Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แตงกวา: แตงกวาพันธุ์คัดเลือกใหม่ พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

แตงกวา: แตงกวาพันธุ์คัดเลือกใหม่ พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

Published by RMUTL Knowledge Book Store, 2020-07-02 23:22:24

Description: แตงกวาเป็นพืชต่างถิ่นที่มาจากประเทศอินเดียแต่กลับเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยในทุกระดับจึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจและพืชพื้นถิ่นที่มีความสำคัญในลำดับต้นๆ

แตงกวาพันธุ์คัดเลือกใหม่เก็บรวบรวม พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์แตงกวากว่า 16 สายพันธฺุ์ เป็นพันธุ์ผลสั้น 8 สาย พันธุ์ผลยาว 8 สายพันธุ์จนได้พันธุ์ที่มีความเหมาะสมแก่การขยายพันธุ์เป็นพันธุ์คัดใหม่คือ CMS1

Keywords: แตงกวา,แตงกวาพันธุ์คัดเลือกใหม่,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

Search

Read the Text Version

ค�ำน�ำ แตงกวาเปน็ พชื ตา่ งถน่ิ ทมี่ าจากประเทศอนิ เดยี แตก่ ลบั เปน็ ทนี่ ยิ มในหมคู่ นไทยในทกุ ระดบั จงึ ถอื เปน็ พชื เศรษฐกจิ และพืชพ้นื ถนิ่ ที่มีความสา� คญั ในล�าดบั ต้นๆ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริและ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาจึงให้ความ ส�าคัญในการเก็บรวบรวมเพื่อพัฒนาและปรับปรุงพันธุ ์ ทา� ใหไ้ ดม้ าซงึ่ พนั ธแ์ุ ตงกวากวา่ ๑๖ สายพนั ธ ์ุ เปน็ พนั ธผ์ุ ล สน้ั ๘ สาย พนั ธผ์ุ ลยาว ๘ สายพนั ธแ์ุ ละไดพ้ นั ธท์ุ ม่ี คี วาม เหมาะสมแก่การขยายพันธุ์เป็นพันธุ์คัดใหม่คือ CMS๑ ซึง่ ศูนยจ์ ักรพันธ์ฯจะไดน้ า� ทลู เกล้าถวายฯต่อไป มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา

สำรบัญ หน้า เรือ่ ง ๒ ๓ ความสา� คัญของแตงกวา ๓ ถนิ่ กา� เนดิ ของแตงกวา ๕ ลักษณะทางพฤกษศาสตร ์ ๖ การจ�าแนกแตงกวา ๗ ลกั ษณะประจ�าพนั ธ์ขุ องแตงกวาพนั ธ์ ุ CMS 1 ๑๐ สภาพแวดลอ้ มในการปลกู แตงกวา ๑๒ แมลงศตั รูแตงกวา ๑๔ โรคแตง ๑๕ การเกบ็ เก่ียว ๑๖ ผังการปลกู ๑๙ ภาคผนวก อ้างอิง



แตงกวำ ความสา� คัญของแตงกวา แตงกวา เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับแตงโม ฟกทอง บวบ มะระ น้�าเตา้ ซึ่งมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายท่วั ทกุ ภาคของประเทศ มีอายุตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเก่ียวส้ัน โดย ใช้เวลาเพียง ๓๐-๔๕ วันหลังจากปลูกเม่ือเปรียบเทียบ รายได้จากการปลูกแตงกวากับพืชอืน่ ๆ ห ล า ย ช นิ ด แล้ว แตงกวาเป็นพืชหน่ึงท่ีสามารถท�ารายได้ดีทีเดียว ส�าหรบั ในแง่ของผู้บรโิ ภคแลว้ แตงกวาท่ีสามารถน�า ไปปรงุ อาหารไดม้ ากมายหลายชนดิ เช่น การนา� ไปแกงจืด ผัด จ้ิมน้�าพริก หรืออาจแปรรูปเป็นแตงกวาดอง จะเห็น ได้ว่าแตงกวาเป็นพืชท่ีเข้ามามีบทบาทต่อการค้าท้ังในและ ต่างประเทศ ๒

ถิ่นก�าเนิดของแตงกวา แตงกวา มีถิ่นกา� เนิดในประเทศอนิ เดียมกี ารบันทกึ ประวัติการปลูกมากกว่า ๓,๐๐๐ ปและมีการปลูกใน ประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อก่อน ๒,๐๐๐ป โดยน�าผ่านเอเซียกลางและตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ในศตวรรษท ่ี ๖ ไดน้ า� ไปปลกู ในประเทศจนี โดยสนั นษิ ฐาน วา่ ได้น�าเขา้ ประเทศจนี สองทาง คือ เส้นทางสายไหม โดยผ่านประเทศในเอเชียตะวัน ออกไปภาคเหนือของประเทศจีน ส่วนอีกเส้นทางโดย ผ่านประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ พม่า ไทย ลาว ไปสูท่ างภาคใตข้ องประเทศจีนในศตวรรษท่ี ๙-๑๔ ได้น�าไปปลูกในทวีปยุโรปและได้รับการ พัฒนาพันธุ ์ต้นศตวรรษที่ ๑๙ ได้รับการพัฒนาพันธุ์ให้ เหมาะสมต่อการปลูกได้ในโรงเรือนศตวรรษที่ ๑๕-๑๖ ได้นา� ไปปลกู ในทวปี อเมริกากลางและอเมริกาเหนอื และ ได้รับการพัฒนาพันธุ์อย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ต้ังแต่ต้นศตวรรษท่ี๑๙ ปจจุบันแตงกวาเป็นผักที่นิยม บรโิ ภคทั่วโลกทงั้ ในสภาพการบริโภคสดและแปรรปู ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ แตงกวา มีจา� นวนโครโมโซม ๒n = ๑๔ เปน็ พชื ผสมข้ามตามธรรมชาติโดยอาศัยลม และแมลง แตพ่ บอตั รา การผสมตวั เอง ๑ – ๔๗ เปอร์เซ็นต์ โดยธรรมชาติมีดอกเพศผู้และดอกเพศเมยี แยกดอกแต่อยู่ภายในตน้ เดยี วกัน เปน็ พชื ฤดเู ดยี ว เถาเลอ้ื ยหรือขึ้นคา้ ง ระบบราก เปน็ ระบบรากแก้ว (tap root system) รากแขนงเป็นจา� นวนมาก รากสามารถแผ่ทางด้านกวา้ ง และหยั่งลงได้ลึกถึง ๑ เมตร ลกั ษณะดอกแตงกวา ลักษณะต้นและใบแตงกวา ๓

ลา� ตน้ เปน็ เถาเลอ้ื ยเปน็ เหลยี่ ม มขี นขนึ้ ปกคลมุ ทวั่ ไป มีขอ้ ยาว ๑๐ – ๒๐ ซม. มอื เกาะเกิดออกมาตามข้อโดย สว่ นปลายของมอื เกาะไมม่ กี ารแตกแขนงเปน็ หลายเสน้ ใบ มกี า้ นใบยาว ๕ – ๑๕ ซม. ใบหยาบมีขนใบมมี มุ ใบ ๓ – ๕ มมุ ปลายใบแหลม ใบใหญแ่ บบ palmate มเี สน้ ใบ ๕ – ๗ เส้น ดอกเพศเมียเป็นดอกเด่ียวเกิดจากบริเวณมุมใบหรือ ข้อมีกลีบเล้ยี งสีเขยี ว ๕ กลบี กลบี ดอกสีเหลือง ๕ กลีบ รังไข่มีลักษณะกลมยาว ๒ – ๕ ซม. มีปุ่มนูนของหนาม และขนชัดเจนส่วนของยอดเกสรตัวเมียมี ๒ – ๕ แฉก ส่วนดอกเพศผู้อาจเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อ มีกลีบเล้ียง และกลบี ดอกเหมอื นดอกเพศเมยี ละอองเกสรตัวผ้ ู ๓ อัน และมกี ้านชเู กสรสั้นๆ ดอกเพศเมยี และดอกเพศผู้บานใน ตอนเช้าและพร้อมรับการผสมเกสรดอกจะหุบตอนบ่าย ภายในวันเดยี วกนั การเกดิ ดอกตวั เมยี นนั้ ขนึ้ อยกู่ บั ชว่ งแสงและอณุ หภมู ิ กล่าวคือ จะเกิดดอกตัวเมียมากกว่าดอกตัวผู้ ในสภาพ ช่วงแสงสัน้ และมอี ณุ หภมู กิ ลางคืนต�่า ซึ่งตรงกบั ฤดหู นาว ของเมืองไทย ผลของแตงกวา มีลกั ษณะกลมยาวทรงกระบอก ความยาวผลระหว่าง ๕ – ๔๐ ซม. มีไส้ภายในผลและ ในปจจุบันพันธุ์การค้าในต่างประเทศมีการปรับปรุง พันธุ์ท่ีสามารถติดผลไม้ โดยไม่ได้รับการผสมเกสร (parthenocarpic type) โดยภายในผลไมม่ ไี ส้ เนอ้ื กรอบ และนา�้ หนกั ตอ่ ผลสงู นยิ มทง้ั บรโิ ภคผลสดแปรรปู สผี ลมสี ี ขาว เขยี วออ่ น เขยี ว และเขียวเข้มด�า สีหนามสขี าว แดง น้า� ตาล และด�า ลกั ษณะการเกิดผล ๔

การจ�าแนกแตงกวา แตงกวาสามารถจ�าแนกได้ตามประโยชน์การใช้สอย ดังน้ี ๑.พันธ์สุ ำ� หรบั รบั ประทำนสด เปน็ พันธทุ์ ่มี ีเนอ้ื บาง ๒.พันธุ์อุตสำหกรรม เป็นพันธุ์ท่ีมีเนื้อหนา ไส้เล็ก และไสใ้ หญ ่ สเี ปลอื กเปน็ สเี ขยี วออ่ น ผลมนี า�้ หนกั มากเปน็ บางพันธุ์ก็ไม่มีไสเ้ ลย เปลอื กสีเขยี วเข้ม เม่อื นา� ไปดองจะ พนั ธท์ุ ม่ี ที ง้ั ผลเลก็ และผลใหญ่ เมอ่ื ผลยงั ออ่ นอยจู่ ะมหี นาม คงรูปร่างได้ดี ไม่ค่อยเห่ียวย่น แตงกวาพันธุ์น้ีมักจะเป็น เต็มไปหมด แต่เมอ่ื โตเต็มท่หี นามจะหลดุ ออกเอง พนั ธร์ุ ับ ลูกผสม ผลมกั มีรูปรา่ งผอมยาว ซ่งึ แบง่ ตามขนาดได ้ ดงั นี้ ประทานสดนีไ้ มเ่ หมาะกับการนา� ไปดอง ๒.๒ แตงผลยำว (long cucumber) เปน็ แตงชนดิ แตงกวารับประทานสดแบ่งตามขนาดของผลน้ัน ทใ่ี ชท้ า� แตงดองของญปี่ นุ่ และจนี ซงึ่ จะตอ้ งมคี วามยาวผล แบ่งได้เป็น ๒๐ -๓๐ ซม. และมีความกวา้ งผล ๒– ๓ ซม. มเี นื้อหนา ไสแ้ คบผวิ สเี ขยี วเขม้ ตลอดความยาวของผล มกั ใชด้ องโดย ๑.๑ แตงผลยำว (long cucumber) ทร่ี ู้จักกันใน มกี ารใช้น้า� ปรุงรสดว้ ยส่วนผสมของซีอ๊วิ ช่อื ของแตงร้าน ซง่ึ มคี วามยาวผลอยา่ งนอ้ ย ๑๕ ซม. และ มคี วามกว้างผลมากกวา่ ๒.๕ ซม. ส่วนใหญ่จะมีเน้อื หนา ๒.๓ แตงผลสน้ั (shot cucumber) เปน็ แตงชนิด ไสแ้ คบ กรณที เ่ี ปน็ พนั ธข์ุ องไทยนน้ั จะมสี ผี ลสเี ขยี วแกต่ รง ทใี่ ชท้ า� แตงดองของสหรฐั อเมรกิ าและยโุ รป ซง่ึ มคี วามยาว ส่วนใกล้ข้ัวผลประมาณ ๑/๓ ของผลที่เหลือ มีจุดประสี ๘ – ๑๒ ซม. และมีความกวา้ งผล ๑.๐ – ๕.๑ ซม. โดย เขียวอ่อนหรือขาว และเส้นสีขาวเป็นแถบเล็กๆ ตลอด ทวั่ ไปจะมอี ตั ราส่วนความยาวต่อความกวา้ ง (L/D ratio) ความยาวไปถึงปลายผล ส่วนพันธุ์ของต่างประเทศน้ันจะ มีคา่ อยรู่ ะหวา่ ง ๒.๘ – ๓.๑ มเี นื้อหนาและแน่น ไสแ้ คบ มีสีเขยี วเขม้ สมา่� เสมอทั้งผล ผิวสีเขียวเข้มตลอดความยาวของผล มักใช้ดองท้ังผล ผ่า ตามความยาวและหัน่ เป็นชิน้ ๆ ตามความกวา้ งของผลมกั ๑.๒ แตงผลสนั้ (shot cucumber) ทร่ี จู้ กั กนั ในชอื่ ดองโดยมีการใช้นา้� ปรุงรสดว้ ยสว่ นผสมของซอี ๊วิ ของแตงกวา ซึ่งมีความยาวผล ๘ – ๑๒ ซม. และมคี วาม กว้างผลมากกวา่ ๒.๕ ซม. สว่ นใหญจ่ ะมีเนอ้ื นอ้ ยไส้กว้าง ๕

ลกั ษณะประจา� พันธุข์ องแตงกวาพนั ธ์ุ CMS 1 CMS 1 เปน็ แตงกวาที่พฒั นาสายพนั ธม์ุ าจากการรวมพันธุ์ในพื้นทจ่ี งั หวดั ล�าปาง, เชยี งใหม่, ลา� พูน จา� นวน ๔๐ สายพนั ธ ์ุ แล้วนา� มาปลกู ทดสอบพนั ธ์ ุ ณ สถาบันเทคโนโลยีเกษตรตั้งแต่ ป  ๒๕๔๙ ใน เดอื น พฤษภาคม ๒๕๔๙ ได้สายพันธุ์ทีด่ ี ๔ สายพันธุ์ น�าแตงกวาสายพันธุ์ด ี จ�านวน ๔ สายพันธ์ุมาคัดเลอื ก ณ ศูนยพ์ ัฒนาพันธพ์ุ ืชจักรพนั ธ์ เพญ็ ศริ ติ อ่ จนได้สายพนั ธุ์ทดี่ มี ีลักษณะตรงกับความตอ้ งการของทอ้ งตลาดตามแผนการดา� เนนิ งานดงั น้ี ตาราง บันทึกข้อมูลลักษณะทางการเกษตร แตงกวาผลส้ัน รุ่นที่ ๒ ณ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธุ์เพ็ญศิร ิ (ชียงราย) ๖

ตารางคา่ เฉลย่ี ลกั ษณะทางการเกษตร ของแตงกวาผลส้นั รนุ่ ท่ ี ๒ ณ ศูนยพ์ ัฒนาพันธ์ุพชื จักรพันธเ์ พ็ญศริ ิ (เชยี งราย) สายพันธุ์ทดี่ ี ๔ สายพันธุ์ CMS ๑ ๒. CMS ๓ CMS ๒ ๔. CMS๔ ไดส้ ายพันธ์ทุ ี่ดที ่ีสุด ๑ สายพนั ธ ์ุ คือ CMS ๑ ไดผ้ ลผลติ ผลสด ๒,๗๖๒ กิโลกรมั ต่อไร่ จ�านวนผล ๒๗,๒๘๙ ผล ตอ่ ไร่ ผลผลติ เมลด็ พนั ธ ุ์ ๑.๑๘ กิโลกรมั ต่อตน้ จ�านวนผล ๗๗ ลูกตอ่ ตน้ น้�าหนกั ผลโดยเฉลยี่ ๘๐ กรัม ความกว้าง ผลโดยเฉลี่ยเท่ากับ ๓.๖๖ เซนตเิ มตร ความยาวผล ๑๐.๑๙ เซนตเิ มตร ความกว้างไส ้ ๒.๒๒ เซนตเิ มตร ความยาวไส ้ ๘.๑๘ เซนติเมตร ความหนาเน้ือ ๐.๖๘ เซนตเิ มตร มหี นามสขี าว สภาพแวดล้อมในการปลกู แตงกวา อุณหภูมทิ ่เี หมำะสมตอ่ กำรงอกของเมล็ดระหวำ่ ง ๒๕ – ๓๐ องศำเซลเซยี ส สำมำรถเจรญิ เตบิ โตไดผ้ ลดี ระหวำ่ งอณุ หภมู ิ ๒๐ – ๓๐ องศำเซลเซียส อุณหภมู ิกลำงวัน ๒๒ – ๒๘ องศำเซลเซยี ส แตงกวำจะชะงักกำรเจรญิ เติบโต ส�ำหรบั อุณหภมู ิท่เี หมำะสมกับกำรผสมเกสรนัน้ อยูร่ ะหว่ำง ๑๗ – ๒๕ องศำเซลเซยี ส ๗

แตงกวา เป็นพชื ที่ไม่ต้องการน�้ามากแต่ขาดนา้� ไมไ่ ด้ กำรเตรยี มพันธุ์ ขั้นตอนการเตรยี มพันธ ์ุ นับวา่ เปน็ โครงสรา้ งของดนิ ทปี่ ลกู แตงกวาควรมลี กั ษณะเปน็ ดนิ รว่ น ขั้นตอนทสี่ �าคัญในการปลูกแตงกวา ซ่งึ พอแบง่ ดังน้ี ปนทราย มกี ารระบายน�า้ ด ี ควรมีความเป็นกรด ด่าง(pH) ๑ .การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์แตงกวา ควรคัดเลือก อยู่ระหว่าง ๕.๕ – ๖.๕ ในสภาพดินท่ีเป็นดินทรายจัด เมลด็ พนั ธท์ุ ม่ี คี วามสมบรู ณ ์ ซอื้ จากรา้ นคา้ ใหเ้ ลอื กซอ้ื จาก หรอื เหนียวจัด จ�าเปน็ ตอ้ งปรับปรงุ บ�ารุงดินกอ่ นการปลูก ร้านที่เชื่อถือ มีการบรรจุหีบห่อเมล็ดที่สามารถป้องกัน โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักท่ีสลายตัว ความชืน้ หรืออากาศจากภายนอกเขา้ ไปได้ ลักษณะเมลด็ แล้วและสภาพความเป็นกรดด่างน้ัน ควรจะวิเคราะห์หา แตงกวาควรมีการคลกุ สารเคม ี เพอ่ื ปอ้ งกนั ศัตรูพืชท่อี าจ ค่าความต้องการปูนก่อนท่ีจะใช้ปูนขาวเพื่อให้มีการใช้ใน ตดิ มากบั เมลด็ และกอ่ นใชเ้ มลด็ ทกุ ครง้ั ควรท�าการทดสอบ ปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ความงอกกอ่ น กำรเตรยี มดนิ กอ่ นการปลกู แตงกวา ทา� การไถพรวน ดินตากไว้ประมาณ ๗ – ๑๐วัน เพื่อท�าลายวัชพืช และ ศตั รพู ชื บางชนดิ ทอ่ี ยใู่ นดนิ จากนน้ั จงึ ไถพรวนเกบ็ เอาเศษ วชั พชื ออกแลว้ เตรยี มแปลงขนาดกวา้ ง ๑ – ๑.๒ เมตร โดย มีความยาวตามลักษณะของพื้นท่ีแล้วจึงใส่ปุ๋ยอินทรีย์ลง ไปปรับโครงสร้างของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต ของแตงกวา การเตรียมหลุมปลูกนั้นควรก�าหนดระยะ ระหว่างต้นประมาณ ๖๐ -๘๐ เซนติเมตร ระหว่างแถวประมาณ ๑ เมตร ส�าหรับการใส่ปุ๋ยเคมีรองพื้นน้ันอาจใช้สูตร ๑๕ – ๑๕ – ๑๕ ในอตั รา ๓๐ – ๕๐ กโิ ลกรัมต่อไร่ ใน บางแหล่งอาจใช้พลาสติกคลุมดินเพื่อรักษาความชื้นใน ดิน ป้องกันความงอกของวัชพืช และพลาสติกบางชนิด สามารถทจี่ ะไล่แมลงไม่ให้เขา้ มาทา� ลายแตงกวาได้ ๒.การเตรยี มดนิ เพาะกลา้ อัตราส่วนดนิ : ปยุ๋ คอก ๓ :๑ และใส่ปุ๋ยเคมีสูตร ๑๒ – ๒๔ – ๑๒ อัตรา ๐.๕ กิโลกรมั ต่อต้นกลา้ ๑ ไร ่ คลกุ ให้เข้ากัน แล้วบรรจุ ลงในถุงพลาสติกขนาด ๖ x ๑๐ เซนตเิ มตร เพอื่ เตรียม ส�าหรบั หยอดเมล็ดแตงกวาต่อไป ๓.ท�าการบ่มเมล็ด โดยน�าเมล็ดบรรจุถุงพลาสติกท่ี เจาะรพู รนุ แชใ่ นสารละลายเคมปี อ้ งกนั และก�าจดั ศตั รพู ชื เชน่ แคปเทน ออโธไซด์ผสมอตั รา ๕ กรมั ตอ่ นา้� ๑ ลิตร แชเ่ มลด็ นาน ๓๐ นาที เพื่อท�าลายเช้ือราท่ีผิวเมล็ด จาก นั้นน�ามาแช่น�้า ๔ ชั่วโมง แล้วจึงบ่มในผ้าชุบนา�้ หมาดๆ ซ่ึงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกรัดปากถุงให้แน่น บ่มในสภาพ อุณหภูมิห้องนาน ๒๔ ชั่วโมง หลักจากรากงอกยาว ๐.๕ เซนตเิ มตร จงึ นา� ไปเพาะต่อไป ๔.การหยอดเมลด็ ลงถุง น�าเมลด็ ทไ่ี ด้บ่มไว้หยอดลง แตล่ ะถุง จ�านวนถุงละ ๑ เมลด็ แล้วใชด้ นิ ผสมหยอดกลบ บางประมาณ ๑ เซนติเมตร ๘

กำรดูแลรักษำกล้ำ หลังจากหยอดเมล็ดแล้วให้น้�า ทันที โดยวิธีการฉีดพ่นให้เป็นฝอยละเอียดท่ีสุดเท่าท่ีจะ ท�าได้ปริมาณน�้าทใี่ หน้ น้ั ไมค่ วรใหป้ รมิ าณท่ีมากเกินไป ใน ชว่ งฤดรู อ้ นควรจะใหว้ นั ละ ๑ ครง้ั ทง้ั น ้ี ใหต้ รวจดคู วามชน้ื กอ่ นการใหน้ ้า� ทกุ ครงั้ ถงุ เพาะกลา้ นคี้ วรเกบ็ ไวใ้ นทแี่ ดดไม่ จดั หรอื มกี ารใชว้ สั ดกุ นั แสงไมใ่ หม้ ากระทบตน้ กลา้ มากเกนิ ไป เมื่อแตงกวาเร่ิมงอกให้หมั่นตรวจดูความผิดปกติของ ต้นกล้าเป็นระยะๆ หากมีการระบาดของแมลงหรือโรค พชื ตอ้ งรบี ก�าจดั โดยเรว็ และเมอื่ ตน้ กลา้ มใี บจรงิ ประมาณ ๓ – ๔ ใบ จะอยู่ในระยะพรอ้ มทจี่ ะย้ายปลูก กำรปลูก วิธีการปลูกแตงกวาน้ัน พบว่ามีการปลูก ท้ังวิธีการหยอดเมล็ดโดยตรงและเพาะกล้าก่อนแล้วย้าย ปลกู การหยอดเมลด็ โดยตรงนัน้ อาจจะมีความสะดวกใน การปลกู แตม่ ีข้อเสยี คอื ส้นิ เปลืองเมล็ด หากใชเ้ มลด็ พันธ์ุ ลูกผสมซ่ึงมีราคาแพงแล้ว จะเกิดความสูญเสียเปล่าและ เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิต รวมท้ังวิธีการหยอดเมล็ด น้ีจ�าเป็นที่จะต้องดูแลระยะเริ่มงอกในพื้นท่ีกว้าง ดังนั้น กำรใหน้ ำ�้ หลงั จากยา้ ยกลา้ ปลกู แลว้ ตอ้ งใหน้ า้� ทนั ที การใช้วิธีการเพาะกล้าก่อนจึงมีข้อดีหลายประการ อาทิ ระบบการให้น�้านั้นอาจจะแตกต่างกัน ข้ึนอยู่กับสภาพ เช่น ประหยัดเมล็ดพันธุ์ ดูแลรักษาง่าย ต้นกล้ามีความ พ้ืนที่ แต่ระบบท่ีเหมาะสมกับแตงกวา คือการให้น้�าตา สมา่� เสมอ ประหยดั ค่าแรงงานในระยะกลา้ เป็นตน้ มร่อง เพราะว่าจะไม่ท�าให้ล�าต้น และใบไม่ช้ืน ลดการ ส�าหรับการย้ายกล้าปลูกน้ัน ให้ด�าเนินการตาม ลกุ ลามของโรคพชื ทางใบ ชว่ งเวลาการให้น�า้ ในระยะแรก กระบวนการเพาะหล้าตามท่ีกล่าวแล้ว และเตรียมหลุม ควรให ้ ๒-๓ วนั ตอ่ ครงั้ และเมอื่ ตน้ แตงกวา เรมิ่ เจรญิ เตบิ โต ปลูกตามระยะท่ีก�าหนด จากนั้นน�าต้นกล้าย้ายปลูกลง แล้วจึงปรับช่วงเวลาการให้น�้าให้นานข้ึน ข้อควรค�านึง ในหลุมตามระยะระหว่างต้นและระหว่างแถวตามท่ีได้ ส�าหรับการให้น้�า น้ันคือ ต้องกระจายในพื้นที่สม�่าเสมอ ก�าหนดไว้ โดยการฉีกถุงพลาสติกท่ีใช้เพาะกล้าออกแล้ว ตลอดแปลง และตรวจดคู วามช้นื ในดินไมใ่ หส้ งู เกนิ ไปจน ยา้ ยลงในหลมุ ปลกู ชว่ งเวลาทจี่ ะยา้ ยกลา้ นนั้ ควรยา้ ยชว่ ง กลายเปน็ แฉะ เพราะจะท�าให้รากเน่าได้ ประมาณเวลา ๑๗.๐๐ น. จะท�าให้ปฏิบัติงานในไร่นาได้ สะดวกและต้นกล้าสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม กำรใส่ปุ๋ย การใส่ปุ๋ยในแตงกวาน้ัน อาจแบ่งเป็น ได้ดยี ่งิ ข้ึน ระยะตา่ ง ๆ ดงั น้ี ระยะเตรียมดิน ใสป่ ุย๋ อนิ ทรยี ์ เชน่ ปุ๋ยคอก หรอื ปุ๋ย หมัก อตั รา ๑-๒ ตันตอ่ ไร่ และใส่ปยุ๋ สูตร ๑๕-๑๕-๑๕ หรือ ๑๒-๒๔-๑๒ อัตราประมาณ ๒๐-๓๐ กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ หลังย้ายปลูกประมาณ ๗ วัน ใส่ปุ๋ยท่ีมีไนโตรเจน เช่น ยูเรีย หรือ แอมโมเนียซัลเฟต ในอัตราประมาณ ๒๐ กิโลกรัมตอ่ ไร่ ระยะแตงกวาออกดอก ซ่งึ จะใชร้ ะยะเวลาประมาณ ๒๕ วัน หลังจากย้ายกล้า ใส่ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ หรือ ๑๒-๒๔-๑๒ อัตรา ประมาณ ๒๐-๓๐ กโิ ลกรัมต่อไร่ ๙

แมลงศัตรูแตงกวา กรณีที่เร่ิมมีการระบาดให้ใช้สารฆ่าแมลง ได้แก ่ ในแตงกวานัน้ มศี ัตรูท่ที �าลายแตงกวาแบง่ ได ้ คือ พอสซเ์ มซโู รล แลนเนท ไดคารโ์ ซล ออลคอล อะโซดริน แมลงศัตรูแตง แตงกวาน้ันเป็นพืชผักชนิดหน่ึงท่ีม ี โตกไุ ทออน หรอื ทามารอน เป็นตน้ แมลงศตั รเู ขา้ ทา� ลายมาก และท่พี บบอ่ ยและท�าความเสยี ๒.เพลีย้ ออ่ น (Alphids: Aphids gossypii) หายกบั แตงกวามากไดแ้ ก่ ลักษณะ เป็นแมลงขนาดเล็ก ล�าตัวคล้ายผลฝรั่ง มที อ่ เล็กๆ ยื่นยาวออกไปทางสว่ นท้ายของลา� ตวั ๒ ทอ่ น ๑.เพล้ยี ไฟ (Thrips : Haplothrips loricola) เปน็ แมลงปากดูด ตัวอ่อนสีเขยี ว ตวั แก่สีด�าและมปี ก ลักษณะ เปน็ แมลงขนาดเล็ก ตวั สีน�้าตาลออ่ นถงึ น�า้ การท�าลาย ดูดน้�าเลี้ยงที่ใบและยอดอ่อน ตาลแก่ พบตามยอดใบอ่อน ดอกและผลออ่ น ท�าให้ใบม้วน ต้นแคระแกรน็ และยังเปน็ พาหนะน�าไวรสั ด้วย มักระบาดมากในช่วงอากาศร้อนและแห้งซ่ึงเป็น การท�าลาย ดูดน�้าเลี้ยงท่ีใบ ดอกอ่อน และยอด ตอนที่พืชขาดน�้า โดยมีมดเป็นตัวน�าหรือการบินย้ายที่ ออ่ น ทา� ใหใ้ บม้วนหงกิ งอ รปู รา่ งผิดปกตเิ ปน็ กระจกุ มสี ี ของตัวแก่ สลับเขียวเป็นทาง ระบาดมากในช่วงที่มีอากาศแห้งแล้ง การปอ้ งกันกา� จดั ใชส้ ารเคมปี อ้ งกนั กา� จัดแมลงเช่น ฝนท้ิงช่วง นับเป็นแมลงท่ีเป็นปญหาส�าคัญที่สุดในการ เดียวกับการป้องกันก�าจดั เพลี้ยไฟ ปลูกแตงกวา 3.ไรแดง (Red spider mites: Tetranychus spp.) ลักษณะ ไม่ไดเ้ ปน็ แมลงแต่เปน็ สัตว์ทีม่ ขี า 8 ขา มี ลักษณะการทาํ ลายของเพล้ยี ไฟ ขนาดเลก็ มาก มองเหน็ เปน็ จดุ สีแดง การป้องกันก�าจัด ให้น้�าเพิ่มความชื้นในแปลงปลูก การท�าลาย ดูดน�้าเลี้ยงท่ีใบและหยอดอ่อน โดยใหน้ ้�าเปน็ ฝอยตอนเชา้ และตอนเย็น จะ ท�าให้ใบเปน็ จดุ ดา่ งมสี ีซีด โดยจะอยใู่ ต้ใบเข้าท�าลาย รว่ มกบั เพลยี้ ไฟ และเพลย้ี ออ่ น มกั ระบาดมากในชว่ ง ชว่ ยลดปญหาของเพลยี้ ไฟได้ ใชส้ ารฆา่ แมลง คอื สารคารโ์ บฟรู าน ไดแ้ ก ่ ฟรู าดาน อากาศร้อนและแห้งซง่ึ เปน็ ตอนทพ่ี ชื ขาดน�า้ ๓ จี หรอื คูราแทร์ ๓ จี ๑ ชอ้ นชาต่อหลุมใส่พรอ้ มกับการ การป้องกนั ก�าจัด ใช้สารเคมีกา� จัดไร ไดแ้ ก่ เคลเทน หยอดเมลด็ จะป้องกันไดป้ ระมาณ ๒ สปั ดาห์ ไตรไทออน หรือ โอไมท ์ เป็นต้น กรณีที่เริ่มมีการระบาดให้ใช้สารฆ่าแมลง ได้แก ่ พอสซ์เมซโู รล แลนเนท ไดคารโ์ ซล ออลคอล อะโซดรนิ โตกุไทออน หรอื ทามารอน เป็นตน้ การป้องกันก�าจัด ให้น้�าเพิ่มความช้ืนในแปลงปลูก โดยใหน้ า�้ เปน็ ฝอยตอนเช้าและตอนเยน็ จะ ช่วยลดปญ หาของเพลย้ี ไฟได้ ใชส้ ารฆา่ แมลง คอื สารคารโ์ บฟรู าน ไดแ้ ก ่ ฟรู าดาน ๓ จี หรือ คูราแทร์ ๓ จี ๑ ช้อนชาตอ่ หลุมใสพ่ ร้อมกบั การ หยอดเมลด็ จะป้องกันได้ประมาณ ๒ สัปดาห์ ๑๐

๔.เตา่ แตงแดง (Red cucurbit beetle: Aulacoph- ora simills) และเต่าแตงดา� (Black cucurbit beetle: A. frontalis) ลกั ษณะ เปน็ แมลงปก แขง็ ปก มสี สี ม้ แดงและสดี า� เขม้ ตวั มีขนาดเล็กยาวประมาณ ๐.๕-๐.๘ ซม. อ า ศั ย อ ยู ่ ต า ม ก อ ข ้ า ว ท่ี เ ก่ี ย ว แ ล ้ ว ใ น น า ห รื อ ตามกอหญา้ การท�าลาย กัดกินใบตั้งแต่ระยะใบเล้ียงจนกระท่ัง ต้นโต ท�าให้เป็นแผลและเป็นพาหะของโรคเห่ียวท่ีเกิด จากเช้ือแบคทีเรียด้วย ตัวเมียวางไข่บริเวณโคนต้น ตัว หนอนกัดกินราก การป้องกันก�าจัด ควรท�าลายแหล่งท่ีอยู่อาศัยของ แมลง รวมท้งั เศษซากแตงหลังการเกบ็ เกีย่ ว ใช้สารเคมีฉีดพ่น ได้แก่ เซฟวิน คาร์โบนอกซี-๘๕ หรอื ไบดรนิ หรอื ใช้สารเคมีชนดิ เมด็ เช่น ฟรู าดาน ๓ จี หรือคูราแทร์ ๓ จี ใสห่ ลุมปลกู พร้อมกบั การหยอดเมลด็ จะป้องกันเต่าแตงไดป้ ระมาณ ๒ สปั ดาห์ ๕. หนอนกินใบแตง (Leaf eating caterpilla: Palpita indica) และหนอนไถเปลือกหรือหนอนเจาะ ผล (Fruit boring caterpillar:Helicoverpa armigera) ลักษณะ หนอนกัดกินใบแตง มีรูปร่างเรียวยาว ประมาณ ๒ ซม. สีเขยี วอ่อน ตรงกลางสนั หลงั มี เสน้ แถบ สขี าวตามยาว ๒ เสน้ หนอนตวั โตเต็มวัยเป็นผเี ส้อื ทีม่ ีปก โปร่งใสตรงกลาง ส่วนหนอนเจาะผลมีขนาดใหญ่กว่า ลา� ตวั ยาวสเี ขยี วออ่ นถงึ สนี า้� ตาลด�า มรี อยตอ่ ปลอ้ งชดั เจน การท�าลาย กัดกินใบ ไถเปลือกเป็นแผลและเจาะ ผลเปน็ สาเหตใุ หโ้ รคอน่ื ๆ เขา้ ทา� ลายตอ่ ได ้ เชน่ โรคผลเนา่ การป้องกันก�าจัดใช้สารเคมี เช่นอโซดรินแลนเนท ทามารอนโตกุไทออน บกุ หรอื อะโกรน่า เปน็ ต้น ๑๑

โรคแตง แตงกวามีโรคที่เปน็ ศัตรสู า� คญั ไดแ้ ก่ ๑.โรคราน�้าคา้ ง (Downy mildew) หรอื ที่เกษตรกร นิยมเรียกวา่ โรคใบลาย เกดิ จากเชื้อ Psudoperonospor ลกั ษณะอาการ เรมิ่ เปน็ จดุ สเี หลอื งบนใบ ถา้ เปน็ มากๆ แผลลามไปท้งั ใบทา� ใหใ้ บแหง้ ตาย ในตอนเช้าท่ีมีหมอ กน�้าค้างจัดช่วงหลังฝนตกติดต่อกันท�าให้มีความชื้นสูงใน บริเวณปลูกจะพบว่าใต้ใบตรงต�าแหน่งของแผลจะมีเส้นใย สขี าวเกาะเปน็ กลุ่มและมีสปอรเ์ ป็นผงสดี �า การป้องกันก�าจัด คลุกเมล็ดแตงด้วยสารเคมี เอพรอน หรือ ริโดมิลเอ็มแซดก่อนปลูกหรือจะน�าเมล็ดมา แช่สารเคมีท่ีละลายน�้าเจือจางเป็นเวลา ๓ ชัว่ โมงก็ได้ เม่ือ มีโรคระบาดในแปลงและในชว่ งนน้ั มหี มอกและนา�้ คา้ งมาก ซงึ่ ควรฉีด Curzate M๘, Antrachor สลับกนั เพ่อื ป้องกนั การดอื้ สารเคมีของเช้ือ ๒.โรคใบดา่ ง (Mosaic) เชื้อสาเหต ุ Cucumber mosaic virus ลกั ษณะอาการ ใบด่างสีเขยี วเข้มสลบั สเี ขียวอ่อนหรือ ด่างเขียวสลับเหลืองเนื้อใบตะปุ่มตะป�่า มีลักษณะนูนเป็น ระยะๆ ใบหงกิ เสียรูปร่าง การปอ้ งกนั กา� จดั ในปจ จบุ นั ยงั ไมม่ กี ารใชส้ ารเคมหี รอื วธิ กี ารใดๆ ทจี่ ะลดความเสยี หายเมอื่ โรคน ้ี ระบาด ดงั นนั้ วธิ ี ทด่ี ที ส่ี ดุ ขณะน้ี คือ การป้องกนั ไมใ่ ห้เกดิ โรค เช่น เลือก แหล่งปลูกที่ปลอดจากเช้ือไวรัส อาจท�าได้โดยเลือกแหล่ง ปลกู ทไ่ี มเ่ คยปลกู ผกั ตระกลู แตงมากอ่ นและทา� ความสะอาด แปลงปลูกพร้อมท้ังบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดไม่ให้เป็นที่ อาศยั ของเช้ือและแมลงพาหะ ๑๒

๓. โรคผลเน่า (Fruit rot) เชื้อสาเหตุ Pythium spp., Rhizoctonia solani, Botrytis cinerea ลักษณะอาการ มักเกิดกับผลที่สัมผัสดิน และผลท่ี แมลงกัดหรือเจาะท�าให้เกิดแผลก่อนจะพบมากในสภาพท่ี เยน็ และชน้ื กรณที ีเ่ กิดจากเช้ือพเิ ทย่ี มจะเป็นแผลฉา่� นา้� เรม่ิ จากสว่ นปลายผล ถา้ มคี วามชน้ื สงู จะมเี สน้ ใยฟสู ขี าวขน้ึ คลมุ กรณที เ่ี กดิ จากเชอื้ ไรซอ กโทเนยี จะเปน็ แผลเนา่ ฉา�่ นา�้ บรเิ วณ ผิวของผลที่สัมผัสดิน แผลจะเปล่ียนจากสีน้�าตาลแก่และ มีรอยฉีกของแผลด้วย ส่วนกรณีที่เกิดจากเชื้อโบทริท่ิสนั้น บริเวณส่วนปลายของผลทีเ่ นา่ จะมีเชือ้ ราขึน้ คลุมอยู่ การปอ้ งกนั กา� จดั ทา� ลายผลทเ่ี ปน็ โรค อยา่ ใหผ้ ลสมั ผสั ดิน ปอ้ งกันไมใ่ หผ้ ลเกิดบาดแผลการปลกู แตงกวา ๔.โรคราแป้ง (Powdery mildew) เช้อื สาเหตุ Oidium sp. ลักษณะอาการ มักเกิดใบล่างก่อนในระยะที่ผลโต แล้ว บนใบจะพบราสีขาวคล้ายผงแปง้ คลุม อย่เู ปน็ หยอ่ มๆ กระจายทัว่ ไป เมื่อรุนแรงจะคลุมเต็มผิวใบท�าให้ใบ เปลย่ี นเปน็ สเี หลอื งแลว้ แหง้ ตาย การป้องกันก�าจดั ใช้สารเคมี เช่น เบนเลท เดอโรซาล Diametan หรือ Sumilex ฉดี พน่ เมอื่ พบ การระบาด ๑๓

การเกบ็ เกี่ยว อายกุ ารเกบ็ เกย่ี วของแตงกวานบั จากวนั ปลูกประมาณ ๓๐-๔๐ วัน แลว้ แต่พันธ์ุแตงกวาสา� หรับบริโภคสด ควร เลอื กเก็บขณะทผ่ี ลยงั อ่อนอยู่เน้อื แนน่ กรอบ และสังเกตได้จากมนี วลสีขาวเกาะและยังมี หนามอย่บู ้าง ถ้าผลแก่นวล จะจางหาย สผี ลเร่มิ เปน็ สีเหลือง และไมม่ ีหนาม การเกบ็ แตงกวาควรทยอยเกบ็ วนั เวน้ วัน ไมป่ ล่อยให้แก่คาต้น เพราะ จะท�าให้ผลผลติ ทงั้ หมดลดลง โดยปกติจะเกบ็ เกี่ยวผลผลิตไดป้ ระมาณ ๑ เดือน ๑๔

๑๕

ภำคผนวก โครงการศนู ยพ์ ฒั นาพันธพ์ุ ืชจกั รพันธเ์ พญ็ ศิริ มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลล้านนา ๑๖

โครงกำรศูนย์พัฒนำพนั ธุ์พืชจกั รพนั ธเ์ พญ็ ศริ ิ ประวตั คิ วามเปน็ มา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาร่วมกับมูลนิธิ แมฟ่ า้ หลวง ด�าเนนิ การจดั ตง้ั “ศูนย์พฒั นาพนั ธุ์พืชจักรพันธเ์ พ็ญศิริ” ขนึ้ เพื่อเป็นท่ีระลึกในวาระครบรอบ ๑๐๐ ป พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าจักรพันธ์เพ็ญศิร ิ ในบรเิ วณสว่ นหนึ่งของท่ีดนิ ราชพัสดุ ทะเบียนท ี่ อชร ๑ ต�าบลโปง่ ผา อา� เภอแม่สาย จงั หวดั เชยี งราย พน้ื ท่ี ๑๓๕ ไร ่ ๑ งาน ๑๐.๓ ตารางวา มีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ปรบั ปรุงและพฒั นาพันธุ์พืช ให้เกษตรกรได้มีพืชที่มีสายพันธุ์ที่ดี ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรด้านพันธุ์พืช ทนทานต่อโรคและแมลง ได้ผลผลติ ท่ดี ี แนวพระราชดา� ริ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริปลูกพืชผักเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ และเริ่มรับซ้ือเมล็ดพันธุ์พืชจาก โครงการอนื่ ๆ ของมลู นธิ ชิ ยั พฒั นา นา� มาสะสมไวเ้ ปน็ เมลด็ พนั ธพ์ุ ชื ผกั พน้ื บา้ น เพอื่ เปน็ เมลด็ พนั ธพ์ุ ระราชทานแกร่ าษฎร ทวั่ ไป และราษฎรที่ประสบภัยพบิ ัติ ศูนย์พฒั นาพันธ์ุพืชจักรพนั ธเ์ พ็ญศริ ิ รวบรวมพันธ์พุ ชื อาหารพน้ื บา้ น เพอ่ื คัดเลือกพันธ์ุท่ดี ีเผยแพร ่ ใหเ้ กษตรกร ใหเ้ กษตรกรไดม้ พี นั ธพ์ุ ชื ทมี่ คี ณุ ภาพดพี อสมควร มคี วามตา้ นทานโรคดพี อสมควร ใหผ้ ลผลติ ดพี อสมควร เพอ่ื ใหเ้ กษตรกร นา� พนั ธไ์ุ ปขยายหรอื ปลกู เองไดใ้ นอนาคต โดยวางแผนทจ่ี ะพฒั นาพนั ธพ์ุ ชื อาหารทม่ี คี วามจ�าเปน็ ตอ่ การด�ารงชพี ในชวี ติ ประจ�าวัน เพ่ือให้เกษตรกรมพี ันธพ์ุ ชื ทดี่ ี แมไ้ ม่ใช่พนั ธุท์ ีด่ ที ่ีสดุ ในเชิงเศรษฐกิจ แตจ่ ะเปน็ พนั ธท์ุ ีด่ ีพอสมควร สามารถ สร้างผลผลิตท่มี คี ุณภาพใหก้ ับครัวเรอื น สรา้ งความแข็งแรงมั่นคงใหเ้ กดิ ขึ้นกบั ตนเอง และครอบครัวได้อย่างยัง่ ยนื ๑๗

มหำวทิ ยำลยั เทคโนโลยีรำชมงคลลำ้ นนำ ประวตั คิ วามเป็นมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นสถาบันอุดมศึกษาท่ีต้ังอยู่ในเขตภาคเหนือตอนบนถือกา� เนิดมา จากวทิ ยาลยั เทคโนโลยีและอาชีวศกึ ษา ตงั้ แต่ป พ.ศ.๒๕๑๘ ตอ่ มาในป  พ.ศ.๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวฯ ทรงมพี ระกรณุ าโปรดเกล้าฯพระราชทานนามใหมว่ ่า”สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล” และในป  พ.ศ.๒๕๔๘ ได้รบั การ ยกฐานะเปน็ มหาวทิ ยาลยั ตามพระราชบญั ญตั มิ หาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล พรอ้ มกนั ทง้ั ๙ แหง่ ในสงั กดั สา� นกั งาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้จัดการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยเสมือน มกี ารแบง่ เขตพน้ื ทก่ี ารบรหิ ารและจดั การศกึ ษาครอบคลมุ ๖ จงั หวดั ในเขตภาคเหนอื ไดแ้ ก ่ เชยี งราย ตาก นา่ น พษิ ณโุ ลก เชยี งใหม่ และล�าปาง การจดั การศกึ ษา มหาวิทยาลัยมีนโยบายยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษา โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพอาจารย์พัฒนาวิธี การเรยี นการสอน เพอ่ื ใหน้ กั ศึกษาได้รบั ความรทู้ างวชิ าการเปน็ บณั ฑติ นักปฏบิ ัต ิ (Hands-on) นอกจากนี้ยงั ใหค้ วาม สา� คญั กบั กระบวนการเรียนรู้ (Cognitive learning process) ผา่ นการบรู ณาการทางการศึกษาและการวิจัยที่อยู่บน พ้ืนฐานความต้องการของชุมชนและประเทศชาติ เน้นให้นักศึกษามีการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long learning) มี ความเชื่อมโยงกับสถานประกอบการในการฝกึ ทักษะวชิ าชพี ทักษะสังคมพง่ึ ตนเองได ้ และสามารถออกไปทา� งานเพ่อื สร้างสรรค์สังคม เป็นบัณฑิตท่ีมีคุณภาพ(Employability) ปจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนามีการ เปิดสอนใน ๔ คณะวิชา ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร ์ คณะศิลปกรรมและสถาปตยกรรมศาสตร ์ คณะบริหารธุรกิจ และศลิ ปศาสตร ์ และคณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรรวมท้งั ส้ิน ๑๐๑ หลกั สตู ร แบง่ เป็นหลักสตู รระดบั ปวช.จา� นวน ๒ หลกั สูตร ปวส. จ�านวน ๒๙ หลกั สตู ร ปริญญาตร ี จ�านวน ๖๗ หลกั สตู ร และหลกั สูตรปรญิ ญาโท จา� นวน ๓ หลกั สตู ร ๑๘

อ้างอิง กรมการค้าภายใน. ๒๕๓๑. รายงานการศึกษาเรอื่ งแตงกวา. กองเศรษฐกิจการเกษตร. กรมการคา้ ภายใน หนา้ ๑-๖๕. กมล เลศิ รัตน.์ ๒๕๓๖. การผลิตเมลด็ พนั ธุ์ผกั . กองขยายพันธุพ์ ืช. กรมสง่ เสรมิ การเกษตร หน้า ๑๘๙-๒๑๓. จานุลักษณ์ ขนบด.ี ๒๕๓๕. การผลิตเมล็ดพันธุ์ผัก. กรุงเทพ: ส�านักพิมพโ์ อเยนสโตร์ หนา้ ๑๐๒-๑๒๕. เฉลมิ เกียรต ิ โภคาวฒั นา , ภสั รา ชวประดษิ ฐ์. ๒๕๓๙. กลมุ่ พืชผัก กองส่งเสรมิ พชื สวน. กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ๑๙