Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดรถกระทง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประจำปี 2562 (2563)

การจัดรถกระทง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประจำปี 2562 (2563)

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-07-29 02:17:04

Description: หนังสือเรื่อง " การจัดรถกระทง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประจำปี 2562 " ได้ถอดบทเรียนรู้องค์ความรู้จากกิจกรรม "การจัดรถกระทง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา" ออกแบบสร้างสรรค์งานจากความร่วมมือของ ผู้บริหาร อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา ผู้มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในด้านต่างๆ เพื่อส่งขบวนกระทงเข้าประกวดในงานประเพณีลอยกระทงของจังหวัดเชียงใหม่ แบ่งออกเป็น 4 เรื่องหลัก คือ ความรู้เกี่ยวกับประเพณียี่เป็งล้านนา แนวคิดเกี่ยวกับการจัดริ้วขบวนกระทงใหญ่ ส่วนประกอบสำคัญของขบวนกระทงใหญ่ รวมถึงแนวทางและวิธีการบูรณาการจนตกผลึกเป็นแนวคิด "นพคุณบูชา สักการ์บงกชแก้ว เลิศแล้วระมิงค์นคร" และร่วมกันออกแบบริ้วขบวนกระทงพร้อมกับรถกระทงใหญ่ ผสมผสานศิลปวัฒนธรรมล้านนากับแนวคิดร่วมสมัยได้อย่างลงตัว

Keywords: รถกระทง,การออกแบบและการสร้าง,รถกระทง--การออกแบบและการสร้าง,ศูนย์วัฒนธรรมศึกษา,สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา,9789746258975,9789746258968

Search

Read the Text Version

บทนำ� จากพนั ธกจิ ของมหาวทิ ยาลยั ในการสบื สานศลิ ปวฒั นธรรม และความเปน็ ไทย มีการท�ำนุบ�ำรุง อนุรักษ์ และเผยแพร่ ศิลปวัฒนธรรม อันดีงาม มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ประกอบด้วย ๖ พ้ืนท่ี กับ ๑ สถาบัน คือ พื้นท่ีเชียงราย พ้ืนท่ีตาก พื้นที่น่าน พื้นที่พิษณุโลก พ้ืนท่ีภาคพายัพ เชียงใหม่ พื้นที่ล�ำปาง และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ซ่ึงมีพื้นที่ครอบคลุมในกลุ่ม ภาคเหนอื ทงั้ ๑๗ จงั หวดั ทม่ี ศี ลิ ปวฒั นธรรมทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป ตามบรบิ ทของพนื้ ทน่ี นั้ ๆ ที่เป็นเอกลกั ษณอ์ นั ดีงาม ส่งเสริมภูมิปัญญาดา้ นศิลปวฒั นธรรม ในองคค์ วามรตู้ ่าง ๆ ให้เกิดข้ึนจากการปฏิบัติ มีการถ่ายทอดสืบมา ฉะน้ันทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลลา้ นนา รูซ้ ึง่ คุณคา่ ในการสืบทอด มกี ารอนุรกั ษ์ ทำ� นบุ ำ� รงุ สืบสาน ในศลิ ปะ และวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่นและมีการส่งเสริม เผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรม สบื ตอ่ ไปชว่ั ลกู ชวั่ หลาน งานเทศกาลยี่เป็งที่ หรือประเพณีลอยกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒ ทางมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ไดจ้ ัดทำ� รถกระทง เพอื่ เขา้ รว่ มประกวด กระทงใหญ่ ระดับจังหวดั ร่วมกบั ทางเทศบาลนครเชยี งใหม่ ในปีน้เี พ่ือเป็นการสง่ เสรมิ อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมอนั ดงี ามและมรดกภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ของชาวลา้ นนา ภายใตแ้ นวความ คดิ “เชยี งใหม่ นครท่เี ปน็ ทีส่ ดุ แหง่ ความสง่างามทางวัฒนธรรม” มหาวิทยาลยั ได้จึงได้ จดั ทำ� องคค์ วามรู้ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาทางศลิ ปวฒั นธรรมภายใตก้ ระบวนการมี สว่ นรว่ มของทกุ ภาคสว่ นในมหาวทิ ยาลยั ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ เปน็ ทม่ี าของการถอดองคค์ วามรู้ จากกจิ กรรม “การจดั ทำ� รถกระทง มทร.ลา้ นนา” ประจำ� ปี ๒๕๖๒ ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบของ หนงั สอื และวดิ ที ัศน์ องคค์ วามรู้ ที่มีเน้อื หา สาระทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละเป็นแหล่งเรยี นรู้ ส�ำหรบั นกั ศึกษา บคุ ลากร คณาจารย์ รวมถึงประชาชนท่วั ไป ให้สามารถนำ� ไปศึกษา พัฒนาต่อยอด การพัฒนาศิลปวัฒนธรรม การจัดท�ำรถกระทง ในประเพณียี่เป็งของ ชาวล้านนา ให้มคี วามสงา่ งามทางวัฒนธรรมสบื ต่อไป คณะผจู้ ดั ท�ำ

สารบัญ ๔ ๖ “ประเพณีย่ีเปง็ ลา้ นนา” • ความรู้เกีย่ วกบั ประเพณียี่เป็งลา้ นนา • ความเป็นมาของประเพณยี ่ีเปง็ องคค์ วามรกู้ ารจดั ทำ� “ขบวนรถกระทง มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา” ๑๐ • แนวความคดิ รว้ิ ขบวนกระทงใหญ่ ส่วนประกอบขบวนกระทงใหญ่ ๑๓ ๑๗ • อาจารยว์ ทิ ยา พลวฑิ รู ย์ (ผู้ออกแบบรว้ิ ขบวนกระทงใหญ่) ๓๓ • ลัวะ ๙ ตระกลู เป็นหนง่ึ ในตำ� นานการสรา้ งเมืองเชียงใหม่ ๓๔ • อาจารยธ์ นิตพงศ์ พทุ ธวงศ์ (ผ้อู อกแบบตวั รถกระทง ใหญ่) ๓๕ • รถกระทงใหญ่สว่ นแรก ตัวรถดา้ นหนา้ • รถกระทงใหญ่สว่ นท่ีสอง ตัวรถด้านหลัง 2 การจดั ทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

แนวทางและวธิ กี ารบรู ณาการ ๓๗ ๓๘ • รองศาสตราจารย์ศลี ศิริ สง่าจิตร ผปู้ ฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี ๓๙ อธิการบดี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา • ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พีระ จูน้อยสุวรรณ คณบดีคณะ ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ • ผูช้ ่วยศาสตราจารยช์ ยั ปฐมพร ธนพฒั นป์ วงวนั ผอู้ �ำนวยการศูนย์วัฒนธรรมศกึ ษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 3

“ประเพณี “ ยเี่ ปง็ ล้านนา ความรเู้ กี่ยวกับประเพณียีเ่ ป็งล้านนา ประเพณียีเ่ ปง็ หรอื ประเพณีเดอื นย่ี ค�ำวา่ ยี่ ในภาษาล้านนาหมายถงึ เดือน ๒ ส่วนค�ำวา่ เปง็ หมายถึง คนื ทม่ี พี ระจันทร์เตม็ ดวง ดังนัน้ ยเี่ ปง็ จงึ หมายถึงวันเพญ็ เดือนยี่ ซ่ึงตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองของภาคกลาง การนับเดือนของล้านนานั้น เร็วกว่าภาคกลาง ๒ เดือน อันเน่ืองมาจากการนับเดือนของชาวล้านนา เป็นการนับ ทางจนั ทรคตแิ บบจนี ประเพณยี เี่ ปง็ ถอื เปน็ ประเพณที สี่ นกุ สนานรน่ื เรงิ ของชาวลา้ นนา ในยามฤดูปลายฝนต้นหนาว ท้องทุ่งข้าวออกรวงเหลืองอร่าม บางแห่งอยู่ในระหว่าง เกบ็ เก่ียว ท้องฟา้ ปลอดโปร่งแจ่มใสย่งิ นัก ดังนั้น ในช่วงฤดูนี้ เด็กๆจึงพากันเล่นว่าวกันอย่างสนุกสนานตามท้องทุ่ง และย่ิงเข้าใกล้วันเพ็ญสิบห้าค่�ำ เดือนย่ี มักจะได้ยินเสียง บอกถบ (ประทัด) ท่ีชาว ล้านนาจุดเล่นดังอยู่ทั่วไป พระและเณรช่วยกันท�ำว่าวลม(โคมลอย) และปล่อยข้ึน สูท่ ้องฟ้า กจิ กรรมเหลา่ นี้ เป็นสัญลกั ษณบ์ อกวา่ ใกลจ้ ะเขา้ สเู่ ดอื นยเ่ี ปง็ แล้ว 4 การจัดทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

ในยามคำ�่ คนื ยเี่ ปง็ ของชาวลา้ นนา หมบู่ า้ น จะสวา่ งไสวดว้ ยแสงผางประทสี (ประทปี ) ที่ชาวล้านนาจุดบูชา เรียงรายท่ัวทุก ครัวเรือน บริเวณท่ีจุด ได้แก่ บันได หน้าต่าง ยุ้งข้าว นอกจากน้ี ยังจุด โคมไฟใส่ค้างแขวน บริเวณหน้าบ้าน ประดับตกแต่งด้วยซุ้มประตูป่า ปักโคม หูกระต่ายเรียงรายทั้งสองฟากของท้อง ถนนในหมู่บ้านประเพณียี่เป็ง โคมและ ถนนท่ีวัดมีเทศนาธัมม์ตั้งธรรมหลวง หรือเทศน์มหาชาติ ท�ำซุ้มประตูป่า ขัดราชวัตร ปักช่อตุง จ�ำลองเขาวงกต ภายในวิหาร ประดับตกแต่งด้วยตุง พระบฏเล่าเรือ่ งพระเวสสันดรชาดก และ ลานวัดมักจุดบอกไฟ (ดอกไม้ไฟ) เพื่อ บูชาพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในภัทรกัปน้ี คอื พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนะ พุ ท ธ เ จ ้ า พ ร ะ กั ส ส ป ะ พุ ท ธ เ จ ้ า พระศากยมุนีโคตมะพุทธเจ้า และพระ อริยเมตตรัยพทุ ธเจา้ ทม่ี าของขอ้ มูล : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ (http://library.cmu.ac.th/ntic/lannatradition/yeepeng.php) มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 5

ความเป็นมาของประเพณยี ี่เปง็ ประเพณยี เี่ ปง็ หรอื ประเพณเี ดอื นย่ี เปน็ ประเพณเี กา่ แกข่ องลา้ นนาทถี่ อื ปฏบิ ตั ิ กันมาต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๔ ในสมัยอาณาจักรหริภุญชัยได้มีประเพณีเดือนย่ีและ ท�ำพิธีลอยโขมดแล้ว (มณี พยอมยงค์, ๒๕๔๗, หนา้ ๒๓๕; สงวน โชตสิ ขุ รัตน์, ๒๕๑๑, หนา้ ๑๑๕) ในเวลาคำ่� คนื ของวนั เพญ็ เดอื นย่ี มกี ารจดั แตง่ เครอื่ งสกั การะบชู าใสก่ ระทง จดุ ธูปเทียนและน�ำปล่อยลงในน้ำ� แสงไฟจะกระทบกบั น�ำ้ เกิดเปน็ เงาข้ึนวบั ๆ แวมๆ มองเห็นเป็นเสมือนแสงพะเนียงไฟผีโขมด ซึ่งผีโขมดนี้ เป็นชื่อเรียกผีป่า ท่ีออกหากิน ในเวลากลางคืน มีพะเนียงไฟมองเห็นเป็นระยะอย่างผีกระสือ ชาวล้านนาจึงเรียกว่า ลอยโขมด (มณี พยอมยงค์, ๒๕๔๗, หนา้ ๒๔๔) ต�ำนานที่กล่าวถึงที่มาของประเพณียี่เป็งมีอยู่หลายต�ำนาน เช่น ในหนังสือ ตำ� นานโยนกและจามเทวีวงศ์ กลา่ วว่า ประเพณีลอยโขมด หรอื ลอยไฟ เป็นประเพณี ดั้งเดิมท่ีสืบเน่ืองกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว การลอยโขมด เกิดข้ึนท่ีอาณาจักร หริภุญไชย (จงั หวัดลำ� พนู ในปัจจุบัน) เมื่อ จ.ศ.๓๐๙ หรือประมาณ พ.ศ. ๑๔๙๐ ชว่ ง พุทธศัตวรรษที่ ๑๔ มีกลุ่มคนมอญหรือเม็งที่อาศัยอยู่ในเมืองหริภุญไชยได้อพยพหนี อหวิ าตกโรคท่เี กดิ ขึน้ ในเมอื ง ผู้คนล้มตายเป็นจ�ำนวนมาก จึงพากันอพยพออกจากหริภุญชัยไปอยู่ท่ีเมือง สะเทมิ หรอื สธุ มั มวดี และตอ่ ไปยงั เมอื งหงสาวดเี ปน็ เวลาถงึ ๖ ปี ซง่ึ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ ว หลายคนก็มีครอบครัวใหม่ท่ีน่ัน และเมื่อทราบข่าวว่าอหิวาตกโรคในหริภุญชัยได้สงบ ลงแลว้ พวกทีค่ ิดถึงถนิ่ เดมิ ตา่ งพากันเดนิ ทางกลบั หรภิ ุญไชย เม่ือถงึ วนั ครบรอบปีท่ีได้ 6 การจดั ท�ำรถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

จากพนี่ อ้ งทเี่ มอื งหงสาวดี จงึ จดั ดอกไมธ้ ปู เทยี น เครอื่ งสกั การะ พรอ้ มทง้ั เครอื่ งอปุ โภค บรโิ ภค ใส่ลงใน สะเปา ลกั ษณะคล้ายเรือ หรอื ใสใ่ นสะตวงหรอื กระทงลอยลงน�้ำแมป่ ิง น�ำ้ แมก่ วง แม่ทา เพื่อสง่ ความระลกึ ถึงญาตพิ ่ีน้องท่ยี ังอยูเ่ มอื งหงสาวดี จงึ เป็นมูลเหตุ ของการลอยสะเปาหรอื ลอยโขมด หรือลอยกระทงนบั แต่นน้ั มาถงึ ปัจจุบัน (สงวน โชติ สขุ รตั น,์ ๒๕๑๑, หนา้ ๑๑๗ – ๑๑๘; ศรเี ลา เกษพรหม, ๒๕๔๒, หนา้ ๕๘๕๑; ประสงค์ แสงงาม, สมั ภาษณ์, ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) ต�ำนานประเพณีย่ีเป็งท่ีพบในคัมภีร์ใบลานท่ีใช้เทศนาธัมม์ตามวัดต่าง ๆ ในลา้ นนา เช่น คัมภรี อ์ านสิ งส์ประทสี คัมภรี อ์ านิสงสผ์ างประทสี และคัมภีร์อานิสงส์ ย่ีเป็ง ลอยประทีสโคมไฟ เป็นคัมภีร์ที่มักใช้เทศนาธัมม์ในช่วงประเพณีย่ีเป็ง ในคัมภีร์ เหล่านี้ ได้กล่าวถึงต�ำนานหรือมูลเหตุแห่งการบูชาและอานิสงส์ท่ีเกิดจากการบูชา ผางประทปี ไวด้ ังน้ี ธัมมห์ รอื คัมภีร์ชือ่ อานิสงส์ประทสี กล่าวไว้ว่า หลงั จากพระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั รู้ ธรรมแลว้ ไดป้ ระทบั อยเู่ มอื งสาวตั ถี และเสดจ็ ไปโปรดพระมารดาบนสวรรคช์ น้ั ดาวดงึ ส์ และเสดจ็ กลบั ลงมาโปรดพระพทุ ธบดิ า เมอื่ ถงึ เดอื น ยเ่ี ปง็ มเี ทวบตุ รตนหนง่ึ ชอื่ สยามา เทวบตุ ร พรอ้ มดว้ ยบรวิ ารตอ้ งการสกั การบชู าพระพทุ ธเจา้ ดว้ ยประทสี จงึ แปลงกายเปน็ นก ใชป้ ากและเทา้ ถือผางประทีสบนิ ไปพร้อมนกแปลง ซ่งึ เป็นบรวิ าร ประทักษณิ รอบ พระพทุ ธเจ้า ๓ รอบ ได้เกิดอศั จรรยแ์ สงประทสี สวา่ งไสวไปทว่ั ชมพทู วปี คนทัง้ หลาย เหน็ เปน็ อศั จรรยย์ ง่ิ นกั จงึ ไดพ้ ากนั มาทลู ถามพระพทุ ธเจา้ พระพทุ ธองคจ์ งึ เทศนาธรรมถงึ อานสิ งสก์ ารจดุ ประทสี เปน็ พทุ ธบชู าวา่ การสกั การบชู าประทสี ในเดอื นยเ่ี ปง็ ถอื เปน็ การ บูชาพระรัตนตรัย นอกจากน้ัน อานิสงส์การบูชาประทีสยังส่งผลท�ำให้ผู้ถวายทานมี รูปร่างและผิวพรรณงดงามไปทุก ๆ ชาติ เป็นท่ีรักแก่คนและเทวดาท้ังหลาย (อุดม รุง่ เรืองศร,ี ๒๕๔๒, หน้า ๗๘๘๖) ธัมม์หรอื คัมภีร์ชอื่ อานสิ งสผ์ างประทีส กล่าวไวว้ า่ พระเจา้ ห้าพระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคตม (พระพุทธเจา้ องค์ปัจจบุ ัน) พระ ศรีอริยะเมตไตร ที่ท้ังห้าพระองค์ได้ก�ำเนิดจากแม่กาเผือกเป็นไข่ห้าฟอง และวันหน่ึง ขณะทแ่ี มก่ าออกไปหาอาหารไดเ้ กดิ พายุ ทำ� ใหไ้ ขท่ งั้ ฟองพดั ตกจากรงั ไหลไปตามแมน่ ำ�้ และมแี มไ่ ก่ แม่นาค แม่เต่า แมโ่ ค และแมร่ าชสหี เ์ ก็บไปเลีย้ ง เม่ือไข่ท้ังห้าฟองฟกั ออก มาเปน็ มนษุ ย์เพศชาย และไดบ้ วชเป็นฤๅษีท้งั หา้ เมอ่ื ฤๅษที งั้ หา้ ไดพ้ บกนั จงึ ไตรถ่ ามถงึ มารดาของแตล่ ะองค์ แตล่ ะองคก์ ต็ อบวา่ แม่ไก่เก็บมาเลี้ยง แม่นาคเก็บมาเลี้ยง แม่เต่าเก็บมาเล้ียง แม่โคเก็บมาเล้ียง และแม่ ราชสหี เ์ กบ็ มาเลีย้ ง ฤๅษีทงั้ ห้าจงึ สงสัยว่าแม่ท่แี ท้จรงิ ของตนเป็นใคร จึงพากันอธษิ ฐาน มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 7

ขอใหไ้ ดพ้ บแม่ ดว้ ยคำ� อธษิ ฐานจงึ ทำ� ใหพ้ กาพรหมผเู้ ปน็ แมไ่ ดแ้ ปลงกายเปน็ กาเผอื กบนิ ลงมาเล่าเร่ืองในอดีตให้ฤๅษีทั้งห้าฟัง และได้บอกว่าหากคิดถึงแม่ ให้น�้ำด้ายดิบมาฟั่น เปน็ ตนี กา แลว้ จดุ เปน็ ประทสี บชู าในเดอื นยเ่ี ปง็ (อดุ ม รงุ่ เรอื งศร,ี ๒๕๔๒, หนา้ ๗๘๙๐) ธัมม์หรือคัมภีร์ช่ือ อานิสงส์ย่ีเป็ง ลอยประทีสโคมไฟ ปรากฏในหนังสือ ธรรมเทศนาพนื้ เมอื งเร่ือง อานิสงส์ย่เี ป็ง ลอยประทปี โคมไฟ (๒๕๓๐) กลา่ วไว้ว่า เม่ือ คร้ังพระพุทธเจ้าประทับอยู่ท่ีเชตวนาราม พระองค์ได้เทศนาชาดกเรื่อง อานิสงส์ยี่เป็ง ลอยประทีสโคมไฟ ว่า ในยุคของพระพุทธเจ้าช่ือโกนาคมนะ คร้ังหน่ึงพระสาวกช่ือ อุตตระ ได้เข้านิโรธสมาบัติในถ้�ำสุตคูหาในดอยสิริทัตกะ และเมื่อออกจากนิโรธ สมาบัติได้เกิดนิมิตว่า หากผู้ใดได้ถวายทานแก่พระองค์ในวันพรุ่งนี้จะได้อานิสงส์ เป็นอย่างมาก และได้เล็งเห็นด้วยญาณว่า มีชายทุกข์ไร้เข็ญใจผู้หน่ึงจะรอถวาย ทานแก่พระองค์ รุ่งเช้าพระองค์จึงได้อุ้มบาตรไปโปรดยังบ้านชายผู้น้ัน ชายผู้น้ัน เกิดปิติศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ถวายข้าวกับแคบหมูแก่พระองค์ และ อธิษฐานขอให้ได้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าพระศรีอริยะเมตไตร ท่ีจะมาบังเกิดใน ภายภาคหน้า เมื่อพระอุตตระได้กล่าวอนุโมทนาแล้ว ก็เสด็จกลับน�ำเอาแคบหมู มาบีบเป็นน�้ำมันลงในผางประทีส และจุดบูชาพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ซึ่งวันนั้น เป็นวันเดือนย่ีเป็งพอดี พอจุดประทีสบูชาแล้วน้ัน แผ่นดินที่หนาได้สองแสนส่ีหม่ืน 8 การจัดท�ำรถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

โยชน์ก็ไหวเป็นท่ีอัศจรรย์ พญาโสกราชาจึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า เป็นเพราะ เหตุใด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า มีชายทุกข์ไร้เข็ญใจได้ถวายแคบหมูใส่บาตรแก่ พระอุตตระเถรเจ้า และพระอุตตระเถรเจ้าได้น�ำมาใส่ผางประทีสจุดเป็นพุทธบูชา เม่ือจุดบูชาในวันเดือนยี่เปง็ จะมผี ลานิสงสม์ ากนกั พระพุทธเจ้าได้เทศนาธัมม์อานิสงส์เดือนยี่เป็งลอยประทีสโคมไฟให้ภิกษุท้ัง หลายฟังวา่ หากไดบ้ ชู าประทีสโคมไฟในวนั เดอื นย่เี ปง็ จะได้ผลานสิ งสผ์ ิวพรรณงดงาม เป็นทร่ี ักแก่คนและเทวดา ไมม่ โี รคภัยเบียดเบียนและไดไ้ ปเกิดบนสรวงสวรรค์ และใน ตอนท้ายของธัมม์กล่าวต่อไปว่า ในเดือนย่ีเป็งบุคคลใดท่ีท�ำประทีปโคมไฟ ไปลอยใน แม่น�้ำน้อยใหญ่ หนองวัง และโบกขรณี เพ่ือบูชารอยพระพุทธบาตรริมฝั่งแม่น้�ำเมือง นาคราชบาดาลก็ดี เมื่อเกิดมาในชาติน้ี จะได้เป็นพญาใหญ่โต ในแผ่นดิน ผิวพรรณ งดงามดง่ั พระจนั ทรว์ นั เพญ็ มฤี ทธปิ์ ราบไดท้ วปี ทงั้ สี่ เปน็ ทเี่ กรงขาม มปี ญั ญาหลกั แหลม มที รัพย์สมบัติ ชา้ ง มา้ ววั ควาย ข้าคน และไดเ้ กดิ บนสรวงสวรรค์ช้นั ฟา้ ท่มี าของข้อมลู : มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ (http://library.cmu.ac.th/ntic/lannatra- dition/yeepeng-history.php) มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 9

““องคค์ วามรู้ การจดั ทำ� “ขบวนรถกระทงใหญ่ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้จัดท�ำรถกระทง เพื่อเข้าร่วม ประกวดกระทงใหญ่ ระดบั จงั หวัดรว่ มกบั ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ประจำ� ปี ๒๕๖๒ เพื่อเป็นการส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามและมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาว ล้านนา ภายใต้แนวความคิด “เชียงใหม่ นครท่ีเป็นท่ีสุดแห่งความสง่างามทาง วัฒนธรรม” จึงได้มีการประชุมวางแผนงานเพ่ือให้ตรงกับข้อก�ำหนดหลักเกณฑ์การ ประกวดขบวนกระทงของทางเทศบาลนครเชียงใหม่ มอบหมายให้คณะศิลปกรรม ศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นผู้ออกแบบรูปริ้วขบวนกระทงใหญ่ และเร่ิม ด�ำเนินการในส่วนของโครงสร้างรถขบวนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ได้รับ ความร่วมมือและการบูรณาการองค์ความรู้จากคณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารเกษตร และคณะศลิ ปกรรม ศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์รวมถึงบุคลากรเจ้าหน้าท่ีและนักศึกษาท่ีได้ให้ความ รว่ มไมร้ ว่ มมอื กนั ในครงั้ นี้ เพอ่ื สรา้ งความสามคั คี หลอมรวม เปน็ วฒั นธรรมองคก์ รทดี่ งี าม 10 การจัดทำ� รถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

แนวความคิด ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ท่ี ผู ้ ค น ทั้ ง ใ ก ล ้ ไ ก ล ต ่ า ง ย ก ย ่ อ ง ราชมงคลล้านนา จึงออกแบบภายใต้ สักการะอันเป็นแดนแห่งพุทธทํานาย แนวคิด “นพคณุ บูชา สกั การ์บงกชแกว้ ที่จักได้ก้านกุ่งรุ่งเรืองไร แห่งบวร เลิศแล้วระมิงค์นคร” มีความหมาย พระพุทธศาสนา ที่สถาปนาไว้แต่ ถึงความเจริญรุ่งเรืองและศรัทธาบูชา เก่าก่อน พร่ังพร้อมด้วยความอุดม แห่งพระพุทธศาสนาในดินแดนล้านนา สมบูรณ์ เมืองท่ีลัวะเก้าตระกูล เหนือแผ่นน้�ำระมิงคนที เชิงอุจฉุ ส ถิ ต ส� ำ ร า ญ ห อ ม ด อ ก บั ว บ า น ป ั พ พ ต า ด อ ย สุ เ ท พ แ ล ห น อ ง บั ว สัตตบงกช ยอประณตไหว้สักการะ อันกว้างใหญ่ เป็นหนึ่งในชัยยะ ยังแดนสถานพิมานมงคล เมืองแห่ง มงคลภูมิ ท่ามกลางระลอกไหวของ มนต์นพีสี นพบุรีศรีนครเชียงใหม่ ผิวน�้ำ ซ้�ำยังบานเบ่งด้วยบัวบงกชแก้ว เติบโตใหญ่ในวัฒนธรรม ภูมิปัญญา น้อมน�ำแล้วบูชาคุณ ด้วยนวชนแต่ ท่ีหนุนน�ำสืบเนื่องเป็นนครที่เป็นท่ีสุด ปางบรรพ์ สรรเสกแห่งลัวะ เก้าตระกูล แห่งความสงา่ งามทางวฒั นธรรม ผู้ทรงคุณนบไหว้ ยังอุจฉุปัพพตาดอย สเุ ทพ ทเี่ ปน็ มงิ่ เกลา้ หม่ เงา แกช่ าวระมงิ ค์ นครนพีสเี ชยี งใหม่ ในขบวนประกอบด้วย โคม รตั นบงกช อนั เปน็ เครอื่ งสกั การะแหง่ องค์ พระชนิ ธาตเุ จา้ ดอยสเุ ทพ อนั เปน็ พระธาตุ ศักด์ิสิทธ์ิสถิตม่ิงขวัญแห่งชาวเชียงใหม่ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 11

“ขบวนรถ “ กระทงใหญ่ ส่วนประกอบ ขบวนกระทงใหญ่ ประจ�ำปี ๒๕๖๒ มหาวทิ ยาลัย เทคโนโลยี ราชมงคล ล้านนา 12 การจดั ท�ำรถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

อาจารยว์ ทิ ยา พลวิฑูรย์ (ผอู้ อกแบบร้ิวขบวนกระทงใหญ)่ ริ้วขบวนกระทงใหญ่ประจ�ำปี พ. ศ. ๒๕๖๒ ของมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลล้านนา ประจ�ำปีนี้เราได้ ออกแบบริ้วขบวนกระทง พร้อมกับรถ กระทงใหญ่ ให้เกี่ยวข้องกับพระพุทธ ศาสนา การบูชาพระพุทธศาสนาใน ดนิ แดนล้านนา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 13

เรม่ิ ตน้ ดว้ ยปา้ ยชอ่ื มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี ราชมงคลลา้ นนา มลี กั ษณะลวดลาย ทไี่ ดแ้ บบมา จากงานโบราณกค็ อื จากงานปนู ปน้ั รปู แบบของ เขาสตั ตบรภิ ณั ฑ์ ซงึ่ เปน็ เขาทง้ั ๗ ชนั้ ทล่ี อ้ มรอบ เขาพระสุเมรุ เราก็น�ำสัญลักษณ์เหล่านี้ มาใช้ ในการออกแบบ ตกแต่งป้าย ของมหาวิทยาลยั ตอ่ ดว้ ย ขบวนของคณะผบู้ รหิ าร และคณะนกั ศกึ ษาและอาจารยจ์ ากประเทศจนี เป็นมหาวิทยาลัยท่ีเราท�ำการ MOU กันไว้ เราได้เชิญคณะอาจารย์และนักศึกษาเข้า มาร่วม โดยถือกระทงใบตอง ท่ีออกแบบจากวัสดุจากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลาย ได้ง่าย เพื่อสืบสานงานประเพณีย่ีเป็ง เพื่อจะได้เห็นถึง ศักยภาพ ความงดงามของ ประเพณยี เ่ี ป็งของเรา 14 การจดั ทำ� รถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

ต่อจากขบวนของคณะผู้บริหาร จะเป็นโคม รตั นบงกช รตั นะ แปลวา่ ๓ บงกชแปลวา่ ดอกบวั เราบชู าแกว้ ทั้ง ๓ ประการ คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จะมีนักศึกษาจ�ำนวน ๑๐ ท่าน ถือโคมรัตนบงกชสีชมพู บูชาพระพทุ ธศาสนา บูชาพระรัตนตรัย ต่อจากขบวนโคมรัตนบงกชแล้ว ก็จะเป็นขบวนเสล่ียง พระธาตุดอยสุเทพจ�ำลอง ซ่ึงเป็นองค์พระธาตุส�ำคัญของเมืองเชียงใหม่ มาจ�ำลองเพื่อให้เห็นถึงการสักการะบูชาที่เก่ียวข้องพระพุทธศาสนา การ สืบทอดประเพณีต่างๆ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 15

ต่อจากขบวนเสล่ียงพระธาตุดอยสุเทพจ�ำลอง จะเป็น ตงุ พระบฏพระพทุ ธเจา้ ๒๘ พระองค์ เราไดน้ ำ� ทมี นกั ศกึ ษาศลิ ปะ ไทยท้ังหมดได้ร่วมกัน ได้จัดสร้างตุงพระบฏ มีลักษณะ เป็น ผื่นผ้าสีแดง กลายเป็นลักษณะรูปพระพุทธรูป มีต้นโพธิพฤกษ์ อยปู่ ระดบั ดา้ นหลงั และมดี อกไมร้ ว่ ง หรอื เรยี กวา่ ดอกไมท้ พิ ย์ ที่โปรยปรายจากสวรรค์ เป็นเทคนิคงานลายค�ำ ตุงพระบฏ ๒๘ พระองคน์ น้ั เปรยี บเสมอื นพระพทุ ธเจา้ ๒๘ พระองคน์ นั้ เปน็ อดตี พทุ ธะ ที่เกดิ ขน้ึ มาใน ในแต่ละชว่ งในแต่ละปีในการสืบทอดพระพทุ ธศาสนา อยา่ งยาวนาน ต่อจากตุงพระบฏ ๒๘ พระองค์ น้ันก็จะเป็น โคมสัตตบงกช ท้ัง ๙ ชุด หมายความว่า สัตตะแปลว่า ๗ เราน�ำดอกบัว ๗ ช้ันมาเรียง ทำ� เป็นเคร่ืองสูง เพื่อจะให้ ตัวแทน ที่เราเรียกว่า ลัวะ ๙ ตระกูล เป็นสัญลักษณ์การก่อร่าง สร้างเมืองเชียงใหม่ ที่มีอยู่ในต�ำนานต่าง ๆ ของเมือง เชียงใหม่ เป็นสัญลักษณ์แทนถึงการบูชา ลัวะ ๙ ตระกูล ก็บูชาพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ดินแดนล้านนา ทำ� ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื ง ลวั ะ ๙ ตระกลู นนั้ กเ็ ปน็ หนงึ่ ในตำ� นานการสรา้ ง เมืองเชยี งใหม่ ทส่ี �ำคญั 16 การจดั ท�ำรถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

ลวั ะ ๙ ตระกูล เปน็ หนึง่ ในตำ� นานการสรา้ งเมืองเชียงใหม่ ลัวะ คือใคร? เป็นค�ำถามที่เหมือนจะทราบค�ำตอบ แต่ค�ำตอบก็ดูจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ มกี ารเรยี กท่หี ลากหลาย ตา่ งถนิ่ ต่างเรียกแตกต่างกัน ทง้ั ที่คนอืน่ เรยี กและค�ำทใ่ี ช้เรยี ก ตนเอง แต่ทีแ่ น่ ๆ เปน็ หนง่ึ ชาตพิ ันธุ์เกา่ แก่ในลา้ นนา ที่กระจายตัวในภาคเหนือไลเ่ ลย ไปจนถึงเชียงตุง สิบสองปันนา และมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องอีกหลายกลุ่ม ในเอกสารล้านนา จะเจอคำ� ว่า “ลวะ” โดยเขียนเป็นอักษรลา้ นนาว่า บางทีในต�ำนาน ฝ่ายวัดที่พระสงฆ์ผู้แต่งต�ำนาน ก็มักจะใช้หลายค�ำ เช่นค�ำว่า มิลักขุ ตามการเรียกชน เผา่ พืน้ เมืองของทางอินเดีย หรือใชค้ �ำว่า ทัมมิลละ หรอื ทมฬิ อนั เป็นชนเผา่ ด้ังเดิมใน อินเดียใต้หรือทางศรีลังกา ตามอทิ ธพิ ลของศาสนาทไี่ ด้มาจากทางศรลี ังกา จาก “ลวะ” จงึ กลายเปน็ ลวั ะ ในการกลายเสยี ง ทำ� ใหอ้ อกเสยี งงา่ ย และเปน็ คำ� ท่ใี ช้กันแพรห่ ลายในปัจจุบนั ลวั ะในต�ำนานลา้ นนา ในต�ำนานฝ่ายเมือง มักจะเจอลวะทั่วไปในดินแดนล้านนา โดยจะขอยก ตัวอย่าง ดังตอ่ ไปน้ี ตำ� นานสงิ หนวตั ิ จะกลา่ วถงึ ลวั ะปเู่ จา้ ลาวจก ทเี่ ปน็ ลวั ะอยทู่ ดี่ อยตงุ เมอื่ สรา้ ง พระธาตุดอยตุงก็กัลปนาลัวะ อันมีปู่เจ้าลาวจกเป็นหัวหน้า ดูแลพระธาตุ เม่ือปู่เจ้า ตายไปก็ไปเกิดเป็นลวจงั กราช ที่เขาอิสินธร เม่ือบา้ นเมืองเวน้ จากผู้นำ� เทวดากไ็ ปเชญิ ลวจงั กราชไตบ่ นั ไดเงนิ ลงมาสรา้ งเมอื งเชยี งลาว สบื เชอ้ื สายมาถงึ พระญามงั ราย ตำ� นาน พ้ืนเมืองเชียงแสน กล่าวถึงพระญามังรายสร้างเมืองเชียงตุง และเมืองเชียงตุงน้ันเป็น เมอื งของชาวลวั ะมาแตเ่ ดิม ตำ� นานพน้ื เมืองเชียงใหม่ กล่าวถึงตอนพระญามังรายวา่ เมอื งใหม่ทีจ่ ะสรา้ ง นน้ั เคยเปน็ บา้ นเมอื งของทา้ วพระญามาแตเ่ กา่ กอ่ น ประโยคนเี้ หน็ ชดั วา่ เมอื งเชยี งใหม่ เคยเปน็ บ้านเปน็ เมืองมาแลว้ กอ่ นท่ีพระญามังรายมาสรา้ งในปี พ.ศ. ๑๘๓๙ ซ่ึงเอกสาร และเร่ืองเล่าก็ไปในท�ำนองเดียวกันว่า เมืองแห่งน้ีเป็นชุมชนของชาวลัวะมาก่อน และ ในตอนท่ีพระเจ้ากาวิละเข้าเมืองเชียงใหม่นั้น ก็ให้ชาวลัวะจูงหมาพาแชกน�ำเข้าเมือง ดว้ ยถอื วา่ เมอื งนีเ้ ป็นของชาวลัวะมาแต่ก่อนเก่า มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 17

“เถิงเพลา ยามแตรจกั ใกลเ ท่ยี ง ทา วคย็ กเอาหมยู ัสสปรวิ ารเขาเวียงหลวง ดว ยปะตชู างเผอื ก ทสิ สะหนเหนอื หื้อลวะจูงหมา พาแชกนำ� เขากอน” (ต�ำนานพื้นเมอื งเชยี งใหม) ในบางตอนของต�ำนานพ้นื เมอื งเชยี งใหม่ จะกลา่ วถงึ ผีอารกั ษเ์ มืองเชียงใหม่ น่ันคือปู่แสะย่าแสะ อันเป็นยักษ์ท่ีอาศัยอยู่แถวเชิงดอยสุเทพ (ภาพของยักษ์มักหมาย ถงึ คนพ้นื เมอื งท่ียงั ไมไ่ ดร้ ับพระพทุ ธศาสนา) ท่ีหนั มานับถือพระพุทธศาสนา ในแตล่ ะปี จะกนิ ควายคร้งั หน่งึ หรือท่เี รียกว่า เลยี้ งดง อันเป็นลกั ษณะเดียวกับที่ชาวลวั ะเลยี้ งผีใน ดงไมใ้ หญป่ ระจำ� หมบู่ า้ น สว่ นการเลย้ี งดง ทเี่ ชงิ ดอยคำ� นน้ั (แตเ่ ดมิ ปแู่ สะเลย้ี งทเ่ี ชงิ ดอย สุเทพ บริเวณคณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และย่าแสะเลี้ยงท่ีดอยค�ำ ต่อมาเม่ือมีการตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงย้ายมาเล้ียงด้วยกันท่ีดอยค�ำ) โดยมชี าวแมเ่ หยี ะเปน็ ผเู้ ลย้ี ง และชาวแมเ่ หยี ะเองกเ็ ปน็ ชาวลวั ะเดมิ ทปี่ จั จบุ นั กลายมา เปน็ คนเมอื งไปแล้ว ต�ำนานเชียงใหม่ปางเดิม ก็ย�้ำให้เห็นถึงความเป็นเจ้าของแผ่นดินในแถบลุ่ม น�้ำปิงเชิงดอยสุเทพของชาวลัวะอย่างเด่นชัด ต้ังแต่สุวฤาษีพบคนในรอยเท้าสัตว์ การสร้างบ้านเมืองแบบลองผิดลองถูกของสุเทวฤาษี จนสืบมาเป็นเวียงเจ็ดลินที่มี ชาวลัวะอาศัยอยู่ ขยับขยายชุมชนจากเชิงดอยไล่ลงไปยังที่ราบริมฝั่งน้�ำแม่ปิง คือ เวียงเชียงใหมใ่ นปัจจบุ นั ว่ากันว่ามีลัวะ ๙ ตระกลู อาศยั และดูแลบอ่ เงิน บ่อทอง บอ่ แกว้ ทนี่ น้ั ตำ� นานเชยี งใหมป่ างเดมิ เปน็ ตำ� นานทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความมอี ยขู่ องชาวลวั ะ ทเ่ี ปน็ คนดัง้ เดิม ตลอดถึงการพัฒนาการในการสร้างบ้านแปลงเมอื ง โดยอาศัยจากทสี่ งู เชิงดอยสุเทพ มาสูท่ รี่ าบริมฝ่ังนำ�้ ปิง นอกจากน้ีก็ยังมีต�ำนานอีกหลายเล่มที่กล่าวถึงชุมชนลัวะ แต่การที่จะ ระบคุ วามมตี วั ตน การยกให้ชาวลัวะเป็นผู้มาก่อน ดงั ปรากฏในตำ� นานฝา่ ยวดั 18 การจัดทำ� รถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

รปู ปน ขุนหลวงวริ งั คะในทาพงุ เสนา ทบี่ านเมอื งกะ อ.แมร มิ จ.เชยี งใหม่ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 19

ลัวะในตำ� นานสำ� คญั ๆ ตำ� นานฝา่ ยวดั เปน็ ตำ� นานสถานทต่ี า่ ง ๆ โดยใชพ้ ระพทุ ธศาสนาเปน็ ตวั เชอ่ื มโยง และอธิบายถึงการเข้ามาของพระพุทธศาสนาผ่านบุคลาธิษฐาน คือพระพุทธเจ้า ท่เี สด็จมายงั พ้นื ท่ีต่าง ๆ ในล้านนา ทีพ่ ระพุทธศาสนาเข้าไปถงึ ดงั เช่น ตำ� นานพระเจา้ เลยี บโลก เปน็ ตำ� นานทกี่ ลา่ วถงึ การเขา้ มาของพระพทุ ธศาสนา วา่ พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ ไปยงั สถานทตี่ า่ ง ๆ โดยมโี ครงเรอ่ื งวา่ พระพทุ ธเจา้ พรอ้ มดว้ ยสาวก เดนิ ทางมายงั สถานทที่ ห่ี นงึ่ แลว้ มาพบกบั คนทอ้ งถนิ่ สว่ นใหญม่ กั เปน็ ลวั ะ ทตี่ ามตำ� นาน ฝ่ายวัดมักเรียกว่ามิลักขุบ้าง ทัมมิลละบ้าง บางคร้ังก็จะไปเจอยักษ์ แล้วพระพุทธเจ้า ก็ประทานเส้นเกศาหรือประทับรอยพระพุทธบาท หรือประทับรอยพระหัตถ์ไว้ให้ สกั การะ และพยากรณถ์ ึงสถานทแ่ี ห่งนนั้ วา่ จะกา้ นกุ่งรงุ่ เรอื งดว้ ยพระพทุ ธศาสนา ตำ� นานพระธาตสุ ำ� คญั ๆ ในดนิ แดนลา้ นนา กก็ ลา่ วถงึ ลวั ะ เชน่ ตำ� นานพระธาตุ ดอยตุง กล่าวถึงลัวะปู่เจ้าลาวจก ต�ำนานพระธาตุล�ำปางหลวง กล่าวถึงลัวะอ้ายกอน ตำ� นานพระธาตชุ อ่ แฮ กลา่ วถงึ ลวั ะอา้ ยกอ๊ ม ตำ� นานพระธาตจุ อมทอง กลา่ วถงึ ปลู่ วั ะยา่ เมง็ มาเจอพระธาตุ เปน็ ตน้ ซง่ึ จะสงั เกตวา่ การเขา้ มาของพทุ ธศาสนามกั จะพบกบั ชนพน้ื เมอื ง ตา่ ง ๆ ในมมุ มองวา่ ยงั ไมไ่ ดร้ บั การพฒั นา เปน็ ยกั ษบ์ า้ ง ตอ่ มาพระพทุ ธศาสนาเขา้ มาแลว้ ทำ� ใหย้ กั ษ์ได้กลายเป็นคน (บา้ งให้ภาพว่าเขย้ี วแหง่ ยกั ษ์นั้นหลุดหลงั จากรบั ศีลแลว้ ก็ม)ี เปน็ คนทีม่ ีอารยธรรมขนึ้ ด้วยการรับเอาพระพทุ ธศาสนา 20 การจดั ท�ำรถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

ต�ำนานมูลศาสนา และต�ำนานจามเทวีวงศ์ สองต�ำนานน้ีให้ภาพชาวลัวะที่ อยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ (และเป็นต้นเค้าต�ำนานเชียงใหม่ปางเดิมด้วย) ว่าเป็นชุมชน ชาวลวั ะทอี่ าศยั เปน็ กลมุ่ ดงั ปรากฎในลกั ษณะคนในรอยเทา้ สตั ว์ ขนุ หลวงวริ งั คะ (หรอื บ่าลังก๊ะ) ก็เป็นหัวหน้าชาวลัวะกลุ่มหน่ึง สุเทวฤาษีก็เป็นลัวะกลุ่มปู่แสะย่าแสะ ท่ีรับเอาวัฒนธรรมภายนอกมา ก็เป็นอีกกลุ่มหน่ึง และกลุ่มหลังน้ีเองที่ไปรับเอา วัฒนธรรมพุทธศาสนา และวัฒนธรรมมอญ มาสร้างเมืองหริภุญไชย จนเกิดเหตุ กระทบกระทั่งระหว่างคนกลุ่มเดิมที่อยู่ในดินแดนแห่งนี้ คือกลุ่มขุนหลวงวิรังคะ ดังปรากฏในการศึกระหว่างกองทัพลัวะ และกองทัพหริภุญไชย ที่เกิดความขัดแย้ง จนเกิดต�ำนานเร่ืองเล่ามุกปาฐถะต่าง ๆ นานา เช่นก�ำเนินต�ำนานม่อนขว�้ำหล้อง การเกิดเรื่องเล่าว่าขุนหลวงวิรังคะแช่ง ว่าไม่ให้คนเชียงใหม่และล�ำพูนครองรักกันรวม ถึงเรอื่ งเล่ามขุ ปาฐถะเบ็ดเตล็ดตา่ ง ๆ เชน่ การไม่ใชด้ อกชะมง่ั บ้างกว็ า่ ดอกล่นั ทมสแี ดง การเดด็ ปลายใบพลกู อ่ นนำ� เขา้ ปากบา้ ง เปน็ ตน้ การทช่ี าวลวั ะมกี ลายกลมุ่ นี้ กย็ งั พบเหน็ ไดใ้ นปจั จุบนั ว่า ลวั ะมีหลายตระกลู และแตล่ ะหมู่บ้านกม็ ีภาษาจ�ำเพาะและส�ำเนยี งที่ แตกตา่ งกนั ยง่ิ ห่างกันยิง่ จะพดู คยุ กนั ไม่รู้เร่อื ง เป็นตน้ “นับแตนไ้ี ป อยา ใหช นระมงิ ค และหรภิ ุญไชย มนั ไดสมสูกนั ดวยความสุข” คำ� แชงของขุนหลวงทจ่ี ติ รกรเขียนไวทร่ี ะเบยี งวัดพระบาทหว ยตม อ�ำเภอลี้ จังหวัดลำ� พนู มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 21

ลัวะเชียงใหม่ (ลัวะตะวนั ตกและลวั ะตะวันออก) การแบง่ สองกลมุ่ นี้ จากงานเขยี นเรอี่ ง “ลวั ะ ในหนา้ ประวตั ศิ าสตรโ์ บราณคดี ลา้ นนา” ของ ผศ.พพิ ฒั น์ กระแจจนั ทร์ นอกจากจะแบง่ ลวั ะฝง่ั เมอื งนา่ นออกไปอกี กลมุ่ หนง่ึ แลว้ ยังใช้ดอยสุเทพแบ่งลวั ะออกเป็นสองฝัง่ คอื กลมุ่ แรก เปน็ ลวั ะในเขตเชยี งใหม่ ลำ� ปาง เชยี งราย หรอื ในเขตลมุ่ นำ�้ ปงิ วงั องิ และโขง หรอื ลัวะตะวันออก มกั เรยี กตนเองว่าลวั ะ หรอื ละวา้ โดยเฉพาะในลมุ่ น้ำ� ปงิ จะนบั ถอื ขนุ หลวงวิรังคะ ปแู่ สะ ยา่ แสะ เป็นหลกั เชน่ ทางแมเ่ หียะ บ้านขุนคง อ�ำเภอ หางดง บา้ นบ่อหลวง อ�ำเภอฮอด เปน็ ตน้ กลุ่มที่สอง คือลัวะในกลุ่มน้�ำแจ่ม แม่สะเรียง สาละวิน หรือลัวะตะวันตก มักเรยี กตนเองว่าเลอเวอื ะ หรือละเวอื ะ นบั ถือผีฝา่ ยพอ่ และนับถือสายสะมงั ดังลวั ะ ในอ�ำเภอแม่สะเรียง อ�ำเภอแมล่ านอ้ ย จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน และอ�ำเภอแม่แจม่ จังหวัด เชยี งใหม่ การที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่มนี้ ก็สอดคล้องกับความสัมพันธ์ทางกลุ่มภาษาที่ พูดคุยกันรู้เร่ือง และที่ส�ำคัญยังสอดคล้องทางด้านพันธุกรรมด้วย จากการศึกษาของ ผศ.จตพุ ล คำ� ปวนสาย โดยการเปรยี บเทยี บขอ้ มลู ดเี อน็ เอไมโครแซทเทลไลทบ์ นออโทโซม จ�ำนวน ๑๕ ต�ำแหน่ง ระหว่างลัวะตะวันตก หรือลัวะแม่ฮ่องสอน กับลัวะตะวันออก คอื ลวั ะเชยี งใหม่ได้ผลออกมาอย่างชัดเจนว่า ภาพแสดงโครงสรางทางพันธกุ รรมของประชากรท่พี ดู ภาษาตระกูลไท และมอญ-เขมร วเิ คราะหดวยเครือ่ งหมายดีเอ็นเอไมโครแซทเทลไลทบนออโทโซม จำ� นวน ๑๕ ตำ� แหนง ทม่ี า: หนังสอื พนั ธุศาสตรกบั การตามรอยบรรพชน ดีเอน็ เอแหงลานนา ของ ผศ.จตุพล ค�ำปวนสาย 22 การจดั ท�ำรถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

ลัวะกลุ่มเชียงใหม่ มีความ สัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มชาติพันธุ์ไท โดยเฉพาะท่ีบ้านบ่อหลวง อ�ำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ มีความผสมผสานทาง ดีเอ็นเอกับชาวไท ถึงร้อยละ ๖๗.๘ ถึง ๘๔.๒ ซ่ึงมีความสัมพันธ์ทาง ประวัติศาสตร์มาแต่เดิม ส่วนลัวะตะวัน ตกน้ัน มีโครงสร้างพันธุกรรมเฉพาะ ตัวและแตกต่างจากกล่มชาติพันธุ์ไท อย่างเห็นได้ชัด เช่น ล้ัวะบ้านป่าแป๋ อ�ำเภอแมส่ ะเรยี ง จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ทม่ี าของขอ้ มลู :มรดกวฒั นธรรม ลัวะแม่แจ่ม ศูนย์วัฒนธรรมศึกษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา เสาสะกาง บานมืดหลอง ต.บานทับ อ.แมแจม จ.เชียงใหม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 23

ชาวลวั ะกับหน้าท่ีทาง ชาวลวั ประวัติศาสตร์ กย็ งั นับถอื ผีอยาง รับพุทธศาสนาม ชาวลัวะกับความส�ำคัญทาง ดอกเอ้อื งแซะ เปนวัดลัวะ ไวก พิธีกรรม ดังพบในพิธีราชภิเษกของเจ้า หนงึ่ ๆ เสมอ เชน หลวงเชียงใหม่ ท่ีมีการให้ลัวะจูงหมาขา แชกน�ำเข้าสู่เมือง หรือทางเมืองเชียงตุง บร เป็นการน่ังเมืองก็มีการเชิญลัวะมารับ ประทานอาหารแล้วไล่ลง หรือการท่ีชาว ดอกเอื้องแซะ ลวั ะมาตกี ลองในวนั แหง่ สงั ขานตข์ องเมอื ง เชียงตงุ ชาวลวั ะกบั สว่ ยเขา ในตำ� นาน พื้นเมืองเชียงแสน ได้อธิบายถึงชื่อ ข อ ง พ ร ะ ญ า แ ส น พู ไ ป อี ก ท า ง ห น่ึ ง น อ ก เ ห นื อ จ า ก ที่ พ ร ะ อ ง ค ์ ป ร ะ สู ติ บนพูแล้ว กล่าวว่า พญาลัวะมิลักขุ นายพนู ายดอย มาสง่ สว่ ยไดแ้ สนสพ่ี นั มอ่ น จงึ ไดช้ อื่ วา่ แสนพู นอกจากนช้ี าวลวั ะนา่ จะ มคี วามรคู้ วามเชย่ี วชาญในดา้ นโลหะวทิ ยา ซึ่งดังการขุดพบเตาหลอมอายุมากกว่า หริภุญไชยทอี่ �ำเภอลี้ หรอื ที่บา้ นบ่อหลวง หรือต�ำนานปู่เจ้าลาวจก ท่ีว่ามีขอจก อันเป็นเครื่องมือเหล็กที่มีอ�ำนาจในการ จัดหาทรัพยากร ดังน้ันเจ้าเมืองเชียงใหม่ มักมอบหมายให้ชาวลัวะเป็นผู้ส่งส่วยเข้า สู่เมืองเชียงใหม่ หรือท่ีเรียกว่าเป็นไพร่ ส่วย ไม่ต้องท�ำงานให้กับหลวงอย่างไพร่ ทั่วไป แต่มีหน้าที่ส่งส่วยให้กับทางเมือง เชียงใหมต่ ามแต่ท่เี จ้านายจะก�ำหนด โดย ตราไวใ้ นหลาบเงนิ หรอื ลานเงนิ โดยมกี าร ก�ำหนดว่าให้ส่งอะไรจ�ำนวนเท่าไหร่ เช่น เหล็ก ของป่า รวมไปถึงดอกเอื้องแซะ 24 การจดั ท�ำรถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

บรรยายกาศท่ัวไปในหมบู า น บา นแปะ ต.ปาง หินฝน อ.แมแจม จ.เขียงใหม วะกับพทุ ธศาสนา ชาวลัวะมกั มีความผกู พันกับพทุ ธศาสนามาใน งเหนยี วแนน) มักเปน ท่ีเขา ใจแกชนพ้ืนราบวาชาวลัวะเปน ผูอยูม มากอน ดังจะเหน็ วา เมื่อพบวัดรา งที่ไหน (โดยที่ไมรูว าวัดอะไร กอนเสมอ กนารอทีสก่งดจอากเกอ้ือนงแี้ซชะใหา้กวับลเจ้าัวนะายทก่ี ็ยังถูกกัลปนาเปนขาวัด ขาพร นวดั บานแปปเชฏะียิบงใัตหอิ มด.่ ังจชเาชอว่นลมกัวะรทกณ็ยีทอังี่พยงึดรถะือบจธาร.ทเรสมชมเนยีเดีย็งมจ ใหม เปน ตน พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ รรยายกาศทแจัว่ังหหไ่งวปกัดรใเุงชนรียัตงหในหโมมกบู่สชินาาทวนรล์ัวเะบสกดาล็จุ่มนปหแรนะึ่ปงพกะ็นาส�ำ ต.ปางหินฝน อ.แมแ จม จ.เขยี งใหม ดอกเอื้องแชะ ขึน้ ทูลเกล้าฯ ฯ ถวายดังท่ี เคยปฏิบตั มิ า ช า ว ลั ว ะ กั บ พุ ท ธ ศ า ส น า ชาวลัวะมักมีความผูกพันกับพุทธศาสนา ๒๖ในตำ� นาน (แตก่ น็ บั ถอื ผอี ยา่ งเหนยี วแนน่ ) มักเป็นที่เข้าใจแก่ชนพื้นราบว่าชาว ลัวะเป็นผู้อยู่มาก่อน และรับพุทธ ศาสนามาก่อน ดังจะเห็นว่า เมื่อพบ วัดร้างท่ีไหน (โดยท่ีไม่รู้ว่าวัดอะไร) ก็จะบอกว่าเป็นวัดลัวะ ไว้ก่อนเสมอ นอกจากนี้ ชาวลัวะ ก็ยังถูกกัลปนาเป็น ข้าวัด ข้าพระธาตุ แก่วัดหนึ่ง ๆ เสมอ เช่นวัดบ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นต้น ท่ีมาของข้อมูล : มรดกวัฒนธรรม พืน้ ทที่ างการเกษตรของชาวลัวะ ลัวะแม่แจ่ม ศูนย์วัฒนธรรมศึกษา มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา พ้นื ทที่ างการเกษตรของชาวลัวะมหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 25

การแตง่ กายของชาวลัวะ ชดุ แตง่ กายของชาวลวั ะ “ผชู้ าย” จะใสเ่ สอ้ื สขี าว หรอื ฝา้ ยดบิ ไมผ่ า่ นการยอ้ ม ทอด้วยกี่เอว ทำ� ใหไ้ ดผ้ ้าหน้าแคบและหนา นำ� มาตดั เปน็ เส้อื แขนยาว ผ่าหน้า กางเกง เป็นคล้ายเป็นกางเกงสะดอของคนเมือง สีขาว มีผ้าผูกเอว ท�ำด้วยผ้าดิบเย็บเป็นแถบ โดยทงิ้ ปลายเปน็ ชอ่ งสำ� หรบั ใสเ่ หรยี ญได้ ตอ่ มา เมอื่ มเี ขม็ ขดั กใ็ ชเ้ ขม็ ขดั แทน สว่ นชว่ งบน นนั้ โพกหวั ดว้ ยผา้ สแี ดงสชี มพู มผี า้ เฉยี งบา่ จากไหลข่ วาลงมาดา้ นลา่ งซา้ ย ซง่ึ เปน็ ผา้ ไหม ที่นำ� เขา้ มาจากถิน่ อ่นื หอ้ ยมดี ปลอกเงินด้ามงาของชาวลวั ะ ไว้ทเี่ อวด้านขวา สว่ นวัยรุ่น มักจะห้อยด้วยเชอื กถกั ลูกปดั โดยท้งิ ชายไว้ดา้ นหนา้ ส่วนชุดแต่งกายของชาวลัวะ “ผู้หญิง” การแต่งกายของชาวลัวะผู้หญิงน้ัน สวมเสือ้ โดยปกติในชวี ติ ประจำ� วัน เป็นเสื้อสีขาว เป็นผา้ สองผนื มาเยบ็ ตอ่ กนั โดยมชี อ่ ง สำ� หรับศรี ษะและแขนทงั้ สองข้าง เสือ้ แบบนีพ้ บไดใ้ นกลมุ่ ลัวะ และปกาเกอญอ หากใน งานพธิ เี ชน่ งานแต่งงาน ฝ่ายเจ้าบา่ วกจ็ ะสวมสีดำ� ส่วนผ้าซ่ินจะนุ่งซ่ินสีดำ� ลายขวางแดง และมีลายมซี ุยหรอื นกยูงในเทคนคิ มดั หมี่ แต่จะนุ่งสนั้ ประมาณเข่า และแคบ มีขะไมง์ สวมเขา่ มที ง้ั ทเี่ ปน็ โลหะและหวายถกั เคลอื บรกั พรอ้ มทง้ั มผี า้ สำ� หรบั เปน็ ปลอกหนา้ แขง้ และปลอกแขนรว่ มดว้ ย เครอื่ งประดบั จะมลี านหทู ที่ ำ� ดว้ ยเงนิ กำ� ไลทำ� ดว้ ยเงนิ สรอ้ ยท่ี ทำ� ดว้ ยเงนิ ถัก รวมถงึ ลกู ปัดหินสแี ดงร้อยคล้องคอ ที่มาของข้อมูล : มรดกวัฒนธรรมลัวะแม่แจ่ม ศูนย์วัฒนธรรมศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 26 การจดั ทำ� รถกระทง ประจำ� ปี ๒๕๖๒

สิ่งปลูกสร้างของชาวลวั ะ “ทอ่ี ย่อู าศัย” จะมีลักษณะเป็นรูปทรงจั่ว- ชายคายาวลงมา มีการยกตัวบ้านสูง จากพ้ืน เพ่ือใช้งานพื้นที่ใต้ถุนในการเก็บ เคร่ืองมือท�ำเกษตรต่าง ๆ ท่ีเก็บไม้ฟื้น และเล้ียงสัตว์ ผนังตัวบ้านจะมีลักษณะ แบบไม้และผสมฟากผสมกนั มเี ปน็ พ้ืนไม้ สว่ นบรเิ วณดา้ นบนตวั เรอื น จะมบี นั ไดขนึ้ ดา้ นขา้ ง พอขึน้ ไปจะพบกับระเบียง จะมี อยู่ ๒ ส่วนคอื ในรม่ ตัวบา้ น กบั พ้นื ท่กี ลาง แจ้งเปิดโล่ง จะใช้เป็นพ้ืนท่ีใช้สอยต่าง ๆ ในส่วนของด้านในตัวบ้าน จะมีประตู ๑ บาน เขา้ ไปจะเป็นหอ้ งโถง ซึง่ จะมสี ว่ น ของเตาไฟในการประกอบอาหาร และ ท่ีนอน ส่วนบริเวณด้านหลังจะท�ำเป็นที่ เก็บข้าวเปลือก และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ของชาวลวั ะทพ่ี บเหน็ ตามบา้ นเรอื นทวั่ ไป ของชาวลวั ะ กค็ อื “กาแล” ซงึ่ เปน็ ไมแ้ กะ สลกั เป็นลวดลาย ประดับไว้ทต่ี รงจัว่ บ้าน ด้านหน้า ที่มีลวดลายลักษณะท่ีจ�ำเพาะ ช่ึงจะติดไว้ที่จั่วด้านหน้าทุกหลังคาเรือน เปน็ เอกลกั ษณ์ของชาวลัวะ ที่มาของข้อมูล : มรดกวัฒนธรรมลัวะ แมแ่ จม่ ศนู ยว์ ฒั นธรรมศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 27

สวนการเลี้ยงผีเรือน จะเลี้ยง ๒ ชวง คือประมาณวันที่ ๑ – ๑๐ มกราคม และชวง ดแู ล ไคซอ สบิ เอด็ สิงหาคมงกรานตอกี ๑ ชว ง (ภายในเดือนเมษายน) ของใชในพิธี แบงออกเปนสองชวง คือชวงเชาและ สลวัมงะภเขยาา็นณวจชนสาวาวงงวเกนยศชช รังทาาวุ ปนศงสาเิรกังยยนะบด็มนกาสิ์าปนอแืบนชไไไัรบลบาสมะคคควดกะถืดกลควุลือเกเหวัอย,วะปปผบล๒รหานีดอ๕โตมอมะวงมต๖กูยนเิงี๑กจช๐้ันะาไาอื่)ตกกรจัวนขตถ,ะบััวอืไอมถผกงอืีผกู  ๑ชศ๒ีาเาาสรสตต้ืวเอนัวยสเลัวลาบก,,ี้ยพ่ีบิไวัเ้งาหกีย๋ทุ ะผนสตลธีงัวาอเ๑มงียข๑วดต, ัวป,ลไาข๑๒ตฟัวพตกอ, ันลุไงฤขแายศ๑ลคาจะฟยมปิกองลนา,าขย๒านวตนัว่ึง งดง ขาว เก่ีย ศเใชนาื่อกสเานรราื่อเพลงุ้ียท“กทดงธผผงัาาอตรี”งไี ยปเบาลาอรโา งย้ีดยานกงยงาเลผฮปปงมีขามฏรกอะิยาิทลงกาจินชืนยะาตตมวแอาลกีตงมวัาๆเามะรเื่อทเมลมรา่ือ้ียีเับงกมงวศอืผีกัฒาบีดาสนทังรนนรธกุ าับรี้ ทครศ่ี รมดาสิ ใังสนตยนรกไาอตมเกภผบวัวาาอือาปรยกจยขเน)ะกาอองเเษปงหดกชตนยลพหชรมนะรผมาืย้ีอ่ือญะอืปอุวทูบไงง๒ทกนันอกอำป)าูลี่จกพกยตในร๑ตทะนแิธัะวัวอแซง้ัสีเกมตผลยกลสสกื้อกพั๓วาาูสย้ีูววำาาหบณร๒รีหรเนงแรบชเพอคสยแ ค/เหเอเแสตอมเนิอรวหอเชเเกาดอรลลยยานาน้ลรธิ่ลรียลงดาแลูเมานวลนนบัอืม้วาา่เ่าี้ีขงภ๒ยะะต้ยีเกเ้ียือาศลเบเชงสรางตเคใไหกากทา1งง่หาเงดยนี้พชหผม(เบาจอ้าตมย“นนารคูลงสผล�เำงนิลวาติกดป้้ใเไ็บงสัรใถวาอาืผอืปี้ียอพนหไวัปเหคาิพธหนมุรคเใเรนิ่ปเนะปเียเงฉ็ปนรวรินปบแมัธลสทืหยภอันถหืออืฝ๑ใ่เหวยีรกัลีนรฆลลงอมเื้เขาุ่ด้าม่ีหคมธนสานขยกรมาทูปว์เก)ชบ่ียะ้อาลุ์อ่าาาบู่ือดะญอืขาอืยวนใดแ”ารเข้สผาาแาน้ชวัย๑ไับาง่มจนา้ิวปนั้างนันตศกนรอะููู่่เต้กคนยกเม“ะงัทังดมกเขลฝสลมมน้ัเ/ง่ขคเตาลเรีพขกเเา(าาอล็เต)ซตขี่ยยัลางผีะีธาผสรบัวัโงอวะร็จร้ีาาอกย้มหถส่นงิรุ8ปนหดี้ีหยาไายใ้งหะะนแจปรมะ็จาง้าะหกใมแงไจมดิยเผลดสตหขาลจหขอนกลแดูพะกกดไค้ทูบ่่บูบีะังองวอลานืมัะะงฉ้สกเ“บวอ้าตา้คฆา:า้ถา้นม้ลากกงวไเเ้ิ้กนงสงยวตเสนรเันยยว์สารดนล้ขเีายี้คกไ”แ็จน่าวตไมซลฉะาเก)เทวมขนิาตี้ยงรรกรเามะมซแน้ัิดุโานะมีย้เด็ตจผดเอมำ�ื่ล้ขงาืออรนพนงก่ึีคล๑ไนยงจังมไะพะดงาใวว่ายชวนเ1มพไผกลำเรนหะะโปัน้สนวยงกทธิาปย้กกกไค่ืืคอเี”อลรกแกมยคีวกเีดิตจคข็ำ�หบรงิก็ใจนลจ็นูงำ�้ไตราหนซืถานเ์ระเือวา้าแทมจเะยี้ฉหเเเะดยฮะมบ้่รุืถณขรตางมอวสนมวลยเงาทละมเกียัมทเิยีวยปนั้นตางัอฉกูไผขดกหลีะวพเ�เมกีำลโ(สากตมำหรลงจปงเกีเลวตดวนจ้ีลยพยาาิปสกเกหะชาา่ใมวยีมยาััศแนนญยเะะ้รหัำงงนนต้อืลุยินาต็ธ่รางงกเีบู่ลษสวคู้อีื้ี(ี้อดิา้สะบาำ�เเมนคเสมั เม้าม(โพีขระhภนรือ่ือออ่ืียมคtใางtงเงหงสงัษเpจเหกสเขไ้ตั:๓ณายาป/มาาวรข/กิงเพาจเร์wาเดลเอแยระะสนดูี้ยเิมwมงลหบถางกยีย้ีเนสผกูเwา้างรนักทผเีมด้ัุพนปืรอีเ.ทราhอืเสรผอืินนหขี่ตนนuนบัำุไา้ไรเเรัน้gมปสหมเมหอืงื่อcป่อืทิรนนไสมhอจนน็ขกบัธนั้บ่บูiนัผกงึaท้เคิบีบงผา้ตาnเรินนิงเีบปนายอเgชพจขิน5นเนkาใ่นงษชิรเเhจมรขถตบัสน่ือเaาดืกขอนัวา,เเเmรหดชทอดแิน๒อื ขยีดทนล.เนถc๕สนว้ึืม่อนoา้๖กนาแนงไขmเนัม๒กก�้ำกอ่่ผ)างี ๕๔ ไก ๙ ตัว และไกเ ผือ การเลีย้ งผไี ร่ การเลี้ยงผีไร หมูบาน ค เล็ก คือเล 28 การจดั ทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒ ใหมจะเล

ชวี ติ ความเปน็ อย่ขู องชาวลัวะ ลวั ะมรี ะบบการแตง่ งานแบบผวั เดียวเมียเดียว โดยฝ่ายหญิงจะเข้าไปอยู่ ฝ่ายชายและนับถือผีบรรพบุรุษฝ่าย าวทเยอ็นขอนงอชกาจวาลกัวนะี้ยมังสีลากั มษาณรถะชเดวน ยคปืออทงกอันแอนทขชาอ่ัวันนยไงปตฝบปแ่ารุตยรลราะพทกะย่อี่เอกใหจบิดนดมาคนา้วรกายัวอขสเรยาเืออู่ใหมนนีงสมหภมานรยารีค่ึงเคะยรมาๆสือไญบำโดดุตาหตยร ิเรพับรกาาะรค กันอนั ตรายจากของมคี มได บุตรชายคนโตต้องไปสร้างใหม่เมื่อ ชาวลัวะบานกอกนอ ย ต.ปางหนิ ฝน อ.แมแ จม จ.เชยี งใหม่ แต่งงาน บุตรชายคนสุดท้ายจะต้อง เป็นผู้ที่ได้รับมรดกและเล้ียงดูพ่อแม่ ตลอดชวี ติ หน้าท่ีในครัวเรือนจะแบ่งออก ตามอายุ และเพศ กล่าวคือ ผู้หญิง มีหน้าที่รับผิดชอบหาฟืน ตักน้�ำ ต�ำข้าว ท�ำอาหาร และทอผ้า ผู้ชายมีหน้าที่ ซ่อมแซมบ้าน ท�ำร้ัว ไถนา และล่าสัตว์ งานในไร่เป็นหน้าท่ีของท้ังสองฝ่าย ต้อง ช่วยกันท�ำ รวมทั้งสมาชิกวัยแรงงานทุก คนในครอบครัวด้วย งานด้านพิธีกรรม ถือเป็นหน้าท่ีรับผิดชอบของผู้ชายเกือบ ทง้ั หมด ทีม่ าของข้อมูล : รวมพลคนฮกั เจยี งคำ� (http://www.hugchiangkham. com/ชนชาติพนั ธ์ุลวั ะ/) การทอผาของแมส ุพนิ สทิ ธิคงจรัส บานมดื หลอง การทอผา ของแมสพุ นิ สทิ ธิคงจรัสมหบาวาิทยนาลมยั เืดทคหโนลโลอยรี งาชมงคลลา้ นนา 29

จาวงาว เปน จาวงาว เปน จาวงาว เปน แตจ าวงาว จ ผใู หญบานเปน คนเดียว ลกั ษณะปกครองของชาวลวั ะ สงั คมลวั ะ ไมม่ ตี ำ� แหนง่ เฉพาะทางการปกครอง ไมม่ กี ารตงั้ บคุ คลใดบคุ คล หนงึ่ ข้นึ เพอื่ รกั ษาความสงบเรียบรอ้ ย ตัดสินกรณพี พิ าก และรักษากฎระเบยี บของ หมบู่ า้ นโดยตรง แตใ่ หค้ วามเคารพเชอ่ื ถอื หวั หนา้ ทางความเชอ่ื ถอื ของหมบู่ า้ นทเ่ี รยี ก “สมงั ” ใหเ้ ปน็ ผมู้ หี นา้ ทกี่ ระทำ� พธิ กี ารตา่ ง ๆ ในนามของหมบู่ า้ น ตงั้ แตก่ ารเลอื กทดี่ นิ ทำ� ไร่ ของหมบู่ า้ นวา่ ดหี รอื ไมก่ อ่ นทจ่ี ะตกลงตดั ไม้ การตดั สนิ กรณแี กง่ แยง่ ทดี่ นิ ฯลฯ โดยพิธีเหล่าน้ีสมัง จะท�ำร่วมกับ “ล�ำ” หรือผู้น�ำทางด้านพิธีกรรมของแต่ละกลุ่ม ในหมู่บ้าน นอกจากน้นั กม็ ผี ชู้ ่วย ล�ำ ซึง่ เป็นผ้ทู ีอ่ ายุมากในกลมุ่ รองจาก ล�ำ เม่ือล�ำ คนเดิมเสยี ชีวิตลง ผชู้ ว่ ยกจ็ ะเปน็ ผู้ไดร้ บั ตำ� แหนง่ ล�ำ คนต่อไป ทม่ี าของขอ้ มลู : รวมพลคนฮกั เจยี งคำ� (http://www.hugchiangkham. com/ชนชาติพนั ธลุ์ ัว๊ ะ/) 30 การจัดทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

นผูช ้ขี าดในดานวฒั นธรรม นนจผผะููชทไม้ีตำเพำปแธิ นหี ผนูใง หใญนกเก แบจบา้าาบารมหรดานมกเ�ำุนกปรลเว(งวัว่าแดียชะขนพีต้มไาโีวกขดรมเยาอห จรนีสงะดียชป�ิทำวาลรวูกธงแลขชลเิ์้ีวัาพะปวะนโเิจดยน ้มายเดไขปื่ม้ึดน็นเอพห)ยืลชูห่้าดกทลับวั่ีกทก�ำยาลจรัวาชทะก�นขำาิยไ้าวรมว่เบเบจลร้าื่ิอโา อภนีกนคลดขอเ้ว้าชยยว ่ือวา หา วกัน จะเกดิ สิง่ ไมด กี ับหมบู านพชื อนื่ ๆ ทป่ี ลกู แซมในไรข่ า้ วสำ� หรบั ไวเ้ ปน็ อาหารและใชส้ อยไดแ้ ก่ ขา้ วโพด ถั่ว แตงกวา พรกิ ฝ้าย ผักต่าง ๆ สว่ นสัตวเ์ ลี้ยงได้แก่ วัว ควาย หมู ไก่ สนุ ัข เป็นต้น ซ่ึงสัตว์เลย้ี ง เหล่านี้บางชนิดก็ฆ่าส�ำหรับใช้เล้ียงผี ผลิตผลทางเศรษฐกิจของลัวะ มีประมาณเพียงพอส�ำหรับบริโภคและขายในหมู่บ้านใกล้เคียงได้บ้าง เศรษฐกิจมีลักษณะพอมีพอกินเล้ียงตนเองได้ไม่เดือดร้อน มาตรฐาน การครองชีพของลัวะ อยู่ในระดับปานกลาง ในอดีตปลูกข้าวเป็นรายได้ เช่น ปลูกท้อ เสาวรส ผักกาด กะหล่�ำปลี มะเขือเทศ ถั่วแดง ถ่ัวลันเตา ทำ� ใหม้ ฐี านะทางเศรษฐกจิ ดขี น้ึ กวา่ เดมิ บา้ นทเี่ คยมงุ่ หลงั คาดว้ ยหญา้ คาหรอื ใบตองตึง ปัจจุบันเปล่ียนมาเป็นมุงด้วยกระเบ้ืองหรือสังกะสีกันมากแล้ว สว่ นสตั วเ์ ลยี้ งกย็ งั คงเลยี้ งไวเ้ พอ่ื ใชใ้ นพธิ กี รรมโดยการฆา่ แลว้ นำ� ไป เซน่ ไหวผ้ ี เชน่ พิธดี า้ นการเกษตร พิธแี ต่งงาน พิธีไหว้ผตี า่ ง ๆ เปน็ ต้น ดงั นน้ั จึงทำ� ให้ ลวั ะไม่มีสัตว์เลี้ยงเหลือสำ� หรบั ขาย ท่ีมาของข้อมูล : รวมพลคนฮักเจียงค�ำ (http://www.hugchi- angkham.com/ชนชาตพิ นั ธลุ์ ๊วั ะ/) ไรขาวและไรข าวโพดของชาวลวั ะบานเฮาะ ไรข าวและไรข า วโพดของชาวลัวะบมา หานวิทเยฮาลยัาเทะคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 31

ด้วยความส�ำคัญของชาวลัวะ ดังที่ กล่าวมานั้น จึงถือเป็นบุคคลส�ำคัญในการถือ โคมสตั ตบงกช ในขบวน ต่อจากโคมสัตตบงกช ก็จะเป็น ขบวนของรถกระทงใหญ่ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนาซ่ึงปีน้ีทีมของ คณะสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมศาสตร์ ได้จัดสร้างและออกแบบ ได้อย่างสวยสด งดงาม สอดคล้องแนวคิด เดียวกันก็คือ บูชาพระพุทธศาสนา การบูชาส่ิงศักดิ์สิทธิ์ ในเมอื งเชยี งใหม่ ถ้ามองภาพรวมของตัวขบวนรถ กระทง ก็จะได้ความหมายว่า เมืองท่ีมีค่า นพคุณบูชา ชื่อเมืองที่มีคุณค่าดุจดั่งทอง เนื้อเก้า สักการ์บงกชแก้ว ก็คือการ สักการะบูชาด้วยบงกชแก้ว ก็คือบัวแก้ว วิเศษ เลิศแล้วระมิงค์นคร ก็คือเมืองท่ีมี คุณค่าดุจดั่งทอง ถูกสักการะด้วยบัวแก้ว ทีส่ ักการะแกเ่ มือง ทม่ี ีน�้ำปิงไหลผ่าน นนั่ เอง 32 การจัดทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

อาจารย์ธนิตพงศ์ พุทธวงศ์ (ผูอ้ อกแบบตวั รถกระทงใหญ่) ไดแ้ นวความคดิ ในการออกแบบ (Conceptual design) ภาพรวมของ รถกระทง อยู่ภายใต้แนวความคิด “นพคุณบูชา สักการ์บงกชแก้ว เลิศแล้วระมิงค์นคร”  ตัวรถกระทงปีน้ี ได้แบ่งเป็น ๒ ส่วน ได้มีการออกแบบ ดังค�ำกล่าวว่าเมืองเชียงใหม่ เป็นเมือง สำ� คญั ทป่ี ระกอบไปดว้ ยชยั ภมู ิ ดา้ นเหนอื ของเมือง ลักษณะของ สัตตบงกช ซง่ึ เป็น เมืองที่ประกอบไปด้วยแม่น�้ำหลายสาย ทคี่ อยหลอ่ เลีย้ งเมอื งเชยี งใหม่  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 33

รถกระทงใหญส่ ่วนแรก ตวั รถดา้ นหนา้ ถอดมาจาก เนอ้ื ความตรงน้ี ซง่ึ ราคาตวั ขบวนประกอบไปดว้ ย โคมดอกบัว เป็นสัณฐานที่ตั้ง ดอกบัวดอกแรก เป็นสัณฐานท่ีต้ังบรรจุสัญลักษณ์ พิชยั มงกุฎ ตราสัญลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ส่วนตรงกลางประกอบไปดว้ ย สญั ลักษณ์ ของการแกะรปู ปลา ซงึ่ เปน็ พญามจั ฉา ตวั แรกมชี อื่ วา่ พญานพรตั นม์ จั ฉา เปน็ พญาปลา ตัวใหญ่ ประกอบด้วยคุณวเิ ศษ ๙ ประการ ส่วนด้านข้างท้ังสองฝ่งั จะประกอบไปด้วย ปลาท่ีมีชื่อว่า มณีมัจฉา ซ่ึงเป็นปลาที่มีคุณค่า ดุจดั่งแก้วมณี มอบพรวิเศษให้กับคน ท่ีมาใช้น้�ำ ในบ่อสระบัวแก้ว ส่วนด้านหลัง จะประกอบไปด้วย วิมานทิพย์สถาน ในส่วนตรงกลางได้บรรจุ หม้อดอกกุพุ (หม้อดอกบูรณฆฏะ)   ซึ่งหม้อดอกบูรณฆฏะ แห่งน้ีเปรยี บเสมอื น เปน็ สญั ลกั ษณค์ วามอุดมสมบรู ณ์ รถคันแรกจะประดับประดาตวั รถ ด้วยลกั ษณะของ ดอกบวั ทิพย์ โดยรอบ 34 การจดั ท�ำรถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

รถกระทงใหญส่ ่วนที่ ๒ ตัวรถด้านหลงั ของตัวขบวนจะประกอบไปด้วย ดอกบวั แกว้ ๓ ดอก ด้านใน ของดอกบวั แกว้ ทั้ง ๓ ดอก เปน็ ที่นัง่ ของนางนพมาศ ท่จี ะออกมาสกั การะบชู า แม่น�ำ้ น�ำนที กค็ ือมาบชู าเจา้ แมค่ งคาในวนั เพ็ญเดือนสิบสอง ถัดมาตรงกลางของตัวรถ เป็นท่ี ประดษิ ฐส์ ถานของประสาทแกว้ ทแี่ ทนโดยเขาพระสเุ มรุ ตรงสว่ นกลางของเขาพระสเุ มรุ จะมีโคมแปดเหลี่ยม จะแทนด้วยค�ำส่ังสอนของพระพุทธเจ้า ลวดลายประดับของ โคมแปดเหลย่ี ม จะเปน็ ลกั ษณะของมณั ฑะละ กค็ อื เปน็ ภมู จิ กั รวาล ตวั โคมแปดเหลยี่ ม ก็จะหมุนรอบ เปรยี บเสมอื นหลกั ค�ำสัง่ สอนของพระพุทธศาสนา หมุนวนรอบ จักรวาล แพรไ่ พศาล ดา้ นขา้ งของตวั รถ กจ็ ะมโี คมแปดเหลยี่ ม เหมอื นกนั ตดิ ตงั้ โดยรอบของตวั รถ จำ� นวน 6 โคม ซงึ่ โคมดา้ นข้างจะแตกตา่ งกับสว่ นตรงกลาง  จะเปรยี บเสมือนดวงดาว หรือจักรราศี ส่วนตรงกลางโคมแปดเหลี่ยมด้านข้าง จะท�ำเป็นรูปเกี่ยวกับ ๑๒ ราศี หมุนวนรอบตัวรถกระทง เปรียบเสมือนวันเวลา ที่มันหมุนเปล่ียนไป ด้านข้างท้ังสอง ข้างของปราสาทแก้ว จะเป็นท่ีประดิษฐ์สถานของวิมานทิพย์ไว้อีก ๔ อัน ในส่วนตรง กลางจะประดิษฐ์สถานไปดว้ ยหมอ้ ดอกกพุ ุ วมิ านทิพย์กเ็ ปรียบเสมอื นดนิ แดนท่รี ำ่� รวย ไปด้วยความอดุ มสมบูรณ์ ที่มคี ุณค่าดุจดง่ั ทอง ถา้ เอาวิมานทิพย์ทง้ั หมด ๖ อันมารวม กบั เขาพระสุเมรุ กเ็ ปรียบเสมอื น เขาสตั บริภัณฑ์ ทั้ง ๗  สวนดา้ นหลงั ของตวั รถขบวน จะประดษิ ฐานหมชู่ อ่ พมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ เปรยี บเสมอื น ตัวเทวดาท่ีรกั ษาเมอื ง ลอยเพ่ือดูแล สารทุกข์สุขดิบคนในเมอื ง  มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 35

“แนวทาง “ และ วธิ ีการ บรู ณาการ พื้ น ฐ า น ส� ำ คั ญ ท่ี บั ณ ฑิ ต จ ะ ต ้ อ ง ไ ด ้ เรียนรู้และสุดท้ายท่ีส�ำคัญท่ีสุดก็คือ ทุกคนได้มีส่วนร่วมแสดงผลงานในนาม ข อ ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ล ะ ชื่ อ เ สี ย ง ข อ ง มหาวิทยาลัยของเราอยา่ งแท้จรงิ 36 การจัดทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

รองศาสตราจารย์ศลี ศิริ สงา่ จติ ร ผปู้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี ธกิ ารบดี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา งานศิลปวัฒนธรรมวันน้ี จะเป็นการบูรณาการระหว่าง นักศกึ ษา ระหว่างคณะต่าง ๆ รวมทง้ั หน่วยงานภายนอก เพอ่ื ทจ่ี ะ ตอบโจทย์กับยุทธศาสตร์จังหวัดเป็นการทำ� นุบ�ำรุงศิลปวัฒนธรรม เพอ่ื ใหท้ ง้ั คนตา่ งชาตแิ ละคนไทยไดภ้ าคภมู ใิ นศลิ ปวฒั นธรรมดงั้ เดมิ ของเรา และสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกจิ ของประเทศได้ด้วย ซงึ่ งานนมี้ หาวทิ ยาลยั กส็ ง่ เสรมิ ใหน้ กั ศกึ ษาทกุ คนไดม้ สี ว่ นรว่ มในสง่ิ เหล่าน้เี พ่อื ทจ่ี ะได้จรรโลงและท�ำนุบำ� รงุ ศลิ ปวฒั นธรรมต่อไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 37

ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พรี ะ จนู อ้ ยสุวรรณ คณบดีคณะศิลปกรรมและสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี น�้ำตาลทองนะครับ ส่วนรูปขบวน ราชมงคลล้านนามอบหมายให้คณะ หลังจากป้ายก็จะเป็นแถวกระบวน ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมศาสตร์ ของท่านผู้บริหาร โดยมีท่านอธิการบดี ด� ำ เ นิ น ก า ร อ อ ก แ บ บ ก ่ อ ส ร ้ า ง ท่าน รศ.ศีลศิริ สง่าจิตร พร้อมด้วย กระทงเพื่อร่วมงานในปีน้ี โดยสาขา กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้อ�ำนวย ส ถ า ป ั ต ย ก ร ร ม ศ า ส ต ร ์ ไ ด ้ ท� ำ ก า ร การส�ำนัก กอง และคณบดีท้ังหลาย ออกแบบโดยท่านอาจารย์ธนิตพงศ์ ในปีนี้เราได้รับเกียรติจากนักศึกษาจีน พุทธวงศ์ ส่วนรายละเอียดท่านคงเล่าให้ และอาจารย์จากมหาวิทยาลัยกว่างซี ฟังทหี ลัง ที่จะมาร่วมขบวนกับพวกเราในวันนี้ด้วย ป้ายมหาวิทยาลัยตกแต่งด้วย หลังจากแถวนักศึกษาจีนก็จะเป็นแถว สที อง ซง่ึ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องมหาวทิ ยาลยั ของรปู ขบวนซง่ึ ดแู ลโดยอาจารยจ์ ากสาขา เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ก็คือสี ทัศนศลิ ป์ 38 การจดั ทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ชยั ปฐมพร ธนพฒั นป์ วงวนั ผู้อำ� นวยการศนู ยว์ ฒั นธรรมศึกษา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา มหาวิทยาลัยให้ความส�ำคัญเร่ืองของ • คณะบริหารธุรกิจดูแลชุดแต่งกายและการ การฝึกประสบการณ์จริงให้กับนักศึกษาท้ังด้าน บรหิ ารจดั การดแู ลการเคลอื่ นยา้ ยคนรวมถงึ วิชาการและด้านกิจกรรมโดยเน้นการได้ลงมือ การจดั เกบ็ อปุ กรณ์ต่างๆ ปฏบิ ตั จิ รงิ เพอื่ สง่ เสริมการเปน็ บณั ฑิตนักปฏิบัติ ดงั ปรัชญาของมหาวทิ ยาลยั • คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร ศูนย์วัฒนธรรมมหาวิทยาลัยในฐานะ ดูแลในส่วนของการจัดท�ำกระทงใบตอง หน่วยงานหลักที่สนับสนุนด้านท�ำนุบ�ำรุงจึงได้ ใหก้ บั ทางผู้บริหารถือเดินในขบวน ประสานความร่วมมือโดยการบูรณาการศาสตร์ ถึงแม้มหาวิทยาลัยของเราจะมีจ�ำนวนคณะไม่ • นอกจากนี้ยังมีชมรมด้านการแสดงของ มากคอื มแี ค่ 4 แตท่ กุ คณะไดร้ ว่ มแรงรว่ มใจสรา้ ง นักศึกษามาท�ำทางด้านการออกแบบการ การมีส่วนร่วมในการแสดงศักยภาพและผลงาน แสดง ในนามของมหาวทิ ยาลัยไดด้ ังเช่นงานน้ีกค็ อื • ค ณ ะ ศิ ล ป ก ร ร ม ศ า ส ต ร ์ แ ล ะ ซ่ึงต้องยอมรับว่าของเรามีพื้นฐานมา จากช่างไม่มีสาขาเก่ียวกับนาฏศิลป์การแสดงแต่ สถาปัตยกรรมศาสตร์การออกแบบตัวรถ เรากท็ ำ� ไดแ้ ตป่ ระการสำ� คญั นอกเหนอื จากทก่ี ลา่ ว กระทงและการจดั ท�ำรปู แบบขบวน มาเราคิดว่านักศึกษาอย่างได้รู้จักการประยุกต์ • คณะวิศวกรรมศาสตร์การท�ำตัวโครงสร้าง ความรู้ที่เรียนมาเพ่ือใช้กับงานจริงการรู้จักการ รถกระทง ระบบไฟฟ้า Lighting และ ท�ำงานเป็นทีมการรู้จักเสียสละและจิตอาสาคอย effect ช่วยเหลือกนั ดูแลกนั ท้ังภายในคณะและต่างคณะ เหล่านี้ถือวา่ เปน็ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา 39

บทสรปุ ในงานประเพณีลอยกระทงของจังหวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้เข้าร่วมเป็นส่วน หนงึ่ ในงานประเพณี โดยไดส้ ง่ ขบวนกระทงเขา้ ประกวด เพอ่ื มงุ่ เนน้ ถงึ การรว่ มมอื กบั จงั หวดั เชยี งใหม่ เผยแพรศ่ ลิ ปวฒั นธรรม ล้านนา ในการนี้ได้รับความร่วมมือจาก ผู้บริหาร อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา ผู้มีความเชี่ยวชาญและช�ำนาญใน ด้านต่างๆ ประชุมหารือบูรณาการทางด้านความคิด ตกผลึกเป็นแนวคิด และร่วมกันออกแบบ สร้างสรรค์งาน น�ำเอาองค์ความรู้ และศาสตร์แขนงต่าง ๆ มาประยุกต์ ให้เข้ากับแนวคิด ผสมผสานศิลปวัฒนธรรมล้านนา กับแนวคิดร่วมสมัยได้อย่างลงตัว รวมถึงความร่วมมือ ร่วมใจกันทุกฝ่าย ท�ำให้เกิดรูปแบบขบวนกระทง ทสี่ วยงาม เปน็ ท่ปี ระทบั ใจใหแ้ กน่ ักทอ่ งเทีย่ ว และประชาชน ท่ัวไป อีกท้ังยังน�ำมาซ่ึงผลลัพธ์ในรูปแบบองค์ความรู ้ ดงั ปรากฏในหนงั สอื เลม่ นี้ ทส่ี ามารถใชใ้ นการสง่ ตอ่ องคค์ วามรู้ ทไี่ ด้ แกผ่ สู้ นใจหรอื ผทู้ ก่ี ำ� ลงั ศกึ ษา นำ� ไปใชป้ ระโยชน์ เพอื่ การ พฒั นางานทางดา้ นศลิ ปะ วฒั นธรรม ของชาตใิ หด้ ยี ง่ิ ขนึ้ ตอ่ ไป จดั ทำ� โดย สถาบนั ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน ศูนย์วฒั นธรรมศกึ ษา มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 98 หมู่ 6 ต�ำบลป่าป้อง อำ� เภอดอยสะเก็ด 128 ถนนห้วยแกว้ ตำ� บลชา้ งเผอื ก จงั หวัดเชียงใหม ่ 50220 อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั เชยี งใหม่ 50300 โทรศัพท์ : 0 5326 6516 #1032, โทรศัพท์ : 0 5392 1444 #1600,1601 โทรสาร : 0 5326 6522 โทรสาร : 0 5321 3183 พมิ พท์ ี่ : บริษทั สยามพมิ พน์ านา จ�ำกัด 108 ซอยพงษส์ ุวรรณ ต�ำบลศรีภมู ิ อำ� เภอเมอื ง จังหวดั เชยี งใหม่ 50200 โทรศพั ท์ : 0 5321 6962 พมิ พ์ : คร้งั ท่ี 1 ปี พ.ศ. 2563 ISBN : 978-974-625-897-5 ISBN : 978-974-625-896-8 (E-Book) 40 การจัดทำ� รถกระทง ประจ�ำปี ๒๕๖๒