หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 ❖ พทุ ธประวตั ิ ❖ ประวัตพิ ทุ ธสาวก พทุ ธสาวิกา ❖ ศาสนิกชนตวั อยา่ ง ❖ ชาดก ครภู รณั ยา เอน็ ดู
พุทธประวัติ พทุ ธประวัติ คือ เรื่องราวของพระพทุ ธเจา้ ตง้ั แตป่ ระสตู จิ นถงึ ปรนิ พิ พาน แบง่ เป็น 2 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนการแสดงปฐมเทศนา และตอนโอวาทปาฏโิ มกข์ พทุ ธประวตั ิ 1. การแสดงปฐมเทศนา 2. โอวาทปาฏโิ มกข์ 1
พทุ ธประวตั ิ : 1. ตอนการแสดงปฐมเทศนา หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดเวไนยสัตว์โดยทรงแสดงปฐมเทศนา ที่เรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ให้แก่ปัญจวัคคีย์ ซึ่งโกณฑัญญะเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นบุคคลแรก พระพุทธเจา้ จงึ ได้อปุ สมบทใหถ้ ือเปน็ พระสงฆอ์ งคแ์ รกของพระพทุ ธศาสนา 2
พุทธประวัติ : 1. ตอนการแสดงปฐมเทศนา ขั้นตอนการแสดงปฐมเทศนา 1 • ทรงชี้ว่ามีทาง “สุดโต่ง” 2 ทางท่ีบรรพชิตไม่ควรปฏิบัติ คือ การหมกมุ่นในกาม อันเป็นทาง หย่อนเกินไป และการทรมานตนให้ลาบาก อนั เป็นทางตึงเกนิ ไป 2 • ทรงแสดง “ทางสายกลางหรอื มัชฌมิ าปฏิปทา” คือ อรยิ มรรคมีองค์แปดประการ 3 • ทรงแสดง “อริยสจั 4 ประการ” คอื ทุกข์ สมทุ ยั นโิ รธ มรรค ว่าพระองคน์ ้ันทรงตรสั รู้ • สิ่งเหลา่ นี้อย่างไร 4 • หลงั ฟังเทศนจ์ บลงโกณฑัญญะเกิดดวงตาเห็นธรรม จงึ ไดข้ อบวชเปน็ พระสาวกรูปแรก ในพระพทุ ธศาสนา 5 • พระพทุ ธเจา้ ทรงหมุนกงล้อ คือ พระธรรม ขขอ้ คดิ ทไี่ ดจ้ ากการศกึ ษา คือ การปฏิบตั ติ นตาม ทไ่ี มม่ ใี ครสามารถหมนุ กลบั ได้ หลักทางสายกลาง และการพิจารณาทกุ สิ่งอย่างมี เหตุผล ทาใหก้ ารดาเนนิ ชวี ิตมีความสุข เขา้ ใจถึงความ 3 แตกตา่ งของแตล่ ะบุคคล
พุทธประวตั ิ : 2. ตอนโอวาทปาฏโิ มกข์ • เม่ือพระจันทรเ์ สวยฤกษม์ าฆะ ตรงกับวนั เพ็ญเดือน 3 พระสงฆ์จานวน 1,250 รูป มาเข้าเฝา้ พระพุทธเจ้าท่ีวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งพระสงฆ์ท้ังหมดล้วนแต่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา และเปน็ พระอรหันต์ • พระพทุ ธองคท์ รงเห็นการประชุมใหญข่ องสงฆ์ประกอบด้วยองค์ 4 (จาตรุ งคสันนิบาต) จึงทรงแสดงหลักธรรมโอวาทปาฏิโมกข์ ซ่งึ สรปุ ประเด็นไดด้ ังน้ี 4
พทุ ธประวตั ิ : 2. โอวาทปาฏโิ มกข์ 1. ทรงแสดงถงึ อดุ มการณข์ องพระพุทธศาสนา คอื พระนิพพาน (ความดบั สนทิ แหง่ กเิ ลสและทุกข์) โอวาทปาฏโิ มกข์ 2. ทรงแสดงถึงหลักการท่ัวไปของพระพุทธศาสนา 3 ประการ คือ การไม่ทาความชัว่ การทาความดี และการทาจติ ใจใหบ้ ริสทุ ธ์ิ 3. ทรงแสดงถึงวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยเน้นการไม่ เบยี ดเบียนคนอ่นื และใชส้ นั ติวิธีในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา 4. ตรัสถึงคุณสมบัติของผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา คือ ต้องเป็นผู้ เครง่ ครัดในระเบยี บ และฝึกจิตให้มีสมาธอิ ย่างสูงย่ิง ขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษา คือ การเป็นผู้ปฏบิ ัติ ดอี ย่างแทจ้ ริงยอ่ มมผี นู้ บั ถอื และนาคาสอนไปใช้ 5 เป็นแนวทางการดาเนนิ ชวี ติ ทดี่ ี
พทุ ธประวตั จิ ากพระพทุ ธรูปปางตา่ ง ๆ พระพุทธรูปปางสาคัญต่างๆ ได้สร้าง จากเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนกับพระพุทธเจ้า ในโอกาสต่างๆ เพ่ือเป็นการราลึกถึง พระคณุ และเป็นแบบอยา่ งในการดาเนิน ชีวิตทีด่ ใี หแ้ ก่ชาวพทุ ธ ในที่น้ีจะกล่าวถึง 4 ปาง ดงั นี้ 1. ปางมารวิชยั • เป็นปางท่นี ิยมสรา้ งกนั มากที่สุด • แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ตอนที่พระพทุ ธองค์ทรงปราบพญามารท่ีมาขัดขวาง โดยการ บีบมวยผมบันดาลให้เกิดกระแสน้าไหลท่วมกองทัพพญามารจนพ่ายแพ้ไปในที่สุด แสดงใหเ้ หน็ วา่ พระพทุ ธเจ้าสามารถเอาชนะต่อกเิ ลสท้งั ปวงได้ 6
พทุ ธประวัติจากพระพทุ ธรปู ปางต่าง ๆ 2. ปางลีลา • เป็นพระพุทธรปู ปางทมี่ ีความอ่อนชอ้ ยมากทส่ี ดุ • แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์หลังจากพระพุทธองค์เสด็จข้ึนไปจาพรรษา ณ สวรรค์ชั้น ดาวดึงส์เพ่ือแสดงธรรมโปรด(อดีต)พุทธมารดา และเสด็จลงมาจากสวรรค์ ด้วยลีลา อันงดงามและนา่ เลอ่ื มใสศรัทธา 7
พทุ ธประวตั ิจากพระพทุ ธรปู ปางต่าง ๆ 3. ปางแสดงปฐมเทศนา • แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์หลังจากตรัสรู้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาท่ีเรียกว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แก่ปัญจวัคคีย์ ซ่ึงเป็นเคร่ืองหมายแห่งการประกาศ พระพทุ ธศาสนาเป็นคร้งั แรก 8
พทุ ธประวตั ิจากพระพทุ ธรูปปางต่าง ๆ 4. ปางประจาวนั เกดิ • สงั คมไทยเปน็ สงั คมชาวพุทธ สว่ นใหญ่นบั ถือพระพุทธศาสนา มคี วามเชื่อและนับถอื ในเรื่องของ การบชู าพระประจาวนั เกิดของตนนอกเหนอื ไปจากการเคารพบชู าพระพุทธรูปทั่วๆ ไป โดยเช่ือว่าถ้าได้บูชา พระประจาวันเกดิ กจ็ ะย่งิ ทาให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองมากข้ึน โดยพระปางประจาวนั เกดิ แต่ละปางมีดังนี้ 9
วันอาทติ ย์ ปางถวายเนตร • พระพุทธรูปในพระอิริยาบถยืน ลืมพระเนตรท้ังสองเพ่งไปข้างหน้า พระหัตถ์ท้ังสองห้อยลงมา ประสานกันอย่ขู า้ งหนา้ พระหัตถข์ วาซอ้ นเหลื่อมอยู่บนพระหตั ถ์ซ้าย • เป็นเหตกุ ารณ์เมอ่ื พระพทุ ธเจ้าตรัสรูแ้ ละได้ประทับเสวยวิมตุ ติสุข (การพบสุขที่เกิดเพราะความหลุดพ้น จากกิเลส) ใต้ตน้ ศรมี หาโพธทิ์ รงไม่กระพริบพระเนตรเปน็ เวลา 7 วนั 10
วนั จันทร์ ปางหา้ มสมทุ ร • พระพุทธรูปในพระอิริยาบถยืน ย่ืนพระหัตถ์ทั้งสองไปข้างหน้า แบพระหัตถ์ตั้งข้างหน้าเสมอพระ อุระ • เป็นเหตุการณ์ขณะพระพุทธเจ้าประทับอยู่ แล้วเกิดฝนตกหนัก ท่านไม่ได้เสด็จหนีน้าไป พระองค์ ทรงยืนอยูภ่ ายในวงลอ้ มของน้าท่ที ่วมได้อยา่ งนา่ อศั จรรย์ 11
วันองั คาร ปางไสยาสน์ • พระพทุ ธรปู ในพระอิริยาบถนอนตะแคงขวา พระบาททัง้ สองเสมอกัน พระหตั ถ์ซา้ ยทาบพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขน้ึ รับพระเศยี ร มพี ระเขนยรองรับ เรยี กอีกอยา่ งว่า “ปางโปรดอสรุ ินทราหู” • เป็นเหตุการณเ์ กดิ ขน้ึ เมอ่ื พระพุทธองค์ประทบั บรรทมระหวา่ งตน้ รังคู่ กอ่ นเสดจ็ ดบั ขันธปรนิ พิ พาน 12
วนั พธุ (กลางวัน) ปางอมุ้ บาตร • พระพุทธรปู ในพระอิรยิ าบถยืน พระหตั ถท์ ้งั สองประคองบาตร • เป็นเหตุการณ์เกิดข้ึนเม่ือพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดพุทธบิดาและพระญาติ และได้เสด็จออกรับ บณิ ฑบาตจากประชาชนพรอ้ มเหล่าสาวก 13
วันพุธ (กลางคืน) ปางปา่ เลไลยก์ • พระพุทธรูปในพระอิรยิ าบถประทับน่ังห้อยพระบาท พระหัตถ์ซ้ายวางควา่ บนพระชานุ พระหัตถ์ ขวาวางหงาย • เป็นเหตกุ ารณเ์ มื่อครั้งพระภกิ ษทุ ะเลาะกนั พระพุทธองค์ได้เสด็จไปห้ามปราม แต่เนื่องจากไม่มีใคร ฟงั พระองคจ์ ึงเสด็จหลีกไปประทบั อยูใ่ นป่า โดยมีพญาช้างและลงิ คอยดูแลเฝ้าปรนนิบัติ 14
วันพฤหสั บดี ปางสมาธิ • พระพุทธรูปในพระอิริยาบถประทับน่ังขัดสมาธิ พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย พระหัตถ์ทั้งสอง วางหงายบนพระเพลา โดยพระหัตถข์ วาทับพระหัตถ์ซา้ ย • เป็นเหตุการณ์เม่อื พระองคต์ รัสรู้ ประทับใตต้ ้นศรมี หาโพธ์ิ 15
วันศุกร์ ปางราพงึ • พระพุทธรปู ในพระอิริยาบถยืน พระหตั ถ์ท้ังสองประสานกนั ยกขึน้ ทาบพระอรุ ะ โดยพระหัตถข์ วาทบั พระหตั ถ์ซ้าย • เปน็ เหตกุ ารณ์ทเี่ กิดข้ึนเมอ่ื พระพทุ ธองคท์ รงราพงึ พิจารณาถงึ ธรรมทต่ี รัสรอู้ ย่างละเอียดลกึ ซงึ้ 16
วนั เสาร์ ปางนาคปรก • พระพทุ ธรปู ประทบั ขดั สมาธิเหนอื ขนดพญานาคทมี่ าขดใหป้ ระทับ และแผพ่ งั พานบังลมและฝนให้ • เป็นเหตกุ ารณ์หลังจากพระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าตรัสรู้ ขณะประทบั ใต้ต้นจิก มีพญานาคแสดงอิทธิฤทธิ์ ขดร่างเป็นพทุ ธบัลลงั ก์ และแผ่พังพานเหนือเศยี รเพื่อบงั ลมและฝนให้ 17
สรุปพุทธประวตั ิ • จากการศึกษาพุทธประวัติต่างๆ ทาให้เราทราบถึงประวัติ เรื่องราวของพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติ จนถึงปรินิพพาน และยังสะท้อนให้เห็นว่าทุกอย่างสาเร็จได้ด้วยความเพียรและสติปัญญา ซึ่งนักเรียนควรนามาปรับใช้ในการดาเนินชีวติ อันจะนามาซึ่งความสุข และสร้างความสงบสุขให้แก่ สงั คมไดอ้ ีกด้วย 18
ตน้ ไม้สาคญั ในพทุ ธประวตั ิ คาชแ้ี จง ให้นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 5-6 คน มอบหมายให้แตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษา เรื่องต้นไม้/พรรณไม้ สาคัญในพุทธประวัติ กลุ่มละ 1 ชนิด โดยจัดทาในรูปแบบ โปสเตอร์ใหน้ า่ สนใจ 1. ตน้ สาละ 2. ต้นศรีมหาโพธิ์ 3. ตน้ แคฝอย 4. ตน้ จิก 5. ดอกบวั 19
20
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: