลเป็นอยา่ งดี นนั ทวิ สิ าลจงึ ตอบแทนพระคณุ พราหมณ์ผเู้ ลย้ี งดู ดว้ ยวธิ กี าร ใหพ้ ราหมณ์ไปพนนั กบั เศรษฐแี ขง่ ลากเกวยี นโดยใชโ้ ค ผชู้ นะจะไดเ้ งนิ ทพ่ี นนั ไว้ ❖ สาเหตุท่ีทาให้พราหมณ์เสียเงนิ จากการพนันแข่งลากเกวียนครงั้ แรก คือ การพูดของ พราหมณ์ทห่ี ยาบคายไมไ่ พเราะ ทาใหโ้ คนนั ทวิ สิ าลไมพ่ อใจ จงึ ไมย่ อมลากเกวยี น พราหมณ์ จงึ ตอ้ งเสยี เงนิ พนนั ใหก้ บั เศรษฐี ข้อคิดที่ได้รบั จากเร่ือง ❖ การพูดจา ควรเลอื กใชค้ าพูดท่ดี ตี ่อผู้อ่นื ดงั นัน้ คนเราควรเปล่งวาจาท่ไี พเราะอ่อนหวาน เพราะวาจาทไ่ี พเราะออ่ นหวานเป็นทพ่ี อใจของใครๆ ❖ ความกตญั ญกู ตเวทตี อ่ ผมู้ พี ระคณุ
ชาดก สวุ ณั ณหงั สชาดก ❖ ชาดกเรื่องสุวณั ณหงั สชาดก พระโพธสิ ตั ว์เกดิ มาเป็น พราหมณ์ เม่อื เสยี ชวี ิตแล้วเกดิ มา เป็นหงสท์ องคา ❖ หงส์ทองคาได้กลบั มายงั ครอบครวั เดมิ เพราะเหน็ ว่าเม่อื ตนเสยี ชวี ติ ไป ครอบครัวมคี วาม เป็ นอยู่ท่ียากลาบาก จึงสลัดขนทองคาให้นางพราหมณ์นาไปขายเพ่ือแลกเงิน ทาให้ ครอบครวั มคี วามเป็นอยทู่ ด่ี ขี น้ึ ❖ แต่นางพราหมณ์เกดิ ความโลภมาก ไม่พอใจในสงิ่ ทม่ี อี ยู่ จงึ จบั หงสท์ องคามาถอนขนออก หมดทงั้ ตวั จากนนั้ ขนทองคาจงึ กลายเป็นขนนกธรรมดา ข้อคิดที่ได้รบั จากเรอื่ ง ❖ ความโลภ คนท่มี ีความโลภมาก ไม่พอใจในส่งิ ท่ไี ด้ในสิง่ ทม่ี ี ย่อมทาให้ตนเองเป็นทุกข์ สดุ ทา้ ยกไ็ มไ่ ดส้ ง่ิ ใดเลย ดงั คาทว่ี ่า “โลภมากมกั ลาภหาย”
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: