รายงานผลการดาเนินงานฉบับสมบูรณ์ การพัฒนาผลิตภณั ฑ์ลูกประคบสมนุ ไพรลา้ นนา เปน็ สเปรย์นามัน หอมระเหยลกู ประคบสูตรล้านนา (PRODUCT DEVELOPMENT OF LANNA HERBAL COMPRESS BALL TO LANNA HERBAL COMPRESS BALL ESSENTIAL OIL SPRAY) โดย สนุ ทรี รินทร์คา หัวหนา้ โครงการ ภายใตโ้ ครงการงบประมาณแผนบรู ณาการพฒั นาศักยภาพ วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี วจิ ัยและนวัตกรรมประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใตค้ วามร่วมมอื ของสานักงานคณะกรรมการวจิ ัย แหง่ ชาติ (วช.)
กิตติกรรมประกาศ งานวิจยั เรือ่ งการพฒั นาผลิตภัณฑ์ลกู ประคบสมนุ ไพรลา้ นนา เปน็ สเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลกู ประคบสูตรล้านนา (PRODUCT DEVELOPMENT OF LANNA HERBAL COMPRESS BALL TO LANNA HERBAL COMPRESS BALL ESSENTIAL OIL SPRAY) เป็นผลงานวจิ ัยเพือ่ สร้างองคค์ วามรู้ ที่เนน้ สร้าง กระบวนการคดิ สร้างสรรค์ฯ ส่งเสรมิ การพัฒนาส่ิงประดษิ ฐ์ระหวา่ งคณาจารย์ และชมุ ชน เพอ่ื เปน็ มืออาชีพ ท่มี ีความเชย่ี วชาญ (Professional) คณะผู้วิจัยได้ท้าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกประคบสมุนไพรล้านนา เป็นสเปรย์น้ามันหอมระเหยลูก ประคบสตู รลา้ นนา เพ่ือเป็นทางเลือกหรอื นา้ มาใชร้ ว่ มกบั ลกู ประคบสมุนไพรสดที่ใช้ในการนวดไทย ในการ เรยี นการสอนหลกั สตู รการนวดไทย การวจิ ัยคร้งั นีไ้ ดร้ ับทุนสนับสนนุ โครงการวิจยั ประจา้ ปี 2562 ภายใต้ โครงการงบประมาณแผน บรู ณาการพัฒนาศกั ยภาพวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี วจิ ยั และนวตั กรรมประจ้าปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใตค้ วามร่วมมอื ของส้านกั งานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คณะผูว้ ิจยั ประกอบดว้ ย 1. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สุนทรี รนิ ทร์ค้า อาจารย์ หัวหน้าโครงการ 2. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. บรรเจิด แสงจันทร์ อาจารย์ ผรู้ ่วมโครงการ 3. อาจารย์ ชัยวัฒน์ ต่อมดวงแก้ว อาจารย์ ผู้ร่วมโครงการ ขอขอบคุณแหล่งทุนผู้ให้การชว่ ยเหลอื และใหค้ วามรว่ มมอื เปน็ อยา่ งดจี นเกิด งานวจิ ัยนีข้ น้ึ สุนทรี รนิ ทรค์ ้า บรรเจดิ แสงจันทร์ ชัยวัฒน์ ตอ่ มดวงแก้ว
บทคัดยอ่ ชื่อรายงานการวจิ ยั : การพัฒนาผลิตภณั ฑล์ ูกประคบสมุนไพรล้านนา เปน็ สเปรย์นา้ มันหอมระเหยลกู ประคบสูตรล้านนา ชอ่ื ผ้วู ิจยั : สุนทรี รินทรค์ า้ , บรรเจดิ แสงจันทร์ และชัยวฒั น์ ต่อมดวงแกว้ ปที ีท่ าการวิจยั : 2562 . ....................................................................................................... การวิจยั คร้ังนมี้ วี ตั ถุประสงคเ์ พื่อศกึ ษาสว่ นผสมท่ีเหมาะสมของสเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบ สูตรลา้ นนาระหว่างสารสกดั กับตัวทา้ ละลาย และศึกษาผลการทดลองใช้สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบ สตู รล้านนาทีพ่ ฒั นาขึน้ ขอบเขตของงานวจิ ัย สกดั สารออกฤทธห์ิ รอื สารส้าคัญซ่ึงเป็นองค์ประกอบสา้ คัญ (active constituent) จากสมนุ ไพรสดทกุ ชนดิ ท่ีใชท้ า้ ลูกประคบสมุนไพรสดตามสูตรลา้ นนา มาท้าผลติ ภัณฑ์ในรูป สเปรย์นา้ มันหอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนา สรุปผลการวิจัย ดังน้ี ผลการศึกษาพบว่า อตั ราส่วนที่เหมาะสมของสารละลายมาตรฐาน (stock solution) : ตัวท้า ละลายแอลกอฮอล์ 80 % พบวา่ 10 : 90 เป็นอตั ราสว่ นทมี่ ีมาตรฐานเดียวกับการรกั ษาดว้ ยลูกประคบสด ผลการวเิ คราะห์เปรียบเทยี บความคิดเห็นเกีย่ วกบั สเปรยน์ ามันหอมระเหยลกู ประคบสูตรลา้ นนา กับ ลกู ประคบสูตรล้านนาสดจากกลมุ่ เป้าหมาย ดังนี้ (1) รอ้ ยละ 50.00 เห็นวา่ สเปรยน์ า้ มันหอมระเหยลกู ประคบสตู รล้านนามปี ระสทิ ธิภาพในการใชร้ ักษาหรอื บรรเทาอาการปวดเม่อื ย เมอื่ ยล้าและออ่ นเพลยี ได้ ดกี วา่ ลกู ประคบ มีค่า ̅ 0.43 SD 0.626 (2) รอ้ ยละ 100.00 เหน็ ว่า กล่นิ ของน้ามันหอมระเหยทม่ี ีอยู่ใน สเปรย์น้ามันหอมระเหยลกู ประคบสูตรล้านนาสามารถช่วยใหร้ ่างการเกดิ อาการตน่ื ตวั ทา้ ให้รู้สึกสดช่ืน และผอ่ นคลายได้ดกี ว่าลกู ประคบ มีคา่ ̅ 1.00 SD 0.000 (3) รอ้ ยละ 100.00 เห็นว่า สเปรย์น้ามันหอม ระเหยลกู ประคบสูตรล้านนามีความสะดวกในการน้าไปใช้ดกี ว่าลกู ประคบ มีค่า ̅ 1.00 SD 0.000 (4) ร้อยละ 100.00 เหน็ วา่ สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนามคี วามสะดวกในการเกบ็ รกั ษาดีกว่า ลกู ประคบ มคี า่ ̅ 1.00 SD 0.000 (5) ร้อยละ 100.00 เหน็ วา่ สเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลกู ประคบสูตร ล้านนามีอายกุ ารเกบ็ รกั ษาดกี วา่ ลกู ประคบ มีค่า ̅ 1.00 SD 0.000 (6) ร้อยละ 66.67 เห็นวา่ สเปรย์ น้ามนั หอมระเหยลกู ประคบสูตรลา้ นนามีคา่ ใช่จา่ ยต่อครัง้ พอ ๆ กบั การใช้ลูกประคบ มีค่า ̅ 0.33 SD 0.047 (7) รอ้ ยละ 76.67 เหน็ ว่า สเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนาสามารถน้าไปประยุกตใ์ ช้ ได้หลากหลายรปู แบบมากกวา่ การใช้ลูกประคบ มีค่า ̅0.77 SD 0.430 (8) ร้อยละ 53.33 เห็นวา่ สเปรย์ นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบสตู รลา้ นนาเปน็ ผลติ ภัณฑท์ ส่ี ามารถน้าไปจัดจ้าหนา่ ยไดไ้ ดด้ ีกว่าลกู ประคบ มคี ่า ̅ 0.37 SD 0.765 (9) ร้อยละ 53.33 มีระดบั ความพึงพอใจในภาพรวมต่อสเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูก ประคบสตู รล้านนาดีกว่าลกู ประคบ มีคา่ ̅ 0.47 SD 0.629
คาสาคญั สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลกู ประคบสตู รลา้ นนา, ลกู ประคบสมนุ ไพรลา้ นนา
Abstract Research Title : Lanna compress ball essential oil spray Author : Suntree Rincome, Banjerd Saengchan, and Chaiwat Tomduangkaew Year : 2019 ........................................................................................................ The objective of this research was to study the suitable mixture of Lana herbal compress ball essential oil spray and study the trialing results. Scope of research are to extract active ingredients or active constituents from all kinds of fresh herbs used to make fresh herbs compress according to the Lanna formula. To make products in the form of Lana herbal compress ball essential oil spray. The research findings are as follows : The study indicated that, the optimum ratio of stock solution: 80% alcohol solvent. It is found that 10: 90 is the same standard as the fresh compress treatment. The results of the comparison analysis of the opinions to the Lana herbal compress ball essential oil spray with fresh Lanna herbal compress ball from the target group as follows (1) 50.00 percent agreed that the Lana herbal compress ball essential oil spray is more effective in treating relieving pain and fatigue better than the fresh Lanna herbal compress ball. ̅ 0.43 SD 0.626 (2) 100.00% agreed that the smell of essential oils contained in the Lana herbal compress ball essential oil spray can help the body to become alert Refreshing And relax better than the fresh Lanna herbal compress ball ̅ 1.00 SD 0.000 (3) 100.00 percent agreed that the Lanna compress ball essential oil spray is more convenient to apply than the fresh Lanna herbal compress ball ̅ 1.00 SD 0.000 (4) 100.00 percent agreed that the Lanna compress ball essential oil spray is easier to store than the fresh Lanna herbal compress ball ̅ 1.00 SD 0.000 (5) 100.00 percent agreed that the Lanna compress ball essential oil spray has a better shelf life than the fresh Lanna herbal compress ball ̅ 1.00 SD 0.000 (6) 66.67% agreed that the Lanna compress ball essential oil spray is as expensive as using the fresh Lanna herbal compress ball ̅ 0.33 SD 0.047 (7) 76.67% agreed that the Lanna compress ball essential oil spray can be applied in many forms than using the fresh Lanna herbal compress ball ̅0.77 SD 0.430
(8) 53.33% considered that the Lanna compress ball essential oil spray is a protential product that can be widely sold. ̅ 0.37 SD 0.765 (9) 53.33% had a overall satisfaction with the Lanna Nadee ball oil spray than the fresh Lanna herbal compress ball Key words: Lanna compress ball essential oil spray, Fresh Lanna herbal compress ball
สารบญั 1 1 บทที่ 1 บทนา้ 3 1.1 ความส้าคัญและทมี่ าของปญั หาทีท่ า้ การวจิ ัย 3 1.2 วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการวจิ ัย 4 1.3 ขอบเขตโครงการวิจัย 4 1.4 ระเบยี บวธิ วี ิจยั 5 1.5 เป้าหมาย หรือผลผลิต หรอื ผลสา้ เร็จของโครงการ 5 1.6 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะไดร้ ับ 5 1.7 การนา้ ไปใชป้ ระโยชน์ในด้านวชิ าการ ดา้ นสงั คมและชุมชน 5 1.8 แผนการถา่ ยทอดเทคโนโลยีหรือผลการวจิ ัยสู่กลุ่มเป้าหมาย 6 1.9 ผลลพั ธ์ (Outcome) ท่คี าดว่าจะได้ตลอดระยะเวลาโครงการ 6 1.10 ผลกระทบ (Impact) ท่ีคาดว่าจะได้รับ 7 1.11 เจ้าของโครงการ 7 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ ก่ยี วข้อง 7 2.1 เอกสารทีเ่ ก่ยี วข้อง 10 14 2.1.1. สารสกัดจากสมนุ ไพร 17 2.1.2. พชื ทีใ่ ช้กล่นั นามนั หอมระเหย 17 2.2 งานวจิ ัยท่ีเกี่ยวขอ้ ง 17 บทที่ 3 วธิ กี ารด้าเนินการวจิ ัย 18 3.1 กรอบแนวคิดของโครงการวิจยั 19 3.2 รปู แบบการวจิ ัย 21 3.3 ขัน้ ตอนการดา้ เนินการวจิ ัย 21 3.4 อปุ กรณ์และวธิ ีการดา้ เนนิ การวิจยั 21 3.5 แบบประเมินความคดิ เหน็ 23 3.6. การเก็บรวบรวมข้อมูล 31 3.7 การวิเคราะห์ขอ้ มลู 31 บทที่ 4 ผลการวิจยั 34 บทท่ี 5 สรปุ อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ 35 5.1 สรปุ และอภปิ รายผล 5.2 ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม
ภาคผนวก 38
สารบญั รูปภาพ 17 18 รปู ที่ 3.1 กรอบแนวคิดของโครงการวิจัย รูปท่ี 3.2 ขนั้ ตอนดา้ เนนิ การวิจยั
สารบญั ตาราง ตารางท่ี 1.1 การนา้ ไปใช้ประโยชน์ในด้านวิชาการ ด้านสงั คมและชมุ ชน 5 ตารางท่ี 1.2 ผลลพั ธ์ (Outcome) ท่ีคาดวา่ จะได้ตลอดระยะเวลาโครงการ 5 ตารางที่ 1.3 ผลกระทบ (Impact) ทีค่ าดว่าจะได้รบั 6 ตารางท่ี 4.1 ผลการสกดั นา้ มนั หอมระเหยด้วยเคร่ืองกลน่ั นา้ มันหอมระเหยส้าหรับอตุ สาหกรรม 24 ขนาดเล็กขนาด 100 ลิตร ตารางท่ี 4.2 ผลการสกดั ดว้ ยแอลกอฮอลห์ รอื การหมัก (Maceration) สา้ หรบั อุตสาหกรรม 25 26 ขนาดเลก็ ขนาด 50 ลิตร 27 ตารางท่ี 4.3 สารละลายมาตรฐาน (stock solution) 28 ตารางที่ 4.4 ผลการศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของสเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลกู ประคบสูตรล้านนา ตารางท่ี 4.5 จ้านวน รอ้ ยละ คา่ เฉลี่ยและสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับความคิดเห็น เปรียบเทยี บผลการทดลองใชข้ ี้ผง้ึ ถนู วดลูกประคบสูตรลา้ นนากับ ลกู ประคบสูตรล้านนาสด
1 บทที่ 1 บทนา 1.1 ความสาคัญและท่ีมาของปัญหาทีท่ าการวิจัย ลูกประคบสมุนไพร คอื ส่ิงทเ่ี กิดจากภมู ิปัญญาของบรรพบรุ ุษ ที่ใช้พืชสมนุ ไพรท่ีมอี ยู่ในท้องถิน่ นามาใช้ใน การรักษา ลูกประคบสมุนไพรมปี ระโยชน์และสรรพคุณเปน็ ทย่ี อมรับของการแพทย์แผนไทยหรือแม้แต่การแพทย์ อายุรเวทในปัจจุบนั ว่าเปน็ วิธรี ักษาโรควิธีหนึ่ง ซง่ึ เมื่อผสานกับความร้อนจากลกู ประคบแลว้ ก็จะเปน็ การเสรมิ ฤทธ์ิ ในการรักษาให้มปี ระสทิ ธภิ าพในการบาบัดรักษามากยงิ่ ขึ้น โดยเฉพาะช่วยคลายกลา้ มเน้ือ คลายเส้นเอ็น ใหห้ าย จากอาการเม่ือยลา้ ออ่ นเพลีย ช่วยให้เน้อื เย่อื พังผืดคลายตัว ลดการตดิ ขัดของข้อต่อ ชว่ ยลดอาการบวมทเ่ี กิดจาก การอักเสบของกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อย เน่อื งจากการเกรง็ ของกลา้ มเนอ้ื ชว่ ยกระต้นุ ระบบไหลเวียน โลหติ ให้ทางานดีข้นึ และกลิ่นของนา้ มนั หอมระเหยในสมนุ ไพรในลกู ประคบช่วยใหร้ า่ งการเกดิ อาการตน่ื ตัว ทาให้ รู้สึกสดชนื่ และผอ่ นคลาย นอกจากน้ี ลูกประคบยงั นามาใช้ประคบเพื่อคลายเครียด สบายเน้ือสบายตวั อารมณ์ แชม่ ช่ืน ผ่องใส จิตใจ ปลอดโปรง่ หรอื ประคบเพื่อสร้างสมดุลให้แก่สุขภาพของตนเองแม้ว่าจะไม่เจบ็ ปวุ ย หรอื มี โรคภัยใด ๆ กต็ าม อยา่ งไรกต็ าม ลูกประคบสมุนไพรสด จะมีประสิทธิภาพในการออกฤทธ์ิได้ดกี ว่าสมุนไพรแห้ง เพราะมี สารสาคัญมากกวา่ ในสมุนไพรแหง้ สมุนไพรสด เช่น หัวไพร ขมนิ้ อ้อย ขม้ินชัน ตะไคร้ ผิวมะกรดู ฯลฯ มนี ้ามัน หอมระเหยที่เป็นสารสาคัญที่ออกฤทธิ์ในปริมาณที่มากกว่าเมือ่ เปรียบเทยี บกบั ลกู ประคบสมุนไพรแหง้ เพราะใน กระบวนการอบแหง้ ทาให้สมุนไพรสญู เสียนามนั หอมระเหยไปเป็นจานวนมาก ทาให้ปริมาณสารสาคัญเหลือใน ปริมาณนอ้ ย ส่งผลทาให้ประสิทธภิ าพในการรักษาลดลง แนวโน้มในปจั จบุ นั ผู้รับการรกั ษา (ผู้บริโภค) ได้ใหค้ วาม สนใจในการเลอื กใช้ลูกประคบสมนุ ไพรสดมากขึ้น นา้ มันหอมระเหยเป็นนา้ มนั ที่พืชผลติ ขึ้นตามธรรมชาติ พชื สร้างน้ามันหอมระเหยขนึ้ มาเพอ่ื ปูองกนั การ รกุ รานจากศัตรูพืช และรักษาความช่มุ ชืน้ มนษุ ย์รูจ้ ักและนานา้ มนั หอมระเหยมาใช้ประโยชน์ ไดแ้ ก่ ใชฆ้ า่ เช้ือ โรค บรรเทาอาการอักเสบ ลดบวม คลายเครียด กระตนุ้ ให้สดช่ืน และใช้ในทางสคุ นธบาบดั (พิมพร, 2547; ฐาปนยี ์, 2550; รตั นา, 2550; เทวัญ 2550) ลกู ประคบสมุนไพรสดสูตรล้านนา เป็นลกู ประคบสมุนไพรสดท่หี มอเมืองในกลมุ่ จังหวัดในพน้ื ทล่ี ้านนาใช้ ประกอบการรักษา บาบัดอาการปวดเมือ่ ย เคลด็ ขดั ยอก และไดร้ บั การส่งเสริมโดยสานกั งานสาธารณสุขจังหวัด เชียงใหม่ให้มกี ารพัฒนา อนุรักษแ์ ละพ้นื ฟวู ัฒนธรรมภมู ปิ ัญญาดั้งเดิม เพื่อสรา้ งความโดดเดน่ ด้านอตั ลักษณล์ ้านนา เชอ่ื มโยงสู่สากล กลมุ่ ของหมอพนื้ บา้ นและผูผ้ ลติ ลกู ประคบของจังหวดั เชยี งใหม่ โดยสานกั งานสาธารณสุขจงั หวดั เชยี งใหม่เป็นผูป้ ระสานงาน มีการประชุมรว่ มกนั ข้นึ เม่ือวันที่ 22 ตลุ าคม 2547 ได้จัดทาร่างมาตรฐานลกู ประคบ สมนุ ไพรลา้ นนาบางส่วน ซ่งึ มีข้อสรปุ วา่ ลกู ประคบสมนุ ไพรล้านนาตอ้ งประกอบด้วยสมุนไพรหลกั ดังน้ี (1) ไพล
2 40 % (2) ตะไคร้ 10 % (3)ขมิ้นชัน 10 % (4)ใบมะขาม 10 %(5)ใบหนาด 5 % (6) ใบเปลา้ ใหญ่ 10 % (7) ผิว มะกรูด 5 % และสามารถใช้สมุนไพรเสริมอนื่ ๆ ได้แก่ หญ้าเอน็ ยดื ใบผีเสื้อน้อย การบรู เกลอื สะตุ พิมเสน วา่ น นา้ ใบส้มปุอย ใบมะกรดู ใบเตย ใบพลบั พลึง ใบยูคาลิปตสั รวมกันอกี 10% หรอื นอ้ ย ในกลุม่ สมุนไพรเสริมจะ เลือกใชต้ ัวใดตวั หนง่ึ หรอื ไมใ่ ชก้ ไ็ ด้ (ไพล สรรพคณุ ในการลดอาการปวด บวมแดงและแก้ฟกชา้ ตะไครบ้ ้าน สรรพคณุ ใชแ้ ต่งกลน่ิ ขมิ้นชัน สรรพคณุ ในการลดการอกั เสบจากแมลงสัตว์กดั ต่อย ลดอาการแพ้ได้ ใบ มะขาม สรรพคุณในการบารงุ ผวิ พรรณ ใบหนาด สรรพคุณ แกอ้ ักเสบ กระตนุ้ การไหลเวยี นของเลือด ใบเปล้าใหญ่ สรรพคณุ รกั ษาโรคผิวหนัง ผวิ มะกรดู สรรพคุณในการรักษาอาการหน้ามืดเปน็ ลม แก้อาการวิงเวียน และบารงุ หัวใจ ขบั ลมในลาไส)้ เนือ่ งด้วยข้อจากดั ในการใช้ลูกประคบสมุนไพรสด ไดแ้ ก่ (1) สามารถเกบ็ ไดเ้ พียง 2-3 วันเท่านั้นในตูเ้ ยน็ ลูกประคบที่ทาการประคบรกั ษาแล้ว อาจใชไ้ ด้ อกี 3 - 5 วัน และเวลาเก็บควรผึ่งตัวยาไว้อย่าให้อบั หรือเก็บในท่ี เย็น เช่น ตเู้ ยน็ ก็จะทาใหเ้ กบ็ ได้นานข้ึน (2) วตั ถุดิบสมุนไพรทีป่ ระกอบในลูกประคบ จะตอ้ งมีคณุ ภาพดโี ดยมี สารสาคญั ทใี่ ช้เป็นตัวยาท่มี ีประสทิ ธิภาพ หรือไดส้ รรพคุณทางยาตามต้องการ ดงั น้นั เพ่ือให้ขนั้ ตอนการเตรียม สมุนไพรมีความถกู ต้องตามหลักวิชาการและภูมปิ ญั ญาพ้ืนบา้ น ได้สารสาคญั สูง ตามระบุใน “การเก็บยาตาม วิธกี ารของโบราณ” ปรากฏในตาราเภสัชกรรมแผนโบราณ กระทรวงสาธารณสุข หน้า 100 - 101 ระบุว่า สมนุ ไพรจาพวกหวั เหง้า เชน่ ไพล ขมน้ิ ชนั ควรเก็บช่วงที่พืชหยุดการเจริญเตบิ โต ใบรว่ งหมด (เรียกชว่ งเวลานวี้ ่า ลงหัว) ซึ่งมกั เป็นชว่ งต้นฤดหู นาวถึงปลายฤดรู ้อน สมนุ ไพรจาพวกใบและผลจะเก็บในฤดูฝน สมนุ ไพรสดนอกฤดูจะ มีปริมาณสารสาคัญที่ใช้เปน็ ตัวยานอ้ ย หายาก และราคาแพง (3) วิธีปฏบิ ัติทถ่ี ูกต้องและเหมาะสมในการใชล้ กู ประคบสมนุ ไพร โดยผ้ใู ห้การรกั ษา (ผู้ใหบ้ ริการ) จะต้องมีความรแู้ ละผา่ นการฝกึ อบรมการใช้ลูกประคบในการ รกั ษา โดยปฏิบัติตามข้ันตอนตา่ ง ๆ อยา่ งระมัดระวงั เร่ิมด้วยการจดั ทา่ ผ้รู บั การรักษา (ผู้ปุวย) ใหเ้ หมาะสม ในทา่ นงั่ หรือนอน นาลูกประคบสมุนไพรที่นึ่งหรอื ให้ความรอ้ นประมาณ 15-20 นาที หรอื จนร้อนมาทดสอบความร้อน โดยให้แตะที่ท้องแขน หรือหลงั มอื กอ่ นนาไปประคบ ในการประคบสมนุ ไพรต้องทาด้วยความรวดเรว็ ในขณะที่ลูก ประคบสมนุ ไพรกาลงั รอ้ น เม่ือลกู ประคบสมนุ ไพรเยน็ ลงจงึ วางลกู ประคบสมุนไพรไว้ได้นานขน้ึ เมื่อลูกประคบ สมุนไพรคลายความร้อน จึงเปล่ยี นลูกประคบอีกลูกหนง่ึ แทน (4) สถานท่ที ีใ่ ชน้ วดประคบ ต้องสะอาดไมแ่ ออัด มี ความสะดวกเหมาะสม (5) เวลาในการประคบมักประคบในตอนเช้า ครัง้ ละไมเ่ กนิ 3 ชั่วโมง และมกั ทาติดต่อกนั 3 – 5 วนั (6) ไมค่ วรใชล้ กู ประคบที่รอ้ นเกนิ ไป โดยเฉพาะบรเิ วณผิวหนังทีเ่ คยเป็นแผลมาก่อนหรอื บริเวณท่ีมกี ระดูด ยนื่ และตอ้ งระมัดระวงั เปน็ พิเศษในผปู้ วุ ยโรคเบาหวาน อมั พาต ในเด็กและผ้สู ูงอายุ เพราะมักมคี วามร้สู ึกในการ รับรูแ้ ละ ตอบสนองชา้ อาจทาให้ผิวหนงั ไหมพ้ องได้งา่ ย เป็นตน้ จากข้อจากดั ท่กี ลา่ วมาจึงเป็นทม่ี าของความต้องการที่จะพัฒนาผลติ ภัณฑใ์ หม้ สี มบตั ิและสารสาคัญ ทง้ั หมดยงั คงไวเ้ ชน่ เดมิ ตามภูมปิ ัญญาและอัตลักษณ์ของลูกประคบสมนุ ไพรสดลา้ นนา พัฒนาให้อยใู่ นรูปแบบ สเปรย์ที่ใช้งา่ ย สามารถนามาใช้ไดต้ ลอดเวลา ในทุกโอกาสที่ตอ้ งการ พกพาสะดวก สามารถใช้ได้ด้วยตนเอง ส่ิง
3 สาคัญคือ สามารถชว่ ยเหลือผู้ปุวยทไ่ี ม่สามารถรบั การประคบด้วยลูกประคบได้โดยตรง หรือผู้ปุวยทตี่ อ้ งระมัดระวัง เป็นพิเศษ ดังน้นั ในงานวิจยั นต้ี อ้ งการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ โดยเลือกใชว้ ธิ ีการทางเคมี ด้วยการใช้กระบวนการสกัดสาร ออกฤทธิ์หรือสารสาคญั ซง่ึ เป็นองค์ประกอบสาคัญออกมาจากพืชสมุนไพรสดธรรมชาตแิ ตล่ ะชนดิ โดยใชต้ วั ทา ละลาย (solvent) หรือนา้ ยาสกดั หรือวิธีการสกัดวธิ ีอ่นื ท่ีเหมาะสมกับชนิดของพชื สมนุ ไพรสดธรรมชาตินน้ั ๆ และทาการสกัดในฤดูกาลท่ีสมนุ ไพรนนั้ ๆ มสี ารสาคัญสูงสุด จากนน้ั นาสารสาคัญทส่ี กัดมาผสมในอัตราสว่ นดัง้ เดมิ ตามมาตรฐานสตู รลกู ประคบสมนุ ไพรล้านนา และทาผลติ ภณั ฑใ์ นรปู สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสตู ร ล้านนา 1.2 วัตถุประสงคโ์ ครงการวิจัย 1. เพอ่ื ศึกษาสว่ นผสมทเ่ี หมาะสมของสเปรยน์ า้ มันหอมระเหยลกู ประคบสตู รล้านนาระหว่างสารสกัดกบั ตวั ทาละลลาย 2. เพอ่ื ศึกษาผลการทดลองใช้สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนาท่ีพฒั นาขึ้น 1.3 ขอบเขตโครงการวจิ ัย สกัดสารออกฤทธหิ์ รือสารสาคัญซึง่ เป็นองคป์ ระกอบสาคัญ (active constituent) จากสมุนไพรสดทกุ ชนดิ ทใี่ ช้ทาลกู ประคบสมุนไพรสดตามสตู รล้านนา มาทาผลิตภัณฑใ์ นรปู สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสูตร ล้านนา ตัวแปรทีศ่ กึ ษา ได้แก่ ตัวแปรอสิ ระ (Independent variables) ได้แก่ ผลติ ภัณฑ์สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสตู ร ลา้ นนา ตวั แปรตาม (Dependent variables) ได้แก่ ส่วนผสมของสเปรย์ - ปริมาณสารสกดั จากสมุนไพรสดในลกู ประคบสมนุ ไพรสูตรล้านนา - ปรมิ าณสารตัวทาละลาย ผลการทดลองใช้ - ประสทิ ธภิ าพในการใช้รักษาหรือบรรเทาอาการปวดเมื่อย เมอื่ ยลา้ อ่อนเพลยี - กลิน่ ของนา้ มันหอมระเหยช่วยให้รา่ งการเกดิ อาการต่ืนตัว ทาให้รู้สึกสดชื่น และผอ่ นคลาย - ความสะดวกในการนาไปใช้ - ความสะดวกในการเกบ็ รักษา
4 - อายุการเก็บรักษา - คา่ ใช่จ่ายต่อคร้ัง - สามารถนาไปประยุกต์ใชไ้ ดห้ ลากหลายรปู แบบ - ผลติ ภณั ฑ์สามารถนาไปจดั จาหนา่ ยได้ - ระดับความพึงพอใจในภาพรวม 1.4 ระเบียบวิธีวจิ ัย 1. ศกึ ษาทฤษฎี/เอกสารที่เกย่ี วขอ้ งกับกระบวนการสกดั สารออกฤทธิ์ หรอื การสกัดองค์ประกอบสาคัญ (active constituent) ออกมาจากพชื สมุนไพรธรรมชาติ โดยใช้ตัวทาละลาย (solvent) หรือนา้ และหรอื วิธกี าร สกดั อ่นื ที่เหมาะสม 2. เตรียมเคร่อื งมอื อปุ กรณ์ที่เหมาะสมสาหรับสกัดองค์ประกอบสาคัญของสมุนไพรแต่ละชนิด 3. เตรียมสมุนไพรสดกอ่ นนาเข้าสู่กระบวนการสกดั สารออกฤทธ์ิ หรือการสกดั องคป์ ระกอบสาคัญ 4. สกดั สารออกฤทธ์ิ หรอื การสกัดองคป์ ระกอบสาคัญโดยวิธกี ารทางเคมี 5. นาสารสกัดมาผสมในอัตราสว่ นดง้ั เดิมตามมาตรฐานสตู รลกู ประคบสมุนไพรล้านนาโดยทาผลติ ภณั ฑ์ใน รปู สเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนา 6. ทดลองสเปรย์น้ามันหอมระเหยลกู ประคบสตู รลา้ นนากับสมาคมแพทย์แผนไทยเชยี งใหม่ หลกั สูตรนวด ไทย 7. ประเมินดว้ ยแบบประเมนิ 8. สรุปผลการทดลอง 1.5 เปา้ หมาย หรอื ผลผลติ หรือผลสาเรจ็ ของโครงการ 1. ไดผ้ ลติ ภัณฑส์ เปรย์นา้ มันหอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนา ทอ่ี ยู่ในรปู แบบที่ใชง้ ่าย นามาใชไ้ ด้ ตลอดเวลา ในทุกโอกาสท่ตี ้องการ พกพาสะดวก สามารถใช้ไดด้ ้วยตนเอง สง่ิ สาคัญคือ สามารถช่วยเหลือผูป้ วุ ยท่ี ไมส่ ามารถรบั การประคบดว้ ยลูกประคบไดโ้ ดยตรง หรือผู้ปุวยท่ีตอ้ งระมัดระวังเปน็ พิเศษ 2. สามารถเผยแพร่ผลติ ภัณฑไ์ ด้กวา้ งขวางขึ้น เป็นการเพ่ิมมลู ค่า และเป็นสินคา้ ทส่ี ามารถกอ่ ให้เกิด รายได้แกช่ มุ ชน
5 1.6 ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะได้รบั 1. ไดผ้ ลิตภัณฑ์สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนา ทอี่ ยู่ในรูปแบบท่ใี ชง้ า่ ย นามาใชไ้ ด้ ตลอดเวลา ในทุกโอกาสท่ีต้องการ พกพาสะดวก สามารถใช้ได้ดว้ ยตนเอง สิ่งสาคัญคือ สามารถช่วยเหลอื ผปู้ วุ ยที่ ไมส่ ามารถรับการประคบด้วยลูกประคบไดโ้ ดยตรง หรือผ้ปู ุวยทตี่ อ้ งระมัดระวงั เปน็ พิเศษ 2. สามารถเผยแพรผ่ ลิตภัณฑ์ได้กว้างขวางขึ้น เปน็ การเพม่ิ มูลค่า และเปน็ สินค้าทสี่ ามารถก่อให้เกิดรายได้ แก่ชุมชน 3. ขยายตลาดและเพ่มิ กลุม่ เปูาหมายได้มากขนึ้ 1.7 การนาไปใช้ประโยชนใ์ นด้านวชิ าการ ด้านสงั คมและชุมชน ตารางที่ 1.1 ผู้ที่นาผลการวิจัยไปใชป้ ระโยชน์ ผูใ้ ช้ การใช้ประโยชน์ สมาคมแพทย์แผนไทยเชยี งใหม่ นาไปเป็นทางเลือกของการเรียนการสอนหลกั สูตรการนวดไทย ผู้สนใจ รักษาอาการปวดเมือ่ ยด้วยตนเอง หรอื เป็นการรกั ษาเบอ้ื งตน้ และ ยงั สามารถช่วยเหลือผูป้ ุวยที่ไม่สามารถรบั การประคบดว้ ยลูก ประคบไดโ้ ดยตรง หรอื ผูป้ วุ ยทตี่ อ้ งระมัดระวงั เป็นพิเศษ 1.8 แผนการถา่ ยทอดเทคโนโลยหี รือผลการวจิ ัยสู่กลมุ่ เป้าหมาย (1) สร้างนักวิจยั รุ่นใหม่ (ผลการวิจัยนีน้ ักวิจยั รุ่นใหม่สามารถนาไปประยุกต์ต่อยอดทาผลิตภณั ฑอ์ น่ื ๆ ได้) (2) นาผลงานวิจัย เผยแพร่ต่อสังคมเพื่อเกดิ การขยายผล 1.9 ผลลัพธ์ (Outcome) ที่คาดว่าจะได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ตารางที่ 1.2 ผลลพั ธ์ (Outcome) ท่ีคาดวา่ จะได้ตลอดระยะเวลาโครงการ ชือ่ ผลลัพธ์ ประเภท ปริมาณ รายละเอยี ด ผลิตภัณฑม์ มี าตรฐานเท่ากนั ไดส้ เปรยน์ ้ามันหอมระเหยลกู ประคบสูตร เชิงคุณภาพ 1.ทราบต้นทุน ลา้ นนา 2.สามารถทาเป็นธรุ กิจได้ 1. สามรถกาหนดแผนการผลิตได้ ไดส้ เปรย์นา้ มันหอมระเหยลกู ประคบสตู ร เชิงตน้ ทุน 2. สามารถกาหนดตารางทางานได้ ตามแผนทีว่ างไว้ ล้านนา ไดส้ เปรย์นา้ มันหอมระเหยลกู ประคบสูตร เชิงเวลา ล้านนา
6 1.10 ผลกระทบ (Impact) ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั ตารางที่ 1.3 ผลกระทบ (Impact) ทีค่ าดวา่ จะได้รับ ช่ือผลงาน ลกั ษณะผลงาน กลมุ่ เปา้ หมาย / ผลกระทบทีค่ าดว่าจะไดร้ ับ ผู้ใชป้ ระโยชน์ 1.ได้สเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบ สเปรย์นา้ มันหอมระเหย ผลิตภณั ฑส์ เปรยน์ ้ามนั หอมระเหย กลุม่ นกั ศึกษาที่เรยี น สตู รล้านนาที่นาเอาภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นท่ี สืบทอดตอ่ กนั มาดแู ลสขุ ภาพ เพอื่ ลูกประคบสูตรลา้ นนา ลูกประคบสตู รลา้ นนา ทอ่ี ยู่ใน นวดไทยของสมาคม คณุ ภาพชีวิตที่ดี 2.สเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบสตู ร รปู แบบท่ีใช้ง่าย นามาใช้ได้ แพทยแ์ ผนไทยเชยี งใหม่ ลา้ นนา ช่วยคลายกล้ามเนือ้ คลายเสน้ เอน็ ใหห้ ายจากอาการเมอ่ื ยลา้ ออ่ นเพลีย ตลอดเวลา ในทกุ โอกาสที่ต้องการ และผสู้ นใจ ช่วยใหเ้ นอื้ เย่อื พงั ผดื คลายตวั ลดการ ติดขัดของข้อต่อ ช่วยลดอาการบวมท่ีเกิด พกพาสะดวก สามารถใชไ้ ดด้ ว้ ย จากการอกั เสบของกลา้ มเนอื้ บรรเทา อาการปวดเมื่อย เน่ืองจากการเกรง็ ของ ตนเอง ส่ิงสาคญั คอื สามารถ กล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียน โลหติ ใหท้ างานดีขึน้ และกล่นิ ของน้ามนั ชว่ ยเหลือผปู้ ุวยทไี่ มส่ ามารถรบั หอมระเหยในสมุนไพรในลกู ประคบชว่ ย ใหร้ า่ งการเกดิ อาการต่ืนตัว ทาใหร้ สู้ กึ สด การประคบด้วยลกู ประคบได้ ชนื่ และผ่อนคลาย โดยตรง หรอื ผปู้ วุ ยท่ีตอ้ ง 3. สเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลกู ประคบ ระมดั ระวังเป็นพเิ ศษ สตู รล้านนาเปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ีม่ ลี ักษณะเด่น เฉพาะตวั ท่สี ามารถมโี อกาสเข้าสตู่ ลาด ได้ 1.11 เจา้ ของโครงการ อาจารย์ หวั หน้าโครงการ 1. นางสาวสนุ ทรี รนิ ทรค์ า อาจารย์ ผรู้ ่วมโครงการ 2. นายบรรเจดิ แสงจันทร์ อาจารย์ ผรู้ ว่ มโครงการ 3. นายชัยวัฒน์ ต่อมดวงแกว้
7 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ียวข้อง ในการทาวิจัยครั้งนี้ ผูว้ ิจัยได้ตรวจสอบเอกสารท่เี กีย่ วข้อง ดังน้ี 1. เอกสารที่เก่ียวข้อง 2. งานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง 2.1 เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง 2.1.1. สารสกดั จากสมุนไพร การสกัดสารเฉพาะสว่ นที่มีประโยชน์จากสมนุ ไพร ซงึ่ มีสมบัตใิ นการบารงุ รักษา บรรเทาอาการเจบ็ ปวุ ย ของร่างกายมนุษย์ ตลอดถึงนาไปใช้ประโยชนท์ างการเกษตรในการปูองกัน กาจัดศัตรูพืช สารสกัดจากสมุนไพรจาแนกตามวธิ ีการสกดั และประโยชน์ เชน่ สารสกดั ท่เี ป็นน้ามนั หอมระเหย สารสกดั ทใี่ ช้เป็นยารบั ประทาน สารสกัดทใี่ ช้เปน็ ยาทาภายนอก สารสกดั ท่เี ป็นสว่ นผสมของอาหารและเคร่ืองดืม่ สารสกัด ทีเ่ ปน็ สว่ นประกอบในการผลติ เครอ่ื งสาอาง สารสกดั ทใี่ ชใ้ นผลติ ภณั ฑป์ อู งกนั และกาจดั ศัตรพู ชื น้ามนั หอมระเหย (Essential Oil) คือ น้ามันท่ีพืชสร้างขนึ้ ตามธรรมชาติและเกบ็ ไวใ้ นส่วนต่างๆ ของพชื เช่น ดอก ใบ ผล ลาต้น ราก ตลอดจนเมล็ด ซึง่ จะพบแตกตา่ งกันไปในพชื แต่ละชนิด คุณสมบตั ทิ ่เี ดน่ ชัดคือมีกลิ่น หอมและระเหยไดง้ า่ ยท่ีอณุ หภูมปิ กติ มอี งค์ประกอบทางเคมที ีซ่ บั ซ้อน สารท่ีพบในน้ามนั หอมระเหย ไดแ้ ก่ สารใน กลุ่ม hydrocarbons, phenylpropanes, alcohols, ketones, aldehyde, ether, oxides ester และสารอน่ื ๆ โดยพชื สร้างนา้ มันหอมระเหยข้นึ มาเพ่อื ปูองกันการรกุ รานจากศัตรูพืช และรักษาความชุ่มชื้น น้ามนั หอมระเหยมี ประโยชน์ต่อมนุษย์ ได้แก่ ใช้ในการฆา่ เช้อื โรค ยบั ยง้ั การเจริญเตบิ โตของจลุ นิ ทรีย บรรเทาอาการอักเสบ ลดบวม คลายเครียด หรือกระต้นุ ใหส้ ดชนื่ เปน็ ตน้ น้ามันหอมระเหยมอี ายุการใชง้ านนาน 2-3 ปี (พิมพร ลลี าพรพสิ ทิ ธิ์, 2545 จุไรรตั น์ แสงสวัสด์ิ 2545, กระทรวงสาธารณสุข กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์ทางเลือก 2550) น้ามันหอมระเหยทนี่ ามาใช้ท่ัวไปแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ (1) รกั ษาโรค หรือการบรรเทาอาการ ของโรค (2) ความงาม หรือในเครือ่ งสาอาง (พรสวรรค์ ดษิ ยบตุ ร, 2546 : พมิ พ์พร ลลี าพรพิสิฐ, 2547) การนานา้ มันหอมระเหยท่นี ามาใช้รักษาโรคมี 5 รูปแบบไดแก 1. รกั ษาโรคผวิ หนัง ควบคมุ เชือ้ รา (Germicide) เชน Allicin ในน้ามนั หอมระเหยจากกระเทยี ม ใชรกั ษาโรคกลาก เกลอื้ น หดิ 2. กระตุนการไหลเวยี นของโลหิต เกดิ จากน้ามันหอมระเหยจากพืชบางชนดิ ท่ีทาให้เกดิ การ ระคายเคอื งกบั เซลล์ผิว (epidermal cell) ทาใหรางกายปรับตัวโดยสูบฉีดโลหติ ผานไปบริเวณทีร่ ะคายเคือง เพ่ือ ใหสารระคายเคอื งเจือจางลง เชน สารพเิ พอรนี (piperin) จากพริกไทยกระตุนระบบยอยอาหาร
8 แกอาการเมื่อยลาจากกลามเน้อื ทท่ี างานในสภาพไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobic) เกดิ การสะสมของกรด แลคติก (lactic acid) จึงตองสงผานแกส๊ ออกซิเจน (O2) เพื่อให้ปรมิ าณของกรดแลคติกลดลง น้ามันหอมระเหยจะ ทาใหกลามเน้ือเกดิ การระคายเคืองกระตุนใหรางกายสบู ฉดี โลหิตที่มีแกส๊ ออกซเิ จนไปยงั เซลลท่เี กดิ อาการระคาย เคอื ง เช่น สารแคพไซซิน (capsaicin) จากพริก ในครีมทาถูนวด 3. ขับลม น้ามันหอมระเหยมีจดุ เดอื ดตา่ เมอื่ อุณหภูมิสูง เกนิ 35 องศาเซลเซยี สเปล่ยี นจาก ของเหลวเปนแกสไดงาย เมือ่ เขาไปในรางกายท่มี ีอุณหภมู สิ ูงถึง 37 องศาเซลเซียสก็จะระเหยเปนไอ รางกายจงึ ปรบั ตัวโดยการขบั ลม 4. นา้ มันหอมระเหยเปนยาฆา่ เชอ้ื (antiseptic) ชวยรกั ษาอาการทองเสยี เน่อื งจากการติดเชอ้ื ชวยรกั ษาความสะอาดในชองปาก ใชเปนยารกั ษาแผลในปากและยาแกไอตางๆ และผลิตภณั ฑฉีดพนในหองผูปวย ในโรงพยาบาลและในเครื่องทาความเยน็ เชน นา้ มันหอมระเหยจากยคู าลปิ ตัส กระตุนการขับเสมหะใชรกั ษา หลอดลมอักเสบ 5. ใชเปนตวั ยา ไดแ้ ก่ ในยารักษาโรคผิวหนังอักเสบ โรคผมรวง (Hair growth stimulant) โดย ไปกระตุนการไหลเวยี นของโลหติ ใชเปนตวั ยาในยารกั ษาอาการโรครหู ์มาติก (ใช Mustard oil) ใชเปนสารตา้ น จุลินทรยี ์ หรือสารยับย้งั การเจริญของจุลินทรีย์ เชน กานพลู ใชเปนยาแกลม ใชรักษาโรคหลอดลม โดยใชนา้ มัน ยูคาลปิ ตสั ไปกระตุนการขับเสมหะ ใชน้ามนั หอมระเหยเปปเปอรม์ นิ ต์หยอดทางจมกู แกหลอดลมอักเสบ น้ามนั หอมระเหยที่สกัดไดจากเมลด็ ผกั ชี ใชรักษา อาการปวดทอง และใชในยานวดและสุคนธบาบัด การนาน้ามนั หอมระเหยทน่ี ามาใชก้ บั ความงาม (Beauty Aromatherapy) เป็นการนาน้ามันหอมระเหย มาใชก้ ับร่างกายภายนอก ไม่ว่าจะเปน็ ผิวกาย เสน้ ผม และนาไปใชเ้ ป็นสว่ นผสมในเคร่ืองสาอางเพอื่ ความสวยงาม ต่าง ๆ ไมว่ า่ จะนาไปผสมกับน้ามันพนื้ ฐาน เช่น น้ามันโรสฮิป น้ามันมะรุม น้ามันเมลด็ ทับทิม หรอื ผสมกับ Base อื่น ๆ เพื่อใช้สาหรับทาผวิ หรอื นาไปใชห้ มกั ผม มสี รรพคุณช่วยบารุงผิว ชะลอร้วิ รอยแหง่ วยั ชว่ ยให้เซลล์ผวิ เปลง่ ปลัง่ มีนา้ มีนวล ลดเลอื นริว้ รอยทเี่ กดิ จากบาดแผล หรอื แผลเป็นตา่ ง ๆ ดแู ลสุขภาพเสน้ ผมและหนงั ศรี ษะ แล้วยัง ช่วยกระตนุ้ การเจรญิ เตบิ โตของเสน้ ผมได้อีกดว้ ย เนือ่ งจากนา้ มนั หอมระเหยมสี ารประกอบตามธรรมชาตนิ ับร้อย ชนดิ ซง่ึ แตล่ ะชนดิ กม็ ีคณุ สมบัติแตกต่างกนั ไป เช่น ลาเวนเดอรช์ ่วยฟ้นื ฟูผวิ จากแผลไฟไหม้หรือนา้ รอ้ นลวก อมิ มอ คแทลและโรสแมรช่ี ่วยกระตุ้นการเจรญิ เติบโตของเซลล์ผิวใหม่ เปน็ ต้น วธิ ีการสกัดนา้ มันหอมระเหยมหี ลากหลายวิธี ไดแ้ ก่ การกลนั่ (Distillation) การสกัดด้วยไขมันเยน็ (Enflourage) การสกัดดว้ ยไขมนั ร้อน (Maceration) การสกัดดว้ ยตัวทาละลาย (Solvent extraction) การสกดั ด้วยแอลกอฮอล์หรือการหมัก (Maceration) ในงานวิจยั นี้วิธีการสกัดทใี่ ช้ได้แก่ การกลน่ั และการสกัดดว้ ย แอลกอฮอล์หรอื การหมัก การกลัน่ (Distillation) หลักของการกลน่ั คือ การให้ไอน้าแทรกไปในเน้ือเยอื่ ของพชื ทาใหน้ ้ามนั หอม ระเหยในพชื ละลายเป็นกลายเป็นไอ และไอนา้ พาน้ามันหอมระเหยออกจากพืช ปนมากับไอนา้ การกล่นั เพอ่ื ให้ได้
9 นา้ มันหอมระเหยที่มคี ุณภาพดีนน้ั ต้องอาศยั เทคนิคและกระบวนการทางเคมีและทางกายภาพหลายอยา่ ง ประกอบกนั เทคนคิ การกล่ันน้ามนั หอมระเหยออกจากพืชท่วั ไป ได้แก่ การกลัน่ ดว้ ยนา้ ร้อน (Water distillation or hydro distillation) การกลั่นด้วยน้าและไอน้า (Water and stream distillation) การกลั่นดว้ ยไอน้า (Direct stream distillation) (ประเทอื งศรี สินชยั ศรี, 2547) 1.การกลน่ั ดว้ ยนา้ ร้อน (Water distillation & Hydro-distillation) เปน็ วิธีท่ีง่ายที่สดุ ของการกลั่นน้ามัน หอมระเหย การกลั่นโดยวธิ ีน้ี พ้นื ทกี่ ลั่นต้องจุม่ ในน้าเดือดทั้งหมด อาจพบพืชบางชนิดเบา หรือใหท้ ่อไอน้าผา่ นการ กลนั่ น้ามันหอมระเหยนใี้ ช้กับของทีต่ ิดกนั งา่ ยๆ เช่น ใบไม้บางๆ กลีบดอกไม้อ่อนๆ ข้อควรระวงั ในการกลั่นโดยวธิ ีนี้คอื พืชจะได้รบั ความร้อนไมส่ มา่ เสมอ ตรงกลางมักจะได้ความร้อน มากกว่าดา้ นข้าง จะมปี ัญหาในการไหม้ของตวั อยา่ ง กล่นิ ไหม้จะปนมากบั น้ามันหอมระเหยและมสี ารไม่พึง ประสงคต์ ิดมาในน้ามันหอมระเหยได้ วิธแี ก้ไข คือ ใช้ไอน้า หรืออาจใช้ closed steam coil จมุ่ ในหม้อต้ม แต่การ ใช้ steam coil นีไ้ มเ่ หมาะกับดอกไม้บางชนดิ เพราะเมื่อกลีบดอกไม้ถกู steam coil จะหดกลายเป็น glutinous mass จงึ ตอ้ งใชว้ ธิ ใี สล่ งไปในนา้ กลีบดอกไมจ้ ะสามารถหมุนเวยี นไปอย่างอิสระในการกล่นั เปลือกไม้กเ็ ชน่ กนั ถ้า ใช้วิธกี ลัน่ ด้วยนา้ นา้ จะซมึ เข้าไปและนากลิน่ ออกมา หรอื กล่ินจะแพร่กระจายออกจากเปลอื กไมไ้ ด้ง่ายขึน้ ดังนั้น การเลอื กใชว้ ธิ กี ารกลัน่ จงึ ข้ึนกบั ชนิดของพชื ที่นามากล่ันด้วย 2.การกลัน่ ด้วยนา้ และไอน้า (water and steam distillation) การกลั่นโดยวิธนี ้ใี ชต้ ะแกรงรองของที่จะ กลัน่ ใหเ้ หนอื ระดับน้าในหม้อกล่นั ตม้ ให้เดือด ไอนา้ จะลอยตวั ข้ึนไปผา่ นพืชหรือตัวอย่างที่จะกล่ัน ส่วนนา้ จะไม่ถกู กับตัวอยา่ งเลย ไอนา้ จากนา้ เดอื ดเปน็ ไอนา้ ทอี่ ิ่มตัว หรือเรียกว่า ไอเปียก ไม่ร้อนจดั เปน็ การกลน่ั ท่ีสะดวกทส่ี ดุ คุณภาพของน้ามันออกมาดีกว่าวิธแี รก การกลน่ั แบบน้ใี ชก้ ันอย่างกวา้ งขวางในการผลติ นา้ มนั หอมระเหยทาง การคา้ 3.การกล่นั ด้วยไอนา้ (direct steam distillation) วิธนี ี้ วางของอย่บู นตะแกรงในหม้อกลนั่ ซง่ึ ไมม่ ีนา้ อยู่ เลย ไอน้าภายนอกที่อาจจะเป็นไอน้าเปยี ก หรือไอร้อนจดั แต่ความดนั สูงกวา่ บรรยากาศ สง่ ไปตามท่อใต้ตะแกรง ใหไ้ อผ่านขนึ้ ไปถูกกบั ของบนตะแกรง ไอนา้ ตอ้ งมปี ริมาณเพยี งพอท่จี ะชว่ ยให้น้ามนั แพร่ระเหยออกมาจากตวั อยา่ ง ตัวอยา่ งบางชนิดอาจใชไ้ อร้อนได้ แตบ่ างชนิดก็ใช้ไอเปียก น้ามนั จงึ จะถกู ปล่อยออกมา ข้อดีของการกลนั่ วิธีน้ีคือ สามารถกลั่นได้อย่างรวดเรว็ เม่ือเอาพืชใสห่ ม้อกลั่นไมต่ ้องเสียเวลารอใหร้ ้อน ปล่อยไอร้อนเขา้ ไปได้เลย ปริมาณของสารท่นี าเขา้ กลน่ั กไ็ ด้มาก ปรมิ าณทาให้ได้น้ามนั หอมระเหยมาก การสกัดดว้ ยแอลกอฮอล์ ตัวทาละลายทใ่ี ช้ คือ เอทิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol) เป็นการสกดั ท่ีได้ สารเคมจี ากพชื ในปรมิ าณมากทสี่ ุด การสกัดด้วยแอลกอฮอลม์ ีหลายวธิ ี ได้แก่ 1. การหมกั ( Maceration) 2. การ สกดั แบบซมึ ไหล (Percolation) 3.การสกดั แบบต่อเน่ือง (Soxhlet extraction) ในงานวิจัยน้ีจะกลา่ วถึงเฉพาะ การหมกั เนื่องจากมีความเหมาะสมกับสมุนไพรที่นามาใช้
10 การสกัดดว้ ยแอลกอฮอล์หรือการหมัก (Maceration) เปน็ วิธีการสกัดสารสาคัญจากพืชโดยวิธีหมักพืช สมุนไพรกบั ตัวทาละลายในภาชนะปดิ เช่น ขวดปากกวา้ ง ขวดรูปชมพู่ หรอื โถถังเสตนเลส โดยนาตัวอยางพชื ที่ บดละเอียดเตมิ น้าหรือตัวทาละลาย แลวแตอัตราสวนตามที่ตองการ ทิ้งไว 12-24 ช่วั โมง หรอื มากกวาน้ันแตไม เกิน 2 วนั (กรมวิชาการเกษตร, 2535) หรอื พชื บางชนดิ ท่ีท้ิงไว 7 วัน หม่ันเขยา่ หรือคนบ่อยๆ เมือ่ ครบ กาหนดเวลาจงึ ค่อยๆ รินเอาสารสกดั ออก พยายามบีบเอาสารละลายออกจากกาก (marc) ใหม้ ากทส่ี ดุ รวมสาร สกดั ทไี่ ดน้ าไปกรอง การสกดั ถ้าจะสกัดใหห้ มดจด (exhausted) อาจจาเปน็ ต้องสกดั ซา้ หลาย ๆ คร้งั วธิ นี ้มี ขี อดี ท่สี ารไมถูกความรอน หรอื พืชทีไ่ ม่ทนความร้อน แตเปนวิธที ี่เปลอื งตัวทาละลายมาก มักไม่ ใชน้ า้ เปน็ ตัวทาละลาย เน่อื งจากจะทาให้บดู ตวั ทาละลายที่นามาใชก้ ันทว่ั ไป คือ แอลกอฮอลหรอื สวนผสมแอลกอฮอลและนา้ เนอ่ื งจากแอลกอฮอล์ เปน็ ตวั ทาละลายชนิดกึง่ มีขัว้ (semi-polar solvents) ละลายไดทง้ั สารมขี ้วั และไมมขี ว้ั อัตราสวนท่ไี ดผลดคี อื แอ ลกอฮอล 80% อาจเปนเมทานอล หรอื เอทานอลก็ไดแมวาจะไมใชตวั ทาละลายทีด่ ีทส่ี ุดในกลุม แตกส็ ามารถสกัด ไดมากกลุมและจานวนมากพอท่ีจะตรวจสอบเบือ้ งตน เมทานอลมีจดุ เดือด 650C มคี า่ สภาพขัว้ (polarity) 33 ความหนาแนน่ 0.791 g/mL เอทานอลมจี ุดเดือด 790C มคี ่าสภาพขวั้ (polarity) 24 ความหนาแน่น 0.789 g/mL นา้ มีจุดเดือด 1000C มีคา่ สภาพขวั้ (polarity) 80 ความหนาแน่น 0.998 g/mL ตวั ถกู ละลายทลี่ ะลายในแอลกอฮอล์ เช่น ฟโี นลคิ ฟลาโวนอยด์ และ แอนโทไซยานนิ แทนนนิ ซาโปนนิ อะกลัยโคน กลัยโคไซด์ คลอโรฟลิ ล์ น้ามนั หอมระเหย เรซิน เป็นตน้ (แมน้ สรวง วฒุ ิอดุ มเลศิ ,อ้อมบญุ ลว้ นรตั น์. 2546 : สมพร ภูติยานันต์. 2546 กองประกอบโรคศลิ ปะ กระทรวงสาธารณสุข.(มปป). 2.1.2 พืชท่ใี ช้กลนั่ นา้ มันหอมระเหย ไพล นามาห่ันเหง้าไพลเป็นชิน้ บางๆ ก่อนนาไปกลั่นด้วยนา้ และไอน้า (Water and steam distillation) ไดน้ ้ามันหอมระเหยทม่ี ีคุณภาพและปริมาณมาก เม่ือกล่ันแล้วจะได้เป็นของเหลว ไม่มสี ี หรือมีสีเหลืองอ่อน ปราศจากตะกอน และสารแขวนลอย มกี ล่นิ เฉพาะตวั ของไพล ไพล มชี ือ่ วทิ ยาศาสตรวา Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. ชือ่ พองคือ Zingiber cassumunar Roxb. และ Zingiber purpureum Roscoe. ชอื่ วงค์ Zingiberaceae ชอื่ อ่นื ปลู อย ปูเลย (ภาคเหนอื ) ปูขมนิ้ ม้นิ สะลา่ ง(ไทยใหญ่-แม่ฮ่องสอน) วา่ นไฟ(ภาคกลาง) วา่ นปอบ(ภาคอีสาน) สารสาคญั ทพี่ บใน เหงาไพล คือ น้ามันหอมระเหยมีสารสาคญั ที่เปน็ องค์ประกอบ ได้แก่ terpinen-4-ol, sabinene, caryophyllene, cineol, alpha-pinene, beta-pinene, myrcene, terpinene, limonene, p-cymene, terpinolene, eugenol, farneraol, alflabene, 3,4 dimethoxy benzaldehyde สารสีเหลือง curcumin, cassumunarins A, B, C สารกลมุ่ ฟีนิลบวิ ทานอยด์ หลายชนิด เช่น (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl) butadiene
11 (DMPBD) ท่มี ฤี ทธ์ิลดการอักเสบ และสารอื่นๆ ได้แก่ 4-(4-hydroxyl-1-butenyl)-veratrole, naphthoquinone derivative, vanillin, vanillic acid, veratric acid, β-sitosterol (Haginiwa J, 1963 : Evans BK, 1978 : Cabo J, 1986 : Yamahara J, 1983 : Yamahara J, 1952) สรรพคณุ ตามตารายาไทยระบวุ า เหงา้ ขับโลหติ รา้ ยทง้ั หลายใหต้ กเสีย ขับระดสู ตรี แก้ฟกช้า เคลด็ บวม ขับลมในลาไส้ ขับระดู ไล่แมลง แก้จุกเสียด รกั ษาโรคเหนบ็ ชา แกป้ วดท้อง บิดเปน็ มกู เลือด ชว่ ยสมานแผล สมาน ลาไส้ แกล้ าไส้อักเสบ แก้มตุ กิดระดูขาว ขับลม แกท้ ้องอืดท้องเฟูอ แกป้ วดทอ้ ง แก้ทอ้ งผูก แก้อาเจียน แก้ปวดฟนั เป็นยารกั ษาหืด แก้เคลด็ ขดั ยอก ข้อเทา้ แพลง แก้โรคผิวหนัง แก้ฝี ทาเคลือบแผลปอู งกันการตดิ เชอื้ ดูดหนอง สมานแผล แกป้ วดเม่ือยกลา้ มเน้ือ เปน็ ยาชาเฉพาะที่ ใช้ปูองกันเลบ็ ถอด และใชต้ ม้ นา้ อาบหลงั คลอด รักษาอาการ ปวดเมอ่ื ย เคล็ดขัดยอก ฟกช้า ลดอาการอักเสบ บวม เส้นตงึ เมือ่ ยขบ เหนบ็ ชา และลดอาการปวด มีฤทธิเ์ ปน็ ยาชาเฉพาะที่ สมานแผล หรือตม้ น้าสมนุ ไพรอาบ เป็นส่วนประกอบในยาประคบ ถนู วดตัว บารุงผวิ พรรณ ราก แก้ โรคอนั บังเกดิ แตโ่ ลหิตอันออกทางปากและจมูก ขบั โลหิต แกอ้ าเจยี นเป็นโลหติ แก้ปวดท้อง ช่วยทาให้ประจาเดือน มาปกติ แก้ท้องอืดท้องเฟูอ แกท้ ้องผูก แกโ้ รคผวิ หนัง แกเ้ คลด็ ขัดยอก (นันทวนั บณุ ยะประภัศร และอรนชุ โชค ชยั เจริญพร, 2542 : ศริ เิ พ็ญ จรเิ กษม, 2548 : กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก กระทรวง สาธารณสขุ 2558) ข่า ช่ือวิทยาศาสตร์ Alpinia galanga (Linn.) Swartz. ชอ่ื วงศ์ ZINGIBERACEAE ชื่อพ้อง Languas galanga (Linn.) Stuntz. ช่ือองั กฤษ Galangal, False galangal, Greater galangal ชอ่ื ท้องถิ่น กฎกุ โรหินี ขา่ ตาแดง (กลาง); ขา่ หยวก ขา่ ใหญ่ ข่าหลวง (เหนอื ) สารสาคัญที่พบในเหงาขา่ ประกอบด้วยสาร เมททลิ -ซนิ นาเมต (Methyl-cinnamate) ซีนิออล (Cineol) การบรู (Camphor) และยจู นี อล (Eugenol)มีฤทธ์ิ ขับน้าดี ชว่ ยย่อยอาหาร และฆา่ เชื้อแบคทีเรยี (Haginiwa J, 1963 : Evans BK, 1978 : Cabo J, 1986 : Yamahara J, 1983 : Yamahara J, 1952) สรรพคณุ ตามตารายาไทย เหงา้ แก่ รสเผ็ดร้อน ขม รับประทานเปน็ ยาขับลม แก้ท้องข้นึ ทอ้ งอดื เฟูอ บารงุ ธาตุ เปน็ ยาระบายออ่ นๆ แกไ้ อ ชว่ ยยอ่ ยอาหาร แกบ้ ิด แก้ปวดทอ้ งจกุ เสียดแนน่ กินแกโ้ รคปวดข้อ และโรค หลอดลมอักเสบ ขบั น้าคาวปลา ขบั รก ใชภ้ ายนอกทารกั ษากลากเกล้ือน โรคผิวหนงั ตดิ เชอ้ื แบคทีเรีย เชื้อรา แก้ ไฟลวก แก้นา้ ร้อนลวก แก้ลมพษิ แก้อาหารเป็นพษิ เปน็ ยาแก้ลมพิษ (นนั ทวัน บุณยะประภศั ร และอรนุช โชคชัย เจรญิ พร, 2542 : ศิรเิ พ็ญ จรเิ กษม, 2548 : กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข 2558) ขม้ิน นิยมห่ันเหง้าเป็นชน้ิ บางๆ กอ่ นนาไปกลน่ั ดว้ ยน้าและไอนา้ (water and steam distillation) เพ่ือให้ไอน้าผา่ นได้ง่ายและได้น้ามนั ท่ีมคี ุณภาพและปรมิ าณมาก เมื่อกล่ันแลว้ จะไดเ้ ป็นของเหลวใส มีสีเหลอื งอ่อนปราศจากตะกอนและสารแขวนลอย ไม่มีการแยกชัน้ ของน้า มกี ลิ่นเฉพาะตัวของขม้ิน
12 ขมิ้น หรอื ขม้นิ ชนั ชื่อสามญั Turmeric ชือ่ วิทยาศาสตร์ Curcuma longa L. จดั อยใู่ นวงศข์ งิ (ZINGIBERACEAE) ชือ่ พอ้ ง Curcuma domestica Valeton ชื่ออังกฤษ Turmeric ช่ือท้องถิน่ ตายอ สะยอ หมิน้ (ภาคใต้) ขมิ้นหวั (เชยี งใหม่) สารสาคญั ท่ีพบในเหงาขมิน้ และราก tumerone, zingerene bissboline, zingiberene,(+) - sabinene, alpha-phellandrene, curcumone, curcumin สาหรับสาร turmerone, สาร curcumin และอนุพนั ธของ curcumin มีฤทธิล์ ดการอักเสบ ตานการแพ ตานเชอื้ จุลชีพ และชวยสมานแผล สรรพคณุ ตามตารายาไทย ใชภ้ ายใน ช่วยเจรญิ อาหาร ยาบารุงธาตุ ฟอกเลือด แก้ท้องอืดเฟอู แน่น จุก เสยี ด ลดนา้ หนัก ปวดประจาเดือน ประจาเดือนมาไมป่ กติ อาการดีซ่าน แก้อาการวิงเวียน แกห้ วดั แกอ้ าการชัก ลดไข้ ขบั ปสั สาวะ รกั ษาอาการท้องมาน แก้ไขผ้ อมแห้ง แกเ้ สมหะและโลหติ เปน็ พิษ โลหิตออกทางทวารหนกั และ เบา แกต้ กเลือด แกอ้ าการตาบวม แกป้ วดฟนั เหงือกบวม มีฤทธิ์ระงบั เชื้อ ตา้ นวณั โรค ปูองกันโรคหนองใน แก้ท้องเสีย แกบ้ ิด รกั ษามะเร็งลาม ใชภ้ ายนอก ช่วยลดอาการฟกช้าบวม ปวดไหล่และแขน บวมชา้ และปวดบวม แก้ปวดข้อ สมานแผลสดและแผลถลอก ผสมยานวดคลายเส้นแกเ้ คล็ดขัดยอก แกน้ ้ากัดเทา้ แกช้ ันนะตุ แก้กลาก เกลอื้ น แกโ้ รคผิวหนงั ผื่นคัน สมานแผล รักษาฝี แผลพุพอง ลดอาการแพ้ อักเสบจากแมลงสตั ว์กดั ต่อย ตาใส่แผลห้ามเลอื ด รักษาผิว บารงุ ผวิ (ชชั วาลย์ ชา่ งทา 2558 : ศิริเพ็ญ จริเกษม, 2548 : กรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสขุ 2558) ตะไคร้ นิยมใช้ตะไครน้ ามากล่ันด้วยน้าและไอน้า (water and steam distillation) เพ่ือให้ได้ของเหลว ใส สีเหลืองอ่อน ปราศจากตะกอนและแยกชั้นของน้า มกี ล่ินเฉพาะตวั ตะไคร้ มชี ือ่ สามัญ Lemon grass , Lapine ชอื่ วิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (De ex Nees) Stapf. ชอ่ื ท้องถิ่น คาหอม (แมฮ่ ่องสอน) จะไคร (เหนือ) เซิดเกรย (เขมร สรุ นิ ทร์) ตะไคร้ (ภาคกลาง) ห่อวอตะโปุ (กะเหรีย่ ง แม่ฮอ่ งสอน) หวั สงิ ไค (เขมร ปราจีนบรุ )ี เหลอะเกรย (เขมร สุรนิ ทร)์ ไคร (คาบสมทุ ร) ช่อื อังกฤษ Lapine, Lemon grass, West Indian lemongrass เปน็ พชื ล้มลุก ในวงศ์หญ้า ชือ่ พ้อง Andropogon ceriferus Hack. Andropogon citratus DC. Andropogon fragrans C.Cordem. Andropogon roxburghii Nees ex Steud. ช่ือวงศ์ Poaceae (Gramineae) น้ามันหอมระเหยของตะไคร้ มี สารสาคัญทีอ่ อกฤทธ์ลิ ดการบีบตัวของลาไส้ คอื menthol, cineole, camphor, linalool จึงลดอาการแนน่ จุก เสยี ด และช่วยขบั ลม นอกจากน้ีมี citral, citronellol, geraneol และ cineole มฤี ทธิ์ยับยัง้ การเจริญเติบโตของ แบคทีเรียได้แก่ E. coli (Haginiwa J, 1963 Evans BK, 1978 Cabo J, 1986 Ross MSF,1977 : Onawunmi GO, 1989 : Inouye S, 1983 : Honda G, 1984 : Megalla SE, 1980 : Prakash S, 1972) สรรพคณุ ตามตารายาไทย ต้น รสหอมปรา่ ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟอู แนน่ จกุ เสยี ด แก้อาการ เกรง็ ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดนิ ปสั สาวะ แก้อาการขัดเบา แก้น่วิ แกป้ ัสสาวะเป็นเลอื ด ทาใหเ้ จริญอาหาร ลดความ ดันโลหติ เหงา้ แก้เบื่ออาหาร บารงุ ไฟธาตุ แกก้ ระษัย ขบั ลมในลาไส้ แก้ทอ้ งอืดท้องเฟูอ แกป้ ัสสาวะขัด แก้ ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว เปน็ ยารกั ษาเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขบั ประจาเดือน ขับระดูขาว ใชภ้ ายนอกทาแก้อาการปวด
13 บวมตามข้อ สุคนธบาบัดของนา้ มันหอมระเหยจากตะไครบ้ ้าน ช่วยกระตุ้นใหต้ น่ื ตัว มีชีวติ ชีวา ทาให้ กระปรกี้ ระเปร่า คลายเครียด แกท้ อ้ งอืดท้องเฟูอ ชว่ ยย่อยอาหาร ชว่ ยเจรญิ อาหาร บรรเทาอาการปวดโรคข้อ อักเสบ ปวดกลา้ มเนื้อ (ศิรเิ พ็ญ จริเกษม, 2548 : กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวง สาธารณสุข 2558) มะกรูด นิยมใช้ผิวมะกรูดนามากลนั่ ดว้ ยนา้ และไอนา้ (water and steam distillation) เพ่อื ให้ได้ ของเหลวใส สีเหลืองอ่อน ปราศจากตะกอนและแยกชนั้ ของน้า มกี ลนิ่ เฉพาะตวั มะกรูดมชี อ่ื วทิ ยาศาสตร์ Citrus hystrix DC. ชือ่ วงศ์ Rutaceae ผวิ มะกรูดมีนา้ มันระเหยง่ายร้อยละ 4 มีองค์ประกอบหลักได้แก่ เบตาไพนนี (beta-pinene) ลโิ มนนี (limonene) beta-phellandrene, citronellal นอกจากนี้ยังพบ linalool, borneol, camphor, sabinene, germacrene D, aviprin ใชน้ ้ามันแตง่ กล่นิ เครื่องหอม ยาสระผม สบู่ สารกล่มุ คูมารนิ ได้แก่ umbelliferone, bergamottin, oxypeucedanin, psoralen, N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) น้าจากผลพบกรด citric (Haginiwa J, 1963 Evans BK, 1978 Cabo J, 1986 Ross MSF,1977 : Onawunmi GO, 1989 : Inouye S, 1983 : Honda G, 1984 : Megalla SE, 1980 : Prakash S, 1972) สรรพคณุ ตามตารายาไทย ผวิ มีรสปร่าหอม ร้อน เปน็ ยาขับลมในลาไส้ แก้แน่น ขับระดู ขบั ผายลม เป็น ยาบารงุ หัวใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลือดในสตรี ช่วยขับระดู ขบั ลมในลาไส้ แกจ้ กุ เสยี ด ลักปดิ ลกั เปิด นา้ มันจากผวิ ช่วยปอู งกนั รังแค และทาให้เสน้ ผมดกดาเป็นเงางาม ผล รสเปรย้ี ว กัดเสมหะ แกน้ า้ ลายเหนยี ว กัดเถาดานในทอ้ ง แกร้ ะดเู สยี ฟอกโลหิตระดู ขับระดู ขบั ลมในลาไส้ ถอนพิษผดิ สาแดง ผล ปง้ิ ไฟให้สุก ผา่ คร่งึ ลกู เอาถฟู อกสระผม ทาให้ผมดกดาเปน็ เงางาม นม่ิ สลวย แกค้ นั แก้รงั แค แก้ชนั นะตุ ทาใหผ้ มสะอาดแพทยต์ ามชนบทใชผ้ ลเอาไส้ออก ใสม่ หาหงิ ค์ุแทน สุมไฟให้เกรียม บดกวาดปากล้ินเด็กอ่อน ขบั ข้เี ทา ขับลม แกป้ วดทอ้ งในเด็ก (ศริ ิเพญ็ จรเิ กษม, 2548 : กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข 2558) ใบมะขามแก่ มีชื่อวทิ ยาศาสตร์ Tamarindus indica Linn. ช่อื สามัญ tamarind วงศ์ Fabaceae ชื่อ ทอ้ งถิ่น ขาม (ภาคใต้) ม่องโคลง้ (กะเหรี่ยง-กาญจนบรุ ี) ตะลูบ (โคราช) หมากแกง (ฉาน-แมฮ่ ่องสอน) อาเปียล (เขมร-สรุ นิ ทร)์ ส่าหมอ่ เกล (กะเหร่ยี ง-แม่ฮ่องสอน) ซึงกกั ทงฮ้วยเฮียง (จีน) ใบแก่มรี สเปรีย้ วฝาด มาจากกรดทาร์ ทาริค และมาลิค สรรพคุณชว่ ยใหเ้ ส้นเอน็ หยอ่ น แกโ้ รคผิวหนังผ่นื คัน ช่วยบารงุ ผวิ มสี รรพคณุ ในการบารุง ผวิ พรรณ นามาปรงุ เป็นยาแก้ไอ แกโ้ รคบิดขบั เสมหะในลาไส้ คร้ังโบราณนามาต้มผสมกบั หวั หอมโกรกศรี ษะเด็ก ในเวลาเช้ามดื แก้หวดั คัดจมูก เป็นยาระบาย ยาถ่าย รักษาอาการขดั เบา รักษาอาการเหนบ็ ชา อมั พาต แกป้ วด หลงั บ้นั เอว รักษาอาการนอนไมห่ ลบั ใช้น้าท่ตี ้มใหส้ ตรหี ลังคลอดอาบและใชอ้ บไอน้าชว่ ยให้ผวิ สะอาด ฟนื้ ฟู สขุ ภาพของคุณแม่ที่อยู่เดือนเพือ่ ท่ีจะได้หายเร็วขนึ้ ชว่ ยให้มดลูกเขา้ อูเ่ รว็ ชว่ ยขบั นา้ คาวปลา นา้ ตม้ ใบมะขามยังใช้ กับแผลเรอ้ื รังบางอยา่ งได้
14 ใบส้มปุอย ช่อื วทิ ยาศาสตร์: Acacia concinna (Willd.) DC.ชอื่ สามัญ Soap Podชอื่ สามัญ Soap Pod ช่ือพ้อง Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna Willd.)จดั อยู่ในวงศ์ถว่ั (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสเี สียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE)[1],[3],[4],[9] ชอื่ ทอ้ งถิ่น สม้ พอดี (ภาคอสี าน) ส้มคอน (ไทใหญ่) ส้มขอน (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) พจิ ือสะ พิฉ่สี ะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) ผ่อชลิ ะ ผ่อชบิ ูทู (กะเหรย่ี ง-เชียงใหม่) แผละปอุ ย เมีย่ งโกร๊ะ ไมส้ ม้ ปอุ ย (ลั้วะ) เบล่หมา่ ฮนั้ (ปะหล่อง) สรรพคุณ ใบมรี ส เปรยี้ วฝาดเล็กน้อย ใช้ตม้ กับน้าดม่ื เปน็ ยาขบั เสมหะ สว่ นฝกั กม็ สี รรพคณุ ชว่ ยขบั เสมหะเชน่ กัน (ใบ,ฝกั ใบใชต้ ม้ กับ น้าด่มื เปน็ ยาขับระดูขาวของสตรี ชว่ ยฟอกล้างโลหติ ระดู (ใบ) (นจิ ศริ ิ เรอื งรังษี; ธวชั ชยั มังคละคปุ ต์ 2547) ใบใช้ ตาประคบหรือตาห่อผา้ ประคบเส้นชว่ ยทาใหเ้ ส้นเอน็ อ่อน แกเ้ สน้ เอ็นพกิ าร ขดั ยอก ส่วนเปลือกต้นก็มสี รรพคณุ ทา ใหเ้ สน้ เอ็นหยอ่ นเช่นกนั (เปลือกต้น,ใบ) (นิจศิริ เรืองรังษี; ธวชั ชยั มงั คละคปุ ต์ 2547 :นิจศิริ เรืองรังษี; ธวชั ชยั มังคละคปุ ต์ 2547: จไุ รรตั น์ เกิดดอนแฝก 2556) ใบสม้ ปอุ ยถูกนามาใชใ้ นสูตรยาอบสมุนไพร โดยจะมีฤทธิ์เปน็ กรดอ่อน ๆ ทชี่ ่วยชาละลา้ งสิง่ สกปรกตา่ ง ๆ ช่วยบารุงผิวพรรณ เพม่ิ ความต้านทานโรคให้กับผิวหนงั แกป้ วดเมื่อย และช่วยแกห้ วดั ได้ และยังถูกนามาใช้ในสตู รยาลกู ประคบสมนุ ไพรเพ่ือเป็นยาแกโ้ รคผวิ หนัง บารุงผวิ ลดความดนั [5]ใบและฝักนามาต้มกบั น้าอาบ ใชท้ าความสะอาด และบารงุ ผวิ [4] )(นจิ ศิริ เรืองรังษี; ธวชั ชัย มังคละ คุปต์ 2547 : สมนุ ไพรสวนสริ รี ุกขชาติ 2539 : จุไรรตั น์ เกิดดอนแฝก 2556 : เตม็ สมิตินันท์ 2557: ก่องกานดา ชยามฤต, ลีนา ผพู้ ฒั นพงศ์ 2547 : วฒุ ิ วุฒธิ รรมเวช 2540 : พงษ์ศกั ดิ์ พลเสนา 2550) เปลา้ น้อย ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Croton fluviatilis Esser, Croton stellatopilosus H.Ohba, Croton sublyratus Kurz ช่อื สามัญ Thai croton ชอ่ื พ้อง Oxydectes sublyrata (Kurz) Kuntze) จดั อยู่ในวงศ์ ยางพารา (EUPHORBIACEAE) องค์ประกอบทางเคมี ในใบพบสาร (E.Z,E) -7- hydroxymethyl -3, 11, 15- trimethy-2,6,10,14-hexadecate traen-1-01 มีช่ือวา่ CS-684 หรอื Plaunotol, Plaunotol A,B,C,D,E ตารายาไทย ใบ รสร้อน แก้คันตามตัว รักษาโรคผิวหนัง รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลาไส้ (สมุนไพรสวนสริ ี รุกขชาติ 2539 : เพชรรตั น์ จนั ทรทณิ , อจั ฉรยิ า มณีน้อย, ว่าที่ร้อยโท วรี ะเดช สขุ เอียด, 2542 : สพุ ร นชุ ดารงค์, สัณห์ พณิชยกุล 2545) 2.2 งานวจิ ัยที่เกี่ยวข้อง วีระยุทธ โพธฐ์ิ ติ ิรัตน์ (2548) ทาการศึกษาเพื่อกาหนดมาตรฐานของสารสกัดจากเหงา้ ขมนิ้ ชัน การหมกั , เพอโคเลท, การสกัดแบบต่อเนือ่ ง และการสกดั วธิ อี ืน่ ๆ ได้นามาใชใ้ นการทดลองสกัดเหง้าขม้นิ ชัน โดยใช้ 95% โดยปริมาตรของเอทานอล และเททานอลเปน็ ตวั ทาละลาย พบวา่ การสกดั แบบต่อเนื่องและ เพอโคเลท ดว้ ย 95% เอทานอล เปน็ วิธีทใ่ี หป้ รมิ าณสารสกดั เอทานอลหยาบมากทส่ี ดุ จึงใชว้ ธิ ีสกดั แบบตอ่ เน่ืองด้วย 95% เอทานอลใน การสกัดตวั อย่างเหงา้ ขมิน้ ชันที่เกบ็ จากแหลง่ ต่างๆ 10 แหล่งของประเทศไทยซ่งึ ตวั อย่างเหลา่ น้ปี ระกอบด้วย น้ามันหอมระเหย ≥ 6% ปรมิ าตร/น้าหนกั และ total curcurninoids ≥ 5% โดยนา้ หนกั สารสกัดเอทานอลทไี่ ด้มี
15 คา่ extract ratio (ผงยา: สารสกดั 95% เอทานอล) เทา่ กับ 3-5:1 พบว่าสารสกดั มลี ักษณะเปน็ semisolid มสี ี นา้ ตาล-สม้ ไม่ละลายในน้า ละลายไดใ้ น 95% เอทานอล ค่า loss on drying ของสารสกัด มคี ่าไม่เกิน 10% โดย น้าหนักเม่ือวิเคราะหด์ ว้ ย UV spectrophotometer, HPLC หรือ TLC-densitometer พบว่าสารสกดั เอทานอล ของเหง้าขมน้ิ ชนั ประกอบด้วย total curcuminoids ไมน่ ้อยกว่า 13, 16 หรอื 18% โดยนา้ หนักตามลาดับ โดยมี สารเคอรค์ ูมนิ ไม่นอ้ ยกว่า 8% โดยนา้ หนกั ชยั ยะ ปราณีตพลกรัง และคณะ (2546) ออกแบบการสกัดน้ามนั หอมระเหยจากผวิ มะกรูดดว้ ยการสกดั ดว้ ยไอนา้ (Stream distillation) และแยกสว่ นระบบควบแน่น (Condenser) โดยวางผวิ มะกรดู บนตะแกรงเหนือ นา้ ในชดุ ถังตม้ กล่นั ผวิ มะกรดู 20 กโิ ลกรมั ต้มกล่นั ทอี่ ุณหภมู ิ 100oC และ120oC ใช้เวลา 6 ช่ัวโมง อุณหภูมินา้ หล่อเย็นในการควบแนน่ ไมเ่ กิน 30oC น้ามนั หอมระเหยท่สี กดั ได้มีปริมาณแตกต่างกนั น้อยมาก ไดผ้ ลผลิต 3.5 % ของนา้ หนักผวิ มะกรดู สด สมใจ ขจรชีพพนั ธง์ าม. (2549). ศกึ ษาการสกัดสารเคอร์คูมนิ จากขมน้ิ ชนั โดยใช้ตวั ทาละลายอินทรีย์ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ เมธานอลและเอธานอลโดยใชส้ ภาวะในการสกัดทต่ี า่ งๆกนั คอื อุณหภมู ิทใ่ี ช้ในการสกัดอยใู่ นช่วง 25oC – 500 oC และระยะเวลาในการสกัดอยู่ในชว่ ง 30 นาที - 24 ชว่ั โมง ปริมาณของสารเคอรค์ มู ินทส่ี กดั ได้จะถูก นาไปวิเคราะหโ์ ดยเครื่อง ยวู ี– วสิ ิเบิลสเปคโทรโฟโตมิเตอร์ ผลจากการทดสอบแสดงใหเ้ ห็นว่า 1) สภาวะท่ี เหมาะสมในการสกดั ทใี่ ห้ปรมิ าณสารเคอร์คูมนิ สงู สดุ (80.95 มลิ ลกิ รมั ตอ่ 1 กรมั ขมนิ้ แห้ง หรอื คิดเป็นร้อยละ 8.09 โดยน้าหนกั ) คอื ที่อุณหภูมิ 25oC เป็นเวลา 5 ชวั่ โมงเมื่อใชเ้ มธานอลเปน็ สารสกดั 2) สภาวะท่ีเหมาะสมใน การสกดั ท่ีให้ปริมาณสารเคอร์คมู นิ สงู สุด(91.52 มลิ ลกิ รมั ต่อ1 กรมั ขมน้ิ แห้ง หรือ คดิ เป็นร้อยละ 9.15 โดย นา้ หนกั ) คือที่อณุ หภูมิ 25oC เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเมื่อใชเ้ อธานอลเปน็ สารสกัด 3) ปรมิ าณสารเคอร์คูมนิ ทส่ี กดั ได้จะ ลดลงเมือ่ อุณหภูมใิ นการสกดั สูงขน้ึ 4)สารสกดั เคอร์คูมนิ สามารถยบั ย้ังการเจริญเตบิ โตของเช้ือราแอสเปอรจ์ ิลลัส ไนเจอร์ได บุญนาก หมื่นอาจอาสา,ยิ่งยง ไพสขุ ศานตวิ ฒั นา,เบญญา มะโนชัย (2554) ศกึ ษาผลของอุณหภูมิอบแห้ง ต่อคุณภาพของเหง้าไพล โดยวางแผนการทดลองแบบ CRD ประกอบด้วย 3 ซา้ 4 กรรมวิธี คอื อบแหง้ ดว้ ยเคร่ือง อบแหง้ แบบลมรอ้ นที่ระดบั อุณหภมู ิ 40 60 80 และ 1000ซ. ดาเนนิ การทดลองท่ีห้องปฏบิ ตั กิ าร ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ตัง้ แต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 – กนั ยายน พ.ศ. 2552 พบวา่ เมื่ออบ เหงา้ ไพลทหี่ น่ั เป็นแผน่ หนา 1.5 -2.0 มม. ที่อุณหภูมิ 40 60 80 และ 100 0ซ. เป็นเวลา 1 23 54 30 และ 24 ชม. ตามลาดบั จนมคี วามชน้ื สุดท้ายไม่เกนิ 13 % มอี ตั ราการอบแห้งเฉล่ยี ตลอดช่วงระยะเวลาอบแหง้ คือ 3.03 6.76 11.56 และ 14.19 (kg H2O/kg dry-basis h) สว่ นปรมิ าณน้ามันหอมระเหยทาให้อณุ หภมู ิ อบแหง้ เพมิ่ ขึน้ อย่างมนี ยั สาคัญยงิ่ ทางสถติ ิ สว่ นฤทธิต์ ้านอนมุ ลู อิสระลดลงตามการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมทิ ่ีใชใ้ นการ อบแห้ง คือ 75.09 68.20 65.54 และ 59.49% ตามลาดับ นอกจากนี้อุณหภมู ิในการอบแหง้ ยงั ทาให้ค่าความสวา่ ง ของสี (L*) สีแดง (a*) และสีเหลือง (b*) ลดลงเมอ่ื เปรียบเทยี บกับตัวอยา่ งเหง้าไพลสด แสดงวา่ อุณหภูมิอบแห้งมี
16 ผลทางลบต่อการเปลีย่ นแปลงคณุ ภาพของเหงา้ ไพลทุกดา้ นอยา่ งมีนัยสาคญั ย่งิ ขณะทมี่ ีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงคา่ สี แดง (a*) อย่างมนี ยั สาคัญทางสถติ ิ บดนิ ทร์ ใจจันทร์,เอกพันธ์ จาปา,เพลิน จนั ทรส์ ุยะ, จริ พฒั นพงษ์ เสนาบุตร (2560) พฒั นาเคร่ืองกลั่น นา้ มนั หอมระเหยใช้หลักการกล่นั ด้วยไอนา้ เครอ่ื งกล่นั นา้ มันหอมระเหยที่พฒั นาขึน้ ทามาจากวสั ดุ สแตนเลสเบอร์ 316 หนา 2 มิลลเิ มตร มีส่วนประกอบ คือ หมอ้ กล่ัน หม้อควบแน่น โดยระบบไฟฟูาควบคุมอุณหภูมิในตวั เก็บรังสี แสงอาทิตย์ขนาด 70 ลติ ร แล้วสง่ น้าทม่ี อี ณุ หภูมิ 60-80 องศาเซลเซียส ไปยังหม้อกล่นั เพ่ือส่งั ให้ฮีตเตอร์ทางานจน นา้ อุณหภมู ิถึง 70-93 องศาเซลเซียส แลว้ นาไอน้าที่ไดไ้ ปควบแน่นในหมอ้ ควบแน่นท่ีอณุ หภูมิ 20-25 องศา เซลเซยี ส ตามลาดับ ใชป้ รมิ าณสมนุ ไพรจานวน 5 กิโลกรัม ใชไ้ พลเป็นสมุนไพรในการสกัด โดยใชพ้ ลงั งานไฟฟูา ทัง้ หมด 2510 วตั ต์ และระยะเวลาในการกล่ัน 6 ชัว่ โมง ได้นา้ มันหอมระเหยจานวน 8 มิลลิลติ ร ดษุ ฎี อดุ มอิทธพิ งศ์, กฤตนยั แกว้ ยศ, เกยูรมาศ อย่ถู ่นิ (2561) ได้ทบทวนองคค์ วามรเู้ ก่ียวกบั นา้ มนั หอม ระเหยที่มีผลต่อการทางานของระบบประสาท และความรสู้ ึกทางอารมณ์ พบว่า นา้ มนั หอมระเหยคือสารอินทรีย์ที่ พชื ผลติ ข้นึ ตามธรรมชาติ สามารถพบไดต้ ามส่วนต่างๆ ของพชื แล้วนามาสกดั ให้ไดส้ ารประกอบทมี่ ีคุณสมบัตเิ พ่ือ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การดูแลรกั ษา เช่น เพื่อการผ่อนคลาย ชว่ ยบาบัดรกั ษาความวติ กกังวล ซมึ เศรา้ และนอนไม่หลบั การอักเสบ และกระตนุ้ ภูมิคุม้ กนั ร่างกาย เป็นตน้ สารประกอบนา้ มนั หอมระเหยชนิดนัน้ ๆ มกี ลไกการออกฤทธ์ติ อ่ การทางานของระบบประสาท และความรสู้ ึกทางอารมณ์ รวมทงั้ มีหลักฐานการศกึ ษาทัง้ ในคนและสัตว์ ทชี่ ใ้ี ห้เหน็ ว่านา้ มนั หอมระเหย มีประสทิ ธภิ าพในการเปลยี่ นแปลงของร่างกาย จากการสรา้ งภาพสมอง การตรวจคลื่นไฟฟาู สมอง กระบวนการ ร้คู ดิ การนอนหลบั และการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์ ดงั นัน้ นา้ มันหอมระเหยได้ถูกนามาใช้ ในการออกฤทธต์ิ ่อการทางานของระบบประสาทและอารมณค์ วาม รูส้ ึก ซง่ึ ข้นึ กบั คณุ ภาพ ขนาดใช้ และผลของ การใชท้ ี่แตกต่างกันตามแต่ละชนิด ถงึ อย่างไรกต็ ามการนาสรรพคณุ ของน้ามนั หอมระเหยมาใชใ้ นการบาบัด จึงมี ความจาเป็นทจ่ี ะต้องศึกษาเพ่ิมเติม ใหเ้ ปน็ รปู ธรรม ทชี่ ัดเจนและตามความจาเพาะต่อฤทธ์ขิ องนา้ มนั หอมระเหย สมใจ ขจรชีพพนั ธงุ์ าม (2549) ศกึ ษาการสกัดสารเคอร์คมู ินจากขมิ้นชันโดยใชต้ วั ทาละลายอินทรยี ์ 2 ชนดิ ได้แก่ เมธานอลและเอธานอล โดยใช้สภาวะในการสกัดท่ตี ่างๆกัน คอื อุณหภมู ิท่ีใชใ้ นการสกัดอยูใ่ นชว่ ง 250C – 500Cและระยะเวลาในการสกดั อยใู่ นช่วง 30 นาที - 24 ช่ัวโมง ปริมาณของสารเคอร์คูมนิ ทีส่ กดั ได้จะถกู นาไปวิเคราะหโ์ ดยเครอื่ ง ยวู ี – วสิ ิเบิล สเปคโทรโฟโตมเิ ตอร์ ผลจากการทดสอบแสดงให้เห็น ว่า 1) สภาวะท่ีเหมาะสมในการสกัดทใ่ี ห้ปรมิ าณสารเคอรค์ ูมินสูงสุด (80.95 มิลลกิ รัมต่อ 1 กรัมขมิ้น แหง้ หรอื คิดเป็นร้อยละ 8.09 โดยนา้ หนกั ) คือทอ่ี ุณหภมู ิ 250C เปน็ เวลา 5 ช่วั โมงเม่ือใช้เมธานอลเป็น สารสกัด 2) สภาวะท่เี หมาะสมในการสกัดท่ีให้ปริมาณสารเคอร์คูมนิ สงู สดุ (91.52 มิลลกิ รมั ตอ่ 1 กรัม ขม้ินแห้ง หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 9.15 โดยน้าหนัก) คือทอี่ ุณหภูมิ 250C เปน็ เวลา 2 ชัว่ โมงเมือ่ ใช้เอธานอล เป็นสารสกดั 3) ปริมาณสารเคอร์คูมินทส่ี กัดได้จะลดลงเมื่ออุณหภูมิในการสกัดสูงขน้ึ 4) สารสกัดเคอร์ คมู ินสามารถยับยงั้ การเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื รา แอสเปอร์จิลลัส ไนเจอร์ได้
17 บทที่ 3 วธิ ีการดาเนินการวจิ ยั ในรายงานวิจัยเร่อื ง การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ลกู ประคบสมนุ ไพรล้านนา เป็นสเปรย์นา้ มันหอมระเหยลูก ประคบสูตรลา้ นนา ผูว้ จิ ยั ไดด้ าเนนิ งานวจิ ัยตามลาดับ ดงั นี้ 3.1 กรอบแนวคดิ ของโครงการวิจัย ปญั หาหรือ สกดั สารออกฤทธ์ิ ซง่ึ นาสารสกดั มาผสมใน ศึกษาเชงิ ทดลอง ข้อจากดั ของ เป็นองค์ประกอบ อตั ราส่วนด้งั เดมิ ตาม กับกลมุ่ ตวั อยา่ ง ลูกประคบท่ี สาคญั จากพืช มาตรฐานลูกประคบสมนุ ไพร แบบเจาะจง สมุนไพรธรรมชาติแต่ ลา้ นนาสด พฒั นาเป็นสเปรย์ ผลิตจาก นา้ มันหอมระเหยลูกประคบ สมนุ ไพรสด ละชนดิ สตู รล้านนา รูปท่ี 3.1 กรอบแนวคิดของโครงการวจิ ัย 3.2 รูปแบบการวิจัย การวิจยั เชงิ ทดลองกับกลมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง ประชากร กลมุ่ ตวั อย่าง คือ กลมุ่ ผทู้ มี่ ารบั การนวดกับนักศกึ ษาหลักสูตรการนวดไทย ของสมาคมแพทย์ แผนไทย เชียงใหม่ จานวน 30 คน เกณฑ์คดั เลอื กกลุ่มที่ศึกษา คือ ผทู้ ่มี ารับการนวดกับนักศกึ ษาหลักสูตรการนวดไทยท่ีนวดประคบดว้ ยลกู ประคบ ในเวลาไม่เกนิ 7 วัน หลกั การ สเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนาเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือก เพ่ือรักษาอาการปวด เมอ่ื ยกล้ามเน้ือ และใชเ้ ปน็ ส่วนหนึ่งในการเรยี นการสอนหลักสตู รการนวดแผนไทย ตลอดจนถึงประชาชนทว่ั ไปก็ สามารถนาไปใช้ได้ ซ่งึ มขี นั้ ตอนดาเนินการดงั รูปที่ 3.2
18 ศกึ ษาความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา จดั หาวัสดุ ออกแบบ และสร้างอปุ กรณใ์ นการทดลอง เตรยี มสมนุ ไพร สกัดสารออกฤทธิ์ นาสารสกัดมาผสมในอตั ราส่วนดัง้ เดมิ ตามมาตรฐานสตู รลกู ประคบสมุนไพรลา้ นนา ผลติ ภณั ฑ์”สเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลกู ประคบสตู รลา้ นนา” ปรบั ปรุงและแก้ไขปญั หา วเิ คราะหป์ ญั หา แก้ไข ศกึ ษาท่ีมาของปญั หา ทดลองใชก้ บั กลุ่มเปูาหมาย สรปุ ผล รปู ท่ี 3.2 ขนั้ ตอนดาเนินการวจิ ยั 3.3 ขั้นตอนการดาเนินการวจิ ยั 1. ข้ันศกึ ษาเอกสารกระบวนการสกดั สารออกฤทธ์ิ หรือการสกัดองค์ประกอบสาคัญ (active constituent) ออกมาจากพืชสมุนไพรธรรมชาติ โดยใช้ตวั ทาละลาย (solvent) หรือนา้ และหรือวิธีการสกดั อน่ื ที่ เหมาะสม 2. ขั้นเตรียมชุดกลัน่ น้ามันหอมระเหยสาหรับสกดั น้ามนั หอมระเหยจาก ไพล ขมิ้นชนั ตะไคร้ ผิวมะกรดู 3. ขนั้ เตรียมชุดหมักสกัดสารสาคัญจากพืชโดยวิธีหมกั พชื สมนุ ไพรกบั ตัวทาละลายในภาชนะปดิ เพ่ือสกัด สารสาคญั จาก ใบมะขาม ใบหนาด ใบส้มปอุ ย ใบเปลา้ 3. ข้ันเตรียมสมนุ ไพรสดก่อนนาเขา้ สู่กระบวนการสกัดสารออกฤทธิ์ หรือการสกัดองค์ประกอบสาคัญ
19 4. ขัน้ ตอนการสกัดสารออกฤทธ์ิ หรือการสกัดองค์ประกอบสาคญั โดยวธิ กี ารทางเคมี ด้วยเครอื่ งกลนั่ นา้ มนั หอมระเหยสาหรับอุตสาหกรรมขนาดเล็กขนาด 100 ลติ ร สาหรบั สกัดน้ามันหอมระเหยจาก ไพล ขมนิ้ ชัน ตะไคร้ ผิวมะกรูด และหมักสกัดสาระสาคัญจากพืชโดยวิธหี มักพชื สมนุ ไพรกบั ตัวทาละลายในภาชนะปดิ สาหรบั อตุ สาหกรรมขนาดเล็กขนาด 50 ลิตร เพ่อื สกัดสารสาคัญจาก ใบมะขาม ใบหนาด ใบส้มปุอย ใบเปลา้ 5.ขนั้ ตอนนาสารสกดั มาผสมในอตั ราสว่ นดัง้ เดิมตามมาตรฐานสูตรลกู ประคบสมุนไพรลา้ นนาตามท่ี สานกั งานสาธารณสขุ จงั หวดั เชยี งใหม่เปน็ ผูป้ ระสานงาน มีการประชมุ รว่ มกันขน้ึ เมื่อวนั ท่ี 22 ตลุ าคม 2547 โดย ทาผลติ ภัณฑใ์ นรูปสเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนา 6.ข้นั ตอนการศกึ ษาเชิงทดลองกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (กลุม่ ผู้ท่ีมารับการนวดกับนกั ศึกษาหลกั สตู ร การนวดไทย ของสมาคมแพทย์แผนไทย เชยี งใหม่) 3.4 อปุ กรณ์และวธิ กี ารดาเนินการวจิ ัย 3.4.1 อปุ กรณ์ 1. เครื่องกลนั่ น้ามนั หอมระเหยสาหรับอตุ สาหกรรมขนาดเล็กขนาด 100 ลิตร สาหรับสกดั นา้ มัน หอมระเหยจาก ไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ ผิวมะกรูด 2. ถงั หมักสกดั สาระสาคัญจากพืชโดยวิธหี มักพชื สมนุ ไพรกับตัวทาละลายในภาชนะปิด สาหรบั อุตสาหกรรมขนาดเลก็ ขนาด 50 ลติ ร เพื่อสกัดสาระสาคัญจาก ใบมะขาม ใบหนาด ใบส้มปอุ ย ใบเปลา้ 3. เคร่ืองบด-หน่ั สมนุ ไพร 4. ถงั ผสมผลติ ภัณฑใ์ นรูปสเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนา 3.4.2 วัตถุดบิ 1. สมุนไพรสาหรับสกัดน้ามันหอมระเหย ได้แก่ ไพลแกส่ ด (อายุประมาณ 3 ปี) ขมิน้ ชนั แกส่ ด (อายปุ ระมาณ 12 เดือน) ตะไคร้แกส่ ด (อายปุ ระมาณ 4 เดือน) ผลมะกรดู (ปลอกเฉพาะผวิ ) 2. สมุนไพรสาหรับหมกั สกัดสาระสาคัญ ได้แก่ ใบมะขาม ใบหนาด ใบส้มปอุ ย ใบเปล้า 3. เอทลิ แอลกอฮอล์ 95% 3.4.3 วิธีการดาเนนิ การวจิ ัย 1. การเตรียมวัตถุดบิ สาหรับการสกดั น้ามันหอมระเหย นาไพลแก่สด ขมน้ิ ชันแกส่ ด ตะไคร้แก่สด และผลมะกรดู ไปทาความสะอาดในนา้ สะอาดทีไ่ หลถ่ายเท แลว้ นามาผ่งึ ให้แห้ง 2. สกดั นา้ มันหอมระเหยด้วยการกลั่นดว้ ยนา้ รอ้ น (Water distillation & Hydro-distillation)
20 นาไพลที่ผึ่งให้แห้งแล้ว 40 กโิ ลกรรมมาทุบใหแ้ ตกใสล่ งบนตะแกรงในเครื่องต้มกลนั่ สาหรบั อุตสาหกรรม ขนาดเล็กขนาด 100 ลติ ร เตมิ น้าลงไปให้พอทว่ มไพล แลว้ ประกอบชดุ กลน่ั ไอนา้ จะนาพาน้ามันหอมระเหยท่ีอยู่ ในไพลออกมาผา่ นทอ่ เกลยี วท่ีหล่อเลย้ี งดว้ ยนา้ เยน็ เพื่อให้เกิดการลดอุณหภูมิและควบแน่นเปน็ ของเหลว จากนั้น ของเหลวจากการควบแนน่ ท่ไี ด้ไหลผา่ นท่อควบแน่นเข้าสู่กรวยแยกของเครื่องต้มกลนั่ ได้นา้ มันหอมระเหย (pure essential oil) และนา้ สกดั น้ามันหอมระเหย (floral water หรือ hydrosol) ใช้เวลาในการกล่นั เป็นเวลา ประมาณ 3 ชว่ั โมง จากน้ันทิง้ ไว้จนกระท่ังนา้ มันหอมระเหยและนา้ สกดั น้ามนั หอมระเหยแยกช้ันกนั อย่างสมบูรณ์ ทาการแยกนาเอาชั้นน้ามันหอมระเหยที่ได้มาเติมดเี กลือสะตุ (Anhydrous sodium sulfate) เตมิ จนกระทัง่ ผงดี เกลือสะตุจับกันเปน็ กอ้ นกลิ้งเปน็ เม็ด นาไปกรองจะได้นา้ มันหอมระเหยไพล เกบ็ ในภาชนะทึบแสง นาไปไว้ท่ี อณุ หภมู ติ า่ สาหรบั การสกดั น้ามนั หอมระเหยจากขมิน้ ชนั แก่สด ตะไคร้แกส่ ด ข้ันตอนการสกัดวิธีเดียวกบั การสกดั นา้ มนั หอมระเหยจากไพล การสกัดนา้ มนั หอมระเหยจากมะกรดู จะต้องเตรยี มวัตถุดิบก่อนการต้มกลัน่ โดยปลอกเอาเฉพาะผิว มะกรดู ก่อนแล้วจงึ นาไปทาการสกัดวธิ เี ดียวกับการสกัดน้ามันหอมระเหยจากไพล 3.การสกดั ด้วยแอลกอฮอล์หรอื การหมัก (Maceration) สมนุ ไพรสาหรบั หมักสกดั สาระสาคญั ได้แก่ ใบมะขาม ใบหนาด ใบสม้ ปอุ ย ใบเปลา้ ชั่งสมนุ ไพร ใส่ในถุงผา้ นาไปใสล่ งในถงั หมักสาหรบั อุตสาหกรรมขนาดเล็กขนาด 50 ลิตร นาตระแกรง วางทบั บนถุงผ้า เทแอลกอฮอล์ใหท้ ว่ มดว้ ยอตั ราสว่ น ตัวอย่างพืช : เอทลิ แอลกอฮอล์ = 1:2 (w/v) ปิดภาชนะให้ สนิททิง้ ไว้ 7 วัน คนทุกวัน บีบสารละลายออกจากกาก กรองเอาส่วนสารละลายเกบ็ ในภาชนะทบึ แสง นาไปไว้ท่ี อณุ หภมู ิตา่ นากากไปหมักซา้ อีก 7 วนั เพ่ือล้างกาก และไดส้ ารสกัดมากทสี่ ุด นาสารสกดั 2 คร้งั รวมกนั เพื่อใช้ในการ ทดลอง 4.นาสารสกดั มาผสมในอตั ราสว่ นดั้งเดมิ ตามมาตรฐานสตู รลกู ประคบสมุนไพรลา้ นนาโดยทา ผลิตภณั ฑ์ในรูปสเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนา เตรยี มสารละลาย (stock solution) ส่วนของสารสกดั ตามสูตรที่สานักงานสาธารณสุขจังหวดั เชียงใหมเ่ ป็นผปู้ ระสานงาน มีการประชุมรว่ มกันขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตลุ าคม 2547 ซง่ึ ใช้ในการเรยี นการสอนหลักสตู ร การนวดไทย ของสมาคมแพทยแ์ ผนไทย เชียงใหม่ ในงานวจิ ัยน้ีสารละลายมาตรฐาน (stock solution) หมายถึง สมนุ ไพรสว่ นประกอบของลกู ประคบ สมนุ ไพรลา้ นนา ตามทส่ี านกั งานสาธารณสุขจงั หวัดเชยี งใหม่เปน็ ผู้ประสานงาน มีการประชมุ ร่วมกันข้นึ เมอื่ วนั ท่ี 22 ตุลาคม 2547 ได้จัดทารา่ งมาตรฐานลูกประคบสมุนไพรล้านนาบางสว่ น ซงึ่ มีข้อสรปุ วา่ ลกู ประคบสมนุ ไพร ลา้ นนาตอ้ งประกอบดว้ ยสมนุ ไพรหลักดังน้ี (1) ไพล 40 % (2) ตะไคร้ 10 % (3)ขม้นิ ชัน 10 % (4)ใบมะขาม
21 10 %(5)ใบหนาด 5 % (6) ใบเปล้าใหญ่ 10 % (7) ผิวมะกรูด 5 % และสามารถใช้สมุนไพรเสริมอืน่ ๆ ได้แก่ หญ้า เอน็ ยืด ใบผีเส้ือน้อย การบูร เกลือสะตุ พมิ เสน ว่านน้า ใบส้มปอุ ย ใบมะกรดู ใบเตย ใบพลบั พลึง ใบยูคาลปิ ตัส รวมกนั อกี 10% หรือนอ้ ย ในกลุ่มสมุนไพรเสริมจะเลอื กใชต้ วั ใดตวั หนึง่ หรือไม่ใชก้ ไ็ ด้ 5. ศึกษาอตั ราสว่ นทีเ่ หมาะสมของสเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนา ระหวา่ ง สารละลายมาตรฐาน (stock solution) กับตัวทาละลายแอลกอฮอล์ 80% 6.นาไปศึกษาเชิงทดลองกบั กลุ่มตัวอยา่ งแบบเจาะจง เพ่อื ประเมินความคดิ เห็นเปรียบเทียบ ประสทิ ธิภาพของสเปรย์นา้ มันหอมระเหยลูกประคบสมนุ ไพรลา้ นนา กบั ลูกประคบสูตรลา้ นนา กับกลุม่ ผู้ที่มารับ การนวดกับนักศึกษาหลกั สตู รการนวดไทย ของสมาคมแพทย์แผนไทย เชียงใหม่ 3.5 แบบประเมนิ ความคดิ เห็น แบบประเมิน ประกอบด้วย 5.1 ขอ้ มลู ทั่วไป เปน็ ข้อมลู ทว่ั ไปของผ้ตู อบแบบประเมิน ได้แก่ อายุ และ เพศ 5.2 ข้อมูลรายการประเมนิ ความคิดเหน็ เปรยี บเทียบผลการใช้สเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลกู ประคบ สมุนไพรล้านนา กับ การใช้ลูกประคบสูตรลา้ นนาในรปู แบบเดมิ เป็นแบบประเมนิ แบบประเมินค่า (Rating scale) 3 ระดับ ทีใ่ ช้วัดสิง่ ทเ่ี ป็นนามธรรม โดยการแปลงเป็นปรมิ าณในเชิงเปรียบเทียบ ซึง่ มกี ารกาหนดคา่ ระดบั ความ คิดเหน็ ตามเกณฑ์การแปลความหมายดงั นี้ ดกี วา่ (+1) เทา่ กนั (0) ดอ้ ยกว่า (-1) 3.6. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ผ้วู จิ ัยไดด้ าเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู จากแบบประเมนิ ความคิดเห็นเปรยี บเทียบผลการใช้สเปรย์น้ามัน หอมระเหยลูกประคบสมนุ ไพรล้านนากบั ลกู ประคบสูตรล้านนาแบบเดิม ซึ่งดาเนินการประเมนิ จากกลุ่มผู้ท่ีมารบั การนวดกับนักศกึ ษาหลักสตู รการนวดไทย ของสมาคมแพทย์แผนไทย เชียงใหม่ จานวน 30 คน 3.7 การวเิ คราะห์ข้อมูล ขอ้ มลู จากแบบประเมนิ ความคิดเหน็ เปรียบเทยี บผลการใช้สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสมุนไพร ล้านนากบั ลกู ประคบสูตรลา้ นนาแบบเดมิ จะใชส้ ถติ พิ ้นื ฐานในการวิเคราะห์ข้อมลู ได้แก่ รอ้ ยละ คา่ เฉลยี่ ( X ) และค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.)
22 สูตร การหาค่าเฉล่ียเลขคณิต (พวงรตั น์ ทวีรัตน.์ 2543: 137) X= X N เมื่อ X คอื ค่าเฉล่ีย X คือ ผลรวมของข้อมลู ทง้ั หมด N คอื จานวนข้อมูลทัง้ หมด สตู ร การหาคา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์.2543: 143) S.D. = (X X)2 N 1 เมือ่ S.D. คอื สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (X X)2 คอื ผลรวมของผลตา่ งระหว่างคะแนนกบั ค่าเฉลย่ี ยกกาลงั สอง N คือ จานวนข้อมลู ทั้งหมด
23 บทท่ี 4 ผลการวิจยั ในงานวจิ ยั น้คี รงั้ น้ี ผวู้ จิ ยั มวี ตั ถุประสงค์ ดงั น้ี วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการวิจัย 1. เพ่อื ศึกษาสว่ นผสมท่เี หมาะสมของสเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนาระหวา่ งสารสกดั กบั ตวั ทาละลลาย 2. เพ่อื ศึกษาผลการทดลองใช้สเปรย์นา้ มันหอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนาที่พัฒนาขนึ้ ผลการศกึ ษา แบง่ เปน็ 4 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 ผลการสกัดนา้ มนั หอมระเหยด้วยเครอ่ื งกล่นั นา้ มันหอมระเหยสาหรบั อตุ สาหกรรมขนาดเล็ก ขนาด 100 ลติ ร และผลการสกดั ด้วยแอลกอฮอลห์ รือการหมกั (Maceration) สาหรบั อุตสาหกรรมขนาดเล็กขนาด 50 ลิตร ดว้ ยอัตราส่วน ตวั อย่างพืช : เอทิลแอลกอฮอล์ = 1 : 2 (w/v) ตอนที่ 2 เตรยี มสารละลายมาตรฐาน ตามทส่ี านกั งานสาธารณสขุ จังหวดั เชยี งใหมเ่ ปน็ ผู้ประสานงาน มี การประชมุ รว่ มกนั ขึน้ เม่ือวนั ท่ี 22 ตลุ าคม 2547 ตอนที่ 3 ผลการศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของสารละลายมาตรฐาน (stock solution) : ตัวทาละลาย แอลกอฮอล์ 80 % ตอนท่ี 4 ผลการประเมนิ ความคดิ เหน็ เปรียบเทยี บสเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนากับลูก ประคบสูตรล้านนา
24 ตอนท่ี 1 ผลการสกดั น้ามนั หอมระเหยดว้ ยเคร่อื งกลน่ั นา้ มนั หอมระเหยสาหรบั อุตสาหกรรมขนาดเลก็ ขนาด 100 ลิตร และผลการสกัดดว้ ยแอลกอฮอล์หรือการหมกั (Maceration) สาหรบั อตุ สาหกรรมขนาดเล็กขนาด 50 ลติ ร ด้วยอัตราส่วน ตัวอยา่ งพชื : เอทิลแอลกอฮอล์ = 1 : 2 (w/v) ตาราง 4.1 ผลการสกัดน้ามนั หอมระเหยด้วยเคร่ืองกล่ันนา้ มนั หอมระเหยสาหรบั อุตสาหกรรมขนาดเล็กขนาด 100 ลติ ร ชนดิ พชื ประเภท น้าหนกั (kg) ปริมาณน้ามันหอมระเหยที่ได้ (mL) %yield 1.ไพล พชื สด สกดั ครั้งท่ี 1 30.2 280.1 0.927 สกัดครง้ั ท่ี 2 30.4 288.4 0.949 รวม 60.6 568.5 2.ขมน้ิ ชัน พชื สด สกดั คร้งั ที่ 1 27.6 65.9 0.239 สกัดครง้ั ท่ี 2 33.2 79.3 0.200 รวม 60.8 145.2 3.ตะไคร้ พชื สด สกดั ครั้งที่ 1 35.7 98.6 0.300 สกดั ครั้งที่ 2 31.4 83.7 0.267 รวม 67.1 182.3 4.ผวิ มะกรดู พชื สด สกัดครั้งที่ 1 33.8 293.8 0.869 สกัดครั้งที่ 2 40.4 381.2 0.944 รวม 74.2 675.0
25 ตาราง 4.2 ผลการสกัดดว้ ยแอลกอฮอล์หรือการหมกั (Maceration) สาหรบั อตุ สาหกรรมขนาดเลก็ ขนาด 50 ลติ ร ชนดิ พชื ประเภท น้าหนักพชื ปรมิ าณ ปรมิ าณ (kg) เอทลิ แอลกอฮอล์ (dm3) เอทลิ แอลกอฮอล์ (dm3) (กรองกากออกแล้ว) 1.ใบมะขาม พชื สด 3.5 สกดั ครั้งที่ 1 7.0 6.7 สกดั ครง้ั ท่ี 2 7.0 6.8 รวม 14.0 13.5 2.ใบหนาด พชื สด 5.7 สกัดคร้ังที่ 1 11.4 11.1 สกดั คร้ังที่ 2 11.4 11.3 รวม 22.8 22.4 3.ใบสม้ ปอุ ย พชื สด 4.1 สกดั ครั้งท่ี 1 8.2 7.9 สกดั ครง้ั ท่ี 2 8.2 8.0 รวม 16.4 15.9 4.ใบเปลา้ พืชสด 4.7 สกดั ครั้งที่ 1 9.4 9.1 สกดั ครั้งท่ี 2 9.4 9.2 รวม 18.8 18.3 หมายเหตุ อัตราส่วน ตวั อย่างพชื : เอทิลแอลกอฮอล์ = 1 : 2 (w/v) สกัดคร้ังที่ 1 ใช้เวลา 7 วัน และสกัดคร้ังที่ 2 ใช้เวลา 7 วนั
26 ตอนท่ี 2 เตรียมสารละลายมาตรฐาน ตามทส่ี านกั งานสาธารณสุขจงั หวดั เชียงใหม่เป็นผปู้ ระสานงาน มีการ ประชุมร่วมกันขึ้นเม่ือวันท่ี 22 ตลุ าคม 2547 ในงานวิจัยน้ีสารละลายมาตรฐาน (stock solution) หมายถงึ สมุนไพรสว่ นประกอบของลูกประคบ สมุนไพรล้านนา ตามทส่ี านกั งานสาธารณสุขจงั หวดั เชียงใหม่เปน็ ผ้ปู ระสานงาน มีการประชมุ รว่ มกันขน้ึ เม่ือวนั ที่ 22 ตลุ าคม 2547 ไดจ้ ัดทารา่ งมาตรฐานลูกประคบสมนุ ไพรล้านนาบางสว่ น ซึง่ มขี อ้ สรุปว่าลกู ประคบสมนุ ไพร ลา้ นนาตอ้ งประกอบดว้ ยสมนุ ไพรหลักดังน้ี (1) ไพล 40 % (2) ตะไคร้ 10 % (3)ขมน้ิ ชัน 10 % (4)ใบมะขาม 10 %(5)ใบหนาด 5 % (6) ใบเปลา้ ใหญ่ 10 % (7) ผิวมะกรดู 5 % และสามารถใชส้ มุนไพรเสรมิ อน่ื ๆ ได้แก่ หญ้า เอน็ ยดื ใบผเี สือ้ น้อย การบูร เกลือสะตุ พมิ เสน วา่ นนา้ ใบส้มปุอย ใบมะกรดู ใบเตย ใบพลบั พลึง ใบยูคาลปิ ตสั รวมกนั อกี 10% หรอื น้อย ในกล่มุ สมนุ ไพรเสริมจะเลือกใชต้ ัวใดตัวหนึง่ หรอื ไม่ใชก้ ไ็ ด้ ตาราง 4.3 สารละลายมาตรฐาน (stock solution) สารสกัด ปรมิ าณสาร (กรัม) 1.นา้ มนั หอมระเหยไพล 40 2.นา้ มันหอมระเหยจากตะไคร้ 10 3.น้ามันหอมระเหยจากขมนิ้ ชัน 10 4.นา้ มันหอมระเหยจากผวิ มะกรดู 5 5.สารสกัดจากใบมะขาม 10 6.สารสกัดจากใบสม้ ปุอย 10 7.สารสกัดจากใบหนาด 5 8.สารสกดั จากใบเปลา้ 10 รวม 100
27 ตารางที่ 4.4 ผลการศึกษาอตั ราส่วนท่ีเหมาะสมของสเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนา เนอ่ื งจากน้ามันหอมระเหยมีความเขม้ ข้นสูงมาก อาจทาให้เกดิ การระคายเคืองต่อผิวหนงั ได้ จงึ ควรท่จี ะ เจอื จางน้ามนั หอมระเหยด้วยตัวทาละลายก่อน การศึกษาประเมินจากผู้สอนนวดไทย หลักสตู รการนวดไทย ของสมาคมแพทย์แผนไทย เชียงใหม่ ดว้ ย การสัมภาษณ์ สตู รของ อัตราสว่ นผสม ผลการประเมิน ผลติ ภัณฑ์ สารละลายมาตรฐาน ตัวทาละลาย (stock solution) (mL) แอลกอฮอล์ 80 % สตู รท่ี 1 1 99 -ซึมลงสู่ผวิ หนังไดห้ มด -ประสิทธภิ าพออกฤทธร์ิ ักษาไมด่ ีเทยี บกับสูตรที่ 3 สูตรที่ 2 5 95 -ซึมลงสผู่ วิ หนังได้หมด -ประสิทธภิ าพออกฤทธิร์ ักษาไม่ดีเทยี บกับสตู รที่ 3 สูตรท่ี 3 10 90 -ซึมลงสู่ผวิ หนังได้หมด -ประสทิ ธภิ าพออกฤทธิ์รักษาได้ดี สูตรท่ี 4 15 85 -ซมึ ลงสูผ่ ิวหนังไม่หมด -มสี ารคล้ายนา้ มันบนผวิ ระคายเคอื งผวิ สูตรที่ 5 20 80 -ซมึ ลงสผู่ ิวหนงั ไมห่ มด -มสี ารคล้ายน้ามนั บนผวิ ระคายเคืองผิวมากกว่า จากสูตรทเี่ หมาะสม ได้แกส่ ูตรท่ี 3 ในอตั ราสว่ น 10 : 90 ของสารละลายมาตรฐาน (stock solution) กับ ตัวทาละลายแอลกอฮอล์ 80 % สารละลายมาตรฐาน (stock solution) 100 mL จะเตรยี มสเปรย์นา้ มันหอมระเหยลกู ประคบสูตร ล้านนาได้ 1,000 mL. โดยทาการบรรจุขวดสเปรยใ์ นปริมาณ 80 mL. (เพื่อให้พกพาสะดวก นาไปใช้ได้ง่าย) จานวน 12.5 ขวด สารละลายมาตรฐาน (stock solution) 100 mL ทีเ่ ตรยี มได้น้มี าจากสมุนไพรสดรวมทุกรายการรวมกนั (ไพล ตะไคร้ ขมิ้นชนั ผิวมะกรูด ใบมะขาม ใบสม้ ปุอย ใบหนาด ใบเปล้า) เท่ากับ 13.69 กโิ ลกรมั และหากนามา ทาลูกประคบสดทีม่ ีน้าหนกั ลูกละ 150 กรัม จะได้ลูกประคบทงั้ สนิ้ 91 ลูก
28 ตอนท่ี 4 ผลการประเมนิ ความคิดเห็นเปรยี บเทียบสเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนากับลกู ประคบ สตู รลา้ นนา ตารางที่ 4.5 จานวน ร้อยละ คา่ เฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานของระดบั ความคดิ เหน็ เปรียบเทยี บผลการ ทดลองใช้สเปรยน์ า้ มันหอมระเหยลกู ประคบสตู รลา้ นนากับลูกประคบสูตรลา้ นนา รายการประเมิน จานวน (n) รอ้ ยละ (%) Mean SD +1 0 -1 +1 0 -1 1.ประสทิ ธภิ าพในการใชร้ กั ษาหรอื บรรเทาอาการปวดเม่ือย เมอื่ ยล้า 15 13 -2 50.00 43.33 6.67 0.43 0.626 ออ่ นเพลีย 2.กลนิ่ ของน้ามันหอมระเหยช่วยให้ร่าง 30 0 0 100 0.00 0.00 1.00 0.000 การเกดิ อาการต่ืนตัว ทาใหร้ สู้ ึกสดชื่น และผอ่ นคลาย 30 0 0 100 0.00 0.00 1.00 0.000 3.ความสะดวกในการนาไปใช้ 30 0 0 100 0.00 0.00 1.00 0.000 4.ความสะดวกในการเก็บรักษา 30 0 0 100 0.00 0.00 1.00 0.000 5.อายุการเกบ็ รกั ษา 10 20 0 33.33 66.67 0.00 0.33 0.479 6.ค่าใช่จ่ายต่อครงั้ 7.สามารถนาไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้หลากหลาย 23 7 0 76.67 23.33 0.00 0.77 0.430 รูปแบบ 8.ผลติ ภณั ฑส์ ามารถนาไปจดั จาหน่ายได้ 16 9 -5 53.33 30.00 16.67 0.37 0.765 9.ระดบั ความพึงพอใจในภาพรวม 16 12 -2 53.33 40.00 6.67 0.47 0.629 จากตารางท่ี 4.5 พบวา่ กลุม่ เปูาหมายสว่ นใหญ่ร้อยละ 50.00 เห็นว่า สเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนามี ประสทิ ธิภาพในการใชร้ กั ษาหรือบรรเทาอาการปวดเม่อื ย เม่ือยลา้ และอ่อนเพลยี ไดด้ ีกว่าลกู ประคบ รองลงมาคือ รอ้ ยละ 43.33 เห็นวา่ มีประสิทธภิ าพในการใช้รกั ษาหรือบรรเทาอาการปวดเม่อื ย เม่ือยล้าและอ่อนเพลียไดด้ ีพอ ๆ กนั และมีเพียงร้อยละ 6.67 เทา่ น้นั ท่ีเหน็ ว่าลกู ประคบแบบเดมิ มีประสิทธภิ าพในการใช้รักษาหรอื บรรเทา อาการปวดเมื่อย เม่ือยล้าและออ่ นเพลียได้ดีกวา่ โดยมคี ่าเฉลีย่ ของระดับความคดิ เหน็ เทา่ กับ 0.43 และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานเทา่ กบั 0.626
29 กลุม่ เปูาหมายทั้งหมดร้อยละ 100.00 เห็นว่า กลนิ่ ของน้ามันหอมระเหยทมี่ ีอยู่ในสเปรย์นา้ มันหอมระเหย ลูกประคบสตู รล้านนาสามารถช่วยใหร้ ่างการเกิดอาการตน่ื ตัว ทาให้ร้สู ึกสดชนื่ และผ่อนคลายไดด้ ีกว่าลูกประคบ โดยมคี ่าเฉล่ยี ของระดบั ความคดิ เห็นเทา่ กับ 1.00 และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.000 กลุ่มเปาู หมายทั้งหมดร้อยละ 100.00 เห็นว่า สเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนามคี วาม สะดวกในการนาไปใช้ดกี ว่าลูกประคบ โดยมีค่าเฉล่ียของระดบั ความคิดเห็นเทา่ กบั 1.00 และสว่ นเบย่ี งเบน มาตรฐานเทา่ กับ 0.000 กลุ่มเปาู หมายทั้งหมดร้อยละ 100.00 เห็นวา่ สเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนามคี วาม สะดวกในการเกบ็ รักษาดีกว่าลกู ประคบ โดยมีค่าเฉลีย่ ของระดบั ความคดิ เหน็ เทา่ กบั 1.00 และสว่ นเบีย่ งเบน มาตรฐานเทา่ กบั 0.000 กลุ่มเปาู หมายทงั้ หมดร้อยละ 100.00 เหน็ ว่า สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสตู รลา้ นนามอี ายุการ เก็บรักษาดกี ว่าลกู ประคบ โดยมีคา่ เฉล่ยี ของระดบั ความคิดเหน็ เท่ากบั 1.00 และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 0.000 กลุ่มเปูาหมายสว่ นใหญร่ ้อยละ 66.67 เหน็ วา่ สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสตู รลา้ นนามีค่าใช่จ่าย ตอ่ ครัง้ พอ ๆ กับการใช้ลูกประคบ รองลงมาคือ รอ้ ยละ 33.33 เหน็ ว่า สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสูตร ล้านนามคี า่ ใช่จ่ายต่อคร้งั ถกู กว่าหรอื ต่ากว่าการใช้ลูกประคบ และไม่มใี ครเลยทเี่ ห็นว่า สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูก ประคบสูตรลา้ นนามีคา่ ใช่จา่ ยตอ่ คร้ังแพงกว่าหรือสงู กวา่ การใช้ลูกประคบ โดยมีคา่ เฉลี่ยของระดบั ความคดิ เหน็ เทา่ กบั 0.33 และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเทา่ กับ 0.047 กลุม่ เปาู หมายส่วนใหญร่ ้อยละ 76.67 เหน็ วา่ สเปรยน์ ้ามันหอมระเหยลูกประคบสตู รลา้ นนาสามารถ นาไปประยุกตใ์ ชไ้ ดห้ ลากหลายรปู แบบมากกวา่ การใชล้ กู ประคบ รองลงมาคือ รอ้ ยละ 23.33 เห็นวา่ สเปรยน์ ้ามัน หอมระเหยลูกประคบสตู รลา้ นนาสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้ไม่ต่างกับลูกประคบ และไมม่ ีใครเลยท่ีเหน็ วา่ ลกู ประคบสามารถนาไปประยุกต์ใชไ้ ด้ดกี ว่าสเปรย์นา้ มนั หอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนา โดยมคี ่าเฉลี่ยของระดับ ความคดิ เหน็ เท่ากับ 0.77 และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.430 กลุ่มเปาู หมายส่วนใหญร่ ้อยละ 53.33 เหน็ วา่ สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสูตรลา้ นนาเป็น ผลิตภณั ฑ์ทส่ี ามารถนาไปจัดจาหน่ายได้ไดด้ ีกวา่ ลูกประคบ รองลงมาคือ ร้อยละ30.00 เหน็ ว่า ผลิตภณั ฑ์ทัง้ 2 สามารถนาไปจัดจาหน่ายได้ได้ดีพอ ๆ กัน และมีเพียงร้อยละ 16.67 เทา่ นนั้ ที่เหน็ วา่ ลกู ประคบแบบเดมิ เป็น ผลติ ภณั ฑ์ทส่ี ามารถนาไปจดั จาหน่ายได้ดกี วา่ โดยมีคา่ เฉล่ยี ของระดับความคดิ เหน็ เท่ากบั 0.37 และส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐานเทา่ กบั 0.765 และกลมุ่ เปูาหมายส่วนใหญร่ ้อยละ 53.33 มีระดับความพึงพอใจในภาพรวมต่อสเปรยน์ า้ มนั หอมระเหย ลกู ประคบสูตรล้านนาดีกวา่ ลูกประคบ รองลงมาคือ ร้อยละ 40.00 เหน็ ว่า มีระดบั ความพึงพอใจในภาพรวมต่อ
30 ผลติ ภณั ฑ์ทง้ั 2 พอ ๆ กัน และมเี พียงร้อยละ 6.67 เทา่ นน้ั ทมี่ รี ะดับความพึงพอใจในภาพรวมตอ่ ลูกประคบ แบบเดิมสงู กวา่ โดยมีค่าเฉลีย่ ของระดับความคดิ เห็นเท่ากบั 0.47 และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.629
31 บทท่ี 5 สรปุ อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปและอภปิ รายผล ผลการศกึ ษาอตั ราสว่ นทเี่ หมาะสมของสารละลายมาตรฐาน (stock solution) : ตัวทาละลายแอลกอฮอล์ 80 % พบว่า 10 : 90 เป็นอัตราสว่ นท่ีมีมาตรฐานเดยี วกับการรักษาดว้ ยลูกประคบสด ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู จากแบบประเมินเปน็ การวิเคราะห์เชิงพรรณนา(Descriptive research) โดยมี วตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศึกษา ความพึงพอใจต่อการใหค้ วามคดิ เห็นเปรยี บเทียบสเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบ สมนุ ไพรลา้ นนา กบั ลูกประคบสตู รล้านนา ดังนี้ 1.ประสทิ ธิภาพในการใช้รกั ษาหรือบรรเทาอาการปวดเมอ่ื ย เม่ือยล้า ออ่ นเพลีย มีค่า ̅ 0.43 SD 0.626 การพัฒนาเปน็ ผลิตภัณฑส์ ารสกดั เขม้ ขน้ จากสมุนไพรทม่ี ีองคป์ ระกอบเชน่ เดยี วกับลูกประคบในรูปแบบ ของผลิตภณั ฑ์ท่ไี ดม้ าตรฐาน เพราะในขณะที่ทาการนึ่งหรอื อุน่ ลูกประคบ อุณหภมู อิ าจไม่เพียงพอในการทาใหต้ ัว ยาหรือสารสาคญั แพร่ออกมาไดค้ รบทุกตวั ทาให้ตวั ยาหรือสารสาคัญไม่ได้สัดสว่ นท่ไี ด้มาตรฐาน 2.กลน่ิ ของน้ามันหอมระเหยช่วยให้รา่ งการเกิดอาการต่นื ตวั ทาใหร้ ู้สึกสดชน่ื และผอ่ นคลาย ค่า ̅ 1.00 SD 0.000 สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลกู ประคบสตู รล้านนาทผ่ี ลติ น้ี สารละลายมาตรฐานผลติ จากพืชสด สารสกัดเป็น น้ามันหอมระเหยท่ีมบี รสิ ทุ ธ์ิและมกี ลิ่นหอมตามธรรมชาติ จะมีกลน่ิ ที่เหมือนหรือคลา้ ยคลงึ กับกลนิ่ ของพืชชนิดนัน้ มากที่สดุ น้ามันหอมระเหยของแท้ จะให้ประโยชน์โดยตรงดว้ ยการช่วยใหจ้ ติ ใจผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวุ ยของ รา่ งกาย ช่วยใหเ้ กดิ ความสดชื่น ผอ่ นคลาย กระตุ้นและเพ่มิ การไหลเวยี นของโลหิตให้ดีขึ้น น้ามันหอมระเหยของ แท้ สามารถใชต้ ่อเรอื่ งเป็นระยะเวลายาวนานไดโ้ ดยไมก่ ่อให้เกิดผลเสยี ต่อสขุ ภาพ มีผลตรงตามสรรพคุณของพืช ชนิดนนั้ ๆ (ผลทางจิตบาบดั ผลทางความงาม และผลทางการแพทย์) และมีผลตอ่ ระบบทางเดนิ หายใจท่ีปลอดภัย สว่ นนา้ มันหอมสงั เคราะห์ (ของเทียม) ผลติ ขน้ึ ดว้ ยกระบวนการทางสารเคมีและแตง่ กลนิ่ สงั เคราะห์ นา้ มนั หอมระเหยสังเคราะห์ไม่ได้ช่วยในเรอื่ งบาบัดสขุ ภาพ เพียงแต่ให้กลิ่นหอมทส่ี งั เคราะหข์ ึ้น ก่อใหเ้ กดิ สารเคมตี กคา้ งอยูภ่ ายในรา่ งกาย ผลเสียต่อสุขภาพได้ในอนาคต เชน่ ก่อใหเ้ กิดมะเรง็ เป็นพิษต่อปอด และตบั เปน็ ตน้ ดงั นน้ั ถา้ ต้องการใช้ในระยะยาวควรเลอื กน้ามันหอมระเหยของแทม้ ากกวา่ ส่วนนา้ มันหอมสังเคราะหข์ องเทียม จะมีกลนิ่ ทสี่ งั เคราะห์ขึ้นมาจากสารเคมี มกั ไม่คอ่ ยเหมอื นกลนิ่ ธรรมชาติมาก นกั เมอื่ สูดดมอาจทาใหม้ ีอาการแสบจมูกได้
32 3.ความสะดวกในการนาไปใช้ คา่ ̅ 1.00 SD 0.000 สเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนา มีมาตรฐานของสารสาคัญที่ออกฤทธริ์ ักษาหรอื บรรเทา อาการ สะดวกในการใชแ้ ละการพกพา ไม่มีปัญหาเรื่องการปนเปอื้ นของเชอื้ รา สามารถนาไปใช้ได้ในทกุ โอกาส ดว้ ยตนเองหรอื ชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ เพียงทาการฉีดพ่นไปในบรเิ วณทีม่ ีอาการปวด เมื่อย โดยไม่ต้องใช้กรรมวธิ นี วด ประคบด้วยลูกประคบ ซ่งึ ตอ้ งมีสถานทีใ่ นการทาการรกั ษา มีผูใ้ ห้บริการนวดรกั ษาท่ีผา่ นการอบรมหรือมีความรูใ้ น กระบวนการนวดรักษา และก่อนกระบวนการรักษาจะต้องนาลูกประคบสดไปนึ่งประมาณ 15-20 นาที เพือ่ ให้ สารสาคญั และน้ามันหอมระเหย ระเหยออกมาในกระบวนการรกั ษาหรือบรรเทา 4.ความสะดวกในการเก็บรักษา ค่า ̅ 1.00 SD 0.000 ลกู ประคบสมนุ ไพรสด ไดแ้ ก่ (1) สามารถเก็บได้เพียง 2-3 วันเท่านั้นในตเู้ ย็น ลูกประคบที่ทาการประคบ รกั ษาแลว้ อาจใช้ได้ อีก 3 - 5 วัน และเวลาเก็บควรผ่ึงตวั ยาไวอ้ ย่าให้อบั หรอื เก็บในท่ีเยน็ เช่น ตูเ้ ยน็ ก็จะทาให้ เกบ็ ได้นานขน้ึ ปูองกนั การบูดเนา่ ลูกประคบสมุนไพรสดไม่มีการฆ่าเช้ือจุลนิ ทรีย์ หากลกู ประคบมเี ช้ือราปรากฏให้ เหน็ และมีกล่นิ เหม็นเปร้ียว หรอื สเี หลอื งจางลง แสดงวา่ ตวั ยาเสยี ไม่มีคุณภาพไม่ควรนามาใชอ้ กี ต่อไป เพราะจะใช้ ไม่ได้ผล สาระสาคัญในรูปน้ามันหอมระเหย และสารสกัดจากการหมกั มีมาตรฐานในการผลิตจงึ ไม่เกิดปัญหา ดังกล่าวมา นอกจากน้ีสเปรย์นา้ มันหอมระเหยลกู ประคบสูตรลา้ นนาสามารถพกพาสะดวก เก็บในอุณหภูมหิ อ้ ง มี อายกุ ารใช้งานได้นานกว่า เน่ืองจากน้ามันหอมระเหยท่เี ป็นสว่ นผสมมีอายุการใชง้ านนาน 2-3 ปี 5.อายุการเกบ็ รกั ษา ค่า ̅ 1.00 SD 0.000 เน่ืองดว้ ยข้อจากดั ในการใช้ลูกประคบสมนุ ไพรสด ได้แก่ (1) สามารถเกบ็ ได้เพียง 2-3 วันเทา่ นนั้ ในตเู้ ย็น ลกู ประคบท่ที าการประคบรักษาแล้ว อาจใชไ้ ด้ อีก 3 - 5 วนั และเวลาเกบ็ ควรผ่งึ ตัวยาไว้อย่าให้อับ หรือเก็บในท่ี เย็น เชน่ ตู้เยน็ กจ็ ะทาใหเ้ กบ็ ไดน้ านข้ึน (2) วัตถุดบิ สมนุ ไพรทป่ี ระกอบในลูกประคบ จะต้องมีคณุ ภาพดโี ดยมี สารสาคัญท่ีใชเ้ ป็นตัวยาท่ีมีประสิทธิภาพ หรือไดส้ รรพคุณทางยาตามตอ้ งการ น้ามนั หอมระเหยมีอายกุ ารใช้งานนาน 2-3 ปี ดังนัน้ สเปรย์น้ามันหอมระเหยลกู ประคบสูตรลา้ นนา จึงมี อายกุ ารเกบ็ รักษาไดน้ านกวา่ ลูกประคบสมนุ ไพรสด ไมเ่ กดิ การปนเปอื้ นจากรา และการเจือปนอน่ื 6.คา่ ใชจ่ ่ายตอ่ ครั้ง ค่า ̅ 0.33 SD 0.479 ลดรายจา่ ยในการนวดประคบด้วยลกู ประคบสด 2 ครัง้ /อาทติ ย์ 500 บาท/ครงั้ 4,000บาท/เดอื น
33 ผลการวิจัยพบว่า สารละลายมาตรฐาน (stock solution) 100 mL จะเตรียมสเปรยน์ า้ มนั หอมระเหยลูก ประคบสตู รลา้ นนาได้ 1,000 mL. โดยทาการบรรจุขวดสเปรย์ในปริมาณ 80 mL. (เพือ่ ใหพ้ กพาสะดวก นาไปใช้ ได้ง่าย) จานวน 12.5 ขวด สารละลายมาตรฐาน (stock solution) 100 mL ที่เตรียมไดน้ มี้ าจากสมนุ ไพรสดรวมทุกรายการรวมกัน (ไพล ตะไคร้ ขมิน้ ชนั ผวิ มะกรดู ใบมะขาม ใบสม้ ปุอย ใบหนาด ใบเปล้า) เท่ากบั 13.69 กโิ ลกรมั และหากนามา ทาลูกประคบสดทม่ี นี ้าหนกั ลูกละ 150 กรมั จะได้ลูกประคบทงั้ สิน้ 91 ลูก ผลิตภณั ฑ์สเปรย์นา้ มันหอมระเหยลกู ประคบสูตรลา้ นนา 1 ขวด (ปริมาณ 80 mL.) ราคาประมาณหรอื เทา่ กับลกู ประคบสด 1 ลูก ใช้ฉีดพน่ รักษาหรือบรรเทาอาการไดม้ ากครง้ั ตามต้องการ เม่ือเปรยี บเทียบแล้วจะเห็น ว่ามรี าคาทถ่ี ูกกวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยในการนวดประคบดว้ ยลูกประคบ 7.สามารถนาไปประยกุ ต์ใช้ได้หลากหลายรปู แบบ ค่า ̅0.77 SD 0.430 สารสาคัญในสารละลายมาตรฐาน ท่ีนามาทาผลิตภณั ฑ์สเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนา มี สรรพคุณในการรกั ษาหรือบรรเทาแลว้ กลนิ่ จากน้ามนั หอมระเหยยงั ช่วยให้เกิดความสดชืน่ ผอ่ นคลาย กระตุน้ และ เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตให้ดขี ึ้น สารสาคญั จากไพล ชว่ ยรกั ษาอาการปวด เมื่อย ช่วยลดอาการบวม เคลด็ ขดั ยอก ฟกช้า อกั เสบของ กล้ามเน้อื เส้นเอน็ ลดการติดขัดของข้อต่อ ข้อกระดูก ลดอาการเกรง็ ของกลา้ มเน้ือ คลายกล้ามเนอ้ื ช่วยให้ เนอ้ื เยื่อ พังผดื ยดื ตัวออก สารสาคัญจากขมนิ้ ชัน ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนงั สารสาคญั จากผวิ มะกรูด แก้ลมวงิ เวยี น ชว่ ยระบบทางเดนิ หายใจ สารสาคญั จากตะไคร้ ช่วยในการแต่งกล่ิน ลดอาการฟกช้า ลดอาการปวด เมอ่ื ย สารสาคัญจากใบมะขาม ช่วยให้เสน้ เอ็นหย่อน แกโ้ รคผวิ หนงั ผนื่ คัน แก้อาการคันตามร่างกาย บารุง ผวิ พรรณ สาระสาคัญจากใบส้มปุอย ชว่ ยบารุงผวิ แก้โรคผวิ หนัง ลดความดันโลหติ สารสาคญั จากใบหนาด แก้โรค ผิวหนงั พุพอง น้าเหลืองเสยี สารสาคญั จากเปลา้ บารุงผวิ พรรณ 8.ผลติ ภณั ฑ์สามารถนาไปจัดจาหน่ายได้ คา่ ̅ 0.37 SD 0.765 ถึงแม้วา่ ค่าเฉลี่ยของความคิดเห็นว่าผลติ ภณั ฑ์น้ีออกมาต่า คอื มีค่าเท่ากับ 0.37 และค่าเบี่ยงเบน มาตรฐานที่สงู เกือบถึง 1 คือ มี SD เท่ากบั 0.765 น่นั อาจเปน็ เพราะกล่มุ เปูาหมายยงั เห็นวา่ ผลิตภัณฑน์ เี้ ป็น ผลติ ภัณฑ์ใหม่ รปู แบบบรรจุภัณฑไ์ มส่ ดดุ ตา และยังไมร่ ู้จักกนั แพร่หลาย แต่อย่างไรก็ตาม กล่มุ เปูาหมายจานวน รอ้ ยละ 53.33 กเ็ หน็ ว่าผลิตภณั ฑ์น้ีสามารถนาไปจดั จาหน่ายได้ดกี วา่ ลูกประคบ และอกี ร้อยละ 30.00 เหน็ วา่ ผลติ ภณั ฑ์น้ีสามารถนาไปจดั จาหน่ายได้เหมือนเช่นเดียวกบั ลกู ประคบ ส่วนที่เห็นว่า ผลติ ภณั ฑ์น้ีสามารถนาไปจดั จาหน่ายไดน้ อ้ ยกว่าลูกประคบมีเพยี งร้อยละ 16.67 เท่าน้ัน ผลติ ภณั ฑ์สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสตู ร ลา้ นนาเป็นการประยุกต์เป็นองค์ความรใู้ หม่ ท่ีสรา้ งผลิตภัณฑ์ท่มี ีมาตรฐานของสารออกฤทธิ์ในการรกั ษาหรอื
34 บรรเทาอาการโดยไม่ต้องทาการนวดประคบ สามารถนาไปใชใ้ นขอบเขตท่ีกวา้ งขึน้ เช่น ในผู้ปุวยเบาหวาน อัมพาต เด็ก และผูส้ ูงอายุ ที่ไมต่ อ้ งการการนวดร่วมกับการรกั ษาหรือไม่สามารถนวดได้ เป็นต้น 9.ระดับความพงึ พอใจ คา่ ̅ 0.47 SD 0.629 ผลิตภณั ฑ์สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนามีขนาดบรรจุ 80 mL. เปน็ ยาภายนอกท่ีใช้ได้ ไม่ ก่อให้เกดิ อนั ตราย ปริมาณทใ่ี ชข้ น้ึ กบั บรเิ วณที่มีอาการ สามารถเพ่ิมปริมาณโดยทาการฉีดพ่นซ้าตามอาการ เป็น ทางเลือกในการรักษาหรือบรรเทาอาการโดยไม่ต้องทาการนวดประคบ แต่ใหผ้ ลท่ีไมแ่ ตกตา่ งกัน มคี วามสะดวก และเหมาะสมต่อการนามาใช้งาน ในแตล่ ะคร้ัง สามารถใช้ได้เอง ในทกุ โอกาสทปี่ วดเม่อื ย และสามารถใช้กบั ผอู้ ่ืน ได้ ช่วยเหลือผู้อื่นได้ ผลติ ภณั ฑไ์ ม่กอ่ ใหเ้ กดิ การระคายเคือง ไมเ่ กิดผลข้างเคียงกบั ผิวหนัง นอกจากนี้ ผลติ ภัณฑ์สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสูตรล้านนายังสรา้ งมลู คา่ เพ่ิมให้กบั สมนุ ไพร พื้นบ้าน เกิดความรู้ และทักษะการใชป้ ระโยชน์จากการนาสมนุ ไพรพ้นื บา้ นมาดูแลสุขภาพ เกิดชอ่ งทางในการ ประกอบอาชีพ สรา้ งรายได้ ขอ้ เสนอแนะ งานวจิ ัยต่อเนือ่ งจากผลติ ภัณฑส์ เปรย์นา้ มันหอมระเหยลูกประคบสตู รล้านนา ควรพัฒนาเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ ชนิดอนื่ ใหม้ คี วามหลากหลาย เช่น ธูปหอมน้ามันหอมระเหยลกู ประคบสูตรล้านนา ลกู หอมอโรมา
35 บรรณานุกรม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (2558) ตาราอ้างอิงยาสมนุ ไพร ไทย กรงุ เทพฯ : อมรินทร์พริ้นตง้ิ แอนด์พบั ลิชช่ิง กระทรวงสาธารณสุข กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์ทางเลือก (2550) ตาราวิชาสุคนธบาบัด พิมพ์คร้งั ที่ 1 กรุงเทพ :สานกั กิจการโรงพิมพอ์ าคารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก กองประกอบโรคศลิ ปะ กระทรวงสาธารณสุข.(มปป).หนงั สือแพทยแ์ ผนโบราณทว่ั ไป สาขาเภสชั กรรม. กรุงเทพฯ) กอ่ งกานดา ชยามฤต, ลีนา ผ้พู ฒั นพงศ์ (2547) สมนุ ไพรไทยตอนท่ี 7 กรุงเทพฯ : ประชาชน คณะอนกุ รรมการพฒั นาบญั ชียาหลักแห่งชาติ (2556) คู่มอื การผลิตและประกนั คุณภาพเภสชั ตา รับ โรงพยาบาลจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พุทธศักราช 2555.สา นกั ยา สา นักงานคณะกรรมการอาหาร และยา กระทรวงสาธารณสขุ . โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จุไรรัตน์ แสงสวัสดิ์ (2545) การสกดั น้ามนั หอมระเหย กรมสง่ เสริมการเกษตร จุไรรตั น์ เกดิ ดอนแฝก 2556 สมนุ ไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนดิ . กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์เซเว่นพริน้ ตงิ้ กรปุ๊ หนา้ 178 ชัชวาลย์ ชา่ งทา 2558, คณุ ประโยชน์และฤทธทิ์ างชีวภาพที่หลากหลายของสมุนไพรขม้ินชัน, ว. วทิ ย. เทคโน. หวั เฉียวเฉลมิ พระเกยี รติ,ีท่ี 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม - ธันวาคม 2558, 94-109. ดษุ ฎี อุดมอทิ ธพิ งศ์, กฤตนยั แก้วยศ, เกยรู มาศ อยถู่ ่ิน (2561) นา้ มนั หอมระเหยกบั การทางานของ ระบบประสาท และความรู้สึกทางอารมณ์: บทความฟื้นฟวู ิชาการ วารสารสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเดจ็ เจา้ พระยา ปที ่ี 12 ฉบับที่ 2 ปี 2561หน้า 48-62 เตม็ สมิตนิ ันท์ (2557). ชื่อพรรณไมแ้ ห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไขเพ่ิมเติม กรุงเทพฯ: สานกั งานหอพรรณ ไม้ สานกั วจิ ยั การอนรุ กั ษป์ ุาไมแ้ ละพนั ธ์พุ ชื กรมอทุ ยานแห่งชาติ สัตวป์ าุ และพันธุ์พชื นันทวนั บณุ ยะประภศั ร และอรนุช โชคชยั เจริญพร (2542) สมนุ ไพร:ไมพนื้ บาน (3). กรงุ เทพฯ: คณะ เภสัชศาสตร์มหาวทิ ยาลัยมหิดล นจิ ศิริ เรืองรังษี; ธวัชชัย มังคละคุปต์ 2547 สมุนไพรไทย เลม่ 1กรงุ เทพฯ : บี เฮลท์ตี้ หน้า 282. บดนิ ทร์ ใจจันทร์,เอกพันธ์ จาปา,เพลิน จันทร์สยุ ะ, จิรพัฒนพงษ์ เสนาบุตร (2560) วารสาร วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ปที ่ี 2 ฉบับที่ 1 (2017): มกราคม - มิถนุ ายน การ พัฒนาเคร่ืองกลัน่ น้ามันหอมระเหยสมนุ ไพรโดยใชพ้ ลังงานแสงอาทติ ย์ ร่วมกบั พลงั งานไฟฟูาที่มรี ะบบควบคุม ไฟฟูาอัตโนมัติ บุญชม ศรสี ะอาด. (2553). การวิจยั เบอ้ื งต้น (พมิ พ์ครั้งที่ 8). กรงุ เทพฯ: สุวรี ยิ าสาส์น.
36 บญุ นาก หมืน่ อาจอาสา,ย่ิงยง ไพสุขศานตวิ ฒั นา,เบญญา มะโนชยั (2554) ผลของอณุ หภูมิอบแห้งต่อ คณุ ภาพของเหงา้ วารสารวชิ าการเกษตร ปีที่ 29 ฉบบั ท่ี 1 มกราคม-เมษายน ประเทืองศรี สนิ ชยั ศรี (2547) พรรณพชื หอมและนา้ มันหอมระเหย นนทบรุ ี : นีออน บุ๊คมีเดีย พงษ์ศักด์ิ พลเสนา 2550 พืชสมนุ ไพรในสวนปุาสมนุ ไพรเขาหนิ ซอ้ น ฉบบั สมบูรณ์ ฉะเชิงเทรา : ศูนย์ ศึกษาการพัฒนาเขาหนิ ซ้อนอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ พวงรตั น์ ทวีรตั น.์ (2543). วธิ กี ารวจิ ัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสงั คมศาสตร์(พมิ พ์ครง้ั ที่7). กรุงเทพฯ: สา นักทดสอบทางการศึกษาและจติ วิทยา มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ. พมิ พร ลลี าพรพสิ ฐิ (2545) สุคนธบาบดั ภาควิชาเทคโนโลยเี ภสัชกรรม คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ พิมพ์พร ลลี าพรพิสฐิ (2547) เครอ่ื งสาอางธรรมชาตผิ ลิตภัณฑ์สาหรับผิวหนัง กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์ พรสวรรค์ ดษิ ยบุตร, (2546) เคร่อื งสาอางจากสมุนไพร กรงุ เทพฯ : สถาบันวิจัยวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพ็ญนภา ทรพั ย์เจริญ. (2549) สมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง นนทบุรี : ศูนย์พฒั นาตารา การแพทย์แผนไทย,หนา้ 73. เพชรรตั น์ จันทรทิณ, อจั ฉรยิ า มณนี ้อย, ว่าทีร่ ้อยโท วีระเดช สขุ เอยี ด, 2542 การคัดเลือกต้นเปล้าน้อยท่ี ได้จากการเพาะเลีย้ งเนื้อเยื่อ ใหต้ า้ นทานต่อสารพิษของเช้ือรา Glomerella cingulata กรงุ เทพฯ : จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั แมน้ สรวง วฒุ ิอุดมเลศิ ,อ้อมบุญ ลว้ นรัตน์. (2546) การศึกษาสมุนไพรไทย ท่ีมีฤทธ์ิต้านราโรคผวิ หนงั และ ราฉวยโอกาส. ภาควชิ าเภสชั วินจิ ฉัย มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล:กรุงเทพฯ วิทยา บุญวรพฒั น์ (2554) สารานุกรมสมนุ ไพรไทย-จนี ทใ่ี ชบ้ อ่ ยในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สมาคม ศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนจนี ในประเทศไทย. หน้า 386. วทิ ย์ เทย่ี งบรู ณธรรม (2538) พจนานกุ รมสมนุ ไพรไทย (ฉบับสรรพคณุ ยาไทย) กรุงเทพฯ: รวมสาส์น วิทย์ เทยี่ งบรู ณธรรม (2542) พจนานกุ รมสมนุ ไพรไทย. พมิ พ์ครั้งท่ี 5. กรุงเทพฯ: รวมสาส์น วฒุ ิ วุฒธิ รรมเวช. (2540). สารานุกรมสมุนไพร รวมหลกั เภสชั กรรมไทยสารานุกรมสมุนไพร รวมหลัก เภสัชกรรมไทย กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร์ ศิริเพญ็ จริเกษม. (2548). นา้ มันหอมระเหยไทย กรุงเทพฯ : สถาบันวิจยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย สมพร ภตู ยิ านันต์.(2546).ความร้เู บอ้ื งต้นเกย่ี วกบั การแพทยแ์ ผนไทย. เชยี งใหม่: โรงพมิ พต์ ุลยก์ ารพมิ พ์ สมุนไพรสวนสิรีรกุ ขชาติ. (2539). คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล พิมพ์ครั้งที่ 2 กรงุ เทพฯ : คณะ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล หน้า 33.
37 สุพร นชุ ดารงค์, สณั ห์ พณชิ ยกุล. (2545). รายงานวิจยั ฉบับสมบรู ณเ์ รือ่ งการผลติ สารเปลาโนทอลจาก เซลลเ์ พาะเลยี้ งต้นเปลา้ นอ้ ย. ขอนแก่น : สานกั วิทยบรกิ ารมหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . Haginiwa J, Hasada M, Morishita I. (1963). Properties of essential oil components of aromatics and their phamacological effect on mouse intestine. Pharmacological studies on crude grugs. VII. Yakugaku Zasshi. Evans BK, James KC, Luscombe DK. Quantitatives structure-activity relationships and carminative activity. J Pharm Sci 1978;67:277. Cabo J, Crespo ME, Jimenez J, Zarzvelo A. The activity of the major components of their essential oils. The spasmolytic activity of various aromatic plants from the province of granada. I. Plant Med Phytother 1986; 203: 213-218. Ross MSF, Brain KK. An introduction to phytopharmacy. London: Pitman Medical Publishing Co. Ltd., 1977. p.158-76. Onawunmi GO. Evaluation of the antimicrobial activity of citral. Dept Pharm Obafemi Awolowo Univ Nigeria. Lett Appl Microbiol 1989;9(3):105-8. Inouye S, Goi H, Miyauchi K, Muraki S, Ogihara M, Iwanami Y. Inhibitory effect of volatile constituents of plants on the proliferation of bacteria-antibacteria activity. J Antibact Antifungal Agents 1983;11(11):609-15. Honda G, Koga K, Koezuka Y, Tabata M. Antidermatophytic compounds of Perilla frutescens Branton var. crispa decne. Shoyakugaku Zasshi 1984;238(1):127-30. Megalla SE, El-Kelltawi NEM, Ross SA. A study of antimicrobial action of some essential oil constituents. Herba Pol 1980;26(3):181-6. Prakash S, Sinha GK, Pathak RC. Antibacterial and antifungal properties of some essentials oils extracted from medicinal plants of the kumaon region. Indian Oil Soap J 1972;379:230-2. Yamahara J, Kobayashi M, Saiki Y, Sawada T, Fujimura H. Biologically active principles of crud drugs: Pharmacological evaluation of cholagogue substances in clove and its properties. J Pharmacobio-Dyn 1983;6(5):281-6. Yamahara J Oshima S. Antibacterial activity of higher plants. XX. Antimicrobial effect of essential oils. (1). Clove oil and eugenol. J Pharm Soc Japan 1952;72:558-60.
38 ภาคผนวก 1. แบบประเมนิ สเปรยน์ า้ มันหอมระเหยลูกประคบสมนุ ไพรลา้ นนา 2. ตารางผลการประเมนิ การทดลองใช้สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสมุนไพรล้านนา (กลมุ่ เปาู หมายจานวน 30 คน) 3. ผลิตภัณฑ์สเปรยน์ า้ มันหอมระเหยลกู ประคบสูตรลา้ นนา
39 แบบประเมนิ ”สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสมนุ ไพรล้านนา” งานวิจัยนนี้ าไปเป็นทางเลือกของการเรียนการสอนหลักสูตรการนวดไทยของสมาคมแพทย์แผนไทยเชียงใหม่ คานิยาม สเปรย์น้ามนั หอมระเหยลูกประคบสมุนไพรลา้ นนา คือ ผลิตภณั ฑ์สเปรย์น้ามันหอมระเหยลูกประคบสตู ร ลา้ นนา ท่ีอยู่ในรปู แบบสเปรย์ทีใ่ ชง้ า่ ย นามาใชไ้ ดต้ ลอดเวลา ในทกุ โอกาสทตี่ ้องการ พกพาสะดวก สามารถใชไ้ ด้ ด้วยตนเอง สงิ่ สาคญั คอื สามารถช่วยเหลือผู้ปวุ ยทไี่ มส่ ามารถรบั การประคบดว้ ยลูกประคบไดโ้ ดยตรง หรอื ผู้ปุวยท่ี ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ---------------------------- ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไป คาช้แี จง ใหท้ ่านใสเ่ คร่ืองหมาย ✔ลงในช่อง ◻ ทต่ี รงกับความเปน็ จรงิ ของท่านมากทส่ี ุด 1. เพศ ◻ ชาย ◻ หญงิ 2. อายุ................. ปี ตอนท่ี 2 ความคิดเห็นเปรยี บเทียบสเปรยน์ ้ามนั หอมระเหยลูกประคบสมนุ ไพรลา้ นนา กับลูกประคบสตู รลา้ นนา สด คาช้ีแจง ให้ท่านใสเ่ ครื่องหมาย ✔ลงในชอ่ ง ◻ ที่ตรงกับความคดิ เหน็ ของทา่ นมากทส่ี ุด ระดับความคิดเห็น รายการประเมินเปรยี บเทยี บ ดกี ว่า เทา่ กนั นอ้ ยกว่า (+1) (0) (-1) 1.ประสทิ ธภิ าพในการใชร้ ักษาหรือบรรเทาอาการปวดเม่ือย เมอื่ ยลา้ ออ่ นเพลยี 2.กลนิ่ ของน้ามันหอมระเหยช่วยใหร้ ่างการเกิดอาการต่นื ตวั ทาใหร้ สู้ ึก สดชื่น และผ่อนคลาย 3.ความสะดวกในการนาไปใช้ 4.ความสะดวกในการเก็บรกั ษา 5.อายกุ ารเกบ็ รักษา 6.คา่ ใช่จา่ ยต่อครั้ง 7.สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ได้หลากหลายรปู แบบ
40 8.ระดบั ความพึงพอใจในภาพรวม 9.ผลิตภัณฑ์สามารถนาไปจดั จาหนา่ ยได้ ตอนท่ี 3 ปัญหาหรอื ข้อเสนอแนะอน่ื ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................... ................................................ ขอขอบคุณท่ีให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม
Search