คมู่ อื การปอ้ งกนั กำ� จัด ศตั รพู ืชโดยไม่ใชส้ ารเคมี สนองงานอนั เนอื งมาจากโครงการพระราชด�ำริฯ ท่ศี ูนย์พัฒนาพนั ธพุ์ ชื จกั รพันธ์เพญ็ ศริ ิ โดย สถาบนั วิจัยเทคโนโลยเี กษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำ� นำ� ปัญหาส�ำคัญของการบริโภคอาหารของประชาชนทั่วไปมีความเสี่ยง เพราะวัตถุดิบท่ี นำ� มาใชป้ ระกอบอาหารมกี ารปนเปอ้ื นสารเคมโี ดยเฉพาะสารกำ� จดั ศตั รพู ชื ชนดิ ตา่ งๆ ซงึ่ ตกคา้ งอยู่ ในพชื ผกั ผลไม้และสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทกุ วนั จนปจั จุบนั ต้องหรือแก้ไขปญั หาดังกลา่ ว เพื่อสขุ ภาพ ของประชากรในประเทศรุ่นต่อไป จึงมีการศึกษาวิธีการควบคุมศัตรูพืชที่ปลอดภัยโดยเน้นการใช้ สารชวี ภณั ฑต์ า่ งๆดงั ปรากฏอยใู่ นเอกสารน้ี ซง่ึ เปน็ แนวทางหรอื คมู่ อื ใหก้ บั เจา้ หนา้ ทใี นศนู ยพ์ ฒั นา พนั ธพ์ุ ชื จกั รพนั ธเ์ พญ็ ศริ ไิ ดน้ ำ� ไปใชแ้ ละปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ทกั ษะมากขน้ึ สามารถถา่ ยทอดใหก้ บั ผทู้ สี่ นใจ การควบคุมศัตรูพชื ในแนวทางน้ีตอ่ ไป สถาบนั วิจัยเทคโนโลยเี กษตร 5 ธันวาคม 2557
สารบญั 4 หลกั การป้องกันกำ� จัดศตั รูพชื 5 การใช้สารสกดั จากพชื กำ� จัดแมลงศตั รูพชื 8แมลงศัตรทู ่สี �ำคัญของพืชตระกลู แตง(ฟักทอง แตงกวา บวบ ฟัก) 14โรคพชื การปอ้ งกนั ก�ำจดั โดยไม่ใช้สารเคม ี 15การป้องกันกำ� จดั โรคพืช การสกัดด้วยน้ำ� อยา่ งงา่ ยสำ� หรับเกษตรกร 16วิธกี ารสกัดสารจากดปี ลีและพชื อนื่ ๆ 17ตารางสรุปการป้องกนั ก�ำจดั ศัตรูพชื ท่ปี ลอดภัย
คมู่ ือการป้องกนั ก�ำจดั ศตั รูพชื โดยไม่ใช้สารเคมี หลักการ หลักการป้องกันกำ� จัดศัตรูพชื ป้องกัน กำ� จดั ศัตรพู ืช วิธีการป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูพืช แบ่งออกเป็นสองกิจกรรมหลักๆคือ การปอ้ งกนั กบั การกำ� จดั ซงึ่ ตอ้ งดำ� เนนิ การควบคกู่ นั ไปในแตล่ ะพชื และชนดิ ของศตั รู พชื นน้ั ๆ การปอ้ งกัน เช่น 1. การทำ� ให้พืชแข็งแรงโดยการปรบั ปรุงบ�ำรงุ ดนิ 2. การอนุรกั ษแ์ มลงทมี่ ปี ระโยชน์ โดยการลดหรือไมใ่ ชส้ ารเคมี 3. การกางมงุ้ สามารถชว่ ยปอ้ งกนั แมลงบางชนดิ เชน่ ตวั เตม็ วยั ของผเี สอื้ แมลง ทม่ี ขี นาดใหญบ่ างชนดิ แตแ่ มลงขนาดเลก็ เชน่ เพลย้ี ออ่ น ดว้ งหมดั ผกั เพลยี้ ไฟ ยงั พบมีการระบาดในช่วงแรกๆ 4. การปลูกพืชที่มีแมลงศัตรูท�ำลายน้อย เช่น ผักบุ้ง ผักสลัด ป๋วยเล้ง กุยช่าย ผกั ปงั วิธกี ารก�ำจดั เช่น เลือกวธิ กี ารก�ำจัดแมลงศัตรูพชื ทเี่ หมาะสม ซงึ่ มีหลายวธิ ี เช่น • จบั ตัวทำ� ลาย เช่น ใชส้ วงิ โฉบหรือจบั ด้วยมือ • ใช้สารสกัดจากพชื เชน่ สะเดาหรอื หางไหล ฯลฯ • ใชก้ บั ดกั ตา่ งๆ เชน่ ใชก้ ับดักกาวเหนยี ว กับดักแสงไฟ กับดักดงึ ดูดเพศ • ใช้เชื้อจุลินทรีย์ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัสก�ำจัดหนอน ไส้เดือนฝอย เชอื้ ไตรโคเดอรม์ ่า เป็นต้น • ใชต้ วั หำ�้ ตวั เบยี น เชน่ ใชแ้ มลงวนั ตวั หำ�้ (Coenosia sp.) ควบคมุ แมลงวนั หนอน ชอนใบ (Liriomyza sp.) ส�ำหรับกล่มุ แมลงทศี่ ัตรูท่ีสำ� คัญ แบ่งได้ 5 กล่มุ คือ 1. ผีเสื้อ ส่วนมากจะท�ำลายพืชในระยะที่เป็นหนอน ตัวเต็มวัยจะอาศัยกิน น�ำ้ หวานจากเกสรดอกไม้ ยกเว้นผเี สื้อมวนหวานทตี่ ัวเต็มวยั ใช้ปากทเี่ ป็นงวง แตส่ ามารถแทงเขา้ ไปในผลไม้ เพอื่ ดดู กนิ นำ�้ หวานจากผลไมท้ เ่ี ปน็ พชื อาหารได้ 2. ด้วงปีกแข็ง กัดกินใบพืชทั้งในระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย เช่น ด้วงหมัดผัก ตัวอ่อนกัดกนิ ราก ตัวเตม็ วัยกัดกนิ ใบผัก 3. แมลงวัน ท�ำลายพืชในระยะตัวหนอน เช่น หนอนชอนใบ หนอนเจาะโคน ตน้ ถ่ัว และแมลงวนั ผลไม้ 4. มวน ท�ำลายพืชในระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย ใช้ปากเจาะแทงดูดน�้ำเล้ียง จากสว่ นตา่ งๆของพชื 5. เพลี้ยเป็นแมลงขนาดเล็กใชป้ ากเจาะดดู เช่น เพลี้ยออ่ น สว่ นเพลยี้ ไฟปากจะ เป็นแบบเขีย่ ดดู แมลงในกลุม่ นีบ้ างชนดิ เปน็ พาหะน�ำเชอ้ื ไวรัสมาสพู่ ชื แมลงในแตล่ ะกลมุ่ จะมพี ฤตกิ รรม และธรรมชาตกิ ารระบาดแตกตา่ งกนั ฉะนน้ั ผู้ท่ีจะลงมือท�ำการป้องกันก�ำจัดต้องสามารถจ�ำแนกชนิดของศัตรูพืชหรือรู้จักแมลง ในแต่ละกลมุ่ ใหไ้ ดม้ ากท่สี ุด 4 สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
สนองงานอนั เนืองมาจากโครงการพระราชด�ำริฯทศ่ี ูนย์พัฒนาพันธ์ุพชื จักรพนั ธ์เพ็ญศริ ิ การใชส้ ารสกัดจากพชื กำ� จัดแมลงศตั รพู ชื สารฆ่าแมลงจากพืชซงึ่ เป็นที่รจู้ กั และน�ำมาใชม้ ีหลายกลุ่ม ไดแ้ ก่ 1.ยาสูบ มีสารนิโคตนิ มอี ยู่ในยาสบู หรือยาฉนุ วธิ ใี ช้โดยนำ� ยาฉุน 300 กรัม ผสมกบั นำ�้ 10 ลติ ร แชน่ าน 1 คนื กรองผสมกบั สารจบั ใบจะใชไ้ ดผ้ ลดกี บั เพลย้ี ออ่ น ด้วงหมดั ผกั หรือใช้ยาฉนุ 1 กิโลกรัม ต้มกบั นำ้� 2-5 ลิตร จากนนั้ กรองเอามาผสมกับ น�้ำอีก 60 ลิตร ผสมสารจับใบแลว้ นำ� ไปฉีดพน่ ซงึ่ ได้ผลเชน่ กัน สารนม้ี ฤี ทธิ์ตอ่ ระบบ ประสาทของแมลง 2.หางไหล มีสารโรทีโนน เป็นสารก�ำจัดแมลงศัตรูพืชที่มีอยู่ในรากพืชท่ีมี ชอื่ ว่าหางไหล หรอื เรยี กทั่วไปว่า โลต่ ๊นิ มพี ษิ ต่อระบบการหายใจของแมลง โดยออก ฤทธถิ์ กู ตวั ตายและกนิ ตาย หางไหล เปน็ ไมเ้ ลอื้ ยเจรญิ งอกงามตามปา่ ชนื้ และชายแมน่ ำ้� ลำ� คลองทว่ั ไป เจรญิ เตบิ โตเร็ว ทร่ี าก มปี มของแบคทเี รยี ท่ีชว่ ยในการตรึงไนโตรเจน จากอากาศได้คล้ายปมของรากพืชตระกูลถั่ว ในประเทศไทยพบว่ามีพืชวงศ์เดียวกับ โลต่ นิ๊ ประมาณ 21 ชนดิ แตม่ ีเพยี ง 2 ชนดิ เทา่ นัน้ ทพ่ี บวา่ มสี ารโรทโี นนมาก และนยิ ม ปลกู เป็นการคา้ คอื หางไหลขาว (Derris malaccensis. Prain ) มีสารประมาณ 3.16-3.45% สว่ นหางไหลแดง ( D. elliptica Benth ) มสี ารประมาณ 0.34-0.46 % สว่ นมากจะพบชนดิ แดงตามบรเิ วณแมน่ ำ้� ลำ� ธาร สำ� หรบั ชอื่ เรยี กพชื ชนดิ นแี้ ตกตา่ งกนั ไปตาม ท้องถ่ิน เช่น โล่ต๊ิน หางไหลเครือ ไหลไหลน�้ำโพตะโก ล้ากะล�ำเพาะ เครือไหลน�้ำ การขยายพันธุ์ การใช้ หางไหลสามารถขยายพันธุ์ด้วยการปักช�ำ โดยใช้ก่ิงช�ำท่ีมีขนาดเส้น สารสกดั ผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 25 เซนตเิ มตร ตัดใบออกให้หมด จากพชื ถา้ เหลอื ไวจ้ ะทำ� ใหม้ จี ำ� นวนรากนอ้ ยลง การใชฮ้ อรโ์ มนเรง่ รากชว่ ยทำ� ใหก้ ง่ิ ชำ� มจี ำ� นวน กำ� จดั แมลง รากเพิ่มมากขึ้น การปักช�ำควรมีความช้ืนสม�่ำเสมอโดยให้น้�ำหล่อเลี้ยงด้านล่างวัสดุ ศัตรพู ืช ไวเ้ สมอ ทำ� ใหก้ ง่ิ ชำ� มโี อกาสแหง้ ตายนอ้ ยลง ในชว่ งฤดแู ลง้ ควรปกั ชำ� ในถงุ พลาสตกิ เพอ่ื รกั ษาความชน้ื และควรฉดี สารปอ้ งกนั เชอ้ื ราในถงุ ชำ� ระหวา่ งการปกั ชำ� ควรใหป้ ยุ๋ ยเู รยี (0.1 %) จำ� นวน 3 ครั้ง หา่ งกนั 10 วัน ปกั ชำ� ไวน้ านประมาณ 45 วนั จงึ ย้ายก่งิ ชำ� ลงถงุ ดำ� พกั ในทร่ี ม่ รำ� ไรควรใหป้ ยุ๋ ยเู รยี กบั ตน้ กลา้ สปั ดาหล์ ะครงั้ ประมาณ 1 เดอื น กิ่งช�ำจึงมีความพร้อมที่จะย้ายไปปลูกในแปลง ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝนดินมี ความชื้นสูง การปลูก การดแู ลรักษา และการเก็บเก่ียว หางไหลเป็นพืชที่เลื้อย เม่อื มอี ายคุ รบกำ� หนด 2 ปี ทำ� การเกบ็ เกยี่ วท้ังแปลง แล้วปลูกใหม่หมุนเวียนกันไป ระยะปลูกประมาณ 1x1.5 เมตร ในระยะ 1 ปีแรก ควรมกี ารกำ� จดั วชั พชื หลงั จากนนั้ ตน้ หางไหลจะเลอื้ ยคลมุ พนื้ ทหี่ มด การเตรยี มหลมุ ปลูกควรมีขนาด 0.5x0.5x0.5 เมตร เพื่อให้รากเจริญดีควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก รองก้นหลุมมาก ๆ ในช่วงปที ี่ 2 ควรให้ปยุ๋ 15-15-15 อัตรา 25 กโิ ลกรมั ต่อไรจ่ ำ� นวน 2 ครง้ั ผลผลติ ทไี่ ดส้ ำ� หรบั หางไหลอายุ 2 ปี จะไดร้ ากสดประมาณ 150 - 200 กโิ ลกรมั /ไร่ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา 5
คมู่ อื การปอ้ งกนั กำ� จัดศตั รพู ืชโดยไม่ใชส้ ารเคมี ถา้ ปลูกในภาชนะท่ีเปน็ ท่อซิเมนตเ์ ส้นผ่าศนู ยก์ ลางประมาณ 80 เซนตเิ มตร ผลผลิต ในพ้ืนที่ 1 ไร่ได้ผลผลติ ประมาณ 367 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ในเวลาหนึง่ ปี วิธีการขุดราก หางไหลจะท�ำในช่วงท่ีมีฝนตกดินอ่อนจะตัดใบตัดกิ่งส่วนที่ไม่ต้องการออก ใช้เสียม หรือจอบขุด จากน้ันน�ำรากสดไปใช้ได้ทันทีหรือผึ่งในร่มให้แห้งเก็บไว้ได้นานเป็นปี โดยยงั มีฤทธ์ิเหมือนเดมิ บางคร้งั น�ำรากสดมาห่ันเป็นช้นิ เลก็ ๆ ตากใหแ้ หง้ ในรม่ แลว้ บดเปน็ ผงเก็บไว้ใช้ไดเ้ ชน่ กนั แมลงทีส่ ารสกัดจากรากหางไหลกำ� จัดได้ดี คอื ด้วงหมัด ผกั ด้วงเตา่ แตง เพลี้ยจักจั่นมะมว่ ง เพลย้ี ไฟ หนอนกระทู้ หนอนใยผกั หนอนกะหล�่ำ หมัดสุนัข เห็บ ไรไก่ การใชป้ ระโยชน์จากหางไหล วธิ ีใช้โดยน�ำรากจากตน้ ทม่ี ีอายตุ ง้ั แต่ 1-2 ปขี ้นึ ไป จะได้ผลดีท่สี ุด อัตราทใ่ี ช้ คือ รากสด 20-30 กรมั /น�้ำ 1 ลติ ร รากแหง้ จะใช้ 10 กรัม/น้ำ� 1 ลติ ร (แชน่ ำ้� แล้วทุบ) ทกุ ครง้ั ควรผสมสารจับใบตามอัตราสว่ นทีแ่ นะนำ� การพ่นระยะแรกควรพน่ ตดิ ต่อกัน 3 คร้ังทกุ 3 วนั ในเวลาเชา้ หรอื เย็นเพอ่ื ลดจ�ำนวนแมลงทร่ี ะบาดจากนนั้ พ่นตามความ จำ� เปน็ แตต่ อ้ งหมน่ั ตรวจแปลงอยา่ งสมำ�่ เสมอเพราะโร ทโี นนมผี ลกำ� จดั แมลงในระยะ สน้ั การสกดั รากหางไหลทำ� ได้โดยแอลกอฮอล์ 95 % ใชผ้ งรากอัตรา 200-300 กรมั / 1 ลติ ร แชไ่ ว้ 7-10 วนั ทำ� การกรองและนำ� ไปเจอื จางน้ำ� กอ่ นใช้ที่ความเข้มขน้ 1-5 % ตามขนาดของแมลง การใช้น้�ำสกัดยังคงมีประสิทธิภาพในการก�ำจัดด้วงหมัดผักหลัง จากเก็บไวไ้ ด้ 20 วนั แต่น้ำ� จะเน่าส่งกลิน่ เหมน็ ฉะนั้นถ้าใชน้ �้ำสกดั ควรใชใ้ หห้ มดใน แต่ละคร้ัง ส่วนการใช้ แอลกอฮอล์สกัดแล้วเก็บไว้ในขวดสีชาสามารถเก็บไว้ได้นาน 8 เดือน 3.ไพรีทรัม มีสารไพรีทริน (Pyrethrine) เป็นสารก�ำจัดแมลงที่มีอยู่ใน ดอกไมต้ ระกลู เบญจมาศชนดิ หนง่ึ ปจั จบุ นั ปรมิ าณการผลติ ยงั ไมเ่ พยี งพอ จนกระทงั่ มี ผูส้ งั เคราะห์เลียนแบบสารนอ้ี อกมาจ�ำหนา่ ยเป็นการค้าแตม่ รี าคาสงู พชื น้ีไม่สามารถ ปลกู ไดท้ วั่ ไป จงึ ทำ� ใหไ้ มส่ ะดวกในการใชพ้ ชื นกี้ ำ� จดั แมลง สารนมี้ พี ษิ ตอ่ ระบบประสาท แมลง 4.สะเดามีสารอะซาดิแรกติน (Azadirachtin) เป็นสารท่ีพบในต้น สะเดา พบมากในสว่ นท่เี ป็นเมล็ด ให้ผลในการก�ำจัดแมลงหลายชนดิ สารนี้มีพิษตอ่ สัตว์เลือดอุ่นต่�ำและสลายตัวเร็วในสภาพแวดล้อม ออกฤทธ์ิแบบกินตาย มีผลยับยั้ง การลอกคราบของตัวอ่อน สะเดามีคณุ สมบตั ดิ ังนี้ เปน็ สารไล่เม่ือใช้เป็นประจ�ำ ท�ำให้ ไม่มแี มลงเขา้ มาในบริเวณท่มี ีสารสกัดสะเดา อตั ราที่ใช้ คอื เมล็ดสะเดาบด 700 กรมั น�ำไปแชน่ ำ้� 20 ลติ ร นาน 12-24 ช่วั โมง แล้วนำ� มากรองด้วยผ้าขาวบาง น�ำสารสกดั ทไ่ี ดม้ าผสมสารจบั ใบ ตามอตั ราทรี่ ะบไุ วข้ า้ งขวด แลว้ นำ� ไปฉดี ใหท้ ว่ั ตน้ พชื ทกุ 5-7 วนั ต่อคร้ัง ติดต่อกัน 3 คร้ัง จากน้ันเว้นการฉีดให้ห่างออกไปได้ขึ้นอยู่กับการระบาด ของแมลง กากที่เหลือน�ำไปหว่านลงดินแทนปุ๋ยและสามารถฆ่าแมลงในดินได้ แมลงศตั รูพชื ทใี่ ชส้ ารสกัดจากสะเดาก�ำจัดได้ผลดี เช่น หนอนใยผัก หนอนกระทผู้ กั หนอนหลอดหอม หนอนม้วนใบ หนอนแกว้ ส้ม หนอนกินใบพืช และตกั๊ แตนเปน็ ตน้ 5.เมล็ดนอ้ ยหน่า มสี ารแอนโนแนน (Annonane) เปน็ สารทีส่ ามารถใช้ กำ� จดั เพล้ยี อ่อน และเหาบนศีรษะไดผ้ ลดี วธิ ีการใช้ นำ� เมล็ดมาต�ำแลว้ แชน่ ำ้� ในอัตรา 40 กรมั /น้ำ� 1 ลติ ร หรอื 4 ขดี (400 กรัม) /น�้ำ 10 ลติ ร แชน่ าน 1 คืน จากนั้นนำ� มาฉดี พน่ กำ� จดั เพลย้ี ออ่ นซงึ่ มปี ระสทิ ธภิ าพสงู มากสามารถกำ� จดั เพลย้ี ออ่ นได้ 100 % ภายในเวลา 24 ช่วั โมง แต่ใชก้ ำ� จดั แมลงอืน่ ๆ ได้ผลไม่ดี 6 สถาบนั วิจยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
สนองงานอนั เนืองมาจากโครงการพระราชดำ� ริฯทีศ่ ูนย์พฒั นาพนั ธุพ์ ชื จักรพนั ธ์เพ็ญศิริ 6.เมล็ดมันแกว มีสารพาเซอร์ไรซิน (Pachyrrhizin) และโรทีโนน (Rotenone) เปน็ สารท่ีใช้กำ� จดั เพลย้ี ออ่ นได้ดี วธิ ใี ช้เช่นเดยี วกบั เมลด็ น้อยหนา่ 7.หนอนตายหยาก มีสารสเตโมนอล (Stemonal) เป็นสารท่ีได้จาก รากหนอนตายหยาก พชื สกลุ น้ีพบท่ัวไปทุกภาคของประเทศไทย มีลักษณะเป็นไม้ เลอื้ ย เถามเี นอ้ื แขง็ ใบเดยี่ วรปู หวั ใจ ในชว่ งฤดแู ลง้ ลำ� ตน้ บนดนิ จะโทรม พอเรมิ่ ฤดฝู น จงึ จะงอกออกมาใหมพ่ รอ้ ม ทง้ั ออกดอกขนาดเลก็ สขี าวหรอื สมี ว่ งแลว้ แตพ่ นั ธ์ุ ลำ� ตน้ ใต้ดนิ จะมีรากออกเป็นพวงสขี าวรปู กระสวย มีจำ� นวน 50-80 ราก แต่ละรากยาว 12-20 เซนติเมตร ในประเทศไทยมปี ระมาณ 8 ชนดิ ในดา้ นปศสุ ตั ว์ เกษตรกรใช้ รากหนอนตายหยากตำ� ละลายนำ�้ หยอดใสแ่ ผลโคและกระบอื ทม่ี หี นอนแมลงวนั ไซ อยจู่ ะ สามารถ ฆา่ หนอนไดด้ ี การใช้สารสกดั ที่ระดับความเขม้ ขน้ 50 % มผี ลกำ� จดั เหบ็ โค (Boophilus microplus L.) ระยะตวั ออ่ นได้ 100 % และกำ� จดั ตวั เตม็ วยั ได้ 93.3 % การใชร้ ากหนอนตายหยากสดและบดแห้งบดละเอียด อัตรา 9 % ผสม ในอาหารและมูลไก่สามารถยับย้ังพัฒนาการของหนอนแมลงวันท่ีเจริญเติบโตใน มูลไก่ได้ การใช้ประโยชน์ในการป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูพืชนั้น หนอนตายหยาก การใช้ในระดับเกษตรกร มีการน�ำรากสดมาทุบพอแหลกและแช่น้�ำท้ิงไว้ค้างคืน กรองเอาสว่ นนำ้� ไปเจอื จางผสมสมนำ้� อกี ครง้ั เพอื่ ใชฉ้ ดี พน่ นอกจากนน้ั ยงั ใชเ้ ปน็ สว่ น ผสมของนำ้� สกดั ชวี ภาพ ซงึ่ สว่ นผสมประกอบดว้ ย รากหนอนตายหยาก 15 กโิ ลกรมั กากนำ้� ตาล 15 กิโลกรัม ตะไคร้ท้งั ตน้ 5 กิโลกรมั และน�ำ้ 20 ลิตร 8.วา่ นนำ้� อาซาโรน (Asarone) เปน็ สารทไี่ ดจ้ ากตน้ วา่ นนำ�้ ทางภาคเหนอื เรียกว่า ฮางคาวน้�ำ ใช้ เหง้า 30 กรมั /นำ�้ 4 ลติ ร แช่ไว้ 1 คืนหรือตม้ นาน 45 นาที ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วน�ำไปฉีดพ่น สามารถขับไล่ผีเสื้อกลางคืน ก�ำจัดเพล้ียกระโดด สนี ำ้� ตาล มพี ษิ ตอ่ ระบบประสาทของแมลง มผี ล ในการดดู ซมึ เขา้ ไปในตน้ พชื บางสว่ น 9.ดีปลี ปิปเปอรร์ นิ (Piperine) เปน็ สารท่ไี ดจ้ ากผลของดีปลี น�ำมาสกดั ด้วยแอลกอฮอลจ์ ะไดผ้ ลดกี วา่ น้�ำ สามารถป้องกันแมลงได้หลายชนิด เชน่ เพลี้ยไฟ เพลย้ี จกั จน่ั แตย่ งั มฤี ทธอิ์ อ่ นกวา่ หางไหลและหนอนตายหยาก ถา้ จะใชค้ วรมคี วาม เขม้ ขน้ ประมาณ 5 % ขึน้ ไป หลงั จากที่สกดั ด้วยแอลกอฮอล์แลว้ สถาบนั วิจยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 7
คูม่ อื การปอ้ งกันก�ำจัดศัตรูพชื โดยไมใ่ ชส้ ารเคมี แมลงศัตรู แมลงศัตรทู ่ีส�ำคัญของพชื ตระกลู แตง(ฟักทอง ที่ส�ำคัญ แตงกวา บวบ ฟกั ) ของพชื ตระกลู แตง ในชว่ งการเจรญิ เตบิ โตของพชื ตระกลู แตงมศี ตั รพู ชื ทเ่ี ขา้ ทำ� ลายมคี วามสำ� คญั (ฟักทอง แตกต่างกันควรระมัดระวังและป้องกันก�ำจัดต้ังแต่เริ่มต้นจะช่วยให้พืชตระกูลแตงได้ แตงกวา ตามปกติ และให้ผลผลติ ไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ บวบ ฟัก) 1.ระยะกลา้ เปน็ ชว่ งทคี่ วรปอ้ งกนั การเขา้ ทำ� ลายของแมลงทกุ ชนดิ ซงึ่ มกั พบ ด้วงเต่าแตงทั้ง 2 ชนดิ คือ ดว้ งเต่าแตงดำ� และด้วงเต่าแตงแดง เข้าท�ำลายเป็นประจำ� โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ในฤดูอืน่ พบน้อยมากถา้ เปน็ ต้นกล้าท่เี พาะในถาดหลุม ต้งั แต่ งอกจนถึงย้ายปลูกส่วนมากไม่พบการเข้าท�ำลายของแมลง นอกจากพวกหอยทาก สามารถปอ้ งกนั ไดโ้ ดยวางถาดเพาะเมลด็ ใหส้ งู จากพน้ื ดนิ ประมาณ 50 เซนตเิ มตร และ โรยปนู ขาวไวเ้ ปน็ แนวทพี่ นื้ ดนิ ปอ้ งกนั อกี ชนั้ หนงึ่ ไมใ่ หห้ อยทากขนึ้ มากดั กนิ ตน้ กลา้ ได้ ถ้าเป็นฤดูฝนท�ำกรงมุ้งตาข่ายมุ้งลวดพลาสติกป้องกันด้วงเต่าแตงกัดกินต้นกล้าได้แต่ อาจไม่จ�ำเป็นถ้าไม่พบด้วงเต่าแตงเข้าท�ำลายต้องคอยสังเกตในแต่ละพื้นท่ี ส่วนการ หยอดเมลด็ ปลกู ในแปลงซงึ่ เกษตรกรสว่ นมากปลกู ในฤดฝู นมกั ประสบปญั หามดี ว้ งเตา่ แตงเขา้ ทำ� ลายกดั กนิ ใบจนหมด จำ� เปน็ ตอ้ งปอ้ งกนั กำ� จดั โดยเพม่ิ จำ� นวนเมลด็ ตอ่ หลมุ บางต้นที่ตายอาจถอนแยกออกไปเหลือต้นท่ีแข็งแรงไว้ การใช้สารสกัดจากหางไหล สามารถใช้ได้ต้องพ่นให้ถูกตัวต้องพ่นในช่วงท่ีแมลงเคล่ือนไหวช้า รวมกันเป็นกลุ่ม และสารสกัดนี้สลายตัวเร็วไม่มีผลป้องกันก�ำจัด ดังนั้นการพ่นไปท่ีต้นกล้าไม่สามารถ ปอ้ งกันการทำ� ลายของเต่าแตงไดน้ อกจากพน่ ถกู ตวั จะทำ� ใหแ้ มลงตายได้ รูปท่ี 1 ด้วงเต้าแตงแดง และดว้ งเตา่ แตงดำ� รูปที่ 2 ถาดเพาะเมลด็ ฟักทอง 8 สถาบนั วิจัยเทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
สนองงานอนั เนืองมาจากโครงการพระราชด�ำริฯท่ีศนู ย์พฒั นาพนั ธ์พุ ืชจักรพนั ธ์เพ็ญศริ ิ ส�ำหรับพ้ืนที่ที่มีการระบาดรุนแรง ต้นกล้าฟักทองถูกท�ำลายทุกคร้ังหลัง 9 จากงอกข้ึนมาอาจจ�ำเป็นต้องใช้กับดัก โดยก่อนปลูกฟักทองประมาณ 1 เดือน ท�ำการเพาะเมล็ดแตงชนิดอื่นท่ีหาได้ง่ายและไม่ได้ซ้ือมา ท�ำเป็นแปลงเพาะขนาด 1x 2 เมตร หลงั จากพชื งอกขนึ้ มาคอยสงั เกตการเข้าท�ำลายของดว้ งเตา่ แตง และ ใชส้ วงิ จบั ตวั เตม็ วยั มาทำ� ลายทกุ วนั จนกวา่ จะถงึ ชว่ งทต่ี อ้ งการปลกู ฟกั ทองจะทำ� ให้ ลดการระบาดของดว้ งเต่าแตงในฤดูปลกู ฟักทองได้ 2.ระยะการเจรญิ เตบิ โต หลงั จากยา้ ยกลา้ ปลกู ไปแลว้ ในชว่ งแรกตอ้ งคอย ติดตามการเขา้ ท�ำลายของด้วงเต่าแตงถ้ามีต้องรบี ป้องกันก�ำจดั เมื่อตน้ ฟกั ทองเรม่ิ มใี บจรงิ 3-5 ใบ ในชว่ งฤดฝู นพบแมลงปากเจาะดดู (เพลย้ี ชนดิ ตา่ ง ๆ รวมทง้ั เพลย้ี ไฟ) มนี อ้ ยกวา่ ในฤดแู ลง้ และการเจรญิ เตบิ โตของฟกั ทองในฤดฝู นเปน็ ไปไดด้ กี วา่ จงึ ไมม่ ี ปญั หาเกยี่ วกบั เพลยี้ เขา้ ทำ� ลาย ยกเวน้ บางปถี า้ ฝนทง้ิ ชว่ งมกั พบเพลย้ี ออ่ น และเพลยี้ ไฟเขา้ ทำ� ลายเปน็ บางครงั้ โดยภาพรวมในชว่ งฤดฝู นพบแมลงศตั รเู ขา้ ทำ� ลายนอ้ ยมาก แต่ตอ้ งเฝา้ ระวังด้วงเต่าแตงกับแมลงวันแตงซ่ึงอาจสร้างปญั หาไดบ้ า้ งเปน็ บางคร้งั ในชว่ งฤดแู ลง้ ตงั้ แตเ่ ดอื น พฤศจกิ ายน เปน็ ตน้ ไปมแี มลงระบาดหลายชนดิ เชน่ เพลยี้ ออ่ น มกั พบในชว่ งปลายฤดฝู นตน้ ฤดหู นาวจนถงึ ฤดรู อ้ น การปลกู ในสภาพ โรงเรือนพบว่าท�ำให้เพล้ียอ่อนระบาดได้ง่ายเพราะมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การปอ้ งกนั กำ� จดั สามารถใชส้ ารสกดั จากยาสบู ปอ้ งกนั กำ� จดั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยใชอ้ ัตราสว่ น ยาสูบ 2 ขีด แชน่ ้ำ� 20 ลติ ร ทงิ้ ไว้ 1 คืน ผสมสารจับใบพน่ ให้ถกู ตัวเพลี้ยอ่อนทีอ่ ยู่ใตใ้ บ โดยพ่น 2 ครั้ง ห่างกนั 3 วนั สามารถกำ� จดั เพลยี้ ออ่ นไดด้ ี การระบาดของเพล้ียอ่อนบางครั้งจะระบาดร่วมกับเพล้ียไฟโดยเฉพาะใน สภาพความช้ืนในอากาศมีน้อยและมีอุณหภูมิสูง การป้องกันก�ำจัดเพล้ียไฟท�ำได้ ยากกว่าเพล้ียอ่อนเพราะเป็นแมลงที่มีขนาดเล็กมากมีการเคลื่อนๆไหวได้รวดเร็ว ลกั ษณะการทำ� ลายของเพลี้ยไฟทำ� ใหใ้ บแตงแห้งกรอบจากขอบใบเข้ามา ต้นแคระ แกรน็ ถา้ มกี ารปลกู แตงในชว่ งฤดแู ลง้ ควรตรวจแปลงอยา่ งสมำ่� เสมอถา้ พบเหน็ เพลยี้ ไฟบนใบแตงทุกต้น และใบแตงเริม่ มีอาการแหง้ กรอบจากขอบใบเลก็ นอ้ ย ต้องรบี ป้องกันก�ำจัดใช้สารสารสกัดจากดีปลีพ่นใต้ใบแตงหลังจากพ่นแล้ว 3 วัน ทดลอง ตรวจนบั จำ� นวนเพล้ียไฟอกี คร้ังถา้ ยังพบเห็นตวั เพลยี้ ไฟอยตู่ อ้ งพน่ ซำ�้ อกี ครง้ั ส�ำหรับหนอนชอนใบแตงเป็นแมลงที่ท�ำความเสียหายได้มากถ้าระบาด ในชว่ งระยะกลา้ ต้นกล้าแตงจะแคระแกรน็ ไมเ่ จริญเตบิ โต การปอ้ งกนั ก�ำจัดท�ำได้ 2 ระยะคือ ก่อนปลูกควรดึงดูดแมลงวันตัวหำ�้ เข้ามาอยู่ในแปลงก่อนท่ีจะปลูกแตง ประมาณ 15 วันโดยใช้ร�ำข้าวผสมคลุกกับดินที่ท�ำเป็นแปลงขนาด 0.5X1 เมตร แล้วรดน�้ำให้เชื้อราเกิดขึ้น ต่อมาจะมีแมลงวันมากินเชื้อรานั้น แมลงวันกินเช้ือรา จะเปน็ ตวั ดงึ ดดู แมลงวนั ตวั หำ�้ เขา้ มาได้ และแมลงวนั ตวั หำ�้ นจ้ี ะชว่ ยจบั กนิ ตวั เตม็ วยั ของแมลงวันหนอนชอนใบในพ้ืนท่ีนั้นด้วย ท�ำให้ประชากรของแมลงวันหนอน ชอนใบลดลง จนอาจไม่ก่อให้เกิดปัญหากับพืชตระกูลแตงที่จะปลูกในช่วงเวลา ต่อมา หลังปลกู พน่ สารสกดั จากหางไหลหรอื ดีปลตี ามความจ�ำเป็น แมลงวันแตงเป็นแมลงวันท่ีท�ำลายผลแตงต้ังแต่เริ่มติดผลโดยเพศเมีย มาวางไข่ไว้ในผลท�ำให้ผลแตงเป็นแผลเจริญผิดรูปร่างบางคร้ังเน่าเสียและร่วงหล่น โดยเฉพาะผลแตงที่มีผิวบาง เช่น แตงกวา แคนตาลปู และแตงโม สว่ นฟกั มองพบ เข้าท�ำลายเป็นบางครั้ง การป้องกันก�ำจัดคอยตรวจดูในระยะที่ติดผลถ้าพบมีการ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
ค่มู ือการปอ้ งกนั กำ� จัดศตั รพู ชื โดยไม่ใชส้ ารเคมี เขา้ ทำ� ลายเลก็ นอ้ ยควรนำ� ลกู เหมน็ ใสถ่ งุ ผา้ เลก็ ๆ มาวางไวใ้ กล้ ๆ ผลแตงวางเปน็ ระยะ เพ่อื ไลแ่ มลงวนั แตงไม่ใหเ้ ขา้ มาวางไข่ หรือพน่ สารสกัดจากหางไหลทกุ สามวัน 3.ระยะผลแก่ใกล้เก็บเก่ียว เป็นช่วงที่ผลฟักทองเจริญเติบเต็มท่ีมีเปลือก แข็งพอสมควร และภายในผลมีเมล็ดท่ีสมบูรณ์ส่วนมากพบเส้ียนดินเป็นแมลงที่มี ลกั ษณะคลา้ ยกบั มดเจาะผลและกดั กนิ อยภู่ ายใน ทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายตอ่ ผลผลติ ได้ การป้องกันก�ำจัดถ้าเป็นพื้นทีใหม่จ�ำเป็นต้องเตรียมแปลงให้ดีก่อนปลูกเพื่อท�ำลาย รังที่อยู่ใต้ดิน ฟักทองหลังจากติดผลและเจริญเติบโตมีขนาดใหญ่ควรใช้ไม้ไผ่รองรับ ผลฟักทองไมใ่ ห้สัมผสั ดนิ เปน็ วิธีหนง่ึ ท่ีสามารถป้องกนั การเข้าทำ� ลายของเส้ยี นดินได้ ในบางพน้ื ทอี่ าจมหี นเู ขา้ ทำ� ลายผลฟกั ทองไดโ้ ดยเฉพาะเมลด็ ฟกั ทองหนชู อบ กินมาก การป้องกันก�ำจัดควรก�ำจัดวัชพืช ดูแลแปลงให้สะอาดและวางกับดักต้ังแต่ เริ่มปลูกฟักทอง และทำ� ลายแหล่งทีอ่ ยู่อาศัยของหนใู นบรเิ วณใกล้เคยี ง สรุป ศตั รูพืชตระกูลแตงและการป้องกันก�ำจัดมดี ังน้ี 1.ระยะกล้า 1. 1 ด้วงเต่าแตงแดง (Squash beetle) Aulacophora indica (Gmelin) 2. 2 ด้วงเต่าแตงด�ำ (Black cucurbit beetle) Aulacophora 3. 3 ด้วงเต่ามะเขือ (Leaf eating ladybird beetle) Epilachna vigintioctopunctae (F.) รูปที่ 3 ด้วงเตา่ แตงแดง ด้วงเตา่ แตงดำ� และดว้ งเต่ามะเขือ การปอ้ งกนั ก�ำจดั • ระบาดมากในช่วงฤดูฝน ใช้พืชกับดักเก็บตัวเต็มวัยท�ำลายด้วยสวิงจับแมลง ทุกวัน หรือพ่นด้วยสารก�ำจัดแมลงเฉพาะบนพืชกับดักก่อนปลูกประมาณ 15-30 วนั • พน่ ดว้ ยสารสกัดจากหางไหล อัตรา อตั รา 300 กรมั ต่อนำ�้ 20 ลติ ร พน่ ให้ ถูกตัวแมลงในชว่ งเช้า 10 สถาบนั วิจยั เทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
สนองงานอันเนอื งมาจากโครงการพระราชด�ำรฯิ ท่ีศนู ย์พฒั นาพนั ธพุ์ ชื จักรพนั ธ์เพญ็ ศริ ิ 2.ระยะเจริญเติบโตและติดผล 2.1 เพล้ยี อ่อนแตง (Cotton aphid, Melon aphid) Aphis gossypii Glover รปู ท่ี 4 เพลยี้ ออ่ นแตง การปอ้ งกันกำ� จดั • สารสกดั จากยาสบู ใชอ้ ตั รา 200 กรัมตอ่ น�ำ้ 20 ลติ ร แชไ่ ว้ 1 คนื • สารสกัดจากเมล็ดน้อยหนา่ ใช้อตั รา 40 กรัมตอ่ น�ำ้ 1 ลิตร (หรือ 1 ก�ำมอื ต�ำให้แตกละเอยี ดแช่น้�ำ 1 คนื หรืออยา่ งน้อย 3 ช่ังโมง) 2.2 เพลยี้ ไฟ Haplothrips floricola Priesner และThrips palmi Karny รปู ที่ 5 เพลยี้ ไฟแตง การป้องกนั ก�ำจัด • สารกำ� จัดแมลงเซฟวิน อัตรา 20-40 กรัมต่อนำ้� 20 ลติ ร พน่ ให้ทั่วทั้งบนและ ใตใ้ บ ในระยะท่ฝี นทิ้งช่วงหรอื มกี ารระบาด สถาบันวจิ ยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 11
ค่มู อื การปอ้ งกันกำ� จดั ศัตรพู ืชโดยไม่ใชส้ ารเคมี 2.3 แมลงวนั หนอนชอนใบ Liriomyza sativae รูปท่ี 6 ลักษณะการท�ำลายของหนอนชอนใบ การป้องกันก�ำจัด • ดึงดดู แมลงวันตัวหำ้� เขา้ ท�ำลาย • พ่นสารก�ำจัดแมลงท่ีมีฤทธิ์ถูกตัวตายก�ำจัดตัวเต็มวัย 1 คร้ัง หลังย้าย ปลุก 20-30 วัน ผสมสารก�ำจัดแมลงท่ีมีฤทธิ์ดูดซึมก�ำจัดหนอนท่ีอยู่บนใบ (ถา้ พบมกี ารระบาด) 2.4 หนอนกระทูผ้ กั Spodoptera litura (F.) รูปท่ี 7 หนอนกระทู้ผัก การปอ้ งกันกำ� จดั • พบระบาดเปน็ บางครง้ั เกบ็ ตวั หนอนทำ� ลาย ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งใชส้ ารเคมใี ด ๆ และ มกั พบมศี ตั รธู รรมชาตคิ อยควบคมุ ประชากรไมใ่ หม้ มี ากในแปลงพชื ตระกลู แตง 2.5 หนอนฟัก Diaphania intica (Saunders) รูปที่ 8 หนอนฟัก 12 สถาบนั วจิ ัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
สนองงานอันเนอื งมาจากโครงการพระราชดำ� ริฯทศี่ นู ย์พัฒนาพนั ธุ์พชื จกั รพันธเ์ พญ็ ศริ ิ การปอ้ งกันกำ� จัด • พบระบาดเป็นบางครั้งเก็บตัวหนอนทำ� ลาย ไม่จ�ำเป็นต้องใช้สารเคมีใด ๆ และมักพบมีศัตรูธรรมชาติคอยควบคุมประชากรไม่ให้มีมากในแปลงพืช ตระกูลแตง 2.5 แมลงวันแตง Bactrocera cucurbitae (Coquillett) รปู ที่ 9 แมลงวนั แตง การป้องกันกำ� จดั • ถา้ เปน็ มะระ ฟกั แคนตาลูป ควรหอ่ ผล ถา้ เป็นแตงโม ฟกั ทอง ควรใช้ลกู เหม็นใส่ถุงผ้าไวใ้ กล้ ๆ ผลเพอื่ ไลแ่ มลงวนั แตงไมใ่ หม้ าวางไขท่ ผี่ ล 3.ระยะผลแก่ใกล้เกบ็ เกีย่ ว 3.1เสย้ี นดนิ (Subteraneon ant ) Dorylus orientalis Westwood รปู ท่ี 10 เสี้ยนดนิ การปอ้ งกนั กำ� จดั • ควรรองก้นผลฟกั ทองไมใ่ ห้สมั ผัสดนิ • เตรียมพน้ื ทใ่ี หด้ ี ทำ� ลายรงั ท่ีอยู่ใต้ดินกอ่ นปลกุ ฟกั ทอง • ใช้กะลามะพร้าวที่ยังคงมีเน้ือมะพร้าวติดอยู่บ้างเป็นกับดักเก็บตัวท�ำลาย ทุกวัน (วางคว�ำ่ ไว้ตามพืน้ ดนิ ท่มี กี ารระบาด) สถาบนั วิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 13
คมู่ อื การปอ้ งกันก�ำจดั ศตั รพู ืชโดยไม่ใช้สารเคมี โรคพืช โรคพชื การป้องกันกำ� จดั โดยไม่ใช้สารเคมี การ ปอ้ งกนั 1.โรคเหีย่ ว ของพริก มะเขือ เชื้อสาเหตุ กำ� จัด 1.1 เช้ือสาเหตุ:เกิดจากเช้ือแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum (Bacterial โดยไมใ่ ช้ Wilt Disease) สารเคมี 1.2 เช้ือรา Sclerotium spp.ท�ำลายส่วนรากและโคนต้น ระดับดิน ถ้าเป็นใน ระยะกล้าอาการจะคล้าย damping-off ส่วนในต้นโตจะเกดิ อาการใบเหลือง เหี่ยว ใบลว่ ง แคระแกร็น หยุดการเจริญเติบโต ที่โคนต้นพบเส้นใยของเช้ือราเจริญเป็นเม็ดกลมๆสีขาว รอบโคนตน้ (สารเคมี เทอราคลอร์ ฟอร์มาลดไี ฮด์ ราดลดลงไปในดนิ น้ันยบั ยั้งการระบาด) 1.3 เชอ้ื รา Fusariumoxy sporumท�ำลายส่วนรากและโคนต้น ระดบั ดิน ถ้าเป็น ในระยะกล้าเรยี ก damping-off ส่วนในต้นโตจะเกิดอาการใบเหลือง เหี่ยว ใบลว่ ง แคระ แกรน็ หยดุ การเจรญิ เตบิ โต เม่อื ถอนตน้ ขึน้ ดจู ะพบว่าระบบรากถกู ท�ำลายหลดุ ลอ่ นขาดกุด การปอ้ งกันกำ� จัด : 1. ควรหลีกเลีย่ งพน้ื ทที่ ม่ี กี ารแพร่ระบาดของโรค 2. ก่อนปลูกควรท�ำการพลิกหน้าดินและตากดินเพื่อให้แสงอาทิตย์ท�ำการฆ่าเช้ือโรค เบ้อื งตน้ 3. ใช้เช้ือราไตรโคเดอร/์ ใบมะรมุ มารองกน้ หลมุ กอ่ นปลกู 2. เชื้อสาเหตเุ กดิ จากรา Colletotrichum spp. การป้องกันก�ำจดั : 1. เมล็ดพันธ์คุ วรเกบ็ จากแปลงที่ไม่เป็นโรคมากอ่ น 2. ก่อนปลูกควรท�ำ seed treatment เช่น hot water treatment ใช้อุณหภูมิ 50-52°ซ. นาน 30 นาที 3. ใช้โบโดมิกเจอรพ์ น่ เปน็ ประจำ� 4. ใชส้ ารสกัดจากใบพลแู ละทองพนั ช่ังพน่ เปน็ ประจำ� 3. ราแป้ง Powdery mildew สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อรา Oidiopsis sp. หรือ Oidium sp.ใช้น�้ำมัน อบเชยผสมTween พ่นเปน็ ระยะ 4. โรคราน�้ำคา้ ง (Downy mildew) หรอื โรคใบลาย เกิดจากเชอื้ Psudoperonospora cubensis ใช้พันธ์ตุ า้ ทาน ใช้ใช้โบโดมกิ เจอร์ พ่นเปน็ ประจ�ำ 5.โรคใบไหมม้ ะเขอื เทศ (Late blight.) สาเหตุของโรค เกิดจากเช้ือรา Phytophthora infestans. การป้องกันก�ำจัดใช้ โบโดมิกเจอร์พ่นเปน็ ประจำ� 6.โรคไวรัสฟักทอง มเี พล้ียอ่อน เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทจ่ี ะนำ� พาเอาไวรสั มา จงึ ควรกำ� จดั แมลงจำ� พวกปากดดู กอ่ นระบาด 14 สถาบนั วิจัยเทคโนโลยเี กษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
สนองงานอนั เนืองมาจากโครงการพระราชด�ำรฯิ ท่ีศนู ย์พฒั นาพันธ์ุพชื จกั รพนั ธเ์ พ็ญศิริ การปอ้ งกนั กำ� จดั โรคพชื การสกดั ดว้ ยนำ้� อยา่ งงา่ ย ส�ำหรับเกษตรกร การใช้น้�ำสกัดต้องใช้พืชสามชนิดผสมกันได้แก่ใบทองพันชั่ง รากหางไหล และ ใบพลู จึงทำ� ให้มปี ระสทิ ธิภาพมากกวา่ สตู รอ่นื ๆ วิธกี าร น�ำสว่ นทีเ่ ป็นใบสดของทองพันชั่ง รากหางไหลสด และใบพลสู ด แตล่ ะพชื หน่ั ใหเ้ ปน็ ชน้ิ เลก็ ๆเพอ่ื ความสะดวกในการตำ� หรอื ทบุ ใหล้ ะเอยี ดและนำ� ไป หมกั ในนำ้� นาน1คนื ทำ� การกรองและนำ� ไปใชไ้ ดท้ นั ทอี าจใสฝ่ กั สม้ ปอ่ ยลงไปในชว่ งที่ แช่ในน้�ำเพ่ือเวลาพ่นสารสกัดท�ำให้น้�ำเปียกใบพืชได้ดีข้ึน อัตราส่วนการใช้ตัวอย่าง พชื สดแตล่ ะชนดิ อย่างละ 20 กรัมแช่ในน�้ำ 100 ซีซี การสกดั สารจากใบทองพนั ชัง่ รากหางไหล ใบพลสู ดด้วยน�ำ้ อยา่ งง่ายส�ำหรับ เกษตรกร ตวั อยางพืชใบทองพนั ช่งั ตวั อยา งพืชสดห่นั เปน ชิ้นเล็กๆ ทำใหละเอยี ด อยางละ 200 กรัม การ รากหางไหล ใบพลสู ด + นำ้ 1 ลติ ร แช 1 คืน x (แชฝกสมปอ ย1ฝก ทต่ี ำหรอื ทบุ /นำ้ 1ลติ ร ถาม)ี ปอ้ งกนั ก�ำจัด กาก กรอง สารสกดั จากพืช โรคพชื การสกดั ปุยหมัก นำไปใชในแปลงพรกิ ด้วยนำ้� ของเกษตรกร อย่างงา่ ย พนทกุ สาม-สี่วนั สำ� หรบั ชว งพรกิ เร่ิมตดิ ผล เกษตรกร สถาบันวจิ ยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา 15
คมู่ อื การปอ้ งกนั กำ� จดั ศัตรูพืชโดยไม่ใชส้ ารเคมี วิธีการ วธิ ีการสกัดสารจากดปี ลแี ละพชื อ่ืนๆ สกัดสาร จากดปี ลี และพืช ได้แก่ หนอนตายหยาก รากหางไหล พริกไทย เร่ิมต้นจาก น�ำดีปลีและพืชอื่นๆ อ่ืนๆ มาห่ัน จากน้ันน�ำช้ินส่วนท่ีห่ันน้ีไปท�ำการตากแห้งโดยตากในที่ร่ม และท�ำการบดให้ ละเอยี ด จากนนั้ แช่ เอทานอล 95% เปน็ เวลา 5 วนั จงึ ทำ� การกรองเอาสว่ นใสมาระเหย เอทานอลออก 50% จะได้เป็น สารสกัดดีปลีและสารสกัดจากพืชเพื่อใช้ในการก�ำจัด แมลงจำ� พวกหนอนผีเสอื้ และแมลงอ่ืนๆ ตงั อยางพืช หนั่ ตากแหง ระเหย 50% แช 95% ethanol 5 days บด นำไปทดสอบกบั คัดเลอื กสูตร อายุการเกบ็ แมลงแตล ะชนดิ ทีมปี ระสทิ ธภิ าพ ไปใชในแปลงเกษตรกร ต้นหางไหลทปี่ ลูกในถังปูน รากหางไหลอายุ 18 เดอื น สารสกัดพืชสกัดด้วยAl เช่น D1รากหางไหล D2รากหางไหลและยาสบู D3 หางไหลและหนอนตายหยาก D4หางไหลและดีปลี 16 สถาบันวิจัยเทคโนโลยเี กษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
สนองงานอนั เนืองมาจากโครงการพระราชด�ำริฯท่ศี นู ยพ์ ฒั นาพันธุพ์ ืชจักรพนั ธเ์ พญ็ ศริ ิ ตารางสรุปการป้องกันกำ� จัดศตั รูพืชท่ปี ลอดภัย สถาบนั วจิ ัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 17
คมู่ ือการปอ้ งกันกำ� จดั ศตั รูพืชโดยไมใ่ ช้สารเคมี หนอนกะหล�่ำPieris canidia (L.) 18 สถาบันวิจัยเทคโนโลยเี กษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา
สนองงานอันเนืองมาจากโครงการพระราชดำ� ริฯทศ่ี ูนยพ์ ัฒนาพนั ธ์พุ ืชจกั รพนั ธเ์ พ็ญศริ ิ สถาบนั วจิ ยั เทคโนโลยีเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา 19
คมู่ อื การปอ้ งกันกำ� จัดศตั รพู ชื โดยไม่ใช้สารเคมี 20 สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: