รายงานการวิจัย เร่ือง การออกแบบและทดลองผลิตเกา้ อ้พี ักผ่อนจากวัสดุผสมมลู ชา้ ง โดย ตระกูลพนั ธ์ พัชรเมธา ไดร้ ับทนุ อดุ หนุนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา เชยี งใหม่ งบประมาณแผน่ ดิน ประจาปี 2562
ก บทคดั ย่อ ช่อื เรอ่ื ง : การออกแบบและทดลองผลิตเกา้ อี้พกั ผ่อนจากวสั ดผุ สมมูลชา้ ง โดย : รองศาสตราจารย์ ดร. ตระกูลพันธ์ พัชรเมธา ศพั ท์สาคญั : เกา้ อี้พักผอ่ น, มลู ช้าง, วัสดุผสม การวิจัยคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดลองการผลิตเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสม (Composites) ระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับ วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) จากมูลช้าง เพ่ือทดสอบความแข็งแรง ของเกา้ อจ้ี ากวสั ดผุ สมมูลชา้ ง และเพือ่ ออกแบบเก้าอ้พี ักผ่อนและสรา้ งต้นแบบจากวสั ดผุ สมมลู ชา้ ง ประชากรและกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ 1) วัสดุหลัก ได้แก่ กาวลาเท็กซ์ และปูน ปลาสเตอร์ และวัสดุเสริมแรง ได้แก่ เย่ือมูลช้าง และตาข่ายพลาสติก 2) กระบวนการข้ึนรูปเก้าอี้ด้วย แมพ่ มิ พ์ เคร่อื งมือในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบบนั ทกึ ผลการทดลองการผลิตเก้าอ้ีจากวัสดุผสมมูลช้าง 2) เครื่องทดสอบความสามารถในการรับแรงกด 3) แบบประเมินผลแบบร่าง 4) แบบประเมินผล ผลติ ภณั ฑต์ ้นแบบ การวิเคราะหข์ ้อมลู ใช้คา่ เฉลย่ี และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั สรุปได้ 3 ส่วน ดังน้ี 1. ผลการทดลองการผลิตเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดุผสม พบว่า 1) ได้สูตรวัสดุผสมมูลช้าง สัดส่วน โดยนา้ หนัก (กรมั ) 2 : 2 : 1 : 5 (กาวลาเท็กซ์ : ปูนปลาสเตอร์ : เย่ือมูลช้าง : น้า) 2) ได้เก้าอี้วัสดุผสมมูล ช้าง ขนาดความกวา้ ง 413 มม. ความยาว 406 มม. ความสูง 460 มม. 3) ต้นทุนวัสดุในการผลิตเก้าอี้วัสดุ ผสมมลู ชา้ ง 344.70 บาท 2. ผลการทดสอบความแข็งแรงของเก้าอี้จากวัสดุผสมมูลช้าง พบว่า ได้ค่าเฉลี่ยการรับแรงกด สูงสุดจนเกดิ การวบิ ตั ขิ องชน้ิ งานเก้าอี้วัสดผุ สมมูลช้าง 603.77 กิโลกรัม ส่วนช้ินงานเก้าอ้ีพลาสติก รับแรง กดสูงสุดจนเกดิ การวิบัติ 569.01 กิโลกรัม 4. ผลการประเมินแบบร่างเก้าอี้พักผ่อน พบว่า ความพึงพอใจของผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบ ผลิตภัณฑ์และออกแบบเคร่ืองเรือน ท่ีมีต่อแบบร่างเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดุผสมมูลช้าง มีค่าเฉล่ียโดยรวมมี ความพึงพอใจอยู่ในระดับดี ( =4.20) จาแนกเป็นรายข้อ พบว่า มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีทุกข้อ ได้แก่ แนวคดิ การออกแบบและพฒั นาแบบรา่ งเกา้ อี้พักผอ่ นท่ีสอดคล้องกับวัสดุและกรรมวิธีการผลิต และ รูปแบบมีความสวยงาม ( =4.44) แนวคิดการออกแบบเก้าอ้ีพักผ่อนที่สื่อถึงความเป็นอัตลักษณ์ของ ท้องถ่ิน และรูปแบบเก้าอ้ีพักผ่อนมีความเป็นไปได้ในการผลิต (การใช้วัสดุผสมมูลช้างอัดขึ้นรูปช้ินงาน เก้าอี้ด้วยแม่พิมพ์) ( =4.33) โดยภาพรวมท่านพึงพอใจต่อรูปแบบเก้าอี้พักผ่อน ( =4.22) มีลักษณะ รูปแบบประยุกต์ท่ีสะท้อนถึงแนวคิดการออกแบบจากรูปทรงของช้าง และรูปแบบมีความแข็งแรงต่อการ ใชง้ าน ( =4.11) 5. ผลการประเมินผลิตภัณฑ์ต้นแบบ พบว่า ความพึงพอใจของผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบ ผลิตภัณฑ์และออกแบบเคร่ืองเรือน ท่ีมีต่อผลิตภัณฑ์ต้นแบบเก้าอี้พักผ่อนมีค่าเฉลี่ยโดยรวมมีความพึง พอใจอยู่ในระดับดี ( =4.41) รายข้อที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก คือ การนาวัสดุเหลือใช้มาเพิ่ม มูลค่าและเป็นมิตรตอ่ ส่งิ แวดลอ้ ม ( =4.88) สามารถนาไปใชง้ านได้ ( =4.77) ความสวยงามของ
ข ผลิตภัณฑ์ (ลวดลายและรูปแบบ) ( =4.66) เก้าอ้ีพักผ่อนสามารถรับน้าหนักได้ 250 กิโลกรัม มีความ เป็นไปได้ในการผลิต จาหนา่ ยไดใ้ นทอ้ งตลาด และสามารถนามาเปน็ ผลิตภัณฑ์ OTOP ได้ ( =4.55)
ค TITLE ABSTRACT BY : DESIGN AND EXPERIMENTAL PRODUCTION OF EASY CHAIR FROM KEYWORDS COMPOSITE MATERIAL OF ELEPHANT DUNG : ASSOC. PROF. TRAGOONPHAN PATCHARAMETHA, Ph.D. : EASY CHAIR / ELEPHANT DUNG / COMPOSITE MATERIAL The research aimed to carry out an experiment on the production of easy chair formed by matrix and reinforcement materials made from elephant dung, strength testing of composites chair elephant dung, and to design the easy chair and made prototypes. The population and the sample were 1) the matrix materials such as latex adhesive and plaster; and reinforcement materials made from elephant dung and plastic net, and 2) chair molding process. The data were collected by 1) recording of experimental results. 2) compression testing machine, and 3) evaluation of design and prototype products. The data were analyzed by mean and standard deviation. The results were as follows: 1. The experimental results production of easy chair from composite materials showed that 1) formula composite ratio by weight (grams) 2 : 2 : 1 : 5 (latex adhesive: plaster: fibers of elephant dung: water). 2) chair of composite materials elephant dung width 413 mm. Length 406 mm. Height 460 mm. 3) the cost materials for the production of object 344.70 baht. 2. Results of testing the strength of the chair composite material from elephant dung showed that the average value of the maximum compressive force until the failure of a chair composite material from elephant dung 603.77 kg. and plastic chair 569.01 kg. 3. Design evaluation results showed that the overall satisfaction of the product and furniture design experts was at a good level ( =4.20) is the design concept is consistent with the materials and production processes and beauty ( =4.44), a local identity and style chairs can be produced ( =4.33), satisfaction with the style chair ( =4.22), design ideas from elephant shapes and the form is strong to use ( =4.11). 4. The prototype assessment showed that the overall satisfaction of the product and furniture design experts was at a good level ( =4.41). The rate of satisfaction was at a very good level is waste of adding value ( =4.88), can be used ( =4.77), patterns and form are beautiful ( =4.66), can support weight 250 kg., possible to produce, sold in the market and can be used as OTOP products ( =4.55).
ง กิตตกิ รรมประกาศ ขอขอบคุณผ้เู ชี่ยวชาญดา้ นการออกแบบผลิตภัณฑ์ และออกแบบเคร่ืองเรือน สาขาวิชาออกแบบ อุตสาหกรรม คณะศลิ ปกรรมและสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นา ขอขอบคุณผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อัครเดช อยู่ผาสุข สาขาวชิ าออกแบบหัตถอตุ สาหกรรม คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ศูนยล์ าปาง ขอขอบคุณผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ รองศาสตราจารย์ ดร.ทรงวุฒิ เอกวุฒิวงศา ภาควิชาครุศาสตร์สถาปัตยกรรมและการออกแบบ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สถาบัน เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั ขอขอบคุณ คุณมนี า กลั มาพิจิตร (ปางช้างแม่ตะมาน) ที่ให้การสนบั สนนุ ตัวอย่างเย่ือมูลช้างเพ่อื ใชใ้ นการวจิ ัยคร้งั น้ี แ ล ะ ข อ ข อ บ คุ ณ ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ร า ช ม ง ค ล ล้ า น น า ท่ี ใ ห้ ก า ร ส นั บ ส นุ น ทุ น ง า น วิ จั ย งบประมาณแผน่ ดิน ประจาปี 2562 (รองศาสตราจารย์ ดร.ตระกูลพันธ์ พชั รเมธา) ผวู้ ิจยั
สารบญั จ บทคัดย่อ หน้า ABSTRACT ก กติ ตกิ รรมประกาศ ค สารบญั ง สารบญั ตาราง จ สารบัญภาพ ซ บทที่ 1 บทนา ซ 1 1. ความเปน็ มาและความสาคัญของการวจิ ัย 1 2. วัตถุประสงค์การวิจัย 2 3. กรอบแนวคิดการวิจยั 3 4. ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ 3 5. ขอบเขตการวจิ ยั 3 6. นยิ ามศัพท์และนยิ ามศพั ท์ปฏิบัติ 5 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เก่ยี วข้อง 6 1. การศึกษาขอ้ มูลเกี่ยวกับมูลชา้ ง วสั ดุผสม การอดั ขน้ึ รูปวสั ดผุ สม 6 2. แนวคดิ ทฤษฎี 15 3. งานวจิ ยั ที่เกีย่ วข้อง 20 บทที่ 3 วธิ ดี าเนนิ การวิจยั 23 1. วิธีการและเคร่ืองมอื การวจิ ัย 23 2. การวเิ คราะหข์ ้อมูลการวิจยั 27 บทท่ี 4 ผลการวิจัย 28 1. การทดลองผลิตเก้าอ้จี ากวสั ดุผสมมลู ชา้ ง 28 2. การออกแบบเกา้ อ้ีพักผ่อนจากวสั ดผุ สมมูลชา้ ง 40 3. การประเมินผลแบบรา่ งเก้าอพ้ี ักผอ่ น 44 4. ผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบ 45 5. การประเมนิ ผลผลติ ภัณฑ์ต้นแบบ 48 บทที่ 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภิปรายผลและขอ้ เสนอแนะ 50 1. สรุปผลการวจิ ัย 50 2. อภปิ รายผล 52 3. ขอ้ เสนอแนะ 53 บรรณานกุ รม 55
สารบญั (ต่อ) ฉ ภาคผนวก หน้า ภาคผนวก ก. แบบบนั ทกึ ผลการทดลองการผลติ เก้าอ้ีวัสดุผสมมลู ชา้ ง 57 ภาคผนวก ข. แบบประเมนิ ผลแบบรา่ ง 58 ภาคผนวก ค. แบบประเมนิ ผลผลติ ภัณฑ์ตน้ แบบ 64 ภาคผนวก ง. รายงานผลการทดสอบเก้าอีว้ ัสดผุ สมมลู ชา้ ง 68 72 ประวัตผิ ู้วิจยั 76
ช สารบญั ตาราง ตารางท่ี หน้า 1 แสดงลกั ษณะเย่ือมูลช้างจากปางชา้ งแมต่ ะมาน 28 2 แสดงสูตรส่วนผสมวัสดุหลักและวสั ดุเสริมแรง ข้นั ตอนการอดั วัสดผุ สม ลงในแม่พิมพ์เก้าอยี้ างซลิ ิโคน 29 3 แสดงสรุปสูตรสว่ นผสมวสั ดุหลักและวัสดุเสริมแรง ขัน้ ตอนการอดั วสั ดผุ สม ลงในแม่พิมพ์เก้าอไี้ ฟเบอรก์ ล๊าส 30 4 แสดงขัน้ ตอนการผลติ เก้าอ้ีจากวัสดผุ สมมลู ชา้ ง โดยการอดั ข้ึนรปู ชิ้นงาน วสั ดุผสมระหว่างวัสดหุ ลักกบั วัสดเุ สริมแรงมูลช้างลงในแม่พิมพ์ 31 5 แสดงผลการทดสอบความสามารถในการรบั แรงกด (Compression) ของชนิ้ งานเก้าอี้วัสดผุ สมมลู ชา้ ง C1, C2, C3 และเกา้ อพ้ี ลาสตกิ C4 37 6 แสดงการประมาณราคาต้นทุนวสั ดใุ นการผลติ ชน้ิ งานเก้าอี้วัสดุผสมมลู ชา้ ง 38 7 แสดงสรปุ ผลการทดลองการผลติ เกา้ อว้ี ัสดุผสมมลู ช้าง 39 8 แสดงแนวความคิดและกระดานแรงบันดาลใจในการออกแบบเก้าอ้ีพักผ่อน จากวัสดผุ สมมูลช้าง 40 9 แสดงแบบรา่ งเกา้ อี้พกั ผ่อนจากวสั ดุผสมมูลชา้ ง 41 10 แสดงแบบร่าง Idea Development และหุ่นจาลองเพอ่ื การศกึ ษารูปทรง (Scale Model) 42 11 แสดงแบบเพ่ือการผลติ (Working Drawing) 43 12 แสดงผลการประเมินความพึงพอใจแบบร่างเก้าอี้พักผ่อนของผูเ้ ช่ยี วชาญ ดา้ นการออกแบบผลติ ภณั ฑ์และการออกแบบเคร่อื งเรือนท่ีมตี ่อแบบร่างเก้าอ้ีพกั ผ่อน 44 13 แสดงผลการประเมินความพงึ พอใจผลิตภัณฑต์ ้นแบบของผู้เชีย่ วชาญดา้ นการออกแบบ ผลติ ภณั ฑ์และการออกแบบเคร่อื งเรือนท่ีมีต่อผลิตภัณฑ์ต้นแบบเกา้ อี้พักผ่อน 48
ซ สารบญั ภาพ ภาพที่ หน้า 1 แสดงโรงพกั ชา้ ง 6 2 แสดงตน้ ข้าวโพดและหญ้าเนเปยี ร์ทีใ่ ช้เปน็ อาหารของชา้ ง 7 3 แสดงช้างกาลงั กินหญา้ เนเปยี ร์เป็นอาหาร 7 4 แสดงลักษณะของมูลชา้ ง 7 5 แสดงรูปแบบเก้าอ้ีพักผ่อน 12 6 แสดงลักษณะของอารม์ แชร์เก้าอนี้ วมเดยี่ ว 12 7 แสดงขนาดและสดั ส่วนของเก้าอี้พักผ่อน 13 8 แสดงการรบั นา้ หนักรา่ งกายท่ีกระดูกเชิงกรานและจุดศูนย์ถ่วงในการน่งั 14 9 แสดงตาแหนง่ พนกั พิงบริเวณท่รี ับกระดูกสนั หลังส่วนเอวและพนักพงิ ทแ่ี คบ เกนิ ไปจะทาให้ไหล่ห่อและปวดเม่ือยทีห่ ัวไหล่และบา่ หลัง 14 10 แสดงท่นี ่งั ส้นั เกินไปหรอื ยาวเกินไปจะทาให้เมอ่ื ยขาดา้ นล่าง 14 11 แสดงวธิ กี ารทดสอบแรงกด 15 12 แสดงแผนภมู ิกระบวนการผลติ ของวงจรชีวติ ผลติ ภณั ฑ์ 19 13 แสดงห่นุ ต้นแบบเก้าอี้พลาสติกและแม่พิมพ์ยางซลิ โิ คนสาหรับอัดข้ึนรปู ช้นิ งานเก้าอ้ี 25 14 แสดงเคร่อื งผสมวสั ดผุ สม 26 15 แสดงแผนภูมขิ น้ั ตอนการผลิตเกา้ อ้จี ากวสั ดุผสมมลู ชา้ ง 35 16 แสดงผลิตภณั ฑต์ น้ แบบเกา้ อ้ีพักผอ่ นจากวัสดผุ สมมูลชา้ ง 46 17 แสดงแผนภูมิกระบวนการออกแบบเก้าอี้พกั ผ่อนจากวัสดุผสมมลู ช้าง 47
บทท่ี 1 บทนำ 1. ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของกำรวิจยั ในปัจจุบันความต้องการเฟอร์นิเจอร์เพื่อใช้งานในอาคารและที่พักอาศัยของผู้บริโภคมีอย่าง แพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างย่ิงเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุประเภทไม้ หรือวัสดุสังเคราะห์ท่ีเลียนแบบไม้ ธรรมชาติ เนื่องจากให้ความรู้สึกและผ่อนคลายใกล้ชิดธรรมชาติ ทาให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีการเติบโตอย่าง ตอ่ เนือ่ ง ซงึ่ ศูนย์วจิ ัยเศรษฐกิจธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน (2561) กล่าวว่า ปี 2562 คาด วา่ อตุ สาหกรรมเฟอร์นเิ จอร์มกี ารเตบิ โตได้ดเี นื่องจากโครงการคอนโดมิเนียม และอสังหาริมทรัพย์ที่เพ่ิมขึ้น อุตสาหกรรมเฟอร์นเิ จอรไ์ ดร้ ับปจั จัยสนบั สนุนจากการขยายตลาดสินคา้ เฟอรน์ ิเจอรแ์ ละช้ินส่วนไปยังตลาด อาเซียน เพ่ือรองรับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ท่ีพักอาศัย โรงแรม และรีสอร์ทซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ผลิต และผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทย เนื่องจากสินค้าจากไทยมีดีไซน์ที่สวยงามและมีคุณภาพที่ดีทาให้เป็นท่ีรู้จัก และยอมรับของต่างประเทศ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ของไทยมีมูลค่าประมาณ 90,000 ล้านบาท และมี ผู้ประกอบการกว่า 1,800 ราย ท้ังนื้สาหรับปี 2562 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เช่น เอส.บี. เฟอร์นิเจอร์, โมเดิร์น ฟอร์มกรุ๊ป, อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค, ชิครีพับบลิคและอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ มีการ ตัง้ เป้าหมายรายไดท้ ้งั ปี 2562 จะเติบโตเพม่ิ ข้ึนร้อยละ 10-15 เม่ือเทียบกับปี 2561 เน่ืองจากการขยายตัว ของอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับผู้ประกอบการได้มุ่งพัฒนาสินค้าปรับตัวเรื่องขนาดและดีไซน์ เพื่อ ตอบสนองความตอ้ งการและให้เขา้ กบั ไลฟส์ ไตล์ของกลุ่มเป้าหมายมากท่ีสดุ ส่วนผลกระทบต่อผผู้ ลิตในด้าน การขาดแคลนวัตถุดิบทรัพยากรไม้ ได้แก่ ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ชิงชัน ไม้มะม่วง ไม้ฉาฉา ไม้ขนุน ฯลฯ เป็น ต้น ซ่ึงเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่กาลังลดน้อยลงไปตลอดเวลาและมีราคาแพง ซึ่ง วรธรรม อุ่นจิตติชัย (ม.ป.ป. : 1) กล่าวว่า สภาพปญั หาด้านทรัพยากรปา่ ไม้ทจี่ าเปน็ ต้องลดการใช้ไมธ้ รรมชาติในประเทศเพ่ือรอ การฟ้ืนฟูพ้ืนที่ป่าให้เพียงพอจนเกิดความสมดุลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในขณะที่ความต้องการใช้มี แนวโนม้ ทจี่ ะเพิ่มข้ึนตามการเติบโตของปริมาณประชากรและเศรษฐกิจ การนาไม้จากพืชท่ีปลูกทดแทนได้ เช่น ไม้ยางพารา และไม้ยูคาลิปตัส ตลอดจนวัสดุชีวภาพที่เป็นเศษเหลือทางการเกษตรอ่ืน ที่มีศักยภาพ ของการนามาใช้เปน็ วตั ถุดิบทดแทนไมจ้ ากธรรมชาตจิ ึงมีบทบาทมากข้ึน ในขณะเดียวกันพื้นท่ีภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ถือได้ว่าเป็นแหล่งพ้ืนท่ี การทอ่ งเทย่ี วและเปน็ ศนู ย์กลางการผลิตงานหัตถกรรมท่ีมีช่ือเสียงของภาคเหนือ โดยเฉพาะการท่องเท่ียว เชงิ วัฒนธรรมและการอนุรกั ษส์ ่งิ แวดล้อมและธรรมชาติ มีสภาพแวดล้อมบรรยากาศของหุบเขาและสายน้า โดยเฉพาะธุรกิจปางช้างได้เปิดให้บริการนักท่องเท่ียวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเท่ียวชมการแสดงของ ช้างไทยและร่วมทากิจกรรมของปางช้าง ซึ่งมีปางช้างที่เปิดให้บริการจานวนมาก เช่น ปางช้างแม่ตะมาน ปางช้างแม่แตง ปางช้างโชคชัย บ้านช้างไทย เป็นต้น คุณเสถียร ใจคา (สัมภาษณ์วันท่ี 10 มกราคม 2559) อดีตนายกองค์การบรหิ ารส่วนตาบลกืด้ ชา้ ง อาแม่แตง จังหวดั เชียงใหม่ กลา่ วว่า ปัจจุบนั จานวน
2 ประชากรชา้ งในตาบลกดื้ ช้างมเี กอื บ 400 เชอื ก ใช้ในกิจกรรมต่างๆ ในปางช้าง ได้แก่ การแสดงต่างๆ ของ ช้าง บริการน่ังช้างให้กบั นักทอ่ งเทีย่ ว รวมถงึ การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมการเลยี้ งชา้ ง ดแู ลช้าง อาบน้าให้ช้าง ซ่ึงทางปางช้างต่างๆ จะต้องดูแลและให้อาหารช้างในแต่ละวันหลายพันกิโลกรัม ได้แก่ หญ้าเนเปียร์ ต้น- ข้าวโพด และมีอาหารเสริม เช่น กล้วยและอ้อย เป็นต้น ในแต่ละวันมีการขับถ่ายมูลช้างจานวนมากเฉลี่ย ต่อวันประมาณ 6,000 กิโลกรัม ก่อให้เกดิ ปัญหาส่งิ แวดล้อมตอ่ ชมุ ชน ดา้ นนา้ เสยี กลิ่น และหมอกควันจาก การเผามลู ช้าง (กิตติกร สาสจุ ติ ต์, 2556) มูลช้างเหล่านี้บางส่วนสามารถนาไปหมุนเวียนใช้ในการผลิตปุ๋ย หมัก แกส๊ ชวี ภาพ และกระดาษมลู ชา้ ง และTCDCCONNECT DEBUT (2561) ไดก้ ล่าวเพิม่ เติมว่า กระดาษ จากมูลช้าง หนึ่งในวิธีการเพิ่มมูลค่าจากของเสียท่ีเก็บได้จากปางช้าง ในเเต่ละวันช้างจะขับถ่ายของเสีย เปน็ จานวนมาก โดยใชท้ กั ษะการออกแบบเป็นเคร่อื งมอื ในการตอ่ ยอดเปน็ ผลิตภัณฑ์เชงิ อนรุ ักษ์ส่ิง เเวดล้อมด้วยการนามูลช้างมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพ่ิมมูลค่าให้กับของเสียและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน เป็นการสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น รวมถึงเป็นการช่วยลดของเสียและช่วยรักษาส่ิงเเวดล้อมอีกด้วย แต่ อย่างไรก็ตามมูลช้างในธุรกิจการท่องเท่ียวปางช้าง ตาบลกื้ดช้าง อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ก็ยังมี ปริมาณค่อนข้างมากและมีผลกระทบต่อชุมชนและส่ิงแวดล้อม แนวคิดการนามูลช้างกลับมาใช้ให้เกิด คุณค่าเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นแนวคิดการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Economic and Ecological Design) คือ กระบวนการท่ีผนวกแนวคิดด้านเศรษฐกิจและด้านส่ิงแวดล้อมเข้าไปในขั้นตอนการออกแบบ ผลติ ภณั ฑ์โดยพิจารณาตลอดวฏั จกั รชวี ิตของผลิตภัณฑ์ ซง่ึ จะชว่ ยลดต้นทุนในแต่ละข้ันตอนของการพัฒนา ผลติ ภณั ฑ์และลดผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ มไปพร้อมๆ กัน ทาใหส้ ่งผลดตี อ่ ธุรกิจ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่ง เปน็ แนวทางไปสกู่ ารพัฒนาอย่างย่ังยนื (ธารงรตั น์ มุ่งเจริญ, 2547) จึงจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องศึกษามูลช้างสาหรับใช้ทดแทนไม้เม่ือเกิดการขาดแคลนในอนาคต เพ่ือ ใช้เป็นวัตถุดิบสาหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ด้วยเหตุน้ีผู้วิจัยเห็นประเด็นปัญหาดังกล่าว จึงควรมี การศกึ ษาและทดลองผลิตเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดุผสมมูลชา้ งเพือ่ ใชใ้ นงานเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อ การนาไปเพ่ิมมูลค่าเชิงพาณิชย์ในงานอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนี้นาองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย นาไปถา่ ยทอดเทคโนโลยใี หก้ ับชมุ ชน เพอื่ สรา้ งอาชพี สร้างรายได้ต่อไป 2. วตั ถปุ ระสงค์กำรวจิ ยั 2.1 เพื่อทดลองการผลิตเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสม (Composites) ระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับ วัสดเุ สรมิ แรง (Reinfocement) จากมลู ชา้ ง 2.2 เพ่อื ทดสอบความแขง็ แรงของเกา้ อจ้ี ากวสั ดุผสมมลู ชา้ ง 2.3 เพ่ือออกแบบเก้าอี้พักผอ่ นและสรา้ งต้นแบบจากวัสดผุ สมมลู ชา้ ง
3 3. กรอบแนวคิดกำรวิจัย การออกแบบและทดลองการผลิตเกา้ อพ้ี ักผอ่ นจากวสั ดผุ สมมูลชา้ งน้ี ผวู้ ิจยั มกี รอบแนวคิดการวจิ ัย ดงั น้ี Input Process Output วสั ดผุ สมระหวา่ งวัสดหุ ลัก กระบวนการผลิตเกา้ อี้ เก้าอ้ีพักผ่อนจาก และวสั ดุเสริมแรง พกั ผอ่ นจากวสั ดุผสมมลู ช้าง วัสดผุ สมมูลชา้ ง ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม - วัสดุหลัก (Matrix) ท่มี คี ณุ สมบัตเิ ป็น - สตู รวสั ดผุ สมมูลช้าง วสั ดุประสาน ได้แก่ กาวลาเท็กซ์ - ผลการทดลองการผลิตเกา้ อว้ี สั ดุผสมมลู ชา้ ง และ ปนู ปลาสเตอร์ - ต้นทุนวัสดใุ นการผลติ เกา้ อ้วี สั ดผุ สมมูลช้าง - วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) ได้แก่ - ผลการทดสอบความแข็งแรงของเก้าอวี้ สั ดผุ สมมลู ช้าง เยอ่ื มูลช้างและตาขา่ ยพลาสติก - ผลการประเมนิ แบบร่างเกา้ อีพ้ กั ผ่อน - วสั ดุอืน่ ได้แก่ น้าสะอาด - ผลการประเมนิ ผลิตภณั ฑ์ตน้ แบบเก้าอพี้ กั ผอ่ น 4. ประโยชน์ที่คำดวำ่ จะได้รับ (ผลผลิต/ผลลพั ธ)์ 4.1 ได้ผลการศึกษาและผลการทดลองการผลิตเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดุผสมมูลช้างเป็นประโยชน์ต่อ ผู้ผลิตและผู้จาหน่ายเคร่อื งเรอื น 4.2 ไดผ้ ลิตภัณฑ์ตน้ แบบเก้าอพ้ี ักผอ่ นจากวัสดุผสมมูลช้าง 4.3 ใช้เป็นแนวทางในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษวัสดุธรรมชาติและวัสดุสังเคราะห์ ประเภทอน่ื 5. ขอบเขตกำรวจิ ยั 5.1 ขอบเขตด้ำนประชำกรและกลุ่มตัวอยำ่ ง 5.1.1 ตัวแปรตน้ 1) กระบวนการผลิตเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสมมูลช้าง ได้แก่ การเตรียมวัสดุมูลช้าง การ ผสมวสั ดหุ ลกั กบั วัสดเุ สรมิ แรง และการขึน้ รูปเก้าอ้ีพกั ผ่อนจากวัสดผุ สมมูลชา้ ง 2) วัสดหุ ลกั (Matrix) ทมี่ ีคุณสมบตั เิ ปน็ วัสดุประสานจับยดึ วัสดอุ ่นื ใหค้ งรปู ทใ่ี ชใ้ นการ ทดลองครัง้ นี้ ได้แก่ กาวลาเท็กซ์ (ATM – A 9000) และ ปนู ปลาสเตอร์ไทยฮงฮะ (ตรามือ)
4 3) วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงที่ใช้ในการทดลองคร้ัง น้ี ไดแ้ ก่ มลู ชา้ ง และตาขา่ ยพลาสติก 4) วัสดอุ ืน่ ได้แก่ นา้ สะอาด และสฝี นุ่ 5.1.2 ตวั แปรตาม 1) สูตรวัสดผุ สมมูลช้าง 2) ผลการทดลองการผลติ เก้าอี้พักผ่อนจากวสั ดผุ สมมลู ช้าง 3) ต้นทนุ วัสดใุ นการผลิตเกา้ อ้วี ัสดผุ สมมลู ช้าง 4) ผลการทดสอบความแข็งแรงของเก้าอี้จากวัสดผุ สมมูลชา้ ง 5) แบบรา่ งเก้าอพี้ ักผ่อนและผลติ ภัณฑ์ตน้ แบบเก้าอ้ีพกั ผอ่ น 6) ผลการประเมินแบบร่างและผลติ ภณั ฑต์ ้นแบบเกา้ อ้ี 5.1.3 กาหนดกลมุ่ ตวั อยา่ งโดยวธิ ีสมุ่ แบบเจาะจง 1) กระบวนการผลิตเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดผุ สมมลู ช้างด้วยกรรมวธิ ีการข้ึนรูปเก้าอ้ีดว้ ย แมพ่ ิมพ์ยางซิลโิ คน 2) วสั ดุหลัก ไดแ้ ก่ กาวลาเท็กซ์ (ATM – A 9000) และ ปนู ปลาสเตอร์ไทยฮงฮะ (ตรา มอื ) 3) วัสดุเสริมแรง ไดแ้ ก่ เย่ือมูลชา้ งจากปางชา้ งแม่ตะมาน ตาบลกืด๊ ชา้ ง อาเภอแมแ่ ตง จงั หวดั เชยี งใหม่ และตาขา่ ยพลาสตกิ 5.2 ขอบเขตดำ้ นเนือ้ หำกำรวจิ ัย เน้ือหาในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดลองการผลิตเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสม (Composites) ระหว่างวสั ดุหลกั (Matrix) กบั วสั ดุเสริมแรง (Reinfocement) จากมูลช้าง เพื่อทดสอบ ความแข็งแรงของเก้าอ้ีจากวัสดุผสมมูลช้าง และเพื่อออกแบบเก้าอี้พักผ่อนและสร้างต้นแบบจากวัสดุผสม มลู ช้าง ผู้วิจัยไดก้ าหนดขอบเขตเนือ้ หาไว้ดงั น้ี คอื 5.2.1 ศึกษาข้อมลู เก่ียวกบั ปริมาณและลักษณะของมูลช้างในปางชา้ ง 5.2.2 ศกึ ษาวสั ดุผสมหรอื วัสดคุ อมโพสิต 5.2.3 ศกึ ษากระบวนการข้นึ รปู เก้าอีพ้ กั ผอ่ น 5.2.4 ทฤษฎีการออกแบบเชงิ นิเวศเศรษฐกิจ 5.2.5 ทฤษฎีดา้ นปัจจัยทม่ี ผี ลต่องานออกแบบ 5.2.6 ศึกษาหลักการออกแบบเครอ่ื งเรือน 5.2.7 ศึกษาการทดสอบความแข็งแรงของเกา้ อ้ีพักผอ่ น 5.2.8 ศึกษาผลงานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง
5 6. นิยำมศัพท์และนิยำมศพั ท์ปฏบิ ตั ิกำร มูลช้ำง หมายถงึ มลู ของเสยี ทชี่ ้างขับถ่ายออกมา เยื่อมูลช้ำง หมายถึง การนามูลช้างผ่านกระบวนการผลิตเย่ือกระดาษมูลช้าง ได้แก่ การล้างทา ความสะอาด การต้ม และการปัน่ เย่อื ก็จะได้เย่ือมลู ชา้ งสาหรบั นามาเป็นวสั ดเุ สรมิ แรง วัสดุผสม หมายถึง วัสดุท่ีได้จากการทดลองผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) ที่มีคุณสมบัติเป็น วสั ดุประสานจับยึดวัสดุอ่ืนให้คงรูป กับ วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) ที่มีคุณสมบัติเพ่ิมความแข็งแรงท่ี ใช้ในการทดลองครง้ั น้ี ได้แก่ มลู ช้าง และตาขา่ ยพลาสติก เก้ำอ้พี ักผ่อน หมายถงึ เก้าอีข้ นาดหน่งึ ทน่ี ง่ั สาหรับการนั่งพกั ผ่อนหรือทากิจกรรมอย่างอื่น เช่น การน่งั ดทู วี ี การนั่งอ่านหนังสอื เปน็ ต้น
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กย่ี วข้อง ผูว้ ิจัยได้ศกึ ษาเอกสาร หนงั สือ ตารา และงานวิจัยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง เพือ่ เป็นแนวทางในการวิจัยโดย เสนอผลการศกึ ษาค้นควา้ เป็นหวั ขอ้ ตามลาดบั ดงั นี้ 1. การศึกษาขอ้ มูลเกีย่ วกบั มูลชา้ ง วสั ดุผสม การอัดข้นึ รปู วสั ดผุ สม 1.1 มลู ชา้ ง พนื้ ท่ภี าคเหนอื ตอนบนของประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ถือได้ว่าเป็นพน้ื ที่แหล่งการท่องเที่ยวและ แหล่งการผลิตงานหัตถกรรมที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ โดยเฉพาะแหล่งพ้ืนท่ีการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและธรรมชาติ ตาบลกื้ดช้าง อาเภอแม่แตง เป็นแหล่งท่องเท่ียวของจังหวัด เชียงใหม่ เป็นพ้ืนที่ต้นน้ามีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ชิดกับธรรมชาติ มีสภาพแวดล้อมบรรยากาศของหุบเขา และสายน้า โดยเฉพาะธุรกิจปางช้างได้เปิดให้บริการนักท่องเท่ียวชาวไทยและชาวต่างชาติได้มาเที่ยวชม การแสดงของชา้ งไทยและร่วมทากจิ กรรมของปางชา้ ง ซง่ึ มปี างช้างที่เปิดให้บริการ เช่น ปางช้างแม่ตะมาน ปางช้างแม่แตง ปางช้างโชคชัย บ้านช้างไทย เป็นต้น คุณเสถียร ใจคา (สัมภาษณ์วันที่ 10 มกราคม 2559) นายกองคก์ ารบริหารส่วนตาบลกด้ื ช้าง กล่าวว่า ปจั จุบันจานวนประชากรชา้ งในตาบลก้ดื ชา้ งมีเกือบ 400 เชือก ใช้ในการแสดงต่างๆ กิจกรรมเล้ียงช้าง ดูแลช้าง อาบน้าให้ช้าง และบริการน่ังช้างให้กับ นักท่องเที่ยว ซ่ึงทางปางช้างต่างๆ ในตาบลก้ืดช้างจะต้องดูแลและให้อาหารช้างในแต่ละวันหลายพัน กิโลกรัม ได้แก่ ตน้ ข้าวโพด หญ้าเนเปียร์ และมีอาหารเสริม เช่น กล้วยและอ้อย เป็นต้น ในแต่ละวันมีการ ขบั ถ่ายมลู ชา้ งจานวนมากเฉล่ียต่อวันประมาณ 6,000 กิโลกรัม ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน ด้าน น้าเสีย กล่นิ และหมอกควนั จากการเผามูลช้าง (กิตติกร สาสุจิตต์, 2556) มูลช้างเหล่าน้ีบางส่วนสามารถ นาไปหมุนเวียนใช้ในการผลิตปุ๋ยหมัก กระดาษมูลช้าง และแก๊สชีวภาพ และพบว่าศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ตาบลเวียงตาล อาเภอห้างฉัตร จังหวัดลาปาง ก็ได้นามูลช้างมาผลิตเป็นกระดาษมูลช้างเช่นกัน เพ่ือเพ่ิม มูลคา่ และในขณะเดยี วกนั ช่วยลดมลภาวะของมลู ชา้ งไดบ้ างส่วน ทมี่ า: บันทึกภาพโดย ตระกลู พนั ธ์ พัชรเมธา ณ ปางช้างแมต่ ะมาน เม่ือวนั ท่ี 10 มกราคม 2559 ภาพที่ 1 แสดงโรงพกั ชา้ ง
7 ตน้ ข้าวโพด หญ้าเนเปยี ร์ ที่มา: บนั ทกึ ภาพโดย ตระกลู พันธ์ พัชรเมธา ณ ปางชา้ งแม่ตะมาน เมอื่ วนั ที่ 10 มกราคม 2559 ภาพท่ี 2 แสดงต้นขา้ วโพดและหญ้าเนเปียรท์ ใ่ี ชเ้ ปน็ อาหารของชา้ ง ท่ีมา: บนั ทึกภาพโดย ตระกูลพันธ์ พชั รเมธา ณ ปางช้างแม่ตะมาน เมอื่ วันท่ี 10 มกราคม 2559 ภาพที่ 3 แสดงชา้ งกาลงั กินหญ้าเนเปยี รเ์ ป็นอาหาร ทีม่ า: บันทึกภาพโดย ตระกลู พนั ธ์ พชั รเมธา ณ ปางชา้ งแมต่ ะมาน เม่ือวันที่ 17 มกราคม 2559 ภาพที่ 4 แสดงลักษณะของมูลชา้ ง
8 จะเห็นไดว้ า่ มูลช้างมีปรมิ าณคอ่ นขา้ งมากในแต่ละเดือนก่อให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อมต่อชุมชน ด้าน น้าเสีย กล่ิน และหมอกควันจากการเผามูลช้าง ถึงแม้ว่ามีการนามูลช้างมาทาปุ๋ยชีวภาพ และกระดาษมูล ชา้ งบางสว่ นแลว้ กต็ าม จงึ ควรนามาใชป้ ระโยชนส์ ร้างมลู คา่ เพ่ิมตอ่ ไป 1.2 วสั ดุผสม หรือวัสดคุ อมโพสติ (Composite Materials) วสั ดคุ อมโพสิต คอื วสั ดุท่มี วี สั ดอุ นื่ อยา่ งน้อย 2 ชนิดขึ้นไปเป็นองค์ประกอบ วัสดุผสมส่วนใหญ่จะ ประกอบด้วยสองส่วนสาคัญ คือ ส่วนเมตริกซ์ (Matrix Phase) และ ส่วนเสริมแรง (Reinforcement Phase) หรอื วสั ดุเสริมแรงกับสารเชอ่ื มประสานพวกเรซนิ่ ท่ีเข้ากนั ไดเ้ มอ่ื ผสมกันแลว้ จะได้ลักษณะเฉพาะที่ ต้องการ วัสดุผสมมีหลายประเภท บางประเภทมีเส้นใยเป็นส่วนเสริมแรงในเนื้อวัสดุ หรือ แบบมีอนุภาค เล็กๆ กระจายตัวอยู่ ในปจั จบุ ันประเภทที่นิยมใชก้ ันอยา่ งแพรห่ ลาย คือ การทาพลาสตกิ เสรมิ แรง คุณสมบัติของวัสดคุ อมโพสิตขน้ึ อยูก่ บั 1) การยึดตดิ ระหว่างเมตรกิ ซแ์ ละสารเสรมิ แรง 2) คุณสมบตั ิของเมตริกซแ์ ละสารเสรมิ แรง 3) ขนาดและรูปรา่ งของสารเสริมแรง 4) ปรมิ าณสารเสริมแรง 5) กระบวนการผลติ 6) การจัดเรียงตัวและการกระจายตวั ของสารเสรมิ แรง 7) ตาหนิหรือชอ่ งวา่ งภายในวสั ดคุ อมโพสติ 1.2.1 พลาสติกเสรมิ แรง (Reinforced Plastics) พลาสติกเสรมิ แรงเป็นวสั ดผุ สมระหว่างพลาสติกกับวัสดุเสริมแรงท่ีเติมลงไป เพื่อช่วยทาให้ พลาสติกมีความแข็งแกร่งเพิ่มข้ึน ทาให้เป็นการเพิ่มคุณสมบัติเชิงกลของพลาสติกให้ดีขึ้นและช่วยให้ พลาสติกมีความคงรูปสูง รับแรงได้มากขึ้น โดยคุณสมบัติเชิงกลของพลาสติกเสริมแรงนั้น ขึ้นอยู่กับการ เลอื กใช้การเสรมิ แรงแบบรับแรงทางเดียว รับแรงสองทาง หรือ รับแรงทุกแนว ซ่ึงการเลือกทิศทางการรับ แรงกจ็ ะต้องเลือกใช้ลักษณะของเสน้ ใยท่แี ตกตา่ งกันออกไป ในทางอุตสาหกรรม เราสามารถผลิตพลาสติกเสรมิ แรงใหม้ ีข้อดีมากกวา่ ข้อเสียได้ โดยการเลือก ปจั จัยต่างๆ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหเ้ หมาะสมกบั งานไดด้ ังนี้ 1) ชนิดของพอลิเมอร์ ซ่งึ อาจจะเปน็ เทอรโ์ มพลาสตกิ (Thermoplastic) หรอื เทอรโ์ ม- เซต (Thermoset) 2) สารเสริมแรง เช่น เส้นใยแก้ว เส้ยใยคาร์บอน หรือเส้นใยธรรมชาติ และปริมาณ ส่วนผสมในการผลติ 3) สารเพ่มิ เนอื้ (Filler) 4) กรรมวิธีการผลิต 5) สภาวะในการผลติ
9 การเลอื กใช้วัสดเุ สริมแรง ควรคานงึ ถงึ หลักการดงั นี้ 1) เส้นใย หรอื วัสดุเสรมิ แรงทีใ่ ช้ตอ้ งมีคา่ ความตา้ นทานแรงดงึ (Tensile Strength) 2) หน้าท่ีสาคัญของพอลิเมอร์ คือ การส่งผ่านและกระจายแรงระหว่างเส้นใย อีกท้ังยัง ชว่ ยป้องกนั การเสยี ดสกี ันระหว่างเส้นใยแต่ละตัว ป้องกันความช้ืนไม่ให้สัมผัสกับเส้นใย และยังช่วยให้เส้น ใยทางานเป็นกลมุ่ ในการต้านทานแรงหรอื การเสียรูปภายใต้การใชง้ าน และชว่ ยปอ้ งกันการซึมผ่านของของ และอากาศ 3) รอยต่อระหว่างผิวเส้นใย หรือ วัสดุเสริมแรงกับพอลิเมอร์ เป็นจุดท่ีต้องคานึงถึงมาก เพื่อให้ได้คุณสมบัติตามความต้องการ เม่ือได้รับแรงจุดท่ีได้รับแรงมากท่ีสุด คือ จุดรอยต่อหรือใกล้จุด รอยต่อระหว่างผิวของเส้นใยกับพอลิเมอร์ ถ้าจุดนี้มีการเช่ือมต่อกันไม่ดี อาจทาให้เกิดความเสียหายก่อน กาหนด ดังน้นั รอยต่อนี้ต้องมีลักษณะทางเคมีและฟิสิกส์ท่ีเหมาะสมท่ีจะส่งผ่านแรงจากพอลิเมอร์ไปสู่วัสดุ เสริมแรง โดยทั่วไปนยิ มใชส้ ารค่คู วบ (Coupling Agent) เปน็ ตัวเชอ่ื มต่อผิวของเส้นใยกับพอลิเมอร์ช่วยให้ มีการส่งผ่านแรงและกระจายแรงไดด้ ี 4) เมอ่ื เตมิ วัสดุเสรมิ แรงแลว้ ต้องสามารถตกแต่งผิวใหส้ วยงามไดง้ ่าย เช่น การพิมพ์ หรือ การติดกาว รวมถึงการขัดสีของเครื่องจักรและต้องคานึงถึงปัญหาความปลอดภัยเน่ืองจากฝุ่นละอองท่ี เกิดขึ้นในระหว่างการตกแตง่ ชนิ้ งาน 5) ราคาของวัสดุเสริมแรงที่ใช้ เพราะวัสดุเสริมแรงที่ใช้มักมีราคาสูง จึงต้องพิจารณาถึง ต้นทุนของการผลิต (ณรงคฤ์ ทธ์ิ สมบัตสิ มภพ, 2548 : 21-23) 1.3 การขึ้นรูปเกา้ อีพ้ กั ผอ่ น การขึ้นรูปเก้าอ้ีพักผ่อนจาวัสดุผสมมูลช้างโดยใช้แม่พิมพ์อัดข้ึนรูป ซ่ึงเป็นกรรมวิธีแบบอัดเย็นมี รายละเอยี ด ดังนี้ 1.3.1 แบบอดั เย็น (Cold Molding) เปน็ กรรมวธิ กี ารผลิตท่ีดัดแปลงมาจากกรรมวิธีการผลิตใน อุตสาหกรรมเคร่ืองป้ันดินเผาใช้เพียงแรงอัดอย่างเดียว ไม่ใช้ความร้อนทาให้หลอมละลาย กรรมวิธี โดยท่วั ไปเหมือนกับแบบอัด Compression Molding แต่ทาได้รวดเร็วกว่าเพราะไมต่ ้องรอใหห้ ลอมละลาย ก่อน เม่อื อัดเป็นชิน้ งานแล้วจึงนาไปเข้าเตาอบ ข้ันตอนการผลิต 1) นาเอาส่วนผสมของพลาสตกิ เหลวกับวัสดผุ สมอนื่ ซง่ึ คลุกให้เข้ากนั ดีแล้วใส่ใน แม่แบบเคร่อื งอัด 2) กดแมแ่ บบโดยใชแ้ รงอดั 3) นาชิน้ งานออกจากแมแ่ บบ 4) นาชิ้นงานไปเขา้ เตาอบเพือ่ ใหแ้ ข็งตัว 5) นาช้นิ งานออกจากเตาอบ (พชิ ิต เล่ียมพิพฒั น,์ 2536 : 191-193)
10 1.4 หลักการออกแบบเก้าอ้ีพักผอ่ น เก้าอ้ี เป็นเฟอร์นิเจอร์ชนิดหนึ่งใช้สาหรับน่ัง มีส่วนประกอบหลักคือท่ีนั่งและพนักพิง เก้าอ้ีบาง ชนิดจะมีท่วี างแขนด้วย เกา้ อท้ี ่วั ไปจะมีขาสข่ี า ซึ่งขาทั้งสร่ี องรบั ทนี่ ัง่ ท่ียกสูงข้นึ มาจากพ้ืน ตัวเก้าอี้ปกติแล้ว ถกู ออกแบบมาไว้ใชน้ งั่ สาหรับคนเพยี งหนง่ึ คน สาหรบั ทน่ี ัง่ ทใี ชง้ านมากกวา่ หนง่ึ คน มักจะอยใู่ นรูปแบบของ ม้านั่ง โซฟา เก้าอี้ยาว เคาช์ หรือเลิฟซีต เก้าอี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีประวัติอันเก่าแก่ยาวนาน โดยในอดีต เกา้ อ้จี ะถกู ใช้งานเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม การมีอานาจ และความหรูหรา มากไปกว่าลักษณะของ การใช้งานของตัวเก้าอ้ีเอง ซึ่งจะใช้การตามราชวงศ์ หรือขุนนางในสมัยโบราณ ซึ่งสามารถเห็นได้จากงาน ประติมากรรม รูปป้ัน อนุสาวรีย์ หรือแม้แต่ภาพวาดงานเขียนเก่า นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่า คาว่า \"chair\" ยังถูกใช้เรียกถึงตาแหน่งผู้บริหารระดับสูง เช่นในบริษัทหรือตามสถาบันอุดมศึกษา ต้ังแต่คริสต์ศตวรรษท่ี 16 จนถึงปัจจุบัน เก้าอ้ีกลายมาเป็นเฟอร์นิเจอร์หลักที่ใช้งาน และสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เก้าอ้ีมี วิวัฒนาการอย่างต่อเน่ือง โดยเก้าอ้ีที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ได้แก่ เก้าอ้ีของกรีก ท่ีพบเห็นได้จากรูปปั้น ต่างๆ ซึ่งคาดว่ามีการสร้างในช่วง 600 ก่อนคริสต์ศักราช โดยเก้าอ้ีกรีกเป็นเก้าอ้ีสี่ขาตัวตรงและมีพนักพิง ต้ังตรง ในยุคถัดมาเช่นเก้าอี้ในประเทศจีน ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) ได้มีปรากฏการใช้งานของ เกา้ อ้ี โดยกษตั ริยแ์ ละขุนนางจะใชง้ านเป็นส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับในแถบยุโรป ซ่ึงเก้าอี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ ของความเจรญิ และอานาจในยุคปัจจุบัน เก้าอ้ีมีลักษระท่ีหลากหลายขึ้น ไม่ว่าทางด้านวัตถุดิบ เช่น เก้าอ้ี ไม้ เกา้ อ้ีโลหะ เกา้ อีพ้ ลาสติก เรม่ิ มกี ารผลิตและใชง้ านเป็นจานวนมาก มีการใช้งานท่ัวไปในบุคคลทุกระดับ รวมไปถึงการดีไซนเ์ กา้ อท้ี หี่ ลากหลายท่เี หน็ กนั ได้ในปัจจุบนั การออกแบบเกา้ อี้นัน้ จุดทสี่ าคัญท่สี ดุ คือการออกแบบให้ ใช้งานได้เหมาะสม มีความทนทาน และ นั่งได้สบาย นอกจากนี้การออกแบบยังรวมไปถึง ความสวยงาม ดีไซน์ น้าหนัก และรูปทรงอีกด้วย การ ออกแบบเกา้ อี้ตามการใช้งานตัวอยา่ งเช่น เก้าอท้ี านอาหารมักจะออกแบบให้พนักพิงเอียงไม่ได้หรือเอียงได้ น้อย เพื่อใหต้ วั ของผใู้ ชง้ านหา่ งจากโต๊ะได้ไม่มาก แตกต่างจากเกา้ อ้ีสาหรบั พกั ผ่อนเช่นในห้องนั่งเล่น มักจะ ออกแบบใหเ้ อยี งพนกั พิงได้มากสาหรบั ในการออกแบบให้นั่งสบายน้ัน เก้าอี้จะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับ รูปร่างของผู้ใช้งานทั่วไป โดยเบาะนั่งต้องไม่สูงหรือไม่ต่าไป ซึ่งถ้าเก้าอ้ีสูงไป จะทาให้ขาลอยแล้วนั่งไม่ สบาย ในขณะเดียวกันถ้าเบาะนัง่ ต่าไปจะทาใหน้ ้าหนักไปลงท่ีกระดูกก้นกบมากข้ึน ส่วนในด้านพนักพิงน้ัน นอกเหนือจากความสวยงาม พนักพิงยังออกแบบมาเพ่ือให้รองรับน้าหนักจากแผ่นหลังและไหล่ เพื่อลด นา้ หนักท่ีจะกดลงไปบรเิ วณทนี่ ่ังได้ (http://www.qcparawood.com/knowledge/chair) สาหรับการออกแบบและพัฒนาเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสมมูลช้างนั้น จะต้องคานึงถึงปัจจัยต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ได้แก่ คุณสมบัติของวัสดุ กรรมวิธีการผลิต รูปทรง ประโยชน์ใช้สอย และการใช้งานท่ี สะดวกสบายมีขนาดสัดส่วนทางด้านการยศาสตร์ท่ีเหมาะสม ซ่ึง อุดมศักด์ิ สาริบุตร (2550 : 24-25) ได้ กลา่ ววา่ องค์ประกอบท่สี าคญั 3 ประการ คอื 1) ประโยชน์ใชส้ อย (Good Function) หมายถงึ เคร่ืองเรือนน้ันต้องสนองความต้องการ ในหนา้ ทีใ่ ช้สอยไดค้ รบถ้วนและเกิดความสะดวกสบายแก่ผูใ้ ช้ 2) รูปทรงสสี นั ตอ้ งสวยงาม (Handsome Form & Beautiful Color) เปน็ การสนอง
11 ความต้องการของผใู้ ชท้ างดา้ นจิตใจทางความรู้สึกฉะนั้นต้องสร้างรูปทรงเครื่องเรือนให้มีความสวยงามการ ตกแต่งสผี ิวใหม้ ลี วดลายสีสันจึงจะเปน็ ทีต่ ้องการของผใู้ ช้ 3) ราคาตอ้ งประหยัด (High Economic) ถ้าผลิตภัณฑ์ทม่ี ีคณุ สมบตั ิทีด่ ีเดน่ ดงั กลา่ วในข้อ 1-2 แล้ว ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ย่อมเป็นท่ีต้องการของผู้ใช้อย่างแน่นอน แต่องค์ประกอบที่สาคัญอีกประการ หนึ่ง คือ เร่ืองราคาท่ีจะเป็นด่านสุดท้ายในการตัดสินใจซื้อ ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นมีประโยชน์ใช้สอยดีจริง รูปทรงสีสันลวดลายสวยถูกใจจริงราคายังถูก แล้วผลิตภัณฑ์นั้นย่อมขายได้ดีอย่างแน่นอน หรือราคาควร สมดุลกบั คุณภาพของผลิตภณั ฑน์ น้ั ๆ จงึ จะเกดิ ความยตุ ธิ รรมกับผู้ขายและผซู้ ื้อ 1.4.1 การออกแบบเก้าอพี้ ักผ่อนทถ่ี ูกหลักขนาดสดั ส่วนมนุษย์ เก้าอ้ีพักผ่อนเป็นเก้าอี้ที่น่ังสบายที่สุดในบรรดาเก้าอี้ท้ังหมด ดังนั้นสัดส่วนของการนั่งจึง สาคัญที่สุด และเรามักใช้งานเก้าอี้นี้เป็นเวลานานๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเก้าอ้ีบุนวม (Upholstered chair) เก้าอี้รับแขก รวมไปถึงเก้าอ้ีก่ึงนั่งนอน (Chaise lounge chair) และเก้าอ้ีนอน (Day bed) การออกแบบ เกา้ อพ้ี ักผอ่ นจะตอ้ งคานึงถงึ ส่งิ ตา่ งๆ ดงั นี้ 1) ความสงู ของท่ีนั่ง ตอ้ งมีความสัมพนั ธก์ บั มุมเอียงของพนกั พิงเสมอ ถ้าทน่ี งั่ สงู จาก ระดบั พน้ื นอ้ ย พนักพิงจะตอ้ งทามมุ เอียงลงระนาบกบั พืน้ มากข้นึ ถ้าพนกั พิงเอยี งลงมากเท่าไรความสูงของ พนกั พงิ จะต้องสงู ขึน้ เพ่ือรับแผ่นหลงั และคอ ซึ่งนา้ หนกั ของร่างกายส่วนใหญ่จะตกลงท่ีด้านหลังของเก้าอี้ เกือบทั้งหมด ดังน้ันความสูงของเก้าอ้ีจะเร่ิมต้ังแต่ 160-320 มิลลิเมตร ส่วนมุมเอียงของที่นั่งจะทามุม เอยี งเทา่ ไร ข้นึ อย่กู บั ความสงู ของทนี่ ่งั 2) พนักพิง ควรทามุมเอียงต้ังแต่ 110-180 องศากับแนวราบ เช่น ความสูงของเก้าอี้ จากพืน้ ถึงทนี่ ่งั ประมาณ 210 มิลลิเมตร มุมเอียงของพนักพิงคือ 127 องศา พนักพิงจะสูงจากท่ีนั่งไม่ต่า กว่า 400 มิลลเิ มตร เปน็ ต้น (ตัวเลขนีอ้ าจปรับเปลย่ี นไดต้ ามความเหมาะสมตามลักษณะของเกา้ อี้) ถ้าเป็น เก้าอ้ีที่ต้องการความเอียงของพนักพิงค่อนข้างมาก เช่น เก้าอี้โยก จะอยู่ระหว่าง 115-125 องศา โดย ปกติความเอียงท่ีนิยมใช้คอื ระหว่าง 104 และ 110 องศา 3) ความสูงของพนักพิง ควรมีความสูงไม่ต่ากว่าบ่าหลังหรือช่วงไหล่หนังสือ คือ ประมาณ 400-600 มลิ ลเิ มตร หรืออาจออกแบบให้มีความสูงมากขึ้น เพื่อรับน้าหนักของศีรษะ ช่วยให้ผู้ น่งั ไมต่ ้องออกกาลงั เกร็งคอ พยุงศรี ษะไว้ ความสงู ของพนักพงิ จะสูงเทา่ ไรก็ได้แล้วแตร่ ปู แบบเกา้ อ้ี 4) ความกว้างของท่ีนั่ง ควรมีความกว้างประมาณ 480-600 มิลลิเมตร ต่อคนหน่ึงคน เพ่ือให้ร่างกายเคล่ือนไหวได้อย่างอิสระ ขนาดท่ีนิยมใช้ในแถบเอเชียคือ 480-550 มิลลิเมตร (ตัวเลขนี้ อาจปรับเปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม) ที่นง่ั กว้างเกินไปอาจทาให้เท้าแขนไม่สะดวก 5) ความลกึ ของทนี่ ั่ง ควรมคี วามยาวตงั้ แตด่ า้ นหลังของหวั เข่าถึงดา้ นหลังสุดของกระดกู เชิงกราน เมอื่ วัดจากรา่ งกายขณะนั่งตัวตรง คือ ประมาณ 430-550 มิลลิเมตร (ตัวเลขน้ีอาจปรับเปล่ียน ไดต้ ามความเหมาะสม)
12 6) ทีเ่ ท้าแขน ควรมคี วามสูงจากท่นี ่งั ประมาณ 200-250 มลิ ลิเมตร เพื่อใหแ้ ขนทอดยาว ไปตามลาตัวได้พอดีและสามารถหมุนแขนได้อย่างธรรมชาติ นอกจากน้ีต้องออกแบบให้สามารถกุมมือที่ ปลายสุดของที่เท้าแขนได้พอดี เพ่ือสามารถยันตัวให้ลุกข้ึนจากเก้าอ้ีสะดวกข้ึน ถ้าออกแบบให้ที่เท้าแขน สูงเกินไปจะทาให้ผใู้ ชเ้ กา้ อ้ีเมอื่ ยแขนและไหล่ได้ 7) การรบั น้าหนกั ของร่างกายขณะทน่ี ่ังเกา้ อพ้ี กั ผ่อน น้าหนักของรา่ งกายจะอยู่ท่สี ะโพก และแผน่ หลงั ดังน้ันการออกแบบเก้าอี้จงึ ต้องเน้นรบั น้าหนักไปที่สะโพกและแผ่นหลงั มาก ที่มา: นภาพรรณ สุทธพนิ ธ,ุ 2555 : 37 ภาพที่ 5 แสดงรปู แบบเกา้ อพ้ี กั ผอ่ น ท่มี า: ชนญั ชิดา กรี ตกิ ารกลุ , 2561 : 40 ภาพที่ 6 แสดงลักษณะของอารม์ แชร์เก้าอ้ีนวมเดี่ยว
13 ทมี่ า: วรรณี สหสมโชค, 2550 : 216-217 ภาพท่ี 7 แสดงขนาดและสดั สว่ นของเกา้ อ้พี กั ผอ่ น
14 ที่มา: วรรณี สหสมโชค, 2550 : 218 ภาพที่ 8 แสดงการรับน้าหนกั ร่างกายท่กี ระดกู เชิงกรานและจดุ ศนู ยถ์ ่วงในการน่งั ท่มี า: วรรณี สหสมโชค, 2550 : 220 ภาพท่ี 9 แสดงตาแหน่งพนกั พิงบรเิ วณทรี่ ับกระดูกสนั หลงั สว่ นเอวและพนกั พงิ ที่แคบเกินไปจะทาใหไ้ หล่ หอ่ และปวดเม่ือยทหี่ ัวไหล่และบ่าหลงั ท่ีมา: วรรณี สหสมโชค, 2550 : 220 ภาพที่ 10 แสดงท่นี ่ังสัน้ เกินไปหรอื ยาวเกนิ ไปจะทาให้เมือ่ ยขาด้านล่าง
15 1.5 การทดสอบความแข็งแรงของเก้าอ้ี การทดสอบความแข็งแรงของเก้าอี้ คือ การทดสอบความสามารถในการรับแรงกด (Compression) ของชนิ้ งานจนเกิดการวบิ ตั ิ 1.5.1 ลักษณะของการทดสอบแรงอดั หรือแรงกด 1) การทดสอบโดยการอัด นยิ มใช้ทดสอบวัสดุที่มคี ุณสมบตั เิ ปราะ เชน่ เหล็กหล่อ หร คอนกรตี เพราะ จะใหผ้ ลการทดสอบถูกตอ้ งแน่นอนกว่าการทดสอบกบั โลหะเหนียว 2) การทดสอบเริ่มจากเพม่ิ แรงอัดอย่างช้าๆ และสม่าเสมอ จนกระทั่งช้ินงานเสียรูป และ แตก 3) รปู รา่ งของชิ้นงานจะเป็น ทรงกระบอก หรือลกู บาศก์ 4) การเสียรูปอาจจะมีลักษณะพองออก เหมือน รูปถัง (Barrel) ซึ่งจะไม่เกิดคอคอด เหมอื นกบั การทดสอบโดยการดงึ 1.5.2 วธิ ีการทดสอบ 1) จากภาพ Spherical seat จะช่วยกระจายแรงอัดใหส้ มา่ เสมอท่วั ทัว้ พนื้ ท่ีหนา้ ตัด 2) การอัดตอ้ งอดั ตามแนวแกน และจากเพิม่ แรงอัดอยา่ งชา้ ๆ และสม่าเสมอ 3) สนิ้ สดุ การทดสอบเมือ่ ชนิ้ วัสดเุ ปราะอัดจนชิน้ ทดสอบแตก และชิ้นวัสดุเหนียวอัดจน ชิน้ ทดสอบมคี วามสงู เหลือเพยี งหนง่ึ ในสามของความสูงเดิม 4) บนั ทึกคา่ แรงอัดสงู สดุ (สุของั คณา ลี, 2562) ท่ีมา: https://www.scicron.co.th/media/wysiwyg/7.pdf ภาพท่ี 11 แสดงวธิ กี ารทดสอบแรงกด 2. แนวคดิ ทฤษฎี การศกึ ษาครั้งนี้ไดท้ าการศึกษาแนวคดิ ทฤษฎีต่างๆ เพื่อเป็นกรอบแนวคิดในการศึกษาและทดลองวัสดุ ผสมขีเ้ ลือ่ ยไม้ยางพาราเพอ่ื ใชใ้ นงานแกะสลักทดแทนไม้เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ชมุ ชน ดงั นี้
16 2.1 การออกแบบเชงิ นเิ วศเศรษฐกจิ (Economic and Ecological Design ; Eco-Design) 2.1.1 ความหมายการออกแบบเชิงนเิ วศเศรษฐกิจ การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Economic & Ecological Design; Eco Design) หมายถึง กระบวนการที่ผนวกแนวคิดด้านเศรษฐกิจและด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไปในขั้นตอน การออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยพิจารณาตลอดวฏั จักรชีวิตของผลติ ภัณฑ์ ซง่ึ จะชว่ ยลดต้นทุนในแต่ละข้ันตอนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ทาให้ส่งผลดีต่อธุรกิจ ชุมชน และส่ิงแวดล้อม ซ่ึงเป็น แนวทางไปสู่การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ เป็นวิธีการออกแบบอย่างครบวงจรเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ และหลีกเล่ียงผลกระทบที่จะทาลายสิ่งแวดล้อม อาจกล่าวได้ว่า เป็นกระบวนการออกแบบและพัฒนา ผลิตภัณฑท์ ี่เปน็ มติ รต่อส่ิงแวดล้อมแบบบูรณาการ ซ่ึงมีความหมายรวมถึงการวิเคราะห์สมรรถนะทางด้าน สง่ิ แวดล้อมของผลติ ภณั ฑ์ การจัดการซากที่หมดอายุ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในช่วงของวงจรชีวิต ของผลิตภัณฑค์ วบคู่กบั การวเิ คราะห์ปจั จยั ดา้ นอ่นื ๆ เช่น ตน้ ทนุ การควบคุมกระบวนการผลิต การควบคุม คุณภาพ และการตลาด เป็นต้น (กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดและผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ ศูนย์ เทคโนโลยีโลหะและวสั ดุแห่งชาติ, 2555) สรุปได้ว่า การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ หมายถึง กระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ตลอดวงจร ชีวิตของผลิตภณั ฑ์ โดยมีการใช้พลังงานและทรัพยากรต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ จนถึงผลกระทบที่มีต่อ สิ่งแวดล้อมในระหว่างการผลิต การขนส่ง การใช้งานของผู้บริโภค ตลอดจนหมดอายุการใช้งานมี กระบวนการจัดการอยา่ งเหมาะสม 2.1.2 แนวคิดการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกจิ ในอดีตท่ีผ่านมา การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ันจะมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อ ตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าและผู้ผลิตเป็นสาคัญ โดยเน้นพิจารณาต้นทุน ประโยชน์ใช้สอย (Function) ความสวยงาม และความปลอดภัยเป็นหลัก แต่จากแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปสู่แนวคิด ผลิตภัณฑ์ยั่งยืน ทาให้มุมมองการออกแบบผลิตภัณฑ์เปล่ียนแปลงไปสู่แนวคิดที่มีการพิจารณาด้าน อื่นๆ มากขึ้นนั่นคือการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และจริยธรรมเพิ่มเติมขึ้นมา ทาให้การออกแบบ ผลิตภัณฑ์ได้ขยายไปสู่แนวคิด Eco Design จริงๆ แล้วแนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะถูก นามาพิจารณาครงั้ แรกในปี 1980 ในการประชมุ World Conversation Strategy ประเด็น ขับเคล่อื นแนวคดิ การพัฒนาผลิตภณั ฑไ์ ปสแู่ นวคดิ ผลติ ภัณฑย์ ง่ั ยืน เกดิ จากแนวคิดใน การบริโภคและการผลิตท่ีเปล่ียนแปลงไป ตลอดจนการเปล่ียนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการ เปลย่ี นแปลงรูปแบบทางเศรษฐศาสตรแ์ ละสงั คม ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1) แนวคิดการบริโภคและการผลติ ปจั จุบนั แนวคิดเร่ืองการบริโภค และ การผลิต เปลยี่ นแปลงไปมาก เนอื่ งจาก ประชาชนใหค้ วามสนใจเรอื่ งสงิ่ แวดล้อมกนั มากข้ึน ปัญหาดา้ นส่ิงแวดลอ้ มทุกวันนี้เม่ือทาการวิเคราะห์แล้ว จะเห็นว่าเกิดจากกลุ่มคนหรือประชากรเพยี ง 20% ของประชากรโลก ซ่งึ มักอยู่ในประเทศท่มี ีเทคโนโลยีสูง
17 แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นกลับมีมากถึง 80% ของปัญหาท้ังหมด ดังนั้นประเทศท่ีพัฒนาแล้วจึงให้ความ สนใจกับปัญหานี้เป็นอย่างมากโดยให้ความรู้กับประชาชนในการเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์ ความต้องการ Eco Product สาหรับประเทศที่พัฒนาแล้วจงึ มีอตั ราสูงมาก นอกจากนั้นภาครัฐของประเทศเหล่านี้ต่างช่วยกัน ผลักดนั ให้ใช้ Eco Product โดยการเอานโยบายรัฐมาเป็นตัวกาหนด เช่น งบประมาณในการจัดซื้อของรัฐ ต้องพิจารณา Eco Product ก่อนเปน็ อนั ดบั แรก เป็นตน้ 2) การเปลย่ี นแปลงทางด้านเทคโนโลยี ปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ มีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถของ เทคโนโลยีก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากข้ึนเช่นกัน ดังน้ันผู้ออกแบบต้องตระหนัก เสมอวา่ ผลิตภณั ฑ์หรอื เทคโนโลยไี ม่ได้เหมาะสาหรับทุกคน ผลิตภัณฑ์อาจเหมาะสาหรับคนที่ใช้เท่าน้ันแต่ เกิดผลกระทบตอ่ คนอน่ื ดงั นนั้ หากจะมุ่งสู่การพัฒนาอย่างย่ังยืนแล้ว ต้องมองในภาพกว้างถึงผลกระทบที่ อาจตามมา และปลกู ฝงั แนวคิดทางดา้ นส่ิงแวดลอ้ มให้กบั ผอู้ อกแบบผลิตภณั ฑ์ 3) การเปลย่ี นแปลงรูปแบบทางดา้ นเศรษฐศาสตร์และสังคม เนอื่ งจากเทคโนโลยไี ดย้ ่อโลกไวท้ าใหเ้ กิดห่วงโซ่อปุ ทานไปทัว่ โลก ดังนั้นธุรกิจหนึ่งๆ จะมหี ลายหน่วยงานท่เี กยี่ วข้องท่วั โลก การทปี่ ระชากรหันมาตระหนักถงึ ปัจจยั ทางด้านคุณภาพชวี ติ มากข้ึน จึงทาให้เกดิ ความตอ้ งการ Eco Product ไปทวั่ โลก ดังน้ันในปัจจุบันหลายๆประเทศจึงให้ความสาคัญและ สนบั สนุนผลิตภัณฑ์ประเภท Eco Product ด้วยการให้สิทธิประโยชน์กับสินค้านาเข้าท่ีมีฉลากสิ่งแวดล้อม (Eco-label) หรือ ระบุให้ผลิตภัณฑ์ต้องมีตารางผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแสดงให้ผู้บริโภค ทราบ เป็นต้น (กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดและผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศเศรษฐกิจ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและ วัสดุแห่งชาติ, 2555) สรุปได้ว่า แนวคิดการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ เป็นการออกแบบ และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปสู่ความยั่งยืน โดยคานงึ ถึง ด้านสิง่ แวดลอ้ ม ด้านสังคม และ จริยธรรม เนื่องจากการบริโภคและการผลิต ท่ีเปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทาง เศรษฐศาสตร์และสงั คม 2.1.3 ประโยชน์ของการทา Eco Design 1) เพ่ือสร้างผลกาไรใหก้ บั องค์กรโดยการนากระแสความต้องการสินคา้ และบรกิ าร ทีเ่ ปน็ มิตรต่อส่ิงแวดล้อมมาใช้เปน็ จดุ เด่นในการสรา้ งความเชอ่ื ม่ันใหก้ ับผู้บริโภค 2) สามารถลดต้นทนุ คา่ ใชจ้ ่ายในการผลติ จากการลดปริมาณวัตถดุ ิบ หีบห่อ การใช้ พลงั งานในการผลิตสินค้าและบรกิ าร 3) สามารถนาวสั ดุหรอื ช้นิ สว่ นกลบั มาใช้ได้ใหมโ่ ดยการปรบั ปรุงผลติ ภณั ฑ์จากการ ออกแบบ
18 4) เพ่ือป้องกันปัญหาการใช้ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นกาแพงทางการค้าที่มิใช่ ภาษี (Non-tariff Barrier; NTB) และรองรบั การเปลยี่ นแปลงของกฎระเบียบทางด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มี ความเขม้ งวดจากประเทศพัฒนาแล้ว เช่น WEEE, RoHS, EuP เป็นตน้ 5) ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรและผลิตภัณฑ์ (กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด และ ผลิตภัณฑเ์ ชิงนิเวศเศรษฐกจิ ศนู ย์เทคโนโลยีโลหะ และ วสั ดุแห่งชาติ, 2555) 2.1.4 หลักการของการออกแบบเชงิ นิเวศเศรษฐกิจ นักวิชาการการออกแบบผลิตภัณฑ์มีความเห็นโดยพ้องกันว่า แม้ว่าต้นทุนของการออกแบบ ผลติ ภัณฑ์ทางตรงจะมเี พยี ง 5-13% ของต้นทนุ ผลิตภณั ฑ์รวม แต่ผลสืบเน่ืองจากการออกแบบผลิตภัณฑ์น้ี จะเป็นผู้กาหนด โครงสร้างต้นทุนถึง 60-80 % ฉะนั้นการจัดการเพ่ือลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของ ผลิตภัณฑ์ก็เช่นกัน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมท่ีมีบทบาทมากท่ีสุดควรเริ่มตั้งแต่กระบวนการ ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ หลักการพ้ืนฐานของการทา Eco Design คือ การประยุกต์หลักการของ 4 R ในทุกช่วงของวงจร ชีวิตผลิตภัณฑ์ ต้ังแต่ข้ันตอนการออกแบบ ช่วงของวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ท่ีว่านี้ ได้แก่ ช่วงการวางแผน ผลิตภัณฑ์ (Planning Phase) ช่วงการออกแบบ (Design Phase) ช่วงการผลิต (Manufacturing phase) ชว่ งการนาไปใช้ (Usage phase) และชว่ งการทาลายหลังการใช้เสร็จ (Disposal phase) สาหรับหลักการ ของ 4R ไดแ้ ก่ การลด (Reduce) การใช้ซ้า (Reuse) การนากลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และ การซ่อมบารุง (Repair) ซงึ่ ท้งั 4R จะมคี วามสัมพันธ์ กบั แตล่ ะช่วงของวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์ 1) การลด (Reduce) หมายถึง การลดการใช้ทรัพยากรในช่วงต่าง ของวงจรชีวิต ซึ่ง สามารถเกิดได้ในทกุ ช่วงของวงจรชีวิตของผลิตภณั ฑ์ โดยมากจะพบในช่วงการออกแบบ ช่วงการผลิต และ การนาไปใช้ อาทิเช่น การลดการใช้ทรัพยากรในการออกแบบ การออกแบบเพ่ือลดอัตราการใช้วัตถุดิบใน กระบวนการผลิต การออกแบบเพื่อลดอัตราการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต และ การออกแบบเพ่ือลด อัตราการใช้พลงั งานในระหวา่ งการใช้งาน เปน็ ต้น 2) การใช้ซ้า (Reuse) หมายถึง การนาผลิตภัณฑ์ หรือ ชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์ซ่ึงผ่านช่วง การนาไปใช้เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะเข้าสู่ช่วงของการทาลาย กลับมาใช้ใหม่ ท้ังที่เป็นการใช้ใหม่ใน ผลิตภัณฑ์เดิม หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ตาม ได้แก่ การออกแบบเพื่อการนากลับมาใช้ซ้า (Design for Reuse) เช่น การออกแบบให้ผลิตภัณฑแ์ ตล่ ะรนุ่ มชี ้ินส่วนบางชิ้นสว่ นทใ่ี ชร้ ว่ มกันได้ เมอ่ื รุ่นแรกหยุดการผลิตแล้วยัง สามารถเกบ็ คนื และนาบางช้ินสว่ นมาใช้ในการผลิตรุ่นต่อไปได้ เป็นต้น 3) การนากลับมาใชใ้ หม่ (Recycle) หมายถึง การนาผลิตภณั ฑ์ หรือ ชิน้ ส่วนของ ผลติ ภัณฑ์ ทอ่ี ยใู่ นชว่ งของการทาลาย มาผา่ นกระบวนการแล้ว นากลับในใช้ใหม่ต้ังแต่ช่วงของการวางแผน การออกแบบ หรือ แม้แต่ช่วงของการผลิต ได้แก่ การออกแบบให้ถอดประกอบได้ง่าย (Design for Disassembly) การออกแบบเพื่อการนากลับมาใช้ใหม่ (Design for Recycle) เชน่ การออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยใช้วตั ถดุ บิ พลาสตกิ หรอื กระดาษที่งา่ ยตอ่ การนากลับมาใช้ใหม่ เปน็ ตน้
19 4) การซ่อมบารุง (Repair) หมายถึงการออกแบบให้ง่ายต่อการซ่อมบารุง ทั้งน้ีมีแนวคิด ทีว่ า่ หากผลติ ภัณฑส์ ามารถซอ่ มบารุงได้ง่ายจะเป็นการยืดอายุช่วงชีวิตของการใช้งาน (Extended Usage Life) ซง่ึ ท้ายที่สุดสามารถลดผลกระทบตอ่ สิง่ แวดล้อมได้ การซ่อมบารุงน้ีเกดิ ภายในช่วงชีวิตของการใช้งาน เทา่ นั้น แตกตา่ งจากการใช้ซ้า (Reuse) ซึ่งเป็นการนาช้ินส่วนหรือผลิตภัณฑ์ท่ีเสร็จจากช่วงการใช้งานแล้ว มาใช้อีกครั้ง การซ่อมบารุงนี้ได้แก่ การออกแบบให้ง่ายต่อการซ่อมบารุง (Design for serviceability / Design for maintainability) เช่นการออกแบบให้เปล่ียนอะไหล่ได้ง่าย เป็นต้น (กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยี สะอาดและผลิตภัณฑ์เชิงนเิ วศเศรษฐกิจ ศนู ย์เทคโนโลยีโลหะและวสั ดุแหง่ ชาติ, 2555) พลังงาน (energy) การจัดซือ้ วตั ถุดบิ (raw material acquisition) การผลติ วสั ดุ (material manufacture) วตั ถดุ บิ (raw materials) การขนส่ง (transport)การผลิตสนิ ค้า นาสิน ้คากลับมาใ ้ชใหม่(product manufacture) ขยะและกา๊ ซ (product reuse)การใช้งาน (wastes and emissions) นาสินค้ากลับมาผลิตให ่ม(use) (product remanufacture)การกาจดั นา ัวสดุก ัลบมาใ ้ชให ่ม(disposal) (material recycle) ท่ีมา: http://www.utexas.edu/research/ceer/greenproduct/pages/life_cycle_assessment_er.htm ภาพที่ 12 แสดงแผนภมู กิ ระบวนการผลติ ของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ จากแผนภมู ิภาพท่ี 5 เริ่มตน้ จากการนาวัตถดุ ิบมาผ่านกระบวนการตามขน้ั ตอนการผลิตสินค้าและ นาสนิ ค้าน้ันมาส่มู ือผบู้ รโิ ภคเพ่ือการใช้งานจนกระทง่ั ผลิตภัณฑ์เส่ือมสภาพลงหรอื หมดอายุการใช้งาน ซ่ึง
20 นาไปสขู่ นั้ ตอนการกาจัดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต่อไป โดยการนาผลิตภัณฑ์หรือช้ินส่วนของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น นากลับมาใช้ใหม่ นากลับมาผลิตใหม่ หรือการนาวัสดุกลับมาผ่านกระบวนการผลิตใหม่ ซึ่งกระบวนการ ผลิตของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมานั้นจะต้องสูญเสียทรัพยากร ได้แก่ วัตถุดิบและพลังงานท่ีใช้ในการ ผลิตทุกขั้นตอน และในขณะเดยี วกันก็เกิดของเสีย ได้แก่ ขยะและกา๊ ซ ที่เปน็ มลพษิ ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม สรุปได้ว่า หลักการของการออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ คือ การประยุกต์หลักการของ 4R ได้แก่ การลด (Reduce) การใช้ซา้ (Reuse) การนากลบั มาใชใ้ หม่ (Recycle) และ การซ่อมบารงุ (Repair) ซง่ึ ทั้ง 4R จะใช้ในทุกช่วงของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ข้ันตอนการออกแบบ และ ช่วงของวงจรชีวิตของ ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ช่วงการวางแผนผลิตภัณฑ์ (Planning Phase) ช่วงการออกแบบ (Design Phase) ช่วง การผลิต (Manufacturing phase) ช่วงการนาไปใช้ (Usage phase) และช่วงการทาลายหลังการใช้เสร็จ (Disposal phase) 2.2 ปัจจยั ท่ีมผี ลตอ่ การออกแบบและพัฒนาผลติ ภัณฑ์ แนวความคิดในการออกแบบ และ พัฒนาผลิตภัณฑ์จากขี้เลื่อยไม้ยางพารา ผู้วิจัยใช้กรอบ แนวคิดในดา้ นปัจจัยทีม่ ผี ลต่อการออกแบบ ซง่ึ นวลนอ้ ย บุญวงษ์ (2539 : 83-108) ได้กลา่ ววา่ ปจั จัยที่มี ผลต่อการออกแบบสามารถจาแนกอยา่ งกวา้ ง ๆ ไดเ้ ปน็ 2 กลุม่ ดังน้ี 2.2.1 ปจั จยั จากภายในงานออกแบบ เป็นปัจจัยเบื้องต้นทาหน้าท่ีกาหนดและให้ขอบเขตแก่งานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นงาน 2 และ 3 มติ ิประเภทใด ๆ ก็ตามโดยงานออกแบบนั้นเกิดขึน้ จากการนาวสั ดชุ นิดตา่ ง ๆ มาผ่านกรรมวิธีการ ข้ึนรูปท่ีเหมาะสมและเป็นไปได้จริงในเวลาน้ันเพ่ือเกิดเป็นรูปทรงใหม่ ซึ่งสามารถสนองประโยชน์ตาม หนา้ ท่ีใชส้ อยไดเ้ ป็นอย่างดี ปัจจัยจากภายในทงั้ 3 ประการ คือ วสั ดุและกรรมวิธกี ารผลิต ประโยชน์ใช้สอย และ รูปทรง ต่างมีความสาคัญและเก่ียวข้องสัมพันธ์กันโดยนักออกแบบเป็นผู้ทาหน้าท่ีประสาน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั ให้เกดิ ความเหมาะสมสงู สดุ 2.2.2 ปัจจัยจากภายนอกงานออกแบบ เป็นสภาพแวดล้อมรอบตัวของงานออกแบบก็มีอทิ ธิพลในการกาหนด หรอื ให้ขอบเขต แก่งานออกแบบ งานออกแบบชนดิ ใหม่ท่ีเกิดขึน้ นกั ออกแบบจาเปน็ ตอ้ งศกึ ษาปจั จัยแวดลอ้ มทม่ี ผี ลกระทบ ซึ่งกัน และกันเพ่ือให้สามารถใช้งานร่วมกันกับส่ิงท่ีมีและเป็นอยู่เดิมได้เป็นอย่างดี ปัจจัยภายนอกท่ีมี ความสาคัญตอ่ งานออกแบบสามารถจาแนกออกได้เป็น 4 ดา้ น คือ การแขง่ ขนั ในตลาด ความสามารถเข้า กันได้กับระบบสากล การควบคุมด้านความปลอดภัย และ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และ สภาพแวดล้อม 3. งานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง นงค์นุช กลิ่นพิกุล (2555) ได้ศึกษาเร่ือง เก้าอี้การยศาสตร์ เป็นการศึกษาแนวโน้มการออกแบบ เก้าอี้ทส่ี นองตอบความต้องการของผู้บริโภค โดยพิจารณาสขุ ภาพความปลอดภยั และประสทิ ธภิ าพในการ
21 ทางานซึ่งเป็นฐานความรู้ของนักออกแบบและผู้วิจัย ในการออกแบบเก้าอี้การยศาสตร์โดยสามารถนาไป ปรับใช้ได้กับกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ต่อไปในบทความน้ีได้กล่าวถึงเก้าอ้ีการยศาสตร์ท่ีมีการออกแบบ สาหรับคนทางานในสานักงานโดยมีเนื้อหาแบ่งออกเป็น 1) ความรู้ทั่วไปและประโยชน์ของเก้าอี้การย ศาสตร์ 2) สาเหตุที่ตอ้ งมีการออกแบบเกา้ อี้การยศาสตร์ซ่ึงส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภค คือการ นั่งในท่าท่ีไม่ถูกต้องหรือนั่งโค้งงอเป็นเวลานานๆ โดยไม่เปล่ียนอิริยาบถ ซ่ึงจะนาไปสู่อาการปวดหลังไหล่ และคอการปวดหลังเกิดจากการที่กระดูกสันหลังเกิดการกดทับ เป็นเวลานานๆ ทาให้เกิดแรงดันภายใน กระดูกสันหลังเม่ือเจลระหว่างข้อต่อถูกกดทับเวลานานๆ ก็จะนาไปสู่การเส่ือมของกระดูกสันหลังตามมา 3) การออกแบบและพัฒนาท่ีมุ่งเน้นในเรื่องของการตอบสนองความต้องการและปัญหาที่เกิดข้ึนของ ผ้บู รโิ ภคในเร่อื งสขุ ภาพความปลอดภยั และประสทิ ธภิ าพในการทางานโดยการออกแบบเก้าอี้การยศาสตร์ท่ี สามารถปรับเปล่ียนได้ตามความต้องการของผู้ใช้ให้มีความสะดวกสบายในการใช้งาน ซึ่งในการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ควรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยนาหลักการออกแบบเพ่ือสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการ ออกแบบและผลติ สิงหา ปรารมภ์ (2557) ได้วิจัยเร่ือง การพัฒนาเก้าอี้จากวัสดุพื้นถิ่นโดยใช้อัตลักษณ์ เคร่ืองป้ันดินเผา กรณีศึกษา: บ้านห้วยบง อาเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาอัต ลักษณ์ลวดลายเคร่ืองปั้นดินเผาบ้านห้วยบง 2) เพื่อพัฒนาเก้าอี้โดยใช้อัตลักษณ์ลวดลายเครื่องปั้นดินเผา และ 3) เพ่ือประเมินความพึงพอใจที่มีต่อเก้าอ้ีท่ีใช้อัตลักษณ์เคร่ืองป้ันดินเผา ผลการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ศึกษาอัตลักษณ์ลวดลายเคร่ืองปั้นดินเผาบ้านห้วยบง พบว่า เคร่ืองปั้นดินเผาท่ีขุดพบเป็นไหมี ท้ังหมด 7 แบบ และถ้วย มีจานวน 9 แบบ ส่วนที่ 2 คือ นาผลที่ได้จากส่วนแรกสร้างต้นแบบเก้าอี้ ส่วนที่ 3 ทาการสอบถามความพึงพอใจกับกลุ่มตัวอย่าง จานวน 73 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อ การออกแบบทมี่ คี วามเหมาะสมกบั เกา้ อ้ีโดยใช้อัตลักษณ์เครื่องปั้นดินเผาอยู่ในระดับความพึงพอใจมากทุก รายการประเมินท้ังด้านความเหมาะสมของรูปแบบผลิตภัณฑ์เก้าอ้ี สามารถสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ ลวดลายเครอื่ งปัน้ ดินเผา ความสวยงามของเกา้ อี้ ลวดลายเหมาะสมกบั การนาไปใช้ การใช้วัสดุ รูปทรงของ เก้าอี้สามารถสื่อถึงอัตลักษณ์ของชุมชน ความเหมาะสมของโครงสร้างขนาดและสัดส่วนของเก้าอ้ี และ ความพงึ พอใจ โดยรวมของกล่มุ ตวั อย่างอยูใ่ นระดับของความพงึ พอใจมากเม่ือเทียบกับเกณฑ์ระดับคะแนน ของการประเมิน โชติพร แสงแก้ว, ลุ้ย กานต์สมเกียรติ และ รัฐไท พรเจริญ (2559) ได้วิจัยเร่ือง ออกแบบและ พัฒนาผลิตภัณฑ์เกา้ อจ้ี ากผ้าไม่ทอสาหรับที่พักอาศัย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการศึกษาการแปรรูปผ้าไม่ทอ ให้เป็นงานเชิง 3 มิติ นาไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เก้าอี้สาหรับท่ีพักอาศัย และเพ่ือสร้างความพอใจแก่ กลุม่ เป้าหมายจาก ผลิตภัณฑ์ต้นแบบท่ีสร้างข้ึน จากกระบวนการทาวิจัยน้ัน ในขั้นตอนแรกได้มีการศึกษา ค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารวิชาการและ เว็บไซต์ต่างๆเพื่อเป็นความรู้พื้นฐานในการสร้างแนวความคิดและ กาหนดกรอบการศกึ ษา โดยเลือกเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นสตรีท่ี พักอาศัยในพื้นท่ีจากัด จากน้ันลงพื้นที่เพื่อ เก็บข้อมูลภาคสนามทาการคัดเลือกและทดลองข้ึนรูปและตกแต่งวัสดุ รวมท้ังใช้ แบบสอบถามเพื่อศึกษา ความตอ้ งการใช้งานผลิตภณั ฑข์ องกลุม่ เปา้ หมาย แลว้ สงั เคราะหข์ ้อมูลท่ีได้ออกมาเป็นกระบวนการ
22 ออกแบบผลิตภัณฑ์เก้าอ้ีพักผ่อน 10 รูปแบบ จากนั้นคัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ และนามาพัฒนาให้มีความ เหมาะสม และวัดผลโดย การทดสอบความพึงพอใจจากประชากรโดยใช้แบบสอบถามจากลุ่มตัวอย่าง จานวน 100 คน สรปุ และประเมนิ ผล อภิปราย และ นาเสนอผลงานออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผ้า ไม่ทอสาหรับท่ีพักอาศัย จากผลจากการวิจัยพบว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ ในครั้งนี้ได้ส่งเสริมภาพลักษณ์ และเพ่ิมมูลค่าให้กับวัสดุผ้าไม่ทอซ่ึงสามารถนามาประยุกต์ใช้เป็นผลิตภัณฑ์เก้าอ้ีสาหรับท่ีพักอาศัยให้ เหมาะสมไดโ้ ดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เก้าอี้ พักผ่อนเพื่อสตรีที่อาศัยในพื้นที่จากัดนั้นมีความสนใจในรูปแบบผลิตภัณฑ์ A หรือเก้าอี้พนักข้างเหล่ียม จานวน 26% มีค่าเฉล่ียความคิดเห็นในการออกแบบและการใช้งานเป็นอยู่ท่ี 3.84 และความสนใจใน รูปแบบผลติ ภัณฑ์ B หรอื เก้าอี้พนกั ขา้ งโคง้ จานวน 74% มีคา่ เฉลี่ยความคดิ เหน็ ในการออกแบบและการใช้ งานเป็นอยู่ท่ี 3.99 ตระกลู พนั ธ์ พัชรเมธา (2559) ไดว้ จิ ัยเรอื่ ง การศึกษาและทดลองวัสดุผสมจากมูลช้างเพื่อพัฒนา เป็นผลติ ภัณฑ์ชุมชน พบว่า 1. ผลการเตรียมวัสดุมูลช้างเพื่อนามาทดลองการผลิตวัสดุผสม 1) ได้สูตรการ ตม้ เยื่อมลู ชา้ ง EDB 2 สัดส่วนการต้มเยื่อ (กรัม) 1 : 19 : 0.20 (มูลช้างแห้ง : น้าสะอาด : โซเดียมไฮดรอก ไซด์) 2) สูตรปั่นเยื่อมูลช้าง EDS 3 สัดส่วนการป่ันเย่ือ (กรัม) 1 : 40 (มูลช้างต้ม EDB 2 (แห้ง) : น้า สะอาด) 2. ผลการทดลองวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลกั กับ วสั ดุเสริมแรงจากมูลช้าง โดยผลการทดลองมีส่วน สาคญั ท่ีพบจาแนกเปน็ 4 ประเด็น คอื 1) ไดส้ ตู รวัสดุผสมจานวน 3 สูตร ได้แก่ วัสดุผสมสูตร EDC 1 EDC 2 และ EDC 4 (กาวลาเท็กซ์ : ปูนปลาสเตอร์ : เย่ือมูลช้าง : น้า : สีฝุ่น) 2) ผลการทดสอบนาสูตรวัสดุผสม มูลช้างอัดขึ้นรูปช้ินงานลงในแม่พิมพ์ยางซิลิโคน พบว่า วัสดุผสม สูตร EDC 1 ( =3.71) และ สูตร EDC 2 ( =3.57) โดยภาพรวมผลการทดสอบอย่ใู นระดับดี รองลงมา สูตร EDC 4 ( =3.42) โดยภาพรวมผล การทดสอบอยู่ในระดับปานกลาง 3) ผลการทดสอบการดูดซึมน้าของวัสดุผสมมูลช้าง พบว่า สูตร EDC 2 มีการดูดซึมน้าหรือความชื้นมากที่สุด รองลงมา สูตร EDC 4 และ สูตร EDC 1 ตามลาดับ 4) ผลการ ประมาณราคาตน้ ทุนวัสดุในการผลติ ชนิ้ งานวัสดผุ สม พบวา่ ชนิ้ งานขนาด 9x9x15 ซม. วัสดุผสมสูตร EDC 4 มีราคาต้นทุนวสั ดใุ นการผลติ 12.24 บาท สูตร EDC 1 ราคาต้นทุน 14.23 บาท และ สูตร EDC 2 ราคา ต้นทนุ 18.90 บาท ตามลาดับ 3. ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ความตอ้ งการของผ้ซู ้ืองานหตั ถกรรม ผู้ซื้อเลือกซื้อ งานหัตถกรรมประเภทของตกแต่งบ้าน ทาจากวัสดุไม้/ไม้ไผ่/หวาย และนาไปตกแต่งบริเวณพื้นท่ี ห้องรับแขก ต้องการจุดเด่นงานหัตถกรรมด้านลวดลายประณีตสวยงาม ใช้วัสดุจากธรรมชาติและสี ธรรมชาติ ลวดลายบนงานหัตถกรรมเป็นแบบลวดลายไทยและรูปแบบมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน 5. ผลการประเมินผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิต และ ผู้ จาหนา่ ยงานหัตถกรรมของปางช้าง ทม่ี ีต่อผลิตภณั ฑ์ตน้ แบบมคี ่าเฉลยี่ โดยรวมมคี วามพงึ พอใจอยู่ในระดับดี รายการข้อที่ประเมินความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก คือ การนาวัสดุเหลือใช้มาเพ่ิมมูลค่าและเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และ ความเหมาะสมในการนาวัสดุมูลช้างมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้รายการข้อที่ ประเมินผลทุกข้อมีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีถึงดีมาก ซึ่งจะเป็นแนวทางในการออกแบบและพัฒนางาน หัตถกรรมจากวสั ดผุ สมมลู ช้างตอ่ ไป
บทที่ 3 วธิ ีดำเนนิ กำรวจิ ยั การวิจัยคร้ังน้ีใช้วิธีการทดลองการผลิตวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับ วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) จากมูลช้าง เพื่อนามาใช้เป็นวัสดุในการออกแบบและผลิตเก้าอ้ีพักผ่อน โดยผู้วิจัยได้ ดาเนินการวิจยั ตามรายละเอียด ดังนี้ 1. วิธกี ำรและเครือ่ งมือกำรวจิ ัย 1.1 วิธกี ำรวิจัย 1.1.1 ข้ันตอนท่ี 1 1) ศึกษาข้อมูลเก่ียวกับปริมาณและลกั ษณะของมูลชา้ งในปางช้าง 2) ศึกษาวัสดผุ สมหรอื วสั ดุคอมโพสติ ทมี่ ีวัสดุอน่ื อย่างน้อย 2 ชนิดข้ึนไปเป็นองค์ประกอบ วสั ดุผสมประกอบด้วยสองส่วนสาคัญ คือ ส่วนวัสดุหลัก (Matrix) ได้แก่ กาวลาเท็กซ์ ปูนปลาสเตอร์ กับ วสั ดุเสรมิ แรง (Reinfocement) ได้แก่ เย่อื มลู ชา้ ง ตาขา่ ยพลาสติก 3) ศกึ ษาการขึ้นรปู ช้ินงานวสั ดุผสมดว้ ยวิธแี บบอัดเย็น (Cold Molding) และนามาขึน้ รปู เกา้ อ้ีพกั ผ่อนด้วยแมพ่ มิ พ์ยางซิลโิ คนครอบด้วยไฟเบอรก์ ลาส 4) ทฤษฎีการออกแบบเชงิ นเิ วศเศรษฐกจิ 5) ทฤษฎีดา้ นปัจจัยท่มี ผี ลต่องานออกแบบ ของ นวลนอ้ ย บุญวงษ์ 6) ศกึ ษาหลักการออกแบบเครื่องเรือน (เก้าอพ้ี กั ผอ่ น) 7) ศกึ ษาการทดสอบความแข็งแรงของเกา้ อี้ 8) ศกึ ษาผลงานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 1.1.2 ขั้นตอนท่ี 2 1) กาหนดประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ 1. ตวั อยา่ งเยอ่ื มูลช้างจากปางชา้ งแมต่ ะมาน 2. วสั ดผุ สม คือ วสั ดหุ ลัก (Matrix) ไดแ้ ก่ กาวลาเทก็ ซ์ (ATM – A 9000) และ ปูนปลาสเตอร์ไทยฮงฮะ (ตรามอื ) กบั วัสดเุ สรมิ แรง (Reinfocement) ไดแ้ ก่ เยือ่ มลู ช้าง และตาข่าย พลาสติก 3. กระบวนการผลติ เก้าอจ้ี ากวัสดผุ สมมูลช้าง (การเตรยี มวัสดุผสมมูลชา้ ง และ การขึ้นรูปเก้าอว้ี สั ดุผสมมลู ช้างด้วยแมพ่ ิมพ์ยางซิลิโคนครอบด้วยไฟเบอร์กลา๊ ส) 2) สร้างเครอื่ งมือวจิ ัยทใี่ ชใ้ นการรวบรวมข้อมลู แบบมโี ครงสรา้ งทผ่ี วู้ ิจัยสรา้ งขึ้นเอง 1. แบบบันทึกผลการทดลองการผลิตเกา้ อี้พกั ผอ่ นจากวัสดุผสมมลู ช้าง 2. แบบประเมนิ ผลแบบรา่ งเกา้ อ้ีพกั ผอ่ นสาหรับผู้เชีย่ วชาญดา้ นการออกแบบ ผลติ ภัณฑ์และการออกแบบเครือ่ งเรือน
24 3. แบบบนั ทกึ ผลการทดสอบความแข็งแรงของเก้าอ้ีพกั ผ่อนด้วยเครอ่ื งทดสอบแรงกด 4. แบบประเมนิ ผลผลิตภณั ฑ์ตน้ แบบเก้าอพ้ี กั ผ่อนสาหรบั ผูเ้ ช่ียวชาญด้านการออกแบบ ผลติ ภัณฑ์และการออกแบบเคร่อื งเรือน 1.1.3 ข้นั ตอนที่ 3 1) การเตรียมวสั ดุผสมมูลชา้ งเพ่ือนามาทดลองการข้ึนรูปเกา้ อ้ดี ว้ ยแมพ่ ิมพ์ยางซิลิโคน ครอบด้วยไฟเบอร์กลา๊ ส 2) การสร้างแม่พิมพ์ยางซิลิโคนครอบด้วยไฟเบอร์กล๊าสจากต้นแบบเก้าอี้พลาสติก ของ บริษทั สหชัยโปรโมช่นั จากัด เลขท่ี 224, 226 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ เพอื่ ใชใ้ นการอัดข้ึนรปู เก้าอจี้ ากวัสดุผสมมลู ช้าง 4) การทดลองนาสูตรวัสดุผสมมูลช้างอัดขึ้นรูปเก้าอ้ีในแม่พิมพ์ยางซิลิโคนครอบด้วยไฟ เบอร์กล๊าส ใหม้ ีความหนาของชน้ิ งาน 2 ซม. ภายในเสริมตาข่ายพลาสติก จานวน 3 ช้ัน 5) การทดสอบการรับแรงกดของเก้าอ้ีวัสดุผสมมูลช้าง ขนาดความกว้าง 413 มม. ความ ยาว 406 มม. ความสงู 460 มม. จานวน 3 ตวั อย่างต่อการทดสอบและนามาหาคา่ เฉลีย่ 6) การทดสอบการรบั แรงกดของตน้ แบบเก้าอ้ีพลาสติก จานวน 1 ตัวอยา่ งตอ่ การทดสอบ เพอ่ื ใช้เปรียบเทยี บคา่ การรบั แรงกดกบั เกา้ อ้ีวสั ดุผสมมลู ชา้ ง 7) ประมาณราคาตน้ ทนุ วัสดุในการผลติ เกา้ อี้วัสดผุ สมมลู ช้าง 8) วิเคราะห์ผลการเตรียมวัสดุผสมมูลช้าง การทดลองนาสูตรวัสดุผสมมูลช้างอัดขึ้นรูป เก้าอ้ีด้วยแม่พิมพ์ยางซิลิโคนครอบด้วยไฟเบอร์กล๊าส และการทดสอบความแข็งแรงของเก้าอ้ีวัสดุผสมมูล ช้าง 1.1.4 ขั้นตอนท่ี 4 1) ออกแบบเก้าอ้ีพักผ่อนโดยใช้ทฤษฎีด้านปัจจัยภายในท่ีมีผลต่องานออกแบบ ของ นวลน้อย บุญวงษ์ ทั้ง 3 ประการ คือ ด้านวัสดุและกรรมวิธีการผลิต ด้านประโยชน์ใช้สอย และ ด้าน รูปทรง ซึง่ มรี ายละเอียดดังน้ี (1) ศึกษาลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุผสมมูลช้างและกรรมวิธีการขึ้นรูป ช้ินงานเก้าอ้ีโดยการใช้วัสดุผสมมูลช้างนามาอัดข้ึนรูปในแม่พิมพ์ (2) ศึกษาขนาดสัดส่วนทางด้านการย- ศาสตร์ และขนาดเก้าอี้พักผ่อนท่ีเหมาะสมต่อการใช้งาน (3) ศึกษารูปทรงและท่าทางของช้าง ซ่ึงเป็นสัตว์ ใหญ่ในพื้นถนิ่ ของจงั หวัดเชียงใหม่อยู่ในพ้นื ทกี่ ารทอ่ งเที่ยวเชิงธรรมชาติ ประกอบกับการนาวัสดุมูลช้างที่มี จานวนมากนามาใช้เป็นวัสดุในการผลิต ได้แก่ ปางช้างต่าง ท่ีนาช้างมาแสดงและจัดกิจกรรมให้กับ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยการใช้รูปทรง ท่าทาง ของช้างมาใช้เป็นเนื้อหาประกอบการ ออกแบบร่างเกา้ อพ้ี กั ผอ่ น 2) นาแบบประเมินผลแบบร่างเก้าอ้ีพักผ่อนไปให้ผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ และการออกแบบเรอื น จานวน 9 คน ประเมินผลแบบร่างและนามาวิเคราะห์ผลการประเมนิ
25 1.1.5 ข้ันตอนท่ี 5 1) สร้างผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบเกา้ อีพ้ ักผ่อนจากวัสดผุ สมมูลชา้ ง 2) นาแบบประเมินผลผลิตภัณฑต์ ้นแบบไปใหผ้ ู้ผเู้ ชี่ยวชาญดา้ นการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ และการออกแบบเครื่องเรือน จานวน 9 คน ประเมินผลผลิตภัณฑ์ต้นแบบและนามาวิเคราะห์ผลการ ประเมนิ 1.2 วัสดแุ ละอปุ กรณ์ที่ใช้ในกำรทดลอง 1.2.1 ตอนท่ี 1 การทดลองการผลิตเก้าอ้ีจากวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับ วัสดุ เสริมแรง (Reinfocement) จากมลู ช้าง 1) วัสดุหลัก (Matrix) ท่ีมีคุณสมบัติเป็นวัสดุประสานจับยึดวัสดุอื่นให้คงรูปที่ใช้ในการ ทดลองครั้งน้ี ไดแ้ ก่ กาวลาเท็กซ์ (ATM – A 9000) และ ปนู ปลาสเตอรไ์ ทยฮงฮะ (ตรามือ) 2) วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงที่ใช้ในการทดลองครั้ง นี้ ไดแ้ ก่ เยอ่ื มูลช้าง และตาข่ายพลาสติก 3) วัสดุอืน่ ไดแ้ ก่ นา้ สะอาด 4) แม่พิมพ์ยางซิลิโคนครอบด้วยไฟเบอร์กล๊าส สาหรับอัดข้ึนรูปชิ้นงานเก้าอ้ีจากวัสดุผสม (วัสดุหลักและวัสดุเสริมแรง) ต้นแบบเก้าอ้ีขนาดความกว้าง 414 มม. ความยาว 406 มม. ความสูง 463 มม.และนาไปเขา้ ตอู้ บแห้งที่อุณหภูมิ 75 oC หุน่ ต้นแบบเก้าอพี้ ลาสติกของบรษิ ทั สหชยั โปรโมชัน่ จากดั แมพ่ มิ พ์ยางซลิ โิ คนครอบดว้ ยไฟเบอรก์ ลา๊ ส สาหรับทาแมพ่ มิ พ์ยางซิลโิ คน ภำพที่ 13 แสดงห่นุ ตน้ แบบเก้าอพ้ี ลาสตกิ และแมพ่ มิ พ์ยางซิลิโคนสาหรบั อัดข้ึนรปู ชิน้ งานเก้าอ้ี
26 5) เครอ่ื งผสมวัสดผุ สม ขนาด 15 ลิตร ภำพท่ี 14 แสดงเครอื่ งผสมวัสดผุ สม 6) ตู้อบแห้งไฟฟา้ ขนาด 800 วัตต์ (Dehydrator) 7) เครอื่ งชั่งดจิ ิตอล 8) ถว้ ยตวง 1.3 อปุ กรณ์ท่ใี ช้ในกำรทดสอบชน้ิ งำนเก้ำอี้วัสดผุ สมมูลชำ้ ง 1.3.1 การทดสอบความสามารถในการรับแรงกด (Compression) ของชนิ้ งานจนเกิดการวบิ ัติ 1) เครื่องทดสอบ Baldwin UTM Cap:100Tf SN:200HVL-1034 Div:1kgf และใช้สมการ ปรับแกแ้ รงกด y = 1.0428x – 67.10 1.4 เคร่ืองมือกำรวิจัย 1) เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการบันทกึ ผลการทดลองการผลิตเกา้ อว้ี สั ดผุ สมมลู ชา้ ง เป็นแบบบันทึกผลการ ทดลอง โดยแบ่งเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 การทดลองการขน้ึ รปู เก้าอ้จี ากแม่พิมพ์ยางซลิ ิโคน ตอนที่ 2 การทดสอบความแขง็ แรงของเก้าอีว้ สั ดผุ สมมูลชา้ ง ตอนที่ 3 การประมาณราคาตน้ ทนุ การผลิตเก้าอ้ีวสั ดุผสมมูลช้าง 2) เครื่องมือท่ีใช้ในการรวบรวมข้อมูลผลการประเมินแบบร่างเก้าพักผ่อนเป็นคาถามเก่ียวกับ ระดับความคิดเห็น โดยใช้คาถามแบบมาตราประมาณค่า (Rating Scale) เป็นแบบประเมินผลแบบร่าง เกา้ อ้พี ักผอ่ น ท่ีผู้วจิ ยั สร้างข้ึนเอง โดยแบ่งเป็น 3 ตอน ตอนที่ 1 ขอ้ มลู สถานภาพท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม จานวน 6 ขอ้ ตอนท่ี 2 ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ความคดิ เห็นแบบรา่ งเกา้ อพ้ี ักผ่อน จานวน 9 ขอ้ ตอนที่ 3 ขอ้ มลู เก่ยี วกับข้อเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เกีย่ วกับแบบร่างเก้าอี้พกั ผ่อน
27 3) เครื่องมือท่ีใช้ในการรวบรวมขอ้ มลู ผลการประเมินผลิตภัณฑ์ต้นแบบเป็นคาถามเก่ียวกับระดับ ความคิดเห็น โดยใช้คาถามแบบมาตราประมาณค่า (Rating Scale) แบบประเมินผลผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ท่ี ผู้วจิ ัยสร้างข้ึนเอง โดยแบง่ เป็น 3 ตอน ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู สถานภาพท่วั ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม จานวน 6 ข้อ ตอนที่ 2 ข้อมลู เก่ียวกับความคดิ เห็นผลิตภัณฑ์ตน้ แบบ จานวน 13 ขอ้ ตอนท่ี 3 ข้อมูลเกย่ี วกบั ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ เกีย่ วกับผลติ ภัณฑต์ ้นแบบ 1.5 กำรเกบ็ ขอ้ มลู 1) ผู้วจิ ัยบนั ทกึ ผลการทดลองและบันทึกภาพระหว่างการทดลองผลิตเก้าอ้ีจากวัสดุผสมมูลช้างใน ห้องปฏิบตั ิงาน 2) นาชิน้ งานเก้าอี้วสั ดุผสมมลู ชา้ งท่ีไดจ้ ากผลการทดลอง และเก้าอ้ีพลาสติกไปทดสอบ ความสามารถในการรับแรงกดของชิ้นงานจนเกิดการวิบัติ ที่ภาควิชาโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ 3) นาแบบประเมินผลแบบร่างไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์และการออกแบบ เครอ่ื งเรอื น ด้วยตวั เองแล้วขอคนื กลับในทันที 4) นาแบบประเมินผลผลิตภัณฑ์ต้นแบบพร้อมกับผลิตภัณฑ์ต้นแบบไปให้ผู้เช่ียวชาญด้านการ ออกแบบผลติ ภัณฑ์และการออกแบบเครือ่ งเรือน ด้วยตวั เองแล้วขอคนื กลบั ในทันที 2. กำรวิเครำะหข์ ้อมลู กำรวิจัย ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป (SPSS/PC+) และสถิติท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉล่ีย (Mean) และค่า เบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ข้อมูลจากแบบสอบถามปลายเปิดโดยการสรุปข้อมูลที่คล้ายคลึงกันมาสรุปเป็นภาพรวมด้วยการ พรรณนา
บทท่ี 4 ผลการวิจัย การทดลองวัสดุ และ การวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัย เรื่อง การศึกษาและทดลองผลิตเก้าอ้ีพักผ่อน จากวัสดุผสมมูลช้าง ผู้วิจัยได้ผลการทดลองการผลิตเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับ วัสดุเสริมแรง (Reinfocement) จากมูลช้าง ผลการทดสอบความแข็งแรงของเก้าอี้ ผลการออกแบบ และสรา้ งต้นแบบเก้าอี้พกั ผอ่ นจากมลู ช้าง ซง่ึ มรี ายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การทดลองผลิตเกา้ อ้จี ากวัสดุผสมมลู ชา้ ง การทดลองผลิตเก้าอจี้ ากวสั ดุผสมมลู ชา้ งระหว่างวัสดุหลัก ไดแ้ ก่ กาวลาเท็กซ์ (ATM – A 9000) และ ปูนปลาสเตอร์ไทยฮงฮะ (ตรามือ) กับ วัสดุเสริมแรง ได้แก่ เย่ือมูลช้าง และตาข่ายพลาสติก และวัสดุ อื่น ได้แก่ น้าสะอาด น้าวัสดุท้ัง 3 ส่วน ผสมตามสัดส่วนสูตรวัสดุผสมมูลช้าง 2.00 : 2.00 : 1.00 : 5.00 (กาวลาเท็กซ์ : ปูนปลาสเตอร์ : เยื่อมูลช้าง : น้า) ซ่ึงมีกระบวนการผลิตตัวอย่างชิ้นงานเก้าอ้ีและผลการ ทดลองดงั แสดงในตารางที่ 1-3 ตารางที่ 1 แสดงลักษณะเยอ่ื มูลชา้ งจากปางชา้ งแมต่ ะมาน ค้าอธิบาย เยือ่ มูลชา้ งเปียก เย่ือมูลช้างแห้ง ลกั ษณะเย่อื มูลชา้ งทจี่ ะนา้ ไปเปน็ วัสดุ เสรมิ แรงในการผลิตวัสดผุ สม
29 ตารางที่ 2 แสดงสตู รสว่ นผสมวัสดหุ ลกั และวสั ดเุ สริมแรง ข้ันตอนการอดั วสั ดุผสมลงในแมพ่ ิมพ์เก้าอย้ี าง ซลิ โิ คน สว่ นผสมวัสดุหลกั (Matrix) และ วัสดุเสริมแรง อดั วสั ดุ น้าเขา้ ตู้ วางตา (Reinfocement) ผสมลงใน อบแห้งท่ี ข่าย แม่พิมพ์ อณุ หภมู ิ พลาสติก สูตร สัดสว่ น วัสดหุ ลัก วสั ดุ น้า ให้มีความ 75 oC ลงใน หมายเหตุ หนา 0.50 (ช่วั โมง) แม่พมิ พ์ วสั ดุ โดย กาวลา ปนู ปลาส เสรมิ แรง ผสม น้าหนกั เทก็ ซ์ เตอร์ ซม. วัสดุ เยอ่ื มูลชา้ ง (กรัม) สดั สว่ น 2 2 1 5 ชน้ั ที่ 1 20 ชัน้ ที่ 1 กรมั 680 680 340 1,700 ถอดชน้ิ งานออก สตู ร สัดสว่ น 2 2 1 5 ชนั้ ท่ี 2 20 ชนั้ ที่ 2 จากแมพ่ มิ พ์และ กรัม 560 560 280 1,400 นา้ เขา้ ตู้อบแห้งเป็น สดั ส่วน 2 2 1 5 ชัน้ ที่ 3 20 ชน้ั ที่ 3 เวลา 3 ชัว่ โมง เพื่อให้ชน้ิ งานแห้ง กรัม 400 400 200 1,000 - สนทิ สัดสว่ น 2 2 1 5 ชน้ั ที่ 4 20 กรัม 360 360 180 900 จากตารางที่ 2 พบว่า สูตรวสั ดุผสมมลู ช้างมีสว่ นผสมวัสดหุ ลักและวัสดุเสริมแรงใช้วสั ดุสดั ส่วนโดยน้าหนัก (กรัม) 2 : 2 : 1 : 5 (กาวลาเท็กซ์ : ปนู ปลาสเตอร์ : เย่ือมลู ช้าง : นา้ ) 1) อัดวัสดุผสมช้ันที่ 1 ลงในแม่พิมพ์ให้มีความหนา 0.50 ซม. โดยใช้วัสดุผสมมูลช้างสัดส่วนโดย น้าหนัก (กรมั ) กาวลาเท็กซ์ 680 กรัม : ปูนปลาสเตอร์ 680 กรัม : เยื่อมูลช้าง 340 กรัม : น้า 1,700 กรัม วสั ดุผสมแห้งใช้เวลา 20 ชวั่ โมง ท่อี ณุ หภูมติ ูอ้ บแห้ง 75 oC วางตาขา่ ยพลาสตกิ ชั้นท่ี 1 ลงบนวัสดผุ สม 2) อัดวัสดุผสมช้ันที่ 2 ลงในแม่พิมพ์ (ทับตาข่ายพลาสติก) ให้มีความหนา 0.50 ซม. โดยใช้วัสดุ ผสมมลู ช้างสัดสว่ นโดยน้าหนกั (กรมั ) กาวลาเท็กซ์ 560 กรัม : ปูนปลาสเตอร์ 560 กรัม : เย่ือมูลช้าง 280 กรัม : น้า 1,400 กรมั วัสดุผสมแห้งใช้เวลา 20 ช่ัวโมง ที่อณุ หภมู ิตอู้ บแหง้ 75 oC วางตาข่ายพลาสติกชั้นที่ 2 ลงบนวัสดุผสม 3) อัดวัสดุผสมช้ันท่ี 3 ลงในแม่พิมพ์ (ทับตาข่ายพลาสติก) ให้มีความหนา 0.50 ซม. โดยใช้วัสดุ ผสมมูลชา้ งสัดส่วนโดยน้าหนัก (กรัม) กาวลาเท็กซ์ 400 กรัม : ปูนปลาสเตอร์ 400 กรัม : เย่ือมูลช้าง 200 กรมั : น้า 1,000 กรมั วัสดุผสมแห้งใช้เวลา 20 ชัว่ โมง ท่ีอุณหภูมติ อู้ บแห้ง 75 oC วางตาข่ายพลาสติกช้ันท่ี 3 ลงบนวัสดผุ สม 4) อัดวัสดุผสมช้ันท่ี 4 ลงในแม่พิมพ์ (ทับตาข่ายพลาสติก) ให้มีความหนา 0.50 ซม. โดยใช้วัสดุ ผสมมลู ชา้ งสัดสว่ นโดยน้าหนกั (กรัม) กาวลาเท็กซ์ 360 กรัม : ปูนปลาสเตอร์ 360 กรัม : เยื่อมูลช้าง 180 กรัม : น้า 900 กรัม วัสดุผสมแห้งใช้เวลา 20 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิตู้อบแห้ง 75 oC ถอดช้ินงานออกจาก แม่พมิ พแ์ ละนา้ เขา้ ตู้อบแห้งเปน็ เวลา 3 ช่วั โมง เพอ่ื ให้ชิ้นงานแหง้ สนทิ
30 ตารางที่ 3 แสดงสรปุ สูตรส่วนผสมวัสดุหลกั และวัสดุเสรมิ แรง ขัน้ ตอนการอดั วสั ดผุ สมลงในแม่พิมพเ์ กา้ อ้ี ไฟเบอร์กล๊าส สว่ นผสมวัสดหุ ลัก (Matrix) และ วัสดุเสรมิ แรง อดั วัสดุ น้าเข้าตู้ นา้ หนกั (Reinfocement) ผสมและ อบแห้งที่ ชิ้นงาน ลักษณะชิ้นงาน สตู ร สดั สว่ น วัสดหุ ลัก วสั ดุ เสรมิ ตา อุณหภมู ิ เกา้ อีว้ ัสดุ เกา้ อี้วสั ดผุ สมและ นา้ ข่าย 75 oC ผสมมลู การหดตวั วัสดุ โดย กาวลา ปนู ปลาส เสรมิ แรง ผสม นา้ หนกั เทก็ ซ์ เตอร์ พลาสตกิ (ช่ัวโมง) ช้าง วัสดุ เย่อื มูลชา้ ง จา้ นวน 3 (กรมั ) (กรมั ) ชน้ั ลงใน แม่พิมพ์ สูตร สดั สว่ น 2 2 1 5 83 4,100 ผิวเรียบคงรปู ไม่บิด 5,000 งอ หดตวั 0.647 % กรัม 2,000 2,000 1,000 สตู รวัสดุผสมจากมูลชา้ ง 2.00 : 2.00 : 1.00 : 5.00 (กาวลาเทก็ ซ์ : ปนู ปลาสเตอร์ : เยอื่ มลู ชา้ ง : น้า) ขนาดชนิ้ งาน ความกว้าง 413 มม. ความยาว 406 มม. ความสงู 460 มม. ชิน้ งานเก้าอ้ี C1 ชน้ิ งานเก้าอี้ C2 ช้นิ งานเกา้ อ้ี C3 จากตารางที่ 3 พบว่า สตู รวัสดุผสมมูลช้างมีส่วนผสมวัสดุหลกั และวัสดุเสรมิ แรงใช้วสั ดุสัดส่วนโดยน้าหนัก (กรัม) 2 : 2 : 1 : 5 (กาวลาเท็กซ์ 2,000 กรัม : ปูนปลาสเตอร์ 2,000 กรัม : เยื่อมูลช้าง 1,000 กรัม : น้า 5,000 กรัม) อัดวสั ดผุ สมและเสรมิ ตาขา่ ยพลาสติก จ้านวน 3 ช้ัน น้าเข้าตู้อบแห้งที่อุณหภูมิ 75 oC เป็นเวลา 80 ช่ัวโมง น้าหนักช้ินงาน 4,100 กรัม ลักษณะชิ้นงานเก้าอี้วัสดุผสมผิวเรียบคงรูปไม่บิดงอ หดตัว 0.647 % ขนาด ชิ้นงาน ความกว้าง 413 มม. ความยาว 406 มม. ความสูง 460 มม. อัดขึ้นรูปชิ้นงานเก้าอี้จ้านวน 3 ตวั อยา่ ง C1, C2, C3 เพอ่ื น้าไปทดสอบความแขง็ แรงต่อไป
31 1.1 ข้นั ตอนการผลิตเก้าอี้จากวสั ดุผสมมลู ชา้ ง ผู้วิจัยท้าการทดลองผลิตเก้าอี้ โดยน้าสูตรวัสดุผสมจากมูลช้างอัดขึ้นรูปช้ินงานเก้าอ้ีลงใน แมพ่ มิ พ์ยางซลิ โิ คนครอบด้วยไฟเบอร์กล๊าส ซ่ึงมีข้ันตอนการผสมวัสดุหลักและวัสดุเสริมแรง การอัดขึ้นรูป ช้ินงานวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับวัสดุเสริมแรง (Reinfocement) มูลช้างลงในแม่พิมพ์ การ อบแห้ง การถอดชนิ้ งานออกจากแม่พมิ พ์ และการตกแตง่ ชิ้นงานเกา้ อี้วัสดผุ สมมูลชา้ ง ดงั ต่อไปน้ี ตารางท่ี 4 แสดงขัน้ ตอนการผลิตเก้าอีจ้ ากวัสดุผสมมูลช้าง โดยการอัดขึ้นรูปช้นิ งานวสั ดผุ สมระหวา่ ง วสั ดุหลักกับวสั ดุเสรมิ แรงมูลชา้ งลงในแม่พิมพ์ ขัน้ ตอนการผลิตเกา้ อจ้ี ากวสั ดผุ สมมูลช้าง ข้ันตอนที่ 1 การเตรียมแมพ่ มิ พ์ 1.1 ทา้ ความสะอาดภายในแม่พมิ พ์ยางซลิ โิ คน ขัน้ ตอนท่ี 2 การเตรยี มวสั ดุหลกั (Matrix) และวสั ดุเสริมแรง (Reinfocement) 2.1 น้าเย่ือมูลชา้ งแห้งผสมกับน้าสะอาด กาวลาเท็กซ์ และ ปนู ปลาสเตอร์ ผสมคลุกเคลา้ ให้เปน็ เนอื้ เดียวกันตามสัดสว่ น ของสตู รวสั ดุผสมจากมูลชา้ ง 2.00 : 2.00 : 1.00 : 5.00 (กาวลาเท็กซ์ : ปูนปลาสเตอร์ : เย่อื มลู ชา้ ง : นา้ ) 1) เยื่อมูลชา้ งแห้ง 2) นา้ เย่ือมูลชา้ งและนา้ สะอาดเขา้ เครื่องผสมใหเ้ ขา้ กัน 3) ผสมกาวลาเทก็ ซ์ 4) ผสมปูนปลาสเตอร์ 5) น้าเข้าเครอ่ื งผสมคลุกเคลา้ ให้เป็นเนือ้ เดียวกัน
32 ตารางท่ี 4 แสดงข้ันตอนการผลิตเกา้ อ้จี ากวสั ดผุ สมจากมลู ชา้ ง โดยการอัดขึน้ รปู ชิ้นงานวัสดุผสมระหว่าง วสั ดหุ ลกั กบั วสั ดุเสริมแรงมูลชา้ งลงในแม่พิมพ์ (ตอ่ ) ข้นั ตอนที่ 3 การอดั ข้นึ รูปวสั ดุผสมลงในแม่พมิ พ์ 3.1 น้าวสั ดผุ สมมลู ชา้ ง (ข้อ 2.1) อดั ลงแมพ่ ิมพใ์ ห้ไดค้ วามหนาของวสั ดผุ สม 0.50 ซม. ใหท้ ่วั พื้นที่ของแม่พมิ พ์ 3.2 นา้ แม่พิมพ์ท่อี ัดวัสดุผสมแลว้ เขา้ ตูอ้ บแหง้ ไฟฟา้ ขนาด 800 วตั ต์ ที่อุณหภูมิ 75 oC เปน็ เวลา 20 ชั่วโมง 3.3 เม่อื วัสดผุ สมแห้งแล้วใหน้ ้าออกจากตอู้ บแห้งและใชต้ าข่ายพลาสติกวางใหแ้ นบสนทิ กบั พ้ืนผิววสั ดผุ สมช้ันแรกโดย ใช้แมก็ ยงิ ตาขา่ ยใหแ้ นบกบั พนื้ ผิวของวัสดุผสม
33 ตารางท่ี 4 แสดงขน้ั ตอนการผลิตเกา้ อ้ีจากวสั ดผุ สมจากมูลชา้ ง โดยการอดั ขนึ้ รปู ช้ินงานวัสดผุ สมระหวา่ ง วัสดุหลักกับวสั ดุเสริมแรงมลู ชา้ งลงในแมพ่ มิ พ์ (ตอ่ ) 3.4 น้าวสั ดุผสมอัดลงแมพ่ มิ พ์ให้ไดค้ วามหนาของวสั ดผุ สม 0.50 ซม. ให้ท่วั พนื้ ทขี่ องตาข่ายพลาสตกิ และวสั ดผุ สมชนั้ ที่ 1 และน้าแมพ่ มิ พท์ อี่ ดั วัสดผุ สมชั้นทีส่ องเข้าต้อู บแห้งไฟฟ้า ขนาด 800 วตั ต์ ทีอ่ ณุ หภูมิ 75 oC เป็นเวลา 20 ช่ัวโมง 3.5 เมอื่ วสั ดผุ สมแห้งแล้วให้นา้ ออกจากตอู้ บแหง้ และใช้ตาขา่ ยพลาสตกิ วางใหแ้ นบสนิทกับพ้ืนผวิ วัสดผุ สมชน้ั ที่ 2 3.6 นา้ วสั ดผุ สมอัดลงแมพ่ มิ พ์ใหไ้ ด้ความหนาของวัสดุผสม 0.50 ซม. ใหท้ ว่ั พน้ื ทขี่ องตาขา่ ยพลาสติกและวสั ดุผสมชั้นท่ี 2 และนา้ แมพ่ มิ พ์ทอี่ ดั วัสดุผสมชน้ั ท่ี 3 เขา้ ต้อู บแห้งไฟฟ้า ขนาด 800 วัตต์ ท่ีอุณหภมู ิ 75 oC เป็นเวลา 20 ชวั่ โมง 3.7 เมอ่ื วัสดผุ สมแหง้ แล้วให้น้าออกจากตอู้ บแห้งและใชต้ าข่ายพลาสตกิ วางใหแ้ นบสนทิ กับพืน้ ผวิ วสั ดผุ สมชน้ั ท่ี 3 3.8 น้าวสั ดผุ สมอัดลงแม่พมิ พ์ใหไ้ ด้ความหนาของวัสดุผสม 0.50 ซม. ให้ทวั่ พ้ืนทขี่ องตาข่ายพลาสติกและวัสดุผสมชั้นที่ 3 และนา้ แม่พมิ พ์ท่ีอดั วสั ดผุ สมช้ันที่ 4 เขา้ ตอู้ บแห้งไฟฟา้ ขนาด 800 วตั ต์ ทีอ่ ณุ หภมู ิ 75 oC เปน็ เวลา 20 ช่วั โมง 3.9 เมอื่ วสั ดผุ สมแหง้ แล้วใหน้ า้ แมพ่ ิมพ์ออกจากตู้อบแห้งและด้าเนินการถอดชิน้ งานวสั ดุผสมมลู ช้างออกจากแม่พมิ พ์ ต่อไป ขั้นตอนที่ 4 การถอดชิ้นงานออกจากแมพ่ ิมพ์และการตกแตง่ ชิ้นงานเก้าอี้ 4.1 เมอ่ื วสั ดผุ สมช้ันสดุ ทา้ ยแห้งแล้วใหถ้ อดชิ้นงานออกจากแม่พิมพ์ 4.2 นา้ ชน้ิ งานเกา้ อ้ีวสั ดุผสมมลู ชา้ งเข้าตู้อบแหง้ ไฟฟา้ ขนาด 800 วัตต์ ท่อี ุณหภมู ิ 75 oC เป็นเวลา 3 ชว่ั โมง เพ่อื ใหช้ ้นิ งานแหง้ สนทิ
34 ตารางที่ 4 แสดงขน้ั ตอนการผลิตเกา้ อี้จากวสั ดผุ สมจากมลู ช้าง โดยการอัดข้นึ รปู ช้นิ งานวสั ดผุ สมระหวา่ ง วัสดุหลกั กบั วัสดุเสรมิ แรงมลู ชา้ งลงในแมพ่ มิ พ์ (ตอ่ ) 4.3 ใชเ้ ล่ือยจกิ๊ ซอไฟฟ้าตดั ขอบชิ้นงานเก้าอี้ใหเ้ รยี บรอ้ ย 4.4 นา้ ชิ้นงานเก้าอี้เคลอื บด้วยยูรเี ทนและตากใหแ้ หง้
35 ขน้ั ตอนการผลติ เกา้ อี้จากวสั ดุผสมมูลช้าง เตรยี มแมพ่ ิมพ์ เตรียมวสั ดหุ ลักและวัสดเุ สรมิ แรง ทา้ ความสะอาดภายในแมพ่ ิมพ์ นา้ เยอื่ มลู ชา้ งผสมกบั น้าสะอาด กาวลาเทก็ ซ์ และ แมพ่ ิมพ์ ปูนปลาสเตอร์ ผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ป็นเน้อื เดียวกนั น้าวสั ดผุ สมอัดลงในแม่พมิ พท์ ี่เตรยี มไว้ใหไ้ ด้ความหนา 0.50 ซม. และน้าแม่พมิ พ์เขา้ ตอู้ บแหง้ ทีอ่ ุณหภมู ิ 75 oC เปน็ เวลา 24 ชั่วโมง วางตาข่ายพลาสติกให้แนบกับพื้นผิววสั ดุผสมชน้ั ท่ี 1 น้าวัสดุผสมอดั ลงแม่พิมพ์ให้ ได้ความหนาของวัสดผุ สม 0.50 ซม. ให้ทว่ั พ้ืนทข่ี องตาข่ายพลาสติก น้าแม่พมิ พ์เข้าตอู้ บแหง้ ทีอ่ ณุ หภมู ิ 75 oC เปน็ เวลา 20 ชว่ั โมง วางตาข่ายพลาสติกให้แนบกบั พ้ืนผวิ วสั ดผุ สมชน้ั ที่ 2 นา้ วสั ดผุ สมอัดลงแม่พมิ พ์ให้ ได้ความหนาของวสั ดผุ สม 0.50 ซม. ให้ทว่ั พืน้ ทขี่ องตาขา่ ยพลาสติก น้าแมพ่ มิ พเ์ ข้าตู้อบแหง้ ทีอ่ ณุ หภมู ิ 75 oC เป็นเวลา 20 ช่วั โมง วางตาขา่ ยพลาสติกใหแ้ นบกบั พ้ืนผวิ วัสดผุ สมช้ันที่ 3 น้าวัสดุผสมอัดลงแม่พิมพ์ให้ ไดค้ วามหนาของวัสดผุ สม 0.50 ซม. ใหท้ วั่ พน้ื ทข่ี องตาข่ายพลาสตกิ น้าแมพ่ มิ พเ์ ขา้ ตู้อบแห้งทอ่ี ุณหภูมิ 75 oC เป็นเวลา 20 ชว่ั โมง ถอดชน้ิ งานออกจากแมพ่ ิมพ์ และนา้ เข้าตู้อบแห้งทอี่ ณุ หภูมิ 75 oC เปน็ เวลา 3 ชว่ั โมง เพ่อื ใหช้ ิ้นงานแหง้ สนิทและได้ช้นิ งานท่จี ะนา้ ไปตกแต่งเคลือบผวิ ต่อไป ภาพท่ี 15 แสดงแผนภูมิข้นั ตอนการผลติ เกา้ อ้ีจากวัสดผุ สมมลู ช้าง
36 จากการทดลองการผลิตเก้าอี้จากวัสดุผสมมูลช้าง โดยการอัดข้ึนรูปช้ินงานวัสดุผสมระหว่างวัสดุ หลักกับวัสดุเสริมแรงมลู ชา้ งลงในแม่พมิ พ์ โดยใช้สูตรวัสดุผสมจากมูลช้าง 2.00 : 2.00 : 1.00 : 5.00 (กาว ลาเท็กซ์ : ปูนปลาสเตอร์ : เยื่อมูลช้าง : น้า) จ้าแนกผลการทดลองการผลิตเก้าอี้จากวัสดุผสมมูลช้างโดย การอดั ขึ้นรปู ชนิ้ งานได้ 5 ประเดน็ ดงั น้ี 1) ข้นั ตอนการผสมวัสดุผสมมลู ช้าง ไดแ้ ก่ เยื่อมลู ชา้ ง กาวลาเท็กซ์ ปนู ปลาสเตอร์และน้าสะอาด จะตอ้ งผสมคลกุ เคล้าใหท้ ั่วเปน็ เน้ือเดียวกนั เพื่อทเี่ นื้อวสั ดผุ สมจะไดม้ ีคณุ สมบัติทางด้านกายภาพและสสี นั เหมอื นกันทัว่ ทงั้ ช้ินงาน 2) ข้ันตอนการน้าวัสดุผสมอัดลงในแม่พิมพ์จะต้องให้เนื้อวัสดุผสมที่อัดลงในแม่พิมพ์แนบสนิทกับ พ้ืนผิวของแม่พิมพ์ มีความหนาสม่้าเสมอทั่วท้ังพ้ืนผิวของแม่พิมพ์ เพื่อท่ีจะได้ช้ินงานท่ีมีพื้นผิวเรียบ แข็งแรงไมเ่ ป็นฟองอากาศ 3) ขัน้ ตอนการวางตาข่ายพลาสติกเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับชิ้นงานจะต้องให้ตาข่ายแนบสนิท กับพ้ืนผิวของวสั ดผุ สม 4) ความหนาของวสั ดุผสมแตล่ ะชั้นจะต้องอดั ให้มคี วามหนาตามทีก่ า้ หนดไว้ 0.50 ซม. ไม่ควรหนา เกนิ ไปเพราะจะทา้ ให้ระยะเวลาในการแหง้ ของวัสดุผสมมากและมีน้าหนักมาก 5) ข้ันตอนการถอดชนิ้ งานวัสดผุ สมออกจากแม่พิมพ์จะต้องแน่ใจว่าเน้ือวัสดุผสมทั่วท้ังช้ินงานแห้ง สนทิ ดแี ล้ว เพราะถ้าแห้งไม่สนิทจะท้าใหช้ ้ินงานเสยี หายขณะถอดชน้ิ งานออกจากแม่พมิ พ์ 1.2 ผลการทดสอบความแขง็ แรงของเก้าอ้ีวัสดุผสมมูลชา้ ง น้าตัวอย่างช้ินงานเก้าอ้ีวัสดุผสมมูลช้างและเก้าอ้ีพลาสติกไปทดสอบท่ีภาควิชาโยธา คณะ วิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ การทดสอบความสามารถในการรับแรงกด (Compression) ของ ชิ้นงานจนเกิดการวิบัติ ด้วยเครื่องทดสอบ Baldwin UTM Cap:100Tf SN:200HVL-1034 Div:1kgf ท่ี อุณหภูมิขณะทดสอบ 25 oC และใชส้ มการปรับแกแ้ รงกด y = 1.0428x – 67.10 การเตรยี มตวั อย่างชิ้นงานเก้าอ้ีวัสดุผสมมูลช้าง C1, C2, C3 ความกว้าง 413 มม. ความยาว 406 มม. ความสูง 460 มม. จ้านวน 3 ตัวอย่าง และเก้าอี้พลาสติก C4 จ้านวน 1 ตัวอย่าง ซ่ึงมีผลการทดสอบ ดงั แสดงในตารางที่ 5
37 ตารางที่ 5 แสดงผลการทดสอบความสามารถในการรบั แรงกด (Compression) ของชิ้นงานเกา้ อี้วัสดุ ผสมมลู ชา้ ง C1, C2, C3 และเก้าอ้พี ลาสติก C4 ผลการทดสอบความสามารถในการรับแรงกด (Compression) ตวั อย่างชิ้นงานเก้าอี้ คา่ แรงกดสงู สุดจนเกดิ การวิบตั ขิ องตวั อยา่ งชิ้นงาน (กิโลกรมั ) C 1 (วัสดผุ สมมลู ชา้ ง) 673.29 C 2 (วัสดุผสมมลู ชา้ ง) 537.72 C 3 (วสั ดผุ สมมลู ช้าง) 600.29 คา่ แรงกดสงู สดุ เฉล่ียของเก้าอวี้ สั ดุผสมมลู ชา้ ง 603.77 C 4 (วสั ดพุ ลาสติก) 569.01 ชิน้ งานเกา้ อวี้ ัสดุผสมมลู ช้างและเก้าอี้พลาสตกิ กอ่ นและหลงั การทดสอบความสามารถในการรับแรงกด เกา้ อวี้ ัสดผุ สมมลู ชา้ ง C1 เก้าอวี้ สั ดุผสมมลู ชา้ ง C2 กอ่ นการทดสอบ หลังการทดสอบ กอ่ นการทดสอบ หลังการทดสอบ เก้าอวี้ สั ดุผสมมลู ชา้ ง C3 เก้าอพ้ี ลาสติก C4 ก่อนการทดสอบ หลังการทดสอบ กอ่ นการทดสอบ หลังการทดสอบ จากตารางท่ี 5 พบวา่ ผลการทดสอบความสามารถในการรับแรงกดของตัวอย่างชิ้นงานเก้าอ้ีวัสดุ ผสมมูลช้าง C1 รับแรงกดสูงสุดจนเกิดการวิบัติ 673.29 กิโลกรัม C2 รับแรงกดสูงสุดจนเกิดการวิบัติ 537.72 กิโลกรัม และ C3 รับแรงกดสูงสุดจนเกิดการวิบัติ 600.29 กิโลกรัม ได้ค่าเฉลี่ยแรงกดสูงสุดของ ตัวอยา่ งชนิ้ งานเกา้ อ้ีวสั ดผุ สมมลู ชา้ งทง้ั 3 ตวั อย่าง 603.77 กิโลกรมั ส่วนตวั อย่างชิ้นงานเก้าอ้ีพลาสติก C4 รบั แรงกดสูงสุดจนเกดิ การวิบตั ิ 569.01 กโิ ลกรัม
38 จากผลการทดสอบความสามารถในการรับแรงกดสูงสุดจนเกิดการวิบัติ ชิ้นงานเก้าอ้ีวัสดุผสมมูล ชา้ งสามารถรับแรงกดสงู สุดได้มากกว่าช้นิ งานเก้าอี้พลาสตกิ 1.3 การประมาณราคาตน้ ทนุ วัสดุในการผลติ ช้นิ งานเกา้ อ้ีวัสดุผสมมูลชา้ ง เป็นการประมาณราคาตน้ ทุนวสั ดุในการผลิตช้นิ งานเกา้ อว้ี ัสดุผสมมูลช้างต้ังแตข่ ั้นตอนการท้า ความสะอาดมูลช้างจนถงึ ขั้นตอนการผลิตช้ินงานวสั ดผุ สมมลู ชา้ ง ดงั แสดงในตารางท่ี 6 ตารางท่ี 6 แสดงการประมาณราคาต้นทุนวสั ดุในการผลติ ชิ้นงานเก้าอวี้ สั ดุผสมมูลชา้ ง ชิน้ งานเก้าอวี้ ัสดุผสมมูลช้าง ส่วนผสมวัสดหุ ลกั (Matrix) และ วสั ดุเสริมแรง ขนาดชิ้นงานเกา้ อ้ีวสั ดผุ สม สตู ร (Reinfocement มลู ชา้ ง 413 x 406 x 460 วัสดุ สัดสว่ นโดย วสั ดุหลกั วสั ดุ ตาขา่ ย นา้ เข้าตู้อบแห้ง (มม.) ผสม น้าหนักวัสดุ เสรมิ แรง พลาสตกิ ขนาด800 วัตต์ กาวลา ปนู ปลาส เสริม (กรัม) เทก็ ซ์ เตอร์ เยอื่ จา้ นวน ทีอ่ ณุ หภมู ิ มลู ชา้ ง 3 ชนั้ 75 oC (ชั่วโมง) (ตร.ม.) สูตร สัดส่วน 2 2 1 0.94 83 กรัม 2,000 2,000 1,000 การประมาณราคาต้นทุนวสั ดใุ นการผลิตชิ้นงานเกา้ อวี้ ัสดุผสมมลู ช้าง สตู ร เยอ่ื มูลชา้ ง กาวลาเท็กซ์ ปนู ปลาสเตอร์ ตาขา่ ย ค่าไฟฟา้ ตู้อบแห้ง ราคาตน้ ทนุ ชนิ้ งาน วัสดผุ สม วัสดุ 1,000 กรัม 1,000 กรัม 1,000 กรมั พลาสติก (ก้าลังไฟฟ้า/1,000x ผสม = = = 1 ตารางเมตร จ้านวนชม.= คา่ ไฟตอ่ (บาท) = หนว่ ย) 50 บาท 30 บาท 6 บาท 25 บาท (บาท) สตู ร 50/1,000 x 30/1,000 x 6/1,000 x 25/1 x 800/1,000 x 83 x 3 344.70 1,000 = 50 2,000 = 60 2,000 = 12 0.94 = 23.50 = 199.20 จากตารางที่ 6 พบว่า ช้ินงานเก้าอวี้ ัสดผุ สมมูลชา้ ง ใช้เยอื่ มูลชา้ ง 1,000 กรัม เปน็ จ้านวนเงิน 50 บาท : กาวลาเท็กซ์ 2,000 กรัม เป็นจ้านวนเงนิ 60 บาท : ปูนปลาสเตอร์ 2,000 กรัม เปน็ จา้ นวนเงนิ 0.12 บาท : ตาขา่ ยพลาสตกิ 0.94 ตารางเมตร เปน็ จา้ นวนเงนิ 23.50 บาท : คา่ ไฟฟา้ เป็นจา้ นวนเงนิ 199.20 บาท รวมราคาตน้ ทุนวสั ดใุ นการผลิตชิ้นงานเก้อ้ีวัสดุผสมมูลช้าง ขนาด 413 x 406 x 460 มลิ ลิเมตร เปน็ เงนิ 344.70 บาท สรุปผลการทดลองผลิตเก้าอี้จากวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับวัสดุเสริมแรง (Reinfocement) จากมูลช้าง สูตรวัสดุผสมระหว่างวัสดุหลัก (Matrix) กับวัสดุเสริมแรง (Reinfocement) จากมูลช้าง ท่ีจะน้ามาใช้ในการออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบเก้าอ้ีพักผ่อนจาก วัสดผุ สมมลู ช้างตอ่ ไป ดงั แสดงในตาราง 7
ตารางที่ 7 แสดงสรปุ ผลการทดลองการผลติ เก้าอี้วัสดผุ สมมูลช้าง สูตร สว่ นผสมวัสดหุ ลัก (Matrix) และ วสั ดเุ สรมิ แรง น้าเขา้ ต อบแห้งท วสั ดุ (Reinfocement) อดั วัสดุผสมและ อณุ หภูม เสริมตาข่าย 75 oC ผสม สดั สว่ นโดย วสั ดุหลัก วสั ดุ พลาสตกิ จ้านวน (ช่วั โมง น้าหนักวัสดุ เสริมแรง น้า 3 ชั้น ลงใน แมพ่ มิ พ์ 83 (กรัม) กาวลา ปนู ปลาส เยื่อ เท็กซ์ เตอร์ มูลชา้ ง สตู ร สดั ส่วน 2 2 1 5 กรัม 2,000 2,000 1,000 5,000 จากตารางท่ี 7 สูตรวัสดุผสมมูลช้าง สัดส่วนโดยน้าหนัก (กรัม) 2 : 2 : 1 : 5 กรัม : น้า 5,000 กรมั ) เสริมตาข่ายพลาสติก จ้านวน 3 ชั้น น้าเข้าตู้อบแห้งที่อุณหภูม กวา้ ง 413 มม. ความยาว 406 มม. ความสงู 460 มม. มีการหดตัว 0.647 % สามารถ วัสดุในการผลติ ช้นิ งานวสั ดผุ สม 344.70 บาท
ตู้ ขนาดชิ้นงาน การหดตัว ค่าแรงกด ต้นทนุ วัสดุใน ท่ี น้าหนัก 413 x 406 x 460 (มม.) ของชิ้นงาน สูงสุดจนเกดิ การผลติ มิ ช้นิ งาน วัสดผุ สม การวบิ ัตขิ อง ช้ินงานวัสดุ ผสม ง) (กรมั ) ช้ินงาน 4,100 (%) (กิโลกรัม) (บาท) 0.647 % 603.77 344.70 5 (กาวลาเท็กซ์ 2,000 กรัม : ปูนปลาสเตอร์ 2,000 กรัม : เย่ือมูลช้าง 1,000 มิ 75 oC เป็นเวลา 83 ช่ัวโมง น้าหนักช้ินงาน 4,100 กรัม ขนาดช้ินงานความ ถรับแรงกดสูงสดุ จนเกิดการวบิ ัติของชน้ิ งาน 603.77 กโิ ลกรัม และราคาต้นทุน 39
40 2. การออกแบบเกา้ อี้พักผอ่ นจากวสั ดุผสมมูลช้าง ผู้วิจัยได้ก้าหนดแนวความคิดในการออกแบบร่างเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสมมูลช้าง โดยใช้ กรอบแนวคิดดา้ นปจั จัยภายในท่ีมีผลต่อการออกแบบ ของ นวลน้อย บุญวงษ์ ได้กล่าวว่า ปัจจัยจาก ภายในงานออกแบบ เป็นปัจจัยเบ้ืองต้นท้าหน้าท่ีก้าหนดและให้ขอบเขตแก่งานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็น งาน 2 และ 3 มิติประเภทใดๆ ก็ตามโดยงานออกแบบน้ันเกิดขึ้นจากการน้าวัสดุชนิดต่างๆ มาผ่าน กรรมวิธีการข้ึนรูปท่ีเหมาะสมและเป็นไปได้จริงในเวลาน้ันเพ่ือเกิดเป็นรูปทรงใหม่ ซึ่งสามารถสนอง ประโยชน์ตามหน้าท่ีใช้สอยได้เป็นอย่างดี ปัจจัยจากภายในทั้ง 3 ประการ คือ วัสดุและกรรมวิธีการ ผลิต ประโยชน์ใชส้ อย และรปู ทรง ซึ่งมีรายละเอยี ดดงั น้ี 3.1 ศึกษาลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุผสมมูลช้างและกรรมวิธีการข้ึนรูปชิ้นงานเก้าอี้โดย การใช้วสั ดุผสมมูลช้างน้ามาอัดขน้ึ รูปในแม่พมิ พ์ 3.2 ศึกษาขนาดสัดส่วนทางด้านการยศาสตร์ และขนาดเก้าอพ้ี ักผ่อนทเ่ี หมาะสมต่อการใช้งาน 3.3 ศึกษารปู ทรงและทา่ ทางของช้าง ซึง่ เปน็ สตั ว์ใหญใ่ นพ้นื ถิ่นของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ในพ้ืนที่ การท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติ ประกอบกับการน้าวัสดุมูลช้างที่มีจ้านวนมากน้ามาใช้เป็นวัสดุในการผลิต ได้แก่ ปางช้างต่างๆ ที่น้าช้างมาแสดงและจัดกิจกรรมให้กับนักท่องเท่ียวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยการใช้รปู ทรง ทา่ ทาง ของช้างมาใช้เปน็ เนอ้ื หาประกอบการออกแบบรา่ งเกา้ อี้พักผ่อน ตารางที่ 8 แสดงแนวความคิดและกระดานแรงบันดาลใจในการออกแบบเก้าอี้พักผ่อนจากวัสดุผสม มลู ชา้ ง งานวจิ ัย : การออกแบบและทดลองผลิตเกา้ อี้พกั ผอ่ นจากวสั ดุผสมมูลชา้ ง แนวความคดิ (Concept) แรงบันดาลใจในการออกแบบเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุผสมมูลแรงบันดาลใจในการออกแบบเก้าอ้ีพักผ่อนจากวัสดุ ผสมมลู ชา้ ง ไดจ้ ากรปู ทรงและท่าทางของชา้ ง ซ่ึงเป็นสตั ว์ใหญ่ในพื้นถิ่นของจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบกับการน้าวัสดุ มูลช้างที่มีจ้านวนมากน้ามาใช้เป็นวัสดุในการผลิต ซ่ึงได้จากปางช้างต่างๆ ที่น้าช้างมาแสดงและจัดกิจกรรมการ ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยการใช้รูปทรง ท่าทางของช้างน้ามาเป็น เน้ือหาประกอบการออกแบบและพัฒนาแบบร่างเก้าอพี้ ักผอ่ น กระดานแรงบันดาลใจ (Mood Board)
Search