Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปเอเขีย

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปเอเขีย

Published by parunya2301, 2021-06-19 14:05:04

Description: การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในทวีปเอเขีย

Search

Read the Text Version

การเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนา ในประเทศต่างๆทัว่ โลก

การเผยแผ่ พระพุทธศาสนา The Propagate of Buddhism To ASIA ทวีปเอเชีย

…การเผยแผ่ในเอเชีย… พระพุทธศาสนากาเนดิ ท่ี “ชมพทู วปี ” และเผยแผ่ไปทวั่ หลงั “สงั คายนา ครั้งท่ี 3” ปจั จุบนั คอื ส่วนใหญข่ อง “อินเดยี ” ไทย คอื ศูนยก์ ลางการ เรียนรแู้ ละเผยแผใ่ นแถบน้ี เจริญรงุ่ เรอื งใน อินเดยี (พุทธกาล) และเจรญิ รงุ่ เรอื งไปทว่ั เอเชยี แต่มัน่ คงในแถบ “เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้

India

…ยุคถอื กาเนดิ และเส่อื มถอย… พระพุทธศาสนา ถือกาเนดิ ขนึ้ ใน “ดนิ แดนมาตภุ มู ิ” ดินแดนทถี่ อื กาเนดิ ของศาสนาพทุ ธ ปจั จบุ ัน คือ อินเดยี Buddha “พระสมั มาสมั พุทธเจา้ ” ผู้กอ่ ตงั้ และประกาศศาสนา หรือกค็ ือ “ศาสดา” และเรม่ิ เขา้ สู่เขา้ สู่ “ยุคเสือ่ มถอย” คอื ประมาณพุทธศตวรรษที่ 17

…พระพุทธศาสนากลับมารงุ่ เรอื งอีกครงั้ … โดยมบี คุ คลหลายทา่ นทเี่ หน็ คณุ คา่ ของพระพทุ ธศาสนา เช่น ผูจ้ ัดตง้ั “มหาโพธสิ มาคม” ผเู้ ปน็ “แกนนาวรรณะศทู ร” และนิตยสาร และปฏิญาณตน “มหาโพธริ วี วิ ” เป็น “พุทธมามามกะ” อนาคารกิ ธรรมปาละ ผนู้ าใหม้ ี “การสารวจโบราณสถาน ดร. เอมเบดการ์ และโบราณวตั ถุ” ในอินเดยี ผเู้ ขยี นงานพทุ ธประวตั ิ “ประทปี แหง่ เอเชยี ” ทาให้คนหนั มาสนใจศาสนาพุทธมากขนึ้ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คนั นิงแฮม เซอร์ เอด็ วนิ ส์ อาร์โนลด์

การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาใน ประเทศอนิ เดยี ������ ประเทศอนิ เดยี เปน็ “ดินแดนตน้ กาเนดิ ศาสนาพุทธ” ������ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 17 ศาสนาพทุ ธเร่มิ เสื่อมถอย ������ ตอ่ มามบี คุ คลหลายทา่ นเขา้ มาฟน้ื ฟูศาสนาพุทธในรปู แบบตา่ งๆ ������ เช่น ……เซ…อ…ร…อ์ …เล…ก็ …ซา…น…เด…อ…ร…์ …เซ…อ…ร์เ…อ…ด็ …วนิ …ส…์ …อ…นา…ค…า…รกิ……ด…ร….อ…มั …เบ…ด…ก…าร…์ … ������ ทาให้มผี ู้คนทวั่ โลกหนั มา “สนใจศาสนาพทุ ธมากย่งิ ขน้ึ ” ปจั จุบนั ชาวอนิ เดยี ไดก้ ลบั มานบั ถอื ศาสนาพทุ ธมากขนึ้ และรฐั บาลอนิ เดยี ไดใ้ ห้การสนบั สนนุ และสง่ เสรมิ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนามากขนึ้



…“ยคุ เรมิ่ เผยแผ่ในศรลี ังกา”… พระพทุ ธศาสนา เร่มิ เข้าสปู่ ระเทศศรีลงั กา ในปี พ.ศ. 236-287 โดยพระเจา้ อโศกมหาราชไดส้ ง่ “สมณทตู สายท่ี 9” เข้าในเผยแผใ่ นศรลี งั กา พระเจ้าเทวานมั ปยิ ตสิ สะ ประกาศให้ “พระพทุ ธศาสนาเปน็ ศาสนาประจาชาติ” และมี “การทาสังคายนาครงั้ ที่ 4”

…“ออู่ ารยธรรมทางพระพทุ ธศาสนา”… พระพทุ ธศาสนาในศรลี งั กาเจรญิ อยา่ งมาก “หลงั การเสอื่ มถอยในอนิ เดยี ” โดยชาวพทุ ธทเ่ี ขา้ มาศกึ ษาศาสนาพทุ ธ และไดน้ าไป “เผยแผใ่ นประเทศของตน” ความเจรญิ ของศาสนาพุทธในศรลี งั กา “เปลยี่ นแปลงไปตามอานาจการปกครองในแตล่ ะสมยั ” พระเจา้ ศรวี ิชยั ราชสงิ ห์ ส่งทตู มาขอ “พระสงฆ”์ จากไทย เพ่อื ไปอปุ สมบทใหก้ ลุ บตุ รทศี่ รลี งั กา แต่ไม่สาเรจ็ แตใ่ น “สมัยพระเจา้ บรมโกศ” ไดส้ ่งพระสงฆม์ ายงั ศรลี งั กา เพอื่ อปุ สมบทใหแ้ กช่ าวศรลี งั กาไดส้ าเรจ็

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน ประเทศศรลี ังกา ������ ศาสนาพทุ ธเขา้ มาในศรีลงั กา “โดยสมณทตู สา…ย…ท…่ี …9…” ������ เจรญิ ถึงขดี สดุ และเปน็ “ศนู ยก์ ลางการเผยแผ่ ศ.พทุ ธไปท่ี ต่างๆ” ������ แต่กม็ ียคุ ทศ่ี าสนาพทุ ธเส่ือมลง “ข้นึ อยกู่ บั อานาจการปกครอง” ������ ศรีลังกาได้ขอให้ “ไทยในการฟื้นฟศู .พทุ ธ” อีกคร้งั ปัจจุบนั ชาวศรลี งั กายงั นบั ถอื ศาสนาพทุ ธเปน็ จานวนมาก และเปน็ ศาสนาประจาชาตจิ ากอดตี ถงึ ปจั จบุ นั



…“หนง่ึ ใน สังเวชณยี สถาน”… อดตี เนปาลเป็น “สว่ นหนง่ึ ของอนิ เดยี ” เป็น “สถานทปี่ ระสูตขิ องพระพทุ ธเจา้ ” คอื สวนลมุ พนิ วี นั

ไดร้ ับการยกย่องใหเ้ ปน็ มรดกโลก ตงั้ แต่ พ.ศ. 2540 ปัจจบุ นั อยใู่ นประเทศเนปาล

…“เถรวาทเสื่อม มหายานเจรญิ ”… ศาสนาพุทธในเนปาลเจรญิ ร่งุ เรอื งในยคุ แรก จากการเผยแผ่โดย “สมณทูต สาย7” ยคุ แรก ตอ่ มาเนปาลเปน็ ศูนยก์ ลาง เนปาลนบั ถอื “ศาสนาพทุ ธเถรวาท” “ศาสนาพทุ ธมหายาน นิกายตันตระ”

การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาใน ประเทศเนปาล ������ อดีตเนปาลเปน็ “สถานทป่ี ระสตู ิ” คอื …ส…ว…น…ล…มุ …พ…นิ …วี…นั …………… ������ ศาสนาพทุ ธเข้ามาในศรลี งั กา “โดยสมณทตู …สา…ย…ท……ี่ 7………” ������ กลายเปน็ “ศนู ยก์ ลางของพระพทุ ธศาสนามหายาน นกิ ายตนั ตระ” ������ ซ่ึงผสมผสานกบั “ความเชอื่ พนื้ เมือง” ในคาถาอาคมและไสยศาสตร์ ปัจจุบนั เนปาลพยายามฟนื้ ฟู “พระพทุ ธศาสนา นิกายเถรวาท” โดยการกราบทลู เชิญพระสงั ฆราชจากไทย เพื่อไปอปุ สมบทให้ชาว เนปาล และส่งภกิ ษสุ ามเณรมาศกึ ษาทไ่ี ทยด้วย



…“พระพุทธศาสนาแบบวชั รยาน”… พระพทุ ธศาสนาเขา้ สภู่ ฏู านในราว “พ.ศ. 800-1200” โดย “คุรุปทั มสมั ภวะ” เดนิ ทางจากทเิ บตเขา้ มาเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาในภฏู าน “พระพทุ ธศาสนาแบบวชั รยาน” “คุรปุ ทั มสมั ภวะ” หรอื “ตันตระยาน” เกิดขน้ึ ในอนิ เดยี ดดั แปลงเอาลทั ธิฮนิ ดตู นั ตระและ พิธีกรรมทางอาถรรพเวท เช่น สาธยายมนต์ กลายเปน็ ศาสนาประจาชาตภิ ฏู าน

…“นิกายดรุกปะกัคยุ”… เปน็ นกิ ายใหมท่ เี่ กดิ ขน้ึ โดย “ลามะปาโซ” นกิ ายนเ้ี จรญิ อยา่ งมากใน “สมยั ทา่ นงาวงั นมั เยล” ผูน้ านกิ ายดรกุ ปะกคั ยใุ นขณะนนั้ สร้างโดย “งาวงั นาเยล” เพอ่ื ประกอบ “พิธกี รรมทางศาสนา” “พนู าคาซอง” ท่ีสาคญั ของชาวภฏู าน นอกจากนท้ี า่ นยงั รวบรวมชาว ภูฏานใหเ้ ปน็ หนง่ึ เดยี ว จนไดช้ อื่ วา่ “ซบั ดรุง” (ผูท้ ่ที กุ คนตอ้ งยอมออ่ นนอ้ ม)

การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาใน ประเทศภฏู าน ������ “ครุ ุปทั มสมั ภวะ” ผู้นาพระพทุ ธศาสนาเขา้ มาเผยแผใ่ นภฏู าน ������ ซึ่งเปน็ “พระพทุ ธศาสนาแบบ……ว…ัช…ร…ย…า…น…” (ศาสนาประจาชาต)ิ ������ ต่อมา “ลามะปาโซ” ก่อต้ัง “พระพทุ ธศาสนา นิดายดรกุ ปะกคั ยุ” ������ “นาวังนมั เยล” สร้าง “พนู าคาซอง” และทาใหช้ าวภฏู านเปน็ 1 เดียว ปจั จุบัน ชาวภูฏานมคี วามศรทั ธาและยึดมน่ั ในพระพทุ ธศาสนา และมวี ถิ ชี ีวิตสว่ นใหญ่เกย่ี วขอ้ งกบั พระพทุ ธศาสนา

ปจั จุบนั เปน็ สถานทท่ี ี่เปน็ ทพี่ กั ของพระสงั ฆราชช่วงฤดหู นาว พนู าคาซอง (Punakha Dzong)



…“พทุ ธศาสนานิกายวชั รยานเจรญิ สงู สุด”… พระพทุ ธศาสนาในทเิ บตมลี กั ษณะ คอื ผสมระหวา่ งมหายานแบบตนั ตระจากอนิ เดยี และจนี กลายเปน็ “พระพทุ ธศาสนามหายานแบบวชั รยานในทเิ บต” กษัตรยิ ท์ เิ บต ประกาศให้ พระองคแ์ รก พระพุทธศาสนา ท่ีนับถอื เป็นศาสนา พระพทุ ธศาสนา ประจาชาติ “พระเจา้ ลาโธ โธรี เย็นเซ” “พระเจา้ ซรอนซนั กมั โป”

การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาใน ประเทศทเิ บต ������ “ทเิ บต” เป็นดนิ แดนท่ี “พระพทุ ธศาสนานกิ ายวชั รยานรงุ่ เรอื งสงู สดุ ” ������ “พระเจ้าลาโธ โธรี เย็นเซ” คือ กษตั รยิ พ์ ระองคแ์ รกทน่ี บั ถอื ศ.พทุ ธ ������ “พระเจา้ ซรอนซนั กัมโป” ประกาศให้ ศ.พทุ ธ เป็นศาสนาประจาชาติ ������ “นิกายเคลกุ ปะ” เปน็ นกิ ายทแ่ี พรห่ ลายทส่ี ุดในทเิ บต ������ พระสงฆ์ เรยี กวา่ “ลามะ” และผมู้ อี านาจสงู สดุ คือ “องคด์ าไลลามะ” ปัจจบุ นั ชาวทิเบตมวี ถิ ีชวี ติ ยดึ มนั่ ในพระพทุ ธศาสนาอยา่ งแนบแนน่ ตวั อยา่ งเชน่ ก้มกราบเมอ่ื เห็นยอดพระราชวงั โปตาลา เปน็ ต้น

“องคด์ าไลลามะ” ผมู้ อี านาจสงู สดุ ในการปกครองทง้ั อาณาจกั รและศาสนจกั ร



…“จีน เปิดใจรับการเข้ามาของศาสนาพทุ ธ”… แตเ่ ดมิ จนี ไดม้ กี ารนบั ถอื “ลัทธขิ งจือ้ ” และ “ลทั ธเิ ตา๋ ” อย่กู อ่ นแล้ว ต่อมาใน “สมยั พระเจา้ ฮน่ั หมิงตี้” แห่งราชวงศฮ์ นั่ ไดย้ อมรบั การเขา้ มาของศาสนาพุทธ พระเจา้ ฮนั่ หมงิ ตี้ ไดส้ ง่ คณะทตู ไปอนิ เดยี ไดอ้ ญั เชญิ ไดอ้ ญั เชญิ “พระบรมสารรี กิ ธาตุ” “พระไตรปฎิ ก” และอาราธนาพระเถระชน้ั ผ้ใู หญ่ มาประกาศพระพทุ ธศาสนาในจนี ไดส้ าเรจ็

…“วัดม้าขาว”… จักรพรรดจิ นี ไดท้ า “การสรา้ งวดั พระพทุ ธศาสนาขึ้นครง้ั แรก” “ไปห๋ มา่ ซอื่ ” เพอื่ เปน็ “อนสุ รณแ์ กม่ า้ ” ทบ่ี รรทกุ พระคมั ภีรม์ าสจู่ ีน “ราชวงศถ์ งั ” คอื สมัยทพี่ ระพทุ ธศาสนาเจรญิ รงุ่ เรอื งสงู สดุ เพราะไดร้ บั การสนบั สนนุ จากพระจกั รพรรดิ และเสอ่ื มโทรมลง เพราะ เปล่ียนแปลงการปกครองเปน็ “คอมมิวนสิ ต์”

เปน็ วดั ทางพระพุทธศาสนาแหง่ แรกของจนี วัดม้าขาว (ไป๋หมา่ ซื่อ)

การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาใน ประเทศจนี ������ “จนี ” เร่ิมรบั พระพทุ ธศาสนาใน “สมัยพระเจ้าฮน่ั หมงิ ตี้ ในราชวงศฮ์ น่ั ” ������ “ไป๋หมา่ ซอ่ื ” แปลวา่ “วัดมา้ ขาว” คอื วดั แหง่ แรกของจีน ������ ศ.พทุ ธ เจริญสงู สดุ ใน “สมัยราชวงศถ์ งั ” เพราะพระจกั รพรรดส์ิ นบั สนนุ ������ ศ.พทุ ธ เสอ่ื มลงในช่วงทจี่ นี เปลย่ี นการปกครองเป็น “คอมมวิ นสิ ต์” ปจั จุบนั ชาวจนี สว่ นใหญ่ไดน้ บั ถอื พระพทุ ธศาสนา นกิ ายมหายาน ควบคกู่ บั การนับถือลัทธิขงจอื๊ และลทั ธิเตา๋



…“เริ่มสนใจศาสนาพทุ ธ”… กอ่ นการเขา้ มาของพระพทุ ธศาสนา ชาวเกาหลนี ับถือ “ศาสนาชามาน” อยู่กอ่ นแลว้ “ซนุ เตา” “มาลานนั ทะ” จีนสง่ มาเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาใน ภิกษชุ าวอนิ เดยี ได้เดนิ ทางมาเผยแผ่ อาณาจกั รโคกรู ยอบนคาบสมทุ รเกาหลี ศาสนาพทุ ธในเกาหลี จากอทิ ธพิ ลทงั้ 2 อยา่ งนท้ี าใหช้ าวเกาหลหี นั มาสนใจ และยอมรบั นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา

…“แบ่งแยกประเทศ”… ในช่วง “สมยั โชซอน” พระพทุ ธศาสนาเสอ่ื มลง เนื่องจากราชวงศส์ นับสนนุ “ลทั ธิขงจอื้ ” หลังจากนน้ั ศาสนาพทุ ธกไ็ ดร้ บั การฟน้ื ฟอู กี ครงั้ โดยได้รบั ความรว่ มมอื จาก “ญปี่ ่นุ ” ภายหลัง “สงครามเย็น” เกาหลีได้ “แยกออกเปน็ 2 ประเทศ” North Korea South Korea ปกครองแบบ ปกครองแบบ คอมมวิ นสิ ต์ ประชาธิปไตย จึง “ถูกจากดั ” ใน จึงมี “อิสระ” ใน “การนบั ถอื ศาสนา” “การนบั ถอื ศาสนา”

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน ประเทศเกาหลี ������ “มาลานันทะ” และ “ซนุ เตา” คอื ผนู้ าพระพทุ ธศาสนามาเผยแผ่ ������ “สมัยโชซอน” สนบั สนนุ ให้ “ลัทธขิ งจื๊อ” เป็นศาสนาประจาชาติ ������ ในช่วงเกาหลอี ยภู่ ายใตก้ ารปกครองของญปี่ นุ่ ได้รว่ มกนั ฟื้นฟู ศ.พทุ ธ ������ หลังจากสงครามเยน็ มีการแยกประเทศเป็น “เกาหลเี หนอื และเกาหลใี ต้” ซง่ึ “ศาสนาพทุ ธจะเจรญิ เฉพาะในเกาหลใี ตเ้ ท่านน้ั ” ปจั จบุ นั ชาวพทุ ธในเกาหลใี ตม้ ปี ระมาณ 30 ลา้ นคน ส่วนมากนบั ถือพระพทุ ธศาสนานกิ ายเชน ผสมกบั นิกายมหายาน

วดั โซ-กเยซา เกาหลใี ต้



…“ขงจื้อ เต๋า และชนิ โต”… ญี่ปุ่นมีการนบั ถือทงั้ 3 ศาสนาอยกู่ อ่ นทพี่ ระพทุ ธศาสนาจะเผยแผเ่ ขา้ สญู่ ป่ี ุน่ “ลัทธขิ งจอ้ื ” “ศาสนาชนิ โต” ญ่ีป่นุ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลความ ศาสนาทก่ี าเนดิ ทญี่ ปี่ นุ่ เช่ือมาจาก “จีน” นับถอื พระเจา้ หลายองค์ “ลัทธเิ ตา๋ ” เชอ่ื ในเรอื่ ง โหราศาสตร์ และเวทมนตค์ าถาของเตา๋

…“ยคุ สทั ธรรมไพโรจน”์ … ศาสนาพทุ ธเผยแผเ่ ขา้ สญู่ ีป่ ุ่น โดย “กษตั รยิ เ์ กาหลสี ง่ คณะทตู ถวายพระพทุ ธรปู และคมั ภีร์” จงึ ทาให้ “จกั รพรรดญิ ป่ี นุ่ เกดิ ความเลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนา” “จกั รพรรดนิ ซี อู โิ กะ” ประกาศให้ “พระพทุ ธศาสนา” เป็น “ศาสนาประจาชาต”ิ เกิดนกิ ายใหม่ 3 นิกาย “นิกายโจโด” “นกิ ายเซน” “นิกายนชิ เิ รน”

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน ประเทศญ่ปี ุ่น ������ มีการนบั ถอื ศาสนาอนื่ อยกู่ อ่ นแลว้ คือ ลทั ธขิ งจ้ือและศาสนาชนิ โต ������ พระพทุ ธศาสนาเริม่ เขา้ มาจาก “กษตั รยิ เ์ กาหลสี ง่ สมณทูตเขา้ มาเผยแผ่” ������ “พระจกั รพรรดนิ ีซอู โิ กะ” ประกาศให้ “ศ.พทุ ธเปน็ ศาสนาประจาชาติ” ������ เกิดนิกายใหมข่ น้ึ ทญ่ี ปี่ นุ่ คอื นิกายโจโด นกิ ายเซน นิกายนชิ เิ รน ปจั จุบัน ได้มกี ารฟนื้ ฟศู าสนาพทุ ธในหลากหลายวธิ ี เชน่ จัดทาพระไตรปิฎก จัดการเรยี นการสอนวชิ าพระพทุ ธศาสนา เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook