การพฒั นาทกั ษะการวจิ ยั ใหช้ มุ ชนด้วยกระบวนการวจิ ัย เชงิ ปฏิบตั ิการแบบมีส่วนรว่ ม Research Skills Development at Community Level Utilized Participatory Action Research Approach อรอุมา ซองรมั ย์1* กนกวรรณ เอื้อเจรญิ 2 นภาพร ศิริพลู 3 Onuma Zongrum1* Kanokwan Uacharoen2 Napaporn Siripool3 1*นกั วิจัย วิทยาลัยวทิ ยาศาสตร์สาธารณสขุ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . 2อาจารย์ วิทยาลยั การสาธารณสขุ สิรนิ ธร จังหวดั ชลบรุ .ี 3ผชู้ ว่ ยนกั วจิ ัย วิทยาลัยวทิ ยาศาสตรส์ าธารณสขุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . 1*Researcher, College of Public Health Sciences, Chulalongkorn University. 2Lecturer, Sirindhorn College of Public Health Chonburi. 3Research Assistant, College of Public Health Sciences, Chulalongkorn University. E-mail : [email protected], เบอรโ์ ทรศัพท์ 02 218 8205, 02 218 8149 บทคัดยอ่ การวจิ ัยเชิงปฏบิ ัตกิ ารนม้ี ีวตั ถุประสงค์เพอ่ื พัฒนาทกั ษะการวจิ ยั ให้ชมุ ชนด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ แบบมสี ่วนรว่ ม โดยการสารวจทุนทางสงั คมของ 4 ชมุ ชนจาก 3 ตาบล คือ ต.ตาลเด่ียว ต.ห้วยแหง้ และ ต.ชาผกั แพว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพ่ือค้นหากลุ่มเป้าหมายที่จะพฒั นาเป็นนักวจิ ัยชุมชน ได้กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจานวน 56 คน ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ โดยระยะที่ 1 กลุ่มเป้าหมายได้รับการอบรมทักษะการวิจยั ท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏบิ ตั ิ ได้ดาเนนิ การสารวจความตอ้ งการและปัญหาของชุมชนตนเอง และได้นาผลการสารวจไปพัฒนาขอ้ เสนอโครงการวิจัย ของแต่ละชุมชน ระยะท่ี 2 กลุ่มเป้าหมายได้มีการดาเนินโครงการวิจัยที่ได้พัฒนาในระยะท่ี 1 ส่วนในระยะที่ 3 กลมุ่ เปา้ หมายได้มีการฝึกทกั ษะการวิจัยอย่างต่อเนื่องโดยมกี ารพฒั นาข้อเสนอโครงการวิจยั ตอ่ ยอดจากโครงการวิจัย เดิม มีการดาเนินโครงการวิจัย และมีการสร้างเครอื ข่ายนกั วจิ ยั ชมุ ชน ผลการวิจยั จากการสนทนากลุ่มและการสังเกต อย่างมีส่วนร่วมพบว่า กลุ่มเป้าหมายมีทักษะการวิจยั ในการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย การสร้างเครื่องมือ การเก็บ ข้อมลู การวิเคราะห์ขอ้ มูล การเขียนรายงานวจิ ยั และการทางานเปน็ ทมี ซึง่ สามารถดาเนนิ โครงการวิจยั ที่ตอบสนอง ความต้องการและแก้ปัญหาของชุมชนได้ ตลอดจนมีการนาใช้ทุนทางสังคม และมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหว่าง เครอื ข่ายนักวิจัยชมุ ชน ดงั นั้นจากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาทักษะการวิจัยให้ชุมชนด้วยกระบวนการวิจัย เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเป็นเคร่ืองมือในการพัฒนาศักยภาพคน ซ่ึงจะเป็นส่วนสาคัญในการเสริมสร้างชุมชน เขม้ แข็งอยา่ งยงั่ ยืนตอ่ ไป คาสาคญั การพฒั นาทักษะการวจิ ยั การวจิ ัยเชิงปฏบิ ตั ิการ การมสี ว่ นร่วม ชุมชน ABSTRACT The objective of this operational research was to develop research skills at community level utilized participatory action research approach. Social capital of 4 communities in 3 sub- districts, Taldiew sub- district, Huai Haeng sub- district, Cham Phak Phaeo sub- district, Kaeng Khoi district, Saraburi province were surveyed for seeking of research subjects. A total of 5 6 subjects were voluntary participation to this research project. The first phase, the subjects were trained on research skills of both theory and practice. After that, needs and problems of their own communities were วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 43 ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
surveyed before developing of research proposal of each community. The second phase, each research project of 4 communities were conducted by trained subjects of each community. The third phase, research skills of subjects were continuing practiced by action on research proposal development, conducting research project and building a community researchers network. The finding based on the focus group and participant observation revealed that the subjects had been developed on their research skills for research proposal preparation, research tools development, data collection and analysis, research report writing and team working. The developed projected of all communities were conducted and can be responded to needs and problems solving of communities. Social capital in each community was utilized. Sharing knowledges and experiences across network of community researchers were also observed. Therefore, the research skills development at community level utilized participatory action research approach was a tool for capacity building of human resource which is important for sustainable community strengthening. Keywords Research skill development, Action research, Participation, Community บทนา โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ ทาให้คนในชุมชนสามารถ กลยุทธ์ท่ีสาคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง วิเคราะห์ปัญหาของชุมชนและทาการพัฒนาต่อไปได้ เกิดความสามารถในการวิเคราะห์ระบบข้อมูล แต่ต้อง ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน คือ การพัฒนาศักยภาพของชุมชน อาศัยการพฒั นาให้คนในชุมชนรู้จักการทาวจิ ัย เปน็ การ องค์ประกอบสาคัญย่ิงของศกั ยภาพของชุมชนท่ีนามาใช้ สร้างทีมวิจัยทอ้ งถนิ่ หรือนกั วิจัยชมุ ชนขึ้นมา ซงึ่ จะเป็น ขับเคล่ือนองค์ประกอบภายในชุมชน คือ“คน” ซึ่งถือ กาลังสาคญั ในการเสริมสรา้ งชุมชนเขม้ แขง็ ตอ่ ไป เป็นทุนทางสังคม ดังน้ันการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้กับชุมชนจึงต้องทาผ่านกระบวนการเสริมศักยภาพ กระบวนการของการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมี ของชุมชนและเสริมพลังทุนทางสังคม เพื่อให้ทุนทาง ส่วนร่วมมีหลากหลายรูปแบบตามแนวคิดของนักวิจัย สังคมสามารถจัดการโครงสร้างต่าง ๆ ของชุมชนให้เออ้ื โดยเน้นกระบวนการท่ีสอดคล้องกับประเด็นปัญหาที่ ต่อวิถีการดาเนินชีวิตของคนในชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สนใจ ซ่ึงประกอบด้วยกิจกรรมการวิจัยที่สาคัญ 5 สังคม การเมืองการปกครอง สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ขั้นตอน ประกอบด้วย 1.การจัดการประสบการณอ์ ยา่ ง พร้อมทั้งใชอ้ งค์ประกอบอ่ืนของทุนทางสังคมของชุมชน เ ป็ น ร ะ บ บ ( Systematizing experience) 2 . ก า ร ร่วมด้วย ดังนั้นความเป็นไปได้ในการเสริมสร้างความ วิเคราะห์โดยการมีส่วนร่วมและการจัดการแก้ปัญหา เข้มแข็งให้กับชุมชนจึงต้องข้ึนอยู่กับความสามารถใน ( Collectively analyzing and problematizing) การค้นหาทุนทางสังคมและศักยภาพของชุมชนในพนื้ ที่ 3.การสะทอ้ นกลับและการเลือกปฏบิ ัติ (Reflecting on และสร้างโอกาสในการนาใช้ทุนทางสงั คมและศักยภาพ and choosing action) 4.การดาเนินการและการ ของชุมชนนั้นใหก้ อ่ ประโยชน์ได้ (ขนษิ ฐา นนั ทบุตร และ ประเมินผลการปฏิบัติการ (Taking and evaluating คณะ, 2556) ซง่ึ เคร่ืองมือทางวิชาการที่สาคญั อันหน่ึงท่ี action) 5. การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ (Systematizing สามารถนามาใช้ในการเสริมศักยภาพของชุมชนและ learning) (สัญญา ยือราน และ ศิวิไลซ์ วนรัตน์วิจิตร, เสริมพลังทุนทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ 2561) โดยขั้นตอนดังกล่าวได้นามาปรับใช้ในการสร้าง กระบวนการวิจัย โดยเฉพาะกระบวนการวิจัยเชิง นกั วจิ ัยชมุ ชนในครัง้ น้ี ปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (สุภางค์ จันทวานิช, 2547) ที่จะช่วยทาให้ชุมชนได้มีสว่ นร่วมในการวิจัยทุกข้ันตอน ปัจจุบันพื้นที่ 3 ตาบล ได้แก่ ต.ตาลเดี่ยว ต้ังแต่ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทา ร่วมตรวจสอบและ ต.ห้วยแห้ง และ ต.ชาผักแพว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซ่ึง ร่วมรับประโยชน์ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนรู้ของ เป็นชุมชนโดยรอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็น ชุมชน โดยยึดคนในชุมชนเป็นศูนย์กลางและแก้ปัญหา พ้ืนทเ่ี ปา้ หมายในการถ่ายทอดองค์ความรแู้ ละเทคโนโลยี จากประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสู่ชุมชน และ 44 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ส่งเสริมให้ส่วนงานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสร้าง ประชาชนท่ัวไป แกนนากลุ่ม องค์กร หน่วยงาน และ ความสัมพันธ์กับชุมชน โดยการขับเคลื่อนผ่านการ หมู่บ้าน เพื่อร่วมค้นหาบุคคลที่เป็นคนเก่ง คนดี คน ด า เ นิ น โ ค ร ง ก า ร ย่ อ ย ภ า ย ใ ต้ โ ค ร ง ก า ร ส ร ะ บุ รี ชุ ม ช น สาคัญ รวมทั้งข้อมูลโครงสร้างพ้ืนฐานทางกายภาพและ เข้มแข็งและ CU community engagement ทาให้ โครงสร้างทางสังคมที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา แก้ไข พื้นที่ดังกล่าวได้รับการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่จะเป็น ปัญหา หรือยกระดับภาวะสุขภาพของคนในชุมชน โดย ส่วนสาคัญในการสร้างเสริมสุขภาพและสร้างความ ใช้แนวคาถามเพ่ือการเรียนรู้ศักยภาพและทุนทางสังคม เขม้ แข็งให้กับชุมชน จากการสารวจข้อมูลความต้องการ ของชุมชน เม่ือได้ข้อมูล “คน” ที่เป็นทุนทางสังคมของ และปัญหาของชุมชนในเบ้ืองต้นพบว่าในพื้นท่ีทั้ง 3 แต่ละชุมชน โครงการได้มีการให้ข้อมูลโครงการและ ตาบล ยังมีปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขาดแคลนน้า เชิญชวนเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจ แล้วจัด ขยะ และรายได้ เป็นต้น แต่ปัญหาดังกล่าวยังรอการ อบรมเร่ืองการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนรวมของ แกไ้ ขท่มี ปี ระสทิ ธิภาพอยู่ ซ่ึงคนในชุมชนโดยเฉพาะคนท่ี ชุมชนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ให้แก่กลุ่มคน เป็นทุนทางสังคมต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ดังกล่าว ผู้ท่ีผ่านการอบรมจะข้ึนทะเบียนเป็น “นักวิจยั ของชุมชนตนเองแต่ยังขาดความรแู้ ละทกั ษะ ดังน้ันการ ชุมชน” ของแต่ละชุมชน ต่อจากนั้นนักวิจัยชุมชนได้ วิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนาทักษะการวิจัยให้ ส า ร ว จ ค้ น ห า ปั ญ ห า แ ล ะ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง ชุ ม ช น ชุมชนด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วน ด้วยแบบสัมภาษณ์ประชาชนในชุมชนที่ได้พัฒนาข้ึนมา ร่วมในพื้นที่ ต.ตาลเด่ียว ต.ห้วยแห้ง และ ต.ชาผักแพว เพ่ือนามาเป็นข้อมูลในการกาหนดโจทย์ปัญหาวิจัยใน อ.แกง่ คอย จ.สระบุรี การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัยของแต่ละชุมชนโดย วิธกี ารดาเนนิ งาน นกั วิจยั ชมุ ชนเอง ระยะท่ี 2 ทีมนักวิจัยชุมชนของแต่ละชุมชนประชุม การศึกษาน้ีเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบ เพื่อดาเนินการปรับข้อเสนอโครงการวิจัยของแต่ละ มี ส่ ว นร่ ว ม ( จุ ฑ า ทิ พ ย์ ภั ท ร า ว า ท , 2553) โ ด ย ชุมชนทีไ่ ดพ้ ฒั นามาแล้วในระยะที่ 1 ใหม้ คี วามครบถ้วน กระบวนการวจิ ยั บางขนั้ ตอนสามารถปรับเปล่ยี นไปตาม สมบูรณ์ และร่วมวางแผนดาเนินโครงการวิจัยของแต่ สถานการณ์ ความจาเป็น หรือเง่ือนไขท่ีเหมาะสมของ ละชุมชนกับทีมนักวิจัยจากจุฬาฯ แล้วลงมือปฏิบัติใน แต่ละพื้นท่ี โดยมีการดาเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ คือ การดาเนินโครงการวจิ ัยของแต่ละชุมชน ระยะท่ี 1 (ปี พ.ศ. 2559) เป็นการเตรียมนักวิจัยชุมชน ระยะที่ 3 ทีมนักวิจัยชุมชนของแต่ละชุมชนประชุม ระยะที่ 2 (ปี พ.ศ. 2560) เป็นการดาเนินโครงการวิจัย เพ่ือดาเนินการพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยต่อยอดจาก โดยนักวิจัยชุมชน และ ระยะท่ี 3 (ปี พ.ศ. 2561) เป็น โครงการวิจัยที่ได้ดาเนินการมาแล้วในระยะท่ี 2 ให้มี การทบทวนทักษะการวิจัยและการดาเนินโครงการวิจยั ความต่อเน่ืองและยังคงตอบสนองความต้องการของ ต่อยอด กลุ่มประชากร คือประชาชนทั่วไป ผู้นาชุมชน ชุมชน และดาเนนิ โครงการวจิ ัยจนแล้วเสรจ็ หลงั จากน้นั ปราชญ์ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โครงการได้มีการจัดประชุมเครอื ข่ายนักวิจัยชุมชน จาก เจ้าหน้าท่ีหน่วยบริการสุขภาพ แกนนากลุ่ม ท่ีอยู่ ทั้ง 4 ชุมชน และไดม้ ีการประเมินผลโครงการตาม SROI ในพ้ืนที่ 3 ตาบล ได้แก่ ต.ตาลเด่ียว ต.ห้วยแห้ง (Social Return on Investment) โดยการประเมิน ต.ชาผักแพว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โดยมีการเลือกกล่มุ ผลลัพธ์และผลการตอบแทนทางสังคม (สฤณี ตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งการ อาชวานนั ทกลุ และ ภัทราพร แย้มละออ, 2560) ดาเนนิ การวิจยั ในแตล่ ะระยะมรี ายละเอียดดังน้ี ผลการดาเนนิ งาน ระยะท่ี 1 เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ เพ่ือค้นหาทุนทาง สงั คมท้ัง 4 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดับบุคคล ระดบั กลมุ่ องค์กร ก า ร พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก า ร วิ จั ย ใ ห้ ชุ ม ช น ด้ ว ย ระดับหน่วยงาน และระดับหมู่บ้าน โดยการศึกษาจาก กระบวนการวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ัติการแบบมสี ่วนร่วม มีด้วยกัน เอกสาร การสังเกต และการพดู คยุ หรอื สมั ภาษณ์กับผู้ให้ 3 ระยะ ซึง่ มีผลการศึกษาดังตอ่ ไปน้ี ข้อมูล ได้แก่ ผู้นาชุมชน ปราชญ์ เจ้าหน้าที่องค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน เจ้าหน้าที่หน่วยบริการสุขภาพ วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 45 ปีท่ี 3 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
ระยะท่ี 1 การเตรียมนกั วิจัยชุมชน จานวน 15 คน 2. ม.1 ต.ห้วยแห้ง จานวน 15 คน การศึกษานี้ได้ดาเนินการในพื้นที่ 3 ตาบล 4 3. ม.3 ต.ชาผกั แพว จานวน 13 คน 4. ม.7 ต.ชาผกั แพว จานวน 13 คน) ดงั แสดงในตารางที่ 2 หมูบ่ ้าน ได้แก่ 1) ม.8 (ชุมชนบ้านตาลเดย่ี ว) ต.ตาลเดยี่ ว 2) ม.1 ต.ห้วยแห้ง (ชุมชนบ้านเหล่าครัว) และ เม่ือทั้ง 4 ชุมชน ได้สร้างทีมนักวิจัยชุมชนท่ี 3) ม.3 (ชุมชนบ้านชาผักแพว) และ ม.7 (ชุมชนบ้าน ผ่านการอบรมเรียบร้อยแล้ว ทีมนักวิจัยชุมชนดังกล่าว รังแร้ง) ต.ชาผักแพว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ในระยะน้ีได้ ไดท้ าการสารวจความตอ้ งการและปัญหาของชุมชน โดย ทาการสารวจศักยภาพและทุนทางสังคมของชุมชนทั้ง การใช้แบบสัมภาษณ์ประชาชนในชุมชนที่พัฒนาโดย 4 ชุมชน โดยการศึกษาจากเอกสาร การสังเกต และ นักวิจัยชุมชนเอง ก่อนที่จะกาหนดโจทย์วิจยั เพอ่ื พัฒนา การสัมภาษณ์ในประเด็นท่ีสาคัญ ดังนี้ 1.บุคคลที่ เป็นขอ้ เสนอโครงการวิจัยตอ่ ไป ชาวบ้านให้ความเคารพนบั ถือ 2.บุคคลทม่ี ลี ักษณะความ เป็นผู้นา 3.บุคคลท่ีเป็นคนเก่ง คนที่มีความรู้ มีความ ผลการสารวจปัญหาและความต้องการของ เช่ียวชาญในด้านต่าง ๆ 4.บุคคลท่ีอาสาสมัครในการ ชุมชน ม.8 ต.ตาลเด่ียว โดยสารวจจากประชาชนใน พัฒนาชุมชน 5.บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาเป็นนักวิจัย พื้นที่ จานวน 53 ราย พบว่าปัญหาของชุมชน ได้แก่ ชุมชน 6.หน่วยงานท่ีช่วยสนับสนุนการพัฒนาชุมชน ปัญหาด้านสภาพสิ่งแวดล้อม ปัญหาด้านรายได้และ 7.สถานที่ท่ีเป็นแหล่งประโยชน์ในชุมชนท่ีสนับสนุนการ หนี้สิน ปัญหาด้านอาชีพและการทางาน ส่วนความ ทางานของชุมชน และ 8.การรวมกลุ่มหรือชมรมต่าง ๆ ต้องการของชมุ ชน ไดแ้ ก่ การแกป้ ัญหาสิง่ แวดลอ้ ม การ ในชุมชน ผลการสารวจพบว่าชมุ ชนท้งั 4 แห่ง มีทุนทาง ฝึกอบรมอาชีพ/การสร้างอาชีพในชุมชน และการสร้าง สังคม ทั้งคน หน่วยงาน สถานที่ และการรวมกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ของชุมชน จึงนาไปสู่การตัดสินใจของชุมชน ดงั แสดงในตารางท่ี 1 ในการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย เร่ือง “การส่งเสริม การมีส่วนร่วมของชุมชนในการคัดแยกขยะที่ต้นทาง: จากผลการสารวจและค้นหาทุนทางสังคมของ กรณศี กึ ษา ม.8 ต.ตาลเด่ยี ว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี” ชุมชนท้ัง 4 ชุมชน จะได้ทุนทางสังคม คือ “คน” ท่ีเป็น องค์ประกอบที่สาคัญของศักยภาพชุมชนท่ีนามาใช้ ผลการสารวจปัญหาและความต้องการของ ขับเคล่ือนองค์ประกอบภายในชุมชน ซึ่งจะมีท้ังคนเก่ง ชุมชน ม.1 ต.ห้วยแห้ง สารวจจากประชาชนในพ้ืนท่ี คนทีเ่ ชี่ยวชาญ คนทีช่ ่วยเหลือเกอ้ื กลู คนอื่น คนท่ีคนอ่ืน จานวน 100 ราย พบว่าปัญหาของชุมชนเหมือนกันกับ ให้ความเคารพนับถือ คนที่เป็นผู้นา คนที่รวมกลุ่มทาง ม.8 ต.ตาลเด่ียว ส่วนความต้องการของชุมชน ได้แก่ สังคม เช่น กลุ่มอาชีพ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มอาสาสมัคร การแก้ปัญหาส่งิ แวดล้อม สุขภาพ การดูแลผ้สู งู อายุ แต่ กลุ่มออมทรัพย์ เป็นต้น โดยทุนทางสังคมดังกล่าวจะ เม่ือทีมนักวิจัยชุมชนและคณะกรรมการหมู่บ้านได้ เป็นกลุ่มเป้าหมายในการพฒั นาทักษะการวจิ ยั ได้มีการ ประชุมปรึกษาหารือกัน ได้ตัดสินใจจะทาวิจัยเพื่อ ประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย เก่ียวกับโครงการฯ ให้ แก้ปัญหาในด้านรายได้และหนี้สิน รวมทั้งด้านอาชีพ ชุมชนรับทราบ พร้อมทั้งการเข้าไปพูดคุยช้ีแจง แก่ และการทางาน ส่วนปัญหาด้านสภาพแวดล้อม ทาง บุคคลที่ได้จากการสารวจค้นหาทุนทางสังคม เพื่อ ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดาเนินการ เชิญชวนเขา้ ร่วมโครงการด้วยความสมัครใจ เมอื่ ได้กลุ่ม ปรับปรุงแก้ไขมาอย่างต่อเน่ือง แต่ปัญหาในด้านรายได้ ผูท้ ่สี นใจเขา้ ร่วมโครงการแล้ว จึงได้จดั อบรม เรื่อง “การ และหนี้สิน รวมท้ังด้านอาชีพและการทางานเรื่องของ วิ จั ย เ ชิ ง ป ฏิ บั ติ ก า ร แ บ บ มี ส่ ว น ร ว ม ข อ ง ชุ ม ช น ท้ั ง ชุมชนยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม จึง ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ” มีผู้เข้าอบรมท้ังส้ิน จานวน นาไปสู่การตัดสินใจของชุมชนในการเขียนข้อเสนอ 69 คน ผู้ท่ีผา่ นการอบรม จะได้รับการคดั เลือกเพ่อื สร้าง โครงการวจิ ัย เรื่อง “การพัฒนาอาชพี เสรมิ ให้ชุมชนเพ่ือ ทีมนักวิจัยในชุมชน โดยทีมนักวิจัยชุมชนของท้ัง พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในชุมชน: กรณีศึกษา ม.1 4 ชุมชน มีจานวนทั้งสิ้น 56 คน (1. ม.8 ต.ตาลเดี่ยว ต.หว้ ยแห้ง อ.แกง่ คอย จ.สระบรุ ี” 46 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ตารางที่ 1 ผลการสารวจทุนทางสงั คมของชมุ ชน ชมุ ชน ทนุ ทางสังคม ม.8 ต.ตาลเดย่ี ว คน: ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ (5 คน) มีความเป็นผู้นา (4 คน) คนเก่ง คนมีความรู้ (6 คน) จิตอาสา (8 คน) หน่วยงาน: องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบล (อบต.) โรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพตาบล โรงพยาบาล โรงเรียน บรษิ ทั เอกชน สถานท:่ี ศูนยฝ์ กึ อาชพี บ้านสมาชิก อบต. วดั การรวมกลมุ่ : ชมรมผสู้ งู อายุ อาสาสมคั รสาธารณสขุ มูลฐาน (อสม.) กลุ่มแมบ่ า้ น กลมุ่ กองทนุ หมู่บ้าน กลมุ่ เกษตรกร กลุ่มจักสาน กล่มุ ออมทรพั ย์ กองทนุ หมูบ่ า้ น ม.1 ต.ห้วยแหง้ คน: ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ (6 คน) มีความเป็นผู้นา (7 คน) คนเก่ง คนมีความรู้ (8 คน) จิตอาสา (11 คน) หนว่ ยงาน: อบต.โรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพตาบล โรงพยาบาล โรงเรยี น บริษทั เอกชน สถานที่: ศาลาประชาคมหมบู่ า้ น ศูนย์ฝึกอาชีพ การรวมกล่มุ : กลุ่มออมทรัพย์เพือ่ การผลติ กลุ่มสตรีอาสาสมัคร กลมุ่ ผู้ใช้นา้ กลุ่มผเู้ ลีย้ งกระบือ ชมรม ผู้สูงอายุ กล่มุ อาชพี กองทุนหมูบ่ ้านและชมุ ชนเมือง กองทนุ กข.คจ. อสม. ม.3 ต.ชาผกั แพว คน: ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ (4 คน) มีความเป็นผู้นา (6 คน) คนเก่ง คนมีความรู้ (11 คน) จติ อาสา (5 คน) หน่วยงาน: อบต.โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตาบล โรงพยาบาล โรงเรยี น บรษิ ัทเอกชน สถานท่:ี ที่ทาการผใู้ หญบ่ ้าน วัด การรวมกลุ่ม: กลุ่มออมทรัพย์เพ่ือการผลิต กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กองทุนแม่ของแผ่นดิน กล่มุ อาชพี กลุ่มผใู้ ช้นา้ ชมรมผ้สู งู อายุ กลมุ่ โอบอมุ้ กลุ่มเกษตรอนิ ทรยี ์ กลมุ่ เย็บผ้า กลุ่มดอกไม้จันทน์ อสม. ม.7 ต.ชาผักแพว คน: ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ (3 คน) มีความเป็นผู้นา (4 คน) คนเก่ง คนมีความรู้ (8 คน) จิตอาสา (7 คน) หนว่ ยงาน: อบต.โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล โรงพยาบาล โรงเรียน บรษิ ัทเอกชน สถานที่: ศาลาประชาคมหมูบ่ ้าน ศูนยฝ์ กึ อาชพี วัด บ้านพักคูที่ราชพัสดุ (ลานออกกาลังกาย) การรวมกลุ่ม: กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กองทุนแม่ของแผ่นดิน กลมุ่ อาชีพ กลมุ่ ผู้ใชน้ ้า อสม. ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่มสานเสน้ พลาสติก กลุม่ ฌาปณกจิ ตารางที่ 2 จานวนและคุณลักษณะของทนุ ทางสังคมท่ีจะพัฒนาเป็นนักวิจัยชมุ ชน ชมุ ชน จานวน (คน) คณุ สมบตั ิ ม.8 ต.ตาลเดี่ยว 15 ปราชญ์ชาวบ้าน (1 คน) สมาชกิ อบต. (1 คน) ครู (1 คน) ผนู้ าชมุ ชน (1 คน) อสม. (6 คน) กรรมการชมรมผสู้ งู อายุ (2 คน) เจ้าหนา้ ท่ี อบต. (1 คน) เจา้ หน้าที่โรงพยาบาล (2 คน) ม.1 ต.ห้วยแห้ง 15 ปราชญช์ าวบา้ น (1 คน) ประธานชมรมผูส้ ูงอายุ (1 คน) สมาชิก อบต. (2 คน) ผู้นา ชมุ ชน (3 คน) อสม. (4 คน) เจา้ หน้าที่ รพ.สต. (1 คน) เจา้ หน้าท่ี อบต. (1 คน) ประกอบอาชพี ส่วนตวั (2 คน) ม.3 ต.ชาผักแพว 13 ปราชญช์ าวบา้ น (1 คน) ประธานชมรมผ้สู ูงอายุ (1 คน) ผู้นาชมุ ชน (2 คน) อสม. (4 คน) เจ้าหนา้ ท่ี รพ.สต. (1 คน) เจ้าหน้าที่ อบต. (1 คน) ประกอบอาชีพ สว่ นตัว (2 คน) มคั ทายก (1 คน) ม.7 ต.ชาผกั แพว 13 ผู้นาชุมชน (3 คน) สมาชิก อบต. (1 คน) อสม. (6 คน) เจา้ หนา้ ที่ รพ.สต. (1 คน) เจา้ หนา้ ท่ี อบต. (1 คน) นักเรยี น (1 คน) วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 47 ปีท่ี 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
ผลการสารวจปัญหาและความต้องการของ ภาพท่ี 1 โรงสขี า้ วชมุ ชนบา้ นโคกสะอาด ชุมชน ม.3 ต.ชาผักแพว โดยสารวจจากประชาชนใน พน้ื ท่ี จานวน 51 ราย พบว่าปัญหาของชุมชนเหมือนกัน ภาพที่ 2 การประชมุ แลกเปล่ยี นเรียนรู้เครือขา่ ยนกั วิจยั กับ ม.8 ต.ตาลเดี่ยวและ ม.1 ต.ห้วยแห้ง ส่วนความ ชุมชน ต้องการของชมุ ชน ได้แก่ การแก้ปญั หาสิ่งแวดลอ้ ม การ ฝึกอบรมอาชีพ/การสร้างอาชีพในชุมชน สุขภาพ และ ระยะที่ 3 การทบทวนทักษะการวิจัยและต่อยอด การดูแลผู้สูงอายุ แต่เม่ือทีมนักวิจัยชุมชนและ โครงการวจิ ัย คณะกรรมการหมู่บ้านได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ได้ ตัดสินใจจะทาวิจัยเพ่ือแก้ปัญหาในด้านรายได้และ ผลการวิจัยในระยะที่ 3 พบว่า ทีมนักวิจัยชุมชน หน้ีสิน รวมท้ังด้านอาชีพและการทางาน จึงนาไปสู่การ ของ ม.8 ต.ตาลเด่ียว สามารถดาเนินโครงการวิจัย ตัดสินใจของชุมชนในการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย ต่อยอด เรื่อง “การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนใน เร่ือง “การพัฒนาอาชีพเสริมให้ชุมชนเพ่ือพัฒนา การคัดแยกขยะท่ีต้นทาง: กรณศี ึกษาการคดั แยกขยะใน คุณภาพชีวิตประชาชนในชุมชน: กรณีศึกษา ม.3 ห้องเช่า” ได้สาเร็จ และได้พัฒนาข้อเสนอโครงการวจิ ัย ต.ชาผักแพว อ.แก่งคอย จ.สระบรุ ี” ใหม่ “โครงการโรงสขี ้าวชุมชนบ้านโคกสะอาด” (ภาพที่ 1) และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การ ส่วนผลการสารวจปัญหาและความต้องการ บริหารส่วนตาบลตาลเดี่ยว และกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ของชุมชน ม.7 ต.ชาผักแพว โดยสารวจจากประชาชน จังหวัดสระบุรี ทีมนักวิจัยชุมชนของ ม.1 ต.ห้วยแห้ง ในพ้ืนท่ี จานวน 47 ราย พบว่าปัญหาของชุมชน ได้แก่ สามารถดาเนินโครงการวิจัยต่อยอด เร่ือง “การพัฒนา ปัญหาด้านรายได้ และหนี้สินและปัญหาด้านสภาพ อาชพี เสริมใหช้ ุมชนเพื่อพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตประชาชนใน ส่ิงแวดล้อม ปัญหาด้านอาชีพและการทางาน และ ชุมชน: กรณีศึกษาชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง” ได้สาเร็จ ปัญหาด้านชีวิตความเป็นอยู่และครอบครัว ปัญหาด้าน อ่ืนๆ เช่น ลักขโมย ส่วนความต้องการของชุมชน ได้แก่ สุขภาพ การออกกาลังกาย การฝึกอบรมอาชีพ/การ สร้างอาชีพในชุมชน แต่เม่ือทีมนักวิจัยชุมชนและ คณะกรรมการหมู่บ้านได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ได้ ตัดสินใจจะทาวิจัยเพื่อแก้ปัญหาในด้านรายได้และ หนี้สิน รวมท้ังด้านอาชีพและการทางาน จึงนาไปสู่การ ตัดสินใจของชุมชนในการเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย เรื่อง “การพัฒนาอาชีพเสริมให้ชุมชนเพื่อพัฒนา คุณภาพชีวิตประชาชนในชุมชน: กรณีศึกษา ม.7 ต.ชาผกั แพว อ.แกง่ คอย จ.สระบรุ ี” ระยะท่ี 2 การดาเนนิ โครงการวิจยั โดยนกั วจิ ัยชมุ ชน ในระยะท่ี 2 เป็นการเรยี นรู้ทักษะการวจิ ัยด้วย การปฏิบัติจริง โดยแต่ละชุมชนจะดาเนินโครงการวิจัย ของชุมชนตนเองท่ีได้พัฒนาในระยะท่ี 1 และเน้นการ ส่งเสริมการนาใช้ทุนทางสังคมของชุมชน ทั้ง 4 ระดับ ได้แก่ ระดับบุคคล ระดับกลุ่ม ระดับหน่วยงาน และ ระดับหมู่บ้าน (ตารางที่ 3) ผลการวิจัยพบว่านักวิจัย ชุมชนของท้ัง 4 ชุมชน มีทักษะการวิจัยและสามารถ ดาเนินโครงการวจิ ัยของชุมชนตนเองได้สาเรจ็ 48 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ทีมนักวิจัยชุมชนของ ม.3 ต.ชำผักแพว สำมำรถดำเนิน กรณีศึกษำชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง” ได้สำเร็จ ซึ่ง โครงกำรวิจัยต่อยอด เรื่อง “กำรพัฒนำอำชีพเสริมให้ สำมำรถตอบสนองควำมต้องกำรและแก้ไขปัญหำของ ชุ ม ช น เ พ่ื อ พั ฒ น ำ คุ ณ ภ ำ พ ชี วิ ต ป ร ะ ช ำ ช น ใ น ชุ ม ช น : ชุมชนได้ในเบ้ืองต้น และมีกำรสร้ำงเครือข่ำยนักวิจัย กรณศี กึ ษำกลุ่มดอกไมจ้ ันทน”์ ไดส้ ำเรจ็ และทมี นักวจิ ัย ชุมชน (ภำพท่ี 2) นอกจำกน้ียังได้มีกำรประเมินผล ชุมชนของ ม.7 ต.ชำผักแพว สำมำรถดำ เ นิ น โครงกำรตำม SROI (Social Return on Investment) โครงกำรวิจัยต่อยอดเรื่อง “กำรพัฒนำอำชีพเสริมให้ โดยกำรประเมินผลลัพธ์และผลกำรตอบแทนทำงสังคม ชุ ม ช น เ พ่ื อ พั ฒ น ำ คุ ณ ภ ำ พ ชี วิ ต ป ร ะ ช ำ ช น ใ น ชุ ม ช น : ดังแสดงในตำรำงที่ 4 ตารางที่ 3 กำรนำใชท้ นุ ทำงสังคมทงั้ 4 ระดบั ของชุมชน ชุมชน การนาใช้ทนุ ทางสังคม ม.8 ต.ตำลเดยี่ ว ระดับบุคคล: เปน็ นกั วิจยั ชมุ ชน เป็นท่ปี รกึ ษำโครงกำร ระดับกลมุ่ : 1) ชมรมผู้สูงอำยุ ใหส้ ถำนทปี่ ระชมุ จดั กิจกรรม เป็นนักวิจัยชุมชน 2) กลุ่ม อสม. กลุม่ แม่บ้ำน กลุม่ เกษตรกร เปน็ นกั วจิ ัยชุมชน ระดับหนว่ ยงาน: 1) อบต. ให้คำปรึกษำ กำรจัดหำถังขยะให้ชุมชน จัดเก็บขยะให้ชุมชน เป็น นกั วจิ ัยชุมชน 2) รพ.สต ใหส้ ถำนท่ีประชุม 3) รพ. ให้สถำนทปี่ ระชมุ เปน็ ทปี่ รึกษำ 4) โรงเรียน บริกำรถ่ำยเอกสำรฟรี ให้สถำนท่ีในกำรจัดประชุม จัดกิจกรรม และช่วย ประสำนงำนให้ชุมชน 5) บริษทั เอกชน สนับสนุนวัสดุอุปกรณใ์ นกำรจัดกิจกรรม ระดบั หมบู่ ้าน: 1) วัด ให้สถำนทจ่ี ดั กิจกรรม 2) บำ้ นสมำชกิ อบต. ใหส้ ถำนท่ีประชุม ม.1 ต.ห้วยแหง้ ระดับบุคคล: เปน็ นักวิจยั ชมุ ชน เป็นทป่ี รกึ ษำโครงกำร ระดับกลุม่ : 1) ชมรมผสู้ งู อำยุ ให้สถำนทป่ี ระชุม จดั กิจกรรม เป็นนักวจิ ยั ชุมชน 2) กลมุ่ อสม. กลุ่มครัวเรอื นเป้ำหมำยหมบู่ ้ำนเศรษฐกิจพอเพียง เป็นนกั วจิ ัยชุมชน ระดบั หนว่ ยงาน: 1) อบต. จัดอบรมอำชพี พำไปศึกษำดูงำน เป็นนกั วจิ ยั ชมุ ชน 2) รพ.สต เป็น นกั วจิ ัยชมุ ชน เป็นท่ปี รกึ ษำ 3) บรษิ ทั เอกชน สนับสนนุ วัสดอุ ปุ กรณ์ในกำรจัดกิจกรรม ระดบั หมบู่ ้าน: 1) ศำลำ SML ให้สถำนท่ีประชมุ และจัดกิจกรรม ม.3 ต.ชำผกั แพว ระดบั บคุ คล: เปน็ นกั วจิ ัยชุมชน เป็นทีป่ รกึ ษำโครงกำร ระดบั กลมุ่ : 1) ชมรมผสู้ ูงอำยุ ใหส้ ถำนท่ีประชมุ จัดกจิ กรรม เป็นนกั วจิ ยั ชุมชน 2) กลุ่ม อสม. กลมุ่ ดอกไม้จนั ทน์ เป็นนกั วิจัยชมุ ชน ระดับหนว่ ยงาน: 1) อบต. จัดอบรมอำชีพ พำไปศึกษำดงู ำน ให้สถำนที่ วัสดอุ ุปกรณ์ในกำรจัด กิจกรรม เป็นนักวิจัยชุมชน 2) รพ.สต เป็นนักวิจัยชุมชน 3) บริษัทเอกชน สนับสนุนวัสดุ อปุ กรณ์ในกำรจดั กิจกรรม 4) โรงเรยี น รว่ มจดั กิจกรรม ระดับหมูบ่ า้ น: 1) วดั ใหส้ ถำนท่ีประชุมและจัดกจิ กรรม ม.7 ต.ชำผกั แพว ระดับบุคคล: เป็นนักวิจยั ชมุ ชน เป็นทปี่ รึกษำโครงกำร ระดับกล่มุ : 1) ชมรมผู้สูงอำยุ ใหส้ ถำนทปี่ ระชุม จดั กิจกรรม เปน็ นักวิจยั ชมุ ชน 2) กล่มุ อสม. กลมุ่ อำชพี เป็นนกั วจิ ยั ชมุ ชน ระดับหน่วยงาน: 1) อบต. จัดอบรมอำชีพ พำไปศึกษำดูงำน เป็นนักวิจัยชุมชน 2) รพ.สต ให้สถำนที่ประชุม เป็นทป่ี รกึ ษำ 3) บริษทั เอกชน สนบั สนนุ วัสดอุ ุปกรณ์ในกำรจัดกจิ กรรม ระดับหมู่บ้าน: 1) ศำลำ SML ให้สถำนท่ีประชุมและจัดกิจกรรม 2) ท่ีทำกำรผู้ใหญ่บ้ำน ใหส้ ถำนที่ประชุมและจัดกจิ กรรม วารสารวชิ าการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 49 ปที ่ี 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
ตารางท่ี 4 ผลการประเมินโครงการตาม SROI ผลลพั ธ์ ผู้มีสว่ นเกยี่ วขอ้ ง ผลผลติ (Stakeholders) (Outputs) (Outcomes) นักวจิ ยั ชมุ ชน 1.การพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัย 1.ความต้องการและปัญหาของชุมชนได้รับ การ (ม.8 ตาลเดี่ยว 4 โครงการ (จากการสนับสนุนของ ตอบสนองหรอื มกี ารแกไ้ ข ม.1 ห้วยแห้ง จุฬาฯ) และ 2 โครงการ (จากการ 2.ทุนทางสังคมของชุมชน โดยเฉพาะ “คน” ได้รับ ม.3 และ สนบั สนุนของหนว่ ยงานในพื้นที่) การพัฒนา ให้มีทักษะในการวิจัย ทาให้มีทีมนักวิจัย ม.7 ชาผกั แพว) 2 . ก า ร ด า เ นิ นโ คร ง ก า ร วิ จั ย ที่ ชุมชนท่ีจะเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาและสร้าง ตอบสนองและแก้ปัญหาของชุมชน ความเข้มแขง็ ใหช้ ุมชนต่อไป 6 โครงการ 3.ทนุ ทางสังคมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ ระดับบุคคล (ผู้นา) ระดบั 3.เกิดทีมนักวิจัยชุมชนท่ีมีทักษะ กลุ่ม (ชมรมผู้สูงอายุ) ระดับหน่วยงาน (อบต.) ระดับ การวิจัย จานวน 4 ทีม ของ 4 หมู่บ้าน (ม.8 ตาลเด่ียว ม.1 ห้วยแห้ง ม.3 และ 7 ชมุ ชน ชาผักแพว) ได้มีการนาไปใช้ในการพัฒนาชุมชนและ 4.เกิดเครือข่ายการทางานระหว่าง สร้างความเขม้ แข็งใหช้ ุมชนไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ทีมนักวิจยั ชุมชน 4.เครือข่ายการทางานระหว่างทีมนักวิจัยชุมชน เป็น 5.เกิดการเรียนรู้การวิจัยในชุมชน การส่งเสริมให้มีการติดต่อสอื่ สาร การช่วยเหลือ การ อย่างเป็นระบบ ประสานงานในเร่ืองต่าง ๆ ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ มี การใช้เทคโนโลยี ไดแ้ ก่ กลุ่มไลน์ ประชาชนในชมุ ชน 1.มีการรวมกลุ่มเพ่ือทากิจกรรม 1.ประชาชนในชมุ ชนมอี าชพี เสริม ทาใหม้ รี ายได้เสริม (ม.8 ตาลเดี่ยว ม.1 ได้แก่ กลุ่มอาชพี เสริม (กลมุ่ จกั ตอก และมีคุณภาพชวี ิตท่ีดขี ึ้น ห้วยแห้ง ม.3 และ บ้านรังแร้ง กลุ่มดอกไม้จันทน์ กลุ่ม 2.ประชาชนในชุมชนมีการรวมกลมุ่ ทาให้เกดิ ความรัก ม.7 ชาผกั แพว) อาชีพเสริมบ้าน) กลุ่มเศรษฐกิจ สามัคคี มีการชว่ ยเหลือเกอื้ กลู กัน พอเพียง กลุ่มครัวเรือนคัดแยกขยะ 3.ประชาชนในชุมชนมีการใช้เวลาว่างให้เป็น ทีต่ ้นทาง ประโยชน์ 2.การมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาชมุ ชน 4.ประชาชนในชุมชนมีการทางานร่วมกัน มสี ังคมการ เรียนรู้ มกี ารตดิ ต่อสือ่ สารกัน 5.ประชาชนในชุมชนได้มีส่วนในการพัฒนาชุมชน ทา ใหช้ มุ ชนน่าอยู่ สว่ นงานราชการ 1.บุคลากร ได้รับการพัฒนาสู่การ 1.บุคลากรมที ักษะการวิจัย สามารถนาไปประยุกต์ใช้ (อบต. รพ.สต. เป็น “นักวิจัยชุมชน” ในหนว่ ยงานได้ อสม.) 2.เกดิ เครอื ข่ายการทางาน 2.บุคลากรได้เรียนรู้และมีประสบการณใ์ นการทางาน เปน็ ทีม 3.บุคลากรได้รู้จักชุมชนมากขึ้น ท้ังในเร่ืองของความ ต้องการและปญั หา วัด 1.ได้สนับสนุนพ้ืนท่ี ในก า ร จั ด 1.นักวิจัยชุมชนและประชาชนในชุมชนได้มีพ้ืนที่ใน กิจกรรมของชุมชน ได้แก่ ที่ทาการ การจัดกิจกรรมท่ีเป็นการพัฒนาและส่งเสริมความ ศนู ยร์ ว่ มสุข ชมรมผู้สงู อายุ เป็นต้น เข้มแข็งให้ชมุ ชน 2.เป็นแบบอย่างในการมีส่วน 2.ชุมชนมีความเคารพศรัทธาและมีความผูกพันกับ รว่ มกบั ชุมชน ศาสนสถาน 50 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ตารางที่ 4 ผลการประเมินโครงการตาม SROI (ตอ่ ) ผลลพั ธ์ ผูม้ สี ว่ นเกย่ี วข้อง ผลผลติ (Stakeholders) (Outputs) (Outcomes) วทิ ยาลยั 1.ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการ 1.ชุมชนได้เรียนรู้ทักษะการวิจัยเพื่อนามาใช้ในการ วทิ ยาศาสตร์ วิจัยให้ชุมชน โดยเฉพาะการสร้าง พัฒนาและสรา้ งความเข้มแข็งให้ชมุ ชนได้ สาธารณสขุ นักวิจยั ชมุ ชน 2.นิสิตได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ตรงในการเข้าถึง 2.มีพ้ืนท่ีในการเรียนรู้การวิจัย ชุมชน และการทางานรว่ มกับชุมชน ชุมชนให้แก่นิสติ 3 . เ กิ ด เ ค รื อ ข่ า ย ก า ร ท า ง า น ร ะ ห ว่ า ง วิ ท ย า ลั ย 3.เกิดเครือข่ายกับชุมชนในระดับ วิทยาศาสตร์สาธารณสุขและชุมชน ซึ่งจะเป็นส่วน ต่าง ๆ สาคัญในการทางานกับชุมชนท้ังในปัจจุบันและ อนาคต จุฬาลงกรณ์ 1.เปน็ ส่วนสาคญั ในการสนบั สนุนให้ 1.ชุมชนได้รับการพัฒนา และได้รับการสนับสนุนทาง มหาวิทยาลยั เกิดการวจิ ยั ในชมุ ชนทงั้ 4 ชมุ ชน วชิ าการจากจุฬาฯ 2.เกิดเครือข่ายกับชุมชนในระดับ 2.เกิดเครือข่ายระหว่างจุฬาฯ และชุมชนจะเป็นส่วน ต่าง ๆ สาคัญในการทางานกับชุมชนท้ังในปัจจุบันและ อนาคต การนาไปใช้ ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน ซ่ึงจะนาไปสู่การพึ่งพาตนเองและ ก า ร พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก า ร วิ จั ย ใ ห้ ชุ ม ช น ด้ ว ย การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนตอ่ ไป อภปิ รายผล กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสว่ นร่วม เป็นการ สร้าง “นักวิจัยชุมชน” ให้มีทักษะเบื้องต้นในการวิจัย ก า ร พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก า ร วิ จั ย ใ ห้ ชุ ม ช น ด้ ว ย ที่สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการของการ กระบวนการวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการแบบมีสว่ นร่วม มดี ว้ ยกัน แก้ปัญหาหรือการตอบสนองความต้องการของชมุ ชน ดัง 3 ระยะ คือ ระยะท่ี 1 การเตรยี มนักวิจัยชุมชน โดยเริ่ม ตัวอย่างของ ม.8 ต.ตาลเดี่ยว ท่ีได้พัฒนาข้อเสนอ จากการค้นหาทุนทางสังคมท่ีจะเป็นต้นทุนท่ีสาคัญใน โครงการวิจัยเอง เรื่อง “โรงสีข้าวชุมชนบ้านโคก การนาใช้ของชุมชนเพื่อให้เกิดศักยภาพในการพัฒนา สะอาด” และได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก และสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ถ้าชุมชนได้มีการ องค์การบริหารส่วนตาบลตาลเด่ียว และกองทุนพัฒนา ค้นหาและวิเคราะห์ทุนทางสังคมของชุมชนเองจะทาให้ ไฟฟ้าจังหวัดสระบุรี ทาให้ชุมชนมีโรงสีข้าวท่ีสามารถ เกิดการนาใช้ทุนทางสังคมได้อย่างเหมาะสมและมี ให้บริการคนในชุมชนเองและคนในชุมชนใกล้เคียงได้ ประสิทธิภาพ นาไปสู่การพ่ึงพาตนเอง และมีการพึ่งพงิ แสดงให้เห็นว่านักวิจัยชุมชนสามารถหาแนวทางในการ จากภายนอกเทา่ ทจี่ าเป็น (ขนษิ ฐา นันทบุตร และคณะ, ตอบสนองความต้องการของชุมชนหรือแก้ไขปัญหาของ 2556) ผลการดาเนินงานโครงการวิจัยในระยะท่ี 1 ชุมชนได้ด้วยชุมชนเองอย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงการ พบว่าชุมชนได้มีการเรียนรู้ทักษะการวิจัยเบ้ืองต้นที่จะ พัฒนาทักษะการวิจัยให้ชุมชนด้วยกระบวนการวิจัย สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิตทั้งในระดับ เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมน้ี สามารถนาไปเป็นส่วน ครัวเรือนและระดับชุมชน เพราะคนในชุมชนสามารถที่ หน่ึงในการพัฒนาชุมชนได้ ซ่ึงองค์กรต่าง ๆ ที่มีส่วน จะค้นหาทุนทางสังคมของชุมชนตนเองได้ รู้ว่าชุมชน เก่ียวข้องในการพัฒนาชุมชน ควรเพ่ิมช่องทางในการ ของตนมีใครบ้างท่ีเป็นคนดี คนเก่ง คนมีความรู้ มี พัฒนาคนในชุมชน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนคนใน ห น่ ว ย ง า นใ ดบ้ า ง ที่ ใ ห้ ก า ร ส นั บ ส นุ น ชุ ม ช น ท้ั ง ใ น ด้ า น ชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนต้ังแต่การ งบประมาณ กาลังคน สถานท่ี รวมทั้งมีสถานที่ใดบ้างที่ ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทา ร่วมตรวจสอบ ร่วม เอือ้ ตอ่ การพฒั นาชมุ ชน ซ่ึงจะช่วยให้มกี ารนาใช้ทุนทาง ปรับปรุงแก้ไข และร่วมรับผลประโยชน์ โดยให้ชุมชน สังคมที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนาไปสู่ เป็นศูนย์กลาง จะช่วยให้ชุมชนเกิดความรักสามัคคี วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 51 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
แนวทางในการแก้ปัญหาในชุมชนหรือการตอบสนอง สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและพ่งึ ตนเองได้อย่างยง่ั ยนื ความต้องการของชุมชนอย่างเป็นระบบ และท่ีสาคัญ ซ่ึงการวิจัยชุมชนหรือการวิจัยท้องถ่ิน จะเป็นการวิจัย กระบวนการวจิ ยั ชุมชนจะทาใหเ้ กิดการรวมกลุ่มของคน เพื่อพึ่งตนเอง เข้าใจตนเอง พัฒนาตนเอง เข้าใจคนอ่ืน ในชุมชนท่ีมีเป้าหมายร่วมกัน ร่วมกันคิด ร่วมกันทา และชว่ ยเหลอื คนอื่น (จานงค์ อดิวัฒนสิทธ์ิ, 2558) ร่วมกันรับผลประโยชน์ ซึ่งจะเป็นพลังสาคัญในการ สง่ เสรมิ ให้ชมุ ชนมคี วามเขม้ แข็ง ก า ร พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก า ร วิ จั ย ใ ห้ ชุ ม ช น ด้ ว ย กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมในคร้ังน้ี ระยะที่ 2 การดาเนินโครงการวิจยั โดยนักวจิ ัย เป็นการเปิดโอกาสให้คนในชุมชน โดยเฉพาะ “คน” ที่ ชุมชน ซ่ึงโครงการวิจัยทั้ง 4 โครงการ เกิดจากความ เปน็ ทุนทางสงั คม ไดพ้ ฒั นาศักยภาพของตนเองด้วยการ ต้องการและปัญหาของชุมชน และการตัดสินใจของคน เรียนรู้กระบวนการวิจัย ต้ังแต่การต้ังโจทย์ปัญหาวิจัย ในชมุ ชนเอง ทาให้คนในชมุ ชนได้เข้ามามีสว่ นร่วมในการ ของชุมชน การดาเนินการวิจัย ตลอดจนการสรุปและ กาหนดโจทย์ปัญหาวิจัยของชุมชนตนเอง จะทาให้ได้ เขียนรายงานวิจยั ทาให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการ โครงการวิจัยที่ตรงกับความต้องการของชุมชน และจะ จัดการความต้องการและการแก้ไขปัญหาชุมชนด้วย ทาให้สามารถนาผลการวิจัยไปตอบสนองความต้องการ ตวั เองอยา่ งแท้จรงิ ทาให้เกิดการเรยี นรู้ของชมุ ชน มกี าร หรอื แก้ไขปญั หาของชุมชนได้อย่างแท้จริง งานวจิ ยั เพ่ือ รวมกลุ่ม “กลุ่มนักวิจัยชุมชน” เกิดองค์กรชุมชนที่มี ท้ อ ง ถ่ิ น จึ ง เ ป็ น ง า น วิ จั ย ที่ เ น้ น ก า ร มี ส่ ว น ร่ ว ม เ พื่ อ ศักยภาพและมีพลังในการขับเคล่ือนองค์ประกอบ ตอบสนองต่อความต้องการของท้องถิ่นมากท่ีสุด (ชัชรี ภายในชมุ ชน มีการนาใช้ทนุ ทางสังคมของชมุ ชนได้อย่าง นฤทุม, 2551) ผลของโครงการวิจัยทั้ง 4 โครงการ เหมาะสม มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีเครือข่ายการ สามารถนาไปใช้แก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซ่ึงจะเป็นกลไกสาคัญในการพัฒนา ของชุมชนได้ในระดับหนึ่ง และมีการนาใช้ทุนทางสังคม แ ล ะ ส ร้ า ง ค ว า ม เ ข้ ม แ ข็ ง ข อ ง ชุ ม ช น ไ ด้ อ ย่ า ง มี ท่ีสาคัญนักวิจัยชุมชนได้มีการพัฒนาศักยภาพตนเองใน ประสิทธิภาพและยัง่ ยืน การเรียนรู้ผ่านกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมี กติ ตกิ รรมประกาศ ส่วนร่วม ได้มีการร่วมคิด ร่วมทา ร่วมรับผลประโยชน์ โดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เป็นการสร้างตัวตน ขอขอบคุณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ให้การ ของคนในชุมชนเพ่ือคนในชุมชน เป็นการวิจัยที่แท้จริง สนับสนุนงบประมาณ ภายใต้โครงการสระบุรี ทาใหเ้ กิดการเรียนรรู้ ว่ มกันทั้งบคุ คลภายนอกและบุคคล ชุมชนเข้มแข็ง และ CU Community Engagement ภายใน นาไปสู่การแก้ไขปัญหาความต้องการของชุมชน นายแพทย์นพพร พงศ์ปลื้มปิติชัย (นายแพทย์ และทาให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองจนเกิด สาธารณสุขจังหวัดสระบุรี) ท่ีช่วยสนับสนุนการดาเนิน ความเข้มแขง็ ในทส่ี ุด (ภาวิดา เจรญิ จินดารัตน์ และดวง โครงการวิจัยในพ้ืนท่ี อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมท้ังให้ กมล ปานรศทิพ ธรรมาธวิ ฒั น์, 2561) แนวคิด แนวทาง และกาลังใจในการพัฒนาศักยภาพ ชุมชน และบุคคลที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการท้ังนักวิจัย ระยะที่ 3 การทบทวนทักษะการวิจัยและการ ชุมชนและประชาชนท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างของชุมชน ดาเนินโครงการวิจัยต่อยอด ได้มีการพัฒนาข้อเสนอ ต.ตาลเด่ียว ต.ห้วยแหง้ และ ต.ชาผักแพว ที่ไดส้ ละเวลา โครงการวิจัยต่อยอดจากโครงการในระยะที่ 2 เพ่ือเป็น และใหค้ วามร่วมมอื เป็นอยา่ งดยี ิ่ง กระบวนการสาคัญในการพฒั นา ทบทวน และปรับปรุง บรรณานุกรม ทักษะการวิจัยของนักวิจัยชุมชน แต่ท่ีสาคัญคือเกิด ขนิษฐา นันทบุตร พีรพงษ์ บุญสวัสด์ิกุลชัย จารุณี กระบวนการเรียนรู้อย่างมีหลักการ คนในชุมชนได้มี โอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ได้มีโอกาสใน สรกฤช รัชตวรรณ ศรีตระกูล อาริยา สอนบุญ การนาใช้ทุนทางสังคมท่ีตนเองมีอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง ทา นิศาชล บุปผา และอุไร จเรประพาฬ. 2556. ให้มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเองของชุมชน ได้มีโอกาส คู่มือการพฒั นาทักษะการวิจัยชมุ ชน ด้วยการ สร้างกลุ่ม สร้างเครือข่าย สร้างการมีส่วนร่วมของคนใน วิจัยเชิงชาติพันธ์ุวรรณาแบบเร่งด่วน . ชุมชน มีการร่วมคิด ร่วมทา ร่วมรับผลประโยชน์ มีการ ส า นั ก ง า น ก อ ง ทุ น ส นั บ ส นุ น ก า ร ส ร้ า ง เ ส ริ ม ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน เกิดความสามัคคี ซ่ึงจะนาไปสกู่ าร 52 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
สุขภาพ (สส.ส) สานักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ภาวิดา เจริญจินดารัตน์ และดวงกมล ปานรศทิพ (สานัก 3) ศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ ธรรมาธิวัฒน์. 2561. งานวิจัยท้องถิ่นเพ่อื ความ ชุ ม ช น ( ศ ว ช . ) ค ณ ะ พ ย า บ า ล ศ า ส ต ร์ เข้มแข็งชุมชน. วารสารเกษตรพระจอมเกล้า มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น เครอื ข่ายรว่ มสร้างชมุ ชน 36 (2): 152-161. ท้องถนิ่ นา่ อยู่ จุ ฑ า ทิ พ ย์ ภั ท ร า ว า ท . 2 5 5 3 . คู่ มื อ ก า ร วิ จั ย สฤณี อาชวานันทกุล และ ภัทราพร แย้มละออ. 2560. เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม. มหาวิทยาลัย คู่มือการประเมินผลลัพธ์ทางสังคมแ ละ เกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน. ฉบับ จานงค์ อดิวัฒนสิทธิ์. 2558. การวิจัยชุมชน โดยชุมชน ปรับปรุง 2560. บจก.ป่าสาละ , กองทุน และเพื่อชุมชน ในยุครวมกลุ่มเป็นชุมชน สนบั สนนุ การวิจยั (สกว.). เครือข่ายเศรษฐกิจและสัง คมอา เ ซี ย น. วารสารวิชาก าร มหาวิทยาลัยราชภัฎ สุภางค์ จันทวานิช. 2547. วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. พระนคร 6(2), 1-8. พิมพ์ครั้งท่ี 12. : สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ ชัชรี นฤทุม. 2551. การพัฒนาการเกษตรแบบ มหาวทิ ยาลยั . มีส่วนร่วม. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรงุ เทพฯ. สัญญา ยือราน และ ศิวิไลซ์ วนรัตน์วิจิตร. 2561. การ วิจัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการแบบมีสว่ นร่วม สู่ความสาเร็จ การเปล่ียนแปลงนโยบายในระบบสุขภาพ. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการ สาธารณสขุ ภาคใต้ 5 (2): 288-300. วารสารวชิ าการรับใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 53 ปีท่ี 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
การพัฒนาอาชพี กลุ่มผนู้ าสตรี ชมุ ชนบ้านสันตสิ ขุ ตาบลนารมึ อาเภอเมือง จังหวดั ตาก Career development of Women's leadership in Santisuk Village, Nam Reum Subdistrict, Muangtak District, Tak Province. รฐั พล ภมุ รินทรพ์ งศ์1* คุณากร สปุ น2 สริ นิ พร เกยี งเกษร3 เกรยี งไกร ศรีประเสรฐิ 4 Rattapon Poomarinpong 1* Kunakorn Supon2 Sirinpron Keangkason3 Kriengkrai Sriprasert4 1-3อาจารย์ สาขาศิลปศาสตร์ คณะบรหิ ารธุรกิจและศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา ตาก จังหวดั ตาก 4นกั วชิ าการศึกษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 1-3Teacher, Liberal Arts, Faculty of Business Administration and Liberal Arts, Rajamangala University of Technology Lanna Tak 4Educator, Rajamangala University of Technology Lanna E-mail : [email protected], เบอรโ์ ทรศพั ท์ 0 5551 5900 ต่อ 264, เบอร์โทรสาร 0 5551 1833 บทคดั ยอ่ งานวิจัยนี้เป็นการวิจยั เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อพฒั นากลุ่มอาชีพของผูน้ าสตรี และ เพ่ือจัดต้ังและดาเนินงานกลุ่มอาชีพผู้นาสตรีชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลน้ารึม อาเภอเมือง จังหวัดตาก โดยมี กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้านชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลน้ารึม อาเภอเมือง จังหวัดตาก จานวน 30 คน รวบรวมข้อมลู ด้วยแบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชงิ ลึก การสนทนากล่มุ การระดมสมอง วเิ คราะหข์ ้อมลู ด้วยการสรุปอุปนัย และสถติ ิเชงิ พรรณนา ผลการวิจัยสรุปได้ว่า 1) ระยะก่อนปฏิบัติการ ผลการสารวจความคิดเห็น พบว่ามีความต้องการได้รับการ ส่งเสริมให้จัดต้ังกลุ่มอาชีพเสริมให้กับผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้าน และช่วยเหลือในการบริหารจัดการกลุ่ม โดยความ ตอ้ งการไดร้ ับการส่งเสริม 2 ลาดบั แรก ได้แก่ การผลิตนา้ อบไทย การผลิตบุหงาราไป ซง่ึ ต้องการใหม้ ีการอบรมความรู้ ในการผลิตด้วย 2) ระยะปฏิบัติการ ดาเนินการประชุมระดมสมองร่วมกัน และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับสมาชิกท่ี สนใจ โดยมีคณะนักวิจัยและวิทยากรช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ จนสามารถนาไปดาเนินการได้เอง และร่วมจัดทา ตราสัญลักษณ์ ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ และการวางแผนการดาเนินงานเชิงธุรกิจและการจัดจาหน่ายของกลุ่ม 3) ระยะ ติดตามและประเมินผล พบว่า การผลิตและการจัดจาหน่ายผลิตภัณฑ์ในเชิงธุรกิจประสบความสาเร็จ ทาให้เกิดการ ผลิตอย่างต่อเน่ือง สมาชิกในกลุ่มมีความพึงพอใจในผลการดาเนินงาน เกิดการเรียนรู้ในการดาเนินกิจกรรมทางการ ผลิต การตลาด การเงนิ การบญั ชี และการบรหิ ารจัดการกลุม่ ไดเ้ อง คาสาคญั การพัฒนาอาชพี , ผนู้ าสตรี Abstract This research was a participatory action research. The purposes of this research was to study the needs in career development of women’s leaders and to establish a concrete action plan for women’s leaders in Santisuk Village, Nam Reum Subdistrict, Muangtak District, Tak Province. The sample space were 30 women’s leaders in Santisuk Village, Nam Reum Subdistrict, Muangtak District, Tak Province. Data collection methods were questionnaire, in-depth interview, focus group and brainstorm. The data was analysed by inductive reasoning and descriptive statistics. วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 55 ปีที่ 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
Research conclusion can be demonstrated into 3 phases including;Phase 1: the pre-practice phase, the survey result found the needs in career promoting and establishment of occupational group for women’s leaders and housewives. As well as group managerial assistance, the two most needed assistance were the promotion of Thai scented water and the production of Bunga and Rampai (Thai dried fragrant substance). This also required training course on production. Phase 2: the trial phase, a collaborative brainstorm as well as laboratory training were undertaken under supervision of researchers and trainers. Consequently, women’s leaders, housewives and those interested members were able to process on their own. They also collaborated with each other on the design of brand, logo, package and planning for business management and sale accordingly. Phase 3: monitoring and evaluation phase, the success in production and sale led to steady need of production. Apart from satisfactory in performance, the sample space were manage to learn how to conduct business on their own including production, marketing, finance, accounting and management. Keywords Career development, Women's leadership บทนำ นอกจากการทาเกษตรกรรมและรับจ้างท่ัวไป ประสบ อาชีพถือเป็นปัจจัยสาคัญในการดาเนินชีวิต ปญั หาเกย่ี วกบั รายไดไ้ ม่เพียงพอตอ่ การเลี้ยงชพี (Board Phon Sai Village, 2016) ของมนุษย์ในสังคม เพราะคุณภาพชีวิตของคนจะดี หรือไมด่ ีจะข้ึนอยกู่ ับอาชพี ทย่ี ึดถือปฏิบตั ิในแตล่ ะวัน แต่ ในขณะเดียวกันจากการสารวจชุมชนเบ้ืองต้น ละเดือน แต่ละปี คนในชุมชนจะมีคุณภาพชีวิตท่ีดี ได้ทราบข้อมูลว่า บ้านสันติสุข หมู่ที่ 8 ยังไม่มีหน่วยงาน จะต้องมกี ิจกรรมหรอื มีอาชพี ทก่ี ระทาในแตล่ ะวัน ชมุ ชน เข้าไปให้ความรู้และส่งเสริมอาชีพต่าง ๆ ให้กับชาวบ้าน จึงจะเกิดความเข้มแข็งและมั่นคงตลอดทั้งไม่เกิดปัญหา ในชุมชน ชาวบ้านส่วนมากประกอบอาชีพตามฤดูกาล สังคมในด้านอื่นๆ ดังที่ Thebhattee (2008) กล่าวว่าผู้ และรับจา้ งท่วั ไปเทา่ นั้น จงึ มปี ัญหารายได้ไม่เพยี งพอกับ ที่มีการวางพ้ืนฐานการประกอบอาชีพท่ีดีเท่ากับเป็น รายจ่ายเกิดขึ้น บางครอบครัวจึงมีการกู้เงินนอกระบบ เคร่ืองช้ีว่า เป็นผู้ประสบความสาเร็จในชีวิตด้านการ มาเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน นอกจากน้ันยังพบว่า ประกอบอาชีพท่ีควรแก่การได้รับการยกยอ่ งจากสังคม กลุ่มสตรีในหมูบ่ ้านยังมลี กั ษณะว่างงานหรือเป็นแมบ่ า้ น เป็นส่วนใหญ่ ดังน้ันจึงเป็นความต้องการของชุมชนใน ชมุ ชนบ้านสันตสิ ุข หมทู่ ่ี 8 ตาบลนา้ รึม อาเภอ การพฒั นากลุม่ อาชีพ เพ่ือสง่ เสริมให้มอี าชพี เสรมิ สาหรบั เมือง จังหวัดตาก อยู่ห่างจาก อาเภอเมืองตากประมาณ เปน็ แหล่งรายได้เสริมในครัวเรือน 6 กิโลเมตร มีประชากรท้ังหมด จานวน 1,008 คน มีครัวเรือน 833 ครัวเรือน แบ่งเป็นเพศชาย จานวน จากเหตุผลและความจาเป็นดังกล่าว ซึ่งเป็น 491 คน เพศหญิง จานวน 517 คน (ข้อมูลเดือน ท่ีมาของการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วม โดยความ กรกฎาคม พ.ศ.2561) (องคก์ ารบริหารส่วนตาบลน้ารึม, ร่วมมือของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนากบั 2562) ประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ชุมชน เพ่ือการพัฒนากลุ่มอาชีพผู้นาสตรีและยกระดับ และเลี้ยงสัตว์ และบางส่วนออกไปรับจ้างทั่วไป อาชีพ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและสร้างรายได้เพ่ิมและ ดังกล่าวจะเป็นไปตามฤดกู าล อย่างไรกต็ ามชาวบา้ นส่วน ยกระดับคุณภาพชวี ตขิ องกลมุ่ ผู้นาสตรีตอ่ ไป ใหญ่ยังไม่มีอาชีพเสริมเพ่ือสร้างรายได้ให้กับครอบครัว 56 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ภาพที่ 1 แนวทางการพฒั นาอาชีพกลุ่มผ้นู าสตรี ชุมชนบา้ นสันตสิ ขุ ตาบลนา้ รึม อาเภอเมือง จงั หวดั ตาก วิธีการดาเนนิ งาน จานวน 30 คน โดยแบบสอบถามและวิเคราะห์ข้อมูล วิธีการดาเนินการศึกษาวิจัยในครั้งน้ีมี 3 ด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการดาเนินการอบรมเชิง ปฏิบัติการ (On Job Training) (วิโรจน์ ลักษณาดิสร, ขั้นตอน ดังน้ี 1) ระยะก่อนปฏิบัติการ การวิเคราะห์ 2550) กลุ่มอาชีพผลิตน้าอบไทย และบุหงาราไป และ ศกั ยภาพและสร้างการสว่ นร่วม โดยการประสานงานกับ พั ฒ น า ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ข อ ง ชุ ม ช น อ ย่ า ง เ ป็ น รู ป ธ ร ร ม แ ล ะ ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มผู้นาสตรีในชุมชน เพ่ือประชุมทา ดาเนินการประชุมสรุปบทเรียนหลังการดาเนินกิจกรรม ความเข้าใจและสอ่ื สารเบอื้ งต้น เพ่อื รบั ทราบปัญหาและ อบรมเชิงปฏิบัติการ 3) ระยะประเมินผลการติดตาม ความต้องการในการพัฒนาอาชพี โดยการเตรียมคนและ แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล โ ค ร ง ก า ร แ บ บ มี ส่ ว น ร่ ว ม กั บ เครือข่ายความร่วมมือให้เกิดความพร้อ มในการ กลุ่มเป้าหมายการวิจัยร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยใช้ ดาเนินการวิจยั การประสานงานที่ดีในกระบวนการและ เครื่องมือเป็นแบบสังเกต แบบสัมภาษณ์และการคืน การดาเนินงานวิจัยแบบมีส่วนร่วมอย่างชัดเจน เพ่ือให้ ข้อมูลเพ่ือทบทวนผลลัพธ์โดยจัดทารายงานผลการวิจัย เกิดความรู้และความเข้าใจตรงกันในบทบาทหน้าที่ของ และรับฟังความเห็นเพื่อการปรับปรุง เปล่ียนวิธีการ แต่ละฝ่าย โดยใช้แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม (Focus พัฒนาชมุ ชนแบบมีร่วมกัน Group) (ตรงกมล สนามเขตและคณะ, 2561) และ ผลการดาเนินงาน นามาจัดทาเอกสารสรุปแผนการดาเนินงานวิจัย เก็บ ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้าน ใน ผลการศึกษาวิจัย เร่ือง “การพัฒนาอาชีพ ชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลน้ารึม จังหวัดตาก จานวน 10 กลุ่มผู้นาสตรี ชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลน้ารึม อาเภอ คน เพ่ือเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ 2) ระยะปฏิบัติการการ เมอื ง จังหวดั ตาก” มผี ลการวิจยั ดงั นี้ พัฒนาศักยภาพและการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ สาหรับข้อมลู เชงิ ปริมาณเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากกลุม่ ผูน้ าสตรีและกลุ่ม แม่บ้านท่ีแสดงความประสงค์เข้าร่วมพัฒนาอาชีพ วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ลา้ นนา 57 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
1) ระยะก่อนปฏิบัติการ การวิเคราะห์ ภาพท่ี 2 ตราสญั ลกั ษณ์ผลติ ภัณฑ์ “บปุ ผาสันตสิ ุข” ศักยภาพและสร้างการส่วนร่วม ของกลุ่มอาชีพของผู้นา สตรีชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลน้ารึม อาเภอเมือง จังหวัด ภาพที่ 3 กระบวนการฝกึ อบรมเชิงปฏิบัตกิ าร (On Job ตาก โดยใช้แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม(Focus Group) Training) ให้กบั ผู้นาสตรีและกลมุ่ แมบ่ า้ นชุมชนสันตสิ ุข และนามาจัดทาเอกสารสรุปแผนการดาเนินงานวิจัย เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่าความคิดเห็นท่ีมีต่อ จากแผนการพัฒนากลุ่มอาชีพนา ไปสู่ ระดับความต้องการได้รับการส่งเสริมกลุ่มอาชีพมาก กจิ กรรมฝกึ อบรมเชิงปฏบิ ัตกิ ารเพ่ือผลติ นา้ อบไทย และ ทส่ี ุด ไดแ้ ก่ การผลติ น้าอบไทย การผลิตบุหงาราไป การ บุหงาราไป ณ ท่ีทาการหมู่บ้านสันติสุข หมู่ 8 ตาบล ทาขนมไทย และการทาเครื่องจกั สาน ตามลาดับ และมี น้ารึม อาเภอเมือง จังหวัดตาก ซึ่งได้รับความร่วมมือ ความต้องการให้มีการอบรมความรู้ การรวมกลุ่มและ จากผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้าน เข้าร่วมจานวน 30 คน บริหารจัดการกลุ่ม และต้องการการส่งเสริมให้จัดตั้ง พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง โดยอายุระหว่าง กลมุ่ อาชีพเสรมิ ให้กบั ผนู้ าสตรีและกลุ่มแมบ่ า้ น ด้านการ 46-60 ปี มีสถานภาพสมรส (อยู่ร่วมกัน) ระดับการศึกษา จัดหาตลาดสนับสนุนผลผลิตของกลุ่ม และการลงทุน มัธยมศึกษาปที ี่ 6 และ ปวช. มากท่ีสุด ส่วนใหญมีอาชีพเป็น เริ่มต้นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ในระดับมากท่ีสุด แม่บ้าน มีรายได้ต่ากว่า 5,000 บาท ต่อเดือน (รายได้บุคคล) ท้ังส้ิน และด้านข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมต่อการพัฒนากลุ่ม และส่วนใหญ่เป็นสมาชิกกล่มุ แมบ่ ้านของชุมชน ดังตารางท่ี อาชีพ คือ การรวมกลุ่มอาชีพยังขาดความเข้มแข็ง ควร 1 โดยกระบวนการฝึกอบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารได้ผลผลิตเป็น สนับสนุนกลุ่มอาชีพท่ีทุกคนสามารถทาได้งา่ ยและไม่ใช้ น้าอบไทยกลิ่นดอกไม้หอม 5 ชนิด (ชมมะนาด กุหลาบ กาลังมาก อกี ท้ังจดั หาวัสดุอปุ กรณไ์ ด้ในท้องถน่ิ เพอื่ เปน็ การพัฒนาศักยภาพและต่อยอดได้ นอกจากน้ันยังเห็น ว่ า ค ว ร มี ก า ร จั ด ห า ง บ ป ร ะ ม า ณ ส นั บ ส นุ น ใ ห้ มี ก า ร ฝึกอบรม รวมถึงการสนับสนุนในการหาตลาดรองรับ ผลติ ภัณฑ์ของกล่มุ อกี ด้วย 2) ระยะปฏิบัติการการพัฒนาศักยภาพและ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผลจาการพัฒนาศักยภาพและการ พัฒนาผลติ ภณั ฑ์ โดยการบนั ทกึ การสนทนากลุ่ม (Focus Group) ของภาคส่วนที่เก่ียวข้องในการวิจัย เพื่อกาหนด และขบั เคล่ือนแผนการพัฒนากลุ่มอาชพี นาร่องได้ข้อสรุป คอื การผลติ น้าอบไทย และการผลติ บหุ งาราไป ซง่ึ มีความ ต้องการมากทสี่ ดุ 2 ลาดับแรก โดยสามารถดาเนินการได้ ง่าย ทั้งน้ีมีแหล่งความรู้เป็นภูมิปัญญาท้องถ่ินในพ้ืนที่ ใกล้เคียง คืออาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา ตาก และภาคีเครือข่าย ซึ่งยินดีเป็นวิทยากรเข้า มารว่ มส่งเสรมิ ให้ความรู้ในการจัดฝกึ อบรมเชิงปฏิบัติการ ให้กับสมาชิกกลุ่มอาชีพได้เรียนรู้และปฏิบัติจนสามารถ ผลิตได้ รวมทั้งมีส่วนช่วยในการวางแผน เตรียมการผลิต และจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบ การออกแบบชื่อและฉลากตรา สินค้า ได้ข้อสรุปใช้ชื่อตราสินค้า “บุปผาสันติสุข” โดยรว่ มกันเสนอความคิด จนไดร้ บั ความเห็นชอบรว่ มกนั 58 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
จาปี มะลิ และกล้วยไม้) และ บุหงาราไป ดอกไม้และ เป็นธุรกิจของชุมชน โดยระยะแรกเน้นขายให้กับคนใน สมุนไพร 7 ชนิด (ดอกรัก จาปี บานไม่รู้โรย ดาวเรือง ชุมชนโดยวางจาหน่ายท่ีร้านค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนบริเวณ กุหลาบ มะลิ และใบเตย) โดยในการผลิตคร้ังแรก ศาลาท่ีทาการชุมชน ตลอดจนพื้นที่ร้านค้าเครือข่าย สามารถผลิตน้าอบไทย ขนาด 30 cc. ได้จานวน ใกล้เคียง ซึ่งวิเคราะห์แล้วว่าผลติ ภัณฑด์ ังกล่าวเป็นของ 60 ขวด และบหุ งาราไป ขนาดถงุ ผ้าบรรจุ 4 x 5 น้ิว ได้ ใชท้ ีส่ ามารถใช้ได้ในชีวติ ประจาวันของทุกบ้าน เนอื่ งจาก จานวน 100 ถุง ดงั ภาพที่ 3 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอมสามารถใช้ได้ทุกโอกาส และ กลมุ่ ได้จดั ต้งั และบริหารจดั การกลุ่มอาชีพ กลมุ่ ผู้นาชมุ ชน 3) ระยะประเมนิ ผลการติดตามและประเมนิ ผล ผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้าน และนักวิจัย ร่วมดาเนินการ โครงการแบบมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายการวิจัย จดั ต้งั กลุ่มอาชพี สตรีเป็นการภายในก่อน โดยมีผู้แทนของ ร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยใช้เคร่ืองมือเป็นแบบสังเกต คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้ร่วมวางแผนและดาเนินงาน แบบสมั ภาษณ์และการคนื ขอ้ มูลเพ่ือทบทวนผลลพั ธ์โดย ด้านการจัดหาทุน การผลิต การตลาด การเงิน การบัญชี จัดทารายงานผลการวิจัย และรับฟังความเห็นเพ่ือการ ข้อบงั คบั ของกลมุ่ และแผนปฏิบัติงานเชงิ ธรุ กจิ ปรับปรุง เปลี่ยนวิธีการพัฒนาชุมชนแบบมีร่วมกัน พบว่าสมาชกิ ในกล่มุ มีเป้าหมายในการสรา้ งผลติ ภัณฑใ์ ห้ ตารางท่ี 1 ตารางแสดงขอ้ มลู ท่ัวไปของกลมุ่ ตัวอยา่ ง (n=30) (จานวน) ลักษณะทางประชากร รอ้ ยละ (จานวน) ลกั ษณะทางประชากร รอ้ ยละ (27) เพศ การเป็นสมาชกิ กลมุ่ แมบ่ ้านของ (3) ชมุ ชน (20) ชาย 10.0 (3) เป็นสมาชกิ 90.0 (6) หญงิ 90.0 (27) ไม่เปน็ สมาชกิ 10.0 (3) อายุ 3.3 (1) รายได้ (บคุ คล) 66.7 (1) 30 ปี และตา่ กว่า 6.7 (2) ตา่ กวา่ 5,000 บาท 20.0 (15) 31-45 ปี 73.3 (22) 5,001-10,000 บาท 10.0 (1) 46-60 ปี 16.7 (5) 10,001-15,000 บาท 3.3 (3) สูงกว่า 60 ปี ขนึ้ ไป 10.0 (3) 15,001 ขึ้นไป 50.0 (5) สถานภาพสมรส 60.0 (18) อาชพี 3.3 (6) โสด 23.3 (7) แมบ่ า้ น/ไม่มีงานทา 10.0 (20) สมรส (อย่รู ว่ มกนั ) 6.7 (2) ข้าราชการ/ลูกจา้ งของรฐั 16.7 (6) หย่าร้าง/แยกกันอยู่ 13.3 (4) พนักงานรฐั วสิ าหกจิ /ลกู จา้ งเอกชน 20.0 หมา้ ย 10.0 (3) ข้าราชการบานาญ/เกษยี ณ 66.7 การศกึ ษา 46.7 (14) อาชพี อิสระ/คา้ ขาย/รับจ้าง 20.0 ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 และตา่ กว่า 20.0 (6) รายได้ (บุคคล) มัธยมศึกษาปที ่ี 3 6.7 (2) ตา่ กว่า 5,000 บาท มธั ยมศึกษาปีที่ 6 และ ปวช. 3.3 (1) 5,001-10,000 บาท ปวส. และ อนปุ รญิ ญา ปรญิ ญาตรี สูงกว่าปริญญาตรี วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 59 ปที ี่ 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
การนาผลวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์ ทั่วไปน้ัน อาชีพดังกล่าวจะเป็นไปตามฤดูกาลเท่านั้น 1) ด้านผลลัพธ์ของการดาเนินงาน แบ่งเป็น ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่มีอาชีพเสริมเพ่ือสร้างรายได้ ให้กับครอบครัว จึงประสบปัญหาเกี่ยวกับรายได้ไม่ ดา้ นรูปธรรม ไดแ้ ก่ ผลิตภัณฑ์น้าอบไทย และบหุ งาราไป เพียงพอตอ่ การเลย้ี งชพี สว่ นด้านนามธรรม ไดแ้ ก่ องคค์ วามรูท้ ใี่ ช้ดาเนนิ การและ พัฒนากลมุ่ อาชพี เชงิ ธุรกจิ ของผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้าน ด้านความต้องการในการส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ให้สามารถพ่ึงตนเองไดภ้ ายหลงั จากการวิจัยเสรจ็ สน้ิ พบว่ามีความต้องการในระดับมากที่สุด โดยได้เลือก กจิ กรรมคือ การผลิตนา้ อบไทย การผลิตบุหงาราไป เป็น 2) ผลการบริหารจัดการของกลุ่มอาชีพใน 2 ลาดับแรก และมีความต้องการให้มีการอบรมความรู้ เชงิ ธุรกิจ มกี ารรายงานผลใหค้ ณะกรรมการชุมชนทราบ การรวมกลุ่มและการบริหารจัดการกลุ่ม และต้องการ ในการประชุมประจาเดือนของชุมชนและสามารถไปเข้า การส่งเสริมให้จัดตั้งกลุ่มอาชีพเสริมให้กับผู้นาสตรีและ รว่ มตอ่ ยอดรว่ มกับกรมพัฒนาชมุ ชน จงั หวัดตาก กลุ่มแม่บ้าน ด้านการจัดหาตลาดสนับสนุนผลผลิตของ กลมุ่ และการลงทุนเริ่มต้นโดยหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ ง อยู่ 3) ผลการจาหน่ายระยะแรก สามารถ ในระดับมากท่ีสุดท้ังสิ้น ทั้งน้ีสอดคล้องกับ ผการัตน์ จาหน่ายผลติ ภณั ฑ์ได้ในปริมาณเพ่ิมขึ้นเทียบกบั ก่อนทา พินิจวัฒน์ (2561) ท่ีพบว่า กลุ่มชาวบ้านในชุมชนบา้ น การวิจัย สามารถจาหน่ายได้ในปริมาณเฉล่ียเกิน 75% โพนไทร ตาบลเมือง อาเภอเมือง จังหวัดเลย มีความ ต่อคร้ังที่ผลิตหรือประมาณ 45 ขวดต่อคร้ังท่ีผลิต ต้องการในการส่งเสริมอาชีพเสริม และการจัดอบรมให้ เนื่องจากได้วางจาหน่ายในร้านค้ากลางของชุมชน และ ความรู้เกี่ยวกับอาชีพ และต้องการให้หาตลาดรองรับ นามาจาหน่ายเพมิ่ เตมิ ในวันจา่ ยเบีย้ ผ้สู งู อายุ หรือวนั ที่มี สินค้าเช่นเดียวกัน และสอดคล้องกับ ดวงพร กิจอาทร การจัดกิจกรรมในโอกาสต่าง ๆ ของชุมชน ซ่ึงได้รับการ และคณะ (2560) ที่พบว่า ผู้สูงอายุขององค์การบริหาร ตอบรบั ทดี่ ีจากคนในชมุ ชน รวมถงึ ลูกค้าท่ัวไป ส่วนตาบลมะเกลือใหม่ อาเภอสูงเนิน จังหวัด นครราชสีมา ก็มีความต้องการในปัจจัยส่งเสริมเหล่าน้ี 4) ผลการติดตามความเปลี่ยนแปลงภาย เช่นเดียวกัน หลงั จากการฝกึ อบรมผลิตน้าอบไทยและบุหงาราไปคร้ัง แรก พบว่า สมาชิกกลุ่มสามารถดาเนินการผลิตร่วมกัน 2) เพื่อจัดตังและดาเนินงานกลุ่มอาชีพผู้นา ได้เองโดยไม่ต้องใช้วิทยากรในการสอน เน่ืองจากมีการ สตรีชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลนารึม อาเภอเมือง จดบันทึกขั้นตอนการผลิต ส่วนผสมไว้อย่างละเอียด จังหวัดตาก ทาให้สามารถดาเนินการผลิตได้เอง และมีการรวมกลุม่ กนั ผลติ เพิ่มตามชว่ งเวลาท่ีผลติ ภณั ฑ์สามารถจาหน่ายได้ การจัดตั้งและดาเนินงานกลุ่มอาชีพหรือระยะ ใกล้หมด สามารถพัฒนาองค์ความรู้และต่อยอด ปฏิบัติการ ผลการวิจัยพบวา่ มีการจัดตั้งและดาเนินงาน ผลติ ภณั ฑ์ของชุมชนไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองและเหมาะสม กลุ่มอาชีพผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้านขึ้นในเบ้ืองต้น ซ่ึง อภปิ รายผล กระบวนการน้ีตั้งอยู่บนฐานการกาหนดและขับเคล่ือน ผู้วจิ ัยอภปิ รายผลการศึกษาตามวัตถุประสงค์ ได้ดังน้ี แผนการพัฒนากลุ่มอาชีพนาร่อง คือ สร้างเวทีการ เรียนรู้ส่งเสริมการรวมกลุ่มพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนา 1) เพ่ือศึกษาความต้องการในการพัฒนากลุ่ม ระบบตลาด พัฒนากิจกรรมเกี่ยวกับการศึกษา ทาการ อาชีพของผู้นาสตรีชุมชนบ้านสันติสุข ตาบลนารึม วิจัยเพ่ือสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน อาเภอเมอื ง จงั หวัดตาก จัดแหล่งเรียนรู้ สร้างหลักสูตรฝึกอบรม พัฒนาระบบ ข้อมูลข่าวสาร และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการพัฒนา จากข้อมูลทัว่ ไปพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนมากมี เศรษฐกิจชุมชนออกสู่สังคมภายนอก (ผ ก า รัตน์ อาชีพแม่บ้าน รับจ้างทั่วไป หรือเกษตรกรรม และมี พินิจวัฒน์, 2561) รายได้เฉลี่ยค่อนข้างน้อย จึงทาให้ผู้นาสตรีและกลุ่ม แมบ่ ้านมคี วามตอ้ งการที่จะไดร้ ับการส่งเสริมกลุ่มอาชีพ ด้านการดาเนินการ ซึ่งเป็นผลมาจากการ ในระดับมากท่ีสุด เพื่อยกระดับรายได้ของตนเอง จัดเวทีระดมสมองของภาคส่วนที่เก่ียวข้อง ได้นามา สอดคล้องกับ Board Phon Sai Village (2016) ซึ่ง กาหนดเป็นแผนการพัฒนากลมุ่ อาชีพนาร่อง ได้ข้อสรปุ กล่าวว่าในพื้นท่ีที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ กิจกรรมและสินค้าท่ีต้องการ คือ การผลิตน้าอบไทย เกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ และบางส่วนออกไปรับจ้าง 60 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
และการผลิตบุหงาราไป ซ่ึงมีเหตุผลประกอบการเลือก ให้สามารถแข่งขันด้านคุณภาพในการผลิตกับธุรกิจ คือ สามารถดาเนินการได้ง่าย วัสดุอุปกรณ์หาง่ายใน เอกชนได้ ท้องถิ่น ตน้ ทุนการผลิตไม่มาก อกี ท้งั มีแหลง่ ความรู้เป็น ภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นไปในแนว การศกึ ษาวิจยั เร่ือง “การพฒั นาอาชีพกลุ่มผนู้ า ทางการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สตรี ชุมชนบา้ นสันติสุข ตาบลนา้ รึม อาเภอเมือง จังหวดั สอดคล้องกับ อภิชัย พันธ์เสน และ คณะ (2550) โดย ตาก” นั้น มีเน้ือหาเก่ียวข้องกับศิลปวัฒนธรรมประเพณี การใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงน้ี เป็นการบริหารจัดการ และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติเพ่ือให้ บนฐานการลดความเสยี่ ง สร้างภูมคิ มุ้ กนั ใหค้ วามสาคญั เกิดความเข้าใจ ทาให้ผู้ศึกษามีความรู้จริง สามารถนาไป กบั การพัฒนาแบบองค์รวมอยา่ งยง่ั ยืน โดยใช้ทรพั ยากร ปฏิบัติได้ (วชิรวัชร งามละมอ่ ม, ม.ป.ป.) ทาให้ผู้นาสตรี ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพสูงสุด เน้นการทาให้คนมงี านทาและ และกลุ่มแม่บ้านได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ หลักปฏิบัติ มีรายได้มาเลี้ยงตนเอง และครอบครัวมีขนาดผลิตท่ี การสร้างกิจกรรมร่วมกับหน่วยงาน ชุมชน หรือบุคคล เหมาะสม และการผลิตเพื่อตอบสนองตลอดภายใน ต่างๆ ที่แสดงออกถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรม อัตลักษณ์ ทอ้ งถิ่นเป็นอันดับแรก ชุมชน ความร่วมมือของท้องถิ่น และการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในชุมชน ซ่ึงจะเป็น ทั้งน้ีการดาเนินงานซึ่งได้เกิดความร่วมมือ ประโยชนช์ ่วยให้ทกุ คนสามารถท่ีจะเรยี นรู้และเข้าใจวิถี ระหว่างชุมชน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ชีวิต การปฏิบัติตน และเข้าใจสภาพแวดล้อมได้เป็น ล้านนา ตาก ตลอดจนภาคีเครือข่าย ร่วมส่งเสริมให้ อย่างดี สอดคล้องกับ สุเมธ ตันติเวชกุล (2549) ความรู้ในการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับสมาชิก เลขาธกิ ารมูลนธิ ิชยั พฒั นา ท่กี ลา่ วว่า ทุกคนต้องรจู้ กั โลก ก ลุ่ ม อ า ชี พ ไ ด้ เ รี ย น รู้ แ ล ะ ป ฏิ บั ติ จ น ส า ม า ร ถ ผ ลิ ต ไ ด้ ที่เราอยู่ว่ามีสภาพเป็นอย่างไร จึงจะสามารถใช้ รวมทั้งมีส่วนช่วยในการวางแผน เตรียมการผลิตและ ประโยชน์และปรับเปล่ียนชวี ิตให้เหมาะสม ม่ันคง ย่งั ยืน จัดซื้อจัดหาวัตถุดิบ การออกแบบช่ือและฉลากตรา ได้ ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้มีความสอดคล้องกับสภาพ สินค้า และการดาเนินการด้านการตลาดนั้น ถือเป็น ชีวิตและชุมชน ทาให้ผู้นาสตรีและกลุ่มแม่บ้านเกิดความ แนวทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับ จรัญญา วงษ์พรหม สนใจ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม และเห็นว่าการ และคณะ (2558) ท่ีกลา่ ววา่ สถาบนั การศกึ ษาควรเข้ามา พัฒนาอาชีพนเี้ ป็นสิ่งที่มปี ระโยชน์ รวมท้ังสามารถนาไป มีบทบาทในการสนับสนุนกลุ่มอาชีพ โดยการส่งเสริมน้ัน ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้และเกิดรายได้ ซ่ึง ควรเป็นอาชพี ภายใต้ความต้องการของกลุม่ และตัวผู้รับ สอดคล้องกบั การศึกษาของ หทั ยา เจยี มศักด์ิ (2539) ท่ี การส่งเสรมิ ในเรอ่ื งองค์ความรู้ตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหท้ กุ คนได้ใช้ พบว่า การจัดกิจกรรมเรียนรู้ด้านศิลปะหัตถกรรม ศักยภาพที่มีอยู่มาสร้างคุณค่า ความมั่นคง และศักดิ์ศรี ทอ้ งถนิ่ ทาให้นักเรยี นส่วนมากสนใจ และเห็นคณุ ค่าของ ให้กับตนเอง ความรู้ท่ีได้จากบรรพบุรุษ และสามารถนามาใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ และยังทาให้เกิดความรกั ส่วนด้านการตลาดจากการสรุปผล การ ความภาคภูมิใจในทอ้ งถิ่นตนด้วย จาหน่ายระยะแรก ก็สามารถจาหน่ายไดใ้ นปริมาณเฉลี่ย เกิน 75% ต่อครั้งที่ผลิต เนื่องจากได้วางจาหน่ายใน ผู้ น า ส ต รี แ ล ะ ก ลุ่ ม แ ม่ บ้ า น มี ค ว า ม สุ ข แ ล ะ รา้ นค้ากลางของชุมชน ซ่งึ ถอื วา่ ได้รบั การตอบรบั ท่ีดจี าก พึงพอใจในการเข้าร่วมกิจกรรม เนื่องจากกจิ กรรมทส่ี ร้าง คนในชุมชน รวมถึงการนาผลิตภัณฑ์ไปฝากจาหน่าย ข้ึนเป็นกิจกรรมที่เกิดจากการสารวจความสนใจของผู้นา หรือออกร้านต่าง ๆ นั้น ก็ได้รับผลตอบรบั ท่ีดีจากลกู ค้า สตรีและกลุ่มแม่บ้านโดยตรง และยังเพ่ิมรายได้และสร้าง ท่ัวไปพอสมควร จึงถือว่าในทางการตลาดประสบ ความเข้มแข็งของคนในชุมชนเป็นการยกระดับคุณภาพ ความสาเร็จในระดับท่ีน่าพอใจ ซ่ึงจะเห็นได้ว่ากลุ่มฯ ชีวิตของชุมชน โดยมีการวางแผน การประสานงาน การ เน้นการตลาดในเชิงธุรกิจชุมชนหรือแนวเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน จึงสามารถส่งเสริมการ พอเพียงเปน็ หลกั ผการัตน์ พินิจวัฒน์ (2561) กลา่ วถงึ เรียนรู้ได้ดียิ่งข้ึน นอกจากนั้นการพัฒนาอาชีพในลักษณะ ลักษณะของธุรกิจชุมชนน้ัน จะมุ่งเน้นให้เกิดความ น้ียังเป็นส่งเสริมการเรียนรู้ท่ีมีความสนุกสนาน และการ เข้มแข็งกับชุมชน ไม่มุ่งเน้นแต่การสรา้ งผลกาไร แตเ่ น้น เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรง ทาให้ทุกคนมีส่วนร่วมและ การเกิดประโยชน์ และสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง สอดคล้องกับการศึกษาของ วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 61 ปีท่ี 3 ฉบับท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
ศิริพร รัตนประดิษฐ์ (2546) ท่ีพบว่า การวางแผนการจดั ดวงพร กิจอาทร ศิริสรณ์เจริญ กมลล้ิมสกุล และทวี กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ีมีการสารวจความสนใจของนกั ศึกษา วัชระเกียรติศกั ด์ิ. 2560. “การพัฒนากลุ่มอาชีพ เป็นส่ิงสาคัญ การศึกษาประสบการณ์จากสถานท่ีจริงท่ี ผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนตาบลมะเกลือ ต้องมีการวางแผน การติดต่อประสานงาน ฯลฯ สามารถ ใหม่ อาเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ”. ทาให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์คือ กิจกรรมมีความน่าสนใจ วา ร ส า ร วิ ช า ก า ร บ ริ ห า ร ธุ ร กิ จ ส ม า ค ม มีความสุข สามารถนาความรู้ท่ีได้ไปประยุกต์ใช้ใน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ใน ชวี ติ ประจาวันได้ นอกจากนน้ั ผูเ้ รียนยังสามารถนาความรู้ พระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ท่ีไดไ้ ปเผยแพร่ต่อไป ทาให้เกดิ ความรกั ความภาคภมู ิใจใน สยามบรมราชกุมารี. ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 2 ประจา ท้องถ่ินของตนมากขึ้น และเป็นประโยชน์ในเชิงการ เดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2560, หน้า 74-85. รวบรวมฐานข้อมูลของท้องถ่ิน วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และ วัฒนธรรม ได้วิธหี นงึ่ ดว้ ย ตรงกมล สนามเขตและคณะ . 2561. “บทเรียน ข้อเสนอแนะ ความสาเร็จการดาเนินงานเสริมสร้างสุขภาวะ แบบมีส่วนรวมของชมรมผู้สูงอายุบ้านต้นขาม สู่ 1) การบริหารจัดการกลุ่มอาชีพให้บรรลุ การเป็นหมู่บ้านผู้สูงอายุต้นแบบจัดการตนเอง : วัตถุประสงค์ของกลุ่ม มีปัจจัยสาคัญท่ีจะขับเคล่ือนให้ กรณีศึกษาการสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุ บ้าน กลุ่มประสบผลสาเร็จได้ คือกลุ่มจะต้องมีความเข้มแข็ง ต้นขาม หมู่ท่ี 2 ตาบลชัยจุมพล อาเภอลับแล สามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ ตลอดจนมีความเสียสละเวลา จังหวัดอุตรดิตถ์”. วารสารวิชาการรับใช้สังคม ร่วมกันของสมาชิกในกลุ่ม และมีการดาเนินกิจกรรมท่ี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา. ปีท่ี เหมาะสมภายใต้ข้อบังคับของกลุ่มอย่างเคร่งครัด และ 2 ฉบับที่ 1 ประจาเดือน มกราคม – มิถุนายน ควรมีการพฒั นาสมาชกิ โดยการไปศกึ ษาดงู าน ฝกึ อบรม 2561, หนา้ 69-79. การส่งเสริมความรู้ด้านการตลาด เพื่อพัฒนาอาชีพ เพ่ิมเติมและในการผลิตสินค้าและคุณภาพของสินค้า ผการัตน์ พินิจวัฒน์. 2561. “การส่งเสริมอาชีพให้ แม้ว่ากจิ กรรมและผลติ ภัณฑท์ ่ีเลือกจะใช้วสั ดุอุปกรณ์ไม่ ชุมชน: กรณีศึกษาบ้านโพนไทร ตาบลเมือง มากนัก และส่วนใหญ่หาได้ในท้องถ่ิน แต่จะต้องมีการ อาเภอเมือง จังหวัดเลย”. วารสารสันตศิ กึ ษา ระมัดระวังและควบคุมคุณภาพและปรมิ าณในการใช้ให้ ปริทรรศน์ มจร. ปีท่ี 6 ฉบับท่ี 3 (กรกฎาคม- เหมาะสมอย่างเคร่งครัด เพื่อให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์ กนั ยายน 2561), หน้า 925-935. ได้มาตรฐานเหมือนกันทุกคร้ัง นอกจากน้ันควรมีการ ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เสมอ เพื่อยกระดับ วชิรวัชร งามละม่อม. ม.ป.ป.. แนวคิด การจัด เป็นมาตรฐานผลิตภณั ฑป์ ระจาชมุ ชนต่อไป กระบวนการเรียนรใู้ นชมุ ชน. [ออนไลน์] ได้จาก: file.siam2web.com › trdm › article. 2) ควรมีการวิจัยติดตามและประเมินผลการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างต่อเนื่อง รวมท้ังการวิจัย วิโรจน์ ลักษณาดิศร. 2550. การเรียนรู้โดยใช้สมอง เพ่ือพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และควรมีการศึกษาวิจัย เป็นฐานการสร้างเด็กเก่ง. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในชุมชนอื่น ๆ หรือ ยเู คชน่ั . กลมุ่ เป้าหมายอ่ืนๆ ดว้ ย บรรณานุกรม ศิริพร รัตนประดิษฐ์. 2546. การบูรณาการการเรียนรู้เร่ือง จรญั ญา วงษ์พรหม และคณะ. 2558. กลไกการสง่ เสรมิ อาชีพท้องถิ่นในรายวิชาวิถีธรรมวิถีไทย โรงเรยี น ศรีธนาพณิชยการเทคโนโลยี เชยี งใหม่.การคน้ คว้า การมีงานทาของผู้สูงอายุท่ีเป็นแรงงาน นอก แบบอิสระ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขา ร ะ บ บ . ร า ย ง า น ก า ร วิ จั ย . ข อ น แ ก่ น : อาชวี ศกึ ษา มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.่ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . สุเมธ ตันติเวชกุล. 2549. ใต้เบืองพระยุคลบาท. พิมพ์ ครง้ั ที่ 8. กรงุ เทพฯ: มติชน. หัทยา เจียมศักด์ิ. 2539. การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นเร่อื ง หัตถกรรมในท้องถ่นิ ของนักเรียนชันประถมศึกษาปี ที่ 5 อาเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ 62 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย Board Phon Sai Village. (2016). Community เชียงใหม่. Plan. Loei : n.p. องค์การบริหารส่วนตาบลน้ารึม, [ออนไลน์] ได้จาก : http://www.namrum.go.th, 2562. Thebhattee, S. et al (2008). Self-Sufficiency อภิชัย พันธ์เสน สรวิชญ์ เปรมช่ืน และ พิเชษฐ เกียรติ with Sufficiency Economy Philosophy. เดชปัญญา. 2550. การประยุกต์พระราชดาริ Bangkok : National Office of Buddhism เศรษฐกิจพอเพียงกับอุตสาหกรรมขนาดกลาง Printing. และขนาดย่อม. กรุงเทพฯ: สานักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย. วารสารวิชาการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 63 ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
การพัฒนารูปแบบบรรจุภณั ฑส์ บูส่ บั ปะรดกล่มุ OTOP สตรีบา้ นบึง จงั หวดั ราชบรุ ี The Development of Packaging Package of Pineapple Soap in Ban Bueng Women OTOP Group, Ratchaburi Province ณฐาพัชร์ วรพงศพ์ ัชร์1* พงษศ์ ักด์ิ ผกามาศ2 แก้วตา ผวิ พรรณ3 ทวิ ากร เหลา่ ลือชา4 วศนิ พรหมพิทกั ษก์ ลุ 5 Ntapat Worapongpat1* Phongsk Phakamach2. Kaewta Phiwphun3 Tiwakorn LaoLuecha4 Wasin Phromphithakkul5 1*อาจารย์ ดร. คณะบริหารธุรกจิ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 2ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. วิทยาลัยนวัตกรรมการจดั การ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลรัตนโกสนิ ทร์ 3อาจารย์ ดร. คณะวทิ ยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์ 4อาจารย์ ดร. วทิ ยาลัยชุมชนมุกดาหาร 5อาจารย์ ดร. วทิ ยาลัยทองสุข 1*Lecturer Dr., Faculty of Business Administration, Rajamangala University of Technology Pharnakhon. 2Assistant Professor Dr., College of Innovation Management, Rajamangala University of Technology Rattanakosin. 3Lecturer Dr., Faculty of Management Science, Phetchabun Rajabhat University. 4Lecturer Dr., Mukdahan Community College. 5Lecturer Dr., Thongsook College. E-mail : [email protected], เบอรโ์ ทรศัพท์ 095-5426414 บทคัดยอ่ จากการศึกษาการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่มีรูปแบบทันสมัยกรณีศึกษากลุ่มการพัฒนารูปแบบ บรรจุภัณฑ์สบู่สับปะรดกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึง จังหวัดราชบุรีและเพ่ือศึกษาแนวทางการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ใหม่ โดยดาเนินการศึกษาตามระเบียบวิธีวิจัยแบบเชิงปริมาณ (Quantitative Research) แบ่งออกเป็น 2 ตอนดังน้ี ตอนท่ี 1 ศึกษาความตอ้ งการตอ่ การออกแบบบรรจุภัณฑท์ ี่ทันสมยั ของกลุ่มการพฒั นารปู แบบบรรจภุ ณั ฑ์สบู่สบั ปะรด กลุม่ OTOP สตรบี า้ นบงึ จังหวัดราชบรุ ี ตอนท่ี 2 ศึกษาแนวทางการออกแบบบรรจภุ ณั ฑท์ ี่ทันสมัยของกลมุ่ การพัฒนา รูปแบบบรรจุภัณฑ์สบู่สับปะรดกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึง จังหวัดราชบุรี ใช้วิธีการศึกษาเป็นวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเคร่ืองมือในการศึกษาเร่ืองรูปแบบการศกึ ษา แนวทางการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยของกลุ่มผลผลิตการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์สบู่สับปะรดกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบงึ จงั หวัดราชบุรี โดยเป็นการวจิ ัยปฏิบตั กิ ารแบบมสี ่วนรว่ มเพือ่ สมาชกิ กลมุ่ มีสว่ นร่วมในการวิเคราะห์ปัญหา ศกึ ษาแนวทางในการแกป้ ัญหาพบว่ามรี ้านจาหนา่ ยสบั ปะรดแปรรูปของกลมุ่ บ้านบงึ อ.บ้านคา ต.บ้านบงึ จ.ราชบุรี ที่ จาหน่ายผลิตภัณฑส์ บั ปะรดแปรรูปหลากหลายชนิดจากการสอบถามและสนทนากับหวั หน้ากลุ่ม OTOP ผลการวิจยั พบว่าผลิตภัณฑ์ที่จาหน่ายและทารายได้มากท่ีสุดก็คือสบู่สับปะรดซึ่งจะสกัดจากสับปะรดขนาดบรรจุ 100 กรัม มีลกั ษณะเป็นก้อนวงรีสเี หลอื งห่อหุ้มด้วยพลาสติกมีกระดาษบอกข้อมูลเปน็ ลักษณะสีขาวและหมกึ ที่ใช้พมิ พ์ฉลากน้ัน มีลักษณะไม่กันน้าหากเกิดความชื้นหรือโดนละอองน้าทาให้ข้อมูลบนฉลากไม่ชัดเจน การบรรจุห่อหุ้มสินค้าซึ่งไม่มี มาตรฐานเพียงพอและยงั ขาดความสวยงาม ในด้านการขนส่งสบสู่ บั ปะรดท่ีถกู ห่อหมุ้ ด้วยพลาสติกจะเกิดการกระแทก ทาให้รูปทรงสบู่เสียหาย จากการสัมภาษณ์ความต้องการและปัญหาผลิตภัณฑ์กับหัวหน้ากลุ่มสตรี OTOP บ้านบึง ผลิตภัณฑส์ บสู่ ับปะรดบ้านบึงเมื่อออกจาหนา่ ยในงานแสดงสินค้าตา่ ง ๆ เมื่อเปรยี บเทยี บกับบรรจภุ ัณฑผ์ ลิตภัณฑ์สบู่ สับปะรดอ่นื ๆ ในท้องตลาดแล้วยังไม่สามารถแขง่ ขันทางการตลาดได้ เน่อื งจากบรรจุภณั ฑ์ขาดความนา่ สนใจและไม่ วารสารวชิ าการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 65 ปีท่ี 3 ฉบับท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
เปน็ ทีจ่ ดจาของผู้บริโภคอกี ท้ังยังไม่สะดวกต่อการนาพาเมือ่ เป็นผลิตภณั ฑ์ของซือ้ ของฝากจึงเป็นทม่ี าของทีมวจิ ัยที่ลง พื้นท่ีถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์สบู่สับปะรดกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึง จังหวัดราชบุรี จนได้ ผลลัพธ์บรรจุภัณฑ์โดดเด่นแตกต่างและเพ่ิมยอดขายของกลุ่มได้เพ่ิมขึ้น 10% และเป็นประโยชน์กับชุมชนเจ้าของ ผลิตภณั ฑ์ตอ่ ไป คาสาคญั การพัฒนารปู แบบบรรจภุ ณั ฑ์สบสู่ บั ปะรด Abstract From the study of the development of new packaging with modern style, in the case of the pineapple soap packaging development group, OTOP women in Ban Bueng, Ratchaburi province, and to study the new packaging design guidelines by studying in accordance with the research methodology. volume (Quantitative Research) is divided into 2 parts as follows: Part 1: Study of the demand for modern packaging design of pineapple soap packaging development group, OTOP group Ban Bueng Women, Ratchaburi Province, Part 2: Study of modern packaging design guidelines for the pineapple soap packaging development group, OTOP Women Ban Bueng, Ratchaburi province, using the method of quantitative research. (Quantitative Research) by using questionnaires Questionnaire is a tool for studying the study of the modern packaging design guidelines of the product group, the development of the pineapple soap packaging model, the OTOP group Ban Bueng Women, Ratchaburi Province, as a participatory action research for group members to participate in problem analysis, study the ways to solve problems, found that there are pineapple processing shops of Ban Bueng Group, Ban Kat District, Ban Bueng District. Ratchaburi, which sells a variety of processed pineapple products from inquiries and conversations with the OTOP group leaders. The results of the study showed that the products sold and generated income The most common is the pineapple soap, which is extracted from pineapples. The package size is 100 grams. It has a yellow ellipse, encased in plastic, with white informational paper, and the ink used to print the label is not waterproof if moisture occurs. Or get sprayed, causing the information on the label to be unclear. Packaging of products that do not have enough standards and lack of beauty In transportation, the pineapple soap that is encased in plastic will cause impact, causing the shape of the soap to be damaged. From the interview of product demand and problem with the head of OTOP women group, Ban Bueng, Ban Bueng pineapple soap products, when sold at various trade shows, when compared to the packaging of other pineapple soap products in the market, still cannot compete in the market. Because the packaging is not attractive and is not recognized by consumers and is not easy to take when being a product to buy souvenirs, therefore, is the source of the research team that visited the technology transfer area. Develop the packaging style of pineapple soap, OTOP Women in Ban Bueng, Ratchaburi province to achieve outstanding packaging results and increase sales by 10% and benefit the community The owners of the following products: Keyword Pineapple soap packaging 66 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
บทนา แปรรูปเป็นหมู่บ้านเกษตรกรโดยในชุมชนมีการปลูก นโยบายของโครงการหน่ึงตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ สับปะรดหวานเป็นจานวนมากและได้มีการรวมกลุม่ กนั เพ่ือนาผลผลิตภายในชุมชนมาแปรรูปและส่งขายออกสู่ ของจังหวัดราชบุรีจัดทาขึ้นเพื่อให้แต่ละชุมชน นา ตลาดภายนอกชุมชนซ่ึงผลผลติ เหลา่ น้ันได้นามาแปรรปู ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาสินค้า เพ่ือสร้าง เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่สบู่สับปะรดโดยผลิตภัณฑ์ท่ี รายได้ให้แก่ชุมชนให้สามารถยกระดับฐานะความ ออกมาแล้วได้มีการจัดมาใส่บรรจุภัณฑ์ที่ทางชุมชนได้ เป็นอยู่ของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยการเลือกผลิตหรือ ออกแบบมาเพื่อสาหรับบรรจุสบู่สับปะรด โดยมี จัดการทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถ่ินให้กลายเป็นสินค้าทมี่ ี ช่องทางการจัดจาหน่ายผ่านหน้าร้านและออกบูธตาม คณุ ภาพมีจุดเด่นทเ่ี ปน็ เอกลักษณข์ องตนเองทสี่ อดคล้อง งานผลไม้ตา่ ง ๆ ของทางห้างสรรพสินค้า กับวัฒนธรรมท้องถ่ิน ให้กลายเป็นสินค้าท่ีมีคุณภาพมี จุดเด่นท่ีเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่สอดคล้องกับ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาบรรจุภัณฑ์ วั ฒ น ธ ร ร ม ท้ อ ง ถ่ิ น ส า ม า ร ถ จั ด จ า ห น่ า ย ใ น ต ล า ด ทั้ ง สาหรับผลติ ภณั ฑ์สบู่สบั ปะรดบ้านบึง โดยการออกแบบ ภายในประเทศและต่างประเทศ โดยการนาภูมิปัญญา โครงสรา้ งให้เหมาะสมกับคุณลกั ษณะของผลติ ภณั ฑ์และ ของชุมชนมาเพิ่มมูลค่ามากย่ิงข้ึนเช่น การนาผลไม้ แนวทางการออกแบบกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์ที่มีความ พ้ืนบ้านที่ใชใ้ นท้องถิ่นมาแปรรูปใหเ้ กิดประโยชน์ใช้สอย สวยงาม ชัดเจนยิ่งข้ึน และมีความเหมาะสม สอดคล้อง ซึ่งในปัจจุบันสังคมได้กลับมาให้ความสนใจในเร่ืองการ กับความต้องการของกลุ่มชุมชน ทั้งน้ีเพื่อเป็นการ รักษาสุขภาพอนามัย จึงหันมาใช้ผลิตภัณฑ์แปรรูปจาก ส่งเสริมการขายและสร้างผลกาไรให้กับผลิตภัณฑ์สบู่ ผลไม้กันมากขึ้น สบู่สับปะรดก็เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ สับปะรดบ้านบงึ ตอ่ ไป หน้าสนใจต่อกลุ่มผู้บริโภค คือ การนาสับปะรดมาเป็น วธิ ีดาเนินงาน ส่วนผสมในการทาสบู่ ช่วยดูแลสุขภาพหลีกเล่ียงการ สะสมของสารเคมใี นร่างกายรวมทง้ั เป็นการอนุรักษ์และ การวิจัยเรื่องบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ท่ีมีรูปแบบ นาสับปะรดในท้องถ่ินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทาให้เห็น ทันสมยั กรณศี กึ ษาสบู่สับปะรดกลมุ่ OTOP สตรีบา้ นบึง คุณค่าความเป็นไทย ความภูมิใจในวัฒนธรรมและ จังหวัดราชบุรีและเพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบ กลับมาดาเนนิ ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เกษตรกรใน บรรจุภัณฑ์ใหม่ ดาเนินการศึกษาตามระเบียบวิธีวิจัย ชุมชนและกลุ่มผู้นาแต่ละชุมชนในจังหวัดราชบุรีได้ แบบ การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) จัดต้ังกลุ่มขึ้นมาเพื่อกระจายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 ตอนดังน้ี OTOP ภายในชุมชนของตนเองให้สามารถออกไป จาหน่ายสู่ตลาดภายนอกได้ ซึ่งในปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ก็ ตอนท่ี 1 การพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์สบู่ เป็นสว่ นทส่ี าคัญมากเช่นกันในการเลอื กหรือตดั สินใจซื้อ สับปะรด กลมุ่ OTOP สตรบี า้ นบึง จงั หวดั ราชบรุ ี ของลูกค้าและผู้บริโภค รวมไปถึงในปัจจุบันรูปแบบ 1.1 การออกรูปแบบบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์มีความสาคัญมากในการเก็บรักษาและ 1.2 ผลสรุปแนวคิดในการออกรูปแบบบรรจุภัณฑ์ผล ป้องกันการเสียหาย เพ่ือไม่ให้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเกิด ก า ร ป ร ะ เ มิ น ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ รู ป แ บ บ บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ ส บู่ ความเสยี หายระหว่างการขนสง่ ไปยงั ร้านคา้ ตา่ ง ๆ หรอื สบั ปะรด กลมุ่ OTOPสตรบี า้ นบงึ จังหวัดราชบรุ ี ไปส่ลู กู ค้าและผบู้ รโิ ภค และนอกจากน้ีบรรจุภัณฑ์ยังถูก ใช้ให้เป็นส่ือโฆษณาท่ีเคลื่อนที่ได้อีกด้วย เพ่ือบอกและ ตอนที่ 2 ศึกษาแนวทางการออกแบบบรรจุ แสดงรายละเอียดเก่ียวกับตัวสินค้าที่บรรจุอยู่ภายในตวั ภัณฑ์ท่ีทันสมัยสบู่สับปะรดกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึง บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ ใ ห้ ลู ก ค้ า ห รื อ ผู้ บ ริ โ ภ ค ไ ด้ รั บ ท ร า บ ถึ ง จังหวัดราชบุรี ในการวิจัยในคร้ังน้ีเป็นการวิจัย คุณประโยชน์และรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนอีก ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม โดยสมาชิกลุ่มมีส่วนร่วมใน ด้วยกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึงผู้ปลูกสับปะรดหวานและ การวิเคราะห์ปัญหา ศึกษาแนวทางในการแก้ปัญหาใน การวิจัย ซึ่งการศึกษาการพัฒนารูปแบบ ผลิตภัณฑ์ ท้องถ่ินโดยใช้วิธีการวิจัย ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา 67 ปีท่ี 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
กรณีศึกษาผลิตภัณฑ์ชมุ ชนในการวจิ ัยไดม้ กี ารนาเทคนิค ต อ นที่ 2 ส อ บ ถ า ม คว าม คิ ด เ ห็นแ บ บป ร ะเมิน AIC ( Appreciation- Influence- Control) ม า ใ ช้ ซ่ึ ง ประสิทธิภาพรูปแบบบรรจภุ ัณฑ์ เทคนคิ A-I-C คือ กระบวนการประชุมท่มี วี ิธหี รอื ขั้นตอน ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะและความคดิ เห็นเพม่ิ เติมเกี่ยวกับ ที่ เ ปิ ด โ อ ก า ส ใ ห้ ผู้ เ ข้ า ร่ ว ม ป ร ะ ชุ ม ไ ด้ มี โ อ ก า ส สื่ อ ส า ร รูปแบบบรรจภุ ณั ฑแ์ บบปลายเปดิ แลกเปล่ียนความรู้ประสบการณ์ข้อมูลข่าวสาร โดยมี ขนั้ ตอนการดาเนินงานอยู่ 3 ข้ันตอนไดแ้ ก่ 2. เพื่อประเมินความพึงพอใจบรรจุภัณฑ์ 1) ข้ันการสรา้ งองค์ความรู้ คือการทาให้เกิดความเข้าใจ ผลิตภัณฑ์สบู่สับปะรด กลุ่มสตรีบ้านบึง จังหวัดราชบุรี ถึงสภาพปัญหา ข้อจากัด ความต้องการและศักยภาพ เม่ือได้บรรจุภัณฑ์ต้นแบบ เพ่ือจัดทาแบบประเมินเพื่อ ของผทู้ เ่ี กี่ยวข้องต่าง ๆ วัดระดับความพึงพอใจของกลุ่มสตรีบ้านบึง จังหวัด 2) ข้ันการสร้างการพฒั นาเป็นการระดมพลังสมอง เพ่ือ ราชบรุ ี ประเมนิ โดยผู้ผลิตผลติ ภัณฑส์ บสู่ ับปะรด จานวน แก้ไขปัญหาและแนวทางในการพัฒนาเชิงสรา้ งสรรค์ซงึ่ 100 คนผู้วิจัยแบ่งเคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลเป็นแบบ ผลงานที่ไดจ้ ากความคดิ ของผ้ทู ีเ่ ข้ารว่ มประชมุ ทกุ คน ประเมิน 1 ชุด คือแบบประเมินความพึงพอใจบรรจุ 3) ขั้นตอนในการสร้างแนวทางการปฏิบัติที่ดีคือการ ภณั ฑท์ ี่ได้รับการออกแบบและพัฒนาแล้ว วางแผนงานการนาวธิ ีการที่เกิดจากการระดมสมองการ โดยแบ่งออกเปน็ 3 ตอน ดังนี้ ว า ง แ ผ น ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ม า ท า ง า น ร่ ว ม กั น เ พ่ื อ บ ร ร ลุ ตอนท่ี 1 สอบถามขอ้ มูลทวั่ ไป เป้าหมายการวิจัยในคร้ังน้ีผู้วิจัยได้นาเทคนิค AIC มา ตอนที่ 2 สอบถามรูปแบบด้านบรรจุภัณฑ์ แบบเลือก ประยุกต์ใช้ในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์แบบมีส่วน ตอบ ร่วมโดยทาให้กลุ่มฯ เข้าใจในสภาพปัจจุบันทราบ ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบ ข้อจากัดศักยภาพของกลมุ่ และเข้าใจความต้องการหรือ บรรจภุ ณั ฑ์ แบบปลายเปดิ ความคาดหวังในอนาคตโดยสมาชิกกลุ่มมีส่วนร่วมใน มาตรส่วนประมาณค่าของแบบสอบถามความพึงพอใจ การดาเนินงานวิจัยเพื่อให้กลุ่มมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กาหนดค่าคะแนน เป็น 5 ระดับตาม วิธีของลิเคิร์ท ภายใต้บริบทของกลุ่มเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป (Likert) (พวงรตั น์ ทวีรัตน,์ 2540) เป็นเกณฑ์ โดยมีกระบวนการทางานดังนี้ 1) ขั้นตอนการสร้าง องค์ความรู้เป็นข้ันตอนการวิเคราะห์ปัญหาผู้วิจัยได้ลง ภาพท่ี 1 การลงพื้นท่ีศึกษาขอ้ มลู เบอื้ งต้น พื้นท่ีศึกษาและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อศึกษาสภาพ ภาพที่ 2 แบบบรรจุภณั ฑ์ดงั้ เดิมของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันและสภาพอนาคตท่ีมุ่งหวังโดยผู้วิจัยได้ทาการ สบ่สู บั ปะรดกลมุ่ สตรบี ้านบึง จงั หวัดราชบรุ ี วิเคราะหจ์ ุดแข็งจุดออ่ นโอกาส เ ค ร่ื อ ง มื อ ที่ ใ ช้ ใ น ก า ร วิ จั ย ค รั้ ง นี้ เ ป็ น แบบสอบถาม (Questionnaires) ที่สร้างขึ้นตามแนว วตั ถุประสงค์ของการวิจัย แบ่งออกเปน็ ดังนี้ 1. เพ่ือออกแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์สบู่ สับปะรด กลุ่มOTOPสตรีบ้านบึง จังหวัดราชบุรี ผู้วิจัย แบ่งเครื่องมือในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม 1 ชุด ดังนี้ แบบสอบถามกลุ่มสตรีบ้านบึง จังหวัดราชบุรี โดยแบ่ง ออกเปน็ 3 ตอน ดังน้ี ตอนท่ี 1 สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบ แบบสอบถาม 68 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ภาพท่ี 3 แบบบรรจภุ ณั ฑใ์ หม่ ผลการดาเนนิ งาน ภาพท่ี 4 คิวอารโ์ คด้ สาหรบั เพจ Facebook จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ข้ อ มู ล ก า ร พั ฒ น า รู ป แ บ บ กล่มุ OTOP สตรีบา้ นบงึ บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์สบู่สับปะรดจังหวัดราชบุรี โดย ภาพที่ 5 การออกรูปแบบกลอ่ งผลติ ภณั ฑ์แบบสาเร็จรปู การให้กลุ่มสตรีบ้านบึงเพ่ือให้ข้อเสนอแนะและแสดง ความคิดเห็นในการพฒั นารูปแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ สบู่สับปะรดกล่มุ OTOP สตรีบ้านบึงจังหวัดราชบรุ ีดังนี้ มีความเป็นไปได้ในการนาบรรจุภัณฑ์และฉลากมาใช้ใน บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ส บู่ สั บ ป ะ ร ด ส า ม า ร ถ ส ร้ า ง มูลค่าเพิ่มในเชิงตลาดจะให้ความรู้สึกถึงความโดดเด่น ดงึ ดูดกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคสามารถนาไปใช้ ป ร ะ โ ย ช น์ ไ ด้ จ ริ ง แ ล ะ ก า ร ส ร้ า ง ภ า พ ลั ก ษ ณ์ ที่ แ ส ด ง เอกลักษณ์ท้องถ่ินกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึงและการ ออกแบบบรรจุภัณฑผ์ ลิตภัณฑ์สบู่สบั ปะรดกลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึง ตามภาพท่ี 3 สามารถนามาเป็นของฝาก และของที่ระลึกได้ ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น ค ว า ม พึ ง พ อ ใ จ ก า ร พั ฒ น า รูปแบบบรรจุภัณผลิตภัณฑ์สบู่สบั ปะรดกลุ่มสตรีบ้านบึง จงั หวัดราชบรุ ี ผู้วิจัยเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปของ ตารางประกอบการบรรยายโดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 จากผลของการเก็บข้อมูลกลุ่ม ตวั อยา่ งของผู้บริโภคทว่ั ไปจานวน 100 คนสว่ นใหญ่เป็น เพศหญิงมากท่ีสุดจานวน 64 คนคิดเป็นร้อยละ 64.0 และเป็นเพศชายน้อยทส่ี ุดจานวน 34 คนคดิ เป็นร้อยละ 34.0 โดยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี มากท่ีสุด จานวน 29 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 29.0 และอายุต่ากว่า 25 ปี น้อยที่สุดจานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 10.0 ส่วน ใหญ่มีอาชีพค้าขาย/ธรุ กิจส่วนตัวจานวน 28 คนคิดเป็น ร้อยละ28.0และอาชีพอ่ืนๆน้อยที่สุดจานวน 3 คนคิด เป็นร้อยละ 3.0 ตอนที่ 2 สอบถามรูปแบบด้านบรรจุภัณฑ์ แบบเลอื กตอบ ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น เกีย่ วกบั รปู แบบบรรจภุ ณั ฑ์ แบบปลายเปิด ภาพที่ 6 การพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑส์ บู่สับปะรด ชนดิ เหลว วารสารวิชาการรบั ใช้สงั คม มทร.ลา้ นนา 69 ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
ตอนที่ 2 สอบถามรปู แบบด้านบรรจุภัณฑ์ แบบเลอื กตอบ ตารางท่ี 1 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจในบรรจุภัณฑ์ทผี่ ่านการออกแบบและพัฒนาใหม่ รายการ x SD ระดบั ความพึงพอใจ มาก 1.บรรจุภัณฑ์ป้องกันการสัมผัสกับกับน้า ความช้ืนหรืออากาศ 4.3 0.3 ออกแบบบรรจุภณั ฑโ์ ดยใช้วัสดุซงึ่ มีคณุ สมบัตปิ ้องกันความช้ืนและ มาก อากาศไดอ้ ย่างเหมาะสม มาก 2.บรรจภุ ณั ฑ์ปกป้องผลติ ภัณฑ์ทีอ่ ย่ภู ายในซึ่งเกิดจากแรงกระแทก 3.9 0.3 มากที่สดุ ภายนอกได้ -โครงสร้างบรรจุภณั ฑป์ ิดได้สนทิ เพอื่ คุ้มครองผลติ ภณั ฑภ์ ายใน มาก มาก 3. บรรจุภณั ฑ์รูปแบบเป็นท่จี ดจาตราสนิ คา้ 3.9 0.3 มากท่สี ดุ 4.บรรจุภัณฑ์มีความสวยงามสามารถดึงดูดความน่าสนใจเมื่อ 4.6 0.3 มาก ผ้บู รโิ ภคพบเห็น มาก 5.ใช้ภาพประกอบเพอื่ ช่วยสรา้ งความนา่ สนใจใหก้ บั สนิ ค้า 3.8 0.3 6.บรรจผุ ลิตภณั ฑ์ไดต้ ามจานวนและเหมาะสม 4.3 0.3 -บรรจุในปริมาณท่พี อเหมาะใชง้ านงา่ ยและสะดวก 7.การออกแบบใช้งานง่าย เช่น การเปิดปิดและเก็บรักษาสินค้า 4.6 0.3 -สามารถเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและเก็บรักษาคุณภาพ ผลติ ภัณฑไ์ ด้ 8.บรรจภุ ัณฑ์มีข้อมูลผลิตภณั ฑ์ครบถ้วนเหมาะสม 3.9 0.3 รวม 4.18 0.3 จากตารางที่ 1 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วน ผลิตภัณฑท์ ี่อยู่ภายในซึ่งเกิดจากแรงกระแทก ( x =3.9) ใหญ่มีความพึงพอใจด้านรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สบู่ ใช้ภาพประกอบเพื่อความน่าสนใจ ( x =3.8) สับปะรด กลุ่มสตรีบ้านบึงจังหวัดราชบุรีโดยรวมอยู่ใน ระดับมาก ( x =4.18) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ การนาไปใช้ประโยชน์ พบว่า อยู่ในระดับมากโดยในระดับมากข้อท่ีมีคะแนน จากการพฒั นารปู แบบบรรจุภัณฑ์สบู่สับปะรด เฉล่ยี มากท่ีสุดคอื บรรจภุ ณั ฑม์ ีความโดดเด่นดงึ ดูดความ น่าสนใจและเปิด-ปิดใช้งานง่ายและเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ กลุ่ม OTOP สตรีบ้านบึงจังหวัดราชบุรีในรูปแบบใหมท่ ่ี ( x =4.6) รองลงมาคือบรรจุผลิตภัณฑ์ได้ตามจานวน มีความสวยงามและทันสมัยมากสะดุดตาสะท้อนอัต และเหมาะสมและป้องกันการสัมผัสกับกับน้าความช้ืน ลกั ษณ์ผลติ ภัณฑช์ มุ ชนมากย่ิงขึ้นทาใหส้ ามารถเพิ่มยอด หรืออากาศ ( x =4.3) ต่อมาเป็นที่จดจาตราสินค้าและ การจาหน่ายจากเดิมเพม่ิ ขึ้น 10% และเพิ่มยอดการซ้ือ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ครบถ้วนเหมาะสมอีกทั้งยังปกป้อง ซ้า 15% ของผู้บริโภคจากความคิดเห็นของชุมชนท่ีมี ส่ ว น ร่ ว ม พั ฒ น า รู ป แ บ บ ข อ ง บ ร ร จุ ภั ณ ฑ์ จ น น า ไ ป สู่ 70 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
รปู แบบบรรจุภณั ฑ์ใหมท่ ี่ตรงกับความต้องการของตลาด ยอดขายจากช่องเดิมและเพิ่มช่องทางการจาหน่ายจาก และกลมุ่ เป้าหมายมากย่งิ ขนึ้ (เจนจริ า คงมาลัย, 2557) ออฟไลนเ์ ป็นออนไลน์ อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ ผลการประเมินแบบสอบถาม กลุ่มOTOPสตรี ผู้วิจัยควรมีการศึกษารูปแบบของบรรจุภัณฑ์ บ้านบึง จังหวัดราชบุรี เรื่องในด้านของการบรรจุภัณฑ์ ในชุมชนใหร้ อบคอบและศกึ ษาบรบิ ทความเป็นมาข้อมูล โดยกลุม่ เปา้ หมายมีความพงึ พอใจในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ ของชุมชน ผลิตภัณฑ์สบู่สับปะรดของกลุ่มOTOP สตรีบ้านบึง บรรณานุกรม จังหวัดราชบุรี เพราะรูปแบบบรรจุภัณฑ์มีลักษณะเป็น เจนจิรา คงมาลัย (2557). การออกแบบบรรจุภัณฑ์, กล่องสีเ่ หลีย่ มมีสีสันทสี่ วยงามนา่ ดึงดดู ตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภค บ่งบอกถึงสรรพคุณผลิตภัณฑ์ที่ เข้าถึงวันท่ี 3 สิงหาคม 2561. สืบค้นจาก ชัดเจน (อมรรตั น์ สวสั ดทิ ัต, 2555 : 44) https://nittaya111.wordpress.com พวงรัตน์ ทวีรัตน์(2540). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรม ชมุ ชนควรร่วมกันพฒั นารูปแบบบรรจุภัณฑ์อยู่ ศาสตร์และสังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : ตลอดเวลาเพ่ือสร้างความหลากหลายให้กับตัวบรรจุ ส า นั ก ท ด ส อ บ ท า ง ก า ร ศึ ก ษ า จิ ต วิ ท ย า ภัณฑแ์ ละความต้องการของผบู้ ริโภคที่มีมากยง่ิ ข้ึนส่งผล มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒประสานมติ ร ต่อด้านการเปล่ียนแปลงชุมชนในด้านการสร้างรายได้ อมรรัตน์ สวัสดิทัต (2555 : 44) บรรจุภัณฑ์นับได้ว่า จากภูมิปัญญาชมุ ชนแบบมสี ่วนรว่ มใหแ้ กก่ ลุ่มชุมชนเพื่อ เป็นปัจจัยที่สาคัญของสินค้าและขาดไม่ได้ใน ความย่ังยืนในชุมชนและการพัฒนาและบรรจุภัณฑ์ท่ี การดารงชวี ติ ประโยชนข์ องบรรจุภัณฑ์. โดดเด่นสะท้อนอัตลักษณ์และการสร้างความแตกต่าง ผลิตภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ชุมชนอื่นและสามารถสร้าง วารสารวิชาการรบั ใช้สงั คม มทร.ล้านนา 71 ปที ี่ 3 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
การพัฒนากระบวนการผลติ ผักของหม่บู ้านใหมน่ าแขม ภายใตโ้ ครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของชมุ ชนแบบมสี ว่ นร่วม Process Development of the Vegetable Production at Baan Mai Nakham Village Under the Improving Quality of Life Project. พงศ์ยุทธ นวลบุญเรอื ง1* ชิติ ศรตี นทิพย์2 ปรญิ ญาวดี ศรีตนทิพย์1 นภา ขนั สุภา1 พทิ ักษ์ พุทธวรชัย3 ภทั ราภรณ์ ศรสี มรรถการ4 สภุ าวดี แช่ม1 ยุทธนา เขาสุเมรุ1 Phongyuth Nualbunruang1* Chiti Sritontip2 Parinyawadee Sritontip1 Napa Khunsupa1 Pitak Puttawarachai3 Pattaraporn Srisamathakarn4 Supawadee Cham3 Yuttana Khaosumain1 1ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ สถาบนั วจิ ัยเทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 2รองศาสตราจารย์ ดร. สถาบันวิจยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 3อาจารย์ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 4อาจารย์ ดร. สถาบนั วิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 1Assistant Professor, Agricultural Technology Research Institute, Rajamangla University of Technology Lanna. 2Associate Professor, Dr., Agricultural Technology Research Institute, Rajamangla University of Technology Lanna. 3Lecturer, Agricultural Technology Research Institute, Rajamangla University of Technology Lanna. 4Lecturer. Dr., Agricultural Technology Research Institute, Rajamangla University of Technology Lanna. *E-mail : [email protected] เบอร์โทรศพั ท์ 0817836212 บทคดั ย่อ แตเ่ ดิมหมู่บ้านใหม่นาแขม อาเภอแม่เมาะ จงั หวัดลาปาง มกี ระบวนการปลูกผักเพ่ือผลิตสาหรบั บริโภคและ จาหนา่ ยเพือ่ เป็นการเพิ่มรายได้ให้กบั ครอบครัว ซึ่งต่อมาสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ได้เข้าไปพฒั นาปรับปรงุ ระบบ การผลิตผักให้แก่กบั ชาวบ้าน ภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพชวี ิตของชุมชนแบบมสี ว่ นร่วมเพื่อพฒั นาด้านการปลูก ผกั ปลอดสารพิษและพัฒนาเรอื่ งการแปรรปู ผักและผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆ เปน็ ระยะเวลา 3 ปี ระหวา่ งปี พ.ศ. 2558-2560 โดยใช้วิธีกระบวนการถ่ายทอดงานวิจัย การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนรว่ ม การจัดการความรู้และ กระบวนการ สรา้ งเวทีเพอื่ เกิดการเรียนรู้รว่ มกนั โดยมวี ัตถุประสงค์มุง่ เนน้ ให้มกี ารผลิตผัก 3 ระบบคือ การปลูกผักปลอดสารพิษใน แปลง การผลิตผักเชียงดา และการผลิตผักแบบไร้ดิน ซึ่งผลการดาเนินงาน เป็นระยะเวลาพบว่า 3 ปี มีการ เปล่ียนแปลงข้ึนในชุมชนในด้านการผลิตผักปลอดสารพิษ ได้แก่ ชุมชนต้นแบบท่ีมีความเข้มแข็งในการผลิตผัก มาตรฐานปลอดสารพิษแบบครบวงจร ผักที่ปลูกได้มาตรฐานการผลิตแบบ GAP ได้เคร่ืองหมายรับรองคุณภาพ มาตรฐานสินคา้ เกษตรและอาหาร Q และได้รับรองมาตรฐานการแปรรปู ผลิตภัณฑ์ อย. ผลของการศกึ ษายังพบว่ามี การบูรณาการงานบริการวิชาการกับการเรียนการสอน และการวิจัยของมหาวิทยาลัย มีการสร้างภาคเี ครือข่ายการ ดาเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยร่วมกับชุมชน ซ่ึงมีส่วนร่วมในการยกระดับ คุณภาพชวี ติ ของชุมชนใหด้ ยี ิ่งขึน้ คาสาคญั : หมูบ่ ้านใหมน่ าแขม การปลกู ผักปลอดสารพิษ โครงการยกระดับคุณภาพชวี ิต Abstract In the past, traditional vegetable growing at Baan Mai Nakham Village, Mae Mo District, Lampang Province was to produce l for self consumption and earned for the family incomes. Later on, Agricultural Technology Research Institute has developed the project for improving the vegetable production system under the project of improving the quality of life in order to develop safety vegetable cultivation and development of vegetable processing and products for a period วารสารวิชาการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 73 ปที ี่ 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
of 3 years during 2016-2018. The method of study including using the transfer process of research, participatory action research, mutual knowledge management and the process of creating a forum for mutual learning. For vegetable production were focused 3 systems including planting of safety vegetables in the plot, Chiangda (Gymnema inodorum) production and low cost soilless culture. The results of the study under the 3 years revealed that safety vegetables of the community was better, the prototype development community was stronger to complete cycle of the non-toxic standard vegetables production. GAP production standard, quality certification mark, agricultural and food products standard Q and certification of product FDA processing standards. Result of the study also indicated obviously that there were good integration among the academic and research works of the university. It also created the co-operative network closely among many agencies both inside and outside the university together with the commune activities in order to receive the better quality of life and enhanced the living standard of the villager in the community. Keyword: Baan Mai Nakham, Safety vegetable, Improving quality of life project. บทนา การเล้ยี งปลาในบ่อดิน อาทิ ปลาดุก ปลาทับทิม การทา หมู่บ้านใหม่นาแขม หมู่ที่ 7 ตาบลแม่เมาะ ปยุ๋ น้าชีวภาพ การปลกู ผกั ไรด้ ิน เป็นตน้ เป็นหมู่บ้านท่ีอพยพมาจากการขยายเหมืองแม่เมาะ จากการท่ีสานักงานพัฒ นาชุมชนอาเภอ แต่เดิมประกอบด้วยบ้านนาแขม บ้านท่าประตุ่น แม่เมาะ เทศบาลตาบลแม่เมาะ และผู้นาชุมชน บ้านนาปม ซ่ึงได้อพยพมาพร้อมกันในปี พ.ศ. 2525 ได้ดาเนินการร่วมกันทาการวิเคราะห์ศักยภาพของ ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 มีการอพยพหมู่บ้านเพิ่มเติมอีก หมบู่ า้ นใหม่นาแขมดว้ ยวิธี SWOT (ภาพท่ี 1) 3 หมู่บ้านคือ บ้านเมาะหลวง บ้านหางฮุง บ้านเวียง สวรรค์ มีจานวนครัวเรือนเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500 จึงเป็นท่ีมาของการร่วมกันจัดทาแผนชุมชน/ ครัวเรือน และมีประชากรเพิ่มข้ึนอีกหม่ืนกว่าคน อาศัย แนวทางการแก้ไข โดยได้บรรจุไว้ในแผนการพัฒนา อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันซ่ึงต่อมาไดม้ ีการแยกหมู่บ้านและ ชมุ ชน เพ่ือใช้กาหนดทิศทางของการพฒั นาหมู่บา้ น โดย เปลี่ยนช่ือเป็น “บ้านใหม่นาแขม” มีพ้ืนที่อยู่อาศัย มรี ายละเอียดดังนี้ บริเวณหมู่บ้าน 445 ไร่ ทาสวน 20 ไร่ ภูมิประเทศเป็น แนวทางการพฒั นาและแก้ไขปัญหาชมุ ชน ที่ราบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรใน หมู่บ้าน มีพื้นท่ีสาธารณะสาหรับเพาะปลูกพืชผักสวน 1) ส่งเสริมให้คนในชุมชน มีการออมทรัพย์ใน ครัวปลอดสารพิษของชุมชน โดยชุมชนดาเนินการ ครัวเรอื นในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การออมเงินวันละบาท บริหารจัดการกนั เอง มีศูนย์เรียนรู้ของชุมชน และได้รับ กลุม่ ธนาคารรกั ษ์แม่เมาะ กองทุนสัจจะบา้ นใหมน่ าแขม การคัดเลื อกให้ เป็ นศู นย์เรียนรู้อั นเนื่ องมาจาก กองทุนออมเงินขยะรีไซเคลิ เป็นต้น พระราชดาริ เนื่องจากได้น้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงใช้ในชีวิตประจาวันจนประสบผลสาเร็จเป็น 2) ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้ยั่งยืน จัดให้มีการ รูปธรรม ส่วนสภาพภูมิอากาศของชุมชนมีลักษณะ รอ้ น สง่ เสริมความรู้ ดา้ นอาชีพ ถึงร้อนมากในฤดูร้อน มีผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถ่ิน ได้แก่ พืชผลทางการเกษตรปลอดสารพิษ อาทิ พืชผัก 3) จดั ให้มรี า้ นค้าชมุ ชนและตลาด สวนครัวปลอดสารพิษ กลุ่มทาแหนม การทาขา้ วเกรยี บ 4) การพัฒนากลุ่มอาชีพในชุมชน , การพัฒนา จากผักปลอดสารพิษ การทาการเกษตรอินทรีย์ในศูนย์ ผลติ ภัณฑบ์ รรจุภณั ฑ์ เรยี นรู้ อันเน่อื งมาจากพระราชดาริ การเพาะเหด็ นางฟ้า 5) การสนับสนุนให้หน่วยงานในพ้ืนท่ีช่วยเหลือ ทนุ การศึกษาเด็กทกุ คน 6) สนับสนนุ ทุนการศกึ ษาเดก็ เรียนดี และเดก็ ทเี่ รยี น ระดบั สงู 74 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ภาพท่ี 1 การวิเคราะหศ์ กั ยภาพของหม่บู า้ นบ้านใหม่นาแขมโดยวิธี SWOT ANALYSIS ภาพท่ี 2 ผลการดาเนนิ งานตามแนวทางแก้ไขปัญหาในพัฒนาของชุมชนหมู่บ้านบา้ นใหม่นาแขม 7) สนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนเทศบาล พร้อมท้ัง 11) ผู้นาต้องเข้มแข็ง กลุ่มองค์กรต้องแข็งแรง มี เรยี นฟรี ชุดนักเรยี นฟรี ชดุ กฬี าฟรี ความเสียสละ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่เห็นแก่ตัวยึดถือ มติท่ีประชุมประชาคมเปน็ หลกั 8) ส่งเสริมสุขภาพ 6 อ (อาหาร, อารมณ์, ออก กาลังกาย, อโรคยา, อบายมุข (ลด ละ เลิก), อนามัย ก า ร ด า เนิ น ก า ร ที่ จ ะ ส า ม า ร ถ ท า ใ ห้ ชุ ม ช น ส่งิ แวดล้อม) สามารถบรรลุตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถปุ ระสงค์ และ เป้ า ห ม า ย ข อ งก า รพั ฒ น า ห มู่ บ้ า น ห รื อ ชุ ม ช น ได้ น้ั น 9) ดูแลส่ิงแวดล้อม, อนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม, ปรับปรุง ส่ิงสาคัญ คือ ประชาชนทุกภาคส่วนของชุมชนต้องมี ภูมิทัศน์ ส่วนร่วมในการจัดทา เสนอแนะ และคิดหาแนว ทางแก้ไขร่วมกันมิให้เกิดการเอาเปรียบซ่ึงกันและกัน 10) สร้างคุณธรรมจริยธรรมให้ราษฎรยึดหลักทาง ศาสนา และกฎเกณฑ์ในหมู่คณะ วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มทร.ลา้ นนา 75 ปที ่ี 3 ฉบับที่ 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
และต้องได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเครือข่าย ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนแบบมีส่วนร่วม บนพื้นฐาน ทัง้ ภาครัฐและเอกชน การสร้างความยั่งยืนให้แกช่ ุมชน วธิ ีการดาเนนิ งาน เป้าหมายหลัก 1. คณะทางานได้เขา้ ร่วมประชมุ กับชุมชนและ ได้ชุมชนต้นแบบท่ีมีความเข้มแข็งในการผลิตผัก กลุ่มการปลูกผักปลอดสารพิษ หรือ ผักอินทรีย์ของ มาตรฐานปลอดสารพิษแบบครบวงจร หมู่บ้านบ้านใหม่นาแขม เพ่ือสอบถามถึงแนวทางการ เป้าหมายรอง แก้ไขปัญหาท่ีผ่านมา และทาการทวนสอบประเด็น โจ ท ย์ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ข อ ง ชุ ม ช น ใน ห มู่ บ้ า น บ้ า น ใ ห ม่ 1) ได้ชุมชนต้นแบบท่ีมีความเข้มแข็งในการผลิตผัก นาแขม ซ่งึ พบว่า มีประเด็นปญั หา ดังน้ี มาตรฐานปลอดสารพิษแบบครบวงจร 1) อายขุ องสมาชกิ มอี ายเุ พิ่มมากข้นึ 2) ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างต่าร้อยละ 10 จาก 2) ขาดแรงงาน เน่ืองจากเดิมใช้แรงงานในครวั เรือน รายได้เดิม ได้แก่ บุตรหลาน แต่คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไปเรียน หรือ ทางานนอกพืน้ ท่ี 4. ดาเนินกิจกรรมภายใต้แผนงานโครงการ 3) คา่ แรงงานแพง เม่อื ต้องใชแ้ รงงานนอกครัวเรอื น โดยใช้เครื่องมือ 6 ประการ และความร่วมมือกับ 4) คุณ ภาพ ของผลผลิตที่ลดลงจากการขาด เครอื ข่ายตา่ ง ๆ ดงั นี้ องค์ความรู้ที่ทันสมัย หรือเทคโนโลยี นอกจากนี้ การ ปลกู ซ้าในพื้นท่ีเดิมเป็นเวลานาน 1) การวิจัยทดลองทางวิทยาศาสตร์ (ธีรวัลย์ ช า ญ ฤ ท ธิ เส น แ ล ะ ปั ท ม า ไท ย อู่ , 2552., ชิ ติ 2. คณะทางานลงพ้ืนท่ี ค้นหาหมู่บ้านชุมชน ศรีตนทิพย์,2554,2556., ชิติ ศรีตนทิพย์ และคณะ, เป้าหมาย ภายใต้ประเด็นความต้องการของชุมชนท่ี 2552,2557,2558,2559) ต้องการจะปลูกผักปลอดสารพิษเพ่ือใช้ในการบริโภค และจาหน่ายเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว 2) การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR: เป็นประเด็นหลัก ในการค้นหาพบว่าพื้นที่หมู่บ้าน Participatory Action Research) (ชัชวาล ทัตศิรัช, บ้านใหม่นาแขม หมู่ท่ี 7 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 2550., ชัชรี นฤทุม, 2551) จ.ลาปาง มปี ระเด็นของปัญหาหลกั และมีความตอ้ งการ แกไ้ ขทจี่ ะแกไ้ ขและพรอ้ มดาเนนิ การอยา่ งแท้จรงิ 3) การจัดการความรู้ร่วมกัน (KM: Knowledge management) (วจิ ารณ์ พานิช, 2548) 3. กาหนดเป้าหมายหลัก และเป้าหมายรอง และวางแผนวิธีการดาเนินกิจกรรม ภายใต้โครงการ 4) กระบวนการวจิ ยั เพือ่ ท้องถิน่ (เคร่อื งมอื ต่าง ๆ) 5) กระบวนการสร้างเวทีเพ่ือเกิดการแลกเปลี่ยน เรยี นรแู้ บบมีสว่ นรว่ ม (สุภาวดี โพธิยะราช, 2551). 6) การบรู ณาการ การวจิ ยั ร่วมกับการเรยี นการสอน ตารางท่ี 1 แผนการทางานในการดาเนินโครงการเปน็ เวลา 3 ปี ปที ่ี 1 ปที ี่ 2 ปีท่ี 3 แผนงาน 1.วางแผนและประชุมทาความเข้าใจ สร้างความตระหนัก บูรณาการ ความรแู้ ละการบริหารจัดการด้านตา่ งๆ /// 2. เวทีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกันเพ่ือการพัฒนาและยกระดับ คณุ ภาพชวี ิตชุมชนในมิติตา่ งๆ 2.1 การปลกู ผักแบบไฮโดรโปนิกส์ - รูปแบบการผลิต ชนดิ ของพชื / - การขอ GAP การพัฒนาผลิตภณั ฑ์ / - มาตรฐาน Q และการทาแพค็ เกจสินคา้ ของชมุ ชน / 2.2 การปลูกผกั เชียงดาและผักพ้ืนบา้ น - การปลกู ขยายพันธ์ุ และเพ่มิ พ้ืนทกี่ ารปลกู / 76 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
แผนงาน ปีท่ี 1 ปที ี่ 2 ปีที่ 3 - การแปรรปู ผกั เชยี งดา (ชา แคปซลู ) / - มีโรงงาน ของมาตรฐาน อย. สร้างแพ็คเกจเป็นเอกลักษณ์ ของชุมชน โลโก้สนิ คา้ / 2.3 การปลูกผกั ปลอดสารพษิ - การจดั การระบบเรียนรู้ / - ขอ GAP / - มาตรฐาน Q และการทาแพค็ เกจสนิ ค้าของชมุ ชน / 2.4 การเพิม่ ทักษะความร้ใู นด้านการผลติ - การทาปุย๋ หมัก / - การใช้สารชีวภัณฑ์ / - การผลิตเมลด็ พันธช์ุ มุ ชน / -การตรวจสอบดินและนา / -บัญชีครวั เรือน / 3. การสังเคราะห์ สรุปบทเรียน และจัดการองค์ความรู้ ตามความ ตอ้ งการของชุมชน /// 4.การตดิ ตามประเมนิ ผลการดาเนินงาน /// 5. การจัดนทิ รรศการแสดงผลงานและเวทคี ืนขอ้ มลู /// 6.การจดั ทารายงาน /// 7.จัดตังโครงการ “หมู่บา้ นนีมรี ักษ์ ปลกู ผกั ปลอดภยั ” / ภาพท่ี 3 แผนภาพกจิ กรรมการดาเนินงานของโครงการโดยใชเ้ ครือ่ งมือ 6 ประการ และความรว่ มมอื กบั เครอื ข่ายต่าง ๆ วารสารวชิ าการรบั ใช้สังคม มทร.ล้านนา 77 ปีท่ี 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
ภาพที่ 4 แผนภาพการทางานของเครอื ข่ายหนว่ ยงานทร่ี ่วมโครงการและการบูรณาการศาสตรต์ ่าง ๆ ของการทางานท่ีเกดิ ขึน้ ในโครงการ (ก) (ข) ภาพท่ี 5 กิจกรรมการถ่ายทอดองค์ความรเู้ รอ่ื งการขยายพันธผุ์ ักเชยี งดา (ก) (ข) ภาพที่ 6 การจดั ทาเวทรี วบรวมองค์ความรเู้ รอ่ื ง การปลกู ผกั เชยี งดา การปลูกผักปลอดสารพษิ และ การปลกู ผักไรด้ นิ 78 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
(ก) (ข) ภาพที่ 7 การถ่ายทอดองคค์ วามรู้เร่ืองการปลกู ผักปลอดสารพิษ (ข) (ข) ภาพท่ี 8 การถ่ายทอดองคค์ วามร้เู ร่อื งการปลกู ผกั ไรด้ นิ (ก) (ข) (ค) ภาพที่ 9 ผลติ ภณั ฑข์ องชุมชนท่ีได้จากผลการศึกษา วารสารวิชาการรับใชส้ งั คม มทร.ล้านนา 79 ปีที่ 3 ฉบบั ที่ 2 กรกฏาคม - ธันวาคม 2562
ผลการดาเนินงาน 3. ด้านสาธารณสุข ผลการดาเนินการพัฒนากระบวนการผลิตผัก การผลิตผักปลอดสารพิษ ทาให้ชาวบ้านไม่ได้ ข อ ง ห มู่ บ้ า น ให ม่ น า แ ข ม ภ า ย ใ ต้ โ ค ร ง ก า ร ย ก ร ะ ดั บ รับอันตรายจากสารเคมีต่าง ๆทาให้สุขภาพดีข้ึน อีกท้ัง คุณภาพชีวิตของชุมชนแบบมีส่วนร่วม มีผลทาให้เกิด ผบู้ ริโภคทไ่ี ด้รับสินค้าไปจากกลุม่ ชาวบ้านน้ีก็ได้สินค้าท่ี ประโยชน์ต่อชุมชนในมติ ดิ ้านตา่ ง ๆ โดยสามารถจาแนก ปลอดภยั ได้รบั รองมาตรฐาน รายละเอยี ดได้ดังนี้ 4. ด้านการมสี ว่ นรว่ ม 1. ด้านอาชีพ การทางานของโครงการยกระดับฯนี้ มีส่วน ชุมชนบ้านใหม่นาแขมเป็นชุมชนท่ีเข้มแข็ง ร่วมจากหลายหน่วยงาน คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ชาวบ้านมีผลผลติ ที่มคี ณุ ภาพดีมากขึน้ ทั้งในดา้ นปรมิ าณ ราชมงคลล้านนา สานักงานสาธารณสุข จังหวัดลาปาง และคุณภาพ มีทั้งระบบการจัดการผลิตท่ีถูกต้องได้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจังหวัดลาปาง สานักงานเกษตร มาตรฐานสามารถจัดการบริหารการผลิตผักปลอด จังหวัดลาปาง กรมวิชาการเกษตร เทศบาลตาบลแม่ สารพิษในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ เมาะ และกลมุ่ เครือขา่ ยชาวบา้ นในภาคสี มาชกิ โครงการ และการจัดจาหน่ายได้เอง หลังจากผ่านโครงการ 3 ปี ต่าง ๆ ของสถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยเี กษตร ได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆท้ัง GAP, Q และ อย. 5. ดา้ นสิ่งแวดล้อม ดังนี้ เป็นการลดการใช้สารเคมีที่อันตรายกับผู้ผลิต 1) ได้รับรองมาตรฐานการผลิต GAP ในรปู แบบของ และผบู้ ริโภค กลุ่มผู้ปลูกผักปลอดสารเคมีบ้านใหม่นาแขม ชนิดพืช การนาไปใช้ประโยชน์ พชื ตระกูลกะหล่า (กะหล่าปล)ี จากการดาเนินงานโครงการต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2) ได้รับรองมาตรฐาน GAP GAP ในรูปแบบของ 3 ปี ทาไห้ได้ซ่ึง ผลลัพธ์ ของการดาเนินการแก่ชุมชน กลุ่มกระบวนการปลูกพืชไร้ดิน (คะน้า ผักบุ้งจีน ผัก ดังน้ี สลัด) 1) ได้ชุมชนต้นแบบที่มีความเข้มแข็งในการผลิตผัก 3) ไดร้ ับรองมาตรฐาน GAP รายเด่ียวจานวน 2 ราย มาตรฐานปลอดสารพิษแบบครบวงจร ประเภทผกั บุง้ กุยช่าย ผักปลัง และคะนา้ 2) ไดม้ าตรฐานการผลติ แบบ GAP Q และ อย. 4) ได้รับรองมาตรฐาน GAP รายเดี่ยวจานวน 2 ราย 3) ชุมชนเกิดการสร้างงานสร้างรายได้ แก่คนใน ชนิดกระบวนการปลูกพืชไร้ดิน ประเภทผักสลัด ผักบุ้ง ชมุ ชนทีเ่ พ่มิ ขึน้ และย่งั ยืน ผักคะน้า และคนึ่ ฉา่ ย 4) เกิดการบูรณาการงานบริการวิชาการกับการ เรยี นการสอน และการวิจยั ของมหาวิทยาลยั ผลติ ภัณฑ์อาหารของชุมชน 5) สร้างภาคีเครือข่ายการดาเนินงานร่วมกับ - ชาวบ้านได้เรียนรู้กระบวนการขอรับรองสถานที่ หนว่ ยงานต่าง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ผลิต ผลลพั ธ์ (Outcome) ท่ีเกิดข้ึนจากการทาโครงการ 6) การปลูกผักปลอดสารพิษ ได้รับรองมาตรฐาน คือ ผลิตภั ณ ฑ์ อาหารของชุม ชนท่ี เก่ียวข้องกั บ การปฏบิ ัติการทด่ี ที างการเกษตรสาหรบั พชื อาหาร กระบวนการผลิตผกั ปลอดสารพษิ ได้รับการรบั รองจาก 7) ผลิตภัณฑ์คุกกี้ ได้รับรองสถานที่ผลิต และ ก ระ ท รว งส าธารณ สุ ข ได้ แ ก่ คุ ก กี้ ผั ก เชี ย งด า มาตรฐาน อย. เลขทะเบยี น อย. 52-2-02960-6-0004 อภิปรายผล 2. ดา้ นรายได้ จากการดาเนินการพัฒนากระบวนการผลิตผัก การที่มีผลผลิตต่าง ๆที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ของหมู่บ้านใหม่นาแขม ภายใต้แผนการดาเนินงาน และมกี ารรบั รองมาตรฐานจากทางราชการทาให้สนิ ค้ามี 7 ข้ันตอน ได้แก่บนแนวทางการพัฒนางานบนหลัก ชอ่ งทางจัดจาหน่ายมากขึ้น ทาให้รายได้มากขึ้น ชุมชน วิชาการที่สร้างความต่อเนื่องในระยะ 3 ปี ก่อเกิดการ มรี ายได้เพ่ิมขึ้น ตัง้ แต่รอ้ ยละ 5 - 36 เพ่ิมขึ้นหลังจากได้ พัฒนาชุมชนบนการมีส่วนร่วม ทาให้ได้ซึ่งชุมชนที่มี ทาโครงการ 80 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
ความเข้มแข็ง เป็นชุมชนท่ีสามารถดาเนินการจัดการ ชัชรี นฤทุม. 2551. การพัฒนาการเกษตรแบบมีส่วน และบริหารการผลิตผักปลอดสารพิษในรูปแบบต่างๆ ที่ ร่วม. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กาแพงแสน, ได้มาตรฐานขึ้น เช่น ได้รับการรับการรับรองมาตรฐาน นครปฐม. GAP Q และ อย. รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มี คณุ ภาพและการจดั จาหนา่ ยได้ดว้ ยตัวชุมชนเอง ก่อเกิด ชิติ ศรีตนทิพย์. สันติ ช่างเจรจา ยุทธนา เขาสุเมรุ การสร้างองค์ความรู้และสร้างงาน สร้างรายได้มากถึง พทิ ักษ์ พุทธวรชัย และ สัญชยั พันธโชติ. 2552. ร้อยละ 5 - 36 ให้แก่คนในชุมชนก่อเกิดความมั่นคง เอกสารประกอบการฝึกอบรมโครงการต้นกล้า ยงั่ ยนื และความมคี ณุ ภาพชวี ิตทด่ี ีขน้ึ ในมติ ิต่างๆ รวมถึง อาชีพหลักสูตรการผลิตพืชผักที่ปลอดภัยแบบ สามารถเป็นหมู่บ้านต้นแบบที่มีความเข้มแข็งในการ ไร้ดนิ เพ่ือการค้ารุน่ 3 ระหวา่ งวันที่ 8 มถิ ุนายน ผลิตผักมาตรฐานปลอดสารพิษแบบครบวงจร ที่ - 4 กรกฎาคม 2552 สถาบันวิจัยและฝึกอบรม สามารถส่งต่อความรู้และแนวปฏิบัติให้กลุ่มชุมชน การเกษตรลาปาง. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ผสู้ นใจอื่นๆ ให้สามารถนาไปศกึ ษาต่อยอดและเพ่ือการ ราชมงคลลา้ นนา. ลาปาง. พัฒนาตอ่ ไปได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ชิติ ศรีตนทิพย์. 2554. การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน แนวทางการขยายผลการดาเนินงานให้เกิด (Soilless culture). ในเอกสารประกอบการ ความสาเร็จ ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เทคโนโลยีการเกษตร 1) ความเข้มแข็งของผู้นาชุมชน ทันต่อเหตุการณ์ เพื่ อ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใช้ ด้ า น ก าร เ รี ย น ก า ร ส อ น ใ น ตัดสินใจรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงและร่วมมือกับ โรงเรียน. ระหว่างวันท่ี 28-29 กรกฎาคม หนว่ ยงานอ่นื ๆได้ เป็นทย่ี อมรบั และเป็นท่รี ้จู กั 2554. คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย 2) ความเข้มแข็งของชุมชน สมาชิกในชุมชนร่วมแรง ราชภฏั ลาปาง. ลาปาง. รว่ มใจกนั พรอ้ มทกี่ ้าวไปกบั ผนู้ าและทีมนักวิชาการของ มหาวทิ ยาลัยฯเพอื่ เดินใหถ้ ึงเป้าหมายท่วี างไว้ ชิติ ศรีตนทิพย์. 2556. เอกสารประกอบคาสอน 3) มีภาคีเครือขา่ ยความร่วมมือที่ดแี ละเข้มแขง็ สามารถ วิชาการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน. สถาบันวิจัย ที่จะเข้ามาช่วยให้แผนการดาเนินงานที่วางไว้สามารถ เทคโนโลยีเกษตร. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราช บรรลวุ ตั ถุประสงคไ์ ด้ มงคลล้านนา. ลาปาง. 247 หน้า. 4) ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแหล่งทุนอ่ืนๆ นอกเหนือจากงบประมาณของโครงการยกระดบั ฯ ชิติ ศรีตนทิพย์ สันติ ช่างเจรจา ยุทธนา เขาสุเมรุ และ กิตติกรรมประกาศ ธนานนท์ บุญเขตร์. 2557. การพัฒนาสูตร สารละลายธาตุอาหารต่อการเจริญเติบโตและ งานวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก ต้นทุนของผักข้ึนฉ่าย. วารสารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภายใต้ เกษตร 45 (3 (พเิ ศษ)): 223-228. “โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของหมู่บ้าน ชุมชน แบบมีส่วนร่วมกรณีหมู่บ้านใหม่นาแขม หมู่ 7 ตาบล ชิติ ศรีตนทิพย์ สันติ ช่างเจรจา ยุทธนา เขาสุเมรุ แม่เมาะ อาเภอแม่เมาะ จังหวัดลาปาง” เป็นเวลา 3 ปี และสัญชัย พันธโชติ. 2558. ผลของวัสดุปลูก ระหว่างปี พ.ศ. 2558-2560 ต่อการเจริญเติบโตของพริกหนุ่ม. การประชุม เอกสารอ้างองิ วิชาการพืชสวนแห่งชาติ ครั้งที่ 14 ระหว่าง ชัชวาล ทัตศิรัช. (2550). “การวิจัยเชิงปฏิบัติการ 18-20 พฤศจิกายน 2558 ณ สวนนงนุช พัทยา จังหวัดชลบุรี จัดประชมุ โดย ภาควิชาเทคโนโลยี แ บ บ มี ส่ ว น ร่ ว ม (Participatory Action การผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบัน Research-PAR) : มิติใหม่ของรูปแบบวิธวี ิจัย เท ค โน โล ยี พ ระ จ อ ม เก ล้ า เจ้ าคุ ณ ท ห า ร เพื่ อ ก าร พั ฒ น า ชุ ม ช น ร ะดั บ ท้ อ ง ถ่ิ น ” ลาดกระบัง ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร [http://www.polpacon7.ru.ac.th]. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ชิติ ศรีตนทิพย์ สันติ ช่างเจรจา ยุทธนา เขาสุเมรุ ปริญญาวดี ศรีตนทิพย์และ วิชุดา วิกาหะ. 2559. ผลของกรดฮิวมิคต่อการเจริญเติบโตและ ผลผลิตของผักสลัดในระบบไฮโดรโปนิกส์. ใน วารสารวชิ าการรับใชส้ ังคม มทร.ล้านนา 81 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 2 กรกฏาคม - ธนั วาคม 2562
การประชุมวิชาการ The 8th Rajamangala วิชาก ารป ระจาปี อุทยานวิทยาศ าสต ร์ University of Technology National ภาคเหนือครัง้ ที่ 1. 138 หน้า Conference (RMUTNC). ระหว่างวันที่ 24 - วิจารณ์ พานชิ . 2548. องคก์ ารแห่งการเรียนรู้และการ 26 สิงหาคม 2559. ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี จดั การความรู้. จาก http://nokkrob.org/. ราชมงคลกรงุ เทพ. กรงุ เทพฯ. สุภาวดี โพธิยะราช. (2551). “การวจิ ัยเชงิ ปฏิบัติการ ธีรวัลย์ ชาญฤทธิเสน และปัทมา ไทยอู่. 2552. ผล แบบมีส่วนร่วม: การจัดประชุมระดมความ ของชนิดผักเชียงดา (Gymnema inodorum คดิ เห็น (Focus group)”. [http://blog.spu. Decne.) และอุณหภูมิการอบแห้งต่อคุณภาพ ac.th]. และฤทธ์ิการต้านอนุมูลอิสระ. การประชุม 82 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 2 July - December 2019
“ว““าววราาสรราสสราาวรรแชิ นววาแชิแวิชกนานทาากวกวารทางทารรากรับารงรางใบกัชบัรกใาส้เใาตชชรรังส้รส้เคเตงยีตัังมครคมรยีมมยีมบมหมทมมบาบคหหทววทาาคทิ าควววยมทิทิวาาเายพยมลมาาเยัอ่ื พเลลเพตทยัยัือ่ พีื่อคเเตททติมโพี นคคพีพิมโโโิมลนน์ใพนยพโโล์วลใีรใ์นยนาายวีรรชวรี าาสมาารชารชงสมรสมคางางลรครคลลลา้ ลลน้าาน้ นนานน”าา”” แนวคิดและหลักการ ปัจจุบัน วิชาการรับใช้สังคม (socially-engage scholarship) ได้มีการดาเนินการกันแพร่หลายและ ตอ่ เนือ่ ง โดยเป็นการทางานเชงิ วชิ าการร่วมกนั ระหว่างมหาวิทยาลยั ฯ หรือหน่วยงานต่าง ๆ กับสงั คมเพื่อเปา้ หมาย สาคญั ในการเปลีย่ นแปลงสังคมสู่ทศิ ทางที่ดขี ้ึน โดยการทางานร่วมกันท่ีว่าน้ันตั้งอยบู่ นหลักการพื้นฐาน 4 ประการ คือ ร่วมคิดร่วมทา (Partnership) ผู้เกี่ยวข้องมีผลประโยชน์ร่วมกัน (Mutual benefit) เรียนรู้และใช้ความรู้ รว่ มกนั (Scholarship) และมีผลกระทบต่อสงั คม (Social impact) การดาเนนิ งาน “วิชาการรับใชส้ งั คม” จะเนน้ การมสี ่วนรว่ มของชุมชน หมบู่ า้ น/ชมุ ชนแบบมีสว่ นรว่ มโดย สมาชิกในชุมชน นักวิชาการของมหาวิทยาลัย หน่วยงาน ร่วมกันคิด กาหนดแนวทางในการดาเนินการร่วมกัน การมสี ว่ นรว่ มของคนในชมุ ชนท่ีชว่ ยกันค้นหาความต้องการ หรือปัญหาทตี่ อ้ งการการแกไ้ ข โดยแบ่งได้เปน็ 1. งานบรกิ ารวิชาการ (community service learning) ทมี่ กี ระบวนการนาองค์ความร้ทู ี่มีอยู่ภายในหรือ ภายนอกมหาวิทยาลยั มาปรบั ปรุง ประยุกต์ และใช้กระบวนการท่ีเหมาะสมและเข้ากับบรบิ ทของแต่ละชุมชนหรอื สถานประกอบการ 2. งานวิจัย (socially-engage research) ท่ีสร้างองค์ความรู้เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหา ใหก้ ับผูใ้ ช้ อาทิ ชมุ ชนหรอื ผู้ประกอบการ ดังน้นั การดาเนนิ การ “วารสารทางวชิ าการรบั ใชส้ ังคม” จะเปน็ แนวทางหนง่ึ ใหน้ กั วิจัย นกั บรกิ ารวิชาการ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ที่ทางานร่วมกับผู้ใช้ผลงานไม่ว่าจะเป็นคนในชุมชนหรือผู้ประกอบการ มีแหล่งวารสารที่สามารถตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซ่ึงจะส่งผลดีต่อการดาเนินงาน วิชาการด้านรับใช้สังคมของมหาวิทยาลัย และประเทศชาติให้พัฒนาข้ึนต่อไป ท้ังงานวิชาการรับใช้สังคมเพื่อ ประโยชนข์ องชุมชนและสาธารณะ และงานวิชาการรับใช้สังคมเพอ่ื ผ้ปู ระกอบการ วตั ถุประสงค์ของ “วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม” วารสารวิชาการรับใช้สังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์ผลงาน วิชาการด้านรับใช้สังคม ทั้งงานวิจัยและงานบริการวิชาการ เผยแพร่เพื่อพัฒนาสังคมและส่งเสริมให้นักวิชาการ ด้านรับใชส้ ังคมในหน่วยงานต่าง ๆ ได้มแี หล่งนาเสนอผลงานทางวชิ าการส่สู าธารณะ หลกั เกณฑก์ ารเสนอบทความวิจัยสาหรับ “วารสารวชิ าการรับใช้สังคม” 1. เป็นบทความท่ีเกิดจากการค้นคว้าวิจัยโดยมีกระบวนการนาไปสู่การสร้างความรู้เพื่อใช้ประโยชน์ใน ชุมชน สถานประกอบการ และมีข้ออธิบายได้อย่างชัดเจน และ/หรือ เป็นบทความท่ีเกิดจากการบริการวิชาการท่ี สามารถอธิบายกระบวนการนาองค์ความรู้ ไปปรับใช้ ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของ ชุมชนหรือผูป้ ระกอบการ วารสารวิชาการรับใช้สังคม มทร.ล้านนา 83 วารสารวชิ ปาที กี่ 3าฉรบับรทับ่ี 2ใชกร้สกงั ฏคาคมมม- ธทนั รว.าลคมา้ น25น6า2 75 ปีที่ 3 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม - มถิ นุ ายน 2562
2. เป็นงานวิจัยหรืองานบริการวิชาการที่มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนา สังคม ชุมชน ทอ้ งถ่นิ และ/หรอื ผ้ปู ระกอบการ 3. มีการนาผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในสถานประกอบการหรือในชุมชนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาทปิ ระโยชน์เชงิ นโยบาย เชิงพานิชย์ เชงิ สาธารณะ หรืออนื่ ๆ 4. เป็นการบริการวิชาการที่สามารถอธิบายกระบวนการหรือวิธีการนาเอาองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ใน สถานประกอบการหรอื ในชุมชน 5. การนาไปใช้ประโยชน์เกิดผลกระทบกับสังคม ชุมชน ท้องถิ่นหรือผู้ประกอบการในด้านการยกระดับ คุณภาพด้านต่างๆ อย่างชัดเจน อาทิ รายได้ โอกาสในการดาเนินชีวิต สุขภาพตลอดจนผลกระทบดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ในชุมชน ฯลฯ และ/หรอื มผี ลกระทบในทางบวกในด้านต่างๆของโรงงาน สถานประกอบการ การเขียนบทความจากงานวิจัยและบริการวิชาการเพื่อตีพิมพ์ใน “ วารสารวิชาการรับใช้สังคม” จะต้อง สอดคล้องกับประกาศ ก.พ.อ. ฉบับท่ี 9 ที่เกี่ยวกับการเขียนเอกสารวิชาการรับใช้สังคม ซ่ึงมี 7 ประการ คือ สามารถอธบิ าย/ชแี้ จงในประเด็นดงั ต่อไปนี้ 1. สภาพการณก์ ่อนการเปลี่ยนแปลงท่ีเกดิ ขึน้ 2. การมสี ่วนร่วมและการยอมรบั ของสงั คมเปา้ หมาย 3. กระบวนการท่ีทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทีด่ ขี ึ้น 4. ความรคู้ วามเชี่ยวชาญทใ่ี ช้ในการทาใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงนน้ั 5. การคาดการณ์สิ่งที่จะตามมาหลงั จากการเปลยี่ นแปลงนั้น 6. การประเมินผลลพั ทก์ ารเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขึน้ 7. แนวทางการตดิ ตามและธารงรักษาพฒั นาการที่เกดิ ขน้ึ ให้คงอยูต่ ่อไป 7864 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 12 JJaunlyua-rDy e-cJeumnebe2r0210919
รปู แบบและแนวการเขียนบทความ เขียนบทความภาษาไทยความยาวไม่เกิน 10 หน้ากระดาษ A4 พิมพ์ด้วยตัวอักษร TH Saraban PSK ขนาด 15 พอยต์ อาจมภี าพ ตาราง แผนภูมิประกอบโดยทงั้ หมดตอ้ งอยูใ่ นข้อจากดั 10 หน้าดังกลา่ ว องค์ประกอบของบทความ ชื่อโครงการวิจัย การเขียนช่ือเร่ืองใช้ภาษาไทยถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ กระชับสามารถสื่อจุดประสงค์การวิจัย ชัดเจน ในกรณีท่ีมีภาษาอังกฤษให้ทาเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เฉพาะตัวแรกของคานามและคุณศัพท์ เช่น Vaginal Misoprostol in Previous Cesarean Section ที่เหลือทาเป็นเล็กหมด รวมท้ัง คากรยิ า คากริยาวิเศษณ์ และคาท่ไี มใ่ ชเ่ ป็นคานาเช่น ตวั อยา่ ง ถา้ สงสัยขอแนะนาให้พมิ พ์ตัวใหญ่ เฉพาะตัวแรกของบรรทัดเท่าน้ัน นอกนั้นทาตัวเล็ก เช่น Vaginal misoprostol in previous cesarean section ไมแ่ นะนาใหใ้ ช้ตัวสญั ลักษณต์ า่ ง ๆ ในการพิมพ์ชอื่ เรอ่ื ง ชื่อผดู้ าเนินโครงการและผ้รู ว่ มดาเนนิ โครงการ หน่วยงาน บทคดั ย่อ • ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ ใ ห้ ค ร บ ป ร ะ เ ด็ น Objective , Material and Method, Results, Conclusion เขียน 10 – 15 บรรทัด ไม่มหี ัวขอ้ กไ็ ด้ • ภาษาไทยให้มีข้อความเหมือนภาษาอังกฤษ ความยาวไม่ควรเกิน 300 คา โดยให้สรุป เน้ือหาของบทความทง้ั หมดให้เข้าใจทีม่ าของการทาวจิ ัย วตั ถุประสงค์ วิธดี าเนนิ การวจิ ัย โดยย่อ ผลการวจิ ัยวธิ ีการนาไปใชป้ ระโยชน์ และได้ผลลพั ธ์ อย่างไร คาสาคญั Keywords บทนา • ช้ีใหเ้ หน็ ความสาคัญของเร่ืองท่ีทา เขยี นให้สน้ั กระชบั ไมเ่ กนิ 15- 20 บรรทัด • คน้ คว้าเพ่ิมเตมิ วา่ มีผู้ใดทางานในลักษณะใกล้เคียงแล้วบา้ ง ได้ผลอย่างไร • ระบุแนวทางการวิจัย/กระบวนการดาเนินการบริการวิชาการ จุดประสงค์ เขียน เป็นความเรยี งหรือจัดลาดับความสาคญั แล้วจัดเรยี งเปน็ หวั ขอ้ (อาจกล่าวถึงข้อ 1. สภาพการณ์กอ่ นการเปล่ยี นแปลงท่เี กิดข้ึน) วิธีดาเนนิ งาน อธิบายวิธีดาเนินโครงการให้เห็นข้ันตอน กระบวนการระบุขอบเขตของการวิจัย วิธีเลือก กลุ่มตัวอย่างให้ชัดเจน ในลักษณะที่หากมีผู้อื่นต้องการทาวิจัยในลักษณะเดียวกันสามารถอ่าน 7875วารสารวิชาการรบั ใช้สังคม มทร.ลา้ นนา ปปีทที่ 3่ี 3ฉฉบบั ับทที่ 2่ี 1กมรกฏราคม - มธิถนั นุวาคยมน 2562
และนาไปปฏิบัติได้ (กล่าวถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย 3.กระบวนการท่ีทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 4.ความรู้ความเชี่ยวชาญท่ีใช้ในการทาให้ เกดิ การเปลีย่ นแปลงนนั้ หรอื ใช้องค์ความร้อู ะไรไปทาบา้ ง) ผลการดาเนนิ งาน อธิบายผลท่ีเกิดจากโครงการโดยตรง ไม่มีการแสดงความคิดเห็นในส่วนน้ี อาจมีภาพประกอบ แผนภูมิตาราง (อาจอธิบายถึงข้อ 2.การมีส่วนร่วมและการยอมรับของสังคมเป้าหมาย ขอ้ 6.ผลลัพธก์ ารเปลีย่ นแปลงท่เี กิดขน้ึ จากการลงไปดาเนินโครงการ) การนาไปใช้ประโยชน์ อธิบายให้เห็นว่าผลงานดังกล่าวได้นาไปใช้ประโยชน์อย่างไร ใครคือผู้ใช้ และมีกระบวนการ ผลักดัน ผลงานดังกล่าวสู่การใช้ประโยชน์ท้ังเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ และเชิงสาธารณะอย่างไร (อาจอธิบายถึงขอ้ 2.การมีสว่ นร่วมและการยอมรบั ของสังคมเป้าหมายและข้อ 6.ผลลพั ธ์การ เปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ข้นึ จากการลงไปดาเนนิ โครงการ) อภปิ รายผล สรุปและอ้างอิงให้เห็นว่าผลการดาเนินงานดังกล่าวได้องค์ความรู้ใหม่ นวัตกรรมหรือทางเลือก ใหม่ให้แก่พื้นที่อย่างไร และอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนจากผลการดาเนินงานให้เป็นรูปธรรม รวมท้ังเสนอและการทางานในขั้นต่อไป (อาจอธิบายข้อ 5.การคาดการณ์ส่ิงที่จะตามมา หลังจากการเปล่ียนแปลงน้ัน ข้อ 7. แนวทางการติดตามและธารงรักษาพัฒนาการท่ีเกิดข้ึน ใหค้ งอย่ตู อ่ ไป) บรรณานุกรม การรวบรวมรายการเอกสารทัง้ หมดท่ผี เู้ ขียนได้ใช้อ้างอิงในการเขยี นผลงานนั้น ๆ จดั เรยี งรายการ ตามลาดับอักษรช่ือผู้แต่ง ภายใต้หัวข้อ เอกสารอ้างอิง สาหรับผลงานวิชาการภาษาไทยหรือ Reference สาหรับผลงานวิชาการภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปแบบการเขียนเอกสารอ้างอิงแบบ APA (American Psychological Association) ตวั อยา่ งการเขยี นเอกสารอา้ งองิ มดี ังนี้ หนงั สอื ช่ือผแู้ ต่ง . ปที พ่ี ิมพ์ . ช่ือเรอ่ื ง. (ฉบบั พิมพ์). สถานท่พี ิมพ์. ผู้จัดพิมพ์ : ตัวอย่าง พรพิมลตรีโชติ .2542 .ชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลพม่า. กรุงเทพฯสานักงานกองทุนสนับสนุนการ : วิจยั . บทความ ชื่อผู้แต่ง .ปีที่พิมพ์(บรรณาธิการ) . ช่ือบทความ . ในชื่อบรรณาธิการ., ชื่อเร่ืองท่ีฉบับพิมพ์. หน้า. : สถานทพ่ี ิมพ์ (ปรากฏบทความผู้จัดพมิ พ์) ตัวอย่าง เสรี ลีลาภยั . 2542. เศรษฐกิจชาตนิ ิยมในประเทศกาลงั พัฒนาและสถานการณใ์ นประเทศไทย. 7886 RMUTL Journal Socially of Engaged Scholarship Vol. 3 No. 12 JJaunlyua-rDy e-cJeumnebe2r0210919
ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ (บรรณาธกิ าร), 1999 จดุ เปลีย่ นแห่งยุคสมยั . 90-141. กรุงเทพฯ: ศูนย์ศกึ ษาเศรษฐศาสตร์ การเมอื ง คณะเศรษฐศาสตร์ จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย. บทความในวารสาร ช่อื ผูแ้ ตง่ . ปีที่พมิ พ.์ “ ช่อื บทความ.” ช่ือวารสาร. ปีที่ (ลาดับท)่ี , เลขหน้าที่ปรากฏบทความ. ตัวอย่าง พุทธชาด โปธิบาล และนานันท์ ตรงดี. 2541. “สถานะของภาษาตากใบในภาษาถ่ิน”. วารสาร สงขลานครินทร ฉบับสงั คมศาสตร์และมนุษยศาสตร.์ 4, 2: 167-187. สาระสังเขปจากฐานข้อมูล CD-Row ช่ือผแู้ ตง่ . ปที ่ีพิมพ์. ชือ่ บทความ (ซีดีรอม). ชอ่ื วารสาร, ปีที่ (ลาดับที)่ , เลขหนา้ ทป่ี รากฏบทความ ในวารสาร, สาระสังเขปจาก: ชอื่ ฐานข้อมลู และหมายเลขเอกสารเพ่ือการสบื คน้ ตัวอยา่ ง Preston, W. 1982. Poetry ideas in teaching literature and writing to foreign student (CD-ROM). TESOL quarterly, 16, 489-502. Abstract from: Dialog File: ERIC Item: EJ274529 วิทยานิพนธ์ ชือ่ ผูแตง่ . ปีท่พี ิมพ์. “ชือ่ วิทยานพิ นธ.์ ” ระดบั วิทยานิพน์หรือปริญญานิพนธ์มหาวิทยาลัย. ตัวอยาง เบ็ญจรัช เวชวิรัช. 2541. “การศึกษาปัจจัยท่ีมีผลกระทบต่อมูลค่าการให้สินเชื่อเพื่อการส่งออก และนาเข้าของสถาบันการเงินไทย.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาเศรษฐศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. แหลง่ สารสนเทศบนอินเตอรเนต็ ช่ือผูแต่ง. ปีท่ีพิมพ์. “ช่ือบทความ.” ช่ือวารสาร. ปีที่หรือเล่มที่, ฉบับท่ี สืบค้นเม่ือวันที่ เดือน ปี, จากแหลง่ ที่อยู่บนอนิ เตอร์เนต็ ตัวอย่าง Indick,W.2002. “Gender Differences in Moral Judgment: Is Non-Consequential Reasoning a Factor?” Current Research in Social Psychology. 5,2 Retrieved November 11,2002, from http://www.uiowa.edu/grpproc/crisp/ crisp5.2htm การส่งตน้ ฉบับ กองบรรณาธิการ “วารสารวิชาการรบั ใชส้ งั คม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา” สง่ อเี มล์ (E-mail) แฟ้มข้อมูลมาท่ี [email protected] หรือ ระบบ Online Submission : http://kaewpanya.rmutl.ac.th/cttc/jses/login.php งานคลังความรู้ สถาบันถา่ ยทอดเทคโนโลยีสชู่ มุ ชน ท่อี ยู่ 98 หมู่ 8 ตาบลปา่ ป้อง อาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ : 0 5326 6518 ต่อ 1031 โทรสาร : 0 5326 6522 8779วารสารวชิ าการรบั ใชส้ ังคม มทร.ล้านนา ปปที ีท่ 3ี่ 3ฉฉบบั ับทท่ี 2่ี 1กมรกฏราคม - มธถิันนุวาคยมน 2562
Search