Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2562)

วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2562)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-09-09 05:14:27

Description: 1. ประสิทธิภาพการใช้สารชีวภาพเคลือบผสมหัวเชื้่อจุลินทรีย์นาโนเพื่อการปลูกข้าวอินทรีย์ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน

2. การออกแบบเอกลักษณ์ท้องถิ่นสำหรับบรรจุภัณฑ์สิ่งทอของวิสาหกิจชุมชน บ้านซาวหลวง ต าบลบ่อสวก จังหวัดน่าน

3. การยกระดับผลิตภัณฑ์พืชสมุนไพรพูลคาวสู่สินค้า OTOP

4. การศึกษาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายไกของวิสาหกิจชุมชนแปรรูป ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นบ้านหาดผาขน ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน

5. การถ่ายทอดผลงานวิจัย: การจัดการเศษเหลือทางการเกษตรจากผลผลิตลำไยของชุมชน ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

6. การพัฒนาเครื่องช่วยฝึกนั่ง-ยืน สำหรับผู้ป่วยเด็กสมองพิการ

7. การศึกษาและพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับชาแปรรูปจากสมุนไพรพื้นบ้าน

8. การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย

Search

Read the Text Version

ส่งผลให้การทางานเป็นทีมมีประสิทธภิ าพ และสามารถ ภาพท่ี 2 แสดงกระบวนการผลติ ผลติ ภณั ฑ์ ควบคุมการดาเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย และ นาธุรกิจให้ประสบความสาเร็จ ภาพที่ 3 แสดงกระบวนบรรจผุ ลติ ภัณฑ์ 2. การศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการ กลุ่มลูกค้า นาไปสู่การขยายการผลิต และเพิ่มรายได้ใน บริหารจัดการสินค้าของผู้ผลิตสินค้า พบว่า กลุ่ม ชุมชนตอ่ ไป วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นบ้านหาดผาขน อภิปรายผล ด้านผลิตภัณฑ์และความเข้มแข็งของชุมชน ถือเป็น “โอกาส” ทุกปัจจัย แสดงให้เห็นว่ากลุ่มมีการผลิต มี จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม ท า ง ธุ ร กิ จ การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ และมคี วามเข้มแข็งของชมุ ชน โดย ผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายไกของวิสาหกิจชุมชนแปรรูป การแหล่งท่มี าของวัตถุดบิ จากแม่น้า ทาให้ไมข่ าดแคลน ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นบ้านหาดผาขน ตาบลเมืองจัง อาเภอ วัตถุดิบ และมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ท่ีสวยงาม ภูเพียง จังหวัดน่าน เรื่องข้อมูลของผู้ประกอบการ และเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน รวมทั้งมีการจัดตั้งกลุ่ม สาหรับหาวิธีการปรับปรงุ การวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ใน โดยใช้ทุนเร่ิมต้นจากการสนับสนุนจากหน่วยงาน และ การดาเนินธุรกิจให้ประสบความสาเร็จ จากการ การดาเนินงานอย่างเป็นระบบ สามารถนาทุนที่ได้มา วิเคราะห์ปัจจัยท่ีอ้างถึงโอกาสและผลกระทบ พบว่า หมุนเวียนในกิจการก่อให้เกิดการมีรายได้ต่อเนื่อง ส่วน ด้านการบริหารจัดการ ถือเป็นโอกาส แสดงให้เห็นถึง ด้านความเป็นไปได้ทางการตลาด ยังพบวา่ เรื่องราวหรือ ก ลุ่ ม วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น แ ป ร รู ป ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ท้ อ ง ถ่ิ น บ้ า น ตานานผลิตภัณฑ์ ถือเป็น “อุปสรรค” ยังพบปัญหา หาดผาขนได้ให้ความสาคัญในการบริหารจัดการ ไม่ว่า ทางด้านการบันทึกเร่ืองราวของผลิตภัณฑ์ ซ่ึงการผลิต จะเปน็ การวางแผน การจัดการองคก์ ร การส่ังการ หรือ ผลิตภัณฑ์มากจากการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านส่วนหนึ่ง การควบคุม ซึ่งนามาสู่การมีการบริหารจัดการที่ดี แต่มีการพัฒนาตัวผลิตภณั ฑใ์ ห้ตอบสนองความต้องการ ประธานกลุ่มมีภาวะการเป็นผู้นา ส่งผลให้การทางาน ของตลาด มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยไม่ใช้น้ามันในการ เป็นทีมมีประสิทธิภาพ และสามารถควบคุมการ ผลิต เพื่อให้เปน็ ผลติ ภัณฑเ์ ปน็ ผลติ ภณั ฑ์ประเภทอาหาร เจ เพ่ือตอบสนองความต้องการของตลาด ซ่ึงเป็นการ คดิ ค้น และพัฒนาจากงานวิจัย ซ่งึ ไมม่ ีการบนั ทึกการเลา่ เร่อื งราวความเป็นมาของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้ 3. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของผู้ผลิตสินค้า OTOP ในการสง่ เสรมิ อาชีพ และกระจายรายได้ในระดับ ชุมชน เสริมสร้างความมัน่ คงให้กับองค์กร และเกิดเป็น ความเขม้ แข็งของชุมชน พบวา่ กลุ่มวิสาหกจิ ชุมชนแปร รูปผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นบ้านหาดผาขน ด้านการส่งเสริม จากภาครัฐ ถือเป็น “อุปสรรค” ทางกลุ่มยังขาดการ ส นั บ ส นุ นจ า ก ห น่ ว ย งา น ภา ครัฐ อ่ืน ซ่ึ ง มี เ พี ยง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา น่าน ท่ีเข้ามา มีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การ แลกเปล่ียน เรียนรู้ ศึกษาดูงาน แต่ยังขาด หน่วยงาน ภาครัฐเป็นแกนนาในการสนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการ พฒั นาในด้านอื่น ๆ เช่น การจัดนิทรรศการ เพอ่ื แนะนา ผลิตภัณฑ์ หรือการขยายช่องทางการจัดจาหน่ายอ่ืน การจัดหาอุปกรณ์บางรายการท่ีมีความจาเป็นต่อการ ดาเนินกิจการ แต่เนื่องจากอุปกรณ์นั้นมีราคาสูง เช่น ต้แู ชว่ ัตถุดิบ รวมท้งั การหาเครือขา่ ยเพ่ิมเติม เพือ่ ขยาย วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ลา้ นนา 41 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2562

ดาเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ดาเนินธุรกิจของ บรหิ ารงานหน่งึ ตาบล หนงึ่ ผลิตภัณฑต์ ามทศั นะของกลมุ่ ตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ วางแผนการทางาน ผู้ ผ ลิ ต ท่ี ไ ด้ รั บ คั ด เ ลื อ ก เ ป็ น สุ ด ย อ ด ห น่ึ ง ต า บ ล ห น่ึ ง วางแผนธุรกิจ อันเป็นหัวใจสาคัญในการดาเนินธุรกจิ ได้ ผลิตภัณฑ์ไทย ผลการวิจัย พบว่า ส่วนใหญ่คัดเลือก ดังผลการศึกษาของใจมนัส (2540) พบว่า ปัจจัยที่มผี ล ส ม า ชิ ก เ ป็ น บุ ค ค ล ท่ี มี ภู มิ ส า เ น า ใ น พื้ น ท่ี ห รื อ พื้ น ท่ี ตอ่ ความสาเรจ็ และความลม้ เหลว ของธุรกจิ ชุมชน ไดแ้ ก่ ใกล้เคียง กาหนดภาระหน้าที่จากความถนัดหรือ การบริหารจัดการ ตัวสมาชิกเอง การมีส่วนร่วมของ ความสามารถของสมาชิก สร้างเครือขายเช่ือมโยงกับ สมาชิก ความเป็นผู้นา สอดคล้องกับทัศนีพร (2552) ร้านค้า ชุมชนและมีการแลกเปล่ียนสินค้า และผลิต ศึกษาโครงการวิจัยการวิเคราะห์บรรจุภัณฑ์ และ สินค้าให้เป็นมาตรฐานสากลมากย่ิงข้ึน ส่วนด้านความ ศักยภาพชุมชน ตามโครงการ “หน่ึงตาบล หน่ึง เป็นไปได้ทางการตลาด ยังพบอุปสรรค ในปัจจัย ผลิตภัณฑ์” อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า เรื่องราวหรือตานานผลิตภัณฑ์ แสดงให้เห็นถึงชุมชนมี อย่างไรก็ตามในการประกอบธุรกิจนั้น การบริหาร การเล่าขานเร่ืองราวของผลิตภัณฑ์ แต่ขาดการบันทึก จัดการถือว่าเป็นสิ่งสาคัญย่ิง ไม่ว่าจะเป็นด้า น เรือ่ งราวเหล่าน้ันเป็นลายลักษณ์อกั ษร แต่มีการสืบทอด การบริหารงาน บริหารคน หรือการบริหารทรัพยากร รุ่นต่อรุ่นสร้างเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และนาไปสู่การ ถ้าในกลุ่มองค์กรมีการบริหารจดั การที่ดีมี คุณภาพกจ็ ะ พัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของ ทาให้ธุรกิจเหล่าน้ันประสบความสาเร็จ สามารถ ตลาด ควรมีการบันทึกเร่ืองราวของผลิตภัณฑ์ให้เป็น บรหิ ารงานใหล้ ุล่วงไปด้วยดี ลายลักษณ์อักษร เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาของผลิตภัณฑ์ จากภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ผลิตภัณฑ์ระดับที่สงู ขึ้นไป และ ใ น เ รื่ อ ง ข อ ง แ น ว ท า ง ใ น ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า สามารถนาไปเป็นแนวทางในการแก้พัฒนาผลิตภัณฑ์ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร สิ น ค้ า ข อ ง ผู้ ผ ลิ ต สิ น ค้ า ให้กับผู้สืบทอดในชุมชนต่อไป ส่วนด้านความเป็นไปได้ จากการวิเคราะห์ด้านผลิตภัณฑ์และความเข้มแข็งของ ทางการตลาด มีการขยายการจัดจาหน่ายเพ่ิมเติมจาก ชุมชน ถือเป็นโอกาส แสดงให้เห็นว่ากลุ่มมีการผลิต การส่งขายตามรา้ นค้าต่าง ๆ ไปในช่องทางอินเทอรเ์ น็ต ต่อเนอ่ื ง มีการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ให้ดีขึ้น เพือ่ นาไปสู่สร้าง และมีการรักษาความเป็นธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ไว้ มีความเขม้ แขง็ ใหก้ ับชมุ ชน ซึง่ วัตถุดิบทีใ่ ช้ในการผลติ มา ซ่ึงผลิตภัณฑ์มีลักษณะเฉพาะตัว และสร้างความ จากแห่งธรรมชาติ ถึงแม้จะมีเป็นแค่ช่วงฤดูกาล แต่มี แตกต่างจากคู่แข่ง ทาให้ผลิตภัณฑม์ ีความแตกต่างและ การบริหารจัดการให้วัตถุดิบสามารถใช้ในการผลิตได้ เปน็ เอกลักษณ์ สอดคล้องกบั สภุ ทั รา (2547) ศกึ ษาเรอื่ ง อย่างต่อเนื่อง ทาให้ไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถดุ ิบ กิจกรรมกลมุ่ การผลติ และการตลาดผลติ ภณั ฑห์ ตั ถกรรม รวมมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม และเป็น ในโครงการหน่ึงตาบล หน่ึงผลิตภัณฑ์ กรณีศึกษากลุ่ม เอกลกั ษณข์ องชุมชน ถึงแม้การจัดตง้ั กลุม่ จะเริ่มต้นจาก สตรีสหกรณก์ ารเกษตรในจังหวัดอา่ งทอง พบวา่ ปัญหา การช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ แต่สามารถการ และอุปสรรค กลมุ่ ควรขยายการสร้างเครอื ข่ายการผลิต ดาเนินงานอย่างเป็นระบบ สามารถนาทุนที่ได้มา การบริหารจัดการที่ดี มีความรู้เพิ่มทักษะอย่างต่อเน่ือง หมนุ เวียนในกิจการก่อให้เกิดการมีรายได้ต่อเน่ือง สร้าง จะตอ้ งสร้างเอกลกั ษณเ์ ฉพาะกล่มุ ความเข้มแข็งให้ชุมชน สอดคล้องกับภูเมศ (2547) ได้ ศึกษาเร่ือง ศกั ยภาพของชุมชนด้านผลิตภณั ฑ์ โครงการ ส่วนในเรอ่ื งของเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของ หน่ึงตาบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ อาเภอเมือง จังหวัด จันทบรุ ี ผู้ผลิตสินค้า OTOP ในการส่งเสริมอาชีพ และกระจาย ในด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ กลุ่มผู้ผลิตมีการพัฒนา รายได้ในระดับชุมชน เสริมสร้างความม่ันคงให้กับ แนวคิดของตนเองหรือกล่มุ ตามความต้องการของลูกค้า องค์กร และเกิดเป็นความเข้มแข็งของชุมชน จากการ มากท่ีสุด สามารถออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย วิเคราะห์ด้านสภาพความพร้อม และการส่งเสริมจาก ตนเอง และด้านความเข็มแข็งของชุมชน พบว่า หน่วยงานภาครัฐ ยังพบอุปสรรค ในปัจจัยการส่งเสริม ระยะเวลาในการจดั ตั้งกล่มุ ตัง้ แตเ่ ร่ิมทาธุรกิจ 5 ปี ขึ้นไป จากหน่วยงานภาครัฐ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มยังขาดการ ทาให้มีความสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่นได้มีโอกาสรับรู้ ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐในด้าน ข่าวสารภายใน กลุ่มเป็นอย่างดี สอดคล้องกับ ศราวุธ ใดด้านหน่ึง ถึงแม้ทางกลุ่มจะได้รับการสนับสนุนจาก (2547 : บทคัดย่อ) ได้ทาการศึกษา แนวทางการ หน่วยงานภาครัฐบ้างแล้ว แต่ก็ยังแสดงถึงว่ายังไม่ 42 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

เพียงพอ หรือยังไม่ครอบคลุม ซ่ึงจากการศึกษากลุ่มยัง %E0%B9%83%E0%B8%99/about- ต้องการให้หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง us/vision-mission-strategy ช่วยส่งเสริมในด้านการจดั จาหน่าย เพื่อหาแนวทางการ ใจมานสั พลอยด.ี 2540. ปัจจยั ที่มผี ลต่อความสาเร็จ ขยายช่องทางการจัดจาหน่ายของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งการ แ ล ะ ค วา ม ล้ ม เ ห ล วข อ ง ธุ ร กิ จ ชุ ม ช น : จัดหาอุปกรณ์ท่ีมีความทันสมัย และมีความจาเป็นใน กรณีศึกษาเปรยี บเทียบระหว่างภาพรวมและ การเพ่ิมผลผลิต หรือการลดต้นทุนลง รวมถึงการหา ภาพย่อยบ้านคิรีวงษ์อาเภอลานสกา จังหวัด เครือข่ายเพ่ิมเติม เพื่อมีการกระจายสินค้า เพิ่มช่อง นครศรีธรรมราชและอาเภอดาเขื่อนแก้ว ทางการจัดจาหน่าย เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนมากข้ึน ดัง จังหวัดยโสธร. วิทยานิพนธ์สังคมวิทยา คากลา่ วทีว่ ่า ปัจจุบันผผู้ ลิตภูมิปญั ญาท้องถิ่นจะดารงอยู่ มหาบณั ฑติ สาขาวชิ าประชากรศาสตรภ์ าควิชา อย่างโดดเด่ียวไม่ได้ เนื่องจากมีทักษะการผลิตเพียง สังคมวิทยา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์ อย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ผู้ผลิตต้องมีการบูรณาการ มหาวิทยาลยั . ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทวศี กั ดิ์ ขวญั ไตรรงค์ และศิริเพญ็ ตรัยไชยาพร (2553). เพ่ือให้คาปรึกษาแนะนาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ประสิทธิภาพการผลิตคาโรทีนอยด์และคุณค่า ภายในชุมชน (กรมการพฒั นาชมุ ชน กระทรวงมหาดไทย ทางโภชณาการของสาหร่ายไก (Cladophora ,2552) สอดคล้องกับงานวิจัยของ บุญนา (2543 :153) sp.) เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ (I). วารสาร ท่ีได้ศึกษาบทบาทของสถาบันอดุ มศึกษาเพอื่ การพฒั นา วิจยั เทคโนโลยีการประมง. 4 (1) : 54 - 64. ทองถน่ิ : การวจิ ัยรายกรณสี ถาบนั ราชภัฏเพชรบุรี พบวา่ ทัศนีพร ประภัสสร และคณะ. 2552. การจัดการ บทบาทด้านการปรับปรุง ถ่ายทอด และพัฒนา ความร้เู พอ่ื พัฒนาการออกแบบผลติ ภัณฑ์และ เทคโนโลยีในท้องถ่ินนั้นแต่ก็ยังไม่มีการดาเนินการที่ ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ศั ก ย ภ า พ ข อ ง ธุ ร กิ จ ชุ ม ช น . ชัดเจน เป็นเพียงความพยายามใน การจัดการเรียนการ [ออนไลน์] ได้จาก : http://www.tpresearch. สอนให้นักศึกษาได้คิดประดิษฐ์เครื่องมือทางเทคโนโลยี info/research/research2/proposal.php ข้ึนมาใช้ในทองถ่ิน ภาครัฐส่งเสริมการหาวัตถุดิบให้กบั บุญนา ปานขา. 2543. บทบาทของสถาบันอุดมศกึ ษา ผู้ผลิตสินค้าอยใู่ นระดับน้อยซงึ่ อยใู่ นลาดับสุดท้าย เพื่อการพัฒนาท้องถ่ิน: การวิจัยรายกรณี กิตติกรรมประกาศ สถาบันราชภฏั เพชรบุร.ี วทิ ยานิพนธค์ รุศาสตร์ มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยการศึกษา บัณฑิต ขอขอบคุณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาลัย จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ล้านนาท่ีให้ความทุนสนับสนุนงานวิจัยครั้งนี้ และ ปิยะนชุ รสเครือ และชนนิ ทร์ แกว้ มณ.ี 2558. โครงการ ขอขอบคุณสมาชิกกลุ่มวสิ าหกจิ ชมุ ชนแปรรูปผลิตภัณฑ์ พัฒนาผลิตภัณฑจ์ ากสาหร่ายนาจืดในจงั หวัด ท้องถ่ินบ้านหาดผาขน ตาบลเมืองจัง อาเภอภูเพียง น่านสู่ตลาดอาเซียน [ออนไลน์] ได้จาก : จังหวัดนา่ น ทีใ่ ห้ข้อมลู สาหรับงานวจิ ัยครัง้ น้ี http://www.clinictech.most.go.th/online บรรณานุกรม /Search/search_project_detail.asp?IP=42 กรมการพัฒนาชุมชน. (2546). รายงานผลการ 99&Year=2015 ภูเมศ จาปาวงศ์. (2547). ศักยภาพของชุมชนด้าน ดาเนินงานพัฒนาชุมชน. กรุงเทพฯ: บางกอก ผ ลิต ภัณฑ์ โค รงการ \"หน่ึงตาบล หน่ึง บลอ็ ก. ผลิตภัณฑ์\" อาเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี. กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย. 2552. มหาวทิ ยาลัยบูรพา, ชลบุรี. วิสัยทัศน์/พนั ธกจิ /ยุทธศาสตร์. [ออนไลน] ได้ วันวิภา คามงคล และคณะ. (2561). การศึกษา จาก : http://www.cdd.go.th/related-links/ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์จาก %E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4 มะไฟจีนของกลมุ่ แปรรปู มะไฟจีน ตาบลทา่ น้าว %E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3 อาเภอภเู พียง จงั หวดั น่าน. วารสารวิชาการรับ %E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2 ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา.ปที ี่ 2 ฉบบั ท่ี 2 : 53-69. วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 43 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

ศราวุธ สุรศิลป์. (2547). แนวทางการบริหารงานหนึ่ง สภุ ทั รา สภุ าภรณ.์ (2547). กิจกรรมกลุ่มการผลติ และ ตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ตามทัศนะ ของกลุ่ม การตลาดผลิตภณั ฑห์ ัตถกรรมในโครงการหนง่ึ ผู้ผลิตท่ีได้รับคัดเลือก เป็นสุดยอดหนึ่งตาบล ตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ : กรณีศึกษากลุ่มสตรี หน่ึงผลิตภัณฑ์ไทย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์ สหก รณ์การเกษตรในจังหวัดอ่างทอง. อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิชาธุรกิจ วทิ ยานิพนธเ์ ศรษฐศาสตร์มหาบณั ฑติ สาขาวิชา อุตสาหกรรม ภาควิชาบริหารเทคนิคศึกษา เศรษฐศาสตร.์ เชยี งใหม่ : มหาวิทยาลัยแม่โจ.้ บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอม เกล้าพระนครเหนือ. อดุลย์ จาตุรงคกุล. (2543). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. ศิริวรรณ เสรีรัตน์. (2546). พฤติกรรมผู้บริโภค. กรุงเทพฯ: พฒั นาศกึ ษา. Frese, Michael. (2000). Success and Failure of Micro business Owners in Africa : A ศริ ิวรรณ เสรีรตั น์, ปรญิ ลักษติ านนท์ และศภุ ร เสรีรตั น.์ Psychological Approach. United States (2552). การบริหารตลาดยุคใหม่. กรุงเทพฯ: of America : Greenwood Publishing พัฒนาศึกษา. Group. ศุภลักษณ์ สมบูรณ์หรรษา. ( 2549). ทัศนคติด้าน Isaksen, E.J. (2008). Entrepreneurs’ human ผลิตภัณฑ์ การรับรู้ตราสินค้าและแนวโน้ม capital and early Business performance. พฤติกรรมการตัดสินใจซือ “เครื่องทานาอุ่น Entrepreneuship, sustainable growth and พ า น า โ ซ นิ ค ” ข อ ง ผู้ บ ริ โ ภ ค ใ น เ ข ต performance : fromtiers in European. กรุงเทพมหานคร .วิทยานิพนธ์ปริญญา Entrepreneurship research. มหาบัณฑิต ไม่ได้ตีพิมพ์ , มหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรจนศุภางค์ศรี อ่าสุดใจ. (2546). Kotler, Philip. (2016). Marketing Management: กลยทุ ธ์ทางการตลาด. กรงุ เทพฯ : แม็ค. Analysis, Planning, Implementation and Control (15th Glabls ed.). Upper Saddle River, NJ : Prentice-Hall. 44 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

การถ่ายทอดผลงานวจิ ยั : การจัดการเศษเหลอื ทางการเกษตรจากผลผลิตลาไยของชุมชน ตาบลข่วงเปา อาเภอจอมทอง จังหวดั เชยี งใหม่ Research Transfer: Management of agricultural residues from longan (Dimocarpus longan, Lour.) fruit production in Tumbol Khuang Pao, Chom Thong District, Chiang Mai Province ณัฏฐ์วรินท์ ธวุ ะคำ* วชั รี ฝัน้ เฟอื นหำ Nutwarin Thuwakham* Watcharee Funfuenha อำจำรย์ คณะวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยกี ำรเกษตร มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยรี ำชมงคลล้ำนนำ จงั หวดั เชียงใหม่ Lecturer, Faculty of Science and Agricultural Technology Rajamangala University of Technology Lanna Chiang Mai E-mail: [email protected], เบอรโ์ ทรศพั ท์ 053-921444, เบอรโ์ ทรสำร 053-213183 บทคัดยอ่ กำรถ่ำยทอดผลงำนวิจัย: กำรจัดกำรเศษเหลือทำงกำรเกษตรจำกผลผลิตลำไยของชุมชน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ำยทอดควำมรู้ที่เกิดจำกงำนวิจัยสู่เกษตรกรในรูปแบบกำรจัดอบรม เชงิ ปฏบิ ตั ิกำร โดยกำรนำผลผลิตลำไยมำผลิตนำหมักชีวภำพซง่ึ สำมำรถผลิตไดง้ ่ำยและเปน็ วัสดจุ ำกธรรมชำตเิ ป็นมติ ร ต่อสิ่งแวดล้อม เป็นกำรลดปริมำณขยะและแก้ปัญหำสงิ่ แวดล้อมอีกทำงหนง่ึ ด้วย ซึ่งเป็นกำรเสริมสร้ำงควำมเข้มแขง็ ใหช้ ุมชนไดอ้ ยำ่ งยัง่ ยนื และสนับสนนุ ให้เกิดกำรเรียนรู้ กำรพง่ึ พำตนเองภำยใตแ้ นวพระรำชดำรเิ ศรษฐกิจพอเพียง หลังเสร็จกำรถ่ำยทอดผลงำนวิจัย พบวำ่ ผ้เู ข้ำรว่ มกำรอบรมให้ควำมสนใจและได้รับองค์ควำมรู้เร่ืองนำหมัก ชีวภำพและกระบวนกำรผลิต สำมำรถผลิตนำหมักชีวภำพและนำไปประยุกต์ใช้กับกำรเกษตรได้จริง ส่งผลให้ เกษตรกรสำมำรถลดค่ำใช้จ่ำยในกำรใช้ปุ๋ยเคมีได้เป็นจำนวนมำก และช่วยลดมลภำวะจำกกล่ินเหม็นของเศษเหลือ ลำไย รวมทังสตั วท์ เ่ี ปน็ พำหะนำโรค ทำใหช้ มุ ชนมีสภำพแวดลอ้ มดขี ึน คาสาคัญ นำหมกั ชวี ภำพ ลำไย กลว้ ยนำวำ้ กำรถำ่ ยทอดผลงำนวิจัย Abstract Research Transfer: Management of agricultural residues from longan (Dimocarpus longan, Lour.) fruit production in Tumbol Khuang Pao, Chom Thong District Chiang Mai Province. This research is aimed to transfer knowledge from research works to farmers by workshop training. Bioextract from longan residues can be produced practically. The product is not only developed from natural materials but also reduces wastes and conserved solve the environments. This knowledge strengthen the community sustainable and support for learning self-reliance under sufficiency economy as well. After finishing the training program, it showed obviously that participants were interesting in the workshop and received more knowledge about the bioextract and production processes. The agriculturists could be able to produce bioextract by themselves and could apply to their farms. วารสารวิชาการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 45 ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

The bioextract could reduce the cost of chemical fertilizer, decreased bad smell and waste products animals which were carrier some virulent diseases were gotrid and better environment will be obtained. Keywords bio extract, longan, banana, Research Transfer บทนา นำหมักชีวภำพ ปุ๋ยนำชีวภำพ หรือปุ๋ยนำหมัก ลำไย จัดว่ำเป็นผลไม้ทำงเศรษฐกิจของ เป็นของเหลวที่ได้จำกกำรหมักพืชหรือสัตว์กับนำตำล หรือกำกนำตำล ของเหลวท่ีได้มีจุลินทรีย์ธรรมชำติที่ ภำคเหนือโดยเฉพำะจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน เกิดขึนหลำยชนิด ธำตุอำหำรพืช ฮอร์โมนพืช มีกำรนำ ในจังหวัดเชียงใหม่มีพืนท่ีกำรเพำะปลูกลำไย 312,985 น ำ ห มั ก ชี ว ภ ำ พ ม ำ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ เ พื่ อ ส่ ง เ ส ริ ม ก ำ ร ไร่ แบ่งเป็นพืนท่ีให้ผลผลิต 297,443 ไร่ (สำนักวิจัย เจริญเติบโตของพืชโดยกำรรดหรือฉีดพ่นให้กับพืช เศรษฐกิจกำรเกษตร , 2560) อำเภอจอมทอง ทำให้พืชมีกำรเจริญเติบโตดีขึนและมีอำยุกำรเก็บเก่ียว จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในพืนท่ีปลูกสำคัญ โดยมีพืนที่กำร ยำวนำนขึน (สำล่ี, 2544) นำหมกั ชีวภำพเป็นเทคโนโลยี ผลิตลำไยทังสินกว่ำ 60,000 ไร่ มีปริมำณผลผลิตลำไย ท่ีเกษตรกรสำมำรถผลิตเองได้ และเป็นกำรนำเอำวัสดุ ออกสู่ตลำดกว่ำ 250,000 ตัน (เชียงใหม่นิวส์, 2560) เหลือใช้มำทำให้เกดิ ประโยชนม์ ีคณุ คำ่ และลดต้นทุนกำร ทำให้เกิดปัญหำลำไยล้นตลำดและรำคำผลผลิตตกต่ำ ผลิตและยังสำมำรถนำมำใช้ในเกษตรแบบอินทรีย์ได้อีก เพ่ือแก้ไขปัญหำดังกล่ำวจึงได้นำลำไยไปแปรรูป ทังใน ด้วย (มะลวิ ัลย์, 2545) รูปแบบของโรงงำนกระป๋อง โรงงำนกำรแปรรูปอบแห้ง (อบแห้งทังเปลือก/อบแห้งสีทอง) แต่ในกำรแปรรูปทำ ภำรกิจหลักสำคัญด้ำนหน่ึงของมหำวิทยำลัย ใหม้ ีเศษเหลือจำกกำรผลติ ลำไย เช่น เมล็ดลำไย, เปลือก เทคโนโลยีรำชมงคลล้ำนนำคือกำรบริกำรวิชำกำรสู่ ลำไย, ผลขนำดเล็กที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มท่ี, ผลลีบ สังคมและชุมชน โดยได้สนับสนุนให้มีกำรถ่ำยทอด และผลเน่ำ เป็นผลพลอยได้อย่ำงน้อย มำกถึงกว่ำ งำนวิจัย พร้อมทังบูรณำกำรและเทคโนโลยีหรือพัฒนำ หม่ืนตันต่อปี (สำนักวิจัยเศรษฐกิจกำรเกษตร, 2560) อำชีพ เพื่อให้งำนวิจัยมีประสิทธิภำพและศักยภำพมำก และก่อให้เกิดปัญหำด้ำนส่ิงแวดล้อมตำมมำเนื่องจำก จึงได้จัดโครงกำรกำรถ่ำยทอดผลงำนวิจัย กำรจัดกำร เศษเหลือเหล่ำนี เมื่อทิงไว้นำนจะบูดเน่ำส่งกลิ่นเหม็น เ ศ ษ เ ห ลื อ ท ำ ง ก ำ ร เ ก ษ ต ร จ ำ ก เ ศ ษ ล ำ ไ ย ข อ ง ชุ ม ช น นำเสียจำกขยะนีเม่ือไหลลงสู่แหล่งนำ ทำให้เกิดภำวะ ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยได้ร่วมจัดทำ มลพิษทำงนำ ดินเส่ือมสภำพ และเป็นแหล่งเพำะพันธุ์ โครงกำรกับองค์กำรบริหำรส่วนตำบลข่วงเปำ ซึ่งมีกำร ของสตั ว์ท่เี ป็นพำหะนำโรค เชน่ หนู, แมลงวัน, แมลงหวี่ พัฒนำศักยภำพด้ำนกำรประกอบอำชีพ ขจัดปัญหำ และแมลงสำบ (กรมควบคุมมลพิษ, 2546) ควำมยำกจน เสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งให้กับชุมชน และ ส่งเสริม สนับสนุนกำรดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพยี ง จำกรำยงำนกำรวิจัยพบว่ำลำไยประกอบด้วย ตำมแนวพระรำชดำริและยทุ ธศำสตรก์ ำรพัฒนำดำ้ นกำร กลูโคส 26.91% ซูโครส 0.22% กรดทำทำริค 1.26% อนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อม ส่งเสริม สำรประกอบไนโตรเจน 6.31% โปรตีน 5.6% ไขมัน กำรแกไ้ ขปญั หำสง่ิ แวดล้อม เชน่ นำเสยี ขยะ มลพิษทำง 0.5% และธำตุอำหำรอืน่ ๆ เช่น Ca, Fe, P, Na, K และ อำกำศ ส่งเสริมกำรสร้ำงจิตสำนึก และตระหนักถึง วิตำมิน (กิริณี และคณะ, 2556) จึงนำเศษเหลือของ ควำมสำคัญของสิ่งแวดล้อมชุมชน สนับสนุนกำรมีส่วน ลำไยมำทำนำหมกั ชีวภำพ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ร่วมของประชำชน ส่งเสริมกำรนำภูมิปัญญำท้องถิ่นมำ สงู สุดทำงด้ำนกำรเกษตร และยังเปน็ กำรลดปรมิ ำณขยะ ประยุกต์ใช้และคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ มำใช้ในกำร ดว้ ยวิธธี รรมชำตอิ กี ดว้ ย จัดกำรสิ่งแวดล้อม ซ่ึงโครงกำรนีมีวัตถุประสงค์ 46 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

เพ่ือส่งเสริมให้เกษตรกรไดใ้ ช้ปุ๋ยอินทรีย์จำกธรรมชำตทิ ่ี นำเมล็ดลำไย เปลือกลำไยมำบดละเอยี ด สำมำรถผลิตได้ง่ำยไม่เป็นพษิ ต่อสง่ิ แวดล้อมลดปรมิ ำณ และนำเปลอื กกล้วยนำว้ำ มำสับละเอยี ด ขยะและลดปัญหำสิง่ แวดล้อมอกี ทำงหน่ึง อีกทังยังเป็น กำรลดต้นทุนกำรผลิตในด้ำนค่ำใช้จำ่ ยในกำรซือปุ๋ยเคมี  อีกด้วย ซ่ึงข้อมูลจำกกำรวิจัยยังสำมำรถนำไปใช้ใน กำรให้คำแนะนำให้แก่เกษตรกรในชุมชนและผู้สนใจ เติมกำกนำตำล 1 สว่ นและเตมิ นำ 10 สว่ น ต่อไปได้ ผสมคลกุ เคล้ำให้เข้ำกนั วธิ กี ารดาเนินงาน (ตำมสูตร 3 : 1 : 10 เศษจำกลำไย : นำตำล : นำ ) กำรถ่ำยทอดองค์ควำมรู้สู่ชุมชนครังนีเป็นกำร นำควำมร้จู ำกงำนวจิ ัยเร่อื งกำรศึกษำประสิทธภิ ำพของ  นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือผลไม้ที่มีผลต่อกำร เจริญเติบโตของผกั สลัดกรนี โอ๊คมำประยุกต์เผยแพร่ ปดิ ฝำ ถังพลำสตกิ ให้สนิทและเกบ็ ไว้ในท่รี ่ม และถ่ำยทอดสู่ชมุ ชน ต.ขว่ งเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซ่ึงคณะผู้วิจัยได้คัดเลือกวัสดุที่นำมำทำนำหมักชีวภำพ  จำกเศษเหลือลำไยและเปลือกกล้วย เนื่องจำกเป็นพืช เศรษฐกิจของภำคเหนือและหำได้ง่ำยในท้องถ่ิน มี หมักไว้ 15 วนั ใหเ้ ปิดฝำออก เติมนำลงไป 10 ลิตร สรรพคณุ และสำมำรถแปรรปู ไดห้ ลำกหลำย โดยกำรนำ ใช้ไมค้ นใหท้ ัว่ ปดิ ฝำให้สนิทไว้ดงั เดิม หมักไวต้ อ่ นำน เมล็ดลำไย เปลือกลำไยมำบดละเอียด และนำเปลือก กล้วยนำว้ำ มำสับละเอียด หลังจำกนันเติมกำกนำตำล 3 เดือน จะไดน้ ำหมักชวี ภำพ 1 ส่วน ต่อนำ 10 ส่วน ลงไปผสมคลุกเคล้ำให้เข้ำกัน (ตำมสูตร 3 : 1 : 10 เศษจำกลำไย : นำตำล : นำ)  ปิดฝำถังพลำสติกให้สนิท ป้องกันไม่ให้อำกำศเข้ำ และ ควรเก็บไว้ในท่ีร่ม ใช้ปำกกำเขียนวันเดือนปีที่หมักไว้ วิเครำะห์คุณสมบตั ทิ ำงเคมี ไดแ้ ก่ ค่ำควำมเปน็ หลังจำกหมักไว้ 15 วัน ให้เปิดฝำออก เติมนำลงไป กรด-ด่ำง (pH) 10 ลิตร ใช้ไม้คนให้ท่ัว ปิดฝำให้สนิทไว้ดังเดิม หลังจำก นันอีกประมำณ 5 วัน จึงเปิดฝำ แล้วใช้ไม้คนให้ท่ัวและ คำ่ กำรนำไฟฟำ้ ปริมำณธำตุอำหำร N P และ K ปิดฝำ หมักต่อนำน 3 เดือน เม่ือครบเวลำกำหนดจะได้ ประเมนิ ผลควำมพงึ พอใจกำรอบรมถำ่ ยทอดควำมรู้ นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไยและเปลือกกล้วย เรอ่ื งกำรผลติ นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไยและ (ดัดแปลงจำกผลงำนของฆ้องชัย และยรรยงค์, 2553) จำกนันนำนำหมักชีวภำพวิเครำะห์คุณสมบัติทำงเคมี เปลือกกลว้ ย ได้แก่ ค่ำควำมเป็นกรด-ด่ำง (pH) ค่ำกำรนำไฟฟ้ำ โดยใชส้ ถิติรอ้ ยละและค่ำเฉลี่ย ปริมำณธำตุอำหำร N P และ K และประเมินผลควำม ภาพท่ี 1 กำรทำนำหมักชวี ภำพจำกเศษเหลือลำไยและ พงึ พอใจกำรอบรมถ่ำยทอดควำมรู้เร่ืองกำรผลิตนำหมัก เปลอื กกล้วยและเมือ่ หมกั ครบ 3 เดอื น ทำงชมุ ชน ชีวภำพจำกเศษเหลอื ลำไยและเปลอื กกล้วย ดังภำพท่ี 1 ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ ได้ทดลองนำไปใช้ใน ครัวเรือน ผลการดาเนนิ งาน กำรทำนำหมักชีวภำพครังนีมวี ัตถุประสงค์เพ่ือ ถำ่ ยทอดองคค์ วำมรู้กำรทำนำหมกั ชวี ภำพจำกเศษเหลือ ลำไยสู่ชุมชน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และ เพ่ือส่งเสริมให้เกษตรกรไดใ้ ช้ปุ๋ยอินทรีย์จำกธรรมชำตทิ ี่ ส ำ ม ำ ร ถ ผ ลิ ต ไ ด้ ง่ ำ ย แ ล ะ ไ ม่ เ ป็ น พิ ษ ต่ อ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม ดงั ภำพที่ 2 (ก) – (ง) และผลกำรวเิ ครำะห์คุณสมบัติทำง เคมี ได้แก่ ค่ำควำมเป็นกรด-ด่ำง (pH) ค่ำกำรนำไฟฟำ้ ปรมิ ำณธำตอุ ำหำร N P และ K แสดงดงั ตำรำงที่ 1 วารสารวิชาการรับใช้สังคม มทร.ล้านนา 47 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

ภำพท่ี 2 (ก) วสั ดุในกำรทำนำหมกั ชีวภำพ ภำพท่ี 2 (ค) กำรทำนำหมักชีวภำพจำกเศษเหลอื ลำไย ภำพท่ี 2 (ข) ขันตอนกำรเตรยี มนำหมักชวี ภำพ ภำพที่ 2 (ง) กำรทำนำหมกั ชีวภำพจำกเปลอื กกลว้ ย ตารางที่ 1 ผลการวเิ คราะหน์ า้ หมักชีวภาพจากเศษเหลือจากล้าไย และเปลือกกล้วยน้าวา้ ลาดับที่ รายการวเิ คราะห์ นาหมักชีวภาพจากเมลด็ นาหมักชวี ภาพจากเปลอื ก 1. ควำมเป็นกรด-ด่ำง (pH) ลาไย และเปลอื กลาไย กล้วยนาว้า 2. ค่ำกำรนำไฟฟำ้ (EC) (ds/m) 3.87 3. Total Nitrogen (%) 5.03 8.53 4. Available Phosphorus (mg/kg) 9.56 0.03 5. Exchangeable Potassium (%) 0.04 <10.00 <10.00 0.22 0.39 ผลกำรวิเครำะห์นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือ หมักชีวภำพอยู่ระหว่ำง 3.5-5.6 มีควำมเป็นกรดสูง โดย จำกลำไย และเปลือกกล้วยนำว้ำ พบว่ำ นำหมักชีวภำพ ค่ำควำมเป็นกรด-ด่ำงท่ีเหมำะสมต่อกำรเจริญเติบโตของ จำกเปลือกกล้วยนำว้ำ มีควำมเป็นกรดสูงกว่ำนำหมัก พืชจะอยู่ในช่วง 6-7 และค่ำกำรนำไฟฟ้ำของนำหมัก ชีวภำพจำกเศษเหลือจำกลำไย มีค่ำเท่ำกับ 3.87 และ ชีวภำพอยู่ระหว่ำง 2-12 ds/m ค่ำกำรนำไฟฟ้ำท่ี 5.03 และค่ำกำรนำไฟฟ้ำของนำหมักชีวภำพจำกเศษ เหมำะสมกับพืชประมำณ 4 ds/m ซึ่งก่อนกำรนำมำใช้ เหลือจำกลำไยมีคำ่ มำกกว่ำนำหมักจำกเปลอื กกล้วยนำว้ำ รดพืชผักผลไม้ต้องนำมำเจือจำงด้วยนำเปล่ำก่อน โดยใช้ มีค่ำเท่ำกับ 9.56 และ 8.53 ดังรำยงำนของกรมวิชำกำร อัตรำส่วนของนำหมักชีวภำพต่อนำเปล่ำ (1:500) โดย เกษตร (2548) ได้กล่ำวว่ำ ค่ำควำมเป็นกรด-ด่ำงของนำ ปริมำตร) ให้เหมำะสมกับกำรเจริญเติบโตของพืชแต่ละ 48 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ชนิด สว่ นค่ำ total nitrogen (%) ของนำหมักทงั 2 ชนิด ของวิทยำกร เอกสำรประกอบกำรอบรม ระยะเวลำใน อยู่ระหว่ำง 0.03-0.04 % ค่ำ available phosphorus กำรอบรม กำรให้บริกำร คำแนะนำหรือตอบข้อซักถำม (mg/kg) มีค่ำ <10.00 mg/kg และค่ำ exchangeable ของอำจำรย์ เจ้ำหน้ำท่ีที่เข้ำร่วมโครงกำร ควำมรู้ ควำม potassium (%) มีค่ำอยู่ระหว่ำง 0.22–0.39 % ซ่ึงธำตุ เข้ำใจหลังเข้ำร่วมกำรอบรม ควำมสำมำรถนำควำมรู้ท่ี อำหำรหลักทัง 3 ชนิด มีควำมสำคัญต่อกำรสังเครำะห์ ได้รับไปประยุกต์ใช้ในกำรปฏิบตั ิงำน/กำรประกอบอำชีพ โปรตีน กรดนิวคลีอิกของพืช รวมถึงกำรสังเครำะห์แสง ได้ และสำมำรถนำควำมรู้ท่ีได้รับไปถ่ำยทอดให้แก่ชุมชน ของพชื อกี ดว้ ย หรือบุคคลอ่ืนได้ มีควำมพึงพอใจระดับมำก โดยด้ำนกำร ถำ่ ยทอดควำมรขู้ องวิทยำกำร ผเู้ ขำ้ อบรมมคี วำมพงึ พอใจ ผลกำรสำรวจและวิเครำะหก์ ำรประเมนิ ผลควำม มำกที่สดุ คดิ เปน็ ร้อยละ 85.14 และผู้เข้ำรว่ มกำรอบรมมี พึงพอใจต่อกำรอบรมถ่ำยทอดควำมรู้เร่ืองกำรผลิต ควำมรแู้ ละควำมเขำ้ ใจมำกขึน แสดงดังตำรำงที่ 2-4 นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไยและเปลือกกล้วยของ กลุ่มผเู้ ข้ำรว่ มอบรมโครงกำรอบรมเชงิ ปฏบิ ัตกิ ำรกำรผลิต ตารางท่ี 2 ข้อมลู จำแนกตำมเพศ รอ้ ยละ นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไยเพื่อยกระดับผลผลิต เพศ จานวน 60 ทำงกำรเกษตรของชุมชน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง ชาย 21 40 จ.เชียงใหม่ จำนวน 35 คน วิเครำะห์ผลโดยใช้สถิติร้อย หญงิ 14 100 ล ะ แ ล ะ ค่ ำ เ ฉ ลี่ ย ข อ ง ค ะ แ น น ผ ล ก ำ ร ป ร ะ เ มิ น แ ล้ ว รวม 35 แปลควำมหมำยตำมเกณฑ์ที่กำหนด พบว่ำ ผู้ตอบแบบ ประเมินมีจำนวน 35 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชำยจำนวน ตารางที่ 3 ขอ้ มลู จำแนกตำมอำยุ ร้อยละ 21 คน คิดเป็นร้อยละ 60 และเพศหญิงจำนวน 14 คน อายุ จานวน 28.57 คดิ เป็นรอ้ ยละ 40 ส่วนใหญอ่ ำยุ 51 ปีขึนไป มจี ำนวน 25 21- 50 ปี 10 71.43 คน คิดเป็นร้อยละ 71.43 และอำยุ 21 - 50 ปี จำนวน 51 ปขี ึนไป 25 100 10 คน คิดเป็นร้อยละ 28.57 และข้อมูลด้ำนระดับควำม รวม 35 พึงพอใจในกำรให้บริกำร พบว่ำ ด้ำนกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ตารางท่ี 4 คำ่ เฉลี่ย ร้อยละ และระดบั ควำมพงึ พอใจของผตู้ อบแบบประเมนิ รายการ ค่าเฉลยี่ รอ้ ยละ ระดบั ความพงึ พอใจ 1. กำรถำ่ ยทอดควำมรู้ของวิทยำกรเหมำะสม 4.26 85.14 มำก มำก 2. เอกสำรประกอบกำรอบรมมีเหมำะสม 4.03 80.57 มำก 3. ระยะเวลำในกำรอบรมมีเหมำะสม 4.03 80.57 มำก 4. กำรให้บริกำร คำแนะนำหรอื ตอบขอ้ ซักถำมของ 4.23 84.57 ปำนกลำง อำจำรย์ เจ้ำหนำ้ ทท่ี ี่เข้ำร่วมโครงกำร 3.51 70.29 มำก 5. ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจก่อนเขำ้ ร่วมกำรอบรม มำก 6. ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจหลังเข้ำรว่ มกำรอบรม 4.17 83.43 มำก 7. สำมำรถนำควำมรูท้ ไ่ี ดร้ ับไปประยกุ ตใ์ ช้ในกำร 4.23 84.57 ปฏิบตั งิ ำน/กำรประกอบอำชีพได้ 8. สำมำรถนำควำมรทู้ ่ไี ดร้ ับไปถา่ ยทอดใหแ้ ก่ชุมชนได้ 4.00 80 9. ควำมพึงพอใจโดยรวมในกำรอบรมครังนี (ระดบั 0-10) คะแนน………81.14…คะแนน วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 49 ปที ี่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

ความสาเร็จของการดาเนนิ โครงการ เทคโนโลยีรำชมงคลล้ำนนำยังได้กลุ่มเครือข่ำยควำม กำรถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ในกำรทำนำหมัก ร่วมมือกับองค์กำรบริหำรส่วน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ และจุดมุ่งหมำยเพ่ือ ชีวภำพจำกเศษเหลือผลไม้สู่ชุมชน ต.ข่วงเปำ กำรพัฒนำ ในหลำย ๆ ด้ำน ได้แก่ กำรพัฒนำและ อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ นันถือวำ่ ประสบควำมสำเรจ็ เป็น ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจชุมชน โดยยึดแนวทำง ท่นี ่ำพอใจ ชมุ ชนใหค้ วำมสนใจมำกกว่ำรอ้ ยละ 80 และ พระรำชดำริ “เศรษฐกิจแบบพอเพียง” เพื่อสร้ำงควำม ทำงองค์กำรบริหำรส่วน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง เข้มแข็งให้ชุมชน ส่งเสริมและพัฒนำด้ำนกำรเกษตร จ.เชียงใหม่ได้ให้ควำมร่วมมือกับทำงมหำวิทยำลัย โดยยดึ หลกั เกษตรทฤษฎีใหม่ภำยในใต้แนวคิดเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและเล็งเห็นถึงควำมสำคัญในกำรดำเนินชีวิต พอเพียง ในด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อมมี ตำมโครงกำรพระรำชดำริเศรษฐกิจพอเพียง จึงจัดกำร กำรส่งเสริมและสนับสนุนกำรมีส่วนร่วมของประชำชน อ บ ร ม เ ชิ ง ป ฏิ บั ติ ก ำ ร ภ ำ ย ใ ต้ โ ค ร ง ก ำ ร ก ำ ร ถ่ ำ ย ท อ ด ให้มีจิตสำนึกในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและ ผ ล ง ำ น วิ จั ย ด้ ำ น วิ ท ย ำ ศ ำ ส ต ร์ แ ล ะ เ ท ค โ น โ ล ยี ข อ ง ส่งิ แวดลอ้ ม เพื่อให้ชมุ ชนตำบลข่วงเปำมีสภำพแวดล้อม ม ห ำ วิ ท ย ำ ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ร ำ ช ม ง ค ล ล้ ำ น น ำ สู่ ที่ดี มีกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ภำคประชำชนและอุตสำหกรรม ให้ชุมชนได้ลงมือ อย่ำงมีประสิทธิภำพ โดยได้มีกำรจัดตังศูนย์กำรเรียนรู้ ปฏิบัติและนำไปใช้ประโยชน์จริงได้ ปัจจัยท่ีทำให้ ตำมศำสตรพ์ ระรำชำ หนองปุ๊ ขนึ โดยมีวตั ถุประสงค์ให้ โครงกำรประสบควำมสำเรจ็ ได้ คอื 1) ควำมเขม้ แข็งของ เป็นแหล่งเรียนรู้ตำมพระรำชดำริ มีกำรอบรมส่งเสริม ชุมชนที่ให้ควำมร่วมมือกับมหำวิทยำลัยและพร้อมทจ่ี ะ ควำมรู้ในด้ำนกำรเกษตร เช่น กำรทำปุ๋ยหมักชีวภำพ เรียนรู้กำรพึ่งพำตนเองภำยใต้ แนวพระรำชดำริ จำกเศษวัสดุทำงกำรเกษตรให้แก่กลุม่ เกษตรปลอดสำร เศรษฐกิจพอเพียง 2) ชุมชนเล็งเห็นควำมสำคัญของ พอเพียง อำชีพหลักที่สำคัญของประชำกรในเขต ปัญหำด้ำนสุขภำพและส่ิงแวดลอ้ มจึงสนใจผลิตนำหมกั องค์กำรบริหำรส่วนตำบลข่วงเปำ ได้แก่ อำชีพ ชีวภำพที่ใช้ทดแทนสำรเคมี 3) กำรดำเนินโครงกำร เกษตรกรรม เช่น กำรทำสวนผลไม้ ลำไย มะม่วง เป็นไปตำมแผนทีก่ ำหนดและสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์ กำรทำไร่หอมแดง กระเทียม พริก ถั่วเหลือง ข้ำวโพด ของโครงกำร และ4) กำรได้รับกำรสนับสนุนจำกทุน เลียงสัตว์ อำชีพทำนำและกำรปลูกพืชผักสวนครัว ถ่ำยทอดผลงำนวจิ ยั (R4T) ภำยใต้โครงกำรกำรถ่ำยทอด เพ่ือบริโภคภำยในครัวเรือน ซ่ึงต้องใช้ปุ๋ยเคมีในปริมำณ ผลงำนวิจัยด้ำนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ของ มำก ทำให้มคี ่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรซอื ปุ๋ยเคมสี ูง มหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลล้ำนนำ สู่ภำค ประชำชนและอุตสำหกรรม อีกทังทำงมหำวิทยำลัย ตารางท่ี 5 สภำพชมุ ชนก่อนและหลังกำรเปลย่ี นแปลง สภาพชุมชนกอ่ นการเปลีย่ นแปลง สภาพชุมชนหลังการเปล่ยี นแปลง 1. คนในชุมชนขำดควำมรู้ควำมเข้ำใจเรื่องกำรใช้ปุ๋ยนำ 1. คนในชุมชนมคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจในกำรทำปุ๋ยนำหมัก หมกั ชีวภำพ ชีวภำพมำกขึนและมีกำรนำเอำวัสดุเหลือทิงทำง กำรเกษตรในชุมชนมำทำนำหมักชวี ภำพ 2. คนในชุมชนส่วนใหญ่มีกำรใช้ปุ๋ยเคมีในกำรทำ 2. คนในชุมชนหันมำใช้ปุ๋ยนำหมักชีวภำพที่ทำเองหลัง เกษตรกรรม กำรอบรมมำกขนึ 3. เวทีควำมร่วมมือ พบปะ พูดคุยของคนในชุมชนมี 3. คนในชุมชนเกิดควำมสำมัคคีและมีกำรแลกเปลี่ยน น้อย ควำมคดิ เหน็ ในดำ้ นกำรทำเกษตรกรรมกนั มำกขึน 50 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

การนาไปใช้ ได้ เนื่องจำกแต่ละครัวเรือนนำเศษเหลือลำไยไปทำนำ ปั จ จุ บั น ท ำ ง ก ำ ร เ ก ษ ต ร ก ร ร ม มี ค ว ำ ม ส น ใ จ หมักชีวภำพกันมำกขึน ซ่ึงนำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือ ล ำ ไ ย มี จุ ลิ น ท รี ย์ จ ำ ก ธ ร ร ม ช ำ ติ ท่ี เ กิ ด ขึ น ห ล ำ ย ช นิ ด ทำงดำ้ นเกษตรอนิ ทรยี ์ท่มี คี วำมปลอดภัยตอ่ สขุ ภำพและ ประกอบดว้ ยธำตุอำหำรทจี่ ำเป็นต่อกำรเจรญิ เติบโตของ ส่ิงแวดล้อมมำกขึน เช่น เกษตรปลอดสำรพิษ ซ่ึงเป็น พืช ได้แก่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซียม และธำตุ ระบบเกษตรที่เน้นในเรื่องกำรอนุรกั ษ์สิ่งแวดลอ้ ม โดยมี อำหำรรองอื่น ๆ รวมถึง ฮอร์โมนพืชที่ส่งเสริมกำร หลักกำรสำคัญ 4 ด้ำน คือ สุขภำพ นิเวศ ควำมเป็น เจริญเติบโตของพชื อกี ด้วย และขันตอนต่อไปอำจมีกำร ธรรม และกำรดูแลเอำใจใส่ กรีนเนท (2561) ทำให้ ดำเนินกำรตรวจสอบวัดคุณภำพของดิน ปริมำณ เกษตรกรหันมำนิยมใช้ปุ๋ยที่ได้มำจำกธรรมชำติมำกขึน อินทรีย์วัตถุในดินแปลงเกษตร หรือสวนลำไยท่ีมกี ำรใช้ ซึ่งเป็นกำรเพิ่มทำงเลือกใหม่ให้เกษตรกรในกำรทำ นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไย เพื่อเปรียบเทียบ เกษตรอินทรีย์และลดต้นทุนในกำรใช้ปุ๋ยเคมีและลด คุณภำพของดิน ปริมำณอินทรีย์วัตถุในดินแปลงเกษตร ปั ญ ห ำ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ที่ เ กิ ด จ ำ ก ก ำ ร ใ ช้ ส ำ ร เ ค มี ท ำ ง ก่อนและหลังกำรใช้นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไย กำรเกษตรได้ อีกทังเป็นกำรสร้ำงองค์ควำมรู้และควำม อกี ทังควรมกี ำรจดั อบรมส่งเสรมิ ตอ่ ยอดกำรผลิตนำหมัก เ ข้ ำ ใ จ ใ น ก ำ ร เ ลือก ใ ช้ วัส ดุท่ี เ ห ลือทิ ง จ ำ ก กำ ร เ กษตร ชวี ภำพจำกเศษเหลือทงิ อ่นื ๆ และสำมำรถปรบั ปรุงหรือ เพื่อท่ีจะนำมำทำนำหมักชีวภำพ ซึ่งมีกระบวนกำรผลติ พัฒนำสตู รนำหมกั ชีวภำพต่อไป ท่ีไม่ยุ่งยำกซับซ้อน และต้นทุนต่ำ นอกจำกนีประโยชน์ สรปุ และอภปิ รายผล ของนำหมกั ชวี ภำพยังมหี ลำกหลำย เช่น ชว่ ยปรับสภำพ โครงสร้ำงของดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มนำได้ดี และช่วย โครงกำรถ่ำยทอดผลงำนวิจัย เร่ืองกำรผลิตนำ เพ่ิมจำนวนจุลินทรีย์ท่ีช่วยย่อยสลำยสำรอินทรีย์ในดิน หมักชีวภำพจำกเศษเหลือลำไยเพื่อยกระดับผลผลิต และนำ และยังสำมำรถใช้ฉีดพ่นในแปลงเกษตร ช่วย ทำงกำรเกษตรของชุมชน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง ต้ำนแมลงศัตรูพืช และลดจำนวนแมลงศัตรูพืชอีกด้วย จ.เชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ท่ีได้ (กรมวิชำกำรเกษตร, 2548) ซึ่งจำกกำรนำควำมรู้ไป จำกงำนวิจัยเร่ืองกำรทำนำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือ เผยแพร่และถ่ำยทอดสู่ชุมชน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง ลำไยสู่ชุมชน ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดย จ.เชียงใหม่ และได้มีกำรแจกแบบสอบถำมกำรนำนำ ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นประโยชน์จำกกำรนำเอำเศษเหลือจำก หมักชีวภำพไปใช้ พบว่ำผู้เข้ำร่วมอบรมได้ทำนำหมัก ลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของภำคเหนือมำผลติ ชีวภำพจำกเศษเหลือจำกพืชท่ีมีอยู่ในชุมชนและมีกำร นำหมักชีวภำพ เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ทดลองนำไปใช้ในครัวเรือนของตนเองจริง จำนวน จำกธรรมชำติที่สำมำรถผลิตได้ง่ำยและไม่เป็นพิษต่อ 29 คน โดยทดลองนำไปฉีดพ่นในแปลงพืชผักสวนครัว ส่ิงแวดล้อม อีกทังเพื่อเป็นกำรลดปริมำณขยะทำง และสวนลำไย โดยผสมนำตำมสดั ส่วนท่ีเหมำะสมรดใน กำรเกษตรอีกทำงหน่ึงด้วย และข้อมูลจำกกำรวิจัยยัง แปลงเกษตร มีกำรใช้นำหมักชีวภำพจำกเศษเหลือจำก สำมำรถนำไปใช้ในกำรให้คำแนะนำให้แก่เกษตรกรใน กำรเกษตร ภำยหลงั 3 เดอื น แต่ละครัวเรือนสำมำรถลด ชุมชนและผู้สนใจต่อไปได้ สำหรับกำรเผยแพร่ ค่ ำ ใ ช้ จ่ ำ ย ใ น ก ำ ร ใ ช้ ปุ๋ ย เ ค มี ส ำ ห รั บ ก ำ ร เ ก ษ ต ร ล ง ไ ด้ องค์ควำมรู้ในรูปแบบกำรจัดอบรมเชิงปฏิบัติกำร ให้ ประมำณ ครวั เรือนละประมำณ 200 บำท/เดือน เทำ่ กับ ชุมชนได้ลงมือปฏิบัติจริง ณ องค์กำรบริหำรส่วน 5,800 บำท/เดือน (29 รำย x 200 บำท) หรือเท่ำกับ ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีผู้เข้ำร่วมอบรม ประมำณ 69,600 บำท/ปี ซงึ่ สอดคลอ้ งกับงำนวจิ ัยของ จำนวนทังสิน 46 คน ที่มำจำก ต.ข่วงเปำ อ.จอมทอง สุปรำณีและนพดล (2561) ที่รำยงำน กำรใช้นำทิง จ.เชียงใหม่ ผลของกำรดำเนินกำร พบว่ำ ผู้เข้ำร่วมกำร หลังจำกกระบวนกำรหมักเป็นปุ๋ยในกำรเกษตรสำมำรถ อบรมให้ควำมสนใจและได้รับองค์ควำมรู้เร่ืองนำหมัก ลดค่ำใช้จำ่ ยในกำรใชป้ ๋ยุ เคมปี ระมำณ 33% (ในรำยทไ่ี ม่ ชีวภำพและกระบวนกำรผลิต ซึ่งชุมชนสำมำรถนำไป เคยซือ/ไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมี) ครัวเรือนละประมำณ 200 ประยุกต์ใช้กับกำรเกษตรได้จริง โดยภำพรวมของกำร บำท/เดือน เท่ำกับ 3,200 บำท/เดือน (16 รำย x 200 จัดอบรมในครังนีสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทังในด้ำน บำท) หรือเท่ำกับประมำณ 38,400 บำท/ปี กำรใช้นำ วิชำกำร ทักษะ และเจตคติ ที่ผู้เข้ำร่วมอบรมได้รับจำก หมักชีวภำพสำมำรถลดปริมำณขยะจำกเศษเหลือลำไย วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 51 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

โครงกำรนี และสำมำรถประยุกต์องค์ควำมรู้ท่ีเกิดจำก โปรตีนและสำรอินทรีย์ที่สำคัญ ในพืช และธำตุ โครงกำรส่กู ำรตอ่ ยอดงำนวิจยั นวัตกรรม และกำรศกึ ษำ โพแทสเซียมเป็นธำตุอำหำรหลักใน 3 ธำตุที่จำเป็นต่อ ต่อไปได้ และเม่ือนำนำหมักชีวภำพมำวิเครำะห์ กำรเจริญเติบโตของพืชเป็น ส่วนสำคัญสำหรับ คุณสมบัติทำงเคมี ได้แก่ ค่ำควำมเป็นกรด-ด่ำง (pH) กระบวนกำรต่ำง ๆ ของเซลล์พืช ช่วยในกำรสังเครำะห์ ค่ำกำรนำไฟฟ้ำ ปริมำณธำตุอำหำร N P และ K นำตำลและแป้งกำร เคล่ือนย้ำยแป้งและนำตำลจำกใบ ดังตำรำงที่ 1 พบวำ่ สอดคลอ้ งกับรำยงำนของสำนักงำน ไปยังผล กระบวนกำรสังเครำะหแ์ สงและกำรหำยใจเพ่ิม ปศุสัตว์เขต 9 (2554) ทร่ี ำยงำนคำ่ total Nitrogen (%) ปริมำณ กรดอินทรีย์และไนโตรเจนท่ีใช้ในกระบวนกำร ที่พบในนำหมักชีวภำพจำกพืช อยู่ระหว่ำง 0.03 - สร้ำงโปรตีน โครงสร้ำงของเอนไซม์ทำให้พืชแข็งแรง 1.66% Available Phosphorus (%) อ ยู่ ร ะ ห ว่ ำ ง สำมำรถต้ำนทำนโรค และส่งเสริมคุณภำพของผลผลิต 0 - 0.4% แ ล ะ Exchangeable Potassium (%) อ ยู่ อีกด้วย (ยงยทุ ธ, 2546) อีกทงั คำ่ ควำมเป็นกรดเป็นด่ำง ระหว่ำง 0.05 - 3.53% และสอดคล้องกับงำนวิจัยของ และค่ำกำรนำไฟฟ้ำ (EC) มีผลต่อกำรเจริญเติบโตของ มยุรี และคณะ (2552) ที่ได้ศึกษำวิเครำะห์หำปริมำณ พืช ดังรำยงำนของกรมวิชำกำรเกษตร (2548) กล่ำวว่ำ ธำตุอำหำรในปุ๋ยนำชีวภำพที่ผลิตขึนโดยกลุ่มเกษตร ควำมเป็นกรดด่ำง (pH) ของนำหมักชีวภำพอยู่ระหวำ่ ง อินทรยี ์และชีวภำพ ต.ซับพุทรำ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ 3.5 - 5.6 ซ่ึงมีควำมเป็นกรดสูง ซ่ึง pH ท่ีเหมำะสมต่อ พบว่ำในปุ๋ยนำชีวภำพสูตร N1 มีค่ำ N-P-K เท่ำกับ กำรเจริญเติบโตของพืชควรอย่ใู นช่วง 6 - 7 และค่ำกำร 0.25-0.04-1.35, สูตร N 2 มคี ่ำเทำ่ กบั 0.18-0.03-1.73, นำไฟฟ้ำ (EC) ของนำหมักชีวภำพ อยู่ระหว่ำง 2 - 12 สูตร P มีค่ำเท่ำกับ 0.25-0.12-3.08, สูตร K 0.39- ds/m และค่ำกำรนำไฟฟ้ำ (EC) ที่เหมำะสมกับพืช 0.04-2.58 และสูตรฮอร์โมนรกหมู มีค่ำเท่ำกับ 0.53- ประมำณ 4 ds/m ดังนันก่อนนำไปใช้จึงต้องมีกำร 0.18-4.41 ผลกำรวิเครำะห์ที่ได้นำไปเทียบกับค่ำ เจือจำงก่อน อีกทังจำกงำนวิจัยของนพดล (2550) มำตรฐำนปุ๋ยอินทรีย์ชนิดนำของกรมวิชำกำรเกษตร รำยงำนว่ำ กำรควบคุมควำมเปน็ กรดด่ำงและค่ำกำรนำ (2548) (กำหนดค่ำมำตรฐำน N-P-K เท่ำกับ 0.5-0.5- ไฟฟ้ำ (EC) ในสำรละลำยธำตุอำ หำ ร มีผลต่ อ 0.5) พบว่ำ ไม่มีปุ๋ยนำชีวภำพชนิดใดผ่ำนเกณฑ์ ควำมสำมำรถของรำกในกำรดูดสำรอำหำรต่ำง ๆ ของ มำตรฐำน N-P-K ครบทุกค่ำแต่ปุ๋ยนำชีวภำพทุกชนิด พืช ซึ่ง pH ท่ีอยู่ในช่วง 5.8 - 7.0 เป็นค่ำที่เหมำะสมที่ ผ่ำนค่ำมำตรฐำนของโพแทสเซียม และปุ๋ยนำชีวภำพ สำรอำหำรต่ำง ๆ ของพืชสำมำรถคงรูปในสำรละลำยที่ ฮอร์โมนรกหมูผ่ำนเกณฑ์ มำตรฐำนปริมำณไนโตรเจน พืชนำไปใชไ้ ดด้ ี และค่ำกำรนำไฟฟำ้ (EC) ควรอยใู่ นช่วง และปริมำณโพแทสเซียม ทังนีธำตุอำหำรหลักมีควำม 2.0 - 4.0 mMho/cm เพื่อให้แรงดันออสโมติกของ จำเป็นต่อกำรเจริญเติบโตของพืช โดยเฉพำะธำตุ กระบวนกำรดูดซึมแร่ธำตุของรำกพืชได้สะดวก ถ้ำค่ำ ไนโตรเจนเป็นธำตุทีส่ ำคญั และเป็นธำตุอำหำรหลักที่พืช กำรนำไฟฟ้ำ (EC) สูงเกินไปจะยับยังกำรเจริญเติบโต ตอ้ งกำรเป็นปริมำณมำก และจำเปน็ ตอ่ กำรเจริญเติบโต ของพืชได้ ดังนันจึงมีควำมจำเป็นมำกในกำรปรับค่ำ ของพชื เมื่อไนโตรเจนในดินมปี ริมำณพอเหมำะแก่ควำม ควำมเป็นกรดด่ำง (pH) และค่ำกำรนำไฟฟำ้ (EC) ก่อน ต้องกำรของ พืชจะส่งเสริมให้พืชตังตัวได้รวดเร็วใน นำไปใช้ให้เหมำะสมกบั พชื แต่ละชนดิ ร ะ ย ะ แ ร ก ข อ ง ก ำ ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ท ำ ใ ห้ ลำต้น กิ่งก้ำน และใบ เจริญเติบโตได้ดีและยังเป็น จำกงำนวิจัยนีเป็นอีกหนึ่งทำงเลือกของกำร องค์ประกอบของกรดอะมิโน โปรตีน คลอโรฟิลล์ สร้ำงองคค์ วำมรใู้ นกำรทำนำหมักชีวภำพใหก้ บั เกษตรกร กรดนิวคลอี ิก และเอนไซม์ในพชื ช่วยในกำรเพ่มิ ปรมิ ำณ โดยสำมำรถจัดกำรกับปัญหำขยะจำกเศษเหลือจำก โปรตีนและผลผลิตพชื ท่ีให้เมลด็ และผล ฟอสฟอรัสเป็น ลำไยเพ่อื ใหเ้ กิดกำรพฒั นำอย่ำงย่งั ยืน อกี ทังเป็นกำร ธำตุอำหำรหลักท่ีพืชต้องกำรเป็นปริมำณ ม ำ ก เพ่ิมทำงเลือกใหม่ให้เกษตรกรในกำรทำเกษตร เ ช่ น เ ดี ย ว กั น ซึ่ ง จ ำ เ ป็ น ต่ อ ก ำ ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต ข อ ง พื ช อินทรีย์และลดต้นทุนในกำรใช้ปุ๋ยเคมีและลดปัญหำ ส่งเสริมกำรเจริญเติบโตของต้นและกำรแพร่กระจำย ส่ิงแวดล้อมที่เกิดจำกกำรใช้สำรเคมีทำงกำรเกษตร ของรำกในระยะแรก ของกำรเจริญเตบิ โต กำรออกดอก ได้อกี ดว้ ย ออกผลและสร้ำงเมล็ดของพืช ช่วยในกำรสังเครำะห์ 52 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

บรรณานุกรม มยุรี เหมสุทธิ เสำวภำ ชูมณี และอภิศักดิ์ ศรียำกุล. กรมควบคุมมลพษิ . 2546. ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากขยะ 2552. การวิเคราะห์หาปริมาณธาตอุ าหาร ใน ปุ๋ยนาชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ปั้นเม็ด ของกลุ่ม มูลฝอย. [ออนไลน์] ได้จำก: http://www.pcd. เกษตรอินทรีย์และชีวภาพ. ผลงำนโครงกำรท่ี go.th/info_serv/waste_rubbish.htm ได้รับทุนโครงกำร IRPUS ประจำปี 2552. กรมวิชำกำรเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั เพชรบรู ณ์. 2548. การใช้ปุ๋ยกับพืชเศรษฐกิจ. กรุงเทพฯ: สำนักงำนเลขำนกุ ำรกรม กรมวชิ ำกำรเกษตร. มะลิวัลย์ แซ่อุ้ย. 2545. ระยะเวลาการเก็บรักษานา กรมวิชำกำรเกษตร. 2548. ปุ๋ยนาหมักชีวภาพ. ส กั ด ชี ว ภ า พ แ ล ะ ผ ล ก ร ะ ท บ ต่ อ ส ม บั ติ บ า ง [ออนไลน์ ] ได้จำก: http://ratchaburidoae. ประการของดิน. วิทยำนิพนธ์วิทยำศำสตร go.th/damnocnsaduak/puy.html. มหำบัณฑติ . มหำวิทยำลยั เชยี งใหม.่ กรีนเนท. 2561. ระบบเกษตรเพ่ือสุขภาพและ ส่ิงแวดล้อมอ่ืน. [ออนไลน์] ได้จำก: http:// ยงยุทธ โอสถสภำ. 2546. ธาตุอาหารพืช. (พิมพ์ครังที่ www.greennet.or.th/article/1035 2). กรุงเทพฯ: มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร.์ กิริณี แก้วใส จินดำ ขลิบทอง และเบญจมำศ อยู่ ประเสริฐ. 2556. การผลิตลาไยของเกษตรกร สำลี่ ชินสถิตย์. 2544. เทคโนโลยีการผลิตไม้ผลให้ อาเภอโป่งนารอ้ น จงั หวัดจนั ทบุรี : กำรประชุม ปลอดภัยจากสารพิษ. กรุงเทพฯ:สำนักวิจัยและ เสนอผลงำนวิจยั ระดับบณั ฑิตศึกษำ มสธ. ครังที่ พัฒนำกำรเกษตรเขตท่ี 6 กรมวิชำกำรเกษตร 3. มหำวิทยำลยั สุโขทยั ธรรมำธริ ำช. นนทบุร.ี กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ ฆ้องชัย คงดี และยรรยงค์ อินทร์ม่วง. 2553. “กำร เจริญเติบโตของผักคะน้ำ คุณสมบัติทำงเคมีของ สุปรำณี วุ่นศรี และนพดล โพชกำเนิด. 2561. “กำร ดิน และแบคทีเรียชอบเค็มในดินเค็มท่ีได้รับนำ ถ่ำยทอดเทคโนโลยกี ำรผลิตแก๊สชีวภำพเพื่อสร้ำง หมักชีวภำพตำ่ งชนิดกัน”. วารสารวทิ ยาศาสตร์ ควำมเข้มแข็งของชุมชน ตำบลเกำะสุกร อำเภอ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ปะเหลียน จังหวัดตรัง”. วารสารวิชาการรับใช้ 29(3): 266-273 สังคม มทร.ล้านนา. 2(2): 1-8 เชียงใหม่นวิ ส์. 2560. แปลงใหญ่ลาไยจอมทองเลอื กทา ส ด / ช่ อ ผ ล ผ ลิ ต อ อ ก ต ล อด ปี เว้ น ใ น ฤดู . สำนักงำนปศุสัตว์เขต 9 กรมปศุสัตว์. 2554. การทานา [ออนไลน์] ได้จำก:https://www.chiangmai ส กั ด ชี วภ า พ . [อ อ นไ ล น์ ] ไ ด้ จ ำ ก : http:// news.co.th/page/archives/755711 region9.dld.go.th/index.php?option=com นพดล เรียบเลิศหิรัญ. 2550. การปลูกพืชโดยไร้ดิน. _content&view=article&id=161:2011-02- กรงุ เทพฯ: สุวรี ยิ ำสำสน์ . 11-22-17-38&catid=55:2011-02-01-23-09- 45&Itemid=83 สำนักงำนเศรษฐกิจกำรเกษตร. 2560. ข้อมูลการผลติ สินคา้ เกษตร. [ออนไลน์] ได้ จำก:http://www. oae.go.th/assets/portals/1/fileups/prcaida ta/files/longan60.pdf วารสารวชิ าการรับใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 53 ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2562

54 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

การพฒั นาเครอ่ื งชว่ ยฝึกน่งั -ยืน สาหรับผปู้ ่วยเดก็ สมองพกิ าร Development of Sit to Stand Equipment for a Children with Cerebral Palsy ธวัชชยั อนุ่ ใจจม1* กลุ ทรพั ย์ ผอ่ งศรสี ขุ 2 จริ ะวัฒน์ ขันติธรางกรู 3 Thawatchai Ounjaijom1* Kullasup Phongsrisuk2 Jirawat Khantitharangkur3 1อาจารย์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา เชยี งใหม่ 2ผู้ช่วยศาสตราจารย์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา เชียงใหม่ 3นักกายภาพบาบัด สถาบันพฒั นาการเด็กราชนครินทร์ จงั หวดั เชยี งใหม่ 1Lecturer, Rajamangala University of Technology Lanna 2Assistant Professor. DR., Rajamangala University of Technology Lanna 3Physical Therapist, Department of Physical Therapy, Rajanagarindra Institute of Child Development, Chiang Mai *E-mail: [email protected], เบอร์โทรศพั ท์ 0-5392-1444 ต่อ 2200, เบอรโ์ ทรสาร 0-5392-1444 ต่อ 2200 บทคดั ยอ่ งานวิจัยนจ้ี งึ มวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือพฒั นาเครอ่ื งชว่ ยยืนสาหรับผปู้ ่วยเดก็ สมองพกิ ารให้สามารถฝกึ นัง่ -ยืนได้ โดย การออกแบบและการวิเคราะห์โครงสร้างด้วยระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ จากน้ันนาเคร่ืองท่ีสร้างขึ้นไปทดสอบ เบ้ืองต้นกับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อทาการปรับปรุงในสว่ นที่บกพร่องจนได้เครื่องช่วยยืนท่ีสมบูรณแ์ ล้วจงึ นาไปทดสอบกบั ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ โดยการวัดมุมข้อต่อของผู้ป่วยเด็กสมองพิการหลังจากที่ได้ฝึกนั่ง-ยืนแล้วเป็นระยะเวลาหน่ึง ด้วยเครื่องทดสอบโกนิโอมิเตอร์ ผลการทดสอบพบว่าการประเมินพัฒนาการด้านการเปลี่ยนแปลงมุมของข้อต่อช่วง สะโพก ขา และข้อเท้า ของผู้ป่วยเด็กสมองพิการที่ได้เข้ารับการทากายภาพบาบัดด้วยเคร่ืองนี้มีพัฒนาการท่ีดีข้ึน เลก็ นอ้ ย และการประเมนิ ความพงึ พอใจที่มีต่อเครือ่ งช่วยฝึกนง่ั -ยืนสาหรับผู้ป่วยเดก็ สมองพกิ ารนี้ พบวา่ ภาพรวมของ ความพึงพอใจท่ีมีตอ่ เคร่ือง ร้อยละ 60 มีความพึงพอใจในระดบั ปานกลาง และร้อยละ 40 มคี วามพงึ พอใจในระดบั ดี คาสาคัญ เคร่อื งช่วยฝกึ นั่ง-ยืน ผู้ปว่ ยเดก็ สมองพกิ าร กายภาพบาบัด มมุ ของขอ้ ต่อ โกนิโอมิเตอร์ ไฟไนต์เอลิเมนต์ ABSTRACT The objective of this study is to develop the sit-to-stand equipment which starts from the sitting posture for the children with Cerebral Palsy. This project implemented the sit-to-stand equipment by stress and deformation analysis with the finite element method. So that the equipment was designed and built in two positions, i.e., sit to stand. The equipment was tested by group of patients. The questionnaire was raised to collect satisfaction of the physical therapist and assistant therapist. The results were used for modifying the equipment to suit the children with Cerebral Palsy. The equipment was adjusted by using the goniometer to measure the joint angle of the patient. The results were found to help increasing the development of the patient by means of hip joint, leg and ankle. The therapist satisfaction in the benefit of the equipment is found around 60% for intermediate levels and 40% for satisfactory levels. วารสารวิชาการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 55 ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

Keywords sit-to-stand equipment, children with Cerebral Palsy, physical therapy, joint angle, Goniometer, Finite element. บทนา สร้างตน้ แบบเครอ่ื งชว่ ยยืนสาหรบั ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ โรคพิการทางสมอง (Cerebral Palsy, CP) โดยมีท่าเร่ิมต้นในท่าน่ังและปรับเป็นท่ายืน แต่ยังพบ ข้อบกพร่องในการใช้งานอยู่บ้าง ทาให้ต้องมีการพัฒนา หมายถึง ความผิดปกติในการเจริญเติบโตของเซลล์ ปรับปรงุ ใหส้ ามารถใชง้ านได้ดียง่ิ ข้นึ สมองส่วนมอเตอร์ที่ควบคุมการเคล่ือนไหวและการ ทรงท่า ความผิดปกติของเซลล์สมองส่วนน้ีเกิดแบบ จ า ก ก า รศึ ก ษาแ ละ สาร วจ จากสถ าบัน ถาวรไมส่ ามารถลุกลามตอ่ ไปได้ และไมส่ ามารถกลับคืน พฒั นาการเดก็ ราชนครนิ ทรเ์ ชียงใหม่ พบว่ามอี ปุ กรณฝ์ กึ สู่สภาพปกติได้เช่นเดียวกัน ความผิดปกตินี้เกิดขึ้น ยืนเพียง 1 เครอื่ ง โดยการทางานของอปุ กรณ์มีเพียงแต่ ในขณะสมองกาลังพัฒนาช่วงเป็นทารกในครรภ์และ การจัดท่าบาบัดในท่าเริ่มต้นด้วยการจับผู้ป่วยเด็กนอน หลังคลอด ในสภาวะสมองพิการนี้มักจะพบความ คว่าก่อนแล้วค่อยๆ ช่วยพยุงให้ผู้ป่วยยืนข้ึน ซ่ึงการ ผิดปกติด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัญหาด้านการรับรู้ จัดท่าบาบัดในท่าการนอนคว่าก่อนการยืนนั้นมีความ การส่ือสาร การได้ยิน ปัญหาด้านพฤติกรรมและอาการ ยุ่งยาก อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยพิเศษเน่ืองจาก ชกั เป็นต้น (พรรณ,ี 2559) ตาแหนง่ ของการจัดวางคร้งั แรกอยู่สงู จากพนื้ มาก ดังนั้น ทางหนว่ ยกายภาพผ้ปู ่วยเดก็ จึงมคี วามต้องการท่จี ะปรับ ก า ร ใ ช้ เ ค รื่ อ ง ช่ ว ย แ ล ะ อุ ป ก ร ณ์ พิ เ ศ ษ ท า ง ท่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ช่วยยืนจากท่านอนคว่าไปเป็น กายภาพบาบัดสาหรับผู้ป่วยสาหรับผู้ป่วยเด็กสมอง ท่าน่ัง ซึ่งหากมีการนาเข้ามาจากต่างประเทศจะมีราคา พิการเพื่อใช้ในการจัดท่าทางและเพ่ือส่งเสริมให้เกิด อยู่ท่ี 1,000 – 3,570 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ควบคุม การทรงท่า และ 35,000 – 124,950 บาท (Conviad R82, 2018) ทาให้ จากัดท่าทางหรอื การเคลือ่ นไหวท่ีผิดปกติ เช่น อุปกรณ์ ผู้ ป่ ว ย ท่ี ป ร ะ ส บ ปั ญ ห า ห รื อ ผู้ ป่ ว ย พิ เ ศ ษ ท่ี มี ค ว า ม ฝึกยืน หรืออุปกรณ์ที่ช่วยในการเคล่ือนท่ี เป็นต้น จาเป็นต้องใชน้ ้นั ไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณเ์ หล่านั้นได้ อุปกรณ์สาหรับผู้ป่วยเด็กสมองพิการมีข้อจากัดในเรื่อง ของการใช้งาน และท่ีสาคญั อุปกรณ์เหลา่ นั้นยังมีราคาที่ จ า ก ปั ญ ห า ดั ง ก ล่ า ว ท า ง ค ณ ะ ผู้ จั ด ท า จึ ง มี ค่อนข้างสูง ผู้ป่วยบางรายไม่มีทุนทรัพย์ในการซ้ือ แนวคิดท่ีจะพัฒนาและสร้างเคร่ืองช่วยฝึกน่ัง -ยืน อุปกรณ์เพื่อช่วยในการฝึก ในการศึกษาวิจัยเก่ียวกับ จากเครื่องต้นแบบของฉัตรมงคล และคณะ ด้วยการ อปุ กรณช์ ่วยยนื สาหรบั ทากายภาพบาบัดภายในประเทศ ปรับปรุงการจัดตาแหน่งของผู้ป่วยเด็กสมองพิการจาก ไทยน้ันยังมีจานวนไม่มากนัก มีเพียงกลุ่มนักวิจัย ท่านอนคว่าเป็นท่านั่ง จากนั้นจึงยกตัวผู้ป่วยเด็กสมอง บางกลุ่มเท่าน้ันที่ได้ทาการศึกษาวิจัยในด้านน้ี เช่น พิการขึ้นไปเป็นท่ายืน เพื่อลดความเส่ียงต่อการเกิด สุรพงษ์ และคณะ (สุรพงษ์ และคณะ, 2558) ได้สร้าง อบุ ตั ิเหตุในขณะเตรยี มท่าเริม่ ตน้ และเป็นการฝึกกระต้นุ อุปกรณ์ช่วยยืนสาหรับเด็กท่ีมีพัฒนาการช้า เพ่ือช่วย การทางานของกล้ามเน้ือด้วยวิธีการลุกน่ังให้แก่ผู้ป่วย เสริมสร้างพัฒนาการให้แก่ผู้ป่วย วัชรินทร์ และคณะ เดก็ สมองพกิ าร และมรี าคาทถ่ี ูกลง (วัชรินทร์ และคณะ, 2549) ได้ทาการสร้างเตียงช่วย วธิ ีการดาเนินงาน ผปู้ ว่ ยอัมพฤกษ์ โดยการสรา้ งเตียงฝกึ ยืนน้ีไดส้ ร้างขึ้นให้ 1. การศกึ ษาขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ ง สามารถใช้งานได้ทั้งระบบไฟฟ้าและระบบใช้มือหมุน นอกจากนี้ มนสั และสทิ ธิชยั (มนสั และสทิ ธชิ ัย, 2558) จากการสัมภาษณ์นักกายภาพบาบัด ประจา ได้พัฒนารถเข็นให้เคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้าและปรับให้ สถาบนั พัฒนาการเด็กราชนครินทร์ พบว่าเครอ่ื งช่วยยืน ช่วยยนื ได้สาหรับผ้สู ูงอายุ หรือในงานวจิ ัยของฉัตรมงคล ที่ใช้ในการฝึกกายภาพบาบัดสาหรับผู้ป่วยเด็กสมอง และคณะ (ฉตั รมงคล และคณะ, 2559) ไดอ้ อกแบบและ พกิ าร ทม่ี ใี ช้ในหนว่ ยกายภาพบาบัดเด็กนนั้ เปน็ ลกั ษณะ 56 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ที่มถี า้ เร่ิมตน้ เปน็ ท่านอนควา่ ตาแหน่งของทา่ นอนคว่านี้ ภาพที่ 1 ระยะการแอ่นที่เกดิ ขึ้นในโครงสร้างขณะนงั่ อยู่สูงจากระดับพื้นประมาณ 1 เมตร ซ่ึงอาจเกิดความ เส่ียงที่จะทาให้ผู้ป่วยเด็กสมองพิการพลัดตกจากเครื่อง ภาพที่ 2 ระยะการแอ่นที่เกิดขึ้นในโครงสรา้ งขณะยืน นอกจากน้ีลกั ษณะของเคร่ืองชว่ ยยืนนม้ี เี พยี งการกระตุ้น 16.600 เท่า ส่วนผลการจาลองเมื่อโครงสร้างรับภาระ กล้ามเนื้อของผู้ป่วยเด็กสมองพิการในขณะที่ยืนเท่านั้น ในท่ายืนพบว่าเกิดระยะการแอ่นตัวสูงสุดประมาณ ท า ง นั ก ก า ย ภ า พ บ า บั ด จึ ง มี ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ จ ะ ใ ห้ 4.814 มลิ ลิเมตร เกิดความเคน้ สงู สดุ ประมาณ 116.100 เคร่ืองช่วยยืนนี้สามารถทาการฝึกกล้ามเนื้อของผู้ป่วย นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร และมคี า่ ความปลอดภัยต่าสุด เด็กสมองพิการในลักษณะของการลุกนั่งและยืนได้ ประมาณ 2.024 เท่า ตามลาดับ ตัวอย่างของผลการ จากเหตุผลดงั กล่าวทางคณะผูว้ ิจยั จึงมีแนวคิดที่จะสร้าง จาลองระยะการแอ่นท่ีเกิดข้ึนในโครงสร้างในขณะน่ัง เครื่องช่วยฝึกน่ัง-ยืน สาหรับผู้ป่วยเด็กสมองพิการ และยืนดว้ ยระเบียบวิธีไฟไนตเ์ อลิเมนตแ์ สดงได้ดงั ภาพที่ ให้สามารถฝึกกล้ามเนื้อของผู้ป่วยเด็กสมองพิการใน 1 และภาพที่ 2 ตามลาดับ ลกั ษณะของการลกุ นัง่ และยืนได้ ตามความตอ้ งการของ 3. การทดสอบการใชง้ าน นักกายภาพบาบดั 2. การวิเคราะห์ความแข็งแรงของโครงสร้างด้วย การทดสอบการใช้งานเคร่ืองช่วยฝึกน่ัง-ยืน ระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ สาหรับผู้ป่วยเด็กสมองพิการ โดยการดูแลอย่างใกล้ชิด ของนักกายภาพบาบัด ประจาสถาบันพัฒนาการเด็ก ทาการจาลองโครงสร้างของเคร่ืองช่วยฝึก ราชนครินทร์ เชียงใหม่ และผปู้ กครองของผูป้ ว่ ยเดก็ เพอ่ื น่ั ง - ยื น ส า ห รั บ ผู้ ป่ ว ย เ ด็ ก ส ม อ ง พิ ก า ร ท่ี อ อ ก แ บ บ ไ ว้ ประเมินการใชง้ านของเคร่ืองช่วยฝึกน่ัง-ยืน ใหม้ ีความ โดยโครงสร้างหลักของเคร่ืองทาจากเหล็กรูปพรรณท่ีมี ขายในท้องตลาดภายในประเทศ เพื่อให้ผู้ที่สนใจ สามารถหาซ้อื ได้ง่าย และพจิ ารณาถึงสดั ส่วนตา่ ง ๆ ของ ผู้ป่วยเด็กที่มีอายุระหว่าง 2-15 ปี (ศรีกาญจนา, 2558) เมื่อได้รับภาระเท่ากับ 40 กิโลกรัม ด้วยระเบียบวิธี ไฟไนต์เอลิเมนต์ (ปราโมทย์, 2560) เพ่ือทานายดูระยะ การแอ่นของโครงสร้าง ค่าความเค้นที่เกิดขึ้น รวมทั้งค่า ความปลอดภัย (Safety Factor) ของโครงสร้างเม่ือได้ รบั ภาระทั้งในขณะนงั่ และขณะยืน ในการจาลองด้วยระเบียบวิธีไฟไนต์เอลิเมนต์ ใช้จานวนเอลิเมนต์เท่ากับ 39,664 เอลิเมนต์ และใช้ เง่ือนไขขอบ (Boundary Condition) แบบยึดแน่น (Fixed Geometry) ท่ีฐานสาหรับติดต้ังล้อ กาหนดให้ แรงกระทาเนื่องจากน้าหนักผู้ป่วย แรงกระทาที่ โครงสร้างเบาะขณะน่ังเท่ากับ 392.400 นิวตัน และ ภาระกระทาท่ีเท้าเหยียบแต่ละข้างขณะยืน เท่ากับ 196.200 นวิ ตนั ผลจากการจาลองพบว่าเมือ่ โครงสรา้ งรับภาระ ในท่านั่งจะเกิดระยะการแอ่นตัวสูงสุดประมาณ 0.144 มิลลิเมตร เกิดความเค้นสูงสุดประมาณ 14.160 นวิ ตนั ต่อตารางมลิ ลิเมตร และมีคา่ ความปลอดภยั ต่าสุด วารสารวชิ าการรบั ใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 57 ปีที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2562

ภาพที่ 3 การจดั เตรยี มผ้ปู ่วยเดก็ ในท่านง่ั เคลอ่ื นไหวสามารถวัดไดโ้ ดยการใหผ้ ปู้ ่วยเคลือ่ นไหวเอง (Active Movement) ผู้วัดจะทาการเคลื่อนแกนพร้อม กับการเคล่ือนไหวของผู้ป่วย หรือทาการเคล่ือนไหว ข้อต่อของผู้ป่วยไปสุดช่วงการเคล่ือนไหว (Passive Movement) ค่าที่วัดได้เป็นหน่วย องศา (Degree) (สรายุธ และคณะ, 2017) โดยในการศึกษาครั้งนี้ ทีมสหวิชาชีพเป็นผู้บังคับให้ผู้ป่วยเด็กเคล่ือนไหวข้อตอ่ ดังตวั อยา่ งที่แสดงในภาพที่ 5 ผลการดาเนนิ งาน การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตใช้วิธีก า ร คานวณหาจานวนปีที่คมุ้ ทุนของโครงการ ซง่ึ จะไมม่ ีการ คิดภาษีและดอกเบ้ียมาร่วมวิเคราะห์ ทาให้ง่ายต่อการ คานวณ โดยการแปลงรายรับทั้งหมดท่ีเกิดขึ้นของการ ดาเนินงานแล้วนามาเปรียบเทียบกับรายจ่าย ทาให้ ทราบว่าจะได้รับเงินทุนช้าหรือเร็วเท่าใด (ทนงเกียรติ, 2539) โดยในการสร้างเคร่ืองช่วยฝึกนั่ง-ยืน ในครั้งนี้ มีต้นทุนในการสร้าง 20,000 บาท ซึ่งมีราคาถูกกว่าการ นาเข้าจากต่างประเทศประมาณ 3.85 เท่า มีระยะเวลา คืนทนุ ประมาณ 28 วนั ภาพที่ 4 ลักษณะของผ้ปู ว่ ยเด็กในท่ายืน ภาพท่ี 5 การวดั มมุ การเคล่อื นไหวของขอ้ ตอ่ ดว้ ย เหมาะสมตามสรรี ะของผู้ป่วยเดก็ รวมถึงความปลอดภัย อุปกรณโ์ กนิโอมิเตอร์ ในขณะใช้เคร่ือง ตัวอย่างข้ันตอนการทดสอบใช้ เคร่อื งช่วยยนื แสดงดังภาพที่ 3 และภาพท่ี 4 4.ประเมนิ ผลดา้ นการกายภาพบาบดั กลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยเด็กสมองพิการ จานวน 5 ตัวอย่าง ถูกประเมินพัฒนาการโดยทีมสหวิชาชีพทาง สาธารณสุขของสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ เชียงใหม่ ด้วยอุปกรณ์โกนิโอมิเตอร์ (Goniometer) ซึ่งเป็นเครื่องมือท่ีใช้วัดมุมการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ประกอบด้วยแกน 2 แกน ใชเ้ ป็นแกนท่ีใชอ้ า้ งองิ 1 แกน และแกนที่ใช้ในการเคล่อื นไหว 1 แกน โดยทม่ี ุมของการ 58 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

โครงสรา้ งหลกั ของเครื่องชว่ ยฝึกนั่ง-ยนื สาหรับ เชียงใหม่ และผู้ปกครองของผู้ป่วยเด็กสมองพิการ ผู้ป่วยเด็กสมองพิการทาจากเหล็กรูปพรรณหน้าตัด พบว่าความสะดวกสบายในการปรับจากท่าน่ัง-ยืน และ สี่ เ ห ลี่ ย ม จั ตุ รั ส ท่ี มี ข า ย อ ยู่ ใ น ท้ อ ง ต ล า ด ทั่ ว ไ ป ความปลอดภัยในการใช้งาน มีระดับความพึงพอใจส่วน มีขนาดกว้าง 22 มิลลิเมตร สูง 22 มิลลิเมตร และหนา ใหญ่ร้อยละ 60 อยู่ในระดับพึงพอใจปานกลาง ความ 1.2 มิลลิเมตร ยกเว้นช้ินส่วนโครงสร้างฐานล่างที่ใช้ มั่นคงแขง็ แรงของเครื่องช่วยยืนสว่ นใหญ่ร้อยละ 80 อยู่ เหล็กรูปพรรณหน้าตัดส่ีเหล่ียมผืนผ้า มีขนาดกว้าง 23 ในระดับพึงพอใจมาก การปรับมมุ ต่าง ๆ ของเคร่อื งช่วย มิลลิเมตร สูง 45 มิลลิเมตร และหนา 1.2 มิลลิเมตร ยืนมีความเหมาะในจัดท่าผปู้ ่วยในขณะน่ังมีระดับความ ตามลาดับ ขนาดของตัวเครื่องเมื่ออยู่ในท่านั่ง มีความ พึงพอใจมากร้อยละ 100 และภาพรวมต่อการใช้งาน กว้าง 580 มิลลิเมตร ยาว 840 มิลลิเมตร สูง 810 ของเครื่องช่วยยืนส่วนใหญ่ร้อยละ 60 อยู่ในระดับ มิลลิเมตร และเมื่อปรับเป็นท่ายืนจะมีความสูง 800 พงึ พอใจปานกลาง มิลลิเมตร ใช้กระบอกสูบไฮดรอลิกส์แบบแก๊ส-สปริง การนาไปใช้ มีระยะชัก 200 มิลลิเมตร เป็นตัวช่วยผ่อนแรงในการ ปรับท่านั่งและท่ายนื การออกแบบเคร่ืองช่วยฝึกนั่ง-ยนื เคร่ืองช่วยฝึกน่ัง-ยืน ถูกนาไปใช้ในการฝึกทา สาหรับผู้ป่วยเด็กสมองพิการนี้ได้พิจารณาให้สามารถ กายภาพบาบัดให้แก่ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ ณ หน่วย ปรับระดับของชุดเบาะข้าง และชุดวางเท้าได้ เพื่อให้ กายภาพบาบัดผู้ป่วยเด็ก สถาบันพัฒนาการเด็ก สามารถปรับระดับตามสรีระของผู้ป่วยเด็กตามความ ราชนครินทร์ เชียงใหม่ เพ่ือเสริมสร้างพัฒนาการ เหมาะสม นอกจากนี้ชุดวางเท้ายังสามารถปรับมุมเอียง ทางดา้ นกลา้ มเนอ้ื ใหแ้ ก่ผู้ป่วยเด็กสมองพกิ าร ได้ตามลกั ษณะของเท้าผ้ปู ว่ ยเดก็ อภปิ รายผล ผลการวัดมุมการเคลื่อนไหวของข้อต่อของ เคร่ืองช่วยยืนสาหรับผู้ป่วยเด็กสมองพิการท่ี ผู้ป่วยเด็กสมองพิการแบบ Passive Movement ด้วย พฒั นาข้ึนนี้ (นงั่ -ยืน) สามารถเปรียบเทยี บกับเคร่อื งช่วย อปุ กรณโ์ กนโิ อมิเตอรใ์ นตาแหน่งสะโพก-ขา (เหยยี ดขา/ ยืนแบบเดิม (นอนคว่า-ยืน) ท่ีมีอยู่ในสถาบันพัฒนาการ งอขา, E/F) ตาแหน่งสะโพก-ขา (กางขา/หบุ ขา, Ab/Ad) เด็กราชนครินทร์ เชียงใหม่ พบว่ามีราคาท่ีถูกกว่า ตาแหน่งข้อเข่า และตาแหน่งข้อเท้า โดยทีมสหวิชาชีพ สามารถผลิตได้งา่ ยเนอ่ื งจากโครงสร้างสว่ นใหญใ่ ช้วัสดุที่ ประจาสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ เชียงใหม่ มีขายในท้องตลาด มีความปลอดภัยในการจัดท่าเรมิ่ ต้น ดังแสดงในตารางที่ 1 แ ล ะ ผู้ ป่ ว ย เ ด็ ก ส า ม า ร ถ ท า ก า ร ฝึ ก ลุ ก น่ั ง แ ล ะ ยื น ไ ด้ โดยสะดวก เพ่ือทากายภาพบาบัดและส่งเสริมให้เกิด จากตารางที่ 1 พบว่าการเปล่ียนแปลงค่ามุม ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หรือพัฒนาการด้านการเคล่ือนไหวของข้อต่อของผูป้ ว่ ย เด็ ก ส ม อ งพิ ก า รห ลั งจ า ก ที่ ได้ ทา ก า ยภ า พ บา บั ด ด้ ว ย ผ ล จ า ก ก า ร ป ร ะ เ มิ น พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ก า ร เคร่ืองช่วยฝึกนั่ง-ยืนท่ีสร้างข้ึนน้ี มีแนวโน้มในการท่ีจะ เปลี่ยนแปลงมุมของข้อต่อต่าง ๆ ของผู้ป่วยเด็กสมอง สามารถชว่ ยกระตุ้นพัฒนาการของกลา้ มเนอ้ื ช่วงขาและ พิการ พบว่ามีผู้ป่วยเด็กสมองพิการมีแนวโน้มท่ีจะ ข้อต่อต่าง ๆ ให้สามารถขยับได้มากข้ึน แต่ผลจากการ สามารถขยับข้อต่อของช่วงสะโพก ขา และข้อเท้า ทดสอบพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างน้อย แต่ท้ังน้ี ได้ดีข้ึนเพียงเล็กน้อย ท้ังนี้เนื่องจากระยะเวลาที่ใช้ใน จะพบว่าแนวโน้มของการเปล่ียนแปลงค่ามุมของข้อต่อ ก า ร ท า ก า ย ภ า พ บ า บั ด ข อ ง ผู้ ป่ ว ย เ ด็ ก แ ต่ ล ะ ร า ย มี ต่าง ๆ ของผู้ป่วยเด็กสมองพิการทั้ง 5 ราย มีแนวโน้ม ระยะเวลาจากัดเพยี งสัปดาห์ละคร้ังเท่าน้ัน หากใช้เวลา ของพัฒนาการที่ดขี น้ึ ในการประเมินการเปล่ียนแปลงมุมของข้อต่อต่าง ๆ ให้มีระยะเวลานานข้ึน อาจทาให้ทราบได้ว่าการ ผลการประเมินความพึงพอใจของเครื่องช่วย ทากายภาพบาบดั ดว้ ยเครื่องนสี้ ามารถที่จะชว่ ยกระตุน้ ยืนสาหรบั ผู้ปว่ ยเดก็ สมองพิการ ที่ได้รับการประเมนิ จาก ทีมสหวิชาชีพของสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ล้านนา 59 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

ตารางที่ 1 ค่ามุมของขอ้ ต่อของผ้ปู ว่ ยเดก็ สมองพิการ ที่วดั ด้วยอปุ กรณ์โกนโิ อมเิ ตอร์ มมุ ของขอ้ ต่อ (องศา) ผปู้ ว่ ย คร้ัง สะโพก-ขา E/F สะโพก-ขา Ab/Ad ขอ้ เขา่ ข้อเท้า ท่ี ซา้ ย ขวา ซ้าย ขวา ซา้ ย ขวา ซ้าย ขวา 1 11/0/118 10/0/98 34/0/25 41/0/17 0/18/132 0/12/132 37/0/26 29/0/24 2 11/0/120 10/0/100 34/0/25 43/0/20 0/18/135 0/10/130 39/0/28 32/0/26 A 3 13/0/120 12/0/102 36/0/27 43/0/20 0/16/135 0/7/130 43/0/30 33/0/28 4 15/0/120 14/0/103 36/0/28 45/0/22 0/15/138 0/5/132 45/0/30 35/0/30 5 15/0/120 15/0/103 36/0/28 45/0/22 0/15/140 0/5/133 45/0/30 35/0/30 1 0/15/104 0/9/101 14/0/38 13/0/27 3/0/125 0/0/138 0/14/55 0/6/59 2 0/15/106 0/9/103 14/0/28 13/0/29 3/0/125 3/0/142 0/11/55 0/4/60 B 3 0/13/106 0/8/105 16/0/30 15/0/31 5/0/128 5/0/144 0/9/57 0/2/64 4 0/12/108 0/6/105 16/0/31 15/0/31 5/0/128 5/0/145 0/7/57 0/0/64 5 0/10/109 0/4/107 16/0/31 15/0/31 5/0/128 4/0/145 0/7/59 0/0/65 1 0/29/128 0/30/127 17/0/21 15/0/19 0/18/129 0/22/128 0/30/43 0/32/42 2 0/29/130 0/30/127 17/0/21 15/0/19 0/18/131 0/20/128 0/29/43 0/30/42 C 3 0/27/132 0/30/129 19/0/23 17/0/21 0/16/133 0/20/128 0/26/43 0/27/44 4 0/27/132 0/28/130 19/0/24 18/0/21 0/16/133 0/19/130 0/24/45 0/26/45 5 0/25/132 0/28/130 20/0/24 18/0/23 0/14/135 0/19/130 0/23/45 0/25/45 1 0/15/138 0/11/140 24/0/28 21/0/27 0/6/129 0/7/127 0/7/44 0/7/44 2 0/15/138 0/11/140 24/0/28 21/0/27 0/6/129 0/7/127 0/7/44 0/7/42 D 3 0/12/140 0/8/142 27/0/30 24/0/29 0/4/132 0/5/130 0/4/46 0/4/42 4 0/10/140 0/6/142 28/0/31 24/0/30 0/4/135 0/5/132 0/2/46 0/2/44 5 0/9/140 0/5/143 28/0/31 26/0/30 0/3/136 0/3/134 0/0/46 0/0/44 1 13/0/140 10/0/139 28/0/34 29/0/33 0/4/140 0/4/140 17/0/39 15/0/40 2 13/0/140 10/0/139 28/0/34 29/0/33 0/4/140 0/4/140 17/0/39 15/0/40 E 3 14/0/140 12/0/141 28/0/35 29/0/34 0/3/142 0/3/142 19/0/41 16/0/43 4 14/0/140 12/0/142 29/0/35 31/0/34 0/1/142 0/1/142 19/0/41 18/0/43 5 15/0/142 13/0/142 30/0/35 32/0/34 0/0/142 0/0/143 20/0/42 18/0/44 พัฒนาการของผู้ป่วยเด็กได้ชัดเจนมากขึ้น (สิริลักษณ์ ข้อเสนอแนะ และคณะ, 2550) นอกจากนี้ยังพบว่าในการประเมิน เครื่องช่วยฝึกนั่ง-ยืน สาหรับผู้ป่วยเด็กสมอง จาเปน็ ตอ้ งทาให้ผูป้ ่วยเดก็ สมองพกิ ารมีความผ่อนคลาย ให้ได้มากท่ีสุด เพราะถ้าหากไม่เกิดการผ่อนคลายอาจ พิการที่ได้พัฒนาข้ึนนี้โครงสร้างของเคร่ืองช่วยยืนส่วน ทาให้ผู้ป่วยเด็กสมองพิการเกิดการเกร็งกล้ามเน้ือ ใหญ่ทาจากวัสดุเหล็กรูปพรรณที่มีขายในท้องตลาด โดยปัจจัยท่ีอาจมีผลกระทบต่อความผ่อนคลายของ ทาใหอ้ าจเกิดความไม่สะดวกในการปรับระยะตา่ ง ๆ ให้ ผปู้ ่วยเดก็ เชน่ สภาวะทางอารมณ์ การสัมผสั หรือเสียง สอดคล้องกับสรีระของผู้ป่วยเด็ก หากเปลี่ยนวัสดุเป็น เป็นต้น ซ่ึงอาจทาให้ผลของการประเมินได้ค่าท่ี Stainless Steel ซึ่งมีคุณสมบัติของผิวที่ลื่น ทาให้เกิด คลาดเคลื่อนได้ ความสะดวกในการปรับระยะต่าง ๆ ได้ดีข้ึน แต่ก็จะ ทาให้ต้นทุนในการสร้างเคร่ืองเพิ่มสูงข้ึนตามไปด้วย นอกจากน้ีฟังก์ชันการใช้งานของเคร่ืองช่วยยืนสาหรับ 60 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ผู้ป่วยเด็กสมองพิการที่สร้างขึ้นน้ี สามารถทาให้ผู้ป่วย ฉัตรมงคล จันทนงค์, นพรัตน์ ปิงพะยอม, และบัณวัสส์ เด็กได้ฝึกในท่านั่ง และท่ายืน เพียง 2 ท่า หากเพ่ิม จันทร์ภัทรบูรณ์. 2559. การพัฒนาเครื่องช่วย ฟงั ก์ชนั การใช้งาน เชน่ สามารถทาใหผ้ ้ปู ว่ ยเด็กสามารถ ยื น ส า ห รั บ ผู้ ป่ ว ย เ ด็ ก ส ม อ ง พิ ก า ร . หัดเดินได้ภายในเครื่อง ก็เป็นเร่ืองที่น่าสนใจในการ ปริญญานิพนธ์ วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขา พัฒนาต่อไป วิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ กติ ติกรรมประกาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา. งานวิจัยนี้ ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก Conviad R82. 2018. Product Guide 2018/2019 สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ประจาปี US. Independence Blvd. Matthews NC. งบประมาณ พ.ศ.2560 USA. บรรณานุกรม พรรณี ปิงสุวรรณ. 2559. กายภาพบาบัดในเด็กสมอง ศรกี าญจนา จตุพัฒน์วโรดม. 2558. ขนาดตัวมาตรฐาน เด็กไทย: การพัฒนาหุ่นขนาดตัวมาตรฐาน พิการ. พิมพ์คร้ังท่ี 2. ขอนแก่น: โรงพิมพ์ เด็กไทย. ประทุมธานี: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ . ราชมงคลธญั บรุ ี. สุรพงษ์ ชาติพนั ธุ์, วภิ าวรรณ ลีลาสาราญ, เจษฎา วรรณ สินธ,์ุ และสงบ ธนบารุง. 2558. “อปุ กรณช์ ว่ ยฝกึ ปราโมทย์ เดชะอาไพ. 2560. ไฟไนต์เอลิเมนต์ในงาน ก า ร ยื น ส า ห รั บ เ ด็ ก ท่ี มี พั ฒ น า ก า ร ช้ า . ” วิศวกรรม. พิมพ์คร้ังที่ 6. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์ Technology Show. ครั้งที่ 2/2558. โครงการ แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. ขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์. ศูนย์ ทรัพย์สินทางปัญญา, อุทยานวิทยาศาสตร์, สรายุธ มงคล, ผกาวลี พุ่มสุทัสน์, และ รัตนาภรณ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์. ซ้อนเปียยุง. 2017. “ความน่าเชื่อถือและความ วัชรินทร์ แม่นธนู , กษิดิ์เดช สิบศิริ , และบุญส่ง เท่ียงตรงของโกนโิ อมิเตอร์อาศัยแรงโนม้ ถ่วงแบบ ฤทธ์ิตา. 2549. “อุปกรณ์เตียงช่วยผู้ป่วย ดั ด แ ป ล ง แ ล ะ Hand-Held Inclinometer อมั พฤกษเ์ พ่ือฝึกฝน.” วารสารวจิ ัยและฝกึ อบรม ในการวัดการเคลื่อนไหวของข้อไหล่.” Journal มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล, 9, 3: 65-71. of Associated Medical Sciences. 50, มนัส มีบุญ และสิทธิชัย ไชยเสน. 2558. การพัฒนา 3: 566-575. รถเข็นให้เคลื่อนท่ีด้วยระบบไฟฟา้ และปรับให้ ช่วยยืนได้. ปริญญานิพนธ์ วิศวกรรมศาสตร ทนงเกียรติ เกียรติศิริโรจน์. 2539. การออกแบบระบบ บั ณ ฑิ ต ส า ข า วิ ศว ก ร ร ม เ ครื่ อ ง ก ล คณ ะ พ ลังงานค วามร้อน . กรุงเทพฯ: สถาบัน วิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี. ราชมงคลลา้ นนา. สิริลักษณ์ ใยดี, นวลลออ ธวินชัย, และศิริพันธ์ุ คงสวัสด์ิ. 2550. “การศึกษาความน่าเชื่อถือของ แ บ บ ป ร ะ เ มิ น Modified Ashworth Scale (MAS) ในการประเมินภาวะ Spasticity ในเด็ก สมองพิการ (Cerebral Palsy).” วารสารเทคนคิ การแพทย์ เชียงใหม.่ 40, 3: 243-250. วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 61 ปีที่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

62 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

การศกึ ษาและพัฒนาบรรจภุ ัณฑส์ าหรบั ชาแปรรปู จากสมนุ ไพรพนื้ บ้าน Packaging Development of Herbal Tea Product กลุ พรภัสร์ ภราดรภบิ าล1* นิคม ธรรมปญั ญา2 สวุ สิ า ทะยะธง3 Kulpornphas Pharadonphiban1* Nikom Tammapanya2 Suwisa Tayatong3 1,2,3 อาจารย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา เชียงราย 1,2,3 Lecturer, Rajamangala University of Technology Lanna Chiang Rai *E-mail : [email protected], เบอร์โทรศพั ท์ 086-6545265 บทคัดยอ่ การศึกษาเรื่อง การศึกษาและพัฒนาบรรจุภัณฑ์สาหรับชาแปรรูปจากสมุนไพรพื้นบ้าน มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากของชาแปรรูปจากสมุนไพรพื้นบ้าน 2) ขยายช่องทางการตลาด ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพ้ืนบ้าน มีขอบเขตการศึกษาผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพื้นบ้านของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน สมุนไพรสามัคคีจังหวัดเชียงราย โดยการลงพ้ืนที่สารวจ วิเคราะห์ข้อมูล จัดอบรม ออกแบบ ถอดบทเรียนโดย ชุมชนแบบมีส่วนร่วม เพื่อหาแนวทางในการวางแผนพัฒนา และการเปรียบเทียบผลการดาเนินงานวิจัยทั้งก่อน และหลัง ผลการศึกษาวิจัยพบว่า บรรจุภัณฑ์เดิมของผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพ้ืนบ้าน บรรจุในถุงกระดาษแบบมี ซิปล็อคซึ่งไม่สามารถป้องกันความชื้นได้หากต้องเก็บรักษาเป็นเวลานาน หรือลูกค้ารับประทานไม่หมด รูปแบบ ของบรรจุภัณฑ์ยังไม่น่าสนใจ เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกันกับคู่แข่งขันระดับเดียวกันตามท้องตลาด สีสันยังไม่ โดดเด่น ขาดความเป็นเอกลักษณ์ ฉลากยังไม่น่าสนใจเป็นการพิมพ์ด้วยกระดาษรูปแบบธรรมดา หากถูกนา้ หรือ ความชื้นสีจะเลอะเทอะได้ง่าย ทั้งนี้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลความพึงพอใจขององค์ประกอบบรรจุภัณฑ์ก่อน การพัฒนา มีค่าเฉลี่ยรวม 3.17 โดยความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูล บรรจุภัณฑ์เบื้องต้น พบว่า อลูมิเนียมมีสมบัติที่เหมาะสาหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทชาสมุนไพร มีน้าหนักเบา แข็งแรงทนทาน ป้องกันการซึมผ่านของไอน้า ก๊าซ และแสงได้ดีสามารถนากลับมารีไซเคิลใหม่ได้ สะดวก ต่อการจัดเก็บ การจัดส่ง และการเคลื่อนย้าย การออกแบบฉลากสินค้าให้มีความโดดเด่นแตกต่างจากคู่แข่งขัน รายอื่น ๆ ใช้เป็นสื่อเผยแพร่โฆษณา ช่วยดึงดูดความสนใจ สร้างความภูมิใจ ในการซื้อ มีเอกลักษณ์ สร้างมูลค่าเพ่ิม ยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานสามารถแข่งขันในเชิงธุรกิจ ซึ่งความพึงพอใจขององค์ประกอบ บรรจุภัณฑ์หลังการพัฒนา มีค่าเฉลี่ยรวม 4.06 โดยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และการขยายช่องทาง การตลาดสามารถเพิ่มจานวนร้านค้าขยายจากการจาหน่ายผ่านหน้าร้านไทยเฮิร์บ เเอทเชียงราย อาเภอ เชียงของ สู่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านขายของฝากร้านจาหน่ายผลิตภัณฑ์ชา ร้านจาหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ คาสาคัญ เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรสามัคคีจังหวัดเชียงราย การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพร พนื้ บ้าน Abstract This study aims to Packaging Development of Herbal Tea Product. The purposes of this research were to develop the package and to expand the marketing place of herbal tea product, by Samakee Community Enterprise in Chiang Rai. The guideline of marketing plan is a result from surveying, analyzing data, organizing a seminar, and designing by collaboration of community to วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 63 ปที ี่ 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

find new solution. The data is from pre and post - test. The result showed that the traditional packaging is a zip lock paper bag without moisture protection in long term, and is unattractive by color inkjet printing, that is compared with other herbal tea products in tea market. From analyzing data promotes that aluminum can be a qualified package for herbal tea. Therefore, previous collecting data in satisfaction on packaging had shown the average 3.17, and the result was moderate satisfaction level. The new package is designed and packed in thin aluminum can to protect the moisture and keep dry, especially; it can reuse and be convenient in delivering to the customers. Additionally, designing the notable label can be used for advertising and it is different from other herbal tea products as marketing competitor. Moreover, the satisfaction on undated packaging had shown an average at 4.06 With high satisfaction level. From the result, new packaging collection of Community Enterprise can place on Thai Herb at Chiang Rai, Chiang Khong, and expand the marketing place into new retail shops, souvenir shops, tea shops, healthy shops, and online shops, respectively. Keywords Chiang Rai Harmony of Herb (H.O.H), Packaging Development, Herbal Tea Product บทนา อุตสาหกรรม การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปล่ียนแปลงเป็น การพัฒนาเศรษฐกจิ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ การทางานแบบนั่งโต๊ะ ใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ทาให้เกิด ความเครียด ขาดการออกกาลังกาย ขาดการ พอเพียง ได้ทาให้เกิดการรวมกลุ่มของชุมชนในลกั ษณะ รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ไม่สนใจต่อสุขภาพของ ท่ีเรียกว่า เศรษฐกิจชุมชน โดยมีรากฐานจากเศรษฐกิจ ตวั เองทาให้เกิดโรคต่าง ๆ เชน่ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจตีบ ท้องถิ่น เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพของคนในชุมชน โรคหลอดเลือดในสมอง ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โดยได้รับการสนับสนุนแนวคิดการดาเนินงานภายใต้ และคนส่วนมากมักใช้วิธีในการรักษาทางการแพทย์ วิสาหกิจชุมชน หากชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจฐานราก แผนปัจจุบัน โดยรับประทานยาตามที่แพทย์ส่ัง หรือใช้ มั่ นคง มี เ ป้ า ห ม า ย ขั บเ คล่ือ นไ ป สู่กา รส่ง เสริม สารเคมีในการรักษาซึ่งมีผลดีแต่ส่งผลข้างเคียงต่อ กระบวนการเรียนรู้ การมีส่วนร่วมของประชาชน ร่างกาย เช่น การสะสมอยู่ในร่างกาย ในขณะที่บางโรค การร่วมกันบรหิ ารจดั การให้วสิ าหกิจชมุ ชนเข้มแข็ง และ สามารถป้องกันหรือลดการเกิดโรคได้โดยการใช้พืช ยั่งยืน แต่เนื่องด้วยในความเป็นจริงวิสาหกิจชุมชนยัง สมุนไพรซง่ึ เปน็ ทรี่ จู้ กั ของคนไทยมาชา้ นาน เกิดปัญหาในการพัฒนาและบริหารจัดการให้เข้มแข็ง และพ่ึงพาตนเองได้ หนึ่งในปัญหาหลักท่ีมักพบใน พื้นที่อาเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็น วิสาหกิจชุมชนที่ผลิตสินค้าออกสู่ตลาด นั่นคือปัญหา เมืองสมุนไพรท่ีมีพื้นท่ีที่อุดมสมบูรณ์ มีทรัพยากรทาง ทางด้านการตลาดนน่ั เอง กลา่ วคอื ถึงแมว้ ิสาหกจิ ชุมชน แหล่งน้า ป่า ชุมชน และป่าชุ่มน้า ทาให้มีการปลูกและ จะมีทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ยังขาด แปรรูปพืชสมุนไพร เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลใน องค์ความรู้สมัยใหม่ เพ่ือยกระดับมาตรฐานคุณภาพ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม รวมท้ัง สนิ คา้ การสรา้ งความแตกต่างในท้องตลาด การคิดอย่าง ยุทธศาสตร์ของจังหวัดเชียงราย ในการส่งเสริมด้าน สร้างสรรค์ การเข้าถึงตลาด เพ่ือตอบสนองความ สมุนไพร จึงเป็นจุดแข็งที่สามารถนามาพัฒนาเพื่อ ต้องการของผบู้ ริโภค และสินค้าสามารถขายได้โดยเปน็ ต่ อ ย อ ด ใ ห้ อ า เ ภ อ เ ชี ย ง ข อ ง เ ป็ น เ มื อ ง แ ห่ ง ส มุ น ไ พ ร ที่ยอมรับของตลาด สอดคล้องกับ สังคม ไ ท ย ท่ี (Herbal City) เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง จ า ก สั ง ค ม เ ก ษ ต ร ก ร ร ม ไ ป สู่ สั ง ค ม 64 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

เ ค รื อ ข่ า ย วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น ส มุ น ไ พ ร ส า มั ค คี สื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มให้เป็นท่ีรู้จัก จังหวัดเชียงราย เป็นวิสาหกิจชุมชนกลุ่มหน่ึงท่ีมีความ สร้างความแตกตา่ งในตลาดได้ สนใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาแปรรูปจากสมุนไพร พ้ืนบ้าน ให้เป็นที่ยอมรับของตลาด เนื่องด้วยสภาพ ดังน้ันคณะผู้วิจัย จึงตระหนักถึงความสาคัญ ก่อนการพัฒนามีการแข่งขันสงู บรรจุภัณฑ์เป็นรูปแบบ ของปัญหาข้างต้น โดยมีแนวคิดในการหาแนวทางและ ธรรมดา และมีลักษณะคลา้ ยคลงึ กันในตลาด ถึงแม้กลุ่ม ถ่ายทอดองค์ความรู้เก่ียวกับการพัฒนาด้านก าร วิสาหกิจชุมชนจะมีความพร้อมด้านการผลติ แต่ยังขาด อ อ ก แ บ บ บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ แ ล ะ ก า ร ว า ง แ ผ น ก า ร ต ล า ด องค์ความรู้ด้านการพัฒนาบรรจุภณั ฑ์และการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ชาสมนุ ไพรพนื้ บา้ น เพอื่ ชว่ ยใหว้ สิ าหกจิ ชุมชน ฉลากผลิตภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น สามารถเจาะ สามารถสร้างมลู ค่าเพมิ่ ทางการตลาด ผลิตภณั ฑ์ ก ลุ่ ม เ ป้ า ห ม า ย ท่ี มี คว า ม ต้ อ ง ก า ร ร ว ม ถึ ง เ ป็ น มีคณุ ภาพได้มาตรฐาน เปน็ ทยี่ อมรับของตลาด และเพื่อให้สมาชิกทุกคนมีรายได้ สามารถพึ่งพาตนเอง ไดอ้ ย่างยงั่ ยืนตอ่ ไป ตารางท่ี 1 แสดงวธิ ีการดาเนินงาน กจิ กรรม วัตถปุ ระสงค์ 1. ศึกษาขอ้ มูลพื้นฐาน โดยการสารวจสถานท่ี ประเมนิ เพื่อศึกษาข้อมูล ทาการสารวจ และประเมินศักยภาพ ศักยภาพ วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และ ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพ้ืนบ้านของเครือข่ายวิสาหกิจ อปุ สรรคของเครือขา่ ยวสิ าหกิจชมุ ชนฯ ชุมชน โดยวิเคราะห์ SWOT สาหรับผลิตภัณฑ์ที่ทาการ แปรรปู 2. เตรียมการ และจัดอบรมการถ่ายทอดเทคโนโลยี 1. เพ่ือเตรียมความพร้อมในการจัดการอบรมแก่สมาชิก การออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ เครอื ข่ายฯ ชาสมุนไพรพ้นื บ้าน 2. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ในการออกแบบฉลากและ บรรจุภัณฑ์ของผลติ ภัณฑ์ โดยผู้เชย่ี วชาญ 3. เพอื่ ใหส้ มาชกิ กลุ่มมคี วามรคู้ วามเข้าใจในการออกแบบ ฉลากและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพ้ืนบ้าน และสามารถร่วมกันคิด ร่วมกนั แสดงความคิดเห็น 3. คณะวิจัยร่วมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุม ชนฯ เพื่อร่วมกันเสนอความคิดเห็นในการออกแบบฉลากและ ออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ท่ีเหมาะสมให้กับผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพร ชาสมนุ ไพรพื้นบ้าน พนื้ บ้าน 4. เกบ็ รวบรวมข้อมลู เก่ียวกบั การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ เพื่อทราบถึงความคิดเห็นของผู้ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องต่าง ๆ เช่น กลมุ่ วิสาหกิจ ร้านค้า ผู้บริโภค เปน็ ต้น 5. ถอดบทเรียนโดยชุมชนมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ เพื่อร่วมกันถอดบทเรียนจากการดาเนนิ โครงการ ปัญหา/ ผลการดาเนินงานท่ีเกิดข้ึน เพ่ือหาแนวทางในการ อุปสรรค ตลอดจนข้อเสนอแนะต่าง ๆ พฒั นาผลติ ภัณฑต์ อ่ ไป 6. วางแผนขยายชอ่ งทางการตลาด เพอ่ื รว่ มกนั ระดมสมอง และนาเสนอทางเลือกในการเพ่ิม ช่องทางการตลาด และขยายฐานลกู ค้า 7. สรุปผลการศึกษา เปรียบเทียบผลการดาเนิน เพื่อสรุปผลการดาเนินโครงการให้เป็นไ ป ต า ม โครงการก่อน และหลงั การพัฒนา วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั ท่ไี ด้ต้ังเอาไว้ วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 65 ปที ่ี 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

วธิ ีการดาเนินงาน ภาพท่ี 1 วิเคราะห์จดุ แข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอปุ สรรค ก า ร ศึ ก ษ า น้ี เ ป็ น ก า ร วิ จั ย เ ชิ ง คุ ณ ภ า พ ของผลติ ภัณฑช์ าสมนุ ไพรพนื้ บ้านทีต่ อ้ งการพฒั นา (Qualitative Research) ด้วยกระบวนการวิเคราะห์ ภาพที่ 2 การจดั อบรมความรู้ด้านบรรจุภณั ฑ์ ชุมชนแบบมสี ่วนรว่ ม (Participatory Rural Appraisal; PRA) ซ่ึงเป็นเคร่ืองมือท่ีประยุกต์ใช้ในการบูรณาการ ภาพที่ 3 ออกแบบฉลากและบรรจภุ ณั ฑผ์ ลติ ภัณฑ์ องค์ความรู้ร่วมกันระหว่างชุมชน องค์กร และ ชาสมนุ ไพรพ้ืนบา้ น สถาบันการศึกษา ด้วยการวิเคราะห์ชุมชนแบบมี ส่วนรว่ ม เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มลู จากคนในชุมชนและการลงเก็บ การจัดเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยขอความร่วมมือ ข้อมูลภาคสนาม (Field survey) เพ่ือให้ได้ข้อมูล ไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจ ปฐมภูมิแล้วนามาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลทุติยภูมิ ชมุ ชน รา้ นคา้ จาหน่ายผลติ ภณั ฑส์ มุนไพร และผู้บรโิ ภค ซ่ึงศึกษามาก่อนหน้าแล้ว ท้ังน้ีประชากรที่ใช้ใน การศึกษาวิจัยคือ สมาชิกกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน สมุนไพรสามัคคี จังหวัดเชียงราย จานวน 150 คน โดยเลอื กกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 15 คน ที่เป็นผู้นาสมาชิก กลุ่มย่อยท่ีมีความสนใจและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วม กระบวนการวจิ ยั ตัง้ แตต่ ้นจนจบ 1. ศึกษาข้อมูลพืน้ ฐาน โดยการสารวจสถานที่ ประเมิน ศักยภาพ วเิ คราะหจ์ ุดแขง็ จุดออ่ น โอกาส และอุปสรรค ของเครอื ข่ายวสิ าหกจิ ชุมชนฯ 2. การเตรียมการ และจัดอบรมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ ชาสมุนไพรพนื้ บ้าน เน่ืองจากการบรรจุภัณฑ์ (Packaging) เป็น กจิ กรรมสาคญั ที่เกดิ ขึน้ ในกระบวนการตลาด โดยการใช้ วัสดุมาสรรสร้างภาชนะบรรจุหีบห่อให้กับผลิตภัณฑ์ เพ่ือให้เกิดความสะดวกในการใช้สอย รักษาคุณภาพ การขนส่ง และเพ่ือการสื่อสารต่าง ๆ (สมพงษ์ เฟ่ือง อารมณ์, 2550) การบรรจุภัณฑ์ (Packaging) เป็นกิจกรรม ต่าง ๆ ในการออกแบบและผลิตสิ่งห่อหุ้มผลิตภัณฑ์เพื่อ การเก็บรักษา จาหน่าย และการตลาด (คานาย อภิปรชั ญาสกลุ , 2553) 3. คณะวิจัยร่วมกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ ออกแบบ ฉลากและบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพื้นบ้าน โดยเป็นสมาชิกกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร สามัคคีจังหวัดเชียงรายท่ีมีศักยภาพในการผลิ ต ชาสมนุ ไพรแปรรูป 4. เก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการความพึงพอใจก่อน และ หลงั ออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 66 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ภาพที่ 4 เกบ็ แบบสอบถาม การตอบแบบสอบถามทั้งก่อนและหลังการพัฒนา บรรจุภัณฑ์ ภาพท่ี 5 ถอดบทเรยี นโดยชมุ ชนมีสว่ นรว่ ม 5. ถอดบทเรียนโดยชุมชนมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ผล การดาเนินงานท่ีเกิดขึ้น เพ่ือหาแนวทางในการพัฒนา ภาพที่ 6 ร่วมกนั ระดมความคดิ เกยี่ วกบั การวางแผน ผลิตภณั ฑ์ ขยายชอ่ งทางการตลาด 6. การวางแผนขยายช่องทางการตลาด ผลการดาเนนิ งาน ท่ีซื้อผลิตภัณฑ์ชาแปรรูปจากสมุนไพรพ้ืนบ้าน จานวน กลุ่มตัวอย่าง 100 คน ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างเดียวกันทา ผลการวิเคราะห์ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และ อุปสรรคของผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรพ้ืนบ้าน เครือข่าย วสิ าหกจิ ชุมชนสมนุ ไพรสามัคคจี งั หวัดเชยี งราย จดุ แข็ง (Strength = S) 1. มีการรวมกลมุ่ เปน็ วสิ าหกิจชุมชนทเี่ ข้มแขง็ 2. วตั ถดุ บิ ปลกู ในพืน้ ทข่ี องตนเอง 3. มสี นิ คา้ ทีพ่ ร้อมสง่ ตลอดเวลา 4. การเกษตรอนิ ทรีย์ ปลอดสารพษิ 100 % จดุ อ่อน (Weakness = W) 1. บรรจุภณั ฑ์ยังไมด่ งึ ดดู ความสนใจ 2. ฉลากยงั ไม่ได้มาตรฐาน ไม่กันนา้ 3. บรรจุภัณฑ์ยังไม่ได้มาตรฐาน ในการเก็บรักษา คุณภาพของสินคา้ 4. ขาดส่ือประชาสมั พนั ธ์ โอกาส (Opportunity = O) 1. คนในชุมชนมีความพร้อมด้านกาลังการผลิต 2. มีตลาดรองรับ 3. เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนมีสมาชิกครอบคลุมทุก พนื้ ทีใ่ นจังหวัดเชียงราย อุปสรรค (Threat = T) 1. มีการแข่งขันทง้ั ทางตรงและทางอ้อมสูง 2. สินคา้ ในท้องตลาดสามารถลอกเลียนแบบไดง้ ่าย จากการที่คณะผู้วิจยั ร่วมกบั เครือข่ายวิสาหกิจ ชมุ ชนสมุนไพรสามัคคจี งั หวัดเชยี งราย ไดท้ าการประชุม และวิเคราะห์ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแล้วจึงได้เลือก ผลติ ภัณฑ์ท่จี ะนามาเป็นตน้ แบบของการออกแบบฉลาก และบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ชาสมุนไพร เจียวกู่หลาน และ ชาสมุนไพรหญา้ หวาน เนื่องจากผลติ ภณั ฑด์ งั กลา่ วได้รบั การรับรองจากสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยบรรจุภัณฑ์เดิมของผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพร พืน้ บา้ นทุกชนิดของเครอื ขา่ ยฯ บรรจใุ นถุงกระดาษแบบ มีซิปล็อคซ่ึงไม่สามารถป้องกันความชื้นได้ หากต้องเกบ็ รักษาเป็นเวลานาน หรือลูกค้ารับประทานไม่หมด วารสารวชิ าการรบั ใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 67 ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

การจัดวางบนช้ันวางสินค้า จัดวางเรียงได้ยากและ ภาพท่ี 8 การออกแบบฉลากดา้ นหลังของบรรจภุ ัณฑ์ เปลืองพ้ืนท่ี รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ยังไม่น่าสนใจ ชาสมนุ ไพรเจียวกหู่ ลาน เนือ่ งจากมีลกั ษณะเหมือนกันกบั คู่แข่งขันระดับเดียวกัน ตามท้องตลาด สีสันยังไม่โดดเด่น ขาดความเป็น ภาพท่ี 9 การออกแบบฉลากด้านหน้าของบรรจภุ ณั ฑ์ เอกลักษณ์ ฉลากยังไม่น่าสนใจ เป็นการพิมพ์ด้วย ชาสมุนไพรหญ้าหวาน กระดาษรูปแบบธรรมดา หากถูกน้าหรือความชื้นสีจะ เลอะเทอะ และกระดาษเปื่อยยุ่ยได้ง่าย จากการ วิเคราะห์ข้อมูลบรรจุภัณฑ์เบื้องต้น พบว่า อลูมิเนียมมี สมบตั ิทีเ่ หมาะสมสาหรบั บรรจภุ ัณฑป์ ระเภทชาสมุนไพร จึ ง อ อ ก แ บ บ เ ป็ น ก ร ะ ป๋ อ ง โ ล ห ะ ช นิ ด อ ลู มิ เ นี ย ม ซึ่ ง มี น้าหนักเบา มีความแข็งแรงทนทาน ป้องกันการซึมผ่าน ของไอน้า ก๊าซ และแสงได้ดีสามารถนากลับมารีไซเคิล ใหม่ได้ สะดวกต่อการจัดเก็บการจดั วางเรียง การจัดส่ง และการเคล่ือนย้าย การออกแบบฉลากสนิ ค้าใหม้ ีความ โดดเด่น แตกตา่ งจากคูแ่ ข่งขนั รายอ่นื สามารถใช้เป็นสื่อ เผยแพร่โฆษณาไปในตัว ช่วยดึงดูดความสนใจ สร้างความภูมิใจในการซ้ือ การออกแบบมีเอกลักษณ์ สามารถนาไปต่อยอดให้แก่ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรชนิด อื่น ๆ ของเครือข่ายฯ ได้ โดยอาจกาหนดรูปภาพ ประกอบและใช้สีสันให้แตกต่างกันไปตามลักษณะเด่น ของสินค้า สามารถสร้างมูลค่าเพ่ิม ยกระดับผลิตภัณฑ์ ให้มีมาตรฐาน มีโอกาสแข่งขันในเชิงธุรกิจ และการ ขยายชอ่ งทางการตลาดสามารถเพม่ิ จานวนร้านค้าขยาย จากการจาหน่ายผ่านหน้าร้านไทยเฮิร์บเเอทเชียงราย อาเภอเชยี งของ สรู่ ้านค้าปลกี สมยั ใหม่ รา้ นขายของฝาก ร้านจาหน่ายผลิตภัณฑ์ชา ร้านจาหน่ายสินค้าเพ่ือ สุขภาพ การออกร้านในงานแสดงสินค้า ต่าง ๆ ทว่ั ประเทศ และการขายผา่ นช่องทางออนไลน์ ภาพที่ 7 การออกแบบฉลากด้านหน้า ภาพท่ี 10 การออกแบบฉลากดา้ นหลงั ของบรรจุภณั ฑ์ ของบรรจุภัณฑ์ชาสมนุ ไพรเจยี วกูห่ ลาน ชาสมนุ ไพรหญ้าหวาน 68 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

(ก) (ข) (ข) ภาพที่ 11 บรรจภุ ณั ฑช์ าสมุนไพรเจยี วกูห่ ลาน ภาพท่ี 13 เปรียบเทียบกอ่ นการพัฒนาและ (ก) ด้านหน้าของบรรจุภณั ฑช์ าสมุนไพรเจยี วกู่หลาน (ข) ดา้ นหลงั ของบรรจุภัณฑช์ าสมนุ ไพรเจยี วก่หู ลาน หลังการพฒั นา (ก) บรรจภุ ัณฑ์กอ่ นการพฒั นา (ข) บรรจุภณั ฑห์ ลังการพฒั นา (ก) (ข) ภาพท่ี 14 ตัวอย่างการขยายชอ่ งทางตลาดส่ชู อ่ งทาง ภาพท่ี 12 บรรจุภณั ฑ์ชาสมุนไพรหญ้าหวาน ตลาดออนไลน์ผา่ นเพจ Facebook ของเครอื ข่าย (ก) ดา้ นหน้าของบรรจุภณั ฑ์ชาสมนุ ไพรหญ้าหวาน วิสาหกจิ ชมุ ชนสมนุ ไพรสามัคคจี งั หวัดเชียงราย (ข) ดา้ นหลงั ของบรรจภุ ัณฑ์ชาสมุนไพรหญ้าหวาน (ก) ภาพที่ 15 ตวั อยา่ งการขยายช่องทางตลาด การออก รา้ น การจดั บธู งานแสดงสนิ ค้าตา่ ง ๆ ของเครอื ขา่ ย วิสาหกจิ ชุมชนสมุนไพรสามคั คจี งั หวัดเชียงราย วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 69 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม การจดั เกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยใช้แบบสอบถาม ตอนที่ 2 ความพึงพอใจท่ีมีต่อองค์ประกอบ ของบรรจภุ ณั ฑ์ก่อนและหลงั การพัฒนา เก็บข้อมูลจากกล่มุ ตัวอย่างจานวน 100 คน ได้แก่ กลุ่ม จากตารางท่ี 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป วิสาหกิจชุมชน ร้านค้าจาหน่ายผลิตภณั ฑ์สมุนไพร และ ของผูแ้ บบสอบถาม พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ผู้บริโภคท่ีซื้อผลิตภัณฑ์ชาแปรรูปจากสมุนไพรพื้นบ้าน เป็นเพศหญิง อายุ 50 ปีข้ึนไป อาชีพประกอบธุรกิจ ซ่ึงเป็นกลุ่มตัวอย่างเดียวกันในการตอบแบบสอบถาม ส่วนตัว/ค้าขาย และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ระหว่าง ท้ังกอ่ นและหลงั การพัฒนา 10,0001-20,000 บาท เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามซึ่ งแ บ่ง ออกเป็น 2 ตอน คือ ตารางท่ี 2 แสดงจานวน (ความถี่) และคา่ ร้อยละของขอ้ มูลทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ข้อมูลท่ัวไป จานวน (คน) ร้อยละ 1. เพศ ชาย 36 36.00 หญิง 64 64.00 รวม 100 100.00 2. อายุ 10 10.00 21 - 30 17 17.00 31 - 40 28 28.00 41 - 50 45 45.00 50 ปขี ึ้นไป 100 100.00 รวม 10 10.00 3. อาชีพ 24 24.00 26 26.00 นกั เรียน/นกั ศกึ ษา 28 28.00 ขา้ ราชการ/พนักงานรฐั วิสาหกิจ 12 12.00 พนักงานเอกชน 100 100.00 ประกอบธุรกิจส่วนตวั /ค้าขาย พ่อบ้าน/แม่บ้าน 12 12.00 32 32.00 รวม 36 36.00 4. รายได้เฉล่ยี ตอ่ เดอื น 12 12.00 8 8.00 ตา่ กวา่ หรอื เท่ากบั 5,000 5,001 - 10,000 10,001 - 20,000 20,001 - 30,000 มากกว่า 30,000 บาทข้นึ ไป รวม 100 100.00 70 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ตารางท่ี 3 แสดงค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และระดับความพึงพอใจที่มีต่อองค์ประกอบของบรรจภุ ัณฑ์ก่อน และหลังการพัฒนา ก่อนการพฒั นาบรรจภุ ัณฑ์ หลังการพฒั นาบรรจภัณฑ์ องค์ประกอบของบรรจภุ ัณฑ์ ���̅��������� S.D. ระดับความ ���̅��������� S.D. ระดับความ 1. ดา้ นบรรจุภัณฑ์ พงึ พอใจ พงึ พอใจ 1.1 สามารถปกปอ้ งรกั ษาสนิ ค้าภายใน 3.06 0.53 ปานกลาง 4.40 0.72 มากที่สดุ 1.2 รูปแบบของบรรจภุ ัณฑ์สะดวกในการบริโภค 3.50 0.59 มาก 4.20 0.69 มาก 1.3 มีขนาดท่สี ามารถพกพาไดส้ ะดวก 3.92 0.61 มาก 4.07 0.62 มาก 1.4 เปดิ บรโิ ภคและจัดเกบ็ ส่วนที่เหลอื ไดส้ ะดวก 3.28 0.60 ปานกลาง 4.10 0.68 มาก 1.5 การจดั วางองค์ประกอบบรรจภุ ณั ฑ์ทเ่ี หมาะสม 2.91 0.57 ปานกลาง 4.00 0.55 มาก รวม 3.33 0.58 ปานกลาง 4.15 0.65 มาก 2.97 0.54 ปานกลาง 4.23 0.72 มากทสี่ ุด 2. ดา้ นป้ายฉลาก 3.72 0.57 มาก 4.05 0.69 มาก 2.1 รูปแบบและสสี ันสวยงาม สร้างความนา่ จดจา 3.58 0.67 มาก 3.91 0.75 มาก 2.2 แสดงช่อื ตราสนิ ค้าได้อยา่ งชดั เจน 3.02 0.65 ปานกลาง 3.86 0.73 มาก 2.3 แสดงถงึ ความเป็นเอกลกั ษณ์ 0.59 ปานกลาง 3.72 0.68 มาก 2.4 ใหร้ ายละเอียดของข้อมูลสินคา้ ไดค้ รบถว้ น 0.60 ปานกลาง 3.95 0.71 มาก 2.5 บอกถงึ จดุ เด่นของผลิตภัณฑ์ 2.98 0.56 ปานกลาง 4.35 0.75 มากทสี่ ุด รวม 3.25 3.12 3. ด้านความสวยงาม 3.1 รูปแบบบรรจุภัณฑ์ออกแบบได้เหมาะสมตาม สมยั นยิ ม 3.2 สขี องบรรจภุ ัณฑ์ 2.87 0.59 ปานกลาง 4.15 0.67 มาก 3.3 ผลติ ภัณฑ์มรี ปู กะทดั รดั สวยงาม และนา่ สนใจ 2.89 0.64 ปานกลาง 4.07 0.79 มาก 3.4 วสั ดทุ ่ีใช้สร้างบรรจภุ ัณฑม์ คี วามเหมาะสม 3.01 0.63 ปานกลาง 3.96 0.72 มาก 3.5 ผลติ ภัณฑม์ คี วามโดดเดน่ สะท้อนใหเ้ หน็ คุณค่า 2.76 0.58 ปานกลาง 3.86 0.68 มาก มีความสวยงาม มาก รวม 2.98 0.60 ปานกลาง 4.07 0.72 องคป์ ระกอบของบรรจภุ ณั ฑ์โดยรวม 3.17 0.59 ปานกลาง 4.06 0.69 มาก จากตารางท่ี 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความ การพัฒนามีควา มพึงพอใจในระดั บปา นก ล า ง พึงพอใจขององค์ประกอบบรรจุภัณฑ์ พบว่า ความ (x̅ = 2.98) และหลังการพัฒนามีความพึงพอใจใน พึงพอใจ ก่อนการพัฒนาอยู่ ในระดับปานกลาง ระดับมาก (x̅ = 4.07) ซึ่งมีความพึงพอใจในรูปแบบ (x̅ = 3.17) และหลังการพัฒนามีความพึงพอใจใน บรรจุภัณฑอ์ อกแบบได้เหมาะสมตามสมัยนิยมมากที่สุด ระดบั มาก (x̅ = 4.06) ซง่ึ หากแยกพจิ ารณาเป็นรายดา้ น ประกอบด้วย ด้านบรรจุภัณฑ์ พบว่า ก่อนการพัฒนามี (x̅ = 4.35) ความพึงพอใจในระดับปานกลาง (x̅ = 3.33) และหลัง การพัฒนามีความพึงพอใจในระดับมาก (x̅ = 4.15) การนาไปใช้ ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามมีความพงึ พอใจในความสามารถ ผลการศึกษาในคร้ังนี้เป็นประโย ชน์ กับ ปกป้องรักษาสินค้าภายในมากท่ีสุด (x̅ = 4.40) ส่วน ดา้ นป้ายฉลาก พบว่า กอ่ นการพัฒนามคี วามพึงพอใจใน เครือข่ายวสิ าหกจิ ชมุ ชนสมุนไพรสามคั คีจงั หวดั เชยี งราย ระดับปานกลาง (x̅ = 3.25) และหลังการพัฒนามี ท่ีมีเป้าหมายในการพฒั นาวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดบั ความพึงพอใจในระดับมาก (x̅ = 3.95) ซ่ึงมีความ มาตรฐานคุณภาพสินค้า สร้างความแตกต่างใน พงึ พอใจในรูปแบบและสีสันสวยงาม สรา้ งความนา่ จดจา ท้องตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บรโิ ภค โดยให้ มากท่ีสุด (x̅ = 4.23) ด้านความสวยงาม พบว่า ก่อน สินคา้ เป็นทย่ี อมรบั ของตลาด และเพ่อื ใหส้ มาชกิ ทุกคนมี รายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างย่ังยืน ควร ดาเนินการในเชิงบูรณาการแบบมีส่วนร่วมของคนใน วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 71 ปที ี่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2562

ชุ ม ชน ซ่ึ ง คว า ม รู้ ที่ ไ ด้ รั บ ด้ า น ก า ร บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ ส่งเสริมภาพลักษณ์และสามารถปกป้องสินค้าได้เป็น การออกแบบตราสินค้า และการขยายช่องทางการตลาด อย่างดีและเป็นการเปิดตลาดใหม่สาหรับผลิตภัณฑ์ ทางกลมุ่ เครอื ข่ายวสิ าหกจิ ชุมชนสมนุ ไพรสามัคคจี ังหวัด และสามารถสร้างภาพลักษณ์และจุดเด่นเพื่อให้เกิด เชียงราย สามารถนาไปประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆ ความแปลกใหม่และสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้ ด้าน ของกล่มุ ฯ ในอนาคตได้ นอกจากนยี้ งั เปน็ ต้นแบบให้กับ กราฟิกควรมีที่มาที่ไปและส่งเสริมภาพลักษณ์และ กลุม่ วสิ าหกิจชมุ ชน และหนว่ ยงานทม่ี ีความสนใจในการ ความเป็นเอกลักษณ์โดยการสร้างความโดดเด่นใน ปรับตัวด้านนี้ นอกจากนี้สถาบันการศึกษายังได้รับ ก า ร ใ ช ้ส ีห ร ือ ล ว ด ล า ย ใ น ก า ร อ อ ก แ บ บ โ ด ย เ ล ือ ก ความรแู้ ละประสบการณ์จากการลงพื้นทีเ่ กบ็ ข้อมูล ภาพลักษณ์เรื่องราวความเป็นตัวตนของผลิตภัณฑ์ อภปิ รายผล เ พื ่อ ส ร ้า ง ค ว า ม เ ป ็น เ อ ก ภ า พ แ ล ะ จ ุด เ ด ่น ข อ ง ตัว บรรจุภัณฑ์ จากการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์และ การวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์สาหรับชาแปร ฉลาก ส่งผลให้เกิดโอกาสทางการตลาดโดยเฉพาะ รูปจากสมุนไพรพ้ืนบ้าน การออกแบบบรรจุภัณฑ์และ อย่างยิ่งด้านช่องทางการจัดจาหน่ายโดยสามารถเพ่มิ ฉลากของผลิตภัณฑ์เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร ช่องทางการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น สามัคคีจังหวัดเชียงราย เน้นการปกป้องคุ้มครองสินค้า ได้แก่ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ร้านขายของฝาก ร้าน ให้คงคุณภาพท่ีดี รูปแบบของบรรจุภัณฑ์แตกต่างจาก จาหน่ายผลิตภัณฑ์ชา ร้านจาหน่ายสินค้าเพ่ือสุขภาพ สินค้าคู่แข่งขันในระดับเดียวกัน สีสันสวยงามดึงดูด การออกร้านจัดบูธในงานแสดงสินค้า ต่าง ๆ ทั่ว ความสนใจของผู้บริโภค เหมาะกับการซื้อรับประทาน ประเทศ และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่ง และซ้ือเป็นของฝากที่มีเอกลักษณ์ของชุมชน ใช้สีของ สอดคล้องกับงานวิจัยของ สุจิตรา วรรณนิยม (2551) สมุนไพรธรรมชาติเป็นสื่อถึงสินค้าเพื่อสุขภาพ รูปแบบ ทาการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคและปัจจัยทางด้าน ของฉลากจะเป็นสติ๊กเกอร์เคลือบกันน้า สอดคล้องกับ การตลาดในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วย การศึกษาวิจัยของ มัทธนี ปราโมทย์เมือง และคณะ เล็บมือนางในเขตจังหวัดชุมพร พบว่าผู้บริโภคให้ (2559) พบว่า กราฟิกบรรจุภัณฑ์เป็นก า ร นา ความสาคัญกับปัจจัยทางการตลาดในการเลือกซื้อ แนวความคิด รปู แบบท่ีใชส้ ีสันท่สี ดใส สวยงาม สะดดุ ตา ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยเล็บมือนางในระดับมาก โครงสร้างสีหลักใช้โทนสเี ขียว สีเหลือง เพอ่ื สื่อถึงผลผลิต ท่ีได้จากเกษตรธรรมชาติ ภาพประกอบเป็นภาพถ่าย จากการวิเคราะห์ความพึงพอใจของกลุ่ม เหมือนจริง ใช้ภาพตกแต่งพ้ืนหลังให้สอดคล้องกับ วิสาหกิจชุมชน ร้านค้าจาหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพร เน้ือหา เรื่องราวของผลิตภัณฑ์ และแสดงจุดเด่น และผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์ชาแปรรูปจากสมุนไพร เอกลักษณ์ของกลุ่ม/ชุมชน ในด้านการออกแบบบรรจุ พื ้น บ ้า น ทั ้ง ก ่อ น แ ล ะ ห ล ัง ก า ร พ ัฒ น า พ บ ว ่า ภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ ได้ทาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดย องค์ประกอบของบรรจุภัณฑ์โดยรวมก่อนการพัฒนา เปล่ียนจากบรรจุเดิมท่ีเป็นซองกระดาษท่ียังไม่สามารถ มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง และหลังการ ปกป้องสินค้าให้เก็บรักษาได้นาน ให้อยู่ในกระป๋อง พัฒนามีความพึงพอใจในระดับมาก ซึ่งหากพิจารณา อลูมิเนียม โดยคัดเลือกตัวแทนผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรที่ เป็นรายด้าน พบว่า ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านป้ายฉลาก ได้รับการรับรองจาก อย. 2 ชนิด คือ ชาเจียวกู่หลาน และด้านความสวยงาม ก่อนการพัฒนา มีความ และชาหญ้าหวาน นา้ หนักสุทธิ 40 กรมั ซึง่ เป็นการปรับ พึงพอใจในระดับปานกลาง ส่วนหลังการพัฒนามี กลยุทธ์การแปร ร ูป ผ ล ิต ภ ัณ ฑ ์เ พื่อ เ พิ่ม ค ว า ม ส ะ ด ว ก ความพึงพอใจในระดับมาก ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามมี และเพิ่มโอกาสทางการตลาดมากขึ้น ซึ่งสอดคล้อง ความพึงพอใจในเรื่องความสามารถปกป้องรักษา กับงานวิจัยของ สุนทรี จันทะขาว (2549) ได้กล่าว สินค้าภายใน รูปแบบและสีสันสวยงาม สร้างความ ไ ว ้ว ่า ด ้า น บ ร ร จ ุภ ัณ ฑ ์ค ว ร ม ีบ ร ร จ ุภ ัณ ฑ ์ที ่ส า ม า ร ถ น่า จ ด จา แ ล ะ รูป แ บ บ บ ร ร จุภัณ ฑ์อ อ กแ บ บ ได้ เหมาะสมตามสมัยนิยมมากที่สุด สอดคล้องกับ 72 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

งานวิจัยของ วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง และคณะ (2557) สมาชิกกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร ที่ได้พัฒนากลยุทธ์การตลาดผลิตภัณฑ์ขนมก้านบัว สามัคคี จังหวัดเชียงราย มีการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านโป๊ะหมอเทศบาลเมือง เก่ียวกับการสร้างบรรจุภัณฑ์และตราสินค้า มีความ บ้านพรุ อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบว่า เข้าใจในหลักการ กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อบรรจุภัณฑ์และป้ายฉลาก เกยี่ วข้องกบั การปรับเปล่ียนรปู แบบบรรจุภณั ฑ์และตรา อยู่ในระดับมาก และผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อ สนิ คา้ ทส่ี อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผ้บู รโิ ภคสามารถ บรรจุภัณฑ์ ด้านความสามารถปกป้องสินค้าภายใน นาองคค์ วามรูไ้ ปต่อยอดพัฒนาสินค้าต่าง ๆภายในกล่มุ มากที่สุดเช่นกัน อีกทั้งยังสอดคล้องกับ สุมาลี ทอง 3. ด้านความน่าสนใจของบรรจภุ ัณฑ์ รุ่งโรจน์ (2555) ที่ได้กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องมี ความแข็งแรง และสามารถเก็บรักษาสินค้าได้นาน บรรจุภัณฑ์ทามาจากอลูมิเนียม มีสมบัติที่ และได้กล่าวถึงป้ายฉลากที่ดีว่าต้องมีสีสันสวยงาม เหมาะสาหรับบรรจุภณั ฑ์ประเภทชาสมุนไพร มีน้าหนัก สะดุดตา และจดจาง่าย เบา กะทัดรัด แข็งแรง สะดวกต่อการจัดเก็บ การจัดส่ง และการเคลื่อนย้าย ใช้การออกแบบฉลากสินค้าท่ีมี ในการเพิ่มช่องทางการตลาดเพื่อขยายฐาน ความโดดเด่น ใช้สีสื่อความหมายถึงลักษณะผลิตภัณฑ์ ลูกค้านั้นพบว่า จานวนร้านค้าเดิมที่รับสินค้าไว้ ภายในบรรจภุ ัณฑ์ สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งขันราย จาหน่ายมีอยู่ประมาณ 6 ร้านในเขตอาเภอเมือง อ่ืน ยกระดับผลติ ภัณฑใ์ ห้มมี าตรฐานสามารถแข่งขันใน จังหวัดเชียงราย และร้านจาหน่ายสมุนไพรรายย่อย เชิงธุรกิจ และยังสามารถนาไปต่อยอดพัฒนาผลิตภณั ฑ์ ตามอาเภอต่าง ๆ เช่น ร้านไทยเฮิร์บ เเอทเชียงราย อนื่ ๆ ของกลุ่มวิสาหกจิ ได้ในอนาคต อา เ ภ อ เ ชีย ง ข อ ง 4 - 5 ร้า น เ มื่อ มีก า ร พัฒ นา 4. ดา้ นการสรา้ งกลุม่ ลกู ค้าใหม่ บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ สินค้าสามารถเก็บได้นาน ขึ้น บรรจุภัณฑ์น่าสนใจและแตกต่างจากท้องตลาดท่ี เดมิ ลูกคา้ ของเครือขา่ ยวิสาหกจิ ชมุ ชนสมุนไพร เป็นชาสมุนไพรประเภทเดียวกัน และสามารถขยาย สามัคคี จังหวัดเชียงราย คือ ลูกค้าทั่วไปที่มีความสนใจ ไปสู่ร้านค้าจาหน่ายสินค้าของฝาก สินค้าเพ่ือสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพร แต่เมื่อมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ มากขึ้น เนื่องจากบรรจุภัณฑ์สามารถนาไปจัดชุด และตราสินค้า ทาให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น มี ( gift set) เ พื่อ จาหน่ายเป็นข องฝาก ข อ ง เยี่ยม เอกลักษณ์กลายเป็นของดีในอาเภอเชียงของ จังหวัด ของขวัญโดยเพิ่มเป็นจานวน 15 ร้าน อาทิ ร้านของ เชียงราย จึงมีกลุ่ม ลูกค้าใหม่ เพิ่มขึ้น คือ กลุ่ม ฝ า ก นันทวัน 3 ส า ข า ร้า นส มุนไ พรห น้าค่าย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ท้ังซื้อเพื่อ ร้านประสพสุขสมุนไพร เป็นต้น นอกจากนี้ยังขยาย รบั ประทานเอง และซอื้ ไปเปน็ ของฝาก นอกจากนี้เมื่อมี การจัดจาหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ผ่านเพจ การออกบูธ ออกงานจัดแสดงสินค้า ขายผ่านช่องทาง Facebook ของเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร ออนไลน์ ทาให้มีกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยมีผู้ที่สนใจเข้ามา สามัคคีจังหวัดเชียงราย การออกร้านจัดบูธในงาน สอบถามรายละเอยี ดสนิ ค้ามากขึ้น แสดงสินค้าต่าง ๆ ท่ัวประเทศ 5. ด้านการสรา้ งรายได้และความยัง่ ยนื การเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขึ้นในชมุ ชน 1. ด้านการพัฒนากลุ่ม เ ม่ื อ ก ลุ่ ม เ ค รื อ ข่ า ย วิ ส า ห กิ จ ชุ ม ช น ส มุ น ไพ ร สามัคคี จังหวัดเชียงราย มีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง ทาให้เครือข่ายวิสาหกจิ ชุมชนสมุนไพรสามคั คี มีความเข้าใจอันดีต่อกันภายในกลุ่ม ผ่านการเสริมสร้าง จังหวัดเชียงราย มีความเข้ มแข็งมากขึ้ น เกิด องค์ความรู้ในด้านวิชาการท่ีสาคัญคือ ด้านการสร้าง กระบวนการเรียนรู้ แลกเปล่ียนแสดงความคิดเห็น บรรจุภัณฑ์และตราสินค้า มีการระดมความคิดและ ร่วมกนั ในกล่มุ ทาให้สมาชิกกลุม่ มคี วามสามัคคกี ัน ออกแบบการมีส่วนร่วม ทาให้สามารถขยายตลาดได้ มี 2. ด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ลูกค้าใหม่ ๆ เพ่ิมข้ึน มีคาส่ังซื้อจากลูกค้ามากขึ้น มีโอกาสขยายไปยังผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของกลุ่มเพ่ิมขึ้น วารสารวิชาการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 73 ปที ่ี 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

ส่งผลต่อการสร้างรายได้ของสมาชิกและคนในชุมชน จังหวดั เชียงราย และผู้จัดจาหน่ายผลติ ภัณฑส์ มุนไพรใน สามารถพง่ึ พาตนเองได้อย่างยง่ั ยืน จังหวัดเชียงรายที่กรุณาให้ความร่วมมือใ นการ 6. ดา้ นเศรษฐกิจ ดาเนินงานวจิ ัยจนแลว้ เสร็จ บรรณานกุ รม จากการดาเนินโครงการทาให้ช่วยเพิ่มรายได้ คานาย อภิปรัชญาสกุล. (2553). การบรรจุภัณฑ์ใน สร้างงาน สร้างอาชีพในชุมชน ซ่ึงการพัฒนาทาให้กลุ่ม อาชีพมีความเข้มแข็ง และผลิตภัณฑ์เป็นท่ียอมรับของ งานโลจิสติกส์. กรุงเทพฯ : โฟกัสมีเดีย แอนด์ ตลาด โดยเกิดการจา้ งงาน สรา้ งรายไดใ้ หส้ มาชิกและคน พบั ลชิ ช่งิ . ในชมุ ชน มัทธนี ปราโมทย์เมือง และคณะ. (2559). การศึกษา 7. ดา้ นสังคม เพื่อการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ร่วมสมัย ในการเพิ่ม ยอดจาหน่ายสินค้าแก่ชุมชนจากผลิตภัณฑ์ ทาให้เครือข่ายวิสาหกจิ ชุมชนสมุนไพรสามัคคี คงเหลือทางการเกษตร กรณีศึกษากลุ่มวสิ าหกจิ จงั หวัดเชยี งราย เกิดความรู้รักสามัคคกี ันในชมุ ชน สร้าง ชุมชนแปรรูปผลผลิต อ.เดิมบางนางบวช ความรู้ ความเข้าใจท่ีตรงกัน ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จ. สุพรรณบุรี. งานวิจัย. คณะสถาปัตยกรรม ของชุมชน ให้นาไปสู่การยอมรับในวงกว้าง เน่ืองจากมี ศาสตร์และการออกแบบ, มหาวิทยาลัย สมาชิกของเครือข่ายฯ 150 คน คัดเลือกตัวแทนที่มี เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. ความพร้อมเข้าร่วมโครงการ 15 คน ซึ่งเป็นผู้นากลุ่ม วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง และคณะ. (2557). การพัฒนา ย่อย สามารถนาความรู้ไปขยายผลให้กับสมาชิกอื่น ๆ กลยุทธก์ ารตลาดผลิตภณั ฑ์ขนมก้าวบวั ของกลุ่ม ไดต้ ่อไป แม่บ้านเกษตรกรบ้านโป๊ะหมอ เทศบาลเมือง 8. ด้านสิง่ แวดลอ้ ม บ้านพรุ อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา . (รายงานวิจัย). สานักงานคณะกรรมการ การดาเนินการศึกษาครั้งนี้ ทาให้คนในชุมชน อุดมศึกษา. เกิดการตื่นตัวและเห็นความสาคัญของพืชสมุนไพรที่ สุจิตรา วรรณนิยม. (2551). พฤติกรรมการบริโภคและ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด ต้องร่วมด้วย ปัจจัยทางการตลาดในการเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์ ช่วยกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ แปรรูปจากกล้วยเล็บมือนางในเขตจังหวัด ส่ิงแวดล้อม เช่น ทรัพยากรแหล่งน้า ป่า ชุมชน และปา่ ชุมพร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, ชุ่มน้า ตลอดจนภูมิปัญญาด้านสมุนไพรพื้นบ้านท่ีตก มหาวทิ ยาลัยวลัยลกั ษณ.์ ทอดจากร่นุ สรู่ ่นุ สุนทรี จันทะขาว. (2549). การออกแบบและพัฒนา กติ ติกรรมประกาศ บรรจุภัณฑ์กล้วยแปรรูปของกลุ่มสตรีแปรรูป ทางการเกษตร หมู่ท่ี 5 ตาบลหนองตูม อาเภอ ข อ ข อ บ พ ร ะ คุ ณ ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี กงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย. การค้นคว้าอิสระ ราชมงคลล้านนา ท่ีสนับสนุนงานวิจัยภายใต้ โครงการ ศิลปศาสตร์บัณฑิต (ออกแบบบรรจุภัณฑ์) จั ด ก า ร ศึ ก ษ า เ ชิ ง บู ร ณ า ก า ร ร ะ ห ว่ า ง ก า ร เ รี ย น รู้ ใ น มหาวทิ ยาลยั นเรศวร. สถานศึกษากับการนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และ สุมาลี ทองรุ่งโรจน์. (2555). การออกแบบบรรจุภัณฑ์. น วั ต ก ร ร ม ไ ป พั ฒ น า แ ล ะ ย ก ร ะ ดั บ ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร กรุงเทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ชุ ม ชนใ นพ้ื นที่ ภ า คเ ห นื อ 6 จั ง ห วั ด สมพงษ์ เฟื่องอารมณ์. (2550). บรรจุภัณฑ์กับการ ขอขอบพระคุณเครือขา่ ยวสิ าหกจิ ชุมชนสมุนไพรสามคั คี ส่งออก. กรงุ เทพฯ : จามจรุ ีโปรดักท์. 74 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภณั ฑ์ชมุ ชนท่สี ่งผลต่อเศรษฐกจิ ของชุมชนบวั สลี อาเภอแม่ลาว จงั หวดั เชียงราย Potential Analysis of Processed Products Affecting the Economy of Bua Sali Community Mae Lao District Chiang Rai Province. วิบูลพร วฒุ คิ ุณ1* ขวัญเรอื น สินณรงค์2 ศักดิธัช เสริมศร3ี Viboonporn Wutthikun1* Kwanruan Sinnarong2 Sakditach sermsri3 1,2,3 อาจารย์ คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภัฏเชยี งราย 1,2,3 Lecturer, Faculty of Industrial Technology, Chiang Rai Rajabhat University. *E-mail: [email protected], เบอร์โทรศพั ท์ 053-776015, เบอร์โทรสาร 053-776015 บทคัดย่อ งานวิจัยเร่ือง “การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีส่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย” มีวัตถุประสงค์ 1. เพ่ือสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนบนพ้ืนฐาน ทางการเกษตรที่มีศักยภาพของชุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย และ 2. เพ่ือวิเคราะห์ศักยภาพของ ผลติ ภัณฑช์ มุ ชนบนพ้ืนฐานทางการเกษตรทม่ี ีความเหมาะสมของชุมชนบวั สลี อาเภอแม่ลาว จงั หวัดเชียงราย จากการศึกษาพบวา่ การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ผู้วิจัยได้สร้างการมีสว่ นร่วมของชุมชนโดยการจดั เวที การสนทนากลุ่ม (Focus group) ในการสนทนากลุ่มครั้งน้ีได้จัดแบ่งลักษณะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีตามประเภท ของสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่ไว้ดังนี้ คือ 1). กลุ่มทางการเกษตร 2). กลุ่มอาหาร 3). กลุ่มสมุนไพร 4). กลุ่มผ้า 5). กลุ่ม หัตถกรรม และได้สร้างเครือข่ายผ่านไลน์กลุ่มชื่อว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์บัวสลี นอกจากนี้ยังร่วมมือระดมความคิดกัน สร้างโลโก้ จากคาขวัญตาบลบัวสลี และให้โอกาสให้สมาชิกวิสาหกิจชุมชนบัวสลีได้มีส่วนร่วมในทุกกระบวนการทจี่ ะ สรา้ งความร่วมมอื สรา้ งภาคภมู ใิ จให้กับชุมชนและนามาสู่การสร้างคณุ คา่ เพอื่ จะเปน็ สว่ นผลกั ดนั ในการขับเคล่ือนกลมุ่ วิสาหกิจชุมชน ส่วนด้านศักยภาพของผลิตภัณฑ์ชุมชนพบว่าโดยบริบททางสังคมของชุมชนบัวสลีเป็นชุมชนสังคม เกษตรมวี ิถชี ีวิตแบบชาวบ้าน คือ มคี วามเรยี บง่าย ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไม่คอ่ ยมกี ารแข่งขันทาให้ชาวบ้านตาบลบวั สลี แห่งนี้มีการพึ่งพาอาศัยกัน สภาพเศรษฐกิจประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทานา สินค้าส่วนใหญ่จึงใช้วัตถุดิบ ภายในท้องถิ่นรวมถึงองค์ความรู้หรือต้นทุนทางวัฒนธรรมในการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารเพอ่ื การจาหน่ายสู่ตลาดการแข่งขันท่ีสง่ ผลตอ่ เศรษฐกิจชมุ ชนบัวสลี คาสาคัญ การวิเคราะห์ศกั ยภาพ ผลิตภัณฑ์ชุมชน Abstract This research is “potential analysis of processed agricultural products affecting the economy of Bua Sali Community Mae Lao District in Chiang Rai Province” aimed to 1. create community participation in selection of potential agricultural products of Bua Sali community, Mae Lao district, Chiang Rai province 2. To analysis the potential of agricultural products that suitable of of Bua Sali Community Mae Lao District in Chiang Rai Province. วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 75 ปที ี่ 3 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มิถุนายน 2562

The finding of this research found that creating community participation, the researcher created community participation by arranging the focus group. In this group discussion was divided enterprise groups as category of products as follows: 1). Agricultural group 2). Food group 3). Herbal group 4). Fabric group 5). Handcraft group and established a network through the line group named Bua Sali Products group. Furthermore, they also brainstorm collaboratively and design a logo from the slogan of Bua Sali district and provided an opportunity to members of community enterprises participated in every process to create cooperation, community’s worthiness and to create value for pushing and driving community enterprise groups. For the potential of agricultural products found that the social context of the Bua Sali community is an agricultural society with a way of common life which means simple life, self-sufficiency and harmonious each other. Therefore, the Bua Sali’s villagers of Bua Sali to have dependence on each other. Most of people are farmer. Most of products made of local material and include Knowledge or cultural costs of transform agriculture products to food products group for competition market that affect Bua Sali economic community. Keywords Potential Analysis Community products บทนา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตาบลบัวสลี อาเภอแม่ลาว ชุมชนตาบลบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวัด จังหวัดเชียงราย เกิดขึ้นจากการนาเอาแนวทางเศรษฐกจิ ชุมชนหรือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนา และ เชียงราย เป็นชุมชนท่ีมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุข จัดเป็นกลุ่มกิจกรรมของชุมชนท่ีชุมชนคิดและทา ซ่ึงใน มี ร ะ ย ะ ท า ง ห่ า ง จ า ก ตั ว จั ง หวั ด เชี ย ง ร า ย เพี ย ง ส่วนแนวคิดวิสาหกิจชุมชนน้ัน ต้องมีเป้าหมายในการ 18 กิโลเมตร เป็นชุมชนที่มีแหล่งทรัพยากร ดิน น้าและ ผลิตก่อนว่า ต้องการทาการผลิตเพื่อบริโภคภายใน ป่าไม้ท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนในชุมชนมีความรักใคร่ ครอบครัว ในชุมชนหรือระหว่างชุมชน ทาการผลิตให้ ปรองดอง สามัคคี กันอยา่ งเครอื ญาติ ประชากรส่วนใหญ่ เพียงพอต่อความต้องการและจัดการผลผลิตให้ได้ก่อน ประกอบอาชีพหลักทางการเกษตร รับจ้างทั่วไป ค้าขาย ถ้าผลผลิตนนั้ ไปได้ดแี ล้วจึงค่อยเพ่มิ ปริมาณการผลติ หรือ และรับราชการ อาชีพเสริม ได้แก่ การทอผ้า การทา หากว่าผลิตภัณฑ์บางตัวในชุมชนนั้นมีความโดดเด่น เคร่ืองปั้นดินเผา การแปรรูปอาหารจากพืชเกษตร มีคุณภาพ มีลักษณะเฉพาะตัวพอท่ีนาออกไปจาหน่าย การตัดเย็บเสื้อผ้าของกลุ่มสตรี การเพาะเห็ด การ สู่ท้องตลาดใหญ่ ซึ่งผลผลิตนั้นต้องมีลักษณะเฉพาะตัว กสิกรรม ประเภท ไก่ สุกร โค เป็นต้น นอกจากน้ีชุมชน มีเอกลักษณ์ท้องถิ่น คุณภาพดีในระดับมาตรฐาน ยังมีหมู่บ้านวัฒนธรรมบ้านร่องปลายนาซ่ึงมีวิถีชีวิตท่ี ส า ม า ร ถ แ ข่ ง ขั น กั บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ห รื อ สิ น ค้ า ทั่ ว ไ ป ไ ด้ เรียบง่าย บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ มีวิถีชีวิตการทา (อุทยั ปริญญาสทุ ธนิ นั ท์, 2560) เคร่ืองป้ันดินเผาแบบพ้ืนเมืองล้านนา ร่วมถึงการจัด สภาพภูมิทัศน์ในหมู่บ้านท่ีมีร้ัวต้นชาโดยไม่มีรั้วบ้านก้ัน ดังนั้นการวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ คนในชุมชนให้เดินไปมาระหว่างบ้านได้ อีกท้ังมีซุ้มบอก ส่งผลตอ่ เศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวัด เลขท่ีบ้าน แบบสถาปัตยกรรมล้านนาเป็นเอกลักษณ์ เชียงรายจะเป็นส่วนการส่งเสริมให้กลุ่มวิสาหกิจสามารถ เฉพาะของชุมชน ดังนั้นพื้นที่ชุมชนตาบลบัวสลีจึงเป็น ประเมินศักยภาพและค้นหาศักยภาพของตัวเองเพื่อที่จะ พื้นที่เหมาะสาหรับใช้เป็นแหล่งศึกษาทางด้านเศรษฐกิจ เตรียมความพร้อมเพ่ือพัฒนศักยภาพผู้ประกอบการ สังคม วฒั นธรรมและประเพณี ชุมชนเข้าสูก่ ารแข่งขนั ในทอ้ งตลาด 76 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

วิธีการดาเนินงาน สร้างข้อสรุปแบบอุปนัย ซึ่งผู้วิจัยได้แยกประเภทของ การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีส่งผล ข้อมลู ออกตามแหล่งที่มา ดงั น้ี ต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวัด 3.1 ข้อมูลปฐมภูมิ ( Primary Data) คือ เชียงราย มีข้ันตอนและวิธีการในการดาเนินการวิจัยใน ข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดที่ผู้เก็บข้อมูลลงมือเก็บด้วย รูปแบบงานวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ตนเองได้มาจากแหล่งกาเนิดท่ีแท้จริงของผลิตภัณฑ์ โดยมวี ิธดี าเนนิ การวจิ ัยดังนี้ ชุมชนบัวสลี เช่น ข้อมูลจากการสารวจพ้ืนท่ีชุมชน การสนทนากลุ่มกับตัวแทนชุมชน โดยใช้การจดบันทึก 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้ทาการ การบนั ทกึ ภาพน่ิง และภาพเคลื่อนไหว เลือกประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่จะศึกษาและเก็บ รวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ 3.2 ข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) เจาะจง (Purposive sampling) ลักษณะของกลุ่มที่ คือ ข้อเท็จจริง หรือรายละเอียดที่ผู้อื่นรวบรวมไว้อย่าง เลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้คือเพื่อ เป็นระบบ สามารถนามาเป็นข้อมูล โดยไม่ต้องลงมอื เก็บ ก า ร ส ร้ า ง ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ข อ ง ชุ ม ช น ใ น ก า ร คั ด เ ลื อ ก รวบรวมเอง เช่น ข้อมูลจากหนงั สอื หรือตารา สารานกุ รม ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีศักยภาพและการวิเคราะห์ศักยภาพ เอกสารเผยแพร่ และเอกสารงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับ ผลิตภัณฑ์ชุมชนทีส่ ่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลีโดย ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ศั ก ย ภ า พ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ชุ ม ช น ที่ ส่ ง ผ ล ต่ อ หัวหน้าหรือตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ชุมชนบัวสลี เศรษฐกิจของชุมชน อาเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย โดยการสนทนากลุ่ม (Focus group) เพ่ือวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและ 4. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการนา ภายนอก (SWOT Analysis) ข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพ คือ สารวจพ้ืนที่ และการสนทนากลุ่ม โดยก่อนการ 2. เครอื่ งมอื ที่ใชว้ ิจยั ได้แก่ วเิ คราะห์จะดาเนินการตรวจสอบความ ถูกต้องของขอ้ มูล 2.1 การสารวจพ้ืนที่ชุมชน (Community จากน้ันจึงนาข้อมูลมาวิเคราะห์ โดยใช้เทคนิคการ วิเคราะหข์ อ้ มูลดงั น้ี survey) สารวจพื้นที่และพืชผลทางการเกษตร การ แปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการจัดจาหน่าย 4.1 การวิเคราะห์เนื้อหา ( Content ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ข อง ชุม ชนบัว สลี เ พ่ือน าม าวิ เคราะห์ Analysis) หาศกั ยภาพผลติ ภณั ฑช์ ุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวดั เชยี งราย 4.2 การจาแนกและจัดระบบข้อมูล (Typology and Taxonomy) 2.2 การสนทนากลุ่ม ( Focus Group) ของตัวแทนชุมชนบัวสลี โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมมี 4.3 การวิเคราะห์สาเหตุและผล (Cause โอกาสแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ ผู้วิจัยทาการ and Effect Analysis) จดบันทึกการสนทนาเพ่ือนามาวิเคราะห์หาศักยภาพ ผลการดาเนนิ งาน ผลติ ภัณฑช์ ุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จงั หวัดเชยี งราย ผลการวิจัยเร่ือง การวิเคราะห์ศักยภาพ 3. วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวม ผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีส่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลีได้ ข้อมูลจากเอกสาร (Documentary Data) และการเก็บ สรุปผลตามวัตถุประสงค์คือ 1.สร้างการมีส่วนร่วมของ รวบรวมข้อมูลภาคสนาม (Field Data) ทาให้ข้อมูลที่ ชุมชนในการคัดเลือกผลิตทางการเกษตรท่ีมีศักยภาพ ได้มาเป็นลักษณะการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative และ 2. การวิเคราะห์ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ทาง Research) โดยการออกแบบการวิจัยท่ียืดหยุ่นได้ การเกษตรท่ีมีความเหมาะสมโดยผู้วิจัยเสนอผลการ นักวิจัยเป็นเคร่ืองมือในกระบวนการวิจัย ใช้การสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลตามวตั ถุประสงค์การวจิ ัย ตามลาดับดังนี้ แบบมีส่วนร่วมและการสนทนากลุ่มเป็นวิธีการหลักใน การเก็บข้อมูล เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความ 4.1 การสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการ คัดเลอื กผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน วารสารวิชาการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 77 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ ุนายน 2562

การวเิ คราะห์ศกั ยภาพผลติ ภณั ฑ์ ชุมชนทส่ี ่งผลตอ่ เศรษฐกจิ ของ ชุมชนบัวสลี วเิ คราะห์ผลการศกึ ษา หัวหนา้ การศกึ ษาจากเอกสาร 1.ผลิตภัณฑ์ ภาพท่ี 3 การจัดแบง่ ลักษณะกลมุ่ วสิ าหกิจชมุ ชนบวั สลี หรอื ชมุ ชน ผู้วิจัยและผู้เข้าร่วมประชุมหัวหน้าและตัวแทน ตัวแทน และงานวิจัยที่ กลมุ่ 2.พืชผลทาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีในครั้งน้ีได้จัดแบ่งลักษณะกลุ่ม วิสาหกจิ การสารวจพื้นที่ชมุ ชน การเกษตร วิสาหกิจชุมชนบัวสลีตามประเภทของสินค้าไว้เป็น ชุมชน ผู้ 3.การแปรรปู หมวดหมูไ่ วด้ ังนี้ คอื (Community ผลติ ภณั ฑ์ทาง การเกษตร 1). กลุ่มทางการเกษตร อันได้แก่ กลุ่มผัก การสนทนากล่มุ ( Focus Group) ปลอดสาร กลมุ่ เลี้ยงปลา กลุ่มเล้ยี งก้งุ และกลุ่มลยี้ งหมู วิเคราะหผ์ ลการศกึ ษา 2). กลุ่มอาหาร อันได้แก่ กลุ่มมะขามจิ๊ดจ๊าด กลุ่มปลาส้ม กลุ่มแหนม กลุ่มกล้วยฉาบ กลุ่มหมี่กรอบ สรปุ ผลการวจิ ยั และกล่มุ แคบหมู ผลการวจิ ัย 3). กลุ่มสมนุ ไพร ภาพท่ี 1 แผนวธิ ดี าเนนิ การวจิ ัย 4). กลุ่มผ้า อันได้แก่ กลุ่มผ้าเช็ดเท้า กลุ่มตัด เยบ็ เส้ือสุนขั และกลุ่มเสือ้ ผ้ามัดย้อม ภาพท่ี 2 บรรยากาศการสนทนากลมุ่ 5 ) . ก ลุ่ ม หั ต ถ ก ร ร ม อั น ไ ด้ แ ก่ ก ลุ่ ม การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีส่งผล เครื่องปน้ั ดินเผาและกลุม่ ไม้กวาดดอกหญ้า ต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลีโดยมีผลตามวัตถุประสงค์ ดังจะเห็นได้จากภภาพประกอบการแสดง ข้อที่ 1 คือ สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการคัดเลือก จัดแบ่งลักษณะกลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนบัวสลี ดังภาพท่ี 3 ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีศักยภาพ โดยผู้วิจัยได้สร้างการมี การแบ่งจัดหมวดหมู่ของประเภทสินค้าในครั้งนี้ ส่วนร่วมของชุมชนในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีมี เพ่ือเป็นการง่ายต่อการจัดการดาเนินงานได้สะดวกใน ศักยภาพและการวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ี หลายด้านเช่น การจัดอบรม การแจ้งข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ ส่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี โดยการจัดเวทีการ และในการสนทนาครั้งน้ีคณะผูว้ ิจัยและผ้เู ข้าร่วมสนทนา สนทนากลุ่ม (Focus group) ในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 กลุ่ม หัวหน้าและตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีได้ ณ. องค์การบริหารส่วนตาบลบัวสลี อาเภอแม่ลาว สร้างการมีส่วนร่วมในการดาเนินงานครั้งนี้ โดยการ จังหวัดเชียงราย โดยมีหัวหน้าและตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจ จัดสร้างเครือข่ายผา่ นไลนก์ ลมุ่ ชอ่ื วา่ กลุ่มผลิตภัณฑบ์ วั สลี ชุมชนบัวสลีเข้าร่วมสนทนากลุ่มในคร้ังน้ี 22 กลุ่ม เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์ ข่าวสาร ภาพบรรยากาศเวทีการสนทนากลุ่ม (Focus group) การเคล่ือนไหวของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตาบลบัวสลีให้ จากหัวหน้าและตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลี เกิดข้ึน ร่วมถึงเพื่อเป็นการสะดวกในการติดต่อส่ือสาร ดงั ภาพท่ี 2 ระหวา่ งกนั ดังภาพที่ 4 อีกท้ังในการสนทนาคร้ังน้ีได้สร้างข้อตกลง ร่วมกันคือการออกแบบโลโก้หลักของวิสาหกิจชุมชน บวั สลเี พื่อเป็นการสรา้ งความรว่ มมอื ความเขม้ แขง็ ความ 78 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ภาพท่ี 4 แสดงการจัดสรา้ งกลุม่ เครอื ข่ายไลน์ โดยผลการเลือกโลโก้จากหัวหน้าและตัวแทน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลี ผลปรากฏว่าทางชุมชนเลือก ภาพท่ี 5 แสดงโลโก้ทไ่ี ด้ออกแบบแสดงถงึ อตั ลกั ษณ์ของ โลโก้ ดังภาพที่ 6 ชุมชนบัวสลี ทั้งนี้การสร้างกลุ่มไลน์ การสร้างโลโก้และให้ ภาพท่ี 6 โลโกท้ ไี่ ด้รับคัดเลือกจากสมาชิกวสิ าหกจิ ชมุ ชน โอกาสให้สมาชิกวิสาหกิจชุมชนบัวสลีได้คัดเลือกเอง บวั สลขี องตาบลบัวสลี อีกทั้งได้เปิดเวทีสนทนาน้ันเป็นการสร้างความร่วมมือ เบ้อื งต้น ชมุ ชนบวั สลมี สี ว่ นร่วมในทุกกระบวนการและจะ เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลี สร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชน ซ่ึงการสร้างความ ของตาบลบัวสลีโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสามารถนาเอา รวมมือน้ันสอดคล้องกับ ณัฏฐนันธ สุวรรณวงก์ (2556) โลโก้ไปใช้ได้โดยการออกแบบโลโก้น้ันจะดึงลักษณะจาก ได้กล่าวไว้ว่าการมีส่วนร่วมจึงเป็นหัวใจสาคัญของการ คาขวัญตาบลบัวสลี คือ “ผ้าทอเรืองนาม เมืองงามน้าใส พัฒนาชนบท การมีส่วนร่วมเป็นกระบวนการสร้างความ หนองป่าไคร้ธรรมชาติ พิราศล้าวัฒนธรรม อุตสาหกรรม ตระหนัก สร้างแรงจูงใจให้ เกิดข้ึนกับชุมชน มีสติในการ เครื่องป้ันดินเผา แม่น้าลาวคู่บัวสลี” มาตีความเล่าเรื่อง รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง ของสิ่งแวดล้อมสามารถ ผ่ า น โ ล โ ก้ เ พ่ื อ แ ส ด ง ถึ ง อั ต ลั ก ษ ณ์ ข อ ง ชุ ม ช น บั ว ส ลี กาหนดวิถีชีวิต คุณภาพชีวิต อนาคตของตนเองและ ดังภาพที่ 5 ชมุ ชนได้อย่างยัง่ ยืนตอ่ ไป 4.2 การวิเคราะห์ศักยภาพของผลิตภณั ฑ์ชุมชน การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีส่งผล ต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลีโดยมีผลการสรุปตาม วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2 คือ การวิเคราะห์ศักยภาพของ ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีความเหมาะสมโดยชุมชนบัวสลีเป็น ชุมชนสังคมเกษตร ประกอบไปด้วย 12 หมู่บ้าน จานวน ประชากร 4,565 คน ตาบลบัวสลีโดยทั่วไป มีวิถีชีวิต แบบชาวบ้าน คือ มีความเรียบง่ายใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ค่อยมีการแข่งขันทาให้ชาวบานตาบลบัวสลีแห่งน้ี มีการพึ่งพิงอาศัยกันอยู่ตลอดเวลา สภาพเศรษฐกิจ ประชาชนส่วน ใหญ่ประกอบอาชีพทานา ประชากรส่วน ใหญ่ประกอบอาชพี เกษตรกรรม พืชท่ีปลกู ในพ้ืนที่ ได้แก่ ข้าวเหนียว ข้าวจ้าว มันสาปะหลัง หอมแดง กระเทียม ข้าวโพด เป็นต้น หมุนเวยี นกนั ตลอดท้งั ปี เน่ืองจากสภาพ พ้ืนที่ส่วนใหญ่ มีแหล่งน้าหลายสายไหลผ่านพ้ืนท่ีทา การเกษตร โดยคณะวิจัยได้แบ่งการวิเคราะห์ข้อมูล ออกเป็น 2 ด้านคือ 1). ด้านศักยภาพ 2) ด้านปัญหาและ อุปสรรค ในภาพรวมของ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค ตามหลักการการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ภายในและภายนอก (SWOT Analysis) (ปาณเดชา ทองเลศิ , 2554) 1). ศักยภาพทางการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ชุมชนของตาบลบัวสลีท่ีพบคือสินค้าส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบ วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 79 ปที ่ี 3 ฉบับท่ี 1 มกราคม - มิถุนายน 2562

ภ า ย ใ น ท้ อ ง ถ่ิ น ร ว ม ถึ ง อ ง ค์ ค ว า ม รู้ ห รื อ ต้ น ทุ น ท า ง ซึ่งท้งั นที้ างหัวหน้าและตวั แทนกลุ่มวิสาหกิจชมุ ชน บวั สลี วัฒนธรรมในการแปรรูปจากภูมิปัญญาหรือวัฒนธรรม เหน็ พ้องในความคิดในคร้ังนี้ด้วย ด้ังเดิม อาทิเช่น การทาปลาส้ม การทาแหนม การทา แคบหมู ฯลฯ สาหรับสินค้าท่ีแปรรูปจากการเกษตรท่ี 4.3 แนวทางและรูปแบบการพัฒนาศักยภาพ ผลิตในหลายหมู่บ้านได้แก่ การแปรรูปกล้วยเนื่องจาก ผลิตภณั ฑ์ชุมชนทส่ี ่งผลตอ่ เศรษฐกิจของชมุ ชนบัวสลี พ้ืนที่ในตาบลแม่ลาวนิยมการปลูกกลว้ ยนา้ ว้าเป็นจานวน มาก ท้ังในแง่ของการค้าและการบริโภค ทาให้ผลผลิต แ น ว ท า ง แ ล ะ รู ป แ บ บ ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ กล้วยมีจานวนค่อนข้างมากจึงได้นาผลผลิตทางการ ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี เกษตรมาแปรรูปในลักษณะกล้วยฉาบ หมู่บ้านท่ีผลิต พอจะสรุปแนวทางและรูปแบบด้านการพัฒนาศักยภาพ กลว้ ยฉาบไดแ้ ก่ หมู่ 11 หมู่ 2 หมู่ 5 เป็นตน้ โดยในแต่ละ ผลติ ภัณฑ์ทางการเกษตรต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี หมบู่ ้านจะจดั จาหน่ายโดยตวั เองไมไ่ ดม้ ีการร่วมกลุ่ม ไม่มี การพบปะกันเพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันต่างคน 4.3.1 ควรส่งเสริมและพฒั นาด้านการมสี ว่ นรว่ ม ต่างทางานของตน และการทางานร่วมกันของวิสาหกิจชุมชนกับชุมชน สอดคล้องกับ ณัฏฐนันธ สุวรรณวงก์ (2556) ท่ีกล่าวไว้ 2). ด้านปัญหาและอุปสรรคและจากการ การมองเป้าหมายร่วมกันเพ่ือเป็นการสร้างความชัดเจน สนทนากลุ่มกล้วยฉาบยังพบปัญหาในกระบวนการบรรจุ ของหลักการ เป้าหมาย และแนวทางปฏิบตั ิ ดังน้ันชุมชน กล้วยฉาบลงถุงจะเกิดคราบน้ามันติดถุงทาให้ไม่สวยงาม บัวสลีจึงจาเป็นต้องจัดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีและ รวมถึงหากทิ้งไว้หลายวันเกิดการเหม็นหืนได้ ดังน้ันทาง ตัวแทนชุมชนให้มีการพบปะกันเปน็ ประจา โดยประกอบ หัวหน้ากลุ่มและตวั แทนกลมุ่ วสิ าหกิจชุมชนบัวสลีมีความ ไปด้วยสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลี ตัวแทนชุมชน ต้องการ ตู้อบไล่น้ามัน ขนาดเล็กประมาณในการอบ เพ่ือแลกเปล่ียนพูดคุยปัญหา อุปสรรค เพ่ือเสนอแนะ แต่ละครั้ง คือ 5-10 กิโลกรัมและมีการกระจายให้ แนวทางในการแก้ไขปัญหาและนาเสนอความคิดเห็นใน หลากหลายหมู่บ้าน โดยหากได้ตู้อบในคร้ังนี้จะส่งเสริม เชิงการพัฒนาร่วมกนั กระบวนการผลิตได้ในหลากหลายในกลุ่มแปรรูปอาหาร เช่น กลุ่มแคบหมู และกลุ่มหมี่กรอบต้องการไล่น้ามัน 4.3.2 ด้านการดาเนินการ ควรส่งเสริมให้ เช่นเดียวกับกล้วยฉาบ กลุ่มมะขามและกลุ่มสมุนไพร วิสาหกิจชุมชน ชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการจัดทา สามารถนาตู้อบนี้เป็นเครื่องไล่ความช้ืนที่ต้องอาศัยการ แผนพฒั นาศักยภาพร่วมกัน ซงึ่ ถือเปน็ การสรา้ งเครือข่าย ตากแห้งได้ โดยทางหวั หนา้ กล่มุ และตวั แทนกล่มุ วสิ าหกจิ ใ น ก า ร ด า เ นิ น ก า ร ท า ใ ห้ เ กิ ด ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ก า ร ชุ ม ช น บั ว ส ลี ไ ด้ เส น อข้อแน ะ น า ว่ า เน่ื อง จ า ก เดิ ม ท า ง ดาเนินงานเพ่มิ มากขน้ึ หัวหน้าและตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีได้รับตู้อบ พลังงานแสงอาทิตย์จากกระทรวงพลังงานแต่มักจะเกิด 4.3.3 มีการติดตามและประเมินผลควรส่งเสริม ปัญาหาคือถ้าฤดูฝนแสงอาทิตยไ์ ม่มจี ึงทาให้กระบวนการ ให้มสี ว่ นร่วมในการตรวจสอบการดาเนินงานของวสิ าหกจิ ผลติ หยุดลง ดงั นั้นทางคณะผ้วู จิ ยั อาจารย์นเรศ ใหญว่ งศ์ ชุมชน โดยให้วิสาหกิจชุมชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ อ า จ า ร ย์ ป ร ะ จ า โ ป ร แ ก ร ม วิ ศ ว ก ร ร ม พ ลั ง ง า น แ ล ะ ความโปร่งใสของการบริหารงาน โดยมีการกาหนด เทคโนโลยีไฟฟ้าได้เสนอตู้อบอาศัยพลังงานทางเลือกท่ี ระยะเวลาหรือช่วงเวลาในการติดตามและประเมินผลท่ี สามารถมีหลากหลายแหล่งการให้พลังงานทั้ง พลังงาน ชัดเจนและเหมาะสมต้องมีการรายงานผล การติดตาม จากแสงอาทิตย์ พลังงานจากเชื้อเพลิงเศษวัสดุทาง และประเมินผลให้ทราบเพื่อปรับปรุงและแก้ไข ในส่วนที่ การเกษตร อาธิเช่น เศษก่ิงไม้ต่าง ๆ เป็น รวมไปถึง บกพร่องอันนาไปสปู่ ระโยชน์สูงสุด พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในรูปแบบแผงโซล่าเซลล์ 4.3.4 ส่งเสรมิ หรือจัดกระบวนการเรียนรูใ้ นดา้ น ต่าง ๆ เพ่ือการพัฒนาคุณภาพสินค้า เช่น ความรู้ การตลาด ความรู้ด้านบัญชี ความรู้ทางด้านกระบวนการ ผลิตและการบรรจุภัณฑ์ รวมถึงมีการศึกษาดูงานพ้ืนที่ที่ ประสบความสาเร็จเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกนามาปรับใชใ้ น ชุมชนของตนเอง 80 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

การนาไปใช้ ร่วมมือระดมความคิดกันสร้างโลโก้ จากคาขวัญ การวิเคราะห์ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนท่ีส่งผล ตาบลบัวสลี คือ “ผ้าทอเรืองนาม เมืองงามน้าใส หนองป่าไคร้ธรรมชาติ พิราศล้าวัฒนธรรม อุตสาหกรรม ต่อเศรษฐกิจของชุมชนบัวสลี อาเภอแม่ลาว จังหวัด เคร่ืองปั้นดินเผา แม่น้าลาวคู่บัวสลี” และให้โอกาสให้ เชียงราย ได้สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนผ่านตัวแทน สมาชกิ วสิ าหกจิ ชุมชนบวั สลไี ดค้ ดั เลอื กเอง ในเวทสี นทนา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อให้เกิดความสามัคคี โดยได้มีการ กลุ่มชุมชนบัวสลีมี ส่วนร่วมในการทุกกระบวนการจะ สร้างกลุ่มไลน์เพื่อติดต่อสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ข่าว ส ร้า ง ค ว า ม ภ า ค ภู มิ ใจ ให้ กับ ชุ ม ช น ซึ่ ง กา รส ร้า ง ค ว า ม ต่าง ๆ มีการสร้างภาพโลโก้สนิ ค้าชุมชนเพื่อชุมชนให้เกิด ร่วมมือน้ันเป็นสิ่งสาคัญในการขับเคลื่อนกลุ่มวิสาหกิจ ความภาคภูมิใจและสร้างความม่ันใจในผลิตภัณฑ์ อีกทั้ง ชุมชนสอดคล้องกับ ณัฏฐนันธ สุวรรณวงก์ (2556) ได้ ร่วมกันประเมินศักยภาพผลิตภัณฑ์ชมุ ชนเพ่ือหาแนวทาง กล่าวไว้ว่าการมีส่วนร่วมจึงเป็นหัวใจสาคัญของการ ส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพ่ือเพิ่มศักยภาพด้านการ พัฒนาชนบท การมีส่วนร่วมเป็นกระบวนการสร้างความ แข่งขันโดยการเสนอแนวคิดในการจัดสร้างเคร่ืองไม้ ตระหนัก สร้างแรงจูงใจให้เกิดข้ึนกับชุมชน สามารถ เคร่ืองมือและอุปกรณ์สนับสนุนการแปรรูปผลผลิตภัณฑ์ กาหนดวิถีชีวิต คุณภาพชีวิต อนาคตของตนเองและ ชุมชนท่ีใช้ผลผลิตทางการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมาก ชมุ ชนไดอ้ ย่างยั่งยนื ต่อไป ย่ิงขึ้นจากความร่วมมือของชุมชนและเพื่อเป็นฐานราก ให้กับนักวจิ ัยในการทางานสนับสนนุ ครง้ั ต่อไป ผลสรุปตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 คือการ อภิปรายผล วิเคราะห์ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ ชุมชนที่มีความ เหมาะสม โดยชุมชนบัวสลีเป็นชุมชนสังคมเกษตร มีวิถี ผลสรุปตามวัตถุประสงค์ข้อที่ 1 คือ สร้างการมี ชีวิตแบบชาวบ้าน คือ มีความเรียบง่ายใช้ชีวิตอย่าง ส่วนร่วมของชุมชนในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มี พอเพียงไม่ค่อยมีการแข่งขันทาให้ชาวบ้านตาบลบัวสลี ศกั ยภาพ ซึ่งผวู้ จิ ยั ไดส้ ร้างการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชนในการ แห่งน้ีมีการพ่ึงพออาศัยกันอยูต่ ลอดเวลา สภาพเศรษฐกิจ คัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีศักยภาพและการวิเคราะห์ ประชาชนสว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี ทานา โดย ศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของชุมชน คณะวิจัยได้แบ่งการวิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 2 ด้าน คือ บัวสลี โดยการจัดเวทีการสนทนากลุ่ม (Focus group) 1). ด้านศักยภาพพบว่าสินค้าส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบภายใน โดยมีหัวหน้าและตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลี ท้องถิ่นรวมถึงองค์ความรู้หรือต้นทุนทางวัฒนธรรมใน เข้ารว่ มสนทนากลมุ่ ในครงั้ น้ี 22 กลมุ่ ในการสนทนากลมุ่ การแปรรูปจากภูมิปัญญาหรือวัฒนธรรมดั้งเดิม สาหรับ ครั้งนี้ได้จัดแบ่งลักษณะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีตาม สินค้าที่แปรรูปจากการเกษตรที่ผลิตในหลายหมู่บ้าน ประเภทของสินค้าไว้เป็นหมวดหมู่ไว้ดังน้ี คือ 1). กลุ่ม ได้แก่ การแปรรูปกล้วยเนื่องจากพื้นท่ีในตาบลแม่ลาว ทางการเกษตร อันได้แก่ กลุ่มผักปลอดสาร กลุ่มเลี้ยง นิยมการปลูกกล้วยน้าว้าทั้งในแง่ของการค้าและการ ปลา กลุ่มเลี้ยงกุ้งและกลุ่มลี้ยงหมู 2). กลุ่มอาหาร บริโภค หมู่บ้านท่ีผลิตกล้วยฉาบได้แก่ หมู่ 11 หมู่ 2 อันได้แก่ กลุ่มมะขามจ๊ิดจ๊าด กลุ่มปลาส้ม กลุ่มแหนม หมู่ 5 เป็นต้น โดยในแต่ละหมู่บ้านจะจัดจาหน่ายโดย กลุ่มกล้วยฉาบ กลุ่มหม่ีกรอบและกลุ่มแคบหมู 3). กลุ่ม ตัวเองไม่ได้มีการร่วมกลุ่ม ไม่มีการ พบปะกันเพ่ือ สมุนไพร อันได้แก่ กลุ่มสมุนไพร 4). กลุ่มผ้า อันได้แก่ แ ล ก เ ป ล่ี ย น เ รี ย น รู้ ร่ ว ม กั น ต่ า ง ค น ต่ า ง ท า ง า น ข อ ง ต น กลุ่มผ้าเช็ดเท้า กลุ่มตัดเย็บเส้ือสุนัขและกลุ่มเส้ือผ้ามัด 2). ด้านปัญหาและอุปสรรคพบปัญหาในกระบวนการ ย้อม 5). กลุ่มหัตถกรรม อันได้แก่ กลุ่มเคร่ืองปั้นดินเผา บรรจุกล้วยฉาบลงถุงจะเกิดคราบน้ามันติดถุงทาให้ไม่ และ กลุ่มไม้กวาดดอกหญ้า โดยได้สร้างเครือข่ายผ่าน สวยงามรวมถึงหากทิ้งไว้หลายวันเกิดการเหม็นหืนได้ ไลน์กลุ่มช่ือว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์บัวสลี เพื่อเป็นการสร้าง ดังนั้นทางหัวหน้ากลุ่มและตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์ ข่าวสารการเคลื่อนไหวของ บัวสลีมีความต้องการ ตู้อบไล่น้ามัน ขนาดเล็กประมาณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตาบลบัวสลีให้เกิดขึ้น นอกจากน้ียัง ในการอบแต่ล่ะคร้ัง คือ 5-10 กิโลกรัม ตู้อบควรเป็น พลังงานทางเลือกท่ีสามารถมีหลากหลายแหล่งการให้ พลังงานทั้ง พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานจาก วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 81 ปีท่ี 3 ฉบับที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

เช้ือเพลิงเศษวัสดุทางการเกษตร เป็นต้น โดยหากได้ บรรณานกุ รม ตู้อบในครั้งนี้จะส่งเสริมกระบวนการผลิตได้ ใน ปาณเดชา ทองเลิศ . (2554). SWOT Analysis . หลากหลายในกลุ่มแปรรูปอาหาร เช่น กลุ่มแคบหมู และ กลุ่มหมี่กรอบต้องการไล่น้ามันเช่นเดียวกับกล้วยฉาบ 1 กันยายน 2561 . [ออนไลน์] ได้จาก : https:// กลุ่มมะขามและกลุ่มสมุนไพรสามารถนาตู้อบน้ีเป็น www.gotoknow.org/posts/430423. เครื่องไล่ความชนื้ ท่ตี ้องอาศยั การตากแหง้ ได้ ณัฏฐนันธ สุวรรณวงก์ . 2556. “กระบวนการพัฒนา ศักยภาพชุมชนต่อการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน จากผลการวิเคราะห์ดังกล่าวทางคณะผู้วิจัยได้ และกลุ่มอาชีพ: กรณีศึกษา โครงการสายใยรัก ส่งมอบข้อมูลให้กับทางผู้นาชุมชน ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจ แห่งครอบครัวฯ บ้านนาดี-สร้างบง ตาบลผาสุก และทีมงานวิจัยเพื่อนาผลการวิเคราะห์ที่ได้ไปเป็น อาเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี” วารสาร ส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาให้เกิดความร่วมมือระหว่าง วชิ าการศรีปทมุ . หน้า 37-44. ชุมชนและทีมงานวิจัยในการจัดสร้างตู้อบไล่น้ามัน อุทัย ปริญญาสุทธินันท์. 2560 . “วิสาหกิจชุมชน พลังงานทางเลือกสาหรับส่งเสริมกระบวนการผลิตใหก้ ับ ปฏิทรรศน์ในการแข่งขันทางธุรกิจ”. วารสาร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบัวสลีเพ่ือต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน มหาวิทยาลัยศิลปากร ฉบับภาษาไทย . 37, 2 : บัวสลใี ห้มีศกั ยภาพในการจัดจาหน่ายในทอ้ งตลาดต่อไป 131-150 82 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

““ววาารรสสาารรววแิชแชิ นาานวกกวทาาทรารารงรงกบับักาใใาชชรรส้้สเเตงัตังรคครยีมียมมมมมบบหหททาาคควววทิวิทาายยมมาาเลเพลพยััย่ือ่ือเเตทตทพีคพีคโิมิโมนนพพโโลลใ์์ในนยยรีววีราาาาชรรชมสสมางางรครคลลลลา้ า้ นนนนาา”” แนวคิดและหลกั การ ปัจจุบัน วิชาการรับใช้สังคม (socially-engage scholarship) ได้มีการดาเนินการกันแพร่หลายและ ตอ่ เน่อื ง โดยเปน็ การทางานเชิงวิชาการรว่ มกนั ระหวา่ งมหาวทิ ยาลยั ฯ หรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ กับสังคมเพือ่ เป้าหมาย สาคัญในการเปลย่ี นแปลงสังคมสู่ทิศทางท่ีดขี ึ้น โดยการทางานรว่ มกันทว่ี ่าน้นั ตั้งอยู่บนหลกั การพ้นื ฐาน 4 ประการ คือ ร่วมคิดร่วมทา (Partnership) ผู้เกี่ยวข้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน (Mutual benefit) เรียนรู้และใช้ความรู้ รว่ มกนั (Scholarship) และมีผลกระทบตอ่ สังคม (Social impact) การดาเนนิ งาน “วิชาการรับใชส้ งั คม” จะเนน้ การมีส่วนร่วมของชุมชน หมู่บา้ น/ชุมชนแบบมสี ่วนร่วมโดย สมาชิกในชุมชน นักวิชาการของมหาวิทยาลัย หน่วยงาน ร่วมกันคิด กาหนดแนวทางในการดาเนินการร่วมกัน การมสี ่วนรว่ มของคนในชุมชนที่ช่วยกันคน้ หาความต้องการ หรือปัญหาที่ต้องการการแกไ้ ข โดยแบ่งไดเ้ ปน็ 1. งานบรกิ ารวิชาการ (community service learning) ท่มี กี ระบวนการนาองค์ความรูท้ ่มี ีอยู่ภายในหรือ ภายนอกมหาวิทยาลัยมาปรบั ปรงุ ประยุกต์ และใชก้ ระบวนการท่เี หมาะสมและเข้ากับบริบทของแต่ละชุมชนหรือ สถานประกอบการ 2. งานวิจัย (socially-engage research) ท่ีสร้างองค์ความรู้เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหา ให้กับผใู้ ช้ อาทิ ชมุ ชนหรอื ผ้ปู ระกอบการ ดังนั้นการดาเนินการ “วารสารวิชาการรับใช้สังคม” จะเป็นแนวทางหน่ึงให้นักวิจัย นักบริการวิชาการ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ท่ีทางานร่วมกับผู้ใช้ผลงานไม่ว่าจะเป็นคนในชุมชนหรือผู้ประกอบการ มีแหล่งวารสารที่สามารถตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน เป็นแหล่งแลกเปล่ียนเรียนรู้ ซ่ึงจะส่งผลดีต่อการดาเนินงาน วิชาการด้านรับใช้สังคมของมหาวิทยาลัย และประเทศชาติให้พัฒนาขึ้นต่อไป ทั้งงานวิชาการรับใช้สังคมเพ่ือ ประโยชนข์ องชมุ ชนและสาธารณะ และงานวชิ าการรับใชส้ งั คมเพือ่ ผู้ประกอบการ วตั ถปุ ระสงค์ของ “วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม” วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีวัตถุประสงค์เพ่ือตีพิมพ์ผลงาน วิชาการด้านรับใช้สังคม ท้ังงานวิจัยและงานบริการวิชาการ เผยแพร่เพื่อพัฒนาสังคมและส่งเสริมให้นักวิชาการ ด้านรบั ใช้สงั คมในหนว่ ยงานต่าง ๆ ได้มแี หลง่ นาเสนอผลงานทางวชิ าการสสู่ าธารณะ หลักเกณฑก์ ารเสนอบทความวจิ ยั สาหรับ “วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม” 1. เป็นบทความที่เกิดจากการค้นคว้าวิจัยโดยมีกระบวนการนาไปสู่การสร้างความรู้เพ่ือใช้ประโยชน์ใน ชมุ ชน สถานประกอบการ และมขี อ้ อธบิ ายไดอ้ ย่างชัดเจน และ/หรอื เปน็ บทความท่เี กิดจากการบริการวิชาการท่ี สามารถอธิบายกระบวนการนาองค์ความรู้ ไปปรับใช้ ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของ ชมุ ชนหรอื ผู้ประกอบการ วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 83 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562

2. เป็นงานวิจัยหรืองานบริการวิชาการท่ีมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนา สังคม ชุมชน ทอ้ งถ่นิ และ/หรอื ผปู้ ระกอบการ 3. มีการนาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในสถานประกอบการหรือในชุมชนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาทิประโยชนเ์ ชงิ นโยบาย เชงิ พานิชย์ เชงิ สาธารณะ หรืออนื่ ๆ 4. เป็นการบริการวิชาการที่สามารถอธิบายกระบวนการหรือวิธีการนาเอาองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ใน สถานประกอบการหรือในชุมชน 5. การนาไปใช้ประโยชน์เกิดผลกระทบกับสังคม ชุมชน ท้องถิ่นหรือผู้ประกอบการในด้านการยกระดับ คุณภาพด้านต่างๆ อย่างชัดเจน อาทิ รายได้ โอกาสในการดาเนินชีวิต สุขภาพตลอดจนผลกระทบดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ในชุมชน ฯลฯ และ/หรอื มผี ลกระทบในทางบวกในดา้ นต่างๆของโรงงาน สถานประกอบการ การเขียนบทความจากงานวิจัยและบริการวิชาการเพื่อตีพิมพ์ใน “ วารสารวิชาการรับใช้สังคม” จะต้อง สอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. ฉบับท่ี 9 ที่เกี่ยวกับการเขียนเอกสารวิชาการรับใช้สังคม ซ่ึงมี 7 ประการ คือ สามารถอธบิ าย/ชแ้ี จงในประเดน็ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. สภาพการณก์ ่อนการเปลีย่ นแปลงท่ีเกดิ ขนึ้ 2. การมีส่วนรว่ มและการยอมรับของสังคมเปา้ หมาย 3. กระบวนการที่ทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงทีด่ ขี ึ้น 4. ความร้คู วามเชีย่ วชาญทีใ่ ชใ้ นการทาให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงนน้ั 5. การคาดการณ์สิ่งท่ีจะตามมาหลังจากการเปลยี่ นแปลงนั้น 6. การประเมนิ ผลลัพทก์ ารเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึน้ 7. แนวทางการติดตามและธารงรักษาพัฒนาการที่เกดิ ขน้ึ ให้คงอยูต่ ่อไป 7864 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

รูปแบบและแนวการเขยี นบทความ เขียนบทความภาษาไทยความยาวไม่เกิน 10 หน้ากระดาษ A4 พิมพ์ด้วยตัวอักษร TH Saraban PSK ขนาด 15 พอยต์ อาจมภี าพ ตาราง แผนภูมปิ ระกอบโดยทั้งหมดตอ้ งอย่ใู นข้อจากัด 10 หนา้ ดงั กลา่ ว องคป์ ระกอบของบทความ ช่ือโครงการวิจัย การเขียนชื่อเร่ืองใช้ภาษาไทยถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ กระชับสามารถส่ือจุดประสงค์การวิจัย ชัดเจน ในกรณีท่ีมีภาษาอังกฤษให้ทาเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เฉพาะตัวแรกของคานามและคุณศัพท์ เช่น Vaginal Misoprostol in Previous Cesarean Section ท่ีเหลือทาเป็นเล็กหมด รวมทั้ง คากริยา คากรยิ าวิเศษณ์ และคาทไี่ มใ่ ชเ่ ปน็ คานาเช่น ตวั อยา่ ง ถา้ สงสยั ขอแนะนาให้พิมพต์ ัวใหญ่ เฉพาะตัวแรกของบรรทัดเท่านั้น นอกน้ันทาตัวเล็ก เช่น Vaginal misoprostol in previous cesarean section ไม่แนะนาใหใ้ ชต้ วั สัญลกั ษณ์ต่าง ๆ ในการพิมพ์ช่อื เรื่อง ชื่อผดู้ าเนินโครงการและผู้ร่วมดาเนนิ โครงการ หนว่ ยงาน บทคดั ย่อ • ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ใ ห้ ค ร บ ป ร ะ เ ด็ น Objective , Material and Method, Results, Conclusion เขียน 10 – 15 บรรทัด ไม่มีหวั ขอ้ กไ็ ด้ • ภาษาไทยให้มีข้อความเหมือนภาษาอังกฤษ ความยาวไม่ควรเกิน 300 คา โดยให้สรุป เนอ้ื หาของบทความทงั้ หมดใหเ้ ขา้ ใจทีม่ าของการทาวิจัย วัตถปุ ระสงค์ วิธีดาเนินการวิจยั โดยยอ่ ผลการวจิ ยั วิธกี ารนาไปใชป้ ระโยชน์ และได้ผลลพั ธ์ อยา่ งไร คาสาคญั Keywords บทนา • ช้ใี หเ้ ห็นความสาคญั ของเร่ืองท่ที า เขียนให้ส้ัน กระชับ ไม่เกิน 15- 20 บรรทัด • คน้ คว้าเพ่ิมเติมวา่ มผี ู้ใดทางานในลกั ษณะใกล้เคยี งแล้วบ้าง ได้ผลอย่างไร • ระบุแนวทางการวิจัย/กระบวนการดาเนินการบริการวิชาการ จุดประสงค์ เขียน เป็นความเรยี งหรือจดั ลาดับความสาคัญแล้วจดั เรยี งเปน็ หวั ข้อ (อาจกลา่ วถึงข้อ 1. สภาพการณก์ อ่ นการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กดิ ขึ้น) วธิ ีดาเนนิ งาน อธิบายวิธีดาเนินโครงการให้เห็นขั้นตอน กระบวนการระบุขอบเขตของการวิจัย วิธีเลือก กลุ่มตัวอย่างให้ชัดเจน ในลักษณะท่ีหากมีผู้อื่นต้องการทาวิจัยในลักษณะเดียวกันสามารถอ่าน วารสารวิชาการรบั ใชส้ งั คม มทร.ลา้ นนา 7875 ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มิถนุ ายน 2562

และนาไปปฏิบัติได้ (กล่าวถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย 3.กระบวนการที่ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงท่ีดีข้ึน 4.ความรู้ความเช่ียวชาญที่ใช้ในการทาให้ เกิดการเปลีย่ นแปลงน้ันหรอื ใช้องค์ความรอู้ ะไรไปทาบ้าง) ผลการดาเนนิ งาน อธิบายผลที่เกิดจากโครงการโดยตรง ไม่มีการแสดงความคิดเห็นในส่วนน้ี อาจมีภาพประกอบ แผนภูมิตาราง (อาจอธิบายถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย ขอ้ 6.ผลลพั ธก์ ารเปลย่ี นแปลงทีเ่ กดิ ขึน้ จากการลงไปดาเนินโครงการ) การนาไปใชป้ ระโยชน์ อธิบายให้เห็นว่าผลงานดังกล่าวได้นาไปใช้ประโยชน์อย่างไร ใครคือผู้ใช้ และมีกระบวนการ ผลักดัน ผลงานดังกล่าวสู่การใช้ประโยชน์ทั้งเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ และเชิงสาธารณะอย่างไร (อาจอธบิ ายถึงขอ้ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมายและข้อ 6.ผลลพั ธก์ าร เปลี่ยนแปลงท่เี กิดขน้ึ จากการลงไปดาเนินโครงการ) อภิปรายผล สรุปและอ้างอิงให้เห็นว่าผลการดาเนินงานดังกล่าวได้องค์ความรู้ใหม่ นวัตกรรมหรือทางเลือก ใหม่ให้แก่พื้นที่อย่างไร และอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนจากผลการดาเนินงานให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งเสนอและการทางานในขั้นต่อไป (อาจอธิบายข้อ 5.การคาดการณ์สิ่งที่จะตามมา หลังจากการเปล่ียนแปลงนั้น ข้อ 7. แนวทางการติดตามและธารงรักษาพัฒนาการที่เกิดข้ึน ใหค้ งอย่ตู ่อไป) บรรณานกุ รม การรวบรวมรายการเอกสารท้ังหมดที่ผเู้ ขยี นได้ใช้อ้างอิงในการเขียนผลงานน้ัน ๆ จัดเรียงรายการ ตามลาดับอักษรช่ือผู้แต่ง ภายใต้หัวข้อ เอกสารอ้างอิง สาหรับผลงานวิชาการภาษาไทยหรือ Reference สาหรับผลงานวิชาการภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) ตัวอย่างการเขียนเอกสารอา้ งองิ มีดงั นี้ หนงั สอื ชื่อผูแ้ ต่ง . ปีทพ่ี ิมพ์ . ช่ือเรื่อง. (ฉบับพิมพ์). สถานที่พิมพ์. ผู้จัดพมิ พ์ : ตัวอย่าง พรพิมลตรีโชติ .2542 .ชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่า. กรุงเทพฯสานักงานกองทุนสนับสนุนการ : วจิ ยั . บทความ ชื่อผู้แต่ง .ปีที่พิมพ์(บรรณาธิการ) . ช่ือบทความ . ในช่ือบรรณาธิการ., ชื่อเร่ืองที่ฉบับพิมพ์. หน้า. : สถานทพ่ี ิมพ์ (ปรากฏบทความผู้จัดพมิ พ์) ตวั อยา่ ง เสรี ลลี าภยั . 2542. เศรษฐกิจชาตินยิ มในประเทศกาลงั พฒั นาและสถานการณ์ในประเทศไทย. 78 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 1 January - June 2019

ณรงค์ เพช็ รประเสรฐิ (บรรณาธกิ าร), 1999 จุดเปล่ยี นแห่งยคุ สมัย. 90-141. กรุงเทพฯ: ศูนยศ์ กึ ษาเศรษฐศาสตร์ การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลยั . บทความในวารสาร ชือ่ ผแู้ ตง่ . ปที ่ีพิมพ์. “ ชือ่ บทความ.” ช่ือวารสาร. ปที ่ี (ลาดบั ท่)ี , เลขหนา้ ที่ปรากฏบทความ. ตัวอย่าง พุทธชาด โปธิบาล และนานันท์ ตรงดี. 2541. “สถานะของภาษาตากใบในภาษาถิ่น”. วารสาร สงขลานครินทร ฉบบั สงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร.์ 4, 2: 167-187. สาระสังเขปจากฐานข้อมลู CD-Row ช่ือผ้แู ตง่ . ปที ่ีพมิ พ์. ช่ือบทความ (ซีดรี อม). ชอื่ วารสาร, ปีท่ี (ลาดับที่), เลขหนา้ ทีป่ รากฏบทความ ในวารสาร, สาระสังเขปจาก: ชอ่ื ฐานขอ้ มูลและหมายเลขเอกสารเพ่ือการสืบค้น ตวั อยา่ ง Preston, W. 1982. Poetry ideas in teaching literature and writing to foreign student (CD-ROM). TESOL quarterly, 16, 489-502. Abstract from: Dialog File: ERIC Item: EJ274529 วิทยานิพนธ์ ชื่อผูแตง่ . ปีท่ีพมิ พ์. “ชือ่ วทิ ยานิพนธ์.” ระดับวิทยานิพน์หรือปรญิ ญานิพนธ์มหาวทิ ยาลัย. ตัวอยาง เบ็ญจรัช เวชวิรัช. 2541. “การศึกษาปัจจัยท่ีมีผลกระทบต่อมูลค่าการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก และนาเข้าของสถาบันการเงินไทย.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาเศรษฐศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. แหลง่ สารสนเทศบนอนิ เตอรเน็ต ชื่อผูแต่ง. ปีที่พิมพ์. “ชื่อบทความ.” ชื่อวารสาร. ปีท่ีหรือเล่มท่ี, ฉบับที่ สืบค้นเมื่อวันที่ เดือน ปี, จากแหล่งท่อี ยบู่ นอินเตอรเ์ นต็ ตัวอย่าง Indick,W.2002. “Gender Differences in Moral Judgment: Is Non-Consequential Reasoning a Factor?” Current Research in Social Psychology. 5,2 Retrieved November 11,2002, from http://www.uiowa.edu/grpproc/crisp/ crisp5.2htm การส่งต้นฉบบั กองบรรณาธกิ าร “วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา” ส่งอีเมล์ (E-mail) แฟ้มข้อมลู มาที่ [email protected] หรือ ระบบ Online Submission : http://kaewpanya.rmutl.ac.th/cttc/jses/login.php งานคลงั ความรู้ สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสชู่ ุมชน ทอี่ ยู่ 98 หมู่ 8 ตาบลปา่ ป้อง อาเภอดอยสะเก็ด จงั หวดั เชยี งใหม่ โทรศัพท์ : 0 5326 6518 ต่อ 1031 โทรสาร : 0 5326 6522 วารสารวิชาการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 79 ปีที่ 3 ฉบบั ที่ 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562